More Related Content Similar to Lesson 1 state Similar to Lesson 1 state (6) Lesson 1 state3. ความหมายของรัฐ
Harold lasswell ให้ความหมายว่า รัฐ คือ กลุ่มคนที่อยู่รวมกันเป็น
ระเบียบ อาศัยอยู่ในเขตเดียวกัน และมีอํานาจอธิปไตยสูงสุดในอาณาเขต
H. J. Laski ให้ความหมายว่า รัฐ คือ สังคมหรือชุมชน ที่มีอาณาเขตหรือ
ดินแดนที่แน่นอน มีรัฐบาล ( government) ผู้ถูกปกครอง (Subjects)
และมีอํานาจสูงสุด (Supermacy) เหนือสถาบันอื่นทั้งหมด
Woodrow Willson ให้ความหมายว่า รัฐ หมายถึง การรวมตัวกัน
ของประชาชนอย่างมีระเบียบเพื่อสร้างสถานภาพที่มีกฎหมายภายในอาณาเขต
หรือดินแดนที่แน่นอน
4. Roger Benjamin และ Raymond Duvall
1. รัฐในฐานะที่เป็นรัฐบาล (The State as Government) ซึ่ง
หมายความถึง กลุ่มบุคคลที่ดํารงตําแหน่งที่มีอํานาจในการตัดสินใจในสังคม
การเมือง
2. รัฐในฐานะที่เป็นระบบราชการ (The State as Public
Bureaucracy) หรือเครื่องมือทางการบริหารที่เป็นปึกแผ่น และเป็น
ระเบียบทางกฎหมายที่มีความเป็นสถาบัน
3. รัฐในฐานะที่เป็นชนชั้นปกครอง (The State as Ruling Class)
4. รัฐในฐานะที่เป็นโครงสร้างทางอุดมการณ์ (The State as
Normative Order)
8. รัฐวิวัฒนาการ (State Evolution)
ทฤษฎีเทวสิทธิ์ (Theory of the Divine Right)
1. รัฐเกิดจากพระประสงค์ของพระเจ้า
2. มนุษย์มิได้เป็ นปัจจัยสําคัญในการสร้างรัฐ แต่เป็ นเพียง
องค์ประกอบของรัฐ
3. ผู้ปกครองรัฐได้อํานาจปกครองมาจากพระเจ้า ผู้ใดฝ่าฝืนอํานาจรัฐ
ผู้นั้นฝ่าฝืนโองการพระเจ้า
4. ประชาชนในรัฐจะต้องเชื่อฟังอํานาจรัฐโดยเคร่งครัด
10. ทฤษฎีสัญญาประชาคม
(Theory of the Social Contract)
1. รัฐเกิดจากมนุษย์ หรือมนุษย์เป็นผู้สร้างรัฐต่างหาก
2. ในการสร้างรัฐ มนุษย์มารวมเข้าด้วยกันโดยมีเจตนาแน่นอน เสมือนทํา
สัญญาร่วมกันว่า จะผูกพันกัน เผชิญทุกข์เผชิญสุขร่วมกัน
3. การที่มนุษย์มาผูกพันร่วมกันเช่นนี้ ถือว่าเป็นการทําสัญญาประชาคมขึ้น
รัฐและรัฐบาล จึงเกิดจากสัญญาของมนุษย์ ถ้ารัฐบาลปกครองไม่เป็นธรรม
ก็ถือว่าผิดสัญญาประชาคม รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อประชาชนในฐานะ
คู่สัญญา
4. รัฐบาลจะต้องกระทําตามเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่ง รุสโซ เรียกว่า
General Will โดยเฉพาะในข้อที่ว่า เจตนารมณ์ของประชาชนย่อมอยู่
เหนือสิ่งอื่นใด รัฐบาลจะละเมิดมิได้
15. ทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
(Emergence of the Modern State)
นครรัฐ (City - State)
• พื้นที่ของนครรัฐมีขนาดเล็ก ประชากรมีประมาณ 10,000 คน
• มีเมือง 1 เมืองและเขตแดนที่เป็นชนบทที่มีผู้อยู่อาศัยขนาดเหมาะสมที่
ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
• มีขนาดของกองกําลังติดอาวุธในเมืองสามารถจะปราบปรามได้
• นครรัฐทุกแห่งมีรัฐบาล
• รัฐบาลมีเจ้าหน้าที่ของนครรัฐที่จะคอยทําหน้าที่ต่างๆ
16. ทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
(Emergence of the Modern State)
อาณาจักรโบราณ (Ancient Empire)
• ขนาดของอาณาจักรมีอาณาเขตประมาณ 100,000 ตารางไมล์ มี
ประชากรจํานวนมหาศาล
• สร้างขึ้นหลังจากชัยชนะของพวกทหารที่มีต่อนครรัฐ
• อัตตาธิปไตย (Autocratic government)
• ผู้ปกครองมีลักษณะการปกครองแบบทรราชย์อย่างสมบูรณ์แบบ
17. ทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
(Emergence of the Modern State)
สมัยกลาง : ศักดินา (The middle Ages : Feudalism)
• เกิดขึ้นประมาณ ศตวรรษ ที่ 10 – 11
• รัฐจะเป็นศูนย์รวมของกลุ่มขุนนางศักดินา ผู้ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินที่
ได้รับมาจากพระมหากษัตริย์
• เกิดโครงสร้างความสัมพันธ์แบบปิรามิด
• ก่อให้เกิดสภาพอนาธิปไตยขึ้น (Anarchy)
18. ทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
(Emergence of the Modern State)
รัฐราชวงศ์ (Dynastic State)
• เกิดขึ้นในอังกฤษและฝรั่งเศส
• กษัตริย์เป็นผู้ดูแลอาณาจักรของพระองค์
• ความจงรักภักดีส่วนตัวต่อพระราชวงศ์ ความเห็นพ้องต้องกันมีจุด
ศูนย์กลางอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์พร้อมกันนี้กษัตริย์
• จะออกกฎหมายมหาชน(Public Law) และพระองค์จะเป็นผู้เพิ่ม
จํานวนข้าราชการ
19. ทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
(Emergence of the Modern State)
รัฐชาติ (Nation - State)
• รัฐชาติมีรากฐานมาจากลัทธิชาตินิยม
• เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษหลังจากการปฏิวัติที่เรียกว่า Glorious
Revolution ในปี ค.ศ. 1688
• ฝรั่งเศสหลังจากเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) ในปี
ค.ศ. 1789
• การเป็นพันธมิตรกันของอิตาลีและเยอรมัน ในระหว่า ค.ศ. 1859 –
1871
20. องค์ประกอบของรัฐ
ชาติ มีรากศัพท์จากภาษาละติน คําว่า Natus ซึ่งหมายถึงการ
เกิด (Birth) ดังนั้นชาติ (Nation) จึงหมายถึง พลเมืองที่มีเชื้อชาติ
เดียวกันอาศัยในอาณาเขตเดียวกัน
สัญชาติ (Nationality) คือฐานะของบุคคลที่มีความสัมพันธ์
กับรัฐโดยมีรากฐานจากความสวามิภักดิ์ซึ่งเป็นความรู้สึกทางจิตใจ หรือ
ความสัมพันธ์ที่เกิดจากการที่บุคคลจํานวนหนึ่งมีเชื้อชาติเดียวกัน
21. องค์ประกอบของรัฐ
• ประชากร ( Population)
• ดินแดน (Territory)
• รัฐบาล (Government)
• อํานาจอธิปไตยและความเป็นอิสระ
(Sovereignty and Independence)
25. จุดมุ่งหมายของรัฐและหน้าที่ของรัฐ
หน้าที่ของรัฐ (The Function of the State)
• หน้าที่ที่รัฐต้องกระทํา (Essential Function)
- การป้องกันการรุกรานจากต่างชาติ
- การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการดําเนินการไปตามกฎหมายต่อผู้
ปฏิบัติฝ่าฝืน
- การลงโทษผู้ที่กระทําผิด ปกป้องคุ้มครองสิทธิต่างๆ ของปัจเจกบุคคล การ
ยุติข้อโต้แย้ง โดยใช้วิธีการทางกฎหมาย
- การติดต่อ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐอื่น
- การเก็บภาษีเพื่อให้ภารกิจของรัฐดําเนินการต่อไปได้ตรงตามเป้าหมาย
26. จุดมุ่งหมายของรัฐและหน้าที่ของรัฐ
หน้าที่ของรัฐ (The Function of the State)
• หน้าที่ทางธุรกิจ (Business Function) - การขายบริการหรือขายสินค้า
โดยกิจการบางอย่างที่ภาคเอกชนอาจทําอยู่แล้วแต่ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ภาครัฐจึง
เข้าไปดําเนินงานเอง
• หน้าที่ในการบริการ (Service Function) - รัฐที่จะกระทําหรือไม่กระทํา
ตามความต้องการของสังคมก็ได้ บางครั้งเป็นการยากในการกําหนดหน้าที่
ให้บริการ หน้าที่ใดเป็นหน้าที่ที่รัฐต้องกระทํา
28. ประชาธิปไตย (Democracy) กําเนิดขึ้นครั้งแรกในยุคกรีก
Democracy มาจาก 2 คําคือ demos จากคําว่า People คือประชาชน
และคําว่า Kretein จากคําว่า to rule คือการปกครอง แปลตามรูปศัพท์ คือ
การปกครองโดยประชาชน( rule by people )หรือ Popular
sovereignty คือ อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
ความหมายในวงแคบ - รูปแบบการปกครองที่ประชาชนเจ้าของประเทศ
เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตย มีสิทธิ อํานาจและโอกาส ในการควบคุมกิจการ
ทางการเมืองของชาติ
ความหมายในวงกว้าง - ปรัชญาของสังคมมนุษย์หรือวิถีชีวิตที่ยึดถือ
อุดมการณ์หรือหลักการที่กําหนดพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมในกิจกรรม
การเมืองเศรษฐกิจ สังคมฯ
30. ความแตกต่างระหว่าง รัฐ กับ ประเทศ และ ชาติ
รัฐ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า State คําว่า ประเทศ หรือ
Country กับคําว่า ชาติ หรือ Nation
• รัฐไทย หรือ ประเทศไทย หรือ ชาติไทย
• ประเทศ - มุ่งเพียงกล่าวถึงดินแดนหรืออาณาเขตที่อยู่ภายใต้การปกครอง
ของรัฐบาลเดียวกันเท่านั้นโดยไม่จําเป็นว่าประเทศนั้นจะต้องมีอธิปไตย
เฉกเช่นรัฐแต่อย่างใด
• ชาติ - มุ่งหมายใช้กับประชาชนหรือสังคมมากกว่าจะใช้กับดินแดนดัง
ประเทศ อีกทั้งยังหมายถึง ความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทาง
วัฒนธรรม อาทิ เผ่าพันธุ์ ภาษา ศาสนา
32. จาก นิติรัฐ สู่ นิติธรรม
สมัยกรีก เมื่ออริสโตเติลกล่าวถึง รัฐที่ดีว่าจะต้องมีผู้นําที่ดี และ
ผู้นําที่ดีจะต้องเคารพกฎหมาย แม้ราษฎรจะดีอย่างไรก็ตาม ถ้าตกไปอยู่
ในรัฐบาลเลว มีผู้นําเลว ไม่เคารพต่อกฎหมายของบ้านเมือง ราษฎรนั้น
ย่อมโชคร้ายเดือดร้อน
ศาสตราจารย์ดร. หยุด แสงอุทัย
“รัฐตามรัฐธรรมนูญสมัยใหม่ย่อมเป็นนิติรัฐ คือ เป็นรัฐที่ยอมตน
อยู่ใต้บังคับแห่งกฎหมาย ซึ่งรัฐเป็นผู้ตราขึ้นเอง หรือ ยอมใช้บังคับ”
35. หลักนิติธรรม
“การปกครองประเทศโดยกฎหมาย กล่าวคือ บุคคลเสมอกันใน
กฎหมาย บุคคลจะต้องรับโทษเพื่อการกระทําผิดอันใด ต่อเมื่อมี
กฎหมายบัญญัติไว้ว่า การกระทํานั้นเป็นความผิดและกําหนดโทษไว้
และจะต้องได้รับการพิจารณาคดีจากศาลยุติธรรม ที่มีความเป็นอิสระ
ในการชี้ขาดตัดสินคดีไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างเอกชนด้วย
กันเองก็ดี หรือระหว่างเอกชนกับรัฐก็ดี”
37. คําถามท้ายบท
1. จงอธิบายความหมายของรัฐ
2. จงอธิบายเหตุผลแห่งรัฐ
3. จงสรุปปรัชญาว่าด้วยรัฐ
4. จงสรุปการกําเนิดรัฐและแนวคิดใหม่ของการเกิดรัฐ
5. จงสรุปทฤษฎีการกําเนิดรัฐตามแนวคิดใหม่
6. จงอธิบายถึงองค์ประกอบของรัฐ
7. จุดมุ่งหมายของรัฐและหน้าที่ของรัฐ คืออะไร
8. จงอธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง รัฐ กับ ประเทศ และชาติ
9. จงอธิบายรูปแบบของรัฐ
10.จงสรุปประเด็นนิติรัฐ สู่ นิติธรรม