SlideShare a Scribd company logo
1 of 34
Download to read offline
๑

บทที่ ๑
บทนา
๑.๑ ความเป็ นมาของการศึกษา
นับแต่ที่ผเู ้ ขียนมีโอกาสได้ศึกษาวิชา น.๑๕๐ สิ ทธิ ข้ นพื้นฐาน ในส่ วนที่เกี่ยวกับเสรี ภาพใน
ั
การแสดงความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรอง โดยอาจารย์ ดร.สุ ปรี ยา แก้วละเอียดเป็ น
ผูบรรยาย นับเป็ นสิ่ งผลักดันสาคัญประการหนึ่งที่ทาให้ผเู ้ ขียนสนใจในข่าวสารบ้านเมือง คดีความ
้
ที่ฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท

ตามประมวลกฎหมายอาญาที่ข้ ึนสู่ ศาลและศาลได้พิพากษาถึงที่สุด

แล้ว ประกอบกับความตื่นตัวทางการเมืองในประเทศไทย ประชาชนให้ความสนใจมากกว่าแต่ก่อน
่
่
จะด้วยเหตุเพราะผลความอยูรอดปลอดภัยหรื ออยูดีกินดี
สะดวกสบายง่ายดายยิงขึ้นก็ตาม
่

มีความสุ ขหรื อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

และประชาชนตระหนักรู ้ในสิ ทธิ เสรี ภาพในการแสดงความคิด

ความเห็นที่ตนมี(หรื อควรมี) และแสดงออกซึ่ งความคิดเห็นออกมาปรากฏตามสื่ อต่างๆ เพื่อให้
่
สังคมรับรู ้วาตนกาลังคิดสิ่ งใด ต้องการอะไร อย่างไรก็ตาม เหล่านี้ลวนส่ อต่อการล่วงล้ าศักดิ์ศรี
้
ความเป็ นมนุษย์ซ่ ึ งยากจะนิยาม

ทั้งยังมีนยสาคัญทางกฎหมายกว้างขวางมากพอสมควรหรื ออาจ
ั

่
กระทบสิ ทธิ ส่วนบุคคลหรื อละเมิดความเป็ นอยูส่วนตัวของบุคคลอื่น

จนกระทังเกิดเป็ นคดีความ
่

่
จนถึงขนาด “ล้นมือศาล” ก็วาได้ เช่นนี้ หากประชาชนทราบเสรี ภาพที่ตนมีแล้ว นับว่าเป็ นที่น่า
พอใจยิง แต่กระนั้นหาเพียงพอไม่ กล่าวคือนอกจากจะทราบว่าตนมีเสรี ภาพประการใดบ้างแล้ว ยัง
่
ต้องทราบข้อจากัด ข้อยกเว้น และขอบเขตของการใช้เสรี ภาพที่ตนมีเพื่อแสดงความคิดเห็นโดยไม่
ผิดกฎหมายอีกด้วย ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผูเ้ ขียนจึงเลือกค้นคว้าและนาเสนอในเรื่ อง
ขอบเขตของการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๓)โดยเน้นการติชมด้วยความเป็ น
ธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา มิได้เน้นที่เสรี ภาพในการแสดงออกของสื่ อมวลชน ซึ่ง
จะประกอบไปด้วยกฎหมายพิเศษสาหรับวิชาชีพสื่ อมวลชนแยกต่างหากออกไปอีก สามารถศึกษา
ค้นคว้าและเขียนรายงานได้อีกฉบับหนึ่งทีเดียว
๒

๑.๒ วัตถุประสงค์
๑.๒.๑ เพือศึกษาหลักเกณฑ์ความรับผิดและข้อยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท
่
โดยเฉพาะเรื่ องของการติชมด้วยความเป็ นธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา

โดยเน้น

ศึกษาตามประมวลกฎหมายอาญา
๑.๒.๒ เพื่อแสดงสภาพปัญหาของ มาตรา ๓๒๙(๓) ที่ไม่ได้รับการปรับปรุ งแก้ไขให้
สอดคล้องกับทั้งสภาพสังคมปั จจุบนและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ั
๑.๒.๓ เพื่อวิเคราะห์แนวทางการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนวิเคราะห์แนวทางการจากัด
ขอบเขตการบังคับใช้มาตรา ๓๒๙(๓)
๑.๒.๔

เพื่อเสนอแนะและเป็ นแนวทางประการหนึ่งที่จะนาไปสู่ การปรับปรุ งแก้ไข

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๓) ในอนาคต
๑.๓ สมมติฐาน
ประชาชนทัวไปสามารถแสดงออกซึ่ งความคิดเห็น
่
ความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท

ติชม

วิพากษ์วจารณ์ได้โดยไม่มี
ิ

หากประเด็นที่หยิบยกขึ้นวิพากษ์วจารณ์แสดงความคิดเห็น
ิ

กระทบต่อสังคมส่ วนรวมหรื อเป็ นเรื่ องเกี่ยวข้องกับส่ วนได้เสี ยของประชาชนหรื อประโยชน์
่
สาธารณะ( Public Interests )ไม่วาทางตรงหรื อทางอ้อม ในทางตรงกันข้าม ประชาชนอาจถูก
ดาเนินคดีตามความผิดฐานหมิ่นประมาท หากว่าการแสดงความคิดเห็นนั้นกระทบกระเทือนแก่น
่
ของความเป็ นมนุษย์คือศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ หรื อสิ ทธิ ส่วนบุคคล หรื อความเป็ นอยูส่วนตัวอัน
เป็ นสิ ทธิ เสรี ภาพส่ วนตนโดยแท้ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอาญาฐานหมิ่น
ประมาท ในเรื่ องบทยกเว้นความผิด ตามมาตรา ๓๒๙(๓) ได้มีประสิ ทธิ ภาพ ประสิ ทธิ ผลมากยิงขึ้น
่
ตลอดจนก่อให้เกิดสมดุลระหว่างการแสดงความคิดเห็นกับสิ ทธิ ส่วนบุคคล อันนามาซึ่ งความสงบ
เรี ยบร้อยของสังคมอีกด้วย
๓

๑.๔ ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
๑.๔.๑

ทาให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ความรับผิดและข้อยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่น

ประมาทโดยเฉพาะเรื่ องของการติชมด้วยความเป็ นธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา
๑.๔.๒ ทาให้ทราบสภาพปั ญหา แนวทางการบังคับใช้ และแนวทางการจากัดขอบเขตการ
บังคับใช้มาตรา ๓๒๙(๓) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคม รวมถึงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อ
เป็ นอีกแนวทางหนึ่งที่นาไปสู่ การปรับปรุ งแก้ไขมาตรา ๓๒๙(๓)
๑.๔.๓ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาท ในส่ วนบทยกเว้นความผิด
ตามมาตรา ๓๒๙(๓) เป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ประสิ ทธิ ผล รวมทั้งทาให้ประชาชนทัวไป
่
ตระหนักถึงแดนแห่งเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นของตน

วิพากษ์วจารณ์อย่างมีเหตุผลบน
ิ

พื้นฐานหลักการประชาธิ ปไตยที่คานึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์

สิ ทธิ ส่วนบุคคลตลอดถึงความ

่
เป็ นอยูส่วนตัวของบุคคลอื่นมากยิงขึ้น
่
๔

บทที่ ๒
ข้ อความคิดเบืองต้ นเกียวกับการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น
้
่
๒.๑ ความทัวไป
่
ในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิ ปไตย

มนุษย์ทุกคนเกิดมามีศกดิ์ศรี ในความเป็ น
ั

มนุษย์ จึงมีสิทธิเสรี ภาพที่จะสร้างสรรค์ตนเอง มีอิสระที่จะคิด จะเชื่อและทาตามที่ตนต้องการได้
เหล่านี้เรี ยกว่า สิ ทธิ เสรี ภาพขั้นพื้นฐาน เช่น สิ ทธิ ในชีวิต ร่ างกาย ทรัพย์สิน ดังนั้น ประเทศที่
ปกครองระบอบประชาธิปไตยย่อมบัญญัติคุมครองรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพต่างๆ ไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่ ง
้
มีสถานะเป็ นกฎหมายสู งสุ ด ไม่มีกฎหมายใดขัดหรื อแย้งได้ แต่หากขัดหรื อแย้ง ย่อมใช้บงคับ
ั
ไม่ได้๑ โดยประเทศไทยรับรองสิ ทธิเสรี ภาพไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบน พ.ศ.๒๕๕๐ แก้ไข
ั
เพิมเติม พ.ศ. ๒๕๕๔ ในหมวด ๑ บททัวไป มาตรา ๔ บัญญัติคุมครองศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์
้
่
่
่ ้
่
(human dignity) ซึ่งใน “ศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์” มี “เกียรติ” อยูดวย๒โดยมาตรานี้บญญัติวา
ั
“ศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ สิ ทธิ เสรี ภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุมครอง”
้
และหมวด ๓ ว่าด้วยสิ ทธิ และเสรี ภาพของชนชาวไทย มาตรา ๒๖ ถึง ๖๘
รัฐธรรมนูญของรัฐเสรี ประชาธิ ปไตยบัญญัติรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพให้แก่ประชาชนไว้

๒

ลักษณะ คือ การรับรองอย่างสมบูรณ์เด็ดขาด ( Absolute ) กล่าวคือรัฐธรรมนูญไม่เปิ ดช่องให้ตรา
กฎหมายมาจากัด ได้แก่ เสรี ภาพในการนับถือศาสนา ตามมาตรา ๓๗ และ มาตรา ๕๐ ว่าด้วย
เสรี ภาพในทางวิชาการ๓ ส่ วนสิ ทธิ เสรี ภาพประการอื่น สามารถถูกจากัดได้ เรี ยกว่าเป็ นการรับรอง

๑

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐(ฉบับแก้ ไขเพิ่มเติม ๒๕๕๔) มาตรา ๖ บัญญัติวา “รัฐธรรมนูญเป็ น
่

กฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้ อบังคับ ขัดหรือแย้ งต่อรัฐธรรมนูญนี ้ บทบัญญัตินนเป็ นอัน
ั้
ใช้ บงคับมิได้ ”
ั
๒
๓

คณิต ณ นคร, “กฎหมายอาญาภาคความผิด” ,พิมพ์ครังที่ ๑๐ แก้ ไขปรับปรุงใหม่,(กรุงเทพ : วิญญูชน, ๒๕๕๓.)
้
มาตรา ๓๗ แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน บัญญัติว่า
ั
๕

อย่างสัมพัทธ์หรื อมีเงื่อนไข ( Relative )กล่าวคือ รัฐสงวนไว้ซ่ ึ งอานาจในอันที่จะจากัดการใช้สิทธิ
เสรี ภาพนั้นในภายหลังได้ อาทิ เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยมีหลักเกณฑ์การตรากฎหมาย
ตามมาตรา ๒๙ แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่ งจะกล่าวต่อไปในส่ วนข้อยกเว้นเพื่อการจากัดเสรี ภาพในการ
แสดงความคิดเห็น๔ โดยจะกล่าวถึงการคุมครองรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพพอสังเขปของฝ่ ายที่ใช้อานาจ
้
รัฐ ตามหลักการแบ่งแยกอานาจรัฐของรัฐเสรี ประชาธิ ปไตยซึ่ งแบ่งออกเป็ น ๓ ฝ่ าย ได้แก่ นิติ
บัญญัติ บริ หาร และตุลาการ ดังนี้
๑) การคุมครองโดยฝ่ ายนิติบญญัติ
้
ั
ฝ่ ายนิติบญญัติโดยรัฐสภามีหน้าที่หลักในการตรากฎหมาย ซึ่ งในการตรากฎหมายส่ วนมาก
ั
่
อยูในรู ปของพระราชบัญญัติมีขอบเขตเนื้ อหาเป็ นไปตามบทกฎหมายว่าด้วยสิ ทธิ เสรี ภาพที่รับรอง
ไว้โดยรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน และตามพันธกรณี ระหว่างประเทศที่ประเทศไทย
ั
เป็ นภาคี โดยมีทิศทางในการตราที่มุ่งเน้นเป็ นการส่ งเสริ มการใช้สิทธิเสรี ภาพ ตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๒๘ โดยเฉพาะมาตรา ๒๘ วรรค ๒ และ วรรค ๓
๒) การคุมครองโดยฝ่ ายบริ หาร
้
่
เป็ นที่ทราบกันดีวา

ฝ่ ายบริ หารโดยรัฐบาลเป็ นทั้งผูที่มีอานาจบังคับการให้เป็ นไปตาม
้

กฎหมายที่ฝ่ายนิติบญญัติตามขึ้น ดังนั้น การบังคับการดังกล่าวก็ตองคานึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็ น
ั
้
“ บุคคลย่อมมีเสรี ภาพบริ บูรณ์ในการถือศาสนา นิ กายของศาสนา หรื อลัทธิ นิยมในทางศาสนา และย่อม

มีเสรี ภาพในการปฏิบติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรื อปฏิบติพธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็ น
ั
ั ิ
ปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและไม่เป็ นการขัดต่อความสงบเรี ยบร้อย หรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ในการใช้สิทธิเสรี ภาพตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุมครองมิให้รัฐกระทาการใดๆอันเป็ นการ
้
รอนสิ ทธิหรื อเสี ยประโยชน์อนควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิ กายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา
ั
หรื อปฏิบติพิธีกรรมตามความเชื่อถือ แตกต่างจากบุคคลอื่น”
ั
่
มาตรา ๕๐ บัญญัติวา
“ บุคคลย่อมมีเสรี ภาพในทางวิชาการ
การศึกษาอบรม การเรี ยนการสอน การวิจย และการเผยแพร่ งานวิจย ตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความ
ั
ั
คุมครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน”
้
ั
๔
สุปรี ยา แก้วละเอียด, เอกสารประกอบการเรี ยนการสอนวิชา น. ๑๕๐ สิ ทธิข้ นพื้นฐาน ประจาภาคเรี ยนที่ ๒ ปี
ั
การศึกษา ๒๕๕๕ .
๖

มนุษย์ สิ ทธิ และเสรี ภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ สิ ทธิ เสรี ภาพที่รัฐธรรมนูญ
่
รับรองไว้ ไม่วาจะโดยศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม ยังผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กร
ตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐโดยตรง๕ และฝ่ ายบริ หารยังต้องกาหนดนโยบายในการ
บริ หารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ๖ ควบคุมการตรากฎหมายของ
ฝ่ ายนิติบญญัติมิให้ขดรัฐธรรมนูญ๗ ตลอดจนฝ่ ายปกครองซึ่ งถือว่าใช้อานาจใกล้ชิดกับประชาชน
ั
ั
มากที่สุดต้องกระทาการโดยชอบด้วยกฎหมาย มีกฎหมายให้อานาจ จึงจะกระทาการได้
๒)การคุมครองโดยฝ่ ายตุลาการ
้
ศาลต้องมีหลักประกันความเป็ นอิสระทั้งในทางเนื้อหาคือการปฏิบติหน้าที่ที่ปราศจากการ
ั
บังคับบัญชาสั่งการหรื อแทรกแซงย่างอื่นจากภายในองค์กรก็ดี หรื อจากภายนอกองค์กรก็ดี และ
ในทางส่ วนตัว ต้องเป็ นกลาง ปราศจากอคติ ไม่ถูกครอบงาจากอิทธิ พลใดๆ

๒.๒ ข้ อความคิดทัวไปว่าด้ วยการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น
่
่
การแสดงความคิดเห็นอันถือเป็ นการใช้สิทธิเสรี ภาพตามปกติธรรมดาของมนุษย์ที่ยอม
ตาหนิ หากสิ่ งนั้นไม่ดี ไม่พอใจ และชม หากสิ่ งนั้นน่ายินดี น่าพอใจก็ได้รับรองเช่นเดียวกัน
บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่รับรองเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นได้แก่ มาตรา ๔๕ ซึ่งจะเห็น
่
ได้วามาตรานี้มีเจตนารมณ์เพื่อคุมครองเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่ อมวลชน
้
อันเป็ นสาระสาคัญในระบอบการปกครองแบบประชาธิ ปไตย(เป็ นหลัก) ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิ ทธิ
่
ของบุคคลอื่นหรื อขัดต่อประโยชน์สาธารณะ(เป็ นข้อยกเว้น) และ มาตรา ๔๖ ซึ่งจะเห็นได้วามาตรา
นี้มีเจตนารมณ์เพื่อคุมครองเสรี ภาพของผูปฏิบติงานด้านสื่ อมวลชนและเพื่อให้มาตรการในการ
้
้ ั
คุมครองเสรี ภาพดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างแท้จริ ง แต่ยงคงถูกจากัดได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ งลักษณะ
้
ั
ของการใช้เสรี ภาพของสื่ อมวลชน ได้แก่ ๑) เสรี ภาพในข่าวสาร ( Freedom of Information) อันเป็ น
๕

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖ และ ๒๗
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ ถึง ๘๗
๗
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๔(๒)
๖
๗

สิ ทธิ ต้ งต้นของสื่ อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสังคม ๒) เสรี ภาพในการเสนอหรื อการ
ั
พิมพ์ (Freedom of Printing) อันเป็ นขั้นตอนการนาเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน ดังนั้นรัฐจึงไม่
อาจจากัดได้ เว้นแต่กฎหมายอนุญาต ๓) เสรี ภาพในการวิพากษ์วจารณ์ ( Freedom of Criticism) อัน
ิ
เป็ นหน้าที่ตรวจสอบของสื่ อ เท่าที่ไม่กระทบต่อความมันคงและศีลธรรมอันดี และ ๔) เสรี ภาพใน
่
การกระจายข่าว ( Freedom of Distribution) อันเป็ นการขายข่าว แจกข่าว๘

๒.๓ ข้ อยกเว้นเพือการจากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
่
เมื่อมีหลักในการใช้สิทธิเสรี ภาพ(ประเภทที่ไม่ได้รับการรับรองคุมครองสมบูรณ์เด็ดขาด)
้
่
ฉันใด ก็ยอมต้องตามมาด้วยข้อยกเว้นของเรื่ องฉันนั้น

สิ ทธิ ข้ นพื้นฐานส่ วนใหญ่ที่ได้รับความ
ั

คุมครองตามรัฐธรรมนูญ เช่น สิ ทธิ ในการแสดงออกซึ่ งความคิดเห็น หรื อวิพากษ์วิจารณ์แต่หาก
้
กระทบสิ ทธิของบุคคลโดยตรง ( Rights of Privacy ) อันได้แก่ สิ ทธิ บุคคลในครอบครัว เกียรติยศ
ชื่อเสี ยง

่
ตลอดจนความเป็ นอยูส่วนตัวซึ่ งถือเป็ นคุณธรรมทางกฎหมายที่รัฐธรรมนูญให้ความ

คุมครอง๙ ฝ่ ายนิติบญญัติสามารถตรากฎหมายออกมาจากัดได้ ทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขที่กาหนดไว้ หรื อ
้
ั
่
ในส่ วนของฝ่ ายปกครองก็เป็ นไปตามหลักที่วา กฎหมายคือเงื่อนไขในการใช้อานาจของเจ้าหน้าที่
่
คาว่า กฎหมาย ในที่น้ ีหมายถึงกฎหมายที่ผานการพิจารณาของรัฐสภาเท่านั้น กล่าวคือผูตรามีอานาจ
้
ตรากฎหมายได้ มีการดาเนิ นการถูกต้องตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกาหนด ชัดเจนแน่นอนเพียงพอ
่
ที่ประชาชนจะทราบได้วากฎหมายต้องการจากัดสิ ทธิ ใด เพียงใด และต้องเป็ นไปตามหลักเกณฑ์ใน
การตรากฎหมายมาจากัดสิ ทธิ และเสรี ภาพตามมาตรา ๒๙ แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน ดังนี้
ั
๑)ต้องมีผลใช้บงคับเป็ นการทัวไป
ั
่

ไม่มุ่งหมายแก่กรณี ใดกรณี หนึ่งหรื อบุคคลใดบุคคล

หนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง
๒)ต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อานาจในการตรากฎหมายนั้น

๘
๙

อ้างแล้วในเขิงอรรถที่ ๔.
โปรดดู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๕
๘

๓)ต้องจากัดเท่าที่จาเป็ นเท่านั้น จะกระทบสาระสาคัญไม่ได้
๔)ต้องสอดคล้องกับหลักพอสมควรแก่เหตุ คือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เหมาะสม(สามารถ
บรรลุวตถุประสงค์ได้) จาเป็ น(ไม่มีมาตรการอื่นที่ดีกว่า กระทบกระเทือนสิ ทธิ เสรี ภาพน้อยกว่าอีก
ั
่ ้
แล้ว)และพอสมควรแก่เหตุในความหมายอย่างแคบคือหรื อพอจะคาดหมายล่วงหน้าได้วาผูถูกจากัด
่
สิ ทธิ น้ นสามารถรับสภาพได้ และหากดาเนินการแล้วก่อให้เกิดผลเสี ยมากกว่าผลดี ก็อาจกล่าวได้วา
ั
การดาเนิ นการนั้นขัดต่อหลักนี้๑๐
“หลักพื้นฐานของสิ ทธิ เสรี ภาพก็คือเสรี ภาพย่อมมีได้เพียงเท่าที่ไม่เป็ นการละเมิดสิ ทธิ
เสรี ภาพของผูอื่น หรื อไม่เกินจากขอบเขตที่รัฐธรรมนูญอนุญาตให้รัฐจากัดไว้เพื่อประโยชน์สาคัญ
้
่
บางเรื่ อง ดังนั้นสิ ทธิ เสรี ภาพย่อมจากัดได้ตามที่รัฐธรรมนูญกาหนดหรื อสงวนไว้วาให้จากัดได้ตาม
กฎหมาย เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นตามได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๕ จึง
มีขอจากัดได้โดยกฎหมายเฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สาคัญ ซึ่ งมีดวยกันสามเรื่ องใหญ่ คือ
้
้
หนึ่ง เรื่ องเกี่ยวกับการรักษาความมันคงของรัฐ หรื อสองเรื่ องสิ ทธิ เสรี ภาพที่พึงได้รับความคุมครอง
้
่
อันได้แก่การคุมครองสิ ทธิ เสรี ภาพ เกียรติยศชื่อเสี ยง สิ ทธิ ในครอบครัวและสามเพื่อรักษาความ
้
สงบเรี ยบร้อยหรื อศีลธรรมอันดีของประชนหรื อป้ องกันหรื อระงับความเสื่ อมทรามทางจิตใจหรื อ
สุ ขภาพของประชาชน”๑๑อย่างไรก็ดี ต่อประเด็นการแสดงออกซึ่ งความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญรับรอง
ไว้ดงกล่าวข้างต้นนั้น
ั
นอกจากมาตรา ๔๕ จะกาหนดเงื่อนไขการจากัดเสรี ภาพใน ๓ เรื่ อง ได้แก่ ความมันคงต่อ
่
่
ระบอบการปกครอง การคุมครองเกียรติยศ ชื่ อเสี ยง ความเป็ นอยูส่วนบุคคล ครอบครัว และความ
้
สงบเรี ยบร้อย

ศีลธรรมอันดี

ตลอดจนความเสื่ อมทรามทางจิตใจ(เห็นได้จากการจัดช่วงอายุที่

เหมาะสมต่อการรับชมรายการโทรทัศน์)หรื อสุ ขภาพของประชาชนแล้ว

ยังปรากฏกฎหมายที่

เกี่ยวกับการใช้เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นหลายฉบับด้วยกัน อาทิ ประมวลกฎหมายอาญา

๑๐

โปรดดู บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ., กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุ งเทพฯ: โครงการตาราและเอกสารประกอบการสอน
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , ๒๕๕๕.
๑๑
โปรดดู หนังสื อรพี ๒๕๕๖ สัมภาษณ์ ผศ.ดร. กิตติศกดิ์ ปรกติ หน้า ๒๓ ถึง ๓๒ เรื่ อง เสรี ภาพในการแสดง
ั
ความคิดเห็นของบุคคลและสื่ อมวลชน
๙

ทหาร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พระราชบัญญัติส่งเสริ มและรักษาคุณภาพสิ่ งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติคุมครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติ
้
ป้ องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่ นความถี่และ
กากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสี ยง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
่
พระราชบัญญัติจดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบัญญัติวาด้วย
ั
การกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐
(ซึ่งมีผลยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ) และที่ผเู ้ ขียนมุ่งศึกษาเป็ นสาคัญคือประมวล
กฎหมายอาญา
๑๐

บทที่ ๓
สาระสาคัญเกียวกับความรับผิดทางอาญาฐานหมินประมาท
่
่
ตามประมวลกฎหมายอาญาไทย
ความผิดฐานหมิ่นประมาทได้บญญัติไว้เป็ นหมวด ๓ ในลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับ
ั
เสรี ภาพและชื่อเสี ยง แห่งประมวลกฎหมายอาญาโดยประมวลกฎหมายอาญาได้แยกความผิดฐาน
หมิ่นประมาท ( defamation : de = down + fame = famous )๑๒ กับความผิดฐานดูหมิ่น( insult) ออก
จากกัน ดังจะเห็นได้จากมาตรา ๑๑๒ และมาตรา ๑๓๔ ซึ่ งเอาผิดการหมิ่นประมาทและดูหมิ่น เป็ น
ต้น และในที่ใดกฎหมายประสงค์จะลงโทษเฉพาะการดูหมิ่น เช่น การดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม
มาตรา ๑๓๖ กฎหมายก็ได้ระบุไว้เฉพาะดูหมิ่น และโดยนัยนี้ การหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานก็ตอง
้
ลงโทษฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ตามมาตรา ๓๒๖
๓.๑ เจตนารมณ์
่
ความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท มีบญญัติอยูในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖
ั
ถึง มาตรา ๓๓๓ โดยรัฐบัญญัติให้เป็ นความผิดตามกฎหมาย (Mala Prohibita)๑๓ เนื่องจากเล็งเห็น
ถึงความสาคัญของการคุมครองและรักษาไว้ซ่ ึงชื่อเสี ยง เกียรติคุณ ซึ่งถือเป็ นคุณธรรมทางกฎหมาย
้
อย่างหนึ่ง( Rechtsgut/legal interest ) อันได้แก่ ความไว้เนื้ อเชื่อใจซึ่ งกันและกัน ( Good Faith /
Bona Fides)๑๔ ความเคารพนับถือซึ่ งกันและกัน และที่สาคัญที่สุดก็คือศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ซ่ ึง
กฎหมายอาญามุ่งคุมครองป้ องกันผูเ้ สี ยหาย ในขณะเดียวกันก็ตองการลงโทษหรื อให้ผลร้ายแก่
้
้
่
ผูกระทาความผิด อย่างไรก็ตามความผิดดังกล่าวรัฐไม่ตองการให้คูกรณี ใช้วธีการแก้แค้นกันเอง
้
้
ิ
หรื อเกิดความรู้สึกอาฆาตพยาบาทต่อกันในระยะยาว อีกทั้งเพื่อให้ปรองดองสมานฉันท์โดยเร็ ว จึง
๑๒

ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, “คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ” , พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม
(กรุ งเทพ:สานักพิมพ์วญญูชน, ๒๕๕๖).
ิ
๑๓
ความผิดอีกประเภทหนึ่งเป็ นความผิดในตัวของมันเอง ( mala in se) กล่าวคือ ตามสานึกศีลธรรมย่อมเป็ น
ความผิด ไม่ใช่เป็ นความผิดเพราะกฎหมายบัญญัติข้ ึนแล้วจึงเป็ นความผิด เช่น ฆ่าผูอื่น ตามประมวลกฎหมาย
้
อาญา มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙
๑๔
ผูสนใจเกี่ยวกับหลักสุจริ ต โปรดอ่าน กิตติศกดิ์ ปรกติ,หลักสุจริ ตและเหตุเหนือความคาดหมายในการชาระหนี้
้
ั
,กรุ งเทพ :วิญญูชน ,๒๕๕๕.
๑๑

่
กาหนดเป็ นความผิดอาญาที่ยอมความได้๑๕ ดังนั้น ถือได้วา “เกียรติคุณและชื่อเสี ยง” เป็ นสิ่ งที่สาคัญ
ในการดารงชีวตประจาวันของมนุษย์ เพราะหากบุคคลใดถูกกระทาให้เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงเกียรติคุณ
ิ
แล้วก็อาจส่ งผลให้บุคคลนั้นกลายเป็ นที่รังเกียจในสังคม รวมถึงอาจทาให้วงศ์ตระกูลต้องได้รับ
ความอับอาย ทนทุกข์ต่อการใช้ชีวตอยูร่วมกับคนในสังคม และอาจทาให้บุคคลดังกล่าวรู ้สึกว่า
ิ ่
ตนเองหมดศักดิ์ศรี และคุณค่าของความเป็ นมนุษย์หรื อกล่าวอีกนัยหนึ่งคือตายทั้งๆที่ยงมีชีวตอยู่
ั ิ
นันเอง๑๖
่
๓.๒ ประเภทของความผิด
เมื่อทราบถึงความเบื้องต้นของความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว เพื่อชี้ให้เห็นถึงลักษณะของ
การกระทาความผิด จะขอจาแนกออกเป็ น ๒ ลักษณะ คือ การหมิ่นประมาทโดยทัวไป ตาม
่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ มาตรา ๓๒๗ และมาตรา ๓๒๘ หมิ่นประมาทโดยการ
โฆษณาอีกลักษณะหนึ่ง
๓.๒.๑หมิ่นประมาทโดยทัวไป
่
มาตรา ๓๒๖
มาตรานี้มีขอความทานองเดียวกับมาตรา ๒๘๒ แห่งกฎหมายลักษณะอาญาเดิม ซึ่ งได้ยกเลิกพระ
้
ราชกาหนดลักษณะหมิ่นประมาทด้วยการพูดหรื อเขียนคาเท็จออกโฆษณา ร.ศ. ๑๑๘ มาแล้ว
องค์ประกอบภายนอก๑๗
๑๕

นอกจากนี้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๔๒๓ ยังได้บญญัติความผิดในเรื่ องของการล่วงละเมิด
ั
ก่อให้เกิดความเสี ยหายต่อเกียรติคุณชื่อเสี ยงหรื อทางทามาหาได้ อันเป็ นเรื่ องของการเรี ยกร้องให้ชดใช้ค่าสิ นไหม
ทดแทนเพื่อเป็ นการเยียวยาแก่ผเู ้ สี ยหายอีกทางหนึ่งด้วย
๑๖
พิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา, “ความรับผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทที่กระทาต่อบุคคลสาธารณะในแวดวงการเมือง
การปกครองและระบบราชการ”, (วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญา, ๒๕๕๒), น.๑๐-๑๑.
๑๗
ตาราของศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย (ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐเป็ นบรรณาธิการ) พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ แก้ไข
ั
ปรับปรุ ง พ.ศ.๒๕๕๓ สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หน้า ๒๖๕ ถึง ๒๗๕ ตรงกันกับคาอธิบายกฎหมาย
อาญา ภาคความผิดและลหุโทษ โดยศาสตราจารย์ ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิมเติม แต่ต่าง
่
จากคาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด มาตรา ๒๘๘ ถึง ๓๖๖ โดยหม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์
และกฎหมายอาญา ภาคความผิดของ ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม
๑๒

(๑)ใส่ ความ
(๒)ผูอื่น
้
(๓)ต่อบุคคลที่สาม
(๔)โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชัง
ู้
องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา ( intentionally) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๕๙ ๑๘
คาอธิบาย
จะเป็ นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ตองปรากฏว่า (๑)มีการใส่ ความผูอื่น (๒) ต่อบุคคลที่
้
้
สาม (๓)โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่น หรื อถูกเกลียดชัง และ (๔) ผูกระทา
ู้
้
ได้กระทาโดยเจตนา
่
องค์ประกอบข้อ (๑) คาว่า “ใส่ ความ” มีความหมายต่างกับที่เข้าใจกันอยูตามธรรมดาสามัญ
คือไม่ได้หมายความจะต้องเป็ นการใส่ ร้าย แต่หมายถึงการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริ งถึงบุคคลอื่น จะ
เป็ นเท็จหรื อจริ งก็เป็ นการใส่ ความทั้งนั้น ดังที่มี่คากล่าวว่า ยิงจริ ง ยิงหมิ่นประมาท เพราะยิงเอา
่
่
่
ความจริ งมาพูด ยิงทาให้เกิดความไม่สงบได้ยงขึ้น ต่างกับทางแพ่ง ซึ่ งถ้ากล่าวความเป็ นจริ ง ก็เป็ น
ิ่
่
ข้อที่แสดงความถูกต้องของข้อความที่กล่าวให้เห็นว่าผูถูกกล่าวไม่มีชื่อเสี ยงที่จะเสี ยเพราะข้อความ
้
ที่กล่าวนั้น ตรงกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๔๒๓ ซึ่ งต้องเป็ นข้อที่ฝ่าฝื นต่อความ
จริ ง๑๙ (เว้นแต่การพูดจริ งจะเป็ นเหตุยกเว้นโทษได้ ไม่เป็ นเหตุยกเว้นความผิด ถ้าต้องด้วยเงื่อนไขที่
ระบุไว้ในมาตรา ๓๓๐) แต่จะเป็ นการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริ งและเป็ นการใส่ ความได้ จะต้องเป็ น
่
่
เหตุการณ์หรื อกรณี ที่เกิดขึ้นในอดีตหรื อปั จจุบน คือมีอยูหรื อเกิดอยูแล้วหรื อกาลังมีหรื อกาลังเกิด
ั
อยู่ ส่ วนข้อความในอนาคตหรื อกาลังจะมีหรื อกาลังจะเกิดนั้น เป็ นแต่คาทานาย อย่างไรก็ดี

๑๘

่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรค ๒ บัญญัติวา” กระทาโดยเจตนา ได้แก่กระทาโดยรู ้สานึกในการที่
กระทาและในขณะเดียวกันผูกระทาประสงค์ต่อผล หรื อย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานั้น”
้
๑๙
โปรดดู จิตติ ติงศภัทย์ , “ คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอนที่ ๒ และ ภาค ๓”, (กรุ งเทพ : สานักอบรม
กฎหมายแพ่งเนติบณฑิตยสภา , ๒๕๐๓.) น.๑๘๕๗.
ั
๑๓

เหตุการณ์ในอนาคตในเวลาเดียวกันอาจอนุมานให้เห็นเหตุการณ์ในปั จจุบน๒๐ ฉะนั้นจึงเป็ นการใส่
ั
ความได้ ข้อเท็จจริ งอันจะถือเป็ นการใส่ ความนี้อาจเป็ นข้อเท็จจริ งที่ปรากฏให้เห็นได้
การใส่ ความนี้จะกระทาโดยวาจา ลายลักษณ์อกษรหรื อโดยประการอื่นก็ไม่สาคัญ ข้อ
ั
่ ่
สาคัญอยูที่วาบุคคลอื่นสามารถทราบความหมายของการใส่ ความได้ และถ้าไม่ใช่ถอยคาธรรมดา
้
สามัญที่คนทัวไปเข้าใจได้ก็เป็ นข้อเท็จจริ งที่โจทก์จะต้องนาสื บ เพราะฉะนั้นการใส่ ความจึงไม่
่
ั
จากัดวิธี มีปัญหาว่าการแอบถ่ายภาพคนที่ร่วมประเวณี กนแล้วนาภาพเหล่านั้นไปให้ผอื่นดู เช่นนี้มี
ู้
ความผิดฐานหมิ่นประมาทหรื อไม่ เห็นว่าการใส่ ความไม่จาเป็ นจะต้องเป็ นการใช้คาพูด การเอา
่
ภาพเช่นว่าไปให้บุคคลอื่นดูยอมเป็ นการใส่ ความและน่าจะทาให้เสี ยชื่อเสี ยง ย่อมเป็ นความผิดฐาน
๒๑
หมิ่นประมาทได้
คาว่า “ผูอื่น” หมายความถึงบุคคลโดยเจาะจงตัว และแยกพิจารณาได้ดงนี้
้
ั
(๑)บุคคลธรรมดา หมายความว่า บุคคลเดียวหรื อหลายคนก็ได้ แต่ตองมีสภาพบุคคลตาม
้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๑๕ วรรคแรก๒๒ การใส่ ความทารกในครรภ์มารดาย่อม
ไม่เป็ นความผิดฐานหมิ่นประมาท การใส่ ความคนที่ได้ตายไปแล้วในขณะที่ใส่ ความ ย่อมไม่ใช่เป็ น
การใส่ ความ “ผูอื่น” และไม่ผดตามมาตรานี้ แต่อาจผิดตามมาตรา ๓๒๗ ได้ ซึ่งบัญญัติไว้เป็ นพิเศษ
้
ิ
และมีองค์ประกอบผิดกัน อันจะได้กล่าวต่อไป
่
(๒) นิติบุคคล นิ ติบุคคลก็อยูในความหมายของคาว่า “ผูอื่น” ดังนั้น การหมิ่นประมาทนิติ
้
บุคคลย่อมเป็ นความผิดฐานนี้ได้ การกระทาของนิติบุคคลย่อมต้องอาศัยบุคคลธรรมดากระทาแทน
ซึ่ งอาจต้องรับผิดเป็ นส่ วนตัวด้วยเช่นเดียวกัน
่
องค์ประกอบข้อ (๓) ที่วา การใส่ ความจะต้องเป็ นการกระทาต่อบุคคลที่สามนั้น
หมายความว่าเป็ นการใส่ ความต่อบุคคลอื่น ซึ่ งไม่ใช่ผที่ถูกใส่ ความเอง
ู้
๒๐

ดู หยุด แสงอุทย อุทย โดย ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐเป็ นบรรณาธิการ พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ แก้ไขปรับปรุ ง จัดพิมพ์
ั ั
โดยสานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับเสรี ภาพและชื่อเสี ยง
หมวด ๓ ความผิดฐานหมิ่นประมาท หน้า ๒๖๕ ถึง ๒๗๕
๒๑
โปรดดู ไกรฤกษ์ เกษมสันต์, หม่อมหลวง, “คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด มาตรา ๒๘๘ ถึง
๓๖๖”, (กรุงเทพ:สานักอบรมกฎหมายแห่งเนติบณฑิตยสภา , ๒๕๑๓) น.๑๗๕
ั
๒๒
่
่
มาตรา ๑๕ วรรคแรก บัญญัติวา สภาพบุคคลย่อมเริ่ มแต่เมื่อคลอดแล้วอยูรอดเป็ นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย
๑๔

่
บุคคลที่สามนี้จะต้องอยูในฐานะที่จะเข้าใจข้อความที่ใส่ ความ อย่างไรก็ดี กรณี บุคคลที่สามไม่
่ ้
สนใจฟังการใส่ ความจึงไม่รู้วาผูกระทาใส่ ความเรื่ องอะไร ย่อมไม่ทาให้ผกระทาพ้นจากความผิด
ู้
เพราะเป็ นการใส่ ความต่อบุคคลที่สาม
่
องค์ประกอบข้อที่ (๔) ที่วา การกระทานั้นต้องเป็ นไปโดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้น
ู้
เสี ยชื่อเสี ยง( de +famous ลดชื่อเสี ยงลง) ถูกดูหมิ่น หรื อถูกเกลียดชัง ( is likely to injure the reputation of any other person ) เป็ นพฤติการณ์แห่งการกระทา มิใช่ผลแห่งการกระทา คาว่า “ชื่อเสี ยง”
หมายความถึงค่าหรื อราคาที่มนุษย์ มีต่อเพื่อนมนุษย์ดวยกันในทางศีลธรรม (คือในทางจิตใจ) หรื อ
้
ในทางสังคม ส่ วนเมื่อใดที่จะเป็ นประการที่น่าจะทาให้ถูกดูหมิ่นดังกล่าว ต้องพิจารณาจาก
ความรู ้สึกนึกคิดของบุคคลที่มีความรู ้สึกในศีลธรรมเป็ นกลางๆ ไม่ใช่สูงเกินไปอย่างสมเด็จ
พระสังฆราช หรื อต่าเกินไปอย่างนักโทษที่ตองโทษมาแล้ว ทั้งนี้คือพิจารณาว่าการใส่ ความนั้นจะ
้
ส่ งผลอันเป็ นผลธรรมดาว่า น่าจะทาให้ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชังหรื อไม่ (เทียบมาตรา ๖๓)
ฉะนั้น ผูกระทาจะอ้างว่าผูถูกใส่ ความชื่อเสี ยงดี ถึงจะใส่ ความอย่างไรก็ไม่ทาให้เสี ย
้
้
ชื่อเสี ยงหรื ออาจถูกดูหมิ่นเกลียดชังได้ ย่อมเป็ นข้อแก้ตวที่ฟังไม่ได้เพราะอาจมีบางคนเชื่อ และทา
ั
ให้เสี ยชื่อเสี ยงหรื ออาจถูกดูหมิ่นหรื อเกลียดชังได้
มาตรา ๓๒๗
ต่างจากมาตรา ๓๒๖ ในองค์ประกอบที่ ๔) คือเป็ นการใส่ ความนั้นจะน่าจะทาให้บิดา
มารดา คู่สมรส หรื อบุตรของผูตายเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชัง มาตรานี้เอาผิดกับการใส่
้
ความบุคคลที่ตายไปแล้วต่อบุคลที่สาม คาว่า “ผูอื่น” ตามมาตรา ๓๒๖ นั้น หมายความถึงบุคคลที่
้
ยังมีชีวตอยู่ ทั้งๆที่ความจริ งบุคคลที่ตายไปแล้วย่อมไม่มีสภาพบุคคลต่อไปตามประมวลกฎหมาย
ิ
แพ่งและพาณิ ชย์ แต่ก็ไม่เป็ นการขัดข้องในการที่ประมวลกฎหมายอาญาจะเอคนที่ตายไปแล้วมา
เป็ นองค์ประกอบของความผิด เพราะตามประเพณี ของไทยนั้น การหมิ่นประมาทผูตายย่อมทาให้
้
บุคคลที่ยงมีชีวตอยูพลอยเสี ยชื่อเสี ยงไปด้วย
ั ิ ่
“ ผูตาย” ตามมาตรานี้ หมายความถึงบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็ นคนสาบสู ญ และถือว่าตายตาม
้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ดวย
้
๑๕

คาว่า “บิดา” “มารดา” “คู่สมรส” และ “บุตร” นั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมายตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์
ในกรณี ที่ผกระทาสาคัญผิดว่าผูถูกใส่ ความตายแล้ว แต่ความจริ งยังมีชีวตอยู่ ผูกระทาก็ผด
ู้
้
ิ
้
ิ
ตามมาตรา ๓๒๖ เพราะต้องด้วยองค์ประกอบของมาตราดังกล่าว แต่ไม่ผดตามมาตรานี้
ิ
ความสาคัญผิดเช่นว่าไม่มีความสาคัญในทางกฎหมายแต่ประการใด

๓.๒.๒ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
มาตรา ๓๒๘
มาตรานี้ เป็ นเหตุเพิ่มโทษของมาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๗ เพราะผูกระทาได้กระทา
้
หมิ่นประมาทโดยวิธีแพร่ หลายไปยังคนจานวนมากมีองค์ประกอบภายนอก คือ ๑)กระทาความผิด
ฐานหมิ่นประมาท และ ๒)ได้กระทาโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์
ภาพหรื ออักษรที่ทาให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น แผ่นเสี ยงหรื อสิ่ งบันทึกเสี ยง หรื อบันทึกภาพหรื อบันทึก
อักษร กระทาโดยการกระจายเสี ยงหรื อการกระจายภาพหรื อโดยกระทาการป่ าวประกาศด้วยวิธีอื่น
องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙๒๓
คาอธิ บายทางตารา คาว่า “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ที่ใช้ในมาตรานี้หมายถึงการกระทาความผิด
ตามมาตรา ๓๒๖ และ ๓๒๗ เพราะทั้งสองมาตรานี้ เรี ยกชื่ อการกระทาความผิดว่า “ความผิดฐาน
หมิ่นประมาท” ส่ วน คาว่า “โฆษณา” หมายความถึงกระทาใดๆที่ทาให้ขอเท็จจริ งแพร่ หลาย ไปยัง
้
บุคคลภายนอกในลักษณะวงกว้าง โดยพิจารณาลักษณะของการกระทา ถ้าแม้บุคคลหายคนได้ทราบ
ข้อความแต่ลกษณะของการกระทาไม่ใช่การโฆษณาก็ไม่เป็ นความผิดตามมาตรานี้ ส่ วน “การป่ าว
ั
ประกาศ” หมายความว่า ป่ าวประกาศแก่ประชาชน เช่น พูดด้วยลาโพงต่อหน้าคนทัวๆไป
่

๒๓

อ้างแล้ว ในเชิงอรรถที่ ๑๗
๑๖

๓.๓ เหตุยกเว้ นความผิด
นอกจากกฎหมายอื่นที่บญญัติให้ผกระทาการอันต้องด้วยความผิดทางอาญาฐานหมิ่น
ั
ู้
่
ประมาท ไม่ตองรับผิดและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๑ ซึ่ งบัญญัติวา คู่ความ หรื อ
้
ทนายความของคู่ความ ซึ่ งแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อ
ประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท แล้ว บทบัญญัติสาคัญและเป็ นประเด็น
ปั ญหา โดยเฉพาะอย่างยิงในแวดวงวิชาการ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ ดังจะกล่าวใน
่
ั
บทต่อไป เพื่อแยกแยะให้ชดเจนระหว่างหลักเกณฑ์ความรับผิดซึ่ งกล่าวถึงเป็ นหลักในบทนี้กบ
ั
คาอธิ บาย หลักเกณฑ์ต่างๆของบทบัญญัติที่ยกเว้นความผิด พร้อมทั้งแนวคาพิพากษาของศาลด้วย
่
มาตรา ๓๒๙ บัญญัติวา
ผูใดแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความใดโดยสุ จริ ต
้
(๑)เพื่อความชอบธรรม ป้ องกันตนหรื อป้ องกันส่ วนได้เสี ยเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(๒)ในฐานะเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบติการตามหน้าที่
ั
(๓)ติชม ด้วยความเป็ นธรรม ซึ่ งบุคคลหรื อสิ่ งใดอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา
หรื อ
(๔)ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็ นธรรมเรื่ องการดาเนิ นการอันเปิ ดเผยในศาลหรื อในการ
ประชุม
ผูน้ นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
้ ั
๑๗

๓.๔ แนวทางการบังคับใช้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๖ เช่น คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๑/๒๔๙๐
จาเลยกล่าวว่าโจทย์ประพฤติเลวทรามศาลฎีกาเห็นว่าการกล่าวเลวทรามนั้นเป็ นข้อเท็จจริ งที่ยงไม่
ั
ชัดเจน คลุมเครื อไม่แน่นอนว่าเลวทรามอย่างไรจึงยังไม่เป็ นข้อความหมิ่นประมาท แต่กรณี ที่ตอง
้
ด้วยฐานความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๐/๒๕๐๓ จาเลยได้ยนอาของ
ิ
ั
ั
โจทก์เล่าให้ฟังว่าโจทก์กบ อ. ซึ่ งเป็ นญาติรักใคร่ กนในทางชูสาวนอนกอดจูบกันและได้เสี ยกัน
้
ต่อมามีนาง ส. มาถามจาเลย จาเลยก็เล่าข้อความตามที่ได้ยนมาให้นาง ส. ฟัง เช่นนี้ถอยคาที่จาเลย
ิ
้
กล่าวเป็ นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์อย่างเห็นได้ชดแม้จาเลยจะตอบออกไปโดยถูกถามก็ดี จาเลย
ั
่
ควรต้องสานึกในการกระทาและเล็งเห็นผลการกระทาของจาเลย ถือได้วาจาเลยจงใจกล่าวข้อความ
ยืนยันข้อเท็จจริ งโดยเจตนาใส่ ความโจทก์ (ฎีกาที่ ๗๙/๒๕๓๗ วินิจฉัยทานองเดียวกัน)๒๔
คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๗ เช่น “จาเลยเขียนบทความลงหนังสื อพิมพ์
ว่า “พรรคไหนเอ่ย ที่คนในพรรคพัวพันกับการค้าเฮโรอีนระหว่างประเทศจนต้องแก้ปัญหาด้วย
่
การปลิดชีพตัวเอง ลาโลก…”ข้อความดังกล่าวทาให้ผอ่านเข้าใจได้วาหมายถึงพรรค ป. และ ด.
ู้
สามี โจทก์ซ่ ึ งเป็ น ส.ส. และ รมต. ดังนี้เป็ นการใส่ ความผูตายด้วยการโฆษณาอันน่าจะเป็ นเหตุให้
้
ภริ ยาและบุตรของผูตายเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชังได้”(ฎีกาที่ ๖๐๓๑/๒๕๓๑)๒๕
้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๘ เช่น คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๑๒/๒๕๔๒
“ความผิดฐานหมิ่นประมาทที่กระทาโดยการโฆษณาหนังสื อพิมพ์ตาม ป.อ. ๓๒๘ ย่อมเป็ น
ความผิดสาเร็ จเมื่อมีการวางจาหน่ายหนังสื อพิมพ์…”๒๖
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญานั้นมีจานวนมากที่ศาลฎีกาได้วาง
แนวคาวินิจฉัยไว้ ผูที่สนใจค้นคว้าเพิ่มเติม สามารถค้นได้จากเว็บไซต์ของศาลฎีกา หรื อจากตารา
้
คาอธิ บายของผูเ้ ขียนมากมาย ที่ผเู ้ ขียนได้อางอิง เช่น หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ศาสตราจารย์
้
จิตติ ติงศภัทิย ์ ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร ศาสตราจารย์ ดร.
ั
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ เป็ นต้น
๒๔

อ้ างแล้ วในเชิงอรรถที่ ๒๑ น.๑๗๕ ถึง ๑๗๖.

๒๕

โปรดดู ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, “ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอ้ างอิง”, พิมพ์ครังที่ ๓๑, (กรุงเทพ:วิญญูชน,๒๕๕๖.)
้

น.๓๒๘.
๒๖

อ้ างแล้ ว ในเชิงอรรถที่ ๒๑ หน้ า ๑๙๑.
๑๘

บทที่ ๔
วิเคราะห์ การบังคับใช้ เหตุยกเว้ นความผิด ตามมาตรา ๓๒๙(๓)
๔.๑ เจตนารมณ์
ปรากฏคาอธิ บายจากหนังสื อ หลักกฎหมายอาญา พิมพ์ครั้งที่ ๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยศาสตราจารย์
แสวง บุญเฉลิมวิภาส สานักพิมพ์วญญูชน ๒๕๕๑ หน้า ๘๒ ความตอนหนึ่งว่า “หลักชังน้ าหนัก
ิ
่
ประโยชน์หรื อหลักชังน้ าหนักคุณธรรมทางกฎหมาย เป็ นหลักกฎหมายที่นกนิติศาสตร์ ได้พฒนาขึ้น
ั
ั
่
จากหลักเรื่ องการกระทาผิดด้วยความจาเป็ น เพราะตามความคิดแต่เดิมนั้นถือว่า การกระทาผิดด้วย
ความจาเป็ นเป็ นการกระทาที่ผดกฎหมายเพียงแต่กฎหมายยกเว้นโทษให้เท่านั้น ไม่เหมือนกับการ
ิ
กระทาเพื่อป้ องกันที่ถือว่าเป็ นการกระทาที่ไม่ผดกฎหมาย
ิ
ต่อมาในราวศตวรรษที่ ๑๙ นักนิติศาสตร์ ชาวเยอรมันได้พฒนาความคิดออกไปว่า การ
ั
่
กระทาด้วยความจาเป็ นในบางกรณี เกิดขึ้นเนื่ องจากผูกระทาอยูในสภาวะที่ตองเลือกกระทาใน
้
้
ขณะที่มีประโยชน์สองสิ่ งที่ขดแย้งกันอยู่ และผูกระทาจาต้องกระทาสิ่ งใดไปเพื่อรักษาประโยชน์ที่
ั
้
สู งกว่าไว้ เช่น กรณี ที่แพทย์จาต้องทาแท้งเพื่อรักษาชีวตมารดา
ิ
หลังจากที่นกกฎหมายเยอรมันได้พฒนาหลักกฎหมายนี้ข้ ึนและได้บญญัติไว้ในประมวล
ั
ั
ั
กฎหมายในเวลาต่อมา ประเทศต่างๆก็ได้รับหลักกฎหมายนี้มาปรับใช้ในประเทศของตน สาหรับ
ประเทศไทยไม่ได้นาหลักเกณฑ์ดงกล่าวมาบัญญัติเป็ นหลักทัวไปแต่ได้นาแนวความคิดมาบัญญัติ
ั
่
ไว้เฉพาะในเรื่ องการทาแท้ง( ดูประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๕(๑)) ซึ่ งนักกฎหมายบางท่าน
เห็นว่าหลักเกณฑ์ในเรื่ องนี้ อาจนาไปใช้ในกรณี อื่นๆได้ดวย(ดู คณิ ต ณ นคร, ประมวลกฎหมาย
้
อาญา หลักกฎหมายและพื้นฐานการเข้าใจ, พิมพ์ครั้งที่ ๕ , สานักพิมพ์นิติธรรม พ.ศ.๒๕๓๘, น.
๒๑๔)”
เพื่อให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของมาตราดังกล่าวมากยิงขึ้น และก่อนจะทาความเข้าใจใน
่
ประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง ควรทาความเข้าใจเกี่ยวกับคาอธิ บายทางตาราเสี ยก่อน เพื่อให้มีหลักการ
ในการวิพากษ์วจารณ์อย่างมีเหตุมีผล มีความรู ้อางอิงที่ถูกต้อง ทั้งนี้จะยึดแนวคาอธิ บายของ
ิ
้
ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย เป็ นหลัก(เช่นเดียวกับที่นาเสนอมาข้างต้น)แต่ในส่ วนนี้จะเพิ่มเติม
ั
คาอธิบายของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิยดวย
์้
๑๙

๔.๒ หลักเกณฑ์
มาตรา ๓๒๙ ซึ่ งเป็ นบทบัญญัติที่ยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทนั้นกล่าวอีก
นัยหนึ่งคือเป็ นเหตุให้ผกระทามีอานาจทาได้ ซึ่งศาสตราจารย์ ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐใช้คาว่า
ู้
อานาจกระทา
องค์ประกอบภายนอก แสดงความคิดเห็นหรื อข้อความโดยสุ จริ ตและต้องด้วยลักษณะ
อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
๑)เพื่อความชอบธรรม ป้ องกันตนหรื อป้ องกันส่ วนได้เสี ยเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม(ซึ่ ง
เป็ นมูลเหตุชกจูงใจ)
ั
๒)ในฐานะเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบติการตามหน้าที่
ั
๓)ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็ นธรรมหรื อการดาเนินการอันเปิ ดเผยในศาลหรื อในการ
ประชุม
องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา เว้นแต่สาหรับอนุมาตรา (๑) ต้องมีมูลเหตุชกจูงใจ
ั
ดังกล่าว
มาตรานี้ให้อานาจแก่บุคคลที่จะกล่าวโดยแสดงความคิดเห็นโดยสุ จริ ต หรื อกล่าวข้อความ
คือกล่าวข้อเท็จจริ งได้โดยสุ จริ ต ซึ่ งเป็ นกรณี ที่ผกระทามีอานาจทาได้ (ไม่ใช่กรณี ที่ผกระทาไม่มี
ู้
ู้
อานาจกระทาได้ และการกระทานั้นเป็ นความผิดในตัวเอง แต่กฎหมายยกเว้นโทษให้ดงเช่นในเรื่ อง
ั
การกระทาความผิดโดยความจาเป็ นตามมาตรา ๖๗) ทั้งนี้เห็นได้ชดจากถ้อยคาว่า “ ผูน้ นไม่มี
ั
้ ั
ความผิดฐานหมิ่นประมาท” เมื่อปรากฏว่าผูกระทามีอานาจทาได้ตามมาตรานี้ แล้ว แม้ผกระทาจะ
้
ู้
มิได้ยกเป็ นข้อต่อสู ้ในชั้นศาล ศาลก็ตองยกฟ้ องเพราะผูกระทามิได้ผดฐานหมิ่นประมาทแต่ประการ
้
้
ิ
ใดและกรณี ที่มาตรานี้ให้อานาจ มีดงต่อไปนี้
ั
๑)เป็ นการแสดงความคิดเห็นโดยสุ จริ ต คือเป็ นความคิดเห็นที่ผกระทาได้อาศัยข้อความที่
ู้
๒๐

ผูกระทาเองเชื่อโดยสุ จริ ต๒๗ว่าเป็ นความจริ ง และทั้งได้แสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์อย่างหนึ่ง
้
อย่างใดในอนุมาตรา (๑) หรื อต้องด้วยลักษณะอนุมาตรา (๒) ถึงอนุมาตรา (๔) โดยแท้จริ ง หรื อ
มิฉะนั้นก็เป็ นการแสดงข้อความ คือกล่าวถึงข้อเท็จจริ งใดๆ โดยสุ จริ ตคือ โดยผูกระทาเชื่อว่า
้
ข้อความที่กล่าวเป็ นความจริ ง และ
๒) เป็ นการกระทาอันต้องด้วยลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดในอนุมาตรา (๑) ถึง (๔) ด้วย
เมื่อปรากฏว่าเป็ นการแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความโดยสุ จริ ตเข้าลักษณะ ๒ ประการ
ข้างต้น แม้คากล่าวจะไม่เป็ นความจริ ง แต่ผกระทาสาคัญผิดว่าเป็ นความจริ ง การกระทาก็ไม่เป็ น
ู้
ความผิด
อนุมาตรา (๓) เป็ นการให้อานาจบุคคลให้ติชมด้วยความเป็ นธรรมซึ่งบุคคลหรื สิ่งใดๆอัน
เป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา ทั้งนี้หมายถึงการวิพากษ์วจารณ์โดยเที่ยงธรรม ชีวตของบุคคล
ิ
ิ
ใดเป็ นที่สนใจของประชาชนมาก เช่น เพราะเป็ นนักการเมือง ผูแสดงภาพยนตร์ ตัวละคร หรื อนัก
้
่
ประพันธ์ก็เป็ นวิสัยของประชาชนที่จะวิพากษ์วจารณ์มาก เข่น คนดูละครอาจวิพากษ์วจารณ์วาตัว
ิ
ิ
่
ละครแสดงไม่ดี เก้อเขิน คนอ่านหนังสื ออาจวิจารณ์วานักประพันธ์แต่งไม่ถึงขนาด อนุ มาตรานี้ให้
่
อานาจกล่าวได้เพียงเท่าที่ประชาชนติชมกันอยูโดยปกติ
ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย ์ ๒๘ อธิ บายคาว่า “การติชมด้วยความเป็ นธรรม หมายความว่า
กล่าวด้วยความเข้าใจว่าถูกต้องและสมควรกล่าวตามความรู ้สึกของคนทัวไป มิใช่แกล้งกล่าวครึ่ งๆ
่
กลางๆบิดเบือนตัดต่อ เสี ยดสี หยาบคาย ยัวยุ มุ่งหมายให้เกิด ความโกรธ เกลียด ไม่พอใจ ดูหมิ่น
่
การกล่าวถึงบทละคร อาจมีความหมายเข้าใจไปถึงตัวผูแต่งบทละครนั้น การติชมเป็ นวิสัยของ
้
ปุถุชนผูมีกิเลศก็จริ ง แต่จะได้รับความยกเว้นก็เฉพาะคากล่าวติชมที่เป็ นวิสัยประชาชนย่อมกระทา
้
ข้อนี้จึงต้องพิจารณาตามความรู ้สึกของคนทัวไปว่าเป็ นวิสัยที่คนทัวไปจะกล่าวติชมเช่นนั้นด้วย
่
่
หรื อไม่ ถ้าไม่ใช่เรื่ องที่ใครๆเขาจะพูด แต่มีใครคนหนึ่งเอามาพูด ก็ไม่ใช่วสัยที่ประชาชนเขาพูดกัน
ิ
การติชมแต่เดิมเคยจากัดเฉพาะการแสดงความคิดเห็น แต่เมื่อมาตรา ๓๒๙ ยกเว้นความผิดให้ท้ ง
ั
๒๗

โดยสุจริ ต ( in good faith ) โปรดดู พจนานุกรมกฎหมาย และศัพท์ที่เกี่ยวข้อง อังกฤษ-ไทย พิมพ์ครั้งที่สอง

แก้ไขเพิมเติม กรุ งเทพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕๔๔ หน้า ๑๖๑ ) ตามความหมายที่ปรากฏในพจนานุกรม
่
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายความว่า โดยซื่อสัตย์ เปิ ดเผย หรื อโดยไม่รู้ถึงสิ ทธิของบุคคลอื่นที่ดีกว่า
๒๘

อ้ างแล้ ว ในเชิงอรรถที่ ๑๙ น.๑๙๐๐ ถึง ๑๙๐๘.
๒๑

การแสดงความคิดเห็นหรื อแสดงข้อความ ข้อจากัดเฉพาะการแสดงความคิดเห็นก็หมดไป อย่างไร
เป็ นวิสัยที่ประชาชนย่อมติชมมิได้หมายความว่า ถ้าคนทัวไปพูดกันเช่นข่าวลือแล้ว จะเป็ นวิสัย
่
ประชาชน แต่พิจารณาตามสภาพของเรื่ องว่าเป็ นปกติวสัยของประชาชนจะสนใจวิจารณ์ติชมเรื่ อง
ิ
เช่นนั้นหรื อไม่ ซึ่ งมีคาอธิ บายว่า เป็ นเรื่ องที่ประชาชนสนใจ เพราะเกี่ยวกับราชการบ้านเมืองหรื อ
ท้องถิ่นกิจการขององค์กรสาธารณะ หรื อพฤติการณ์ของเจ้าพนักงานผูปฏิบติงานเกี่ยวกับระชาชน
้ ั
ประเภทหนึ่ง และอีกประเภทหนึ่งเกี่ยวกับบุคคลที่เสนอตัว หรื อการงานของเขาต่อประชาชน เช่น
ผูสมัครเข้ารับหน้าที่เกี่ยวกับประชาชน ศิลปิ น ผูเ้ สนอการแสดง เสนอสิ นค้าต่อประชาชน พระและ
้
นักบวชผูสอนศาสนา ครู บาอาจารย์ นักกีฬา กิจการที่อาศัยความน่าเชื่ อถือของประชาชน เหล่านี้
้
เป็ นต้น แต่ท้ งนี้ตองไม่ล่วงล้ าเข้าไปในเรื่ องส่ วนตัวของเขา”
ั ้
และอธิ บายเพิมเติมในหน้า ๑๙๐๗ ถึง ๑๙๐๘ ต่อไปว่า “ในบางเรื่ องศาลวินิจฉัยว่าเป็ นการ
่
่
แสดงข้อเท็จจริ ง มิใช่ความคิดเห็น ซึ่ งบัดนี้กฎหมายไม่ถือว่าต่างกัน แต่ก็ยงต้องอยูในข่ายของการติ
ั
่ ั่
ชมตามวิสัยประชาชนย่อมกล่าวอยูนนเอง อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับการเสนอข่าวโดยทัวไปของ
่
หนังสื อพิมพ์ เช่น เหตุการณ์เกี่ยวกับความผิดอาญาที่เกิดเป็ นประจาวันนี้ มีความเห็นทาง
ั
สหรัฐอเมริ กาว่า ข่าวทัวไปย่อมเป็ นที่สนใจของประชาชน เหตุการณ์ประจาวันที่รู้กนโดยเปิ ดเผย
่
อาจนามากล่าวต่อกันได้ เว้นแต่จะมีพฤติการณ์พิเศษอันควรปกปิ ดเป็ นความลับ การแจ้งข่าวว่าผูใด
้
ถูกจับฐานลักทรัพย์ อาจทาให้ผถูกจับเสี ยชื่อเสี ยง แต่ก็ไม่หามที่จะลงข่าวนี้ในหนังสื อพิมพ์… หาก
ู้
้
เลยไปกว่าการแจ้งข่าว กลายเป็ นยืนยันว่าผูตองหากระทาความผิดจริ งตามนั้น ก็ไม่ได้รับการยกเว้น
้้
ความผิด หนังสื อพิมพ์อาจติชมกรณี ที่เป็ นปั ญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต สุ ขภาพ สวัสดิการ
ของประชาชน เช่น สภาพการในโรงพยาบาล สุ ขลักษณะของโรงแรม และร้านอาหาร เป็ นต้น
ข้อความเหล่านี้ คนธรรมดาก็น่าจะกล่าวได้เพราะมีสภาพเป็ นวิสัยที่ประชาชนย่อมกล่าวกันเป็ น
ธรรมดา ไม่ใช่เอกสิ ทธิ เฉพาะหนังสื อพิมพ์โดยที่คนธรรมดาไม่มีเอกสิ ทธิ ที่จะกล่าวเช่นนั้น” ส่ วน
ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร อธิ บายว่า “การติชมด้วยความเป็ นธรรมตามนัยมาตรา ๓๒๙(๓)
แท้จริ งก็คือการใช้สิทธิ ตามรัฐธรรมนูญนันเอง กฎหมายจึงย้าให้เห็นถึงอานาจของบุคคลตาม
่
ระบอบการเมืองของประเทศ”
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

More Related Content

What's hot

เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายthnaporn999
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายthnaporn999
 
ปฏิญญาสากลฯ
ปฏิญญาสากลฯปฏิญญาสากลฯ
ปฏิญญาสากลฯkrupiyorod
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าwichai25052506
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5AJ Por
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4AJ Por
 
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ บทที่ ๒
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒ Padvee Academy
 
ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์sorrachat keawjam
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57AJ Por
 
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณบทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณGawewat Dechaapinun
 

What's hot (17)

เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมาย
 
เกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับกฏหมาย
เกี่ยวกับกฏหมาย
 
ปฏิญญาสากลฯ
ปฏิญญาสากลฯปฏิญญาสากลฯ
ปฏิญญาสากลฯ
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
7
77
7
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
 
พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้า
 
Copyright Fair use: Report news
Copyright Fair use: Report newsCopyright Fair use: Report news
Copyright Fair use: Report news
 
T1 b1
T1 b1T1 b1
T1 b1
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 5
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครั้งที่ 4
 
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ บทที่ ๒
ศาสนาโบราณ บทที่ ๒
 
ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์ศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์
 
เหตุแห่งการถวายสมัญญา
เหตุแห่งการถวายสมัญญาเหตุแห่งการถวายสมัญญา
เหตุแห่งการถวายสมัญญา
 
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57
วิชา กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 8 มี ค 57
 
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณบทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
 

Viewers also liked

Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมาย
Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมายLegal english ภาษาอังกฤษกฎหมาย
Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมายNanthapong Sornkaew
 
สัมผัสคดีดังต่างประเทศ
สัมผัสคดีดังต่างประเทศสัมผัสคดีดังต่างประเทศ
สัมผัสคดีดังต่างประเทศNanthapong Sornkaew
 
กฎหมายกับสังคม Eng thai
กฎหมายกับสังคม Eng thaiกฎหมายกับสังคม Eng thai
กฎหมายกับสังคม Eng thaiNanthapong Sornkaew
 
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.Nanthapong Sornkaew
 

Viewers also liked (7)

07 chapter 1
07 chapter 107 chapter 1
07 chapter 1
 
Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมาย
Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมายLegal english ภาษาอังกฤษกฎหมาย
Legal english ภาษาอังกฤษกฎหมาย
 
Article t2
Article t2Article t2
Article t2
 
Jultraditioner
JultraditionerJultraditioner
Jultraditioner
 
สัมผัสคดีดังต่างประเทศ
สัมผัสคดีดังต่างประเทศสัมผัสคดีดังต่างประเทศ
สัมผัสคดีดังต่างประเทศ
 
กฎหมายกับสังคม Eng thai
กฎหมายกับสังคม Eng thaiกฎหมายกับสังคม Eng thai
กฎหมายกับสังคม Eng thai
 
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.
7. สไลด์ประกอบการเสวนา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทักษ์กุล.
 

Similar to รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลluckana9
 
Power point การปฏิรูปการเมือง
Power point การปฏิรูปการเมืองPower point การปฏิรูปการเมือง
Power point การปฏิรูปการเมืองbunchai
 
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตร
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตรคู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตร
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตรDental Faculty,Phayao University.
 
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทยYaowaluk Chaobanpho
 
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]Sansanee Tooksoon
 
การถ่ายรูป
การถ่ายรูปการถ่ายรูป
การถ่ายรูปTorTor Peerachai
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนssuserd18196
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีthnaporn999
 
9789740331186
97897403311869789740331186
9789740331186CUPress
 
ความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้  เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปความรู้  เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปSiriyagon Pusod
 
Draft 25 Nov 2014
Draft 25 Nov 2014 Draft 25 Nov 2014
Draft 25 Nov 2014 joansr9
 
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา  สิทธิมนุษยชนกับศาสนา
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา ssuserd18196
 
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]Sansanee Tooksoon
 
ความเป็นพลเมืองดี
ความเป็นพลเมืองดีความเป็นพลเมืองดี
ความเป็นพลเมืองดีsaovapa nisapakomol
 

Similar to รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (20)

สิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาลสิทธิมนุษ พยาบาล
สิทธิมนุษ พยาบาล
 
Power point การปฏิรูปการเมือง
Power point การปฏิรูปการเมืองPower point การปฏิรูปการเมือง
Power point การปฏิรูปการเมือง
 
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตร
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตรคู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตร
คู่มือ นวัตกรสังคม เนื้อหาหลักสูตร
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๑๐
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๑๐แผนการจัดการเรียนรู้ที่๑๐
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๑๐
 
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย
“ธรรมกาย” กับพุทธศาสนาและการเมืองในประเทศไทย
 
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
 
การถ่ายรูป
การถ่ายรูปการถ่ายรูป
การถ่ายรูป
 
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนหน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
หน้าที่ สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
 
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณีกฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
กฏหมายและความสัมพันธ์คู่กรณี
 
Ps0005584
Ps0005584Ps0005584
Ps0005584
 
Law and SocialNetwork
Law and SocialNetworkLaw and SocialNetwork
Law and SocialNetwork
 
9789740331186
97897403311869789740331186
9789740331186
 
ความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้  เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปความรู้  เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
 
Draft 25 Nov 2014
Draft 25 Nov 2014 Draft 25 Nov 2014
Draft 25 Nov 2014
 
40101_.pdf
40101_.pdf40101_.pdf
40101_.pdf
 
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา  สิทธิมนุษยชนกับศาสนา
สิทธิมนุษยชนกับศาสนา
 
บทความ+ศา..
บทความ+ศา..บทความ+ศา..
บทความ+ศา..
 
สรุปคำบรรยายหลังเรียน (ผศ.พิมล)
สรุปคำบรรยายหลังเรียน (ผศ.พิมล)สรุปคำบรรยายหลังเรียน (ผศ.พิมล)
สรุปคำบรรยายหลังเรียน (ผศ.พิมล)
 
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
หน่วยที่ ๓ ความเป็นพลเมืองดี [Autosaved]
 
ความเป็นพลเมืองดี
ความเป็นพลเมืองดีความเป็นพลเมืองดี
ความเป็นพลเมืองดี
 

More from Nanthapong Sornkaew

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1 Nanthapong Sornkaew
 
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...Nanthapong Sornkaew
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญNanthapong Sornkaew
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1Nanthapong Sornkaew
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองNanthapong Sornkaew
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545Nanthapong Sornkaew
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯNanthapong Sornkaew
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกNanthapong Sornkaew
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงNanthapong Sornkaew
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลNanthapong Sornkaew
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมNanthapong Sornkaew
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่Nanthapong Sornkaew
 

More from Nanthapong Sornkaew (20)

วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1 วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน  2557 1
วารสารกฎหมายขนส่งและพาณิชยนาวี ปี 9 ฉบับที่ 9 เดือนพฤศจิกายน 2557 1
 
Pantipontour
PantipontourPantipontour
Pantipontour
 
Bo tmuseum
Bo tmuseumBo tmuseum
Bo tmuseum
 
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
การร้องทุกข์ทางรธน.ในระบบฯเยอรมัน วิเคราะห์เปรียบเทียบการฟ้องคดีโดยปชช.ต่อศาล...
 
Politics1
Politics1Politics1
Politics1
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
 
10 12-2475
10 12-247510 12-2475
10 12-2475
 
ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1ประกาศ คณะราษฎร 1
ประกาศ คณะราษฎร 1
 
Book inter germany
Book inter germanyBook inter germany
Book inter germany
 
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครองkคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
kคู่สัญญาฝ่ายเอกชนกับการบอกเลิกสัญญาทางปกครอง
 
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545
 
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
ดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ
 
อากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตกอากงปลงไม่ตก
อากงปลงไม่ตก
 
คำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากงคำพิพากษาคดีอากง
คำพิพากษาคดีอากง
 
ประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาลประเทศไทยมีกี่ศาล
ประเทศไทยมีกี่ศาล
 
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรมkจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
kจดหมายข่าวรายปักษ์ รอบรั้วศาลยุติธรรม
 
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
เปิดปิดประตูระบายน้ำเอา(ไม่)อยู่
 
V2011 4
V2011 4V2011 4
V2011 4
 
V2011 3
V2011 3V2011 3
V2011 3
 
V2011 2
V2011 2V2011 2
V2011 2
 

รายงาน260ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

  • 1. ๑ บทที่ ๑ บทนา ๑.๑ ความเป็ นมาของการศึกษา นับแต่ที่ผเู ้ ขียนมีโอกาสได้ศึกษาวิชา น.๑๕๐ สิ ทธิ ข้ นพื้นฐาน ในส่ วนที่เกี่ยวกับเสรี ภาพใน ั การแสดงความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติรับรอง โดยอาจารย์ ดร.สุ ปรี ยา แก้วละเอียดเป็ น ผูบรรยาย นับเป็ นสิ่ งผลักดันสาคัญประการหนึ่งที่ทาให้ผเู ้ ขียนสนใจในข่าวสารบ้านเมือง คดีความ ้ ที่ฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญาที่ข้ ึนสู่ ศาลและศาลได้พิพากษาถึงที่สุด แล้ว ประกอบกับความตื่นตัวทางการเมืองในประเทศไทย ประชาชนให้ความสนใจมากกว่าแต่ก่อน ่ ่ จะด้วยเหตุเพราะผลความอยูรอดปลอดภัยหรื ออยูดีกินดี สะดวกสบายง่ายดายยิงขึ้นก็ตาม ่ มีความสุ ขหรื อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และประชาชนตระหนักรู ้ในสิ ทธิ เสรี ภาพในการแสดงความคิด ความเห็นที่ตนมี(หรื อควรมี) และแสดงออกซึ่ งความคิดเห็นออกมาปรากฏตามสื่ อต่างๆ เพื่อให้ ่ สังคมรับรู ้วาตนกาลังคิดสิ่ งใด ต้องการอะไร อย่างไรก็ตาม เหล่านี้ลวนส่ อต่อการล่วงล้ าศักดิ์ศรี ้ ความเป็ นมนุษย์ซ่ ึ งยากจะนิยาม ทั้งยังมีนยสาคัญทางกฎหมายกว้างขวางมากพอสมควรหรื ออาจ ั ่ กระทบสิ ทธิ ส่วนบุคคลหรื อละเมิดความเป็ นอยูส่วนตัวของบุคคลอื่น จนกระทังเกิดเป็ นคดีความ ่ ่ จนถึงขนาด “ล้นมือศาล” ก็วาได้ เช่นนี้ หากประชาชนทราบเสรี ภาพที่ตนมีแล้ว นับว่าเป็ นที่น่า พอใจยิง แต่กระนั้นหาเพียงพอไม่ กล่าวคือนอกจากจะทราบว่าตนมีเสรี ภาพประการใดบ้างแล้ว ยัง ่ ต้องทราบข้อจากัด ข้อยกเว้น และขอบเขตของการใช้เสรี ภาพที่ตนมีเพื่อแสดงความคิดเห็นโดยไม่ ผิดกฎหมายอีกด้วย ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผูเ้ ขียนจึงเลือกค้นคว้าและนาเสนอในเรื่ อง ขอบเขตของการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๓)โดยเน้นการติชมด้วยความเป็ น ธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา มิได้เน้นที่เสรี ภาพในการแสดงออกของสื่ อมวลชน ซึ่ง จะประกอบไปด้วยกฎหมายพิเศษสาหรับวิชาชีพสื่ อมวลชนแยกต่างหากออกไปอีก สามารถศึกษา ค้นคว้าและเขียนรายงานได้อีกฉบับหนึ่งทีเดียว
  • 2. ๒ ๑.๒ วัตถุประสงค์ ๑.๒.๑ เพือศึกษาหลักเกณฑ์ความรับผิดและข้อยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท ่ โดยเฉพาะเรื่ องของการติชมด้วยความเป็ นธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา โดยเน้น ศึกษาตามประมวลกฎหมายอาญา ๑.๒.๒ เพื่อแสดงสภาพปัญหาของ มาตรา ๓๒๙(๓) ที่ไม่ได้รับการปรับปรุ งแก้ไขให้ สอดคล้องกับทั้งสภาพสังคมปั จจุบนและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ั ๑.๒.๓ เพื่อวิเคราะห์แนวทางการบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนวิเคราะห์แนวทางการจากัด ขอบเขตการบังคับใช้มาตรา ๓๒๙(๓) ๑.๒.๔ เพื่อเสนอแนะและเป็ นแนวทางประการหนึ่งที่จะนาไปสู่ การปรับปรุ งแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙(๓) ในอนาคต ๑.๓ สมมติฐาน ประชาชนทัวไปสามารถแสดงออกซึ่ งความคิดเห็น ่ ความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท ติชม วิพากษ์วจารณ์ได้โดยไม่มี ิ หากประเด็นที่หยิบยกขึ้นวิพากษ์วจารณ์แสดงความคิดเห็น ิ กระทบต่อสังคมส่ วนรวมหรื อเป็ นเรื่ องเกี่ยวข้องกับส่ วนได้เสี ยของประชาชนหรื อประโยชน์ ่ สาธารณะ( Public Interests )ไม่วาทางตรงหรื อทางอ้อม ในทางตรงกันข้าม ประชาชนอาจถูก ดาเนินคดีตามความผิดฐานหมิ่นประมาท หากว่าการแสดงความคิดเห็นนั้นกระทบกระเทือนแก่น ่ ของความเป็ นมนุษย์คือศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ หรื อสิ ทธิ ส่วนบุคคล หรื อความเป็ นอยูส่วนตัวอัน เป็ นสิ ทธิ เสรี ภาพส่ วนตนโดยแท้ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอาญาฐานหมิ่น ประมาท ในเรื่ องบทยกเว้นความผิด ตามมาตรา ๓๒๙(๓) ได้มีประสิ ทธิ ภาพ ประสิ ทธิ ผลมากยิงขึ้น ่ ตลอดจนก่อให้เกิดสมดุลระหว่างการแสดงความคิดเห็นกับสิ ทธิ ส่วนบุคคล อันนามาซึ่ งความสงบ เรี ยบร้อยของสังคมอีกด้วย
  • 3. ๓ ๑.๔ ผลทีคาดว่าจะได้ รับ ่ ๑.๔.๑ ทาให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ความรับผิดและข้อยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่น ประมาทโดยเฉพาะเรื่ องของการติชมด้วยความเป็ นธรรมอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ๑.๔.๒ ทาให้ทราบสภาพปั ญหา แนวทางการบังคับใช้ และแนวทางการจากัดขอบเขตการ บังคับใช้มาตรา ๓๒๙(๓) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคม รวมถึงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อ เป็ นอีกแนวทางหนึ่งที่นาไปสู่ การปรับปรุ งแก้ไขมาตรา ๓๒๙(๓) ๑.๔.๓ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาท ในส่ วนบทยกเว้นความผิด ตามมาตรา ๓๒๙(๓) เป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ประสิ ทธิ ผล รวมทั้งทาให้ประชาชนทัวไป ่ ตระหนักถึงแดนแห่งเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นของตน วิพากษ์วจารณ์อย่างมีเหตุผลบน ิ พื้นฐานหลักการประชาธิ ปไตยที่คานึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ สิ ทธิ ส่วนบุคคลตลอดถึงความ ่ เป็ นอยูส่วนตัวของบุคคลอื่นมากยิงขึ้น ่
  • 4. ๔ บทที่ ๒ ข้ อความคิดเบืองต้ นเกียวกับการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ้ ่ ๒.๑ ความทัวไป ่ ในประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิ ปไตย มนุษย์ทุกคนเกิดมามีศกดิ์ศรี ในความเป็ น ั มนุษย์ จึงมีสิทธิเสรี ภาพที่จะสร้างสรรค์ตนเอง มีอิสระที่จะคิด จะเชื่อและทาตามที่ตนต้องการได้ เหล่านี้เรี ยกว่า สิ ทธิ เสรี ภาพขั้นพื้นฐาน เช่น สิ ทธิ ในชีวิต ร่ างกาย ทรัพย์สิน ดังนั้น ประเทศที่ ปกครองระบอบประชาธิปไตยย่อมบัญญัติคุมครองรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพต่างๆ ไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่ ง ้ มีสถานะเป็ นกฎหมายสู งสุ ด ไม่มีกฎหมายใดขัดหรื อแย้งได้ แต่หากขัดหรื อแย้ง ย่อมใช้บงคับ ั ไม่ได้๑ โดยประเทศไทยรับรองสิ ทธิเสรี ภาพไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบน พ.ศ.๒๕๕๐ แก้ไข ั เพิมเติม พ.ศ. ๒๕๕๔ ในหมวด ๑ บททัวไป มาตรา ๔ บัญญัติคุมครองศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ ้ ่ ่ ่ ้ ่ (human dignity) ซึ่งใน “ศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์” มี “เกียรติ” อยูดวย๒โดยมาตรานี้บญญัติวา ั “ศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ สิ ทธิ เสรี ภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุมครอง” ้ และหมวด ๓ ว่าด้วยสิ ทธิ และเสรี ภาพของชนชาวไทย มาตรา ๒๖ ถึง ๖๘ รัฐธรรมนูญของรัฐเสรี ประชาธิ ปไตยบัญญัติรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพให้แก่ประชาชนไว้ ๒ ลักษณะ คือ การรับรองอย่างสมบูรณ์เด็ดขาด ( Absolute ) กล่าวคือรัฐธรรมนูญไม่เปิ ดช่องให้ตรา กฎหมายมาจากัด ได้แก่ เสรี ภาพในการนับถือศาสนา ตามมาตรา ๓๗ และ มาตรา ๕๐ ว่าด้วย เสรี ภาพในทางวิชาการ๓ ส่ วนสิ ทธิ เสรี ภาพประการอื่น สามารถถูกจากัดได้ เรี ยกว่าเป็ นการรับรอง ๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๕๐(ฉบับแก้ ไขเพิ่มเติม ๒๕๕๔) มาตรา ๖ บัญญัติวา “รัฐธรรมนูญเป็ น ่ กฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้ อบังคับ ขัดหรือแย้ งต่อรัฐธรรมนูญนี ้ บทบัญญัตินนเป็ นอัน ั้ ใช้ บงคับมิได้ ” ั ๒ ๓ คณิต ณ นคร, “กฎหมายอาญาภาคความผิด” ,พิมพ์ครังที่ ๑๐ แก้ ไขปรับปรุงใหม่,(กรุงเทพ : วิญญูชน, ๒๕๕๓.) ้ มาตรา ๓๗ แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน บัญญัติว่า ั
  • 5. ๕ อย่างสัมพัทธ์หรื อมีเงื่อนไข ( Relative )กล่าวคือ รัฐสงวนไว้ซ่ ึ งอานาจในอันที่จะจากัดการใช้สิทธิ เสรี ภาพนั้นในภายหลังได้ อาทิ เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยมีหลักเกณฑ์การตรากฎหมาย ตามมาตรา ๒๙ แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่ งจะกล่าวต่อไปในส่ วนข้อยกเว้นเพื่อการจากัดเสรี ภาพในการ แสดงความคิดเห็น๔ โดยจะกล่าวถึงการคุมครองรับรองสิ ทธิ เสรี ภาพพอสังเขปของฝ่ ายที่ใช้อานาจ ้ รัฐ ตามหลักการแบ่งแยกอานาจรัฐของรัฐเสรี ประชาธิ ปไตยซึ่ งแบ่งออกเป็ น ๓ ฝ่ าย ได้แก่ นิติ บัญญัติ บริ หาร และตุลาการ ดังนี้ ๑) การคุมครองโดยฝ่ ายนิติบญญัติ ้ ั ฝ่ ายนิติบญญัติโดยรัฐสภามีหน้าที่หลักในการตรากฎหมาย ซึ่ งในการตรากฎหมายส่ วนมาก ั ่ อยูในรู ปของพระราชบัญญัติมีขอบเขตเนื้ อหาเป็ นไปตามบทกฎหมายว่าด้วยสิ ทธิ เสรี ภาพที่รับรอง ไว้โดยรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน และตามพันธกรณี ระหว่างประเทศที่ประเทศไทย ั เป็ นภาคี โดยมีทิศทางในการตราที่มุ่งเน้นเป็ นการส่ งเสริ มการใช้สิทธิเสรี ภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๘ โดยเฉพาะมาตรา ๒๘ วรรค ๒ และ วรรค ๓ ๒) การคุมครองโดยฝ่ ายบริ หาร ้ ่ เป็ นที่ทราบกันดีวา ฝ่ ายบริ หารโดยรัฐบาลเป็ นทั้งผูที่มีอานาจบังคับการให้เป็ นไปตาม ้ กฎหมายที่ฝ่ายนิติบญญัติตามขึ้น ดังนั้น การบังคับการดังกล่าวก็ตองคานึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็ น ั ้ “ บุคคลย่อมมีเสรี ภาพบริ บูรณ์ในการถือศาสนา นิ กายของศาสนา หรื อลัทธิ นิยมในทางศาสนา และย่อม มีเสรี ภาพในการปฏิบติตามศาสนธรรม ศาสนบัญญัติ หรื อปฏิบติพธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็ น ั ั ิ ปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและไม่เป็ นการขัดต่อความสงบเรี ยบร้อย หรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน ในการใช้สิทธิเสรี ภาพตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุมครองมิให้รัฐกระทาการใดๆอันเป็ นการ ้ รอนสิ ทธิหรื อเสี ยประโยชน์อนควรมีควรได้ เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิ กายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา ั หรื อปฏิบติพิธีกรรมตามความเชื่อถือ แตกต่างจากบุคคลอื่น” ั ่ มาตรา ๕๐ บัญญัติวา “ บุคคลย่อมมีเสรี ภาพในทางวิชาการ การศึกษาอบรม การเรี ยนการสอน การวิจย และการเผยแพร่ งานวิจย ตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความ ั ั คุมครอง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรื อศีลธรรมอันดีของประชาชน” ้ ั ๔ สุปรี ยา แก้วละเอียด, เอกสารประกอบการเรี ยนการสอนวิชา น. ๑๕๐ สิ ทธิข้ นพื้นฐาน ประจาภาคเรี ยนที่ ๒ ปี ั การศึกษา ๒๕๕๕ .
  • 6. ๖ มนุษย์ สิ ทธิ และเสรี ภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ สิ ทธิ เสรี ภาพที่รัฐธรรมนูญ ่ รับรองไว้ ไม่วาจะโดยศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม ยังผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐโดยตรง๕ และฝ่ ายบริ หารยังต้องกาหนดนโยบายในการ บริ หารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ๖ ควบคุมการตรากฎหมายของ ฝ่ ายนิติบญญัติมิให้ขดรัฐธรรมนูญ๗ ตลอดจนฝ่ ายปกครองซึ่ งถือว่าใช้อานาจใกล้ชิดกับประชาชน ั ั มากที่สุดต้องกระทาการโดยชอบด้วยกฎหมาย มีกฎหมายให้อานาจ จึงจะกระทาการได้ ๒)การคุมครองโดยฝ่ ายตุลาการ ้ ศาลต้องมีหลักประกันความเป็ นอิสระทั้งในทางเนื้อหาคือการปฏิบติหน้าที่ที่ปราศจากการ ั บังคับบัญชาสั่งการหรื อแทรกแซงย่างอื่นจากภายในองค์กรก็ดี หรื อจากภายนอกองค์กรก็ดี และ ในทางส่ วนตัว ต้องเป็ นกลาง ปราศจากอคติ ไม่ถูกครอบงาจากอิทธิ พลใดๆ ๒.๒ ข้ อความคิดทัวไปว่าด้ วยการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ่ ่ การแสดงความคิดเห็นอันถือเป็ นการใช้สิทธิเสรี ภาพตามปกติธรรมดาของมนุษย์ที่ยอม ตาหนิ หากสิ่ งนั้นไม่ดี ไม่พอใจ และชม หากสิ่ งนั้นน่ายินดี น่าพอใจก็ได้รับรองเช่นเดียวกัน บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่รับรองเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นได้แก่ มาตรา ๔๕ ซึ่งจะเห็น ่ ได้วามาตรานี้มีเจตนารมณ์เพื่อคุมครองเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่ อมวลชน ้ อันเป็ นสาระสาคัญในระบอบการปกครองแบบประชาธิ ปไตย(เป็ นหลัก) ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิ ทธิ ่ ของบุคคลอื่นหรื อขัดต่อประโยชน์สาธารณะ(เป็ นข้อยกเว้น) และ มาตรา ๔๖ ซึ่งจะเห็นได้วามาตรา นี้มีเจตนารมณ์เพื่อคุมครองเสรี ภาพของผูปฏิบติงานด้านสื่ อมวลชนและเพื่อให้มาตรการในการ ้ ้ ั คุมครองเสรี ภาพดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างแท้จริ ง แต่ยงคงถูกจากัดได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ งลักษณะ ้ ั ของการใช้เสรี ภาพของสื่ อมวลชน ได้แก่ ๑) เสรี ภาพในข่าวสาร ( Freedom of Information) อันเป็ น ๕ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๖ และ ๒๗ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ ถึง ๘๗ ๗ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๔(๒) ๖
  • 7. ๗ สิ ทธิ ต้ งต้นของสื่ อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสังคม ๒) เสรี ภาพในการเสนอหรื อการ ั พิมพ์ (Freedom of Printing) อันเป็ นขั้นตอนการนาเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน ดังนั้นรัฐจึงไม่ อาจจากัดได้ เว้นแต่กฎหมายอนุญาต ๓) เสรี ภาพในการวิพากษ์วจารณ์ ( Freedom of Criticism) อัน ิ เป็ นหน้าที่ตรวจสอบของสื่ อ เท่าที่ไม่กระทบต่อความมันคงและศีลธรรมอันดี และ ๔) เสรี ภาพใน ่ การกระจายข่าว ( Freedom of Distribution) อันเป็ นการขายข่าว แจกข่าว๘ ๒.๓ ข้ อยกเว้นเพือการจากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ่ เมื่อมีหลักในการใช้สิทธิเสรี ภาพ(ประเภทที่ไม่ได้รับการรับรองคุมครองสมบูรณ์เด็ดขาด) ้ ่ ฉันใด ก็ยอมต้องตามมาด้วยข้อยกเว้นของเรื่ องฉันนั้น สิ ทธิ ข้ นพื้นฐานส่ วนใหญ่ที่ได้รับความ ั คุมครองตามรัฐธรรมนูญ เช่น สิ ทธิ ในการแสดงออกซึ่ งความคิดเห็น หรื อวิพากษ์วิจารณ์แต่หาก ้ กระทบสิ ทธิของบุคคลโดยตรง ( Rights of Privacy ) อันได้แก่ สิ ทธิ บุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสี ยง ่ ตลอดจนความเป็ นอยูส่วนตัวซึ่ งถือเป็ นคุณธรรมทางกฎหมายที่รัฐธรรมนูญให้ความ คุมครอง๙ ฝ่ ายนิติบญญัติสามารถตรากฎหมายออกมาจากัดได้ ทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขที่กาหนดไว้ หรื อ ้ ั ่ ในส่ วนของฝ่ ายปกครองก็เป็ นไปตามหลักที่วา กฎหมายคือเงื่อนไขในการใช้อานาจของเจ้าหน้าที่ ่ คาว่า กฎหมาย ในที่น้ ีหมายถึงกฎหมายที่ผานการพิจารณาของรัฐสภาเท่านั้น กล่าวคือผูตรามีอานาจ ้ ตรากฎหมายได้ มีการดาเนิ นการถูกต้องตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกาหนด ชัดเจนแน่นอนเพียงพอ ่ ที่ประชาชนจะทราบได้วากฎหมายต้องการจากัดสิ ทธิ ใด เพียงใด และต้องเป็ นไปตามหลักเกณฑ์ใน การตรากฎหมายมาจากัดสิ ทธิ และเสรี ภาพตามมาตรา ๒๙ แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบน ดังนี้ ั ๑)ต้องมีผลใช้บงคับเป็ นการทัวไป ั ่ ไม่มุ่งหมายแก่กรณี ใดกรณี หนึ่งหรื อบุคคลใดบุคคล หนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ๒)ต้องระบุบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ให้อานาจในการตรากฎหมายนั้น ๘ ๙ อ้างแล้วในเขิงอรรถที่ ๔. โปรดดู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๕
  • 8. ๘ ๓)ต้องจากัดเท่าที่จาเป็ นเท่านั้น จะกระทบสาระสาคัญไม่ได้ ๔)ต้องสอดคล้องกับหลักพอสมควรแก่เหตุ คือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เหมาะสม(สามารถ บรรลุวตถุประสงค์ได้) จาเป็ น(ไม่มีมาตรการอื่นที่ดีกว่า กระทบกระเทือนสิ ทธิ เสรี ภาพน้อยกว่าอีก ั ่ ้ แล้ว)และพอสมควรแก่เหตุในความหมายอย่างแคบคือหรื อพอจะคาดหมายล่วงหน้าได้วาผูถูกจากัด ่ สิ ทธิ น้ นสามารถรับสภาพได้ และหากดาเนินการแล้วก่อให้เกิดผลเสี ยมากกว่าผลดี ก็อาจกล่าวได้วา ั การดาเนิ นการนั้นขัดต่อหลักนี้๑๐ “หลักพื้นฐานของสิ ทธิ เสรี ภาพก็คือเสรี ภาพย่อมมีได้เพียงเท่าที่ไม่เป็ นการละเมิดสิ ทธิ เสรี ภาพของผูอื่น หรื อไม่เกินจากขอบเขตที่รัฐธรรมนูญอนุญาตให้รัฐจากัดไว้เพื่อประโยชน์สาคัญ ้ ่ บางเรื่ อง ดังนั้นสิ ทธิ เสรี ภาพย่อมจากัดได้ตามที่รัฐธรรมนูญกาหนดหรื อสงวนไว้วาให้จากัดได้ตาม กฎหมาย เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นตามได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๕ จึง มีขอจากัดได้โดยกฎหมายเฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สาคัญ ซึ่ งมีดวยกันสามเรื่ องใหญ่ คือ ้ ้ หนึ่ง เรื่ องเกี่ยวกับการรักษาความมันคงของรัฐ หรื อสองเรื่ องสิ ทธิ เสรี ภาพที่พึงได้รับความคุมครอง ้ ่ อันได้แก่การคุมครองสิ ทธิ เสรี ภาพ เกียรติยศชื่อเสี ยง สิ ทธิ ในครอบครัวและสามเพื่อรักษาความ ้ สงบเรี ยบร้อยหรื อศีลธรรมอันดีของประชนหรื อป้ องกันหรื อระงับความเสื่ อมทรามทางจิตใจหรื อ สุ ขภาพของประชาชน”๑๑อย่างไรก็ดี ต่อประเด็นการแสดงออกซึ่ งความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญรับรอง ไว้ดงกล่าวข้างต้นนั้น ั นอกจากมาตรา ๔๕ จะกาหนดเงื่อนไขการจากัดเสรี ภาพใน ๓ เรื่ อง ได้แก่ ความมันคงต่อ ่ ่ ระบอบการปกครอง การคุมครองเกียรติยศ ชื่ อเสี ยง ความเป็ นอยูส่วนบุคคล ครอบครัว และความ ้ สงบเรี ยบร้อย ศีลธรรมอันดี ตลอดจนความเสื่ อมทรามทางจิตใจ(เห็นได้จากการจัดช่วงอายุที่ เหมาะสมต่อการรับชมรายการโทรทัศน์)หรื อสุ ขภาพของประชาชนแล้ว ยังปรากฏกฎหมายที่ เกี่ยวกับการใช้เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็นหลายฉบับด้วยกัน อาทิ ประมวลกฎหมายอาญา ๑๐ โปรดดู บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ., กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุ งเทพฯ: โครงการตาราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , ๒๕๕๕. ๑๑ โปรดดู หนังสื อรพี ๒๕๕๖ สัมภาษณ์ ผศ.ดร. กิตติศกดิ์ ปรกติ หน้า ๒๓ ถึง ๓๒ เรื่ อง เสรี ภาพในการแสดง ั ความคิดเห็นของบุคคลและสื่ อมวลชน
  • 9. ๙ ทหาร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ พระราชบัญญัติส่งเสริ มและรักษาคุณภาพสิ่ งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชบัญญัติคุมครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติ ้ ป้ องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่ นความถี่และ กากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสี ยง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ่ พระราชบัญญัติจดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบัญญัติวาด้วย ั การกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ (ซึ่งมีผลยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ) และที่ผเู ้ ขียนมุ่งศึกษาเป็ นสาคัญคือประมวล กฎหมายอาญา
  • 10. ๑๐ บทที่ ๓ สาระสาคัญเกียวกับความรับผิดทางอาญาฐานหมินประมาท ่ ่ ตามประมวลกฎหมายอาญาไทย ความผิดฐานหมิ่นประมาทได้บญญัติไว้เป็ นหมวด ๓ ในลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับ ั เสรี ภาพและชื่อเสี ยง แห่งประมวลกฎหมายอาญาโดยประมวลกฎหมายอาญาได้แยกความผิดฐาน หมิ่นประมาท ( defamation : de = down + fame = famous )๑๒ กับความผิดฐานดูหมิ่น( insult) ออก จากกัน ดังจะเห็นได้จากมาตรา ๑๑๒ และมาตรา ๑๓๔ ซึ่ งเอาผิดการหมิ่นประมาทและดูหมิ่น เป็ น ต้น และในที่ใดกฎหมายประสงค์จะลงโทษเฉพาะการดูหมิ่น เช่น การดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม มาตรา ๑๓๖ กฎหมายก็ได้ระบุไว้เฉพาะดูหมิ่น และโดยนัยนี้ การหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานก็ตอง ้ ลงโทษฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ตามมาตรา ๓๒๖ ๓.๑ เจตนารมณ์ ่ ความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท มีบญญัติอยูในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ั ถึง มาตรา ๓๓๓ โดยรัฐบัญญัติให้เป็ นความผิดตามกฎหมาย (Mala Prohibita)๑๓ เนื่องจากเล็งเห็น ถึงความสาคัญของการคุมครองและรักษาไว้ซ่ ึงชื่อเสี ยง เกียรติคุณ ซึ่งถือเป็ นคุณธรรมทางกฎหมาย ้ อย่างหนึ่ง( Rechtsgut/legal interest ) อันได้แก่ ความไว้เนื้ อเชื่อใจซึ่ งกันและกัน ( Good Faith / Bona Fides)๑๔ ความเคารพนับถือซึ่ งกันและกัน และที่สาคัญที่สุดก็คือศักดิ์ศรี ความเป็ นมนุษย์ซ่ ึง กฎหมายอาญามุ่งคุมครองป้ องกันผูเ้ สี ยหาย ในขณะเดียวกันก็ตองการลงโทษหรื อให้ผลร้ายแก่ ้ ้ ่ ผูกระทาความผิด อย่างไรก็ตามความผิดดังกล่าวรัฐไม่ตองการให้คูกรณี ใช้วธีการแก้แค้นกันเอง ้ ้ ิ หรื อเกิดความรู้สึกอาฆาตพยาบาทต่อกันในระยะยาว อีกทั้งเพื่อให้ปรองดองสมานฉันท์โดยเร็ ว จึง ๑๒ ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, “คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ” , พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม (กรุ งเทพ:สานักพิมพ์วญญูชน, ๒๕๕๖). ิ ๑๓ ความผิดอีกประเภทหนึ่งเป็ นความผิดในตัวของมันเอง ( mala in se) กล่าวคือ ตามสานึกศีลธรรมย่อมเป็ น ความผิด ไม่ใช่เป็ นความผิดเพราะกฎหมายบัญญัติข้ ึนแล้วจึงเป็ นความผิด เช่น ฆ่าผูอื่น ตามประมวลกฎหมาย ้ อาญา มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙ ๑๔ ผูสนใจเกี่ยวกับหลักสุจริ ต โปรดอ่าน กิตติศกดิ์ ปรกติ,หลักสุจริ ตและเหตุเหนือความคาดหมายในการชาระหนี้ ้ ั ,กรุ งเทพ :วิญญูชน ,๒๕๕๕.
  • 11. ๑๑ ่ กาหนดเป็ นความผิดอาญาที่ยอมความได้๑๕ ดังนั้น ถือได้วา “เกียรติคุณและชื่อเสี ยง” เป็ นสิ่ งที่สาคัญ ในการดารงชีวตประจาวันของมนุษย์ เพราะหากบุคคลใดถูกกระทาให้เสื่ อมเสี ยชื่อเสี ยงเกียรติคุณ ิ แล้วก็อาจส่ งผลให้บุคคลนั้นกลายเป็ นที่รังเกียจในสังคม รวมถึงอาจทาให้วงศ์ตระกูลต้องได้รับ ความอับอาย ทนทุกข์ต่อการใช้ชีวตอยูร่วมกับคนในสังคม และอาจทาให้บุคคลดังกล่าวรู ้สึกว่า ิ ่ ตนเองหมดศักดิ์ศรี และคุณค่าของความเป็ นมนุษย์หรื อกล่าวอีกนัยหนึ่งคือตายทั้งๆที่ยงมีชีวตอยู่ ั ิ นันเอง๑๖ ่ ๓.๒ ประเภทของความผิด เมื่อทราบถึงความเบื้องต้นของความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว เพื่อชี้ให้เห็นถึงลักษณะของ การกระทาความผิด จะขอจาแนกออกเป็ น ๒ ลักษณะ คือ การหมิ่นประมาทโดยทัวไป ตาม ่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ มาตรา ๓๒๗ และมาตรา ๓๒๘ หมิ่นประมาทโดยการ โฆษณาอีกลักษณะหนึ่ง ๓.๒.๑หมิ่นประมาทโดยทัวไป ่ มาตรา ๓๒๖ มาตรานี้มีขอความทานองเดียวกับมาตรา ๒๘๒ แห่งกฎหมายลักษณะอาญาเดิม ซึ่ งได้ยกเลิกพระ ้ ราชกาหนดลักษณะหมิ่นประมาทด้วยการพูดหรื อเขียนคาเท็จออกโฆษณา ร.ศ. ๑๑๘ มาแล้ว องค์ประกอบภายนอก๑๗ ๑๕ นอกจากนี้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๔๒๓ ยังได้บญญัติความผิดในเรื่ องของการล่วงละเมิด ั ก่อให้เกิดความเสี ยหายต่อเกียรติคุณชื่อเสี ยงหรื อทางทามาหาได้ อันเป็ นเรื่ องของการเรี ยกร้องให้ชดใช้ค่าสิ นไหม ทดแทนเพื่อเป็ นการเยียวยาแก่ผเู ้ สี ยหายอีกทางหนึ่งด้วย ๑๖ พิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา, “ความรับผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทที่กระทาต่อบุคคลสาธารณะในแวดวงการเมือง การปกครองและระบบราชการ”, (วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญา, ๒๕๕๒), น.๑๐-๑๑. ๑๗ ตาราของศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย (ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐเป็ นบรรณาธิการ) พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ แก้ไข ั ปรับปรุ ง พ.ศ.๒๕๕๓ สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หน้า ๒๖๕ ถึง ๒๗๕ ตรงกันกับคาอธิบายกฎหมาย อาญา ภาคความผิดและลหุโทษ โดยศาสตราจารย์ ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิมเติม แต่ต่าง ่ จากคาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด มาตรา ๒๘๘ ถึง ๓๖๖ โดยหม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ และกฎหมายอาญา ภาคความผิดของ ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม
  • 12. ๑๒ (๑)ใส่ ความ (๒)ผูอื่น ้ (๓)ต่อบุคคลที่สาม (๔)โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชัง ู้ องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา ( intentionally) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ ๑๘ คาอธิบาย จะเป็ นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ตองปรากฏว่า (๑)มีการใส่ ความผูอื่น (๒) ต่อบุคคลที่ ้ ้ สาม (๓)โดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่น หรื อถูกเกลียดชัง และ (๔) ผูกระทา ู้ ้ ได้กระทาโดยเจตนา ่ องค์ประกอบข้อ (๑) คาว่า “ใส่ ความ” มีความหมายต่างกับที่เข้าใจกันอยูตามธรรมดาสามัญ คือไม่ได้หมายความจะต้องเป็ นการใส่ ร้าย แต่หมายถึงการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริ งถึงบุคคลอื่น จะ เป็ นเท็จหรื อจริ งก็เป็ นการใส่ ความทั้งนั้น ดังที่มี่คากล่าวว่า ยิงจริ ง ยิงหมิ่นประมาท เพราะยิงเอา ่ ่ ่ ความจริ งมาพูด ยิงทาให้เกิดความไม่สงบได้ยงขึ้น ต่างกับทางแพ่ง ซึ่ งถ้ากล่าวความเป็ นจริ ง ก็เป็ น ิ่ ่ ข้อที่แสดงความถูกต้องของข้อความที่กล่าวให้เห็นว่าผูถูกกล่าวไม่มีชื่อเสี ยงที่จะเสี ยเพราะข้อความ ้ ที่กล่าวนั้น ตรงกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๔๒๓ ซึ่ งต้องเป็ นข้อที่ฝ่าฝื นต่อความ จริ ง๑๙ (เว้นแต่การพูดจริ งจะเป็ นเหตุยกเว้นโทษได้ ไม่เป็ นเหตุยกเว้นความผิด ถ้าต้องด้วยเงื่อนไขที่ ระบุไว้ในมาตรา ๓๓๐) แต่จะเป็ นการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริ งและเป็ นการใส่ ความได้ จะต้องเป็ น ่ ่ เหตุการณ์หรื อกรณี ที่เกิดขึ้นในอดีตหรื อปั จจุบน คือมีอยูหรื อเกิดอยูแล้วหรื อกาลังมีหรื อกาลังเกิด ั อยู่ ส่ วนข้อความในอนาคตหรื อกาลังจะมีหรื อกาลังจะเกิดนั้น เป็ นแต่คาทานาย อย่างไรก็ดี ๑๘ ่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรค ๒ บัญญัติวา” กระทาโดยเจตนา ได้แก่กระทาโดยรู ้สานึกในการที่ กระทาและในขณะเดียวกันผูกระทาประสงค์ต่อผล หรื อย่อมเล็งเห็นผลของการกระทานั้น” ้ ๑๙ โปรดดู จิตติ ติงศภัทย์ , “ คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอนที่ ๒ และ ภาค ๓”, (กรุ งเทพ : สานักอบรม กฎหมายแพ่งเนติบณฑิตยสภา , ๒๕๐๓.) น.๑๘๕๗. ั
  • 13. ๑๓ เหตุการณ์ในอนาคตในเวลาเดียวกันอาจอนุมานให้เห็นเหตุการณ์ในปั จจุบน๒๐ ฉะนั้นจึงเป็ นการใส่ ั ความได้ ข้อเท็จจริ งอันจะถือเป็ นการใส่ ความนี้อาจเป็ นข้อเท็จจริ งที่ปรากฏให้เห็นได้ การใส่ ความนี้จะกระทาโดยวาจา ลายลักษณ์อกษรหรื อโดยประการอื่นก็ไม่สาคัญ ข้อ ั ่ ่ สาคัญอยูที่วาบุคคลอื่นสามารถทราบความหมายของการใส่ ความได้ และถ้าไม่ใช่ถอยคาธรรมดา ้ สามัญที่คนทัวไปเข้าใจได้ก็เป็ นข้อเท็จจริ งที่โจทก์จะต้องนาสื บ เพราะฉะนั้นการใส่ ความจึงไม่ ่ ั จากัดวิธี มีปัญหาว่าการแอบถ่ายภาพคนที่ร่วมประเวณี กนแล้วนาภาพเหล่านั้นไปให้ผอื่นดู เช่นนี้มี ู้ ความผิดฐานหมิ่นประมาทหรื อไม่ เห็นว่าการใส่ ความไม่จาเป็ นจะต้องเป็ นการใช้คาพูด การเอา ่ ภาพเช่นว่าไปให้บุคคลอื่นดูยอมเป็ นการใส่ ความและน่าจะทาให้เสี ยชื่อเสี ยง ย่อมเป็ นความผิดฐาน ๒๑ หมิ่นประมาทได้ คาว่า “ผูอื่น” หมายความถึงบุคคลโดยเจาะจงตัว และแยกพิจารณาได้ดงนี้ ้ ั (๑)บุคคลธรรมดา หมายความว่า บุคคลเดียวหรื อหลายคนก็ได้ แต่ตองมีสภาพบุคคลตาม ้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา ๑๕ วรรคแรก๒๒ การใส่ ความทารกในครรภ์มารดาย่อม ไม่เป็ นความผิดฐานหมิ่นประมาท การใส่ ความคนที่ได้ตายไปแล้วในขณะที่ใส่ ความ ย่อมไม่ใช่เป็ น การใส่ ความ “ผูอื่น” และไม่ผดตามมาตรานี้ แต่อาจผิดตามมาตรา ๓๒๗ ได้ ซึ่งบัญญัติไว้เป็ นพิเศษ ้ ิ และมีองค์ประกอบผิดกัน อันจะได้กล่าวต่อไป ่ (๒) นิติบุคคล นิ ติบุคคลก็อยูในความหมายของคาว่า “ผูอื่น” ดังนั้น การหมิ่นประมาทนิติ ้ บุคคลย่อมเป็ นความผิดฐานนี้ได้ การกระทาของนิติบุคคลย่อมต้องอาศัยบุคคลธรรมดากระทาแทน ซึ่ งอาจต้องรับผิดเป็ นส่ วนตัวด้วยเช่นเดียวกัน ่ องค์ประกอบข้อ (๓) ที่วา การใส่ ความจะต้องเป็ นการกระทาต่อบุคคลที่สามนั้น หมายความว่าเป็ นการใส่ ความต่อบุคคลอื่น ซึ่ งไม่ใช่ผที่ถูกใส่ ความเอง ู้ ๒๐ ดู หยุด แสงอุทย อุทย โดย ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐเป็ นบรรณาธิการ พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ แก้ไขปรับปรุ ง จัดพิมพ์ ั ั โดยสานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับเสรี ภาพและชื่อเสี ยง หมวด ๓ ความผิดฐานหมิ่นประมาท หน้า ๒๖๕ ถึง ๒๗๕ ๒๑ โปรดดู ไกรฤกษ์ เกษมสันต์, หม่อมหลวง, “คาอธิบายประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด มาตรา ๒๘๘ ถึง ๓๖๖”, (กรุงเทพ:สานักอบรมกฎหมายแห่งเนติบณฑิตยสภา , ๒๕๑๓) น.๑๗๕ ั ๒๒ ่ ่ มาตรา ๑๕ วรรคแรก บัญญัติวา สภาพบุคคลย่อมเริ่ มแต่เมื่อคลอดแล้วอยูรอดเป็ นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย
  • 14. ๑๔ ่ บุคคลที่สามนี้จะต้องอยูในฐานะที่จะเข้าใจข้อความที่ใส่ ความ อย่างไรก็ดี กรณี บุคคลที่สามไม่ ่ ้ สนใจฟังการใส่ ความจึงไม่รู้วาผูกระทาใส่ ความเรื่ องอะไร ย่อมไม่ทาให้ผกระทาพ้นจากความผิด ู้ เพราะเป็ นการใส่ ความต่อบุคคลที่สาม ่ องค์ประกอบข้อที่ (๔) ที่วา การกระทานั้นต้องเป็ นไปโดยประการที่น่าจะทาให้ผอื่นนั้น ู้ เสี ยชื่อเสี ยง( de +famous ลดชื่อเสี ยงลง) ถูกดูหมิ่น หรื อถูกเกลียดชัง ( is likely to injure the reputation of any other person ) เป็ นพฤติการณ์แห่งการกระทา มิใช่ผลแห่งการกระทา คาว่า “ชื่อเสี ยง” หมายความถึงค่าหรื อราคาที่มนุษย์ มีต่อเพื่อนมนุษย์ดวยกันในทางศีลธรรม (คือในทางจิตใจ) หรื อ ้ ในทางสังคม ส่ วนเมื่อใดที่จะเป็ นประการที่น่าจะทาให้ถูกดูหมิ่นดังกล่าว ต้องพิจารณาจาก ความรู ้สึกนึกคิดของบุคคลที่มีความรู ้สึกในศีลธรรมเป็ นกลางๆ ไม่ใช่สูงเกินไปอย่างสมเด็จ พระสังฆราช หรื อต่าเกินไปอย่างนักโทษที่ตองโทษมาแล้ว ทั้งนี้คือพิจารณาว่าการใส่ ความนั้นจะ ้ ส่ งผลอันเป็ นผลธรรมดาว่า น่าจะทาให้ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชังหรื อไม่ (เทียบมาตรา ๖๓) ฉะนั้น ผูกระทาจะอ้างว่าผูถูกใส่ ความชื่อเสี ยงดี ถึงจะใส่ ความอย่างไรก็ไม่ทาให้เสี ย ้ ้ ชื่อเสี ยงหรื ออาจถูกดูหมิ่นเกลียดชังได้ ย่อมเป็ นข้อแก้ตวที่ฟังไม่ได้เพราะอาจมีบางคนเชื่อ และทา ั ให้เสี ยชื่อเสี ยงหรื ออาจถูกดูหมิ่นหรื อเกลียดชังได้ มาตรา ๓๒๗ ต่างจากมาตรา ๓๒๖ ในองค์ประกอบที่ ๔) คือเป็ นการใส่ ความนั้นจะน่าจะทาให้บิดา มารดา คู่สมรส หรื อบุตรของผูตายเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชัง มาตรานี้เอาผิดกับการใส่ ้ ความบุคคลที่ตายไปแล้วต่อบุคลที่สาม คาว่า “ผูอื่น” ตามมาตรา ๓๒๖ นั้น หมายความถึงบุคคลที่ ้ ยังมีชีวตอยู่ ทั้งๆที่ความจริ งบุคคลที่ตายไปแล้วย่อมไม่มีสภาพบุคคลต่อไปตามประมวลกฎหมาย ิ แพ่งและพาณิ ชย์ แต่ก็ไม่เป็ นการขัดข้องในการที่ประมวลกฎหมายอาญาจะเอคนที่ตายไปแล้วมา เป็ นองค์ประกอบของความผิด เพราะตามประเพณี ของไทยนั้น การหมิ่นประมาทผูตายย่อมทาให้ ้ บุคคลที่ยงมีชีวตอยูพลอยเสี ยชื่อเสี ยงไปด้วย ั ิ ่ “ ผูตาย” ตามมาตรานี้ หมายความถึงบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็ นคนสาบสู ญ และถือว่าตายตาม ้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ดวย ้
  • 15. ๑๕ คาว่า “บิดา” “มารดา” “คู่สมรส” และ “บุตร” นั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมายตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ ในกรณี ที่ผกระทาสาคัญผิดว่าผูถูกใส่ ความตายแล้ว แต่ความจริ งยังมีชีวตอยู่ ผูกระทาก็ผด ู้ ้ ิ ้ ิ ตามมาตรา ๓๒๖ เพราะต้องด้วยองค์ประกอบของมาตราดังกล่าว แต่ไม่ผดตามมาตรานี้ ิ ความสาคัญผิดเช่นว่าไม่มีความสาคัญในทางกฎหมายแต่ประการใด ๓.๒.๒ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา ๓๒๘ มาตรานี้ เป็ นเหตุเพิ่มโทษของมาตรา ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๗ เพราะผูกระทาได้กระทา ้ หมิ่นประมาทโดยวิธีแพร่ หลายไปยังคนจานวนมากมีองค์ประกอบภายนอก คือ ๑)กระทาความผิด ฐานหมิ่นประมาท และ ๒)ได้กระทาโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรื ออักษรที่ทาให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น แผ่นเสี ยงหรื อสิ่ งบันทึกเสี ยง หรื อบันทึกภาพหรื อบันทึก อักษร กระทาโดยการกระจายเสี ยงหรื อการกระจายภาพหรื อโดยกระทาการป่ าวประกาศด้วยวิธีอื่น องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙๒๓ คาอธิ บายทางตารา คาว่า “ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ที่ใช้ในมาตรานี้หมายถึงการกระทาความผิด ตามมาตรา ๓๒๖ และ ๓๒๗ เพราะทั้งสองมาตรานี้ เรี ยกชื่ อการกระทาความผิดว่า “ความผิดฐาน หมิ่นประมาท” ส่ วน คาว่า “โฆษณา” หมายความถึงกระทาใดๆที่ทาให้ขอเท็จจริ งแพร่ หลาย ไปยัง ้ บุคคลภายนอกในลักษณะวงกว้าง โดยพิจารณาลักษณะของการกระทา ถ้าแม้บุคคลหายคนได้ทราบ ข้อความแต่ลกษณะของการกระทาไม่ใช่การโฆษณาก็ไม่เป็ นความผิดตามมาตรานี้ ส่ วน “การป่ าว ั ประกาศ” หมายความว่า ป่ าวประกาศแก่ประชาชน เช่น พูดด้วยลาโพงต่อหน้าคนทัวๆไป ่ ๒๓ อ้างแล้ว ในเชิงอรรถที่ ๑๗
  • 16. ๑๖ ๓.๓ เหตุยกเว้ นความผิด นอกจากกฎหมายอื่นที่บญญัติให้ผกระทาการอันต้องด้วยความผิดทางอาญาฐานหมิ่น ั ู้ ่ ประมาท ไม่ตองรับผิดและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๑ ซึ่ งบัญญัติวา คู่ความ หรื อ ้ ทนายความของคู่ความ ซึ่ งแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อ ประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท แล้ว บทบัญญัติสาคัญและเป็ นประเด็น ปั ญหา โดยเฉพาะอย่างยิงในแวดวงวิชาการ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ ดังจะกล่าวใน ่ ั บทต่อไป เพื่อแยกแยะให้ชดเจนระหว่างหลักเกณฑ์ความรับผิดซึ่ งกล่าวถึงเป็ นหลักในบทนี้กบ ั คาอธิ บาย หลักเกณฑ์ต่างๆของบทบัญญัติที่ยกเว้นความผิด พร้อมทั้งแนวคาพิพากษาของศาลด้วย ่ มาตรา ๓๒๙ บัญญัติวา ผูใดแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความใดโดยสุ จริ ต ้ (๑)เพื่อความชอบธรรม ป้ องกันตนหรื อป้ องกันส่ วนได้เสี ยเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม (๒)ในฐานะเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบติการตามหน้าที่ ั (๓)ติชม ด้วยความเป็ นธรรม ซึ่ งบุคคลหรื อสิ่ งใดอันเป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา หรื อ (๔)ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็ นธรรมเรื่ องการดาเนิ นการอันเปิ ดเผยในศาลหรื อในการ ประชุม ผูน้ นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ้ ั
  • 17. ๑๗ ๓.๔ แนวทางการบังคับใช้ คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๖ เช่น คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๑/๒๔๙๐ จาเลยกล่าวว่าโจทย์ประพฤติเลวทรามศาลฎีกาเห็นว่าการกล่าวเลวทรามนั้นเป็ นข้อเท็จจริ งที่ยงไม่ ั ชัดเจน คลุมเครื อไม่แน่นอนว่าเลวทรามอย่างไรจึงยังไม่เป็ นข้อความหมิ่นประมาท แต่กรณี ที่ตอง ้ ด้วยฐานความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๘๐/๒๕๐๓ จาเลยได้ยนอาของ ิ ั ั โจทก์เล่าให้ฟังว่าโจทก์กบ อ. ซึ่ งเป็ นญาติรักใคร่ กนในทางชูสาวนอนกอดจูบกันและได้เสี ยกัน ้ ต่อมามีนาง ส. มาถามจาเลย จาเลยก็เล่าข้อความตามที่ได้ยนมาให้นาง ส. ฟัง เช่นนี้ถอยคาที่จาเลย ิ ้ กล่าวเป็ นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์อย่างเห็นได้ชดแม้จาเลยจะตอบออกไปโดยถูกถามก็ดี จาเลย ั ่ ควรต้องสานึกในการกระทาและเล็งเห็นผลการกระทาของจาเลย ถือได้วาจาเลยจงใจกล่าวข้อความ ยืนยันข้อเท็จจริ งโดยเจตนาใส่ ความโจทก์ (ฎีกาที่ ๗๙/๒๕๓๗ วินิจฉัยทานองเดียวกัน)๒๔ คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๗ เช่น “จาเลยเขียนบทความลงหนังสื อพิมพ์ ว่า “พรรคไหนเอ่ย ที่คนในพรรคพัวพันกับการค้าเฮโรอีนระหว่างประเทศจนต้องแก้ปัญหาด้วย ่ การปลิดชีพตัวเอง ลาโลก…”ข้อความดังกล่าวทาให้ผอ่านเข้าใจได้วาหมายถึงพรรค ป. และ ด. ู้ สามี โจทก์ซ่ ึ งเป็ น ส.ส. และ รมต. ดังนี้เป็ นการใส่ ความผูตายด้วยการโฆษณาอันน่าจะเป็ นเหตุให้ ้ ภริ ยาและบุตรของผูตายเสี ยชื่อเสี ยง ถูกดูหมิ่นหรื อถูกเกลียดชังได้”(ฎีกาที่ ๖๐๓๑/๒๕๓๑)๒๕ ้ คาพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๓๒๘ เช่น คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๑๒/๒๕๔๒ “ความผิดฐานหมิ่นประมาทที่กระทาโดยการโฆษณาหนังสื อพิมพ์ตาม ป.อ. ๓๒๘ ย่อมเป็ น ความผิดสาเร็ จเมื่อมีการวางจาหน่ายหนังสื อพิมพ์…”๒๖ ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญานั้นมีจานวนมากที่ศาลฎีกาได้วาง แนวคาวินิจฉัยไว้ ผูที่สนใจค้นคว้าเพิ่มเติม สามารถค้นได้จากเว็บไซต์ของศาลฎีกา หรื อจากตารา ้ คาอธิ บายของผูเ้ ขียนมากมาย ที่ผเู ้ ขียนได้อางอิง เช่น หม่อมหลวงไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ศาสตราจารย์ ้ จิตติ ติงศภัทิย ์ ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร ศาสตราจารย์ ดร. ั ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ เป็ นต้น ๒๔ อ้ างแล้ วในเชิงอรรถที่ ๒๑ น.๑๗๕ ถึง ๑๗๖. ๒๕ โปรดดู ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, “ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอ้ างอิง”, พิมพ์ครังที่ ๓๑, (กรุงเทพ:วิญญูชน,๒๕๕๖.) ้ น.๓๒๘. ๒๖ อ้ างแล้ ว ในเชิงอรรถที่ ๒๑ หน้ า ๑๙๑.
  • 18. ๑๘ บทที่ ๔ วิเคราะห์ การบังคับใช้ เหตุยกเว้ นความผิด ตามมาตรา ๓๒๙(๓) ๔.๑ เจตนารมณ์ ปรากฏคาอธิ บายจากหนังสื อ หลักกฎหมายอาญา พิมพ์ครั้งที่ ๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยศาสตราจารย์ แสวง บุญเฉลิมวิภาส สานักพิมพ์วญญูชน ๒๕๕๑ หน้า ๘๒ ความตอนหนึ่งว่า “หลักชังน้ าหนัก ิ ่ ประโยชน์หรื อหลักชังน้ าหนักคุณธรรมทางกฎหมาย เป็ นหลักกฎหมายที่นกนิติศาสตร์ ได้พฒนาขึ้น ั ั ่ จากหลักเรื่ องการกระทาผิดด้วยความจาเป็ น เพราะตามความคิดแต่เดิมนั้นถือว่า การกระทาผิดด้วย ความจาเป็ นเป็ นการกระทาที่ผดกฎหมายเพียงแต่กฎหมายยกเว้นโทษให้เท่านั้น ไม่เหมือนกับการ ิ กระทาเพื่อป้ องกันที่ถือว่าเป็ นการกระทาที่ไม่ผดกฎหมาย ิ ต่อมาในราวศตวรรษที่ ๑๙ นักนิติศาสตร์ ชาวเยอรมันได้พฒนาความคิดออกไปว่า การ ั ่ กระทาด้วยความจาเป็ นในบางกรณี เกิดขึ้นเนื่ องจากผูกระทาอยูในสภาวะที่ตองเลือกกระทาใน ้ ้ ขณะที่มีประโยชน์สองสิ่ งที่ขดแย้งกันอยู่ และผูกระทาจาต้องกระทาสิ่ งใดไปเพื่อรักษาประโยชน์ที่ ั ้ สู งกว่าไว้ เช่น กรณี ที่แพทย์จาต้องทาแท้งเพื่อรักษาชีวตมารดา ิ หลังจากที่นกกฎหมายเยอรมันได้พฒนาหลักกฎหมายนี้ข้ ึนและได้บญญัติไว้ในประมวล ั ั ั กฎหมายในเวลาต่อมา ประเทศต่างๆก็ได้รับหลักกฎหมายนี้มาปรับใช้ในประเทศของตน สาหรับ ประเทศไทยไม่ได้นาหลักเกณฑ์ดงกล่าวมาบัญญัติเป็ นหลักทัวไปแต่ได้นาแนวความคิดมาบัญญัติ ั ่ ไว้เฉพาะในเรื่ องการทาแท้ง( ดูประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๕(๑)) ซึ่ งนักกฎหมายบางท่าน เห็นว่าหลักเกณฑ์ในเรื่ องนี้ อาจนาไปใช้ในกรณี อื่นๆได้ดวย(ดู คณิ ต ณ นคร, ประมวลกฎหมาย ้ อาญา หลักกฎหมายและพื้นฐานการเข้าใจ, พิมพ์ครั้งที่ ๕ , สานักพิมพ์นิติธรรม พ.ศ.๒๕๓๘, น. ๒๑๔)” เพื่อให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของมาตราดังกล่าวมากยิงขึ้น และก่อนจะทาความเข้าใจใน ่ ประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง ควรทาความเข้าใจเกี่ยวกับคาอธิ บายทางตาราเสี ยก่อน เพื่อให้มีหลักการ ในการวิพากษ์วจารณ์อย่างมีเหตุมีผล มีความรู ้อางอิงที่ถูกต้อง ทั้งนี้จะยึดแนวคาอธิ บายของ ิ ้ ศาสตราจารย์ ดร. หยุด แสงอุทย เป็ นหลัก(เช่นเดียวกับที่นาเสนอมาข้างต้น)แต่ในส่ วนนี้จะเพิ่มเติม ั คาอธิบายของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิยดวย ์้
  • 19. ๑๙ ๔.๒ หลักเกณฑ์ มาตรา ๓๒๙ ซึ่ งเป็ นบทบัญญัติที่ยกเว้นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทนั้นกล่าวอีก นัยหนึ่งคือเป็ นเหตุให้ผกระทามีอานาจทาได้ ซึ่งศาสตราจารย์ ดร. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐใช้คาว่า ู้ อานาจกระทา องค์ประกอบภายนอก แสดงความคิดเห็นหรื อข้อความโดยสุ จริ ตและต้องด้วยลักษณะ อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ๑)เพื่อความชอบธรรม ป้ องกันตนหรื อป้ องกันส่ วนได้เสี ยเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม(ซึ่ ง เป็ นมูลเหตุชกจูงใจ) ั ๒)ในฐานะเป็ นเจ้าพนักงานปฏิบติการตามหน้าที่ ั ๓)ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็ นธรรมหรื อการดาเนินการอันเปิ ดเผยในศาลหรื อในการ ประชุม องค์ประกอบภายใน เจตนาธรรมดา เว้นแต่สาหรับอนุมาตรา (๑) ต้องมีมูลเหตุชกจูงใจ ั ดังกล่าว มาตรานี้ให้อานาจแก่บุคคลที่จะกล่าวโดยแสดงความคิดเห็นโดยสุ จริ ต หรื อกล่าวข้อความ คือกล่าวข้อเท็จจริ งได้โดยสุ จริ ต ซึ่ งเป็ นกรณี ที่ผกระทามีอานาจทาได้ (ไม่ใช่กรณี ที่ผกระทาไม่มี ู้ ู้ อานาจกระทาได้ และการกระทานั้นเป็ นความผิดในตัวเอง แต่กฎหมายยกเว้นโทษให้ดงเช่นในเรื่ อง ั การกระทาความผิดโดยความจาเป็ นตามมาตรา ๖๗) ทั้งนี้เห็นได้ชดจากถ้อยคาว่า “ ผูน้ นไม่มี ั ้ ั ความผิดฐานหมิ่นประมาท” เมื่อปรากฏว่าผูกระทามีอานาจทาได้ตามมาตรานี้ แล้ว แม้ผกระทาจะ ้ ู้ มิได้ยกเป็ นข้อต่อสู ้ในชั้นศาล ศาลก็ตองยกฟ้ องเพราะผูกระทามิได้ผดฐานหมิ่นประมาทแต่ประการ ้ ้ ิ ใดและกรณี ที่มาตรานี้ให้อานาจ มีดงต่อไปนี้ ั ๑)เป็ นการแสดงความคิดเห็นโดยสุ จริ ต คือเป็ นความคิดเห็นที่ผกระทาได้อาศัยข้อความที่ ู้
  • 20. ๒๐ ผูกระทาเองเชื่อโดยสุ จริ ต๒๗ว่าเป็ นความจริ ง และทั้งได้แสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์อย่างหนึ่ง ้ อย่างใดในอนุมาตรา (๑) หรื อต้องด้วยลักษณะอนุมาตรา (๒) ถึงอนุมาตรา (๔) โดยแท้จริ ง หรื อ มิฉะนั้นก็เป็ นการแสดงข้อความ คือกล่าวถึงข้อเท็จจริ งใดๆ โดยสุ จริ ตคือ โดยผูกระทาเชื่อว่า ้ ข้อความที่กล่าวเป็ นความจริ ง และ ๒) เป็ นการกระทาอันต้องด้วยลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดในอนุมาตรา (๑) ถึง (๔) ด้วย เมื่อปรากฏว่าเป็ นการแสดงความคิดเห็นหรื อข้อความโดยสุ จริ ตเข้าลักษณะ ๒ ประการ ข้างต้น แม้คากล่าวจะไม่เป็ นความจริ ง แต่ผกระทาสาคัญผิดว่าเป็ นความจริ ง การกระทาก็ไม่เป็ น ู้ ความผิด อนุมาตรา (๓) เป็ นการให้อานาจบุคคลให้ติชมด้วยความเป็ นธรรมซึ่งบุคคลหรื สิ่งใดๆอัน เป็ นวิสัยของประชาชนย่อมกระทา ทั้งนี้หมายถึงการวิพากษ์วจารณ์โดยเที่ยงธรรม ชีวตของบุคคล ิ ิ ใดเป็ นที่สนใจของประชาชนมาก เช่น เพราะเป็ นนักการเมือง ผูแสดงภาพยนตร์ ตัวละคร หรื อนัก ้ ่ ประพันธ์ก็เป็ นวิสัยของประชาชนที่จะวิพากษ์วจารณ์มาก เข่น คนดูละครอาจวิพากษ์วจารณ์วาตัว ิ ิ ่ ละครแสดงไม่ดี เก้อเขิน คนอ่านหนังสื ออาจวิจารณ์วานักประพันธ์แต่งไม่ถึงขนาด อนุ มาตรานี้ให้ ่ อานาจกล่าวได้เพียงเท่าที่ประชาชนติชมกันอยูโดยปกติ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย ์ ๒๘ อธิ บายคาว่า “การติชมด้วยความเป็ นธรรม หมายความว่า กล่าวด้วยความเข้าใจว่าถูกต้องและสมควรกล่าวตามความรู ้สึกของคนทัวไป มิใช่แกล้งกล่าวครึ่ งๆ ่ กลางๆบิดเบือนตัดต่อ เสี ยดสี หยาบคาย ยัวยุ มุ่งหมายให้เกิด ความโกรธ เกลียด ไม่พอใจ ดูหมิ่น ่ การกล่าวถึงบทละคร อาจมีความหมายเข้าใจไปถึงตัวผูแต่งบทละครนั้น การติชมเป็ นวิสัยของ ้ ปุถุชนผูมีกิเลศก็จริ ง แต่จะได้รับความยกเว้นก็เฉพาะคากล่าวติชมที่เป็ นวิสัยประชาชนย่อมกระทา ้ ข้อนี้จึงต้องพิจารณาตามความรู ้สึกของคนทัวไปว่าเป็ นวิสัยที่คนทัวไปจะกล่าวติชมเช่นนั้นด้วย ่ ่ หรื อไม่ ถ้าไม่ใช่เรื่ องที่ใครๆเขาจะพูด แต่มีใครคนหนึ่งเอามาพูด ก็ไม่ใช่วสัยที่ประชาชนเขาพูดกัน ิ การติชมแต่เดิมเคยจากัดเฉพาะการแสดงความคิดเห็น แต่เมื่อมาตรา ๓๒๙ ยกเว้นความผิดให้ท้ ง ั ๒๗ โดยสุจริ ต ( in good faith ) โปรดดู พจนานุกรมกฎหมาย และศัพท์ที่เกี่ยวข้อง อังกฤษ-ไทย พิมพ์ครั้งที่สอง แก้ไขเพิมเติม กรุ งเทพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕๔๔ หน้า ๑๖๑ ) ตามความหมายที่ปรากฏในพจนานุกรม ่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายความว่า โดยซื่อสัตย์ เปิ ดเผย หรื อโดยไม่รู้ถึงสิ ทธิของบุคคลอื่นที่ดีกว่า ๒๘ อ้ างแล้ ว ในเชิงอรรถที่ ๑๙ น.๑๙๐๐ ถึง ๑๙๐๘.
  • 21. ๒๑ การแสดงความคิดเห็นหรื อแสดงข้อความ ข้อจากัดเฉพาะการแสดงความคิดเห็นก็หมดไป อย่างไร เป็ นวิสัยที่ประชาชนย่อมติชมมิได้หมายความว่า ถ้าคนทัวไปพูดกันเช่นข่าวลือแล้ว จะเป็ นวิสัย ่ ประชาชน แต่พิจารณาตามสภาพของเรื่ องว่าเป็ นปกติวสัยของประชาชนจะสนใจวิจารณ์ติชมเรื่ อง ิ เช่นนั้นหรื อไม่ ซึ่ งมีคาอธิ บายว่า เป็ นเรื่ องที่ประชาชนสนใจ เพราะเกี่ยวกับราชการบ้านเมืองหรื อ ท้องถิ่นกิจการขององค์กรสาธารณะ หรื อพฤติการณ์ของเจ้าพนักงานผูปฏิบติงานเกี่ยวกับระชาชน ้ ั ประเภทหนึ่ง และอีกประเภทหนึ่งเกี่ยวกับบุคคลที่เสนอตัว หรื อการงานของเขาต่อประชาชน เช่น ผูสมัครเข้ารับหน้าที่เกี่ยวกับประชาชน ศิลปิ น ผูเ้ สนอการแสดง เสนอสิ นค้าต่อประชาชน พระและ ้ นักบวชผูสอนศาสนา ครู บาอาจารย์ นักกีฬา กิจการที่อาศัยความน่าเชื่ อถือของประชาชน เหล่านี้ ้ เป็ นต้น แต่ท้ งนี้ตองไม่ล่วงล้ าเข้าไปในเรื่ องส่ วนตัวของเขา” ั ้ และอธิ บายเพิมเติมในหน้า ๑๙๐๗ ถึง ๑๙๐๘ ต่อไปว่า “ในบางเรื่ องศาลวินิจฉัยว่าเป็ นการ ่ ่ แสดงข้อเท็จจริ ง มิใช่ความคิดเห็น ซึ่ งบัดนี้กฎหมายไม่ถือว่าต่างกัน แต่ก็ยงต้องอยูในข่ายของการติ ั ่ ั่ ชมตามวิสัยประชาชนย่อมกล่าวอยูนนเอง อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับการเสนอข่าวโดยทัวไปของ ่ หนังสื อพิมพ์ เช่น เหตุการณ์เกี่ยวกับความผิดอาญาที่เกิดเป็ นประจาวันนี้ มีความเห็นทาง ั สหรัฐอเมริ กาว่า ข่าวทัวไปย่อมเป็ นที่สนใจของประชาชน เหตุการณ์ประจาวันที่รู้กนโดยเปิ ดเผย ่ อาจนามากล่าวต่อกันได้ เว้นแต่จะมีพฤติการณ์พิเศษอันควรปกปิ ดเป็ นความลับ การแจ้งข่าวว่าผูใด ้ ถูกจับฐานลักทรัพย์ อาจทาให้ผถูกจับเสี ยชื่อเสี ยง แต่ก็ไม่หามที่จะลงข่าวนี้ในหนังสื อพิมพ์… หาก ู้ ้ เลยไปกว่าการแจ้งข่าว กลายเป็ นยืนยันว่าผูตองหากระทาความผิดจริ งตามนั้น ก็ไม่ได้รับการยกเว้น ้้ ความผิด หนังสื อพิมพ์อาจติชมกรณี ที่เป็ นปั ญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต สุ ขภาพ สวัสดิการ ของประชาชน เช่น สภาพการในโรงพยาบาล สุ ขลักษณะของโรงแรม และร้านอาหาร เป็ นต้น ข้อความเหล่านี้ คนธรรมดาก็น่าจะกล่าวได้เพราะมีสภาพเป็ นวิสัยที่ประชาชนย่อมกล่าวกันเป็ น ธรรมดา ไม่ใช่เอกสิ ทธิ เฉพาะหนังสื อพิมพ์โดยที่คนธรรมดาไม่มีเอกสิ ทธิ ที่จะกล่าวเช่นนั้น” ส่ วน ศาสตราจารย์ ดร. คณิ ต ณ นคร อธิ บายว่า “การติชมด้วยความเป็ นธรรมตามนัยมาตรา ๓๒๙(๓) แท้จริ งก็คือการใช้สิทธิ ตามรัฐธรรมนูญนันเอง กฎหมายจึงย้าให้เห็นถึงอานาจของบุคคลตาม ่ ระบอบการเมืองของประเทศ”