More Related Content
More from Surapong Jakang (20)
29 08-56
- 1. วิธีสังเกตเห็ดมีพิษในเมืองไทย
วิธีสังเกตเห็ดพิษ
เห็ดพิษในประเทศไทยมีอยู่หลายชนิด ทั้งที่มีพิษร้ายแรงที่สุดที่ทาให้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ คือ
เห็ดในสกุลอะมานิตา (Amanita) และเห็ดในสกุลเฮลเวลลา (Helvella) ส่วนเห็ดในสกุลอื่นๆ ไม่เป็นอันตราย
มากนัก เพียงแต่ทาให้เกิดอาการมึนเมา สาหรับในประเทศไทยเห็ดอะมานิตาเป็นเห็ดมีพิษที่ควรระวังมากที่สุด
เห็ดที่ควรหลีกเลี่ยงไม่เก็บมากิน คือ เห็ดที่มีสีน้าตาล เห็ดที่มีปลอกหุ้มโคน เห็ดที่มีวงแหวน
ใต้หมวก เห็ดที่มีโคนอวบใหญ่ เห็นที่มีปุ่มปม เห็ดที่มีหมวกสีขาว เห็ดที่มีหมวกเห็นเป็นรูๆ แทนที่จะเป็นช่องๆ
คล้ายครีบปลา เห็ดตูมที่มีเนื้อในสีขาว เห็ดที่ขึ้นในมูลสัตว์หรือใกล้มูลสัตว์ ที่สาคัญคือไม่ควรเก็บหรือซื้อหาเห็ด
ป่าที่ไม่รู้จักมาปรุงอาหารกิน
ในการเก็บเห็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติ ให้เก็บเห็ดที่มีรูปร่างสมบูรณ์ เก็บให้ครบทุกส่วนโดยขุดให้
ลึก อย่าเก็บเห็ดหลังพายุใหม่ๆ เพราะสีบนหมวกของเห็ดบางชนิดอาจถูกฝนชะล้างให้จางลงได้ ไม่เก็บเห็ดที่ขึ้น
ใกล้โรงงานสารเคมี สนามกอล์ฟ หรือข้างถนน เนื่องจากเห็ดสามารถดูดซับสารพิษและโลหะหนักไว้ในตัวได้
มาก เห็ดที่ไม่เคยกินมาก่อนควรกินเพียงเล็กน้อยก่อน เพราะอาจมีอาการแพ้ได้ และห้ามกินเห็ดดิบๆ โดย
เด็ดขาด
วิธีทดสอบความเป็นพิษของเห็ด
การสังเกตลักษณะต่างๆของ เห็ดเป็นการยากที่จะจาแนกได้ว่าเห็ดชนิดใดมีพิษหรือชนิดใด
- 2. ไม่มีพิษ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ นอกวงการเห็ดหรือชาวบ้านทั่วไป ดังนั้น ถ้าเก็บเห็ดชนิดหนึ่งชนิดใดได้และไม่แน่ใ จ
ว่าเป็นเห็ดพิษหรือไม่ วิธีการง่ายๆ ที่ใช้ ทดสอบกันอยู่ในปัจจุบัน คือ
1.นาไปต้มกับข้าวสาร ถ้าเป็นเห็ดพิษ ข้าวสารจะสุกๆ ดิบๆ หรือไม่สุก
2.ใส่หัวหอมลงไปในหม้อต้มเห็ด ถ้าเห็ดเป็นพิษ น้าต้มเห็ดจะเปลี่ยนเป็นสีดา
3.ในขณะที่ต้มเห็ด ถ้าใช้ช้อนที่เป็นช้อนเงินแท้ลงไปคน ถ้าเห็ดเป็นพิษ ช้อนจะเปลี่ยนเป็นสีดา
4.ใช้มือถูหมวกดอกเห็ดจะเกิดแผล ถ้ารอยแผลมีสีดา แสดงว่าเป็นเห็ดพิษ
5.ทดสอบโดยการสังเกตดูดอกเห็ด ถ้ามีรอยแมลงสัตว์กัดกิน แสดงว่าไม่มีพิษ
จากการทดสอบทั้ง 5 วิธีดังกล่าว ก็ยังไม่สามารถทดสอบความเป็นพิษของเห็ดได้อย่าง
แน่นอน เช่น การจุ่มช้อนเงินลง ไปในหม้อต้มเห็ด พบว่า เห็ดอะมานิตา ฟัลลอยด์ ( Amanita Phalloides)ซึ่ง
เป็นเห็ดที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ช้อนจะไม่เปลี่ยน เป็นสีดา หรือการสังเกตรอยกัดแทะของสัตว์ก็ยังไม่สามารถ
เชื่อถือได้ เพราะกระต่ายและหอยทากสามารถกัดกินเห็ดอะมานิตา ฟัลลอยด์ได้โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
เนื่องจากในกระเพาะอาหารของสัตว์ดังกล่าวมีสารที่ทาลายพิษของเห็ดชนิดนี้ได้ ลักษณะ ของเห็ดพิษใน
สกุลอะมานิตา เห็ดพิษที่พบในประเทศไทยมากที่สุดขณะนี้คือ เห็ดในสกุลอะมานิตา และเห็ดพิษที่ร้ายแรง
ที่สุดคือ เห็ดอะมานิตา ฟัล ลอยด์ การสังเกตลักษณะของเห็ดในสกุลนี้ให้สังเกตที่ครีบดอกและสปอร์จะมีสีขาว
โดย ที่หมวกดอกเป็นสีอื่น นอกจากนี้ที่โคน ดอกจะมีปลอกหุ้มพร้อมกับมีวงแหวนที่ก้านดอก
อาการเป็นพิษของเห็ดพิษทุกชนิด
ส่วนใหญ่จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ง่วงนอน ใจสั่นหรือปวดท้องอย่าง
รุนแรง ฉะนั้นหากบริโภคเห็ดชนิดใดเข้าไปแล้วเกิดอาการดังกล่าว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที ถึงแม้ว่าเห็ดพิษบาง
ชนิด พิษจะไม่รุนแรงมากนักก็ตาม แต่ถ้าผู้ที่บริโภคเห็ดมีร่างกายอ่อนแอหรือ เป็นโรคภูมิแพ้ก็อาจจะ
เป็นอันตราย ถึงแก่ชีวิตได้
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่กินเห็ดพิษส่วนใหญ่ เกิดจากความมั่นใจว่าเป็นเห็ดไม่มีพิษ เพราะลักษณะของ
เห็ดพิษกับเห็ดที่กินได้บางชนิดมีลักษณะคล้ายคลึงกันมากโดยเฉพาะเห็ดยังดอกตูม
อาการของผู้กินเห็ดพิษจะมีหลายอาการตามชนิดของเห็ดที่กินเข้าไป ส่วนใหญ่จะมีอาการ
คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดท้อง เป็นตะคริว อาจเกิดขึ้นหลังกินไม่กี่นาที หลายชั่วโมง หรือหลายวัน
ในรายที่อาการรุ่นแรงจะเสียชีวิตได้ภายใน 1-8 วัน จากการที่ตับถูกทาลาย
ดังนั้น การปฐมพยาบาลหรือช่วยเหลือผู้ป่วยก่อนนาส่งโรงพยาบาล ที่สาคัญคือ ทาให้ผู้ป่วย
อาเจียนออกมาให้มากที่สุดโดยดื่มน้าอุ่นผสมเกลือแกงแล้วล้วงคอออก เพื่อลดการดูดซึมพิษเข้าร่างกายและรีบ
นาส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที พร้อมนาเห็ดที่รับประทานไปด้วย
- 4. รวบรวมเห็ดป่ากินได้..มือใหม่ ควรศึกษาให้ดีก่อนรับประทาน
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ มีเห็ดป่าจานวนมากเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งเห็ดกินได้ (ไม่มีพิษ)
และกินไม่ได้ (มีพิษ) ในแต่ละปีประเทศไทยมีคนเสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดป่าหลายรายต่อปี แต่เพื่อให้
เกิดความรู้ความเข้าใจในเห็ดป่ากินได้ ผมขอรวบรวมเห็ดป่าที่เกิดในป่าโคก ของแถบจังหวัดทางภาค
อีสาน ส่วนท่านใดจะมาต่อยอด นาภาพเห็ดป่าที่กินได้จากทางภาคอื่นๆ มาร่วมแจมในกระทู้ก็ยินดีเป็นอย่าง
ยิ่ง เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจ ทั้งมือใหม่ และมือเก่า จะได้นาความรู้นี้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
ปกติเห็ดป่าจะเกิดก็ต่อเมื่อได้รับน้าฝนในปริมาณที่มากพอจะพื้นดินเกิดความชื้น บวกกับ
ความร้อนจากแสงแดด ทาให้เกิดสภาวะที่เหมาสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราเห็ด โดยปกติเชื้อราเห็ดป่าจะ
มีหลายสายพันธุ์นับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ภาพเห็ดต่อไปนี้จะเป็นเห็ดที่คนเฒ่าคนแก่ได้สอนลูกหลานให้เรียนรู้
มาหลายชั่วอายุคนว่า เห็ดชนิดไหนกินได้ และเห็ดชนิดไหนกินไม่ได้ วันนี้ขอนาความรู้เกี่ยวกับเห็ดที่กินได้
มาถ่ายทอดให้สมาชิกและผู้สนใจทั่วไปได้รับชมครับ
ในสมัยก่อนที่ยังมีป่าอุดมสมบูรณ์ เห็ดป่าเกิดขึ้นเป็นจานวนมาก เดินออกจากบ้านไม่ถึง
ชั่วโมงเก็บใส่ตะกร้ากันไม่หวาดไม่ไหว เพราะจานวนประชากรยังน้อย เห็ดที่แก่แล้ว หรือเห็ดที่บาน คน
สมัยก่อนจะไม่เก็บมารับประทาน ปล่อยไว้ให้มันเน่าและกลายเป็นเชื้อเห็ดฝังไว้ในดินรอการเกิดใหม่ในปี
ถัดไป แต่สมัยนี้เห็ดจะบานใกล้เน่าแค่ไหนคนก็ยังเก็บใส่ตะกร้าเพื่อนามาประกอบอาหาร ประกอบกับการ
แผ้วถางป่าเพื่อทาไร่ ส่งผลให้พื้นที่ป่าลงลงเป็นจานวนมาก นั่นหมายถึง จานวนเห็ดป่าที่ลดลงเช่นเดียวกัน
ก่อนจะเก็บเห็ด มาดูส่วนประกอบของเห็ดกันก่อนครับ ซึ่งเห็ดแต่ละชนิดอาจมีส่วนประกอบ
- 5. ไม่เหมือนกัน1ใบ และมีด 1 ด้าม ... ตะกร้าสาหรับใส่
เห็ด มีดสาหรับเซาะหรือขุดเห็ด
ขึ้นจากดินครับ
อุปกรณ์สาหรับเก็บเห็ดป่า นอกจากชุดที่เราจะสวมใส่เดินเข้าป่าแล้ว ประกอบด้วย ตะกร้า
สุดยอดของเห็ดที่นับได้ว่าหากยาก และอร่อยที่สุด ต้องยกให้เห็ดไค พื้นที่อื่นๆ อาจมีชื่อเรียกต่างกันออกไป
ลักษณะของเห็ดไค เป็นเห็ดที่มีสีขาว บางทีก็มีสีเขียวแซมๆ บ้างเหมือนกัน ดอกใหญ่และแข็ง มีกลิ่นหอม
โดยเฉพาะเวลาย่างไฟจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ นิยมนามาทาแกง และน้าพริก (แจ่วเห็ดไค)
เห็ดไค เพิ่งโผล่จากดิน
- 11. ภาพรวมๆ เห็ดไค ปัจจุบันขายกิโลกรัมละ 200 บาท
เห็ดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ในผืนป่าอิสาน และนับว่าเป็นสุดยอดของเห็ดเลยก็ว่าอีกชนิดหนึ่งก็คือเห็ดละ
โงก หรือ เห็ดระโงก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เห็ดละโงกขาว กับ เห็ดละโงกเหลือง ราคาเห็ดชนิดนี้ต้นฤดู
สูงถึง 200-300 บาท/กิโลกรัม และในช่วงที่ออกมากๆ ราคายังไม่ต่ากว่า150 บาท/กิโลกรัม
เห็ดละโงกขาว จะมีลักษณะเป็นสีขาว เมื่อตอนเล็กๆ ที่ยังอยู่ในดิน เห็ดชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนไข่
ห่าน บางพื้นที่เรียกเห็ดไข่ห่าน แต่ทางอีสานเรียกเห็ดละโงกขาว จากนั้นเมื่อมันเริ่มโต จะมีดอกเห็ดโผล่
ออกมาจากไข่ แล้วค่อยๆ โต และบานเต็มที่ (เหมือนในภาพ)
- 23. อีกภาพสีจะจืดกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้น
เห็ดก่อ มีลักษณะดอกแข็ง สีแดง หรือสีแดงอมม่วง คล้ายเห็ดไค แตกต่างกันที่สีและกลิ่นเท่านั้น กลิ่นของ
เห็ดก่อจะไม่หอมเหมือนเห็ดไค แต่เวลานามาย่างตาน้าพริก รสชาติอร่อยไม่แตกต่างกันครับ เห็ดชนิดนี้มักจะ
เกิดในป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และรกทึบพอสมควร เรียกว่าไม่เกิดให้เราได้กินง่ายๆ นิยมนามาทา
แกง เพราะมีรสหวาน และตาน้าพริกก็ได้
เห็ดก่อ มองดูผิวเผินอาจเหมือน เห็ดน้าหมาก แต่ลักษณะดอกจะใหญ่และแข็งกว่า สีคล้ากว่า เกิดเป็นกลุ่ม
- 24. บางครั้งเก็บทีเดียวได้เต็มตะกร้า ครั้งละ 1-4 กิโลกรัมเลยครับ
เห็ดปลวกไก่น้อย หรือ เห็ดโคนเล็ก มีขนาดเล็กมากเกิดเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากมีขนาดอกที่เล็ก ทา
ให้ต้องใช้เวลาในการเก็บค่อนข้างนาน และเสียเวลากับการล้างทาความสะอาด ปัจจุบันเห็ดชนิดนี้เริ่มหาก
ยากขึ้นทุกวัน เพราะสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้หายไป นี่อาจเป็นภาพสุดท้ายที่เราจะได้เห็นเห็ดปลวกไก่น้อย
ก็ได้ครับ นิยมนามาทาแกง หรือหมกเห็ดใส่ไข่
- 29. เห็ดดิน มีลักษณะเหมือนเห็ดน้าหมาก คล้ายเห็ดไค แต่จะมีกลีบดอกที่อ่อนกว่าเห็ดไค เห็ดดินจะมีสีขาว
กลิ่นหอมคล้ายเห็ดน้าหมาก แต่จะไม่หอมเหมือนเห็ดไค ภาพเห็ดดินที่เกิดใกล้ๆ กับโคนไผ่กิมซุง ที่สวนไผ่
ฟาร์มสุข ผมเอาแกลบไปเททับโคนไผ่ แต่เห็ดดินก็ยังเกิดขึ้นมาได้