๑

                     คูมือวิทยากรโครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร"

สารบัญ

   ๑. หนาปก
   ๒. ปกใน
   ๓. แนะนําศูนย
   ๔. รูปหลวงพอ
   ๕. รูปพระอาจารยเผียน
   ๖. รูปประธานศูนยฯ
   ๗. รูปรองประธานทั้ง ๓ และเลขานุการ
   ๘. รายนามพระวิทยากร
   ๙. อุดมการณของพุทธบุตร
   ๑๐. คําอนุโมทนาของหลวงพอ
   ๑๑. คําปรารภของประธานศูนยฯ
   ๑๒. คํานํา
   ๑๓. สารบาญ
   ๑๔. ภาคเตรียมการ
               -โครงการ
               -การเตรียมการ
               -หนาที่ของกรรมการฝายตางๆ
               -ตัวอยางคําสั่งตางๆ
               -ตารางอบรม
   ๑๕. ภาควิชาการ
               -การเขาถึงพระรัตนตรัย
               -ศีลหาคือมนุษยธรรม
               -มารยาทชาวพุทธ
               -วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา
               -ประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ
               -การมีระเบียบวินัย
               -ความรับผิดชอบ
               -การเปนบุตรที่ดี
๒

          -การเปนศิษยที่ดี
          -การเปนเพื่อนที่ดี
          -การเปนพลเมืองที่ดี
          -การเปนสาวกที่ดี
          -พูดปลุกใจหนาเสาธง
          -ศาสนพิธีที่ควรรู

๑๖. ภาคกิจกรรม
           -ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม
           -พิธีเปดการอบรม
           -คํากลาวบูชาพระรัตนตรัย
           -พิธีมอบตัวเปนศิษย
           -คํากลาวมอบตัวเปนศิษย
           -คํามั่นสัญญา
           -กติกา สัญญาใจ คําปฎิญาณ
           -รับประทานอาหาร
           -ปลุกความสํานึกกอนรับประทานอาหาร
           -ตัวอยางตารางเวียนฐาน
           -ภาพแบงฐาน
           -การทําวัตรสวดมนต
           -การเจริญภาวนา
           -พิธีสูความเปนพุทธบุตร
           -คํามอบตัวเปนพุทธบุตร
           -บทแผเมตตา
           -ภาพการบริหารกาย
           -การเดินจงกรม
           -กิจกรรมหนาเสาธง
           -การเขียนบทความ
           -กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค
           -พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม

๑๗. ภาคผนวก
๓

               -พุทธศาสนสุภาษิตและคํากลอน
               -ตัวอยางบทความของเด็ก
               -ตัวอยางเสียงกระซิบสั่งจากครู
               -ตัวอยางแบบประเมินผล
               -ตัวอยางใบสํารวจศีล
               -เพลงประกอบกิจกรรม
๑๘. ปกหลัง

ภาคเตรียมการ
โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร"
๑. ชื่อโครงการ โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร"
๒. หลักการและเหตุผล
   สภาพสังคมไทยในปจจุบันเปนที่ยอมรับกันวา มีความเจริญกาวหนาในการพัฒนาประ
เทศดวยเทคโนโลยี กอใหเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายดาน ทั้งทางดานเศรษฐกิจ - สังคม
และการเมือง ประชาชนสวนหนึ่งไดรับความสะดวกสบายทางวัตถุมากขึ้น ในขณะเดียวกัน
ความเสื่อมทางจิตใจก็ทวีขึ้นจนเปนที่นาวิตก ดังจะเห็นไดจากปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้น
อยางสลับซับซอน เชน ผูคนไมเคารพตอศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ขาดระเบียบวินัย มีคา
นิยมในทางฟุงเฟอฟุมเฟอย เห็นแกตัว จนกลาวไดวา "พัฒนาแตไมเจริญ" หรือพัฒนาแต
วัตถุ ไมพัฒนาทางดานจิตใจ สภาพสังคมทั่วไปจึงอยูในขั้นวิกฤต
   ศูนยสืบอายุพระพุทธศาสนา ไดรวมมือกับหนวยงาน องคการกุศล โรงเรียนเอกชน
ตลอดจนผูเห็นคุณคาในการสรางโอกาสใหผูอื่นมีคุณธรรม พิจารณาเห็นวา "การสรางคนใหมี
คุณธรรมนั่นแหละคือการสรางชาติ" เปนการฟนฟูจิตใจเยาวชนหรือผูเขารับการอบรมใหกลา
แข็ง รูเทาทันตอสิ่งที่เกิดขึ้น โดยนําเอาหลักธรรมมาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ใหรูจัก
ลด ละ เลิก สิ่งชั่วราย จนเกิดความปลอดภัยนําความสงบเย็นมาสูชีวิต โดยใชวิธี
การอบรมตามแนวเขาคาย ดังนั้นโครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" จึงเกิดขึ้น

๓. วัตถุประสงค
    ๓.๑ เพื่อใหผูเขารับการอบรม มีความรูความเขาใจ ในหลักธรรมของศาสนาเทาที่จํา
เปนตอการดําเนินชีวิต อยางถูกตองและเพียงพอ
    ๓.๒ เพื่อใหผูเขารับการอบรม นําหลักธรรมนั้นมาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน จนเกิด
เปนคุณธรรมประจําชีวิต ไมตกเปนทาสของความชั่วรายทั้งปวง มีชีวิตอยูอยางปลอดภัย และ
สงบเย็น
๔

    ๓.๓ เพื่อใหผูเขารับการอบรม ดําเนินชีวิตเปนแบบอยางที่ดีงามแกผูอื่น ทั้งในทาง
ดานมีระเบียบวินัย ขยัน อดทน ซื่อสัตย - สุจริต รับผิดชอบและกตัญูกตเวที เปนตน
    ๓.๔ เพื่อใหผูเขารับการอบรม มีสวนรวมในการสืบอายุพระพุทธศาสนา และประเพณี
วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไวเปนมรดกอันล้ําคาของสังคมไทยสืบไป.
๔. กลุมเปาหมาย
    ๔.๑ นักเรียนชั้นประถมปลาย ครั้งละไมเกิน ๓๕๐ คน
    ๔.๒ นักเรียนชั้นมัธยมตน ครั้งละไมเกิน ๓๐๐ คน
    ๔.๓ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ครั้งละไมเกิน ๒๕๐ คน
    ๔.๔ นักศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และอุดมศึกษา ครั้งละไมเกิน ๒๐๐ คน
ลักษณะคาย
    ๕.๑ ตองอยูพักแรม ๒ คืน ๓ วัน หรือ ๓ คืน ๔ วัน หรือ ๔ คืน ๕ วัน
    ๕.๒ สถานที่จัดฝกอบรม โรงเรียน สํานักงาน ศูนยฝกอบรม วัด
    ๕.๓ มีคณะกรรมการรับผิดชอบ พระภิกษุ คณะครูอาจารย คณะกรรมการ
    ๕.๔ ไมจํากัดเพศ แตกําหนดอายุ(เฉพาะแตละคาย) จัดที่พักเปนสัดสวน เชน หอพัก
อาคารเรียน หรือนอนกลด เปนตน

วิธีการฝกอบรม
     ๖.๑ เขาคายพักแรมเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมรวมกัน(อาจรักษาอุโบสถศีลก็ได)
     ๖.๒ การฝกอบรมมีหลายรูปแบบ เชน การบรรยาย อภิปราย สนทนา ตอบปญหา
กิจกรรมกลุม ทําวัตรเชา - เย็น สมาธิภาวนา บริหารกาย - บริหารจิต ธรรมะจากสื่อ ฯลฯ

๗. งบประมาณ
   ๗.๑ งบประมาณจากสถานศึกษานั้น ๆ หรือหนวยงานนั้น ๆ
   ๗.๒ งบที่ไดรับจากผูมีจิตศรัทธาทั่วไป
๘. ผลที่คาดวาจะไดรับ
   ๘.๑ ทําใหเขาใจศาสนาที่ตนนับถือมากยิ่งขึ้น
   ๘.๒ ทําใหรูจักตนเองมากยิ่งขึ้น
   ๘.๓ ทําใหรูจักตัดสินใจเลือกทางดําเนินชีวตอยางถูกตองดวยตนเอง
                                             ิ
   ๘.๔ ทําใหมีความขยันหมั่นเพียร มีระเบียบวินัย และรับผิดชอบมากขึ้น
   ๘.๕ ทําใหออนนอมถมตน รูจักเกรงใจ และแสดงความเคารพตอผูใหญมากขึ้น
   ๘.๖ ทําใหมีความสามัคคี และอยูรวมกันอยางมีความสุข
   ๘.๗ ทําใหสํานึกในบุญคุณของทานผูมีคุณและตอบแทนไดดีขึ้น
๕

   ๘.๘ ทําใหเห็นคุณคาของความสงบทางจิตใจมากขึ้น
   ๘.๙ คณะครูอาจารย นักเรียน พระสงฆ และประชาชนทั่วไป ไดมีโอกาสจัดกิจกรรมใน
ทางสรางสรรค มีความสัมพันธอันดีระหวาง บาน วัด โรงเรียน สมกับคําวา "บวร"

การเตรียมงาน
๑. เตรียมเขียนโครงการ
๒. เตรียมงบประมาณ
๓. เตรียมแตงตั้งคณะกรรมการฝายตาง ๆ เชน
    ๓.๑ คณะกรรมการอํานวยการ
    ๓.๒ คณะกรรมการดําเนินงาน มี ๑๔ ฝาย ดังนี้
                 -กรรมการฝายประสานงาน
                 -กรรมการฝายที่ปรึกษาประจํากลุม
                 -กรรมการฝายวิชาการและธุระการ
                 -กรรมการฝายประชาสัมพันธ
                 -กรรมการฝายพิธีการ
                 -กรรมการฝายเตรียมการและจัดหาอุปกรณ
                 -กรรมการฝายเหรัญญิก
                 -กรรมการฝายปฏิคม
                 -กรรมการฝายสถานที่และบริการ
                 -กรรมการฝายโภชนาการ
                 -กรรมการฝายโสตทัศนูปกรณ
                 -กรรมการฝายพยาบาล
                 -กรรมการฝายรักษาความปลอดภัย
                 -กรรมการฝายประเมินผล
๔. เตรียมเด็กที่จะเขารับการอบรม
    ๔.๑ แจงใหเด็กทราบ
    ๔.๒ ทําหนังสือแจงใหผูปกครองเด็กไดทราบ
    ๔.๓ แจงใหเด็กเตรียมอุปกรณและเครื่องใชที่จําเปน
๕. เตรียมจัดรายชื่อเด็กเปนกลุม ๆ ๘ กลุม จํานวนเทากัน และทําปายชื่อเด็ก กลุมละสี เชน-
          กลุมเมตตา......สีเหลือง
          กลุมกรุณา.......สีน้ําเงิน
          กลุมมุทิตา.......สีแดง
๖

          กลุมอุเบกขา.....สีชมพู
          กลุมฉันทะ.......สีฟา
          กลุมวิริยะ.......สีเขียว
          กลุมจิตตะ.......สีขาว
          กลุมวิมังสา......สีน้ําตาล
๖. เตรียมสถานที่
    ๖.๑ เตรียมหองประชุม
                -ทําความสะอาด
                -ตกแตงเวที
                -เขียนปาย ตามตัวอยางดังนี้
            โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร"
             โรงเรียน....................
             วันที่.....เดือน.....พ.ศ.......
                -จัดตั้งโตะหมูบูชาครบชุด (มีธงชาติ,พระบรมฉายาลักษณ)
                -ติดตั้งเครื่องขยายเสียงพรอมเครื่องเทปคาสเซ็ทอยางดี
                -จัดตั้งชุดรับแขกและเกาอี้
                -ดูแลแสงไฟใหพอใชสําหรับกิจกรรมภาคกลางคืน
    ๖.๒ เตรียมที่วางอาหาร
                -เตรียมที่วางอาหาร ๔ ที่ (ถาเด็กไมเกิน ๑๕๐ คน จัด ๒ ที่ก็ได)
                -จัดที่วางอาหารใกลหองประชุม (ในกรณีที่เด็กรับประทานที่หองประชุม)
                -จัดที่วางคูเลอรน้ําดื่ม ๔ ที่
    ๖.๓ เตรียมที่ลางจาน
                -จัดโตะตั้งเปนแถวยาว พอตั้งกะละมังได ๔ ใบ จํานวน ๔ แถว
                -จัดที่ลางจานในสถานที่อันเหมาะสม (ถาที่ลางมีอยูแลวก็ไมตองจัดใหม)
    ๖.๔ เตรียมที่เก็บจาน
                -ใชโตะตั้งเปนแถวเทาจํานวนนักเรียน
                -เขียนปายชื่อกลุมติดที่โตะ
    ๖.๕ เตรียมที่วางรองเทา
                -เลือกสถานที่ ที่วางรองเทาที่เหมาะสม
                -เขียนปายชื่อกลุมติดไว ใหเด็กวางรองเทาเปนกลุมที่หองประชุม,
                  โรงอาหาร,ที่หองนอน
    ๖.๖ เตรียมที่นอนชาย-หญิง
๗

    ๖.๗ เตรียมที่อาบน้ําชาย-หญิง
    ๖.๘ เตรียมราวตากผาชาย-หญิง
    ๖.๙ เตรียมสถานที่แบงฐานอบรม ๔ ฐาน
                 -ทําความสะอาดสถานที่
                 -ติดตั้งเครื่องขยายเสียงเล็ก
                 -ตั้งน้ําดื่มสําหรับพระวิทยากร
                 -ตั้งโตะเกาอี้สําหรับพระวิทยากรนั่ง
๗. เตรียมอุปกรณ
    ๗.๑ เตรียมเสื่อปูหองประชุม
                 -ถาจํานวนเด็ก ๒๕๐ คน ใชเสื่อยาว ๒๔ ผืน
                 -ถาจํานวนเด็ก ๓๐๐ คน ใชเสื่อยาว ๓๒ ผืน
                 -ใชปูเวทีสําหรับนั่งสวดมนต ๓ ผืน
    ๗.๒ เตรียมเสื่อปูหองพักพระวิทยากร
    ๗.๓ เตรียมเสื่อปูหองพักครูที่ปรึกษา,หองนอนเด็ก
    ๗.๔ เตรียมภาชนะใสน้ําลางจาน
                 -กะละมังขนาดกลางหรือขนาดใหญ จํานวน ๑๖ ใบ
    ๗.๕ เตรียมภาชนะใสเศษอาหาร จํานวน ๔ ใบ
    ๗.๖ เตรียมน้ํายาลางจานและสกอตไบรท
    ๗.๗ เตรียมเหยือกน้ําจํานวน ๑ โหล
    ๗.๘ เตรียมคูเลอรขนาดใหญ ๔ ใบ
    ๗.๙ เตรียมแกวน้ําเทาจํานวนนักเรียน,ครู,พระวิทยากร
    ๗.๑๐ เตรียมจานขนาด ๘ นิ้ว (หรือถานหลุมก็ได)ซอน,เทาจํานวน นักเรียน,ครู,พระ
๘. เตรียมอุปกรณเสริมกิจกรรม
    ๘.๑ พิธีมอบตัวเปนศิษย
                 -เตรียมดอกไมเทาจํานวนแถวนั่งในหองประชุม ถานั่ง ๘ แถว ก็ใช ๘
           ชอ ถานั่ง ๑๖ แถว ก็ใช ๑๖ ชอใหคนที่อยูหนาสุดของแตละแถวเปนผูมอบ
           ใหครู
    ๘.๒ พิธีสูความเปนพุทธบุตร
                 -เตรียมเทียนขนาด ๖ นิ้ว เทาจํานวน พระ,ครู, นักเรียน,
๙. เตรียมบุคคลเสริมกิจกรรม
    ๙.๑ พิธีเปดการอบรม
                 -เตรียมบุคคลเปนพิธีกรเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
๘

                -เตรียมบุคคลจุดเทียนชนวนสงใหประธาน
   ๙.๒ พิธีมอบตัวเปนศิษย
                -เตรียมเด็กนํากลาวมอบตัวเปนศิษย จํานวน ๑ คน
                -เตรียมเด็กอานกลอน "คํามั่นสัญญา" จํานวน ๑-๒ คน
   ๙.๓ กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค
                -เตรียมตัวแทนพอแสดงความรูสึก
                -เตรียมตัวแทนแมแสดงความรูสึก
   ๙.๔ พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหมและปดการอบรม
                -เตรียมประธานกลาวปราศรัยและปดการอบรม
                -เตรียมตัวแทนครูฝายโภชนาการแสดงความรูสึก ๑ คน
                -เตรียมตัวแทนครูกลาว "ศิษยที่ครูปรารถนา ๑ คน
                -เตรียมตัวแทนครูอานกลอน "เสียงกระซิบสั่งจากครู" ๑ คน
๑๐. เตรียมเพลงประกอบกิจกรรม
   ๑๐.๑ พิธีเปดการอบรม
                -เตรียมเพลงพระรัตนตรัย
   ๑๐.๒ พิธีมอบตัวเปนศิษย
                -ดนตรีเดี่ยวไวโอลินเพลงชุดลมพัดชายเขา
                -เพลงพระคุณที่สาม
                -เพลงแมพิมพของชาติ
  ๑๐.๓ กติกาสัญญาใจ
                -เพลงทําดีไดดี
   ๑๐.๔ พิธีสูความเปนพุทธบุตร
                -ดนตรีชุดลมพัดชายเขา
                -พระรัตนตรัย
                -เพลงอธิษฐาน
                -บทสวดสรรเสริญพุทธคุณ (องคใดพระสัมพุทธฯ)
   ๑๐.๕ กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค
                -เพลงใครหนอ
                -เพลงออมอกแม
                -เพลงพระคุณแม
                -เพลงคาน้ํานม
   ๑๐.๖ พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม
๙

               -ดนตรีชุดลมพัดชายเขา
               -เพลงพระคุณที่สาม
               -เพลงแมพิมพของชาติ
               -เพลงลาคุณครู
   ๑๐.๗ พิธีปดการอบรม
               -เพลงพระรัตนตรัย


หนาที่กรรมการฝายตาง ๆ

๑. กรรมการอํานวยการ มีหนาที่ ใหคําปรึกษาแนะนํา แกปญหา อํานวยความสะดวก
                                                           
            ควบคุมการอยูคายใหเปนไปดวยความเรียบรอยทุกประการ
๒. กรรมการดําเนินงาน
    ๒.๑ กรรมการฝายประสานงาน มีหนาที่ ประสานงานกับพระวิทยากร ครู อาจารยที่
ปรึกษาประจํากลุมกรรมการฝายตาง ๆ
    ๒.๒ กรรมการที่ปรึกษาประจํากลุม มีหนาที่ดังนี้
                 -รับรายงานตัวนักเรียน แจกปายชื่อนักเรียน ใหนักเรียนนํากระเปา
ไปเก็บในที่ซึ่งจัดไวเปนกลุม
                 -ดําเนินการใหนักเรียนเลือกประธานกลุม อธิบายความหมายชื่อกลุม
ดูแลใหนักเรียนติดปายชือใหเรียบรอย
                         ่
                 -ดูแลใหนักเรียนปฏิบัติตามระเบียบของการอยูคาย มีความสามัคคีตอกัน
 ตรงตอเวลา เขาหองประชุมอยางสงบ
                 -ใหนักเรียนทําความรูจักกันใหมากที่สุด
                 -สํารวจจํานวนนักเรียนในกลุม ทุกกิจกรรมและกอนนอนทุกกคืน
                 -ชวยจัดเลี้ยงอาหาร น้ําดื่ม น้ําปานะ ตามเวลาที่กําหนด
                 -สํารวจกระเปานักเรียนเพื่อดูความเรียบรอยมิใหมี อาวุธ สิ่งเสพติด
และรับฝากของมีคาของนักเรียน
                 -ประสานงานกับพระวิทยากรในการอบรมนักเรียน
                 -รวมกิจกรรมกับนักเรียนทุกกิจกรรม
                 -เปนวิทยากรเสริม รับทราบปญหา และเปนที่ปรึกษาของนักเรียน

๒.๓ กรรมการฝายวิชาการและธุระการ มีหนาที่จัดเตรียมเอกสารตาง ๆ ที่จําเปนตอ
๑๐

การอบรม จัดรายชื่อนักเรียนที่เขารับการอบรมใหเปนกลุมโดยคละกัน ๘ กลุม จัดทําปายชื่อนัก
เรียน ปายชื่อครูแยกไวเปนกลุม ๆ ละสี เขียนปายชื่อกลุมทําเปนกลองสามเหลี่ยมวางไวที่
หนาแถวในหองประชุม เขียนปายชื่อกลุมที่วางรองเทา ที่หองนอน ที่ลางจาน ที่ตักอาหาร.

๒.๔ กรรมการฝายประชาสัมพันธ มีหนาที่ ประชาสัมพันธโครงการ เชน จัดสงโครงการไป
ใหสื่อมวลชนตาง ๆ จัดสงโครงการไปใหสมาคม ชมรม หางราน เพื่อของความอุปถัมภ
โครงการ เขียนปายประชาสัมพันธทั้งภายนอกและภายในสถานที่นั้น ๆ
๒.๕ กรรมการฝายพิธีการ มีหนาทีดังนี้ ่
                  -จัดดอกไมธูปเทียน จัดโตะหมูบูชา จัดเตรียมเวที
                  -จัดเตรียมอุปกรณสําหรับพิธีตาง ๆ เชน พิธีเปดการอบรม
            พิธีปด พิธีมอบตัวเปนศิษย พิธีสูความเปนพุทธบุตร และพิธีอธิษฐานจิต
เพื่อชีวิตใหม เปนพิธีการตลอดงาน.
                  -ดูแลอํานวยความสะดวกแกพระวิทยากรในทุก ๆ ดาน
๒.๖ กรรมการฝายเตรียมการและจัดหาอุปกรณ มีหนาที่ จัดหาอุปกรณที่จําเปนตอการอยู
                   คายมาเตรียมไวใหพรอม โดยประสานงานกับกรรมการฝายอื่น ๆ
๒.๗ กรรมการฝายเหรัญญิก มีหนาที่ รับเงินที่ผูมีจิตศรัทธาบริจาค ควบคุมการใชจายเงิน จัด
                   ทําบัญชี รับ-จาย ใหเรียบรอย
๒.๘ กรรมการฝายปฏิคม มีหนาที่ ตอนรับแขกผูมีเกียรติ ผูปกครองนักเรียน ทานประธาน
                   หรือผูทมาเกี่ยวของกับงานในโครงการ บริการน้ําดื่ม แนะนําใหรู
                           ี่
                   จักสถานที่ เปนตน
๒.๙ กรรมการฝายสถานที่และบริการ มีหนาที่ดังนี้
                  -จัดเตรียมหองประชุม จัดชุดรับแขก
                  -สถานที่วางอาหาร ที่ลางจาน ที่อาบน้ํา หองนอน ราวตากผา
                  -สถานที่แบงฐานอบรม
๒.๑๐ กรรมการฝายโภชนาการ มีหนาที่ จัดปรุงอาหาร น้ําดื่ม ใหเพียงพอกับจํานวนผูที่เขา
                   รวมการอบรม ใหทันตามเวลาที่กําหนด
๒.๑๑ กรรมการฝายโสตทัศนูปกรณ มีหนาที่ จัดแสง เสียง ใหเพียงพอทุกจุดที่จําเปน บันทึก
                   เทป บันทึกภาพ ตลอดการฝกอบรม
๒.๑๒ กรรมการฝายพยาบาล มีหนาที่ ดูแลชวยเหลือผูเขารวมการอบรมที่เจ็บไขไดปวย
                   ตลอดเวลาจนเสร็จสิ้นโครงการ

ตัวอยาง
๑๑

ที่ อย ๐๓๓๐.๑๕/๑๗๕ โรงเรียนนครหลวง "อุดมรัชตวิทยา"
             อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ๑๓๒๖๐
               ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕
เรื่อง ขออนุญาตนํานักเรียนเขาคายอบรมคุณธรรม ""คายพุทธบุตร"
เรียน ผูปกครอง (ด.ช. ด.ญ.) ..........

           ดวยหมวดวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนนครหลวง "อุดมรัชตวิทยา" จะจัด
อบรมคุณธรรมสําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ ประมาณ ๒๕๐ คน ณ โรงเรียนนครหลวง
"อุดมรัชตวิทยา" ในวันที่ ๕-๗ มิถุนายน ๒๕๓๕ รวม ๓ วัน ๒ คืน เพื่อเปนการสงเสริม
คุณธรรม จริยธรรม พัฒนาจิตใจแกนักเรียน และสามารถนําความรู ความเขาใจไปใชในชี
วิตประจําวัน โดยอาราธนาพระวิทยากร จากวัดชลประทานรังสฤษฏ อําเภอปากเกร็ด จังหวัด
นนทบุรี มาเปนพระวิทยากรใหการอบรมนักเรียนในครั้งนี้ และมีครูรวมควบคุมนักเรียน
           ฉะนั้น หมวดวิชาสังคมศึกษา จึงขออนุญาตนํานักเรียนในปกครอง
ของทานไปอยูคายอบรมคุณธรรมนักเรียนในครั้งนี้ โดยขอคาอาหารจากนักเรียน จํานวน ๗
มื้อ และคาน้ําปานะจํานวน ๔ มื้อ เปนเงิน ๖๐ บาท
           จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ หวังวาคงไดรับความรวมมือจากทานดวยดี
และขอความกรุณาคืนแบบตอบรับคืนโรงเรียนดวย จักขอบคุณยิ่ง

            ขอแสดงความนับถือ


                    (นางหยด เจริญกูล)
            ผูอํานวยการโรงเรียนคนครหลวง"อุดมรัชตวิยา"
วิชาการ
โทร ๓๕๙๘๐๐
                   แบบตอบรับ
ขาพเจา ผูปกครองของ นักเรียนชั้น ม.๑ อนุญาต ไมอนุญาต ใหนักเรียนใน
ความปกครองของขาพเจาไปรวมอบรมคุณธรรมครั้งนี้


                     ลงชื่อ         ผูปกครอง

                         (             )
๑๒

อุปกรณเครื่องใชระหวางการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร"
ระหวาง วันที่ ๑๔-๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕
ณ โรงเรียนบางกรวย

๑. ผาหม
๒. ผาเช็ดตัว
๓. แปรงสีฟน ยาสีฟน ผงซักฟอก
๔. ชุดขาว ๒ ชุด (ผาถุงขาว ๒ ผืน สไบ ๑ ผืน เสื้อนักเรียนสีขาว ๒ ตัว
๕. ผาถุง ผาขาวมา สําหรับใชผลัดอาบน้ํา
๖. หมอน
๗. เสื่อพับผืนเล็ก ๑ ผืน
๘. แกวน้ํา ชอน
๙. ยารักษาโรค (โรคประจําตัว)
๑๐.ถุงพลาสติคสําหรับใสเสื้อผาเปยก
๑๑.สบู ขันน้ํา รองเทาแตะ ผาเช็ดเทา
๑๒.ไฟฉาย
๑๓.ผาอนามัย (เผื่อฉุกเฉิน)
๑๔.เครื่องเขียน เชนปากกา ดินสอ เปนตน

    ....................
 หมายเหตุ หามนําทรัพย เงินทอง ของมีคา ติดตัวมาในระหวางการอบรม

                  ตารางอบรมคุณธรรม"คายพุทธบุตร"
               ศูนยสืบอายุพระพุทธศาสนา วัดชลประทานรังสฤษฎ
                   อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ๑๑๑๒๐

วัน,เดือน,ป     เวลา        รายการ/กิจกรรม          หมายเหตุ

            ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ ลงทะเบียน รายงานตัว
            ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ -จัดนักเรียนเขาแถวตามกลุมที่สนาม
                      -นักเรียนพรอมที่หองประชุม
                      -ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม
           ๐๙.๐๐-๐๙.๓๐ พิธีเปดการอบรม
๑๓

                   -ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
                   -กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย
                   -กลาวรายงาน
 วันที่หนึ่ง
 ของการ ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ พิธีมอบตัวเปนศิษย/สมาทานศีล
             ๑๐.๐๐-๑๐.๑๕ พักเปลี่ยนอิริยบถ
 ฝกอบรม ๑๐.๑๕-๑๑.๐๐ กติกาสัญญาใจและคําปฏิญาณ
             ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร
             ๑๒.๐๐-๑๒.๔๐ พักทํากิจสวนตัว
             ๑๒.๔๐-๑๓.๒๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมนันทนาการ
             ๑๓.๒๐-๑๖.๓๐ แบงฐานอบรมคุณธรรม ๔ ฐาน ดังนี.้ -
                          ๑.การเขาถึงพระรัตนตรัย
                          ๒.วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา
                          ๓.ความรับผิดชอบ
                          ๔.การมีระเบียบวินัย
             ๑๖.๓๐-๑๗.๓๐ พบอาจารยที่ปรึกษา/จัดที่พัก/อาบน้ําทํากิจสวนตัว
             ๑๗.๓๐-๑๘.๓๐ รับประทานอาหาร
             ๑๘.๓๐-๒๑.๓๐ ทําวัตร/จิตตภาวนา/พิธีสูความเปนพุทธบุตร/สไลดธรรมะ/
                  แผเมตตา/พบอาจารยที่ปรึกษา/พัก
 _______________________________________________________
_________________
             ๐๔.๓๐-๐๗.๐๐ ตื่นทํากิจสวนตัว/บริหารกายบริหารจิต/ทําวัตร/จิตตภาวนา
                          /กิจกรรมหนาเสาธง
             ๐๗.๐๐-๐๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว
             ๐๗.๓๐-๐๘.๔๕ รับประทานอาหาร/ทํากิจสวนตัว
             ๐๘.๔๕-๐๙.๕๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมบรรยายเรื่อง"การพัฒนาตนเอง"
             ๐๙.๕๐-๑๐.๕๐ สนทนากับกัลยาณมิตร
วันที่สอง ๑๐.๕๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร
ของการ ๑๒.๐๐-๑๒.๔๐ พักทํากิจสวนตัว
ฝกอบรม ๑๒.๔๐-๑๓.๒๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมนันทนาการ
             ๑๓.๒๐-๑๕.๓๐ แบงฐานอบรมคุณธรรม ๓ ฐานดังนี้.-
                          ๑.การเปนบุตรที่ดีของพอแม
๑๔

                           ๒.การเปนศิษยที่ดีของครู
                           ๓.การเปนสาวกที่ดีของพระศาสนา
            ๑๕.๓๐-๑๗.๐๐ อนามัยในโรงเรียน
            ๑๗.๐๐-๑๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว
            ๑๗.๓๐-๑๘.๓๐ รับประทานอาหาร
            ๑๘.๓๐-๒๑.๓๐ ทําวัตร/จิตตภาวนา/สไลดธรรมะ/พบอาจารยที่ปรึกษา/
                   แผเมตตา/พัก
 _______________________________________________________
_______________
            ๐๔.๓๐-๐๗.๐๐ ตื่นทํากิจสวนตัว/บริหารกายบริหารจิต/ทําวัตร/จิตตภาวนา/
                   กิจกรรมหนาเสาธง
            ๐๗.๐๐-๐๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว
            ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ รับประทานอาหาร
            ๐๘.๔๕-๐๙.๕๐ ธรรมบรรยายเรื่อง"พุทธบุตรกับการสืบอายุพระพุทธศาสนา"
            ๐๙.๕๐-๑๐.๕๐ เขียนบทความเรื่อง"ความประทับใจ..."
            ๑๐.๕๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร
            ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ เก็บของ/จัดที่พัก/แตงชุดนักเรียน
            ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ พิธีอธิษฐานจิตชีวิตใหม/ปดการอบรม
   ศาสนพิธีที่ควรรู
จุดประสงค
    ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ศาสนาพิธี"
    ๒. เพื่อใหสามารถประกอบพิธีตาง ๆ ไดถูกตอง
    ๓. เพื่อใหสามารถแนะนําผูอื่นใหประกอบพิธีตาง ๆ ไดอยางถูกตอง
    ๔. เพื่อใหเห็นคุณคาและความสําคัญของศาสนพิธี
ความหมาย
    "ศาสนพิธี" คือ แบบอยาง หรือแบบแผนตาง ๆ ที่ดีงาม ที่ใชประกอบกิจกรรมในทางพระ
พุทธศาสน เรียกวา "ศาสนพิธี"
ความสําคัญ
   ศาสนพิธี มีความสําคัญมาก เมื่อปฏิบัติใหถูกตองทุกขั้นตอนแลวจะทําใหพิธีกรรมตางๆ ที่ประ
กอบนั้นเปนระเบียบเรียบรอยสวยงาม เปนที่ตั้งแหงความเลื่อมใสของผูที่พบเห็น ทําใหเกิดศรัท
ธาในการประกอบคุณงามความดีและเปนการแสดงใหเห็นถึงความเจริญทางจิตใจของผูนับถือพระ
พุทธศาสนา เปนเครื่องเชิดชูเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวพุทธ ฉะนั้นจําเปนอยางยิ่งที่ชาวพุทธ
๑๕

 ทุกคนจะตองศึกษาเรียนรู
 พิธีโดยสรุป
     ศาสนพิธีมีมากมาย ซึ่งลวนแตนาศึกษาเรียนรูทั้งสิ้น แตเมื่อกลาวโดยสรุปมีอยู ๔ หมวดดังนี้
                ๑. หมวดกุศลพิธี วาดวยพิธีบําเพ็ญกุศล
                ๒. หมวดบุญพิธี วาดวยพิธีบําเพ็ญบุญ
                ๓. หมวดทานพิธี วาดวยพิธีถวายทาน
                ๔. หมวดปกิณณกะ วาดวยพิธีเบ็ดเตล็ด
บุญพิธีที่จําเปน
     พิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา แบงออกได ๒ ประเภทดังนี้
        ๑. ทําบุญงานมงคล คือ ปรารภเหตุดีแลวทําบุญ เชน ขึ้นบานใหม แตงงาน ประสบความสํา
 เร็จตาง ๆ เปนตน
        ๒. ทําบุญงานอวมงคล คือ ปรารภเหตุสูญเสีย เชน ทําบุญอุทิศใหผูตาย เปนตน
 ผูเกี่ยวของ
     การทําบุญทั้งสองประเภทนี้ จะมีผูมาเกี่ยวของอยู ๓ ฝายดวยกันคือ
                ๑. ฝายเจาภาพ คือเจาของงานบําเพ็ญบุญ
                ๒. ฝายแขก คือผูมีเกียรติที่มารวมทําบุญ
                ๓. ฝายพระสงฆ คือพระสงฆที่เจาภาพนิมมตมาเปนปฏิคาหา
 หนาที่ของเจาภาพ
        -จัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธี
        -นิมนตพระสงฆตามจํานวนที่ตองการ
        -ตั้งโตะหมูบูชา พรอมอุปกรณครบชุด
        -ปูอาสนะและเตรียมเครื่องตอนรับพระ
        -เมื่อพระสงฆมาถึงคอยลางและเช็ดเทา
        -เมื่อพระสงฆนั่งเรียบรอยแลว ถวายเครื่องรับรอง
        -จุดเทียน ธูป บูชาพระรัตนตรัย แลวกราบ ๓ ครั้ง
        -กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย
        -อาราธนาศีล รับศีล อาราธนาพระปริตร
        -นั่งฟงพระสงฆ (สวด) เจริญพระพุทธมนตจนจบ
        -ถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม
        -พระสงฆอนุโมทนา เจาภาพกรวดน้ํา รับพร
        -เสร็จพิธีสงพระสงฆกลับ
 หนาที่ของแขก
๑๖

     -มาถึงงานใหตรงเวลาที่เจาภาพกําหนดไว
     -มาถึงแลวเขาไปทักทายเจาภาพกอน
     -เลือกนั่งในสถานที่เหมาะสมกับตน
     -มีความสํารวมตนดวยดี ไมสงเสียงดังรบกวนสมาธิผูอื่น
     -รวมบริจาคทาน และรวมพิธีกรรมทุกขั้นตอนจนเสร็จ
     -แตงกายสุภาพเรียบรอย สมควรแกงานนั้น ๆ
     -ไมสุราหรือของมึนเมาเขามาดื่มในงานทําบุญ
     -ไมเลนการพนัน หรือรบกวนเจาภาพเพื่อเปดบอนการพนัน
คําอาราธนาศีล ๕
   มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ,
   ทุกติยัมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ
   ตะติยัมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ
คําสมาทานศีล ๕
     ๑. ปาณาติปาตา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ,
     ๒. อะทินนาทานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ,
     ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
     ๔. มุสาวาทา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ,
     ๕. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา, เวระมะณี สิขาปะทัง, สะมาทิยามิ,
พิธีประเคนของพระ
   การถวายปจจัยตางๆ แกพระสงฆ ตองถวายดวยความเคารพ เพราะพระสงฆตั้งอยูในฐานะ
ปูชนียบุคคล เรานําสิ่งของไปถวายทานเพื่อบูชาในคุณธรรมของทาน จึงตองนอมกาย นอมใจ เขา
ไปถวายทาน การกระทําดังนี้ เรียกวา "ประเคน"
องคประเคนมี ๕ ดังนี้
     ๑. สิ่งของทีประเคนตองไมใหญโตและหนักเกินไป
                  ่
     ๒. ผูประเคนตองอยูในหัตถบาส (คือชวงแขนหนึ่ง)
     ๓. ผูประเคนนอมสิ่งของนั้นเขามาใหดวยอาการเคารพนอบนอม
     ๔. การนอมสิ่งของเขามานั้น จะสงดวยมือก็ได หรือสิ่งที่เนื่องดวยกายก็ได
     ๕. พระภิกษุผูรับประเคนจะรับดวยมือก็ได ถาผูประเคนเปนชาย
        ถาผูประเคนเปนหญิงพระตองใชผารับ
พิธีกรวดน้ํา รับพร
   การกรวดน้ําเปนพิธีกรรมอยางงหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมกระทํา เพื่ออุทิศสวนกุศลใหแกผูลวงลับ
ซึ่งเปนสิ่งที่ชาวพุทธไทยนับถือกันมาก น้ําที่ใสบริสทธิ์ เปรียบเหมือนน้ําใจใสบริสุทธิ์ ที่ตั้งใจอุทิศ
                                                     ุ
๑๗

สวนบุญกุศลแกผูที่ลวงลับไปแลว เปนการแสดงกตัญูกตเวทีตอทานเหลานั้น
                คํากรวดน้ําโดยยอ
         อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนาตุ ญาตโย
                ขอใหทานของขาพเจาจงสําเร็จแกญาติ
                ขอใหญาติของขาพเจาจงมีความสุขเถิด.



                          มารยาทชาวพุทธ
จุดประสงค
    ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "มารยาท"
    ๒. เพื่อใหเขาใจความสําคัญของมารยาท
    ๓. เพื่อใหรูและเขาใจขอบขายของ "มารยาทชาวพุทธ"
    ๔. เพื่อใหรูถึงอานิสงสของการมีมารยาทที่ดี
    ๕. เพื่อฝกปฏิบัติมารยาทชาวพุทธใหสามารถนําไปใชไดอยางถูกตอง
    ๖. เพื่อใหสามารถนําไปชี้นําผูอื่นใหปฏิบัติตามมารยาทชาวพุทธไดในโอกาสอันควร
มารยาทชาวพุทธ
    ๒.๑ ความหมาย คําวา "มารยาท" หรือ "มรรยาท" หมายถึงความประพฤติที่แสดงออก
มาทางกายทางวาจา ซึ่งบัณฑิตทั้งหลายยอมรับวา เรียบรอย อยูในระเบียบแบบแผนหรือขอบ
เขตที่ดีงาม เปนการสอใหเห็นถึงอัธยาศัยที่ดีอีกดวย ชาวพุทธ คือ ผูนับถือพระพุทธศาสนาทั่วไป
    ๒.๒ ความสําคัญ การมีมายาทที่ดีตอกันของคนในสังคม นับเปนสิ่งสําคัญมากประการหนึ่ง
ทําใหคนเราอยูรวมกันอยางสงบสุขแสดงใหเห็นถึงความเปนผูมีวัฒนธรรมและคุณธรรม ทั้งยังเปน
การประกาศศักดิ์ศรีของความเปนมนุษยอยูในตัววา "มนุษยเปนผูมใจสูง มีการประพฤติที่ประ
                                                                      ี
เสริฐกวาสัตวเดรัจฉาน" มารยาทยังเปนเครื่องวัดคุณธรรมของคนอีกดวย ดังคําโคลงที่วา.-
         สายบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
       มารยาทสอสันดาน ชาติเชื้อ
       โฉดฉลาดเพราะคําขาน พึงทราบ
       กอหญาเหียวแหงเรื้อ บอกราย แสลงดิน.
                    ่
    ๒.๓ มารยาทชาวพุทธที่ควรศึกษาและปฏิบัติ
       ก. มารยาทในการไปวัด
                   -การแตงกายไปวัด
                   -การนําเด็กไปวัด
๑๘

          -การปฏิบัติตนในวัด
  ข. มารยาทในการยืน
          -การยืนตอหนาพระสงฆ
          -การยืนตอหนาผูใหญ
          -การยืนตามลําพัง
  ค. มารยาทในการนั่ง
          -การนั่งสนทนากับพระสงฆ
          -การนั่งตอหนาผูใหญ
          -การนั่งตามลําพัง
          -การนั่งฟงพระธรรมเทศนา
          -การเปลี่ยนทานั่ง
  ง. มารยาทในการไหว-การกราบ
          -การไหว-การกราบพระรัตนตรัย
          -การไหว-การกราบมารดาบิดา
          -การไหว-การกราบครูอาจารย
          -การไหว-การกราบผูใหญ
          -การไหวบุคคลเสมอกัน
          -การไหว-การกราบศพ
  จ. การแสดงความเคารพตอสถานที่
          -อุโบสถ
          -ศาลาการเปรียญ
          -ตนโพธิ์และตนไมที่เกี่ยวกับพุทธประวัติ
          -หอไตรหรือหอสมุดของวัด
          -กุฏิของพระสงฆ หรือ ที่นั่ง-ที่นอนของพระสงฆ
  ช. การแสดงความเคารพตอพระสงฆ
          -ลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ
          -การตามสงพระสงฆ
          -การหลีกทางใหพระสงฆ
๒.๔ อานิสงสของความมีมารยาทดี
          -ตนเองมีความภูมิใจในตนเอง
          -ผูรูใครครวญแลวสรรเสริญ
          -ชื่อเสียงเกียรติคุณยอมฟุงไป
๑๙

                 -คนดีตองการคบหาสมาคมดวย
                 -ไมเปนที่รังเกียจของสังคม
                 -เปนแบบอยางที่ดีของอนุชน
                 -เปนที่เคารพของผูนอย เปนที่รักของผูใหญ เปนที่เกรงใจของเพื่อน
                 -เปนเครื่องเชิดชูเกียรติของชาติและศาสนาของตน
                 -จิตใจสงบสุขไมวิตกกังวลเพราะเสียมารยาท
                 -เปนพื้นฐานใหบรรลุคุณธรรมชั้นสูง


*ดูรายละเอียดใน สมทรง ปุญญฤทธิ์ มารยาทชาวพุทธ กรุงเทพ ฯ
โรงพิมพสหมิตร ๒๕๓๑

                 การเขาถึงพระรัตนตรัย

จุดประสงค
              ๑. เพื่อใหเขาใจคําวา " พระรัตนตรัย "
              ๒. เพื่อใหรูซึ้งถึงคุณของพระรัตนตรัย
              ๓. เพื่อใหรูจักวิธีทําความเคารพพระรัตนตรัย
              ๔. เพื่อใหรูจักขอปฏิบัติตนใหเขาถึงพระรัตนตรัย
              ๕. เพื่อใหรูจักประโยชนที่พึงไดรับจากการเขาถึงพระรัตนตรัย

พระรัตนตรัย

                ๑. ความหมาย คําวาพระรัตนตรัย แปลวา "แกวอันประเสริฐสามดวง" ในที่
นี้หมายเอา "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ " ซึ่งเปนสิ่งที่ทําใหเกิดความชื่นชมยินดีแกชีวิต เปน
สิ่งที่พึ่งที่ระลึกถึงอันสูงสุดของชีวิต เปนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวชีวิตไมใหตกต่ํา เปนเกราะปองกันชีวิตให
เดินไปบนเสนทางที่ถูกตอง ดีงาม และพนจากทุกขทั้งปวง
                ๒. พระรัตนตรัยที่ควรรูจัก
                   ๒.๑ ทานผูสอนใหประชุมชน ประพฤติชอบดวย กาย วาจา ใจ ตามพระ
ธรรมวินัยเรียกวา " พระพุทธเจา "
                   ๒.๒ พระธรรมวินัยที่เปนคําสั่งสอนของทานเรียกวา "พระธรรม"
                   ๒.๓ หมูชนที่ฟงคําสั่งสอนของทานแลว ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเรียกวา
"พระสงฆ"
๒๐

                ๓. คุณของพระรัตนาตรัย
                   ๓.๑ พระพุทธเจารูดีรูชอบดวยพระองคเองกอนแลว สอนผูอื่นใหรูตามดวย.
                   ๓.๒ พระธรรมยอมรักษาผูปฏิบัติไมใหตกไปสูที่ชั่ว.
                   ๓.๓ พระสงฆปฏิบัติชอบ ตามคําสั่งสอนของพระพุทธเจา แลวสอนผูอื่นให
กระทําตามดวย.
                ๔. การแสดงความเคารพตอพระรัตนตรัย
                   ๔.๑ การทําความเคารพในพระพุทธเจา
                    -มีศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจาอยางมั่นคงไมเปลี่ยนแปลง
                    -แสดงตนเปนพุทธามามกะรับเอาพระพุทธเจามาเปนของตน
                    -ตั้งใจปฏิบัติตามาคําสั่งสอนใหเต็มความสามารถ
                    -ศึกษาพระพุทธจริยาใหเขาใจ แลวดําเนินชีวิตาของตนตามรอยบาทพระ
ศาสดา
                    -ไมนําเรื่องพระพุทธเจามาเลนเปนตลกเพื่อความสนุกสนาน
                    -เขาไปในปูชนียสถาน แสดงความเคารพ ยําเกรง
                   ๔.๒ การทําความเคารพพระธรรม
                    -ตั้งใจศึกษาเรียนรูพระธรรมจนเขาใจถูกตองตามความเปนจริง
-ตั้งใจนําเอาพระธรรมที่ศึกษาดีแลวนั้นมาปฏิบัติจริง ที่กาย วาจา ใจ ของตนจนสุดความสามารถ
-ชวยประกาศเผยแผพระธรรม ใหแพรหลายดวยวิธีตางๆ เชน พิมพหนังสือแจก สนทนนา ใหการ
อบรมสั่งสอน สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับการศึกษาและปฏิบัติธรรม
-เมื่อมีผูกลาวธรรม ตั้งใจฟงดวยความเคารพเอื้อเฝอ ไมเบื่อ ไมอิ่มในถอยคําที่เปนสุภาษิต
-แมจะประสบปญหาชีวิตอยางแสนสาหัสเจียนตายเพียงใดก็ตาม จะไมทิ้ง"พระธรรม"เปนอันขาด
๔.๓ การทําความเคารพพระสงฆ
-ระลึกถึงคุณความดีของพระสงฆตามบทสวด "สังฆคุณ"
-แสดงความเคารพ ไหว กราบ นอบนอม ยําเกรง
-ทําอะไรๆประกอบดวยเมตตา
-พูดจาอะไรๆประกอบดวยเมตตา
-คิดอะไรๆประกอบดวยเมตตา
-ไมปดประตูบานยินดีตอนรับเสมอ
-ใหอามิสทานคือถวายปจจัย๔
-เอื้อเฟอเชื่อฟงคําตักเตือนสั่งสอน
๕. การเขาถึงพระรัตนตรัย
๕.๑ การเขาถึงทางศีล
๒๑

-พูดจาถูกตอง เวนวจีทุจริตทั้งปวง
-การทํางานถูกตอง เวนการทุจริตทั้งปวง
-ประกองอาชีพถูกตอง เวนมิจฉาอาชีวทั้งปวง
๕.๒ การเขาถึงทางสมาธิ
-มีความเพียรถูกตองตามปธาน๔
-มีความระลึกถูกตองตามสติปฏฐาน๔
-มีจิตตั้งมั่นถูกตองตามรูปฌาน๔
๕.๓ การเขาถึงทางปญญา
-มีความเห็นถูกตอง เห็นตามอริยสัจจ ๔
-มีความดําริถูกตอง ดําริตามกุศลวิตก ๓
๖.อานิสงสของการเขาถึงพระรัตนตรัย
    ๖.๑ ผลระดับตน
             -ทําใหมีชีวิตอยางสงบสุขไมมีเวรภัย
             -ทําใหฐานะทางครอบครัวมีความมั่นคง
             -ไดชื่อวาเปนคนดี ใครๆก็อยากคบหาสมาคม
             -เปนคนมีคา มีเกียรติ ไมตกเปนทาสอบายมุข
    ๖.๒ ผลระดับกลาง
             -บาปหรือความชั่วไมเผาลนจิตใจ
             -ปดประตูอบายภูมิได

        -ยอมเกิดในภพภูมิที่ดี มีโอกาสพัฒนาตนเองใหสูงขึ้น
   ๖.๓ ผลระดับสูง
        -ทําใหจิตใจ สะอาด สวาง สงบ
        -ดับกิเลสและกองทุกขทั้งปวงได
        -เขาถึงพระนิพพาน จิตสงบเย็นไมมีเครื่องเสียบแทง
        -ตัดเสียซึ่งวัฏฏะทุกขทั้งปวง.


                การมีระเบียบวินัย
จุดประสงค
   ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ระเบียบวินัย"
    ๒. เพื่อใหเขาใจถึงความสําคัญของการมีระเบียบวินัย
๒๒

     ๓. เพื่อใหรูขอบขายของระเบียบวินัยที่พึงปฏิบัติในการอยูคาย "พุทธบุตร"
     ๔. เพื่อใหรูถึงอานิสงสของการมีระเบียบวินัย
     ๕. เพื่อใหสมารถนําไปใชในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางเหมาะสม
การมีระเบียบวินัย
     ๑. ความหมาย คําวา "ระเบียบวินัย" หมายความวา "ความสํารวมกาย วาจา เรียบรอย
 ซึ่งเปนเหตุนําไปสูความเปนผูวิเศษ"
     ๒. ความสําคัญ การมีระเบียบวินัยทําใหหมูคณะมีระเบียบเรียบรอยอยูรวมกันไดอยาง
สงบสุข ทําใหความประพฤติของผูที่อยูรวมกันเปนไปในทางเดียวกัน ไมรังเกียจกันดวยชาติ
สกุล เรียบรอยสวยงามเหมือนดอกไมหลากสีที่นายชางเก็บมารอยเปนพวกมาลัย และเปนการ
แสดงใหเห็นถึงความเจริญมั่นคงกลมเกลียวกาวหนาของชนในชาติ
     ๓. ระเบียบวินัยที่พึงปฏิบัติในการอยูคาย "พุทธบุตร"
             -ไป-กลับ หองประชุมเดินเปนแถว
             -วางรองเทาเรียบรอยทั้งที่หองประชุมและที่พัก
             -วางของในหองนอนอยางมีระเบียบเรียบรอย
             -ไมพูดคุยสงเสียงดังในหองประชุม
             -ออกไปรับอาหารเปนแถวตามลําดับ
             -วางแกวน้ําเปนแถวตรงกันหมดดูสวยงามเวลารับประทานอาหาร
             -ออกไปลางจานเปนแถวอยางมีระเบียบตามลําดับ
             -อาบน้ําอยางมีระเบียบ ไมสงเสียงดัง ไมสาดน้ําใสกัน
             -ใชหองน้ําหองสวมอยางเรียบรอยและรักษาความสะอาด
             -นอนอยางมีระเบียบ นอนและตื่นตรงเวลา
             -ไมคุยและสงเสียงรบกวนผูอื่นในเวลานอน
             -แตงกายสุภาพเรียบรอย
             -ปฏิบัติตามกฏระเบียบและความนิยมของที่นั้น ๆ
     ๔. อานิสงสของการมีระเบียบวินัย
             -ไดรับความแชมชื่นมีปติปราโมทย และภูมิใจในตนเอง
             -ไมถูกตําหนิโทษ หรือถูกลงทัณฑกรรม
             -เปนผูองอาจกลาหาญในการปรากฏตัวในที่ชุมนุมชน
             -จิตใจสงบสุขไมวิตกกังวลถึงความผิดที่ตัวกระทํา
             -เปนพื้นฐานใหบรรลุคุณธรรมชั้นสูง
ความรับผิดชอบ
จุดประสงค
๒๓

๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "รับผิดชอบ"
๒. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอตนเอง
๓. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอวงศตระกูล
๔. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอสถาบันการศึกษา
๕. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอสถาบันสูงสุด
ความรับผิดชอบ
๑. ความหมาย คําวา "รับผิดชอบ" หมายถึง ความสํานึกในการทําหนาที่ของตน โดยไมตองมี
     ใครคอยบังคับหรือควบคุม
๒. ความรับผิดชอบตอตนเอง
    ๒.๑ ตั้งใจศึกษาหาความรู
    ๒.๒ ฝกฝนตนใหมีความสามารถในการทํางาน
    ๒.๓ ประพฤติตนเปนคนดีมีคุณธรรม
    ๒.๔ รักษาสุขภาพของตนใหแข็งแรงสมบูรณ
๓. ความรับผิดชอบตอวงศสกุล
     ๓.๑ คํานึงถึงความรูสึกของพอแม
     ๓.๒ ชวยเหลือการงานแบงเบาภาระกิจทางบาน
     ๓.๓ คํานึงถึงรายรับ รายจายของครอบครัว
     ๓.๔ รักษาเกียรติของวงศสกุล
๔.ความรับผิดชอบตอสถาบันการศึกษา
     ๔.๑ ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน
     ๔.๒ ทําตัวเปนตัวอยางที่ดีแกผูอื่น
     ๔.๓ สรางชื่อเสียงเกียรติคุณใหกับโรงเรียน
     ๔.๔ รักโรงเรียนเหมือนบานเกิดของตน
     ๔.๕ รวมกิจกรรมตาง ๆ ของโรงเรียนดวยความเต็มใจ
     ๔.๖ เคารพครูอาจารยเหมือนพอแมของตน
๕. ความรับผิดชอบตอสถาบันสูงสุด
    ๕.๑ ความรับผิดชอบตอสถาบันชาติ
            ๕.๑.๑ ศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข
            ๕.๑.๒ เคารพกฏหมายบานเมือง
            ๕.๑.๓ รูจักใชสิทธิและเสรีภาพอยางถูกตอง
            ๕.๑.๔ เสียภาษีอากรบํารุงรัฐ
            ๕.๑.๕ ซื่อสัตยสุจริต
๒๔

        ๕.๑.๖ ขยันหมั่นเพียร ประกอบอาชีพสุจริต
        ๕.๑.๗ ไมตกเปนทาสยาเสพติดและอบายมุขมุกชนิด
        ๕.๑.๘ รักษาประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ
        ๕.๑.๙ รักษาทรัพยากรธรรมชาติของชาติ
        ๕.๑.๑๐เสียสละไมเห็นแกตัว
   ๕.๒ ความรับผิดชอบตอสถาบันศาสนา
        ๕.๒.๑ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย
        ๕.๒.๒ เอาใจใสศึกษาพระธรรมวินัยใหเขาใจถูกตอง
        ๕.๒.๓ ฝกฝนอบรมตนเองใหเครงครัดในศีล สมาธิ ปญญา
        ๕.๒.๔ รูจักบําเพ็ญบุญ คือ บริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
        ๕.๒.๕ ประพฤติสุจริตดวยกาย วาจา ใจ ไมตกเปนทาสอบายมุข
        ๕.๒.๖ ชวยเผยแผคําสั่งสอนของศาสนาแกผูอื่น
        ๕.๒.๗ ชวยปกปองสถาบันศาสนาไมใหใครทําลาย
        ๕.๒.๘ ชวยบํารุงและพัฒนาศาสนาสถาน
   ๕.๓ ความรับผิดชอบตอสถาบันมหากษัตริย
        ๕.๓.๑ ถวายความจงรักภักดีดวยความจริงใจ
        ๕.๓.๒ ไมกลาววาจาลวงละเมิด
        ๕.๓.๓ ประพฤติตนเปนพลเมืองดี
        ๕.๓.๔ รับสนองพระบรมราชโองการ
        ๕.๓.๕ ปกปองสถาบันไมใหใครลวงละเมิด
        ๕.๓.๖ ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทโดยเครงครัด

               ประพฤติวัฒนธรรมของชาวพุทธ
จุดประสงค
          ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา"ประเพณี" และ "วัฒนธรรม"
          ๒.เพื่อใหรูและชื่นชอบประเพณีวัฒนธรรมชาวพุทธ
          ๓.เพื่อใหรูถึงผลดีของประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ
          ๔.เพื่อใหนําเอาประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ไปปฏิบัติเปนกิจนิสัยในชีวิตประ
            จําวันได
ความหมาย
          ๑.คําวา"ประเพณี" หมายถึง ขอกําหนด กิจกรรม แบบอยางที่ประพฤติปฏิบัติสีบตอ
กันมา แบงเปน ๓ คือ จารีตประเพณี ขนบประเพณี ธรรมเนียมประเพณี
๒๕

       ๒.คําวา "วัฒนธรรม" หมายถึง ลักษณะที่แสดงออกชี้ใหเห็นถึงความเจริญกาวหนา
พฤติกรรมที่แสดงออกเปนไปเพื่อความเจริญ ความสงบสุขของสังคม

ประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ
         ๑. ไหวพระสวดมนต นั่งสมาธิ แผเมตตา กอนนอนทุกคืน
         ๒. ทําบุญตักบาตรทุกเชา
         ๓. เขาวัดทําบุญ บริจาคทาน รักษาศีล ฟงธรรม เจริญภาวนาทุกวันพระ
         ๔. แสดงความเคารพ เอื้อเฟอ ยําเกรงตอพระสงฆ
         ๕. รูจักทําบุญที่บานตามโอกาสตางๆ
         ๖. เขารวมกิจกรรมในวันสําคัญทางศาสนา
         ๗. แสดงความเคารพตอปูชนียสถาน
         ๘. รวมพัฒนาและบํารุงศาสนาสถาน
         ๙. มีความกตัญูตอผูมีพระคุณ
         ๑๐.รูจักบําเพ็ญบุญทักษิณานุประทาน
         ๑๑.บวชสืบอายุพระพุทธศาสนา

ผลดีของประเพณีวัฒนธรรม
        ๑. ตนเองมีความสุขที่ไดทําความดีเชนนั้น
        ๒. บัณฑิตสรรเสริญผูมีวัฒนธรรม
        ๓. ชื่อเสียงเกียรติคุณฟุงขจรไป
        ๔. แสดงถึงความกาวหนาของชาติ
        ๕. กอใหเกิดความสามัคคีของคนในชาติ
        ๖. แสดงออกถึงเอกลักษณชองชาติเปนพิเศษ
        ๗. เปนการเชิดชูเกียรติของชาติ
        ๘. เปนเครื่องขัดเกลาอุปนิสัยใหออนโยน
        ๙. เปนฐานรองรับคุณธรรมที่สูงยิ่งๆขึ้นไป

        วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา
จุดประสงค
        ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "บุญ"
        ๒. เพื่อใหรูและเขาใจวิธีทําบุญในพระพุทธศาสนาทั้ง ๑๐ วิธี
        ๓. เพื่อใหนําไปปฏิบัติในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางเหมาะสม
๒๖

           ๔. เพื่อใหสามารถชี้ชวนผูอื่นใหทําบุญไดถูกตองตามวิธีการของพระพุทธศาสนา
วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา
           ๑.ความหมาย คําวา "บุญ" หมายถึง
             -คุณชาติที่ชําระจิตใหสะอาดบริสุทธิ์
             -การทําความดีดวย กาย วาจา ใจ
             -ความสุขกาย สบายใจ
           ๒.วิธีทําบุญ ในพระพุทธศาสนามีวิธีการทําบุญอยู ๑๐ วิธี คือ.-
             ๒.๑ ทานมัย บุญสําเร็จดวยการบริจาคทาน
             ๒.๒ สีลมัย บุญสําเร็จดวยการรักษาศีล
             ๒.๓ ภาวนามัย บุญสําเร็จดวยการเจริญภาวนา
             ๒.๔ อปจายนมัย บุญสําเร็จดวยการประพฤติออนนอมถอมตน
             ๒.๕ เวยยาวัจจมัย บุญสําเร็จดวยการชวยขวนขวายในกิจที่ชอบ
             ๒.๖ ปตติทานมัย บุญสําเร็จดวยการใหสวนบุญแกผูอื่น
             ๒.๗ ปตตานุโมทนามัย บุญสําเร็จดวยการอนุโมทนาสวนบุญ
             ๒.๘ ธัมมัสสวนามัย บุญสําเร็จดวยการฟงธรรม
             ๒.๙ ธัมมเทสนามัย บุญสําเร็จดวยการแสดงธรรม
             ๒.๑๐ ทิฏุชุกัมม บุญสําเร็จดวยการทําความเห็นใหตรง
           ๓.อานิสงสของการทําบุญ
             ๓.๑ ตนเองมีความปลื้มปติยินดี อิ่มใจ สุขใจ
             ๓.๒ บัณฑิตใครครวญแลวสรรเสริญ
             ๓.๓ เกียรติคุณฟุงขจรไป
             ๓.๔ มีความสุขสงบเย็นในชีวิต
             ๓.๕ ไมหลงทํากาลกิริยา
             ๓.๖ เบื้องหนาแตตายเพราะกายแตก ยอมเขาถึงสุคติ

                      การเปนบุตรที่ดีของพอแม
  จุดประสงค
         ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "พอแม" และ "บุตรที่ด"   ี
         ๒.เพื่อใหรูขอบขาย "หนาที่ของพอแมที่มีตอลูก"
         ๓.เพื่อใหรูและเขาใจถึง "คุณธรรม" และ "ความประเสริฐ" ของพอแม
         ๔.เพื่อใหรูและเขาใจถึง "ประเภทของบุตร"
         ๕.เพื่อใหรู "หนาที่ของบุตรที่ดีอันพึงมีตอพอแม" แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได
๒๗

      ๖.เพื่อใหรูถึงอานิสงสที่เกิดจากการเปนบุตรที่ดี
            การเปนบุตรที่ดีของพอแม
๑.ความหมายของคําวา "พอแม"
      ๑.๑ คําวา พอ หมายความวา ผูคุมครองปองกันอันตรายแกบุตร
      ๑.๒ คําวา แม หมายความวา ผูยังบุตรใหเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
๒.หนาที่ของพอแมที่มีตอลูก
      ๒.๑ สอนใหลูกเวนจากความชั่ว
      ๒.๒ แนะนําลูกใหทําความดี
      ๒.๓ สงเสริมลูกใหไดรับการศึกษาเลาเรียนศิลปวิทยา
      ๒.๔ เลือกคูครองที่เหมาะสมใหลูก
      ๒.๕ แบงทรัพยใหในสมัยอันสมควร
๓.คุณธรรมของพอแม
      ๓.๑ เมตตา ปรารถนาใหลูกมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
      ๓.๒ กรุณา มีความเอ็นดูชวยเหลือลูกใหพนทุกข
      ๓.๓ มุทิตา ชื่นชมยินดีเมื่อลูกประสบความสําเร็จในชีวิต
      ๓.๔ อุเบกขา เฝาดูความเปนอยูและความเปนไปของลูกอยูเสมอ
๔.ความประเสริฐของพอแม
      ๔.๑ เปนครูคนแรกของลูก
      ๔.๒ เปนพระพรหมของลูก
      ๔.๓ เปนพระอรหันตของลูก
      ๔.๔ เปนผูมีอุปการะมากและแสดงโลกนี้แกบุตร
๕.บุตรมีอยู ๓ ประเภท
      ๕.๑ อวชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมต่ํากวาพอแม
      ๕.๒ อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอกับพอแม
      ๕.๓ อภิชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมสูงกวาพอแม
๖.ความหมายของบุตรที่ดี
      ๖.๑ บุตรที่ดี คือ บุตรที่สามารถทําใหพอแมอิ่มใจ สบายใจ สุขใจ
๗.ขอวัตรปฏิบัติของบุตรที่ดี
      ๗.๑ ยกยองสรรเสริญคุณงามความดีของพอแม
      ๗.๒ บํารุงพอแมดวยปจจัย ๔
      ๗.๓ สรางเกียรติและชื่อเสียงใหวงศสกุล
      ๗.๔ สืบทอดเจตนารมณของพอแม
๒๘

          ๗.๕ ประพฤติตนเปนคนดี ทําตัวใหกาวหนาอยูเสมอ
          ๗.๖ สงเสริมใหพอแมมีคุณธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป
          ๗.๗ เมื่อทานลวงลับไปแลวหมั่นทําบุญอุทิศให
  ๘.ผลดีอันเกิดจากการเปนบุตรที่ดี
          ๘.๑ ทําใหพอแมสบายใจ สุขใจ
          ๘.๒ ไดรับการยกยองสรรเสริญจากบัณฑิต
          ๘.๓ เปนที่รักของคนทั่วไป
          ๘.๔ ใคร ๆ อยากคบหาสมาคม
          ๘.๕ เปนผูมีความเจริญสุขในชีวิต
                  การเปนศิษยที่ดีของครูอาจารย
จุดประสงค
  ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ครู" และ "ศิษยที่ด"    ี
  ๒. เพื่อใหรูขอบขาย "หนาที่ของครูที่มีตอศิษย"
  ๓. เพื่อใหรู "หนาที่ของศิษยที่ดีที่พึงปฏิบัติตอครู"
  ๔. เพื่อใหรู "ผลเสียที่ไมสามารถเปนศิษยที่ดีได"
  ๕. เพื่อใหรู "ผลดีอันเกิดจากการเปนศิษยที่ด"    ี
การเปนศิษยที่ดีของครูอาจารย
     ๑.ความหมายของคําวา "ครู"
       ๑.๑ ครู คือ ผูสั่งสอนศิษย
       ๑.๒ ครู คือ ผูนําศิษยไปสูความเจริญ
       ๑.๓ ครู คือ ผูที่ศิษยควรทําความเคารพ
       ๑.๔ ครู คือ ผูนําทางวิญญาณ
       ๑.๕ ครู คือ ผูยกระดับวิญญาณใหสูงขึ้น
       ๑.๖ ครู คือ ผูเปดประตู
       ๑.๗ ครู คือ ผูนําสัตวออกจากวัฎฎะสงสาร
     ๒.หนาที่ของครูที่มีตอศิษย
       ๒.๑ แนะนําสั่งสอนดี
       ๒.๒ ใหเรียนดี
       ๒.๓ บอกศิลปวิทยาใหโดยสิ้นเชิงไมปดบังอําพราง
       ๒.๔ ยกยองใหปรากฏในหมูเพื่อนฝูง
       ๒.๕ ทําความปองกันในทิศทั้งหลาย
    ๓.ความหมายของศิษยที่ดี
๒๙

        ๓.๑ ศิษยที่ดี คือ ศิษยที่ครูสามารถนําไปสูเปาหมายได
    ๔.ศิษยที่ดีพึงปฏิบัติตอครูดังนี้
        ๔.๑ ลุกขึ้นยืนตอนรับ
        ๔.๒ เขาไปยืนคอยรับใช
        ๔.๓ เชื่อฟงคําสั่งสอน
        ๔.๔ อุปฏฐากรับใชใกลชิด
        ๔.๕ ตั้งใจเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ
    ๕.โทษที่ไมสามารถเปนศิษยที่ดีได
        ๕.๑ ทําใหเปนคนโงเขลาเบาปญญา
        ๕.๒ ทําใหครูอาจารยเดือดรอนใจ
        ๕.๓ ถูกติเตียนจากบัณฑิต
        ๕.๔ เปนที่เกลียดชังของคนทั่วไป
        ๕.๕ ใคร ๆ ไมอยากจะคบเปนเพื่อนดวย
        ๕.๖ ไมเปนผูเจริญสุขในชีวิต
    ๖.ผลดีอันเกิดจากการเปนศิษยที่ดี
        ๖.๑ ทําใหเปนคนมีปญญาดี
        ๖.๒ ทําใหครูอาจารยสุขใจ สบายใจ
        ๖.๓ ไดรับยกยองสรรเสริญจากบัณฑิต
        ๖.๔ เปนที่รักของคนทั่วไป
        ๖.๕ ใคร ๆ ก็อยากคบหาสมาคมดวย
        ๖.๖ เปนผูมีความเจริญสุขในชีวิต
                การเปนเพื่อนที่ดีของเพือน
                                         ่
จุดประสงค
  ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "เพื่อน" กับคําวา "มิตร" และ "เพื่อนที่ดี"
  ๒.เพื่อใหรูถึงคุณสมบัติของเพื่อนที่ดี แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได
  ๓.เพื่อใหรูถึง "ผลเสียที่เกิดจากการไมเปนเพื่อนที่ด"ี
  ๔.เพื่อใหรู "ผลดีอันเกิดจากการเปนเพื่อนที่ด"  ี

การเปนเพื่อนที่ดีของเพื่อน
   ๑.ความหมายของเพื่อน
      ๑.๑ เพื่อน คือ ผูรวมธุระ ผูชอบพอรักใครกัน ผูอยูในสภาพหรือลักษณะเดียวกัน
           เชน เปนเพื่อนมนุษยดวยกัน
๓๐

       ๑.๒ มิตร คือ เพื่อนรักใครคุนเคยกัน
   ๒.ความหมายของเพื่อนที่ดี
  เพื่อนที่ดี คือ เพื่อนที่สามารถอยูรวมกันไดอยางสงบสุข
   ๓.คุณสมบัติของเพื่อนที่ดี
       ๓.๑ แบงปนลาภที่ตนหามาไดแกเพื่อน
       ๓.๒ เจรจากับเพื่อนดวยถอยคําที่ไพเราะออนหวาน
       ๓.๓ ปองกันเพื่อนผูประมาทแลว
       ๓.๔ ปองกันทรัพยของเพื่อนผูประมาทแลว
       ๓.๕ เมื่อเพื่อนมีภัยเปนที่พึ่งพํานักได
       ๓.๖ เพื่อนมีธุระชวยออกทรัพยใหเกินกวาที่ออกปาก
       ๓.๗ ชวยปกปดความลับของเพื่อนไมใหแพรงพราย
       ๓.๘ ไมละทิ้งเพื่อนในยามวิบัติ
       ๓.๙ ประพฤติตนเสมอตนเสมอปลาย
       ๓.๑๐รักเพื่อนดวยความบริสุทธิ์ใจ
   ๔.โทษของการไมเปนเพื่อนที่ดี
       ๔.๑ เปนที่เกลียดชังของเพื่อน
       ๔.๒ เปนคนโดดเดี่ยววาเหว
       ๔.๓ ไมมีใครชวยเหลือเมื่อมีทุกขมีปญหา
       ๔.๔ จะถูกประทุษราย
       ๔.๕ ประสบความสําเร็จหรือเจริญกาวหนาไดยาก
   ๕.ผลดีอันเกิดจากการเปนเพื่อนที่ดี
       ๕.๑ เปนที่รักใครนับถือของเพื่อน
       ๕.๒ มีความสุขอบอุนใจ เพราะใคร ๆ ก็อยากเปนเพื่อนดวย
       ๕.๓ มีผูชวยเหลือเมื่อมีทุกขมีปญหา
       ๕.๔ มีความปลอดภัยในชีวิตไมมากไปดวยเวร
       ๕.๕ มีความสําเร็จและเจริญกาวหนาไดรวดเร็ว



          การเปนพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
จุดประสงค
  ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "พลเมือง"
๓๑

 ๒.เพื่อใหรูและเกิดความตระหนักในหนาที่ของพลเมืองที่ดี แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได
 ๓.เพื่อใหรูโทษของการไมเปนพลเมืองที่ดี
 ๔.เพื่อใหรูและชื่นชอบผลดีอันเกิดจากการเปนพลเมืองทีดี
การเปนพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
   ๑.ความหมายของคําวา "พลเมือง"
      ๑.๑ พลเมือง หมายความวา ประชาชนซึ่งเปนกําลังอันสําคัญของประเทศชาติ
      ๑.๒ พลเมืองดี หมายความวา ประชาชนที่มีคุณสมบัติสามารถดํารงชาติไวได
   ๒.หนาที่ของพลเมืองที่ดี
      ๒.๑ มีความรักชาติ เคารพศาสนา เทิดทูนพระมหากษัตริย
      ๒.๒ ศรัทธาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข
      ๒.๓ เคารพกฏหมายบานเมือง
      ๒.๔ เสียภาษีบํารุงรัฐ
      ๒.๕ ซื่อสัตยสุจริตตอหนาที่การงาน
      ๒.๖ ขยันหมั่นเพียรประกอบอาชีพสุจริต
      ๒.๗ ไมตกเปนทาสยาเสพติดและอบายมุขทุกชนิด
      ๒.๘ พัฒนาตนเองใหสมบูรณและกาวหนาอยูเสมอ
      ๒.๙ ชวยสราง ปองกัน รักษา สาธารณสมบัติของชาติ
      ๒.๑๐เสียสละไมเห็นแกตัว เมื่อชาติมีภัยก็สามารถเสียสละชีวิตเพื่อปกปองชาติได
  ๓.โทษของการไมเปนพลเมืองที่ดี
      ๓.๑ ถูกเพงโทษ
      ๓.๒ ถูกประณามวาเปนคนเห็นแกตัว ทําลายชาติ
      ๓.๓ เปนที่เกลียดชังของคนทั่วไป
      ๓.๔ จะไมมีแผนดินอยู
      ๓.๕ ไมมที่พึ่งทางใจ
                 ี
      ๓.๖ ไมเปนศูนยรวมใจของชนในชาติ
      ๓.๗ ถวงความเจริญในการพัฒนาประเทศชาติ
  ๔.ผลดีอันเกิดจากการเปนพลเมืองที่ดี
      ๔.๑ มีความเปนอยูปลอดภัย
      ๔.๒ เปนที่นิยมรักใครของคนทั่วไป
      ๔.๓ เปนที่ตองการของสังคม ของชาติ เพราะเปนคนมีประโยชน
      ๔.๔ ชวยสงเสริมการพัฒนาประเทศใหกาวหนาไปไดรวดเร็ว
      ๔.๕ คนในชาติอยูรวมกันดวยความรมเย็นเปนสุข
๓๒

     ๔.๖ สามารถดํารงชาติไวได

            การเปนสาวกที่ดี
จุดประสงค
  ๑.เพื่อใหบอกความหมายและลักษณะการเปนสาวกที่ดีได
  ๒.เพื่อใหบอกผลดีที่เกิดจากการเปนสาวกที่ดีได
  ๓.เพื่อใหบอกวิธีการปฏิบัติตนในการเปนสาวกที่ดีได
  ๔.เพื่อใหบอกโทษของการไมสามารถเปนสาวกที่ดีได
การเปนสาวกที่ดี
   ๑.ความหมาย
  สาวกที่ดี หมายถึง ผูที่สามารถเดินตามทางของพระศาสดา
   ๒.วิธีปฏิบัติเพื่อเปนสาวกที่ดี
      ๒.๑ ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยใหเขาใจถูกตอง และเพียงพอแกสถานะของตน
      ๒.๒ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย
      ๒.๓ มีศีลบริสุทธิ์ และไมตกเปนทาสอบายมุข
      ๒.๔ ไมเชื่อมงคลตื่นขาว คือ เชื่อกรรมไมเชื่อมงคล
      ๒.๕ ไมแสวงหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา
      ๒.๖ ทําบุญแตในพระพุทธศาสนา
   ๓.ผลดีอันเกิดจากการเปนสาวกที่ดี
      ๓.๑ มีชีวิตที่สงบเย็นอยูดวยความถูกตอง
      ๓.๒ เปนคนมีความมั่นคง เพราะมีที่พึ่งทางใจอันถูกตอง
      ๓.๓ สามารถแกปญหาของชีวิตที่เกิดขึ้นดวยปญญาอันถูกตอง
      ๓.๔ ผูที่เกี่ยวของมีความสุขสงบเย็นไปดวย
      ๓.๕ เปนผูสามารถไดรับประโยชนสูงสุดที่มนุษยควรไดรับ
      ๓.๖ เปนตัวอยางอันดีแกผูที่พบเห็น ใหเกิดความปรารถนาจะทําตาม
      ๓.๗ เปนการสืบอายุพระพุทธศาสนาใหสถาพร
      ๓.๘ เปนการสงเสริมความเจริญ และความมั่นคงของชาติ
   ๔.โทษของการไมเปนสาวกที่ดี
      ๔.๑ มีชีวิตความเปนอยูดวยความทุกขเรารอนใจ
      ๔.๒ เปนคนเปลาประโยชน เพราะขาดที่พึ่งทางใจอันถูกตอง
      ๔.๓ ไมสามารถแกปญหาของชีวิตที่เกิดขึ้นได
      ๔.๔ ทําใหตนเองขาดประโยชนที่พึงไดรับ
๓๓

       ๔.๕ ทําใหผูที่เกี่ยวของมีความทุกขเรารอนใจไปดวย
       ๔.๖ เปนการทําลายศาสนาโดยไมรูตัว หรือรูเทาไมถึงการณ
       ๔.๗ บั่นทอนความเจริญและความมั่นคงของชาติ

                  ปลุกสํานึกหนาเสาธง
  จุดประสงค
    ๑.เพื่อปลุกความสํานึกใหรักชาติ เคารพศาสนา เทิดทูนพระมหากษัตริย
    ๒.เพื่อใหเขาใจความหมายของสีธงชาติ
    ๓.เพื่อความสามัคคีของหมูคณะ
    ๔.เพื่อฝกใหมีระเบียบวินัย
    ๕.เพื่อปลุกสํานึกใหทุกคนพัฒนาตนเองใหเปนพลเมืองที่ดี
    ความสําคัญของกิจกรรมหนาเสาธง
    กิจกรรมหนาเสาธงเปนกิจกรรมที่บรรพบุรุษไดจัดขึ้น เพื่อปลุกความสํานึกของคนในชาติ
ใหรักชาติ และภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของตน และใหระลึกถึงสถาบันอันสูงสุด อันเปนที่ยึด
เหนี่ยวจิตใจของคนในชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย ซึ่งสถาบันทั้ง
๓ นั้นไดถูกยอมาอยูในผืนธงชาติ ในฐานะเปนสัญญลักษณของชาติไทย โดยใชสี ๓ สี เปนเครื่อง
หมาย .
    ๑.สีแดง หมายถึงสถาบันชาติ ไดรวมเอาความหมายของสิ่งที่มีคายิ่งของชาติมาไวดวยกัน
โดยยอ ๔ ประการ คือ.-
             ๑.๑ ทรัพยากรของชาติ ไดแกผืนแผนดินที่มีรูปเปนขวานทอง,- ทรัพยากรทั้ง
                  หมดที่อยูในแผนดินนี้ ที่เราเคยพูดกันวา "ในน้ํามีปลา ในนามีขาว ใน
                  อาวมีปโตเลี่ยม" ฯลฯ
             ๑.๒ ประเพณีวัฒนธรรมของชาติทั้งหมด เชน.-
           ก. วัฒนธรรมทางคติธรรม
           ข. วัฒนธรรมทางเนติธรรม
           ค. วัฒนธรรมทางวัตถุธรรม
           ง. วัฒนธรรมทางสหธรรม
             ๑.๓ บุคคลในชาติ ไดแกคนไทยทุกคน ทั้งที่เปนเชื้อชาติไทยและสัญชาติไทย ที่
                  ดําเนินชีวิตอยูภายใต กฏหมาย ประเพณี วัฒนธรรมอันเดียวกัน.
             ๑.๔ อํานาจอธิปไตยของชาติ คือ.-
           ก.อํานาจนิติบัญญัติ
           ข.อํานาจบริหาร
๓๔

               ค.อํานาจตุลาการ
      ๒.สีขาว หมายถึงสถาบันศาสนา อันเปนคําสั่งสอนที่ใหชนในชาติยึดถือปฏิบัติตามเพื่อความ
 เปนอยูเย็นเปนสุขรวมกัน สีขาวในผืนธงชาติไทยนั้น บรรพบุรุษมุงเนนใหเปน "พระพุทธศาสนา"
 เพียงศาสนาเดียววา " เปนศาสนาประจําชาติ" พึงเห็นจากบทพระราชนิพนธ ของพระบาทสม
 เด็จพระมุงกุฏเกลาเจาอยูหัว พระองคผูทรงคิดรูปแบบธงไตรรงค และทรงใหความหมายแหงสี
 ทั้ง ๓ ในผืนธงไววา.-
           ขอพร่ํารําพันบรรยาย             ความคิดเครื่องหมาย
       แหงสีทั้งสามงามถนัด
           ขาวคือบริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์ หมายพระไตรรัตน
       และธรรมะคุมจิตไทย
           แดงคือโลหิตเราไซร             ซึ่งยอมสละได
       เพื่อรักษาชาติศาสนา
                 น้ําเงินคือสีโสภา            อันจอมประชา
           ธ โปรดเปนของสวนองค
                 จัดริ้วเขาเปนไตรรงค จึงเปนสีธง
           ที่รักแหงเราชาวไทย
                 ทหารอวตารนําไป                   ยงยุทธวิชัย
           วิชิตก็ชูเกียรติสยาม
ฯ
           อนึ่งจารึกในศาลพระเจาตากสินมหาราช วัดอรุณราชวราราม ก็มีขอความบอกไวอ
 ยางชัดเจนวา บรรพบุรุษของเราทรงมุงหวังใหประชาชนคนไทยมีพระพุทธศาสนา เปนศาสนาประ
 จําชาติในจารึกนั้นมีความวา.-
                 อันตัวพอชื่อวาพระยาตาก ทนทุกขยากกูชาติพระศาสนา
           ถวายแผนดินใหเปนพุทธบูชา              แดพระศาสนาสมณะพระพุทธโคดม
                 ใหยืนยงคงถวนหาพันป สมณพราหมณชีปฏิบัติใหพอสม
           เจริญสมถะวิปสสนาพอชื่นชม               ถวายบังคมรอยบาทพระศาสดา
                 คิดถึงพอพออยูคูกับเจา ชาติของเราคงอยูคูพระศาสนา
           พุทธศาสนาอยูยงคูองคกษัตรา พระศาสดาฝากไวใหคูกัน ฯ
      ๓.สีน้ําเงิน หมายถึงสถาบันมหากษัตริย อันเปนจุดรวมแหงดวงใจของคนไทย ในฐานะผูนํา
 สูงสุดของชนเผาไทยและชาติไทย หรือที่เราชาวไทยนิยมเรียกวา "พระประมุขของชาติ "
           คําวา "มหากษัตริย" แปลได ๓ ความหมาย ดังนี.้ -
                                
       ก.ยอดนักรบ ฉะนั้นพระมหากษัตริยไทยจึงทรงดํารงตําแหนง"จอมทัพไทย"
๓๕

  ข.ผูเปนใหญแหงนา พระองคทรงมีพระราชอํานาจเต็มบริบูรณในผืนแผนดินนี้ เราจึง
        เรียกพระองควา "พระเจาแผนดิน"
  ค.ผูเปนที่ตั้งแหงความยินดีของปวงชน ความหมายนี้มาจากคําวา "ราชา" ซึ่งแปลวา
        อยางเต็มความหมายวา"ผูประกอบกรณียกิจอันเปนที่รักที่ชื่นชมยินดีของปวงชน"
พลเมืองที่ดีพึงปฏิบัติตอสถาบันทั้ง ๓ ดังตอไปนี.้ -
            รักราชจงจิตนอม ภักดี ทานนา
        รักชาติกอปรกรณี           แนวไว
        รักศาสนกอปรบุญตรี          สุจริต ทั่วเทอญ
        รักศักดิ์จงจิตให        โลกซองสรรเสริญฯ (ร.๖)
                       -----------๐๐๐-----------

                     ศีลหาคือมนุษยธรรม
วัตถุประสงค
  ๑.เพื่อใหเขาใจความหมายของคําวา "ศีล"
  ๒.เพื่อใหสามารถกลาวศีลหาไดทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย
  ๓.เพื่อใหเขาใจองคประกอบของศีลหา
  ๔.เพื่อใหรูจักอานิสงสของศีลหา
  ๕.เพื่อใหสามารถนําศีลหามาปฏิบัติในชีวิตประจําวันได
     ๑.ความหมายของคําวา "ศีล "
         ๑.๑ คําวา "ศีล" แปลวา ปกติ อธิบายวา "การสํารวมกาย วาจา เรียบรอย
               ไมกระทํากายทุจริต ไมพูดถอยคําทุจริต ประกอบอาชีพสุจริต กอใหเกิด
               ความสุข สงบเย็น ทั้งสวนตนและสวนรวม"
     ๒.ศีลหาขอที่หนึ่ง
         ๒.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.-
        ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
        ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการฆาสัตว
         ๒.๒ องคประกอบของศีลขอที่หนึ่ง มี ๕ คือ.-
        ก. สัตวนั้นมีชีวิตอยู
        ข. รูอยูวาสัตวนั้นมีชีวิต
        ค. มีจิตคิดจะฆา
        ง. พยายามฆา
        จ. สัตวนั้นถึงแกความตาย
๓๖

   ๒.๓ อานิสงสของศีลขอที่หนึ่ง มี ๗ ประการ คือ.-
  ก. มีรางกายสมสวน ไมพิการ
  ข. เปนคนแกลวกลา ประเปรียว วองไว มีกําลังมาก
  ค. ผิวพรรณเปลงปลั่งสดใส ไมเศราหมอง
  ง. เปนคนออนโยน มีวาจาไพเราะ เปนเสนหแกคนทั้งหลาย
  จ. ชีวิตไมมีศัตรู ไมถูกฆาตาย
  ช. เปนผูมีอาพาธนอย
  ฉ. เปนผูมีอายุยืน
๓.ศีลหาขอที่สอง
   ๓.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.-
  อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
  ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการถือเอาสิ่งของที่เจา
         ของมิไดให
   ๓.๒ องคประกอบของศีลหาขอที่สอง มี ๕ หา คือ.-
  ก. ของนั้นมีเจาของหวงแหน
  ข. รูอยูวาเปนของมีเจาของหวงแหน
  ค. มีจิตคิดจะลักของนั้น
  ง. พยายามลักของนั้น
  จ. ลักของนั้นสําเร็จ
   ๓.๓ อานิสงสของศีลขอที่สอง มี ๗ ประการ คือ.-
  ก. ยอมมีทรัพยสมบัติมาก
  ข. แสวงหาทรัพยโดยชอบธรรมไดโดยงาย
  ค. โภคทรัพยที่ไดแลวยอมยั่งยืนถาวร
  ง. สมบัติไมฉิบหายเพราะโจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย เปนตน
  จ. ยอมไดอริยทรัพย
  ช. ยอมไมไดยินและไมรูจักคําวา "ไมมี "
  ฉ. อยูที่ไหนยอมเปนสุข เพราะไมมีใครเบียดเบียน
๔.ศีลขอที่สาม
   ๔.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.-
  กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
  ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการประพฤติผิดในกาม
   ๔.๒ องคประกอบของศีลขอที่สาม มี ๔ คือ.-
๓๗

     ก. หญิงหรือชายที่เปนบุคคลตองหาม(๒๐จําพวก)
     ข. มีความตั้งใจจะเสพ
     ค. กระทําความพยายามในการเสพ
     ง. พอใจกระทํามรรคใหถงกัน     ึ
      ๔.๓ อานิสงสของศีลขอสาม มี ๗ ประการ คือ.-
     ก. ไมมีศัตรูเบียดเบียน
     ข. เปนที่รักของคนทั้งหลาย
     ค. มีทรัพยสมบัติบริบูรณ
     ง. ไมตองเกิดเปนหญิงหรือกระเทย
     จ. เปนผูมีสงา มีอํานาจมาก
     ช. เปนผูมีอินทรีย ๕ บริบูรณ
     ฉ. เปนผูมีความสุข ไมตองทํางานหนัก
 ๕.ศีลขอที่สี่
      ๕.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.-
     มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
     ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการพูดปด
      ๕.๒ องคประกอบของศีลขอที่สี่ มี ๔ ประการ คือ.-
     ก. เรื่องไมเปนความจริง
     ข. มีความตั้งใจจะพูดใหผิด
     ค. มีความพยายามที่จะพูดใหผิด
     ง. คนอื่นรูเนื้อความที่พูดนั้น
      ๕.๓ อานิสงสของศีลขอที่สี่ มี ๗ ประการ คือ.-
     ก. มีอินทรียผองใส
     ข. มีวาจาไพเราะ มีไรฟนสม่ําเสมอเปนระเบียบดี
     ค. มีรางกายสมสวนบริบูรณ ผิวพรรณเปลงปลั่ง
     ง. มีกลิ่นปากหอมเหมือนกลิ่นดอกบัว
     จ. มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เปนที่เชื่อถือของคนทั่วไป
     ช. พูดจาไมติดอาง ไมเปนใบ
     ฉ. ริมฝปากสวยงามแดงระเรื่อ
๖.ศีลหาขอที่หา
      ๖.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.-
     สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๓๘

ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการดื่มน้ําเมา คือ สุราและ
       เมรัย อันเปนที่ตั้งของความประมาท
 ๖.๒ องคประกอบของศีลขอที่หา มี ๔ ประการคือ.-
ก. น้ําที่ดื่มนั้นเปนน้ําเมา
ข. จิตคิดจะดื่มน้ําเมานั้น
ค. พยายามดื่มน้ําเมานั้น
ง. น้ําเมานั้นลวงลําคอลงไป
 ๖.๓ อานิสงสของศีลขอที่หา มี ๖ ประการ คือ.-
ก. รูกิจการในอดีต ปจจุบัน และอนาคต ไดรวดเร็ว
ข. มีสติตั้งมั่นทุกเมื่อ
ค. มีความรูมาก มีปญญามาก
ง. ไมบา ไมใบ ไมมัวเมาหลงไหล
จ. มีวาจาไพเราะ มีน้ําคําเปนที่นาเชื่อถือ
ช. มีความซื่อสัตยสุจริตดวยกาย วาจา ใจ
       -------------๐๐๐--------------




                 ภาคกิจกรรม

ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม
การเขาหองประชุม
     -จัดรวมเด็กที่สนามตามกลุมที่จัดไว
     -จัดเด็กใหยืนตามลําดับไหล ใหคนต่ําที่สุดยืนหัวแถว
     -ปลอยเด็กใหเดินแถว ทีละแถวไปเขาหองประชุม
     -ถึงหองประชุมเขายืนประจําที่ของตัวเอง
     -สั่งใหเด็กจัดแถว ใหคนหนาสุดยืนเปนแบบ คนอื่น ๆ ยกมือขวายื่นมาขางหนา
      แลวถอยหลังไปจนปลายนิ้วมือหางจากแผนหลังของคนที่ยืนอยูขางหนาประ
      มาณสองคืบ
     -สั่งเด็กใหขวาหัน เมื่อขวาหันแลวใหแถวที่อยูหนาสุดยืนเปนแบบ แถวอื่น ๆ
      จัดตัวเองใหยืนจมูกตรงคอคนหนา
     -สั่งเด็กใหซายหัน ใหทุกคนยืนใหจมูกตรงคอคนหนา
๓๙

      -เมื่อพระอาจารยสั่งใหนั่ง ใหนักเรียนประนมไหว แลวกลาวคําวา ขอบ
       คุณครับ(คะ)พระอาจารย
      -วิธีนั่งใหหยอนเขาซายลงกอน แลวตามดวยเขาขวา
      -นั่งลงแลวคุกเขา ผูชายนั่งทาเทพบุตร ผูหญิงนั่งทาเทพธิดา
      -แลวกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง แลวจึงนั่งพับเพียบ ดวยการตวัดปลายเทา
       ลงมาทางดานหลัง
วิธียืน-นั่ง-เปลี่ยนทานั่ง
      ๐ ถาเรานั่งพับเพียบอยู แตตองการจะยืน ตองปฏิบัติดังนี้ นั่งคุกเขา,ยกเขา
      ขางขวาตั้งตรงขึ้น(คลายนักกรีฑาเตรียมวิ่ง)แลวยืนขึ้น(พึงสังเกตวา ถาจะยืน
      ยกเขาขวาขึ้นกอน ถาจะนั่งหยอนเขาซายลงกอน)
      ๐ เมื่อนั่งพับเพียบนาน ๆ รูสึกเมื่อยหรือปวด ใหเปลี่ยนทานั่งดังนี้ นั่งคุกเขา
      ขึ้น แลวตวัดปลายเทาเปลี่ยนไปอีกขางหนึ่งทางดานหลัง
วิธีกราบ
      -กราบพระรัตนตรัย ใหกราบแบบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง
      -กราบพอแม,ครูอาจารย นั่งพับเพียบ ยื่นมือออกไปขางหนา ไมตองแบมือ
       กราบเอาหนาผากวางลงบนสันกระพุมมือ ๑ ครั้ง

กราบทานประธาน
    -พระอาจารยแตงตั้งหัวหนานักเรียน ๑ คน ใหทําหนาที่สั่งนักเรียน

     -เมื่อประธานนั่งเรียบรอยแลว หัวหนานักเรียนสั่งวา นักเรียนทําความ
      เคารพทานประธานนักเรียนทั้งหมดกราบ ๑ ครั้ง แลวลุกขึ้นนั่งตัวตรง ประ
      นมมือไหวพรอมกับกลาวคําวา สวัสดีครับ(คะ)ทานประธาน
     -พิธีกรเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
     -พอประธานลุกขึ้นเดินไปจุดธูปเทียน นักเรียนนั่งคุกเขาขึ้น พระวิทยากร,ครู
      อาจารย,แขกผูมีเกียรติ ที่นั่งเกาอี้ทั้งหมดยืน
     -ประธานจุดเทียนเลมที่ ๑ ทุกคนประนมมือ
     -ประธานทําหนาที่บนเวทีเสร็จแลวลงมายืนหันหนาไปทางโตะหมู
     -พระอาจารยนํากลาวบูชาพระรัตนตรัย ทุกคนวาตาม
     -ประธานยืนที่สแตนรับฟงคํากลาวรายงาน
     -นักเรียนนั่งพับเพียบ และทุกคนนั่ง ณ ที่ของตน
     -ประธานปราศรัยเสร็จนักเรียนรับวา สาธุ (ไมปรบมือ)
๔๐

              -หัวหนานักเรียนสั่งวา นักเรียนทําความเคารพและขอบคุณทานประธาน นัก
               เรียนทั้งหมดกราบ ๑ ครั้ง นั่งตัวตรงแลวกลาววา ขอบคุณครับ(คะ)
               ทานประธาน
         เสร็จพิธีฝกซอม
         หมายเหตุ วิธีกราบประธานและคําพูดของนักเรียน ที่แนะนํามานี้ ใชสําหรับ
                        ประธานที่เปนฆราวาส ถาประธานเปนพระ ใหนักเรียนกราบ
                        เบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง และกลาววา สวัสดีครับ(คะ)พระอาจารย)

       (ภาพพิธีเปดการอบรม)
        พิธีเปดการอบรม
              -ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย(เปดเพลงพระรัตนตรัย)
              -ประธานจุดเทียนเลมที่อยูขวามือของพระพุทธรูปกอน
              -จุดธูป ๓ ดอกแลวปกเปนแถวเรียงหนากระดาน
              -กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง ยืนขึ้นแลวถอยหลัง ๑ กาว ทําความ
               เคารพธงชาติ ๑ ครั้ง ทําความเคารพพระบรมฉายาลักษณ ๑ ครั้ง
              -ประธานลงจากเวที มายืนใกลสแตน ประนมมือหันหนาไปทางโตะหมูบูชา
              -พระอาจารยกลาวนําบูชาพระรัตนตรัย ทุกคนวาตาม เสร็จแลว
              -ประธานยืนที่สแตน ฟงคํากลาวรายงาน
              -ผูรับผิดชอบโครงการกลาวรายงาน
              -ประธานกลาวปราศรัย และเปดการอบรม จบแลว
              -นักเรียนกลาว สาธุ นักเรียนกราบและขอบคุณประธาน
        เสร็จพิธี

             คํากลาวบูชาพระรัตนตรัย
               ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจา ผูทรงไวซึ่งพระปญญาคุณ ผูทรงไวซึ่งพระ
    บริสุทธิคุณ ทรงเปนที่พึ่งของสรรพสัตวทั้งหลาย พวกเราทั้งหลายขอนอมกาย วาจา ใจ บูชา
    พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.-

              อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, พุทฺธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ,

             ขอนอบนอมแดพระธรรม คําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจา ซึ่งเปน
    ทางปฏิบัติอันจะนําผูปฏิบัติออกจากทุกขทั้งปวง และคุมครองรักษาผูปฏิบัติไมใหตกไปสูที่ชั่ว
๔๑

เราทั้งหลายขอนอมกาย วาจา ใจ บูชาพระธรรมนั้นดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.-

         สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, ธมฺมํ นมสฺสามิ,

           ขอนอบนอมแดพระอริยสงฆ สาวกของพระผูมีพระภาคเจา ซึ่งเปนผูปฏิบัติดี
 เปนผูปฏิบัติตรง เปนผูปฏิบัติธรรมเพื่อออกจากทุกขทั้งปวง เปนเนื้อนาบุญของโลกไมมี
นาบุญอื่นยิ่งกวา ทั้งยังไดสืบอายุพระพุทธศาสนามาจนถึงปจจุบัน เราทั้งหลายขอนอมกาย
วาจา ใจ บูชาพระสงฆหมูนั้นดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.-

         สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สงฺฆํ นมามิ,

         (ภาพพิธีมอบตัวเปนศิษย)
     พิธีมอบตัวเปนศิษย
     เตรียมสถานที่
          -จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารยและครูอาจารย ตั้งเปนแถวตรงหนานัก
           เรียนซึ่งนักเรียบรอยอยูแลว ในหองประชุม(สําหรับครูใชเสื่อปูก็ดีเหมือนกัน
     เตรียมบุคคล
          -เตรียมเด็กนํากลาวมอบตัวเปนศิษย ๑ คน
          -เตรียมเด็กอานกลอน คํามั่นสัญญา ๑-๒ คน
     เตรียมอุปกรณ
          -เตรียมดอกไมใสพานเทาจํานวนกลุมนักเรียนที่แบงไว ใหตัวแทนกลุมเปนผู
           มอบใหพระอาจารย และครูอาจารย
     ขั้นตอนพิธีมอบตัวเปนศิษย
          -คณะพระอาจารยและครูอาจารยนั่งเกาอี้
          -นักเรียนกราบ ๓ ครั้ง
          -พระอาจารยกลาวถึงความสัมพันธระหวางครูกับศิษย
          -ตัวแทนนักเรียนนํากลาวมอบตัวเปนศิษย
          -ตัวแทนนักเรียนอานกลอน คํามั่นสัญญา
          -นักเรียนนั่งตัวตรงหลับตาระลึกถึงพระคุณของครู(เปดเพลงพระคุณที่สาม)
          -ตัวแทนกลุมนักเรียนมอบดอกไมแดพระอาจารยและครูอาจารย
          -นักเรียนทั้งหมดกราบแลวหมอบอยู
          -คณะพระอาจารยสวดชัยมงคลคาถา
๔๒

           -นักเรียนกราบ ๓ ครั้ง
      เสร็จพิธี

        คํากลาวมอบตัวเปนศิษย
     คณะพระอาจารย และครูอาจารย ที่เคารพ ขาพเจาทั้งหลาย มีความตระ
 หนักดีวาชีวิตนี้สามารถพัฒนาได พวกขาพเจาทั้งหลาย จึงพยายามเปนอยางยิ่ง ในการขวน
 ขวายเพื่อพัฒนาตนเอง ยกระดับชีวิตตนเองใหสูงขึ้น เหมือนดอกบัวที่เกิดในโคลนตม แตขึ้น
 มาบานอยูเหนือน้ํา โดยไมเปอนโคลนและเปยกน้ํา มีแตความบริสุทธิ์ จึงคูควรเปนดอกไมบู
 ชาพระพุทธเจา แมพวกขาพเจาทั้งหลาย ก็พยายามพัฒนาตนใหเปนเชนนั้น

        คณะพระอาจารย และครูอาจารยที่เคารพ แตการพัฒนาตนเอง และยกระ
 ดับชีวิตตนเองใหสูงขึ้นนั้น นับเปนภาระที่หนักมากของชีวิต ลําพังสติปญญาของพวกขาพเจาเอง
 ซึ่งมีอยูขณะนี้ ยอมยากเหลือเกิน ที่จะพัฒนาตนเองใหประสบความสําเร็จ ในระดับสูงได จึง
 ตองอาศัยความเมตตากรุณา จากคณะพระอาจารย และครูอาจารย ชวยแนะนําพร่ําสอน
 อีกสวนหนึ่งและนับวาเปนสวนสําคัญมากทีเดียว

      คุณครูอาจารยที่เคารพ......ขาพเจาทั้งหลาย เขาใจถึงความรัก ความหวง
 ใยและความปรารถนาดี ของครูอาจารยดวยดีเสมอมา และเมื่อทราบวา คณะครูอาจารย
 มีความประสงค จะใหขาพเจาทั้งหลาย เขารวมปฏิบัติธรรม ตามโครงการอบรมคุณธรรม
 คายพุทธบุตร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตดวยแลว ขาพเจาทั้งหลาย ยิ่งมีความซาบซึ้งในพระ
 คุณของทานมากยิ่งขึ้น ทานมิใชพอก็เหมือนพอ....มิใชแมก็เหมือนแม ที่มีแตความหวังดี
 ตอพวกขาพเจาอยูเสมอ

     ดวยความสํานึกในพระคุณอันยิ่งใหญนี้ ขาพเจาทั้งหลายจึงขอนอม กายและใจ
 มอบใหแดพระอาจารย และครูอาจารย เพื่อเปนศิษยที่ดีของทานทั้งหลาย อันจะนํามาซึ่ง
 ความสุขความเจริญ ของขาพเจาทั้งหลายสืบไป.
     ขอใหเพื่อนนักเรียนทั้งหลาย วาตามขาพเจา ดังนี้.-

            ขาแตพระอาจารย และครูอาจารย ผูเจริญ, ขาพเจาทั้งหลาย, ขอมอบ
 กายและใจ, เปนศิษยที่ของพระอาจารย, และครูอาจารย, ขาพเจาทั้งหลาย, จะตั้งใจศึก
 ษา, เชื่อฟงคําสั่งสอน และปฏิบัติตาม, ดวยความเคารพทุกประการ, ดวยสัจจะวาจานี,   ้
 ขอใหขาพเจาทั้งหลาย, จงมีแตความสุข, ความเจริญ, ตลอดกาลนานเทอญฯ
คํามั่น-สัญญา
๔๓

 ขอตั้งจิตปณิธานอยางหาญกลา
ดวงจิตขาฯจะคงมั่นไมหวั่นไหว
จะนับถือสักการะพระรัตนตรัย
ทั้งกายใจแนวแนไมแปรปรวน
 จะปฏิบัติตามหลักธรรมคําสั่งสอน
เพื่อยึดเหนี่ยวรั้งดวงใจไมผันผวน
แมจะมีผูใดมุงใฝชวน
จะไมดวนเปลี่ยนใจไปศรัทธา
 จะแนวแนซื่อตรงองคพุทธะ
ดวยสัจจะยึดมั่นพระศาสนา
จะทําทานรักษาศีลภาวนา
ขอสัญญาถือไตรรัตนเปนฉัตรชัย
 มาเขาคายคุณธรรมนอมนําจิต
สิ่งใดผิดพรอมปรับปรุงและแกไข
เพื่อเลื่อนชั้นตัวเองสูงขึ้นไป
ยกตนใหสูงคากวาคําคน
 ตอไปนี้มีชื่อวา พุทธบุตร
ไมยั้งหยุดตั้งใจใฝฝกฝน
จะรักเกียรติและศักดิ์ศรีความดีตน
เพื่อทุกคนเอาอยางในทางดี
 จักเดินตามรอยบาทองคพระพุทธ
       พุทธบุตรยอมตระหนักซึ่งศักดิ์ศรี
ไมกระทําสิ่งต่ําทรามความอัปปรีย
จักทําดีดวย กาย วาจา ใจ
 จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข
                           
เปนความสุขของชีวิตจิตแจมใส
ทําความดีโดยไมหวังผลจากใคร
แตทําเพื่อยกจิตใจใหถึงธรรม
 สุดทายนี้ลูกขอย้ําในคํามั่น
ตามปณิธานอยางมั่นใจไมถลํา
แมมีทุกขปางตายไมทิ้งธรรม
รักษาความเปน พุทธบุตร สุดชีพเอย.
๔๔


         กติกาสัญญาใจ คําปณิธาน
            กติกา
     กติกาในการอยูคายพุทธบุตรนั้น เราไมเนนระเบียบเปนขอ ๆ เหมือนทั่วไป
แตอาศัยการแนะนําพร่ําสอน ใหเด็กมีความสํานึกวา อะไรควรทํา อะไรไมควรทํา และสา
มารถบังคับตนเองได โดยสอนเนนการประพฤติทาง กาย วาจา ใจ ดังตอไปนี.้ -
     ก. การประพฤติทางกาย
          -ยืนเรียบรอย
          -เดินเรียบรอย
          -นั่งเรียบรอย
          -นอนเรียบรอย
          -รับประทานอาหารเรียบรอย
          -ไมถือเอาสิ่งของ ของผูอื่นดวยเจตนาลักขโมย
          -ไมทําลายของรักของผูอื่น
          -ไมลวงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผูอื่น
          -ไมทํารายรางกายผูอื่น
          -ไมเสพของมึนเมาทุกชนิด
          -เดินผานพระอาจารยหรือครูอาจารยใหยกมือไหวทุกครั้ง
          -ไมออกไปนอกเขตบริเวณคาย
          -ไมซื้ออาหารมารับประทานนอกเวลา
     ข. การประพฤติทางวาจา
          -ไมพูดเท็จ พูดแตคําจริง
          -ไมพูดคําหยาบ พูดแตคําไพเราะออนหวาน พูดมีหางเสียง
          -ไมพูดยุยงใหแตกแยก พูดแตถอยคําที่ใหเกิดความสามัคคี
          -ไมพูดเพอเจอไรสาระ พูดแตสิ่งที่เปนประโยชน เปนสุภาษิต
          -พูดดวยเมตตาจิต ปรารถนาใหผูอื่นไดปญญา มีความสุข
          -พูดกับพระอาจารย ตองประนมมือไหวทุกครั้ง
     ค.การประพฤติทางใจ
          -มีน้ําใจเอื้อเฟอ ปรารถนาใหผูอื่นมีความสุข
          -เมื่อเห็นผูอื่นมีความทุกข มีน้ําใจเอ็นดูคิดชวยเหลือใหพนทุกข
          -เมื่อเห็นผูอื่นไดรับความสุข ก็พลอยยินดีดวย ไมริษยา หรือคิดทําลาย
          -มีน้ําใจเสียสละไมเห็นแกตัว โดยถือคติวา เมื่อถึงคราวตองเสียสละเรา
๔๕

           ออกหนา เมื่อมีผลประโยชนเขามา เราอยูหลัง
          -รูจักใหอภัย ไมถือโทษโกรธแคน ไมพยาบาทจองเวรกับผูใด ปลอยวางได
           ไมถือมั่นดวยกิเลส ไมตอความยาวสาวความยืด
      สรุปความวา
          พุทธบุตรตองมีกายออนนอม วาจาออนหวาน จิตใจออนโยน
           สัญญาใจ
      สัญญาใจ หมายถึง คติเตือนใจ ที่ผูอยูคายพุทธบุตร ไดใหคํามั่นสัญญาไว
กับตัวเอง เปนสัญญาของสัตบุรุษ ที่มีความตั้งใจมั่นในการปองกันตนเอง ไมใหตกลงไปใน
หลมแหงความชั่วรายต่ําทราม
      พระอาจารยเปนผูกลาวนํา ใหนักเรียนวาตาม ๓ ครั้ง ดังนี.้ -
              น อนริยํ กริสฺสามิ
           เราจักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม

                  คําปฏิญาณ
     คําปฏิญาณ หมายถึง ความตั้งใจหนักแนน ในการที่จะดํารงตนมิให
ผิดพลาด ในการดําเนินชีวิต และในหนาที่การงาน ไมตกอยูภายใตอํานาจความคิดฝายต่ํา
จึงกลาวปฏิญาณตน ตอหนาสิ่งหรือบุคคลที่ตนเคารพนับถือ เพื่อผูที่อยูรวมในที่นั้น ไดรับ
ทราบถึงความตังใจจริงของพวกเราชาวพุทธบุตร
                ้
             พระอาจารยนํากลาว ๓ ครั้ง ดังนี.้ -
           พุทธบุตร จักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม
           พุทธบุตร จักกระทําแตสิ่งที่ดีงาม
           พุทธบุตร จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข
     นี้คือ ความสุขของพวกเรา ชาวพุทธบุตร
           กลาวคําปฏิญาณเสร็จแลว พระอาจารยกวาจูงใจใหพุทธบุตรเห็นชัดใน
การกระทําของตนเองวา ใครทําดียอมไดรับผลดี ใครทําชั่วยอมไดรับผลชั่ว และใหพุทธ
บุตรนั่งหลับตาทําจิตใหสงบทบทวนความเปนไปของชีวิต(เปดเพลงทําดีไดด)จบเพลงก็เสร็จพิธี.
                                                                        ี

      (ภาพการรับประทานอาหาร)
     การรับประทานอาหาร
         -ใหนักเรียนนําอุปกรณ เชน จาน, ชอน, แกวน้ํา ฯลฯ มาเรียบรอย
         -ใหนักเรียนวางอุปกรณไวทางขวามือ ใหเปนแถวตรงกัน ดูสวยงาม
         -ใหนักเรียนกราบพระพรอมกัน ๓ ครั้ง
๔๖

         -ใหนักเรียนทองพุทธศาสนสุภาษิต คํากลอน เตรียมความพรอม
         -ใหนักเรียนออกรับอาหารเปนแถวอยางมีระเบียบ
         -ใหนักเรียนกลุมที่ไมไดออกรับอาหาร ทองสุภาษิต หรือนั่งสมาธิแลวแตกรณี
         -นักเรียนรับอาหารมาแลววางไวทางขวามือเปนแถวตรงกัน
         -ตัวแทนกลุม ที่มีน้ําใจเอื้อเฟอเอาน้ําใสเหยือกเสริฟใหเพื่อน (ครูที่ปรึกษาก็
          ชวยเสริฟได)
         -นักเรียนกลาวคําพิจารณาอาหารพรอมกัน(ใชคําปลุกสํานึกกอนรับประทานอาหาร)
         -พระอาจารยเตือนสติใหระลึกถึงกติกาในการรับประทานอาหาร คือไมมี
          เสียงดัง ไมหก ไมเหลือ
         -นักเรียนรับประทานพรอมกันอยางสงบ มีระเบียบเรียบรอย
         -พระอาจารยพูดธรรมะหรือประโยชนของอาหาร เปนการใหอาหารใจไปดวย
         -ใครรับประทานอาหารเสร็จกอนใหนั่งตัวตรงหลับตาทําสมาธิ
         -รับประทานอาหารเสร็จแลวกลาวคําขอบคุณผูมีอุปการะพรอมกัน
         -พระอาจารยปลอยใหไปลางจานทีละกลุมอยางมีระเบียบ
            (ภาพ)

          เขาแถวรับอาหาร พระอาจารยมีน้ําใจตักให
                         (ภาพ)
             รับอาหารตามลําดับอยางมีระเบียบ
                    ปลุกสํานึกกอนรับประทานอาหาร
       ในการอยูคายคุณธรรมนั้น เราฝกใหเด็กรับประทานอาหารอยางมีระเบียบ
เรียบรอย สวยงาม พระอาจารยจึงจัดเด็กออกไปรับอาหารทีละกลุมอยางมีระเบียบและเมื่อ
กลับมานั่งที่เดิมหมดทุกคนแลว กอนจะรับประทานอาหาร พรอาจารยจะกลาวนําใหวาตาม
 ดังนี้:-
             ขาวทุกจาน อาหารทุกอยาง อยากินทิ้งขวาง เปนของมีคา หลายคน
              เหนื่อยยาก ลําบากหนักหนา สงสารบรรดาคนยากคนจน 
             ในโลกนี้ยังมีคนที่จนยาก แสนลําบากอัตคัดและขัดสน
        อยากินทิ้งขวางตามใจตน สงสารคนอื่นที่ไมมีกิน

        กติกาในการรับประทานอาหาร
        เราชาวพุทธบุตร รับประทานอาหารดวยความตั้งใจวา ไมดัง ไมหก ไมเหลือ
๔๗

            เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแลวกลาวขอบคุณ วาดังนี้
              ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่กรุณา เมตตาทําอาหารมาให พุทธ
                บุตรซาบซึ้งน้ําใจ ตั้งแตนี้ไป ทําความดีตอบแทน ขอบคุณครับ(คะ)

        เมื่อกลาวขอบคุณเสร็จแลว พระอาจารยใหนักเรียนออกไปลางจานที่ละกลุม
   อยางมีระเบียบ มีคุณครูคอยแนะนําเด็กอยู ณ ที่ลางจาน

                             (ตัวอยาง)
                 ตารางแบงฐานอบรมคุณธรรม
               โรงเรียนนครหลวง (อุดมรัชตวิทยา)
                           ๕ มิถุนายน ๒๕๓๕
                            ๑๓.๓๐น.- ๑๖.๓๐ น.
วิชชาการเปนบุตรที่ดีของพอแมการเปนศิษยที่ดีของครูอาจารยการเปนเพื่อนที่ดีของเพื่อนการเปนสาวกที่ดี
ของพระศาสดา
วิทยากร พระมหามานพ ปฺญาวชิโร พระปลัดนอบ รกฺขิตสีโล พระมหาสมโภช ฐิติญาโณ พระมหาพินิต
ญาณนนฺโท
    ครั้งที่ เวลา สถานที่ หอประชุม รมหางนกยูง ๑ รมหางนกยูง ๒ สวนตะแบก
    ๑ ๑๓.๓๐-๑๔.๑๐ เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา
    ๒ ๑๔.๑๕-๑๔.๕๕ จิตตะ /วิมังสา เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ
    ๓ ๑๕.๐๐-๑๕.๔๕ ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา
    ๔ ๑๕.๕๐-๑๖.๓๐ มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา เมตตา/กรุณา
                   เสร็จแลวรวมกันที่หองประชุม

                            (ภาพ)
                       แบงฐานอบรมคุณธรรม
                            (ภาพ)
                กิจกรรมกลุมสัมพันธ
                       (ภาพ)
                      แบงฐานอบรมคุณธรรม

                        (ภาพ)
               พุทธบุตรสนใจฟงธรรมะ
๔๘

                    (ภาพ)
             (ภาพ) 
                    (ภาพ)


        การทําวัตรสวดมนต

          -ใชหนังสือสวดมนตแปลฉบับพุทธบุตร (หรือฉบับของสวนโมกข)
          -นั่งคุกเขาเทพบุตร - เทพธิดา (จนกวาพระอาจารยจะสั่งเปลี่ยน)
          -พระอาจารยจุดเทียนเลมที่ ๑ ทุกคนประนมมือ
          -จุดเทียนและธูปเสร็จแลว กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง
          -พระอาจารยที่เปนหัวหนาในที่นั้นนําสวดมนตไปจนจบ

                   อานิสงสของการสวดมนต
          -ทําใหอานหนังสือคลอง ออกเสียงไดถูกตอง สมองไดรับการพัฒนา
          -ขับไลความเกียจคราน จิตใจแชมชื่นเบิกบาน ไมเบื่อไมเซ็ง กระปรี้กระเปรา
          -ตัดความเห็นแกตัวลงได เพราะขณะสวดมนต โลภะ โทสะ โมหะ ไมเกิด
          -จิตเปนสมาธิ เพราะจิตแนวแนอยูกับบทสวด ไมฟุงซาน จิตเยือกเย็น
          -ไดปญญา เขาใจความหมาย และรูจักหลักคําสอนของพระพุทธเจา
          -ไดเขาเฝาพระพุทธเจา และถึงพรอมดวย ศีล สมาธิ ปญญา

           ภาพ
          การเจริญจิตตภาวนา
          -ทําวัตรสวดมนตเสร็จแลวนั่งคุกเขากราบ ๓ ครั้ง
          -พระอาจารยนํากลาวคําสมาทานกรรมฐาน ทุกคนวาตาม ดังนี.้ -

            คําสมาทานกรรมฐาน
      อุกาสะ อุกาสะ, ณ โอกาสบัดนี, ขาพเจา, ขอมอบอัตตภาพรางกายนี,
                                       ้                                    ้
แดพระรัตนตรัย, เพื่อที่จะเจริญกรรมฐาน, ขอใหสมาธิและวิปสสนาญาณ, จงบังเกิดขึ้น, ใน
ขันธสันดาน, ของขาพเจา, ขาพเจาจักตั้งสติไว, ในอารมณปจจุบัน, เพื่อที่จะใหเห็น, เปน
อนิจจัง, เปนทุกขัง, เปนอนัตตา, เพื่อที่จะใหจิต, เกิดความเบื่อหนาย, คลายกําหนัด,
เพื่อที่จะใหจิตหลุดพน, จากอาสวะกิเลส, เครื่องหมักดองสันดาน, ณ กาลบัดนี้เทอญฯ
๔๙

                     วิธีนั่งสมาธิ
         -นั่งขัดสมาธิ เทาขวาวางทับบนเทาซาย มือขวาวางทับบนมือซาย
         -นั่งตัวตรง วางใบหนาใหตรงดํารงสติเฉพาะหนา มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
          มีสติ
         -กําหนดรูลมหายใจเขา..กําหนดรูลมหายใจออก...จนกวาจะสมควรแกเวลา.

          (ภาพ)
         พิธีสูความเปนพุทธบุตร

การเตรียม
๑.เตรียมสถานที่
         ๑.๑ จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารยและครูอาจารย
         ๑.๒ จัดเกาอี้ใหครูนั่งหันหนาเขาหาพระประธานเชนเดียวกับนักเรียน
         ๑.๓ จัดเกาอี้ใหพระอาจารยนั่งหันหนาไปทางครูและนักเรียน
        ๒.เตรียมอุปกรณ
         ๒.๑ เตรียมเทียนเทาจํานวนพระ, ครู, และนักเรียน
         ๒.๒ เตรียมเทียนเลมใหญ ๒ เลม จุดหนาพระประธาน
         ๒.๓ เตรียมเทปเพลงที่จําเปนตอกิจกรรม
        ๓.เตรียมบุคคล
    เตรียมพระ ๑ รูป เปนประธานจุดเทียน
        ๔.ขั้นตอนพิธี
         -แจกเทียนแด พระ, ครู, นักเรียน
         -ใหครู, นักเรียน, นั่งสมาธิ (ปดไฟ)

             (ภาพ)

         -บรรยายสภาพปญหาสังคมมนุษย
         -บรรยายการเกิดขึ้นของพระพุทธเจา
         -บรรยายการตรัสรูของพระพุทธเจา, พระที่เปนประธานจุดเทียน เปด
          เพลงพระรัตนตรัย
         -บรรยายพระพุทธคุณ ๓ ประการ ถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระตอเทียนให
          ครู, ครูตอใหนักเรียน
๕๐

        -สวดสรรเสริญพระพุทธคุณพรอมกัน (องคใดพระสัมพุทธ...)
        -นํากลาวมอบตนเปนพุทธบุตร, พุทธบุตรกลาวคําปฏิญาณ ๓ ขอ
        -ดับเทียน, เปดไฟ, พระอาจารยใหพร, เสร็จพิธี

          คํามอบตัวเปนพุทธบุตร
    นตฺถิ เม สรณํ อฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ
       ที่พึ่งอยางอื่นของขาพเจาไมมี
    พระพุทธเจาเปนที่พึ่งอันประเสริฐของขาพเจา

    พุทฺโธ ทุกฺขสฺส ฆาตา จ วิธาตา จ หิตสฺส เม.
        พระพุทธเจาเปนเครื่องกําจัดทุกข
       และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา

      พุทฺธสฺสาหํ นิยฺยาเทมิ สรีรฺชีวิตฺจิทํ
    ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระพุทธเจา.

             คําปฏิญาณของพุทธบุตร
          น อนริยํ กริสฺสามิ (วา ๓ ครั้ง)
          -พุทธบุตร จักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม
          -พุทธบุตร จักกระทําแตสิ่งที่ดีงาม
          -พุทธบุตร จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข
    นี้คือ ความสุขของพวกเราชาวพุทธบุตร.

       คําอธิษฐานของพุทธบุตร
    เอเตน สจฺจวชฺเชน วฑฺเฒยฺยํ สตฺถุสาสเน
     ดวยการกลาวคําสัจจนี้ขาพเจาพึงเจริญ
     ในพระศาสนาของพระศาสดา...

 บทแผเมตตา
สัพเพ สัตตา สัตวทั้งหลาย, ทีเปนเพื่อนทุกข, เกิด แก เจ็บ ตาย, ดวยกัน
               ทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดมีเวรแกกันและกันเลย,
อัพยาปชฌา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
๕๑

    อะนีฆา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดมีความทุกขกายทุกขใจเลย
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแตความสุขกายสุขใจ, รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นเทอญฯ

               บทกรวดน้ํายอ
        อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตโย

    ขอเดชะตั้งจิตอุทิศผล     บุญกุศลแผไปใหไพศาล
    ถึงบิดามารดาครูอาจารย ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน
    คนเคยรวมเคยรักสมัครใคร มีสวนไดในกุศลผลบุญฉัน
    ทั้งเจากรรมนายเวรและเทวัญ ขอทุกทานรับกุศลผลนี้เทอญ ฯ

            (ภาพ)
   บริการกาย - บริหารจิต
         (ภาพ)
  บริหารกาย - บริหารจิต
           (ภาพ )
    การเดินจงกรม
            -การเดินจงกรม คือ การเดินกลับไปกลับมาอยางมีสติสัมปชัญญะ
            -การฝกเดินจงกรม มีวัตถุประสงค เพื่อฝกสติสัมปชัญญะใหวองไว จนสา
             มารถควบคุมจิตใจใหอยูกับการเคลื่อนไหวของรางกาย คือ ใหกายกับใจอยู
             รวมกันมีความรูสึกตัวทั่วพรอมอยูตลอดเวลา
            -การฝกเดินจงกรมชื่อวาไดปฏิบัติตามสติปฏฐาน หมวด อิริยาบถ และหมวด
             สัมปชัญญะนับเปนการเจริญกรรมฐานชั้นสูงประการหนึ่ง

    อานิสงสของการเดินจงกรม
            -ทําใหอดทนตอการเดินทางไกล

             -ทําใหอดทนตอการทําความเพียร
             -ทําใหอาหารยอยงาย
             -ทําใหมีอาพาธนอย
             -ทําใหจิตเปนสมาธิและตั้งอยูไดนาน.
          วิธีเดินจงกรม
             -พระอาจารยประจํากลุมพาเดินกลุมใครกลุมมัน
๕๒

-เลือกสถานที่เดินใหเหมาะสม
-พระอาจารยจัดนักเรียนใหยืนแถวอยาใหแถวยาว ถานักเรียนมากใหทําหลายแถว
             (ภาพ)

-ใหนักเรียนยืนตัวตรง ทอดสายตาลงต่ํา มือจับกันไวขางหนา
-ใหนักเรียนบริกรรมวา ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ
-การบริกรรมพูดออกเสียงก็ได หรือจะบริกรรมในใจก็ได แตทําใหเหมือนกัน
 ทั้งกลุม
-เมื่อบริกรรม ยืนหนอ ๓ ครั้งแลว  ใหยกเทาขวาขึ้นพรอมกับบริกรรมวา
 ขวา  ยางเทาไปขางหนา พรอมกับบริกรรมวา ยาง เหยียบเทา
 ลงพรอมบริกรรมวา หนอ
-ยกเทาซายขึ้นพรอมบริกรรมวา ซาย ยางเทาไปพรอมบริกรรมวา
 ยาง  เหยียบเทาลงพรอมบริกรรมวา หนอ
-พระอาจารยสอนใหเดินกําหนด ขวา ยาง หนอ ซาย ยาง หนอไปเรื่อย ๆ
-เมื่อเห็นวาเดินมาไกลพอสมควรแลว (ประมาณ ๑๕ กาว) ก็ยืนพรอม
 บริกรรมวา ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ แลวหมุนตัวกลับไปทางขวา พรอม
 กับบริกรรมวากลับหนอ กลับหนอ กลับหนอ รวม ๔ ครั้ง กลับเสร็จแลว
 ยืนบริกรรมวา ยืนหนอ ๓ ครั้ง
-แลวออกเดิน บริกรรม ขวา ยาง หนอ ซายยางหนอ ฯลฯ  ปฏิบัติอยู
 อยางนี้จนกวาจะสมควรแกเวลา

               (ภาพ)

   กิจกรรมหนาเสาธง
-เตรียมติดตั้งเครื่องขยายเสียงไวเรียบรอย
-เตรียมธงชาติผูกไวเรียบรอย
-จัดเด็กนักเรียนเขาแถวหนาเสาธง
-พระอาจารยพูดปลุกความสํานึก             ใหนักเรียนเห็นความสําคัญของชาติ
 ศาสนา พระมหากษัตริย
-นักเรียนเชิญธงชาติขึ้นสูยอดเสา ตัวแทนนักเรียนนํารองเพลงชาติ
-พระอาจารยนําแผเมตตา
-พระอาจารยนํากราบพระรัตนตรัย
๕๓

            -พระอาจารยมอบนักเรียนใหอาจารยที่ปรึกษา

                 เสร็จพิธี
ใหเด็กเขียนบทความ
          การใหนักเรียนเขียนบทความ ก็เพื่อจะไดนําเอาไปใชในกิจกรรม เชน
    กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค กิจกรรมอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม และเปนโอกาสใหนักเรียน
    เปลี่ยนอารมณ และบทความของนักเรียนยังเปนเครื่องวัดความรูสึกนึกคิด และความสามารถของ
    นักเรียนดวย

               เสนอใหเขียน ๓ เรื่อง

        ใหพุทธบุตรเขียนบทความ เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามที่ตนถนัด ดังตอไปนี.้ -
             ๑. เรื่อง ความประทับใจในพระคุณของพอแม
             ๒. เรื่อง ความประทับใจในพระคุณครูอาจารย
             ๓. เรื่อง ความประทับใจในการอยูคายพุทธบุตร

                 เสนอวิธีเขียน ๓ วิธี
        ใน ๓ เรื่องนั้นใหนักเรียนเลือกเขียนวิธีใดวิธีหนึ่งใน ๓ วิธี ดังตอไปนี.้ -
             ๑. เขียนแบบเรียงความ
             ๒. เขียนแบบจดหมาย
             ๓. เขียนแบบแตงกลอน
        เขียนเสร็จแลวสงใหครูที่ปรึกษา ใหครูที่ปรึกษาคัดเลือกเอาบทความที่ดีที่สุดใน
             กลุมไปมอบใหกรรมการกลาง เพื่อจะไดคัดเลือกนําเขาสูกิจกรรมตอไป.
                             (ภาพ)
             กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค
      -ใหนักเรียนเขียนบทความเอาไวกอน(จะจัดเรื่องอะไรก็ได แตที่นี่พระคุณพอแม)
      -คัดเอาบทความที่ดีที่สุดเขาสูกิจกรรม ไมเกิน ๕ ฉบับ
      -ถึงเวลานักเรียนพรอมกันที่หองประชุม กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง
      -พระอาจารยเปนพิธีกรดําเนินการ
      -เชิญตัวแทนพอแสดงความรูสึก
      -เชิญตัวแทนแมแสดงความรูสึก
      -ใหนักเรียนนั่งหลับตา..ระลึกถึงพระคุณพอแม(เปดเพลงใครหนอ)
๕๔

  -เชิญนักเรียนเจาของบทความออกมาอานบทความของตนติดตอกัน ๒ คน
  -ใหนักเรียนนั่งหลับตาระลึกถึงออมอกแม (เปดเพลงออมอกแม)
  -เชิญนักเรียนอานบทความตอ หรืออาจเชิญนักเรียนพูดสดบางก็ได
  -พระอาจารยสรุป และใหนักเรียนนั่งสมาธิระลึกถึงพระคุณแม(เปดเพลงพระคุณแม)
  -ถาพอแมมารวมกิจกรรมดวย จัดใหลูกกราบพอแม(เปดเพลงพระคุณแม)
  -พระอาจารยอํานวยพร ทุกคนกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง.

              เสร็จพิธี
                     (ภาพ)
                  พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม
การเตรียม
     ๑.เตรียมสถานที่และอุปกรณ
        ๑.๑ จัดเกาอี้เทาจํานวนครู ตั้งดานหลังหรือดานขางหอประชุม
        ๑.๒ จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารย ตั้งดานหนานักเรียน
        ๑.๓ จัดหองประชุมโดยเวนตรงกลางไวสําหรับครูนั่ง
        ๑.๔ โตะหมูบูชาตั้งไวจุดศูนยกลางเวทีดานหนา
        ๑.๕ เตรียมเทปเพลงที่จําเปนตอกิจกรรม
     ๒.เตรียมบุคคล
        ๒.๑ ตัวแทนครูฝายอาหารแสดงความรูสึก
        ๒.๒ ตัวแทนนักเรียนแสดงความประทับใจในการอยูคาย
        ๒.๓ ตัวแทนครูกลาวถึงศิษยที่ครูปรารถนา
        ๒.๔ ตัวแทนครูอานกลอนเสียงกระซิบสั่งจากครู
        ๒.๕ ประธานกลาวปดการอบรม
             ขั้นตอนพิธี
        -จักนักเรียนเขาที่นั่งเรียบรอย
        -ครูอาจารยนั่งเกาอี้ที่จัดไว
        -พระอาจารยนั่งเกาอี้ที่จัดไว
        -พระพิธีกรนําบูชาพระรัตนตรัย
        -พระอาจารยดําเนินการบรรยายสรุปการอยูคาย
        -เชิญตัวแทนครูฝายอาหารแสดงความรูสึก
        -เชิญตัวแทนนักเรียนแสดงความรูสึก ๒-๔ คน
        -เชิญครูเดินเขามานั่งระหวางกลางเด็ก
๕๕

   -เชิญตัวแทนครูใหโอวาทเรื่องศิษยที่ครูปรารถนา
   -เชิญตัวแทนครูอานกลอนเสียงกระซิบสั่งจากครู
   -เชิญประธานจุดเทียน ธูป กลาวคําปราศรัย ปดการอบรม
   -พระอาจารยกลาวนําบูชาพระรัตนตรัย
   -ทุกคนยืนตรงรองเพลงสรรเสริญพระบารมี เสร็จพิธี
                           ภาคผนวก
  พุทธศาสนสุภาษิตและคําสอน
      พระพุทธคุณ
  พุทฺโธ สุสุทฺโธ กรุณามหณฺณโว
พระพุทธเจาผูบริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจหวงมหรรณณพ

   พระพุทธองคทรงคุณอยางเลิศลน
  ทรงคิดคนความจริงแทแนที่สุด
  เปนที่พึ่งอาศัยของชาวพุทธ
  ใหวิมุตติหลุดพนเขานิพพาน
   ทรงมองเห็นความทุกขดวยองคเอง
  ทรงบรรเลงฟนฝาอยางกลาหาญ
  ในที่สุดหลุดพนถึงนิพพาน
  มีดวงมาลยโดดเดนเหนืออื่นใด
   บริสุทธิ์ภายในไกลกิเลส
  รูสาเหตุรูผลจนวางใส
  ดับที่เหตุจนสนิทที่จิตใจ
  ผลทั้งหลายหายวับดับลงพลัน
   เกิดตัวรูมั่นคงอยูตรงกลาง
  รูปลอยวางรูทุกขรูสุขสันต
  เกิดรูแจงเห็นจริงทุกสิ่งอัน
  อัศจรรยเปดเผยไมเคยมี
   จิตสะอาดสวางและสงบ
  ไดมีครบแหงองคผูทรงศรี
  ถึงจุดจบแหงภพในทันที
  พรอมกันนี้สอนเวไนยใหรูตาม.
๕๖

          (อาจารยเปรียง เกตุแกว)

         พระธรรมคุณ

   ธมฺโม ปทีโป วิย ตสฺส สตฺถุโน
พระธรรมของพระศาสดา สวางรุงเรืองเปรียบดวงประทีป

     พระธรรมคือคําสอนพระพุทธองค
    ที่มั่นคงตรงแทไมแปรผัน
    เปนความจริงพิสูจนไดทุกสิ่งอัน
    สารพันเปนวิทยานาทดลอง
     ทานตรัสสอนโอวาทปาติโมกข
    ใหหมดโรคทางกิเลสหายเศราหมอง
    ไมทําบาปสรางกุศลใหถึงพรอม
    แลวนอบนอมจิตใจผองใสตาม
     ทรงรูแจงแหงทุกขในพระองค
    จึงไดทรงกําหนดทางไวเปนสาม
    ใหเวไนยไตรตรองพอรูความ
    ปฏิบัติตามพระองคไมหลงทาง
     ทางพระองคทรงใหไตรสิกขา
    ศีล สมาธิ ปญญา พากระจาง
    หากไมรูดูมรรคแปดนั่นแหละทาง
    กําหนดวางใหปฏิบัติอยางชัดตรง
     ทําจิตใจใหมีพรหมวิหาร
    สมาทานรักษาศีลมิใหหลง
    ภาวนาทําจิตใจใหมั่นคง
    รูจักปลงปลอยวางเปนทางดี

     รูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    รูมรรคารูเหตุแหงวิถี
    มีสติรูตัวรูชั่วดี
    ผูใดมีพระธรรมซึ้งถึงนิพพาน.
๕๗

         (อาจารยเปรียง เกตุแกว)
      พระธรรมคุณ
     เปด-เปด-เปด
 เปด เปด ตาใหรับแสงแหงพระธรรม
ยิ่งมืดค่ํา ยิ่งเห็นชัด ถนัดถนี่
สมาธิมาก ยิ่งเห็นชัดถนัดดี
นี่วิธี เปดตาใจ ใชกันมา
 เปด เปด หู ใหยินเสียงสําเนียงธรรม
ทั้งเชาค่ํา มีกองไปในโลกหลา
ลานลานป ฟงใหชัด เต็มอัตรา
คือเสียงแหง สุญญตา คาสุขใจ
 เปด เปด ปาก สนทนา พูดจาธรรม
วันยังค่ํา อยาพูด เรื่องเหลวไหล
พูดแตเรื่อง ดับทุกขได โดยสัจจนัย
ไมเทาไร เราทั้งโลก พนโศกแล ฯ
      ศีลธรรมกลับมาเถิด
 กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด
กําลังเกิด ภัยราย อันใหญหลวง
แกสัตวโลก ทั่วถิ่น จักรวาลปวง
นาเปนหวง ความพินาศ ฉกาจเกิน
 กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด
ในโลกเกิด กลียุค อยางฉุกเฉิน
หลงวัตถุ บาคลั่ง เกินบังเอิญ
มัวเพลิดเพลิน สิ่งกาลี มีกําลัง
 กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด
ความเลวราย ลามเตลิด จวนหมดหวัง
รีบกลับมา ทันเวลา พาพลัง
มายับยั้ง โลกไว ใหทนกาลฯ
                 (พุทธทาสภิกขุ)

    พระธรรมคุณ
 ถาศีลธรรมไมกลับมา
๕๘

 ถาศีลธรรม ไมกลับมา โลกาวินาศ
มนุษยชาติ จะเลวราย กวาเดรัจฉาน
มัวหลงเรื่อง กิน กาม เกียรติ เกลียดนิพพาน
 อาชญากรรม เกิดกระหน่ํา ลงในโลก
มีเลือดโชก แดงฉาน แลวซาไหล
เพราะบากิน บากาม ทรามเกินไป
บาเกียรติก็ พอไมได ใหเมาตน
 อยากครองเมือง ครองโลก โยกกันอยู
ไมมีใคร เมตตาใคร ใหสับสน
ขอศีลธรรม ไดกลับมา พาหมูคน
ใหผานพน วิกฤตการณ ทันเวลา ฯ

       ศีลธรรมกับคน
   ศีลธรรมเลว คนก็ได กลายเปนผี
หาความดี ไมประจักษ สักเสนขน
ศีลธรรมดี ผีก็ได กลายเปนคน
ที่เลิศลน ภูมิใจ ไหวตัวเอง
   ศีลธรรมต่ํา เปลี่ยนคน จนคลายสัตว
จะกินกัด โกงกัน ขมันเขม็ง
ศีลธรรมสูง คนสดใส ไมอลเวง
ลวนยําเกรง กันและกัน ฉันเพื่อนตาย
   ศีลธรรมนี้ ทุกวัน มันตายซาก
คนมีปาก ก็ไมพลาม ศีลธรรมหาย
ศีลธรรมกลับ มาเมื่อไร ทั้งกายใจ
คนจะหาย จากทุกข เปนสุขเอง ฯ
                (พุทธทาสภิกขุ)

       พระธรรมคุณ
    สําคัญที่มีศีลธรรม
 ศีลธรรม มีประจํา อยูคูโลก
ยิ่งกวาโชก ใดใด ที่ใฝฝน
โชคจะดี หรือราย อยางไรกัน
๕๙

     มันสําคัญ อยูที่ มีศีลธรรมฯ
            อยูกับธรรม
      เมื่อรบสู กับศัตรู สูดวยธรรม
     จะปลุกปล้ํา กันเทาใด ไมเสียหาย
     ถาสูกัน อยางนี้ไมมีตาย
     ในสุดทาย จะปรองดอง ตองใจกัน
      เมื่อปองกัน ศัตรู รูใชธรรม
     เปนกําแพง เพชรล้ํา เลิศมหันต
     ปองกันได สารพัด นาอัศจรรย
     ปอมคายมั่น กวาสิ่งใด ในโลกคน
      เมื่อหลบซอน จากศัตรู อยูกับธรรม
     ไมระกํา ทุกขเห็น สักเสนขน
     ชวยปลุกปลอบ ชื่นชอบ ฉ่ํากมล
     ขอทุกคน จงมีธรรม ประจํากายฯ
                  (พุทธทาสภิกขุ)
                         เรียนธรรมดีกวา
      วิชาโลกเรียนเทาไรไมรูจบ
     เพราะพิภพกลมกวางใหญลึกไพศาล
     วิชชาธรรมเรียนแลวทําจนชํานาน
     คงพบพานจุดจบสบสุขเอยฯ
                   (จากหนังสือหนาที่ของคน)
                        ถาคนไรธรรม
      ถาแมนคน ไรธรรม ประจําจิต
     ดวงชีวิต ยอมจัก หมดศักดิ์ศรี
     มีคาเทียม เทาสัตว ในปฐพี
     ชีวิตนี้ ไรคา นาเสียดายฯ
             ------------๐๐๐๐๐๐------------

      พระสังฆคุณ
    สงฺโฆ สุเขตฺตาภยติเขตฺตสฺยิโต
พระสงฆเปนเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญกวานาบุญอันดีทั้งหลาย
           ------------------------
๖๐

 พระพุทธองคทรงดับขันธนานยิ่งนัก
แตวาหลักที่ทานตรัสยังชัดอยู
เพราะพระสงฆองคสาวกยกเชิดชู
คอยเปนครูสอนธรรมนําปวงชน
 เปนแบบอยางใหเห็นอยางเดนชัด
ใฝฝกหัดปฏิบัติจนเกิดผล
ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงไมหลงกล
ประพฤติตนเพื่อรูธรรมเครื่องนําทาง
 ออกสั่งสอนมวลชนคนทั่วไป
ใหมีใจมั่นคงอยางสงฆบาง
ฝกที่ตนสนที่ใจใหเปนกลาง
จะเห็นทางพนทุกขสุขนิรันดร
 อันพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค
เปนทางตรงของจริงมิใชฝน
พิสูจนไดดวยกายและใจนั้น
รูทั่วกันไมจํากัดเพศและวัย
 เพราะพระสงฆทรงคุณอยางลนเหลือ
ที่เอื้อเฟอนําพระธรรมมาสงให
กวาสองพันหารอยปนี้แลวไซร
ศาสนาไดคงอยูคูโลกาฯ
                        (อาจารยเปรียง เกตุแกว)


                       หมวดพระคุณพอแม

  พฺรหฺมาติ มาตาปตโร
มารดาบิดาเปนพระพรหมของบุตร

    โคมทองของชีวิต
 เปรียบพอแม เชนโคมทอง ของชีวิต
ชวยชี้ทิศ ชวยนําทาง ชวยสรางสรรค
ใหความรัก ใหความรู ชูชีวัน
๖๑

ลูกจงหมั่น   กตัญู    รูแทนคุณฯ

     ใครนะที่หวงใยเรา
 โลกนี้มีใคร หวงใย เมตตา
รักเราเทาฟา อบรม ตักเตือน
พอแมยิ่งใหญ หาใคร มาเหมือน
เราอยาแชเชือน รีบตอบ แทนคุณฯ

      ใครนะที่ชวยเรา
 เมื่อลมกลิ้ง ใครหนอ เขามาชวย
แลวปลอบดวย คําหวาน กลอมขวัญให
ทั้งยังจูบที่ เจ็บชมัด ปดเปาไป
คนนั้นไซร ที่แท แมฉันเองฯ

      อภัยเสมอ
 พระคุณแมลึกล้ํา ลูกจดจํา ในดวงใจ
แตเล็กจนเติบใหญ ไมมีใคร มาเปรียบปาน
สงลูกใหศึกษา เรียนวิชา เขียนและอาน
ลูกเจ็บแมพยาบาล หากลูกพาล แมอภัยฯ
      อกใครแสนอุน
 อุนใดใด ในหลา ที่วาอุน
มิเปรียบคุณ อุนอกแม แผปกปอง
สายน้ําใจ สายธารถัน แมกลั่นกรอง
คอยประคอง ใหลูกตน เปนคนดีฯ
      จะมีอะไรเปรียบ
 ทั้งสามภพ ยกตั้ง ขึ้นชั่งเปรียบ
หนักไมเทียบ พระคุณแม แลสุดหา
ถึงอบอุน สุริยัน และจันทรา
อกมารดา อิงอุน กวาสูรจันทร
      ความหมายที่ลึกซึ้ง
 แม แม แม คํานี้ มีความหมาย
มีพระคุณ มากมาย หลายสถาน
๖๒

แมเปนได หลายสิ่ง หลายประการ
เปนธนาคาร เปนพระพรหม เปนรมไทร
 เปนผูให กําเนิด เกิดลูกรัก
เปนผูให ที่พัก พิงอาศัย
เปนผูให ความการุญ อุนกายใจ
เปนผูให อะไรอะไร ไมรามือ
 ลูกเจ็บไข แมก็ให การรักษา
ลูกโตมา แมก็สง เรียนหนังสือ
ลูกตองการ ตํารา แมหาซื้อ
ลูกปรึกษา หารือ แมยินดี
 โอแมจา พระคุณแม แผปกเกลา
โอแมจา ผูเฝา ไมหนายหนี
โอแมจา ผูเมตตา เอื้ออารีย
โอแมจา ลูกแมนี้ ซาบซึ้งใจ
  ดวงใจแม สะอาดแท กวาทุกสิ่ง
ดวงใจแม สะอาดยิ่ง กวาสิ่งไหน
ดวงใจแม สะอาดเกิน กวาสิ่งใด
ดวงใจแม มีไว เพื่อลูกเอย ฯ

       ใชเพียงใหกําเนิด
 แมมิเพียง แตให กําเนิดลูก
จิตทานผูก เฝาถนอม เปนจอมขวัญ
แมมิเพียง เลี้ยงลูก ใหใหญเทานั้น
แมเพียรสรร สรางนิสัย ใหลูกดี
        ปลูกฝงหวังใหดี
   เมื่อลูกใหญ วัยถวน ควรศึกษา
แมก็พา ลูกรัก ไปฝากให
จะเสียทุน หนุนคา วิชาไป
ถามีให แลวไมขัด เปนสัตยจริง
 ถึงไมมี บางที ก็กูเขา
         จะหนักเบา ยอมลูก ไปทุกสิ่ง
สูตรากตรํา ทําการ งานจริงจริง
๖๓

       เพื่อแลกสิ่ง ทรัพยได มาใหเรา
 เมื่อลูกเสร็จ การศึกษา วิชาเชี่ยว
แมคนเดียว ดีใจ ใครจะเทา
       พอลูกหา ทรัพยได ใจทานเบา
เพราะทานเฝา ปลูกฝง หวังใหดี
      ไมมีใครปาน
 พระคุณแม เลิศฟา มหาสมุทร
พระคุณแม สูงสุด มหาศาล
พระคุณแม เลิศหลา สุธาธาร
ใครจะปาน แมฉัน นั้นไมมี ฯ



     ไมมีหมึกจารึกคุณ
 พระคุณทาน นั้นประมาณ ไมสิ้นสุด
แมสมมติ เอาแผนดิน สิ้นแหงหน
เปนหมึกกอน ผอนละลาย ในสายชล
จนเต็มลน มหาสมุทร สุดนที
 แลวเอา พระสุเมรุ ที่เดนหลา
เปนปากกา จุมหมึก บันทึกที่
เอาทองฟา เปนกระดาษ วาดก็ดี
แลวเขียนชี้ บุญคุณ ทานมารดา
 เขียนจนสิ้น ดินฟา มหาสมุทร
เขียนจนสุด พระสุเมรุ ที่เดนหลา
ก็ไมสิ้น สุดบุญ คุณมารดา
จึงนับวา ใหญยิ่ง กวาสิ่งใด ฯ
      ความรักแท
 รักของใคร หรือจะแท เทาแมรัก
ผูกสมัคร สายเลือด ไมเหือดหาย
คนอื่นรัก ยังประจักษ วารักคลาย
จืดจางงาย ไมจีรัง ดั่งมารดา ฯ
        รักไมเสื่อม
๖๔

 สุริยา     ถึงครา ก็ลาลิบ
ผกาทิพย       ยังรูพราก จากสวรรค
รักพอแม      มีตอลูก ผูกสัมพันธ
ไมมีวัน      เสื่อมซา รางราไกล ฯ

      แมจาลูกสงสัย
 แมจา... แมชวยตอบปญหา ลูกไดไหม
ใยแมเฝา รักลูก ผูกหัวใจ
ลูกดีชั่ว อยางไร รักไมคลาย
 หัวใจแม เปนไฉน ใยผองผุด
หลั่งรักแม บริสุทธิ์ ไมขาดสาย
เฝาพันผูก ตั้งแตลูก กําเนิดกาย
จนลูกตาย รักของแม ไมแปรเอย ฯ
        ถึงชั่วก็รัก
 พระคุณใครใหญล้ํา มารดา เลาเอย
หวงหวงไมระอา         ลูกนอย
ยามเจ็บปวยรักษา        มิหาง
แมลูกชั่วต่ําตอย     แมนี้ยังแล ฯ
      ความหวัง
 ยามแกเฒา หวังใหเจา คอยรับใช
ยามปวยไข หวังใหเจา เฝารักษา
ยามเมื่อถึง วันตาย วายชีวา
หวังใหเจา ปดตา คราสิ้นใจ ฯ


     หมวดลูกกตัญู

  นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตฺูกตเวทิตา
ความกตัญูกตเวที เปนเครื่องหมายของคนดี
                 ------------
        ลูกที่ดี
 ลูกที่ดี มีหัวใจ แบงใหแม
ตองดูแล เลี้ยงดู ชูใจทาน
๖๕

เพียงแตลูก ถามไถ ใหชื่นบาน
ดวยคําหวาน ก็แสนสุข สบายใจ
 ตองรักษา ความดี ไมมีพรอง
และยังตอง เพิ่มความดี ที่สดใส
มีหิริ โอตตัปปะ ชนะภัย
รูสึกความ ละอาย ในสิ่งทราม
 ตองรูจัก อดกลั้น และอดทน
ตองเปนคน จิตผองใส ไมเกรงขาม
ตองนารัก นาเอ็นดู ทุกโมงยาม
เปนคนงาม ทั้งกิริยา และน้ําใจ
 ทั้งมนุษย เทวดา อยากชวยเหลือ
อยากจุนเจือ อยูเปนสุข ทุกสมัย
ทั้งบัณฑิต สรรเสริญ เจริญใจ
อยูแหงใด ใครก็อยาก ผูกสัมพันธ
 จะทํางาน สิ่งใด ก็สําเร็จ
เพราะมีเพชร กตัญู เปนคูขวัญ
แมนหาก ปรารถนา พระนิพพาน
กตัญู ก็เปนฐาน ใหถึงพลัน ฯ


     ความปลื้มใจของพอแม
 พอแมไมมี เงินทอง จะกองให
จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
หาวิชา       ความรู เปนคูมือ
เพื่อยึดถือ เอาไว ใชเลี้ยงกาย
 พอกับแม มีแตจะ แกเฒา
จะเลี้ยงเจา เรื่อยไป นั้นอยาหมาย
ใชวิชา      ชวยตน ไปจนตาย
ลูกสบาย แมกับพอ ก็ปลื้มใจฯ
        ถึงจนก็ทนได
 พอแมจน ทนได           ไมทุกขหนัก
เทาลูกรัก ประพฤติตน เปนคนชั่ว
๖๖

ลูกกี่คน        เลี้ยงได     ไมหมองมัว
ไมโศกเศรา เทาลูกตัว ชั่วระยําฯ
        ไมเทายังดีกวา
 มีไมเทา ใชยัน          ยึดกันราง
คลําหาทาง แกวงกวัด สัตวรายหนี
ปองกันตัว ติดตน ผลทวี
ดีกวามี        ลูกรั้น อกตัญูฯ
        ลูกที่เลว
 ลูกคนใด กระทํา กรรมแกแม
สุดเลวแท ชั่วชา            สิ้นราศรี
ลูกดาแม        ตีแม     ลูกอัปรีย
ลูกไมดี        ทําแมช้ํา น้ําตาริน
 น้ําตาแม รินไหล เมื่อลูกราย
น้ําตาแม        เปนสาย เมื่อลูกหมิ่น
น้ําตาแม        หลั่งลง รดแผนดิน
เมื่อไดยิน ลูกเสเพล เนรคุณฯ

       ใชพระธรรมตอบแทนคุณ
 คุณพอแมมากนัก        เปรียบน้ําหนักยิ่งภูเขา
แผนดินทั้งหมดเอา        มาเปรียบคุณมิเทากัน
 เวนไวแตเรียนธรรม นํามาสอนพอผอนคุณ
สอนธรรมที่จริงให        รูไมเที่ยงไวเปนทุน
แลวจึงแสดงคุณใหเห็นจริง ตามธรรมดา
 นั่นแหละจึงนับได       วาสนองซึ่งคุณา
ใชคาขาวที่ปอนมา      และน้ํานมที่กลืนกินฯ

       หมวดพระคุณครูล
     โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา
  เมตตาธรรม เปนเครื่องค้ําจุนโลก
      -------------------------------
     พอแมคนที่สอง
 เพราะคุณครู เหมือนพอแม คนที่สอง
๖๗

เราจึงตอง กราบไหว ใหเหนือเศียร
ดวงใจครู สุกปลั่ง                 ดั่งแสงเทียน
สองนักเรียน ใหสวาง                 ทางปญญา
 สมควรที่ พวกเรา เฝากมกราบ
รักซึมซาบ           กรุณา           มหาศาล
เราจะรัก         คุณครู          คูจักรวาล
แมลมปราณ สิ้นไป                      ไมลืมเลย ฯ
        ครูกับเทียน
 เปรียบคุณครู ประดุจเทียน แทงนอยนี้
ซึ่งพรอมที่        จะสองแสง ทุกแหงหน
ถึงแมวา         จะครา        ชีวิตตน
ขอใหคน            อื่นสุขกัน เทานั้นพอฯ
        ใชหางธรรมดอกนะ
 มองเห็นศิษย เรียงราย ไรเดียงสา
อนิจจา           เจาจะนึก รูสึกไหม
เวนพอแม         ผูกพัน            รักขวัญใจ
จะมีใคร           รักเจา        เทาเทียมครู
 ถึงยากแคน แสนเหนื่อย เหลือจะอาง
ใชเหินหาง ธรรมะ                    ดอกนะหนู
เห็นศิษย         ตาดําดํา         อยากค้ําชู
ถายความรู ใหศิษย                 ไมปดปงฯ
        สักวันหนึ่งเถอะ
 สักวันหนึ่ง เธอจะรู                 วาครูรัก
สักวันหนึ่ง          คงประจักษ เปนสักขี
สักวันหนึ่ง          เธอจะรู         วาครูดี
สักวันหนึ่ง          จักไดดี         เพราะเชื่อครูฯ
        ผูเสกแสงสวาง
 ถิ่นไทยในปากวาง หางไกล
แสงแหงวัฒนธรรมใด สองบาง
เห็นเทียนอยูร่ําไร        เลมหนึ่ง
ครูนั้นแลชวยสราง            เสกใหชัชวาลฯ
        ซอนช้ําในทรวง
๖๘

 เสียงครูสอนศิษยแลว เงียบหาย
เหมือนคลื่นกระทบชาย ฝงน้ํา
คําสอนสั่งละลาย           เลือนหมด ฉะนั้นฤา
เหนื่อยออนซอนสวนช้ํา ซอกไวในทรวง ฯ
        น้ําฝนยังเปนรอง
 สักกวา คําวาครู รูกันทั่ว
ดีหรือชั่ว รักศิษย ไมคิดหมอง
อันน้ําฝน ลนบึง ทวมถึงคลอง
ยังเปนรอง น้ําใส ในใจครูฯ
        ผูที่ฉันไววางใจ
 อันรักใด หวงใด ในสงสาร
จะเปรียบปาน หวงลูก หามีไม
แตถึงรัก ถึงหวง ยิ่งเพียงใด
ก็วางใจ ใหอยู กับครูเอยฯ


      -----------------๐๐๐๐๐๐---------------


         หมวดศิษยที่ดี
      ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
การบูชา สิ่งที่ควรบูชา เปนมงคลอยางสูงสุด
       --------------------------------
         ศิษยรักครู
 เรารักคุณครู เชิดชูบูชา
เพราะทานกรุณา เมตตาตอเรา
เราจะไมดื้อ เราจะไมซน
เพราะเราทุกคน นั้นรักคุณครู ฯ
         ครูคือแมพระ
  เปรียบคุณครู เหมือนแม คนที่สอง
คอยปกปอง สอนสั่ง ทั้งรักษา
ชวยอบรม          บมนิสัย ใหวิชา
ศิษยกาวหนา เพราะแมครู ผูเจริญ
๖๙

 พระคุณครู นั้นเลิศ ประเสริฐคา
คอยเมตตา สั่งสอน เราทุกสิ่ง
สรางสรรค ความเจริญ ที่ดียิ่ง
แมเปนมิ่ง        ขวัญศิษย ติดตรึงใจ
 ศิษยรักครู รักแน ไมแปรจิต
ศิษยรักครู         รักสนิท กวาสิ่งไหน
ศิษยรักครู         รักหมด ทั้งดวงใจ
ศิษยรักครู         มากกวาใคร ในชีวาฯ
         เชื่อฟงเถิดประเสริฐนัก
 การเชื่อถอย ฟงคํา          ตามปราชญสอน
จะถาวร            พนทุกข สบสุขศานติ์
อีกบิดา           มารดา ครูอาจารย
เชื้อฟงทาน ดีเดน           เปนมงคลฯ


         กมกราบครูรูสํานึก
 คุณครูจา.... โปรดทราบ ไวสักนิด
วาดวงใจ       ของศิษย คนึงหา
เคารพรัก        เชิดชู       และบูชา
เชนมารดา บิดา               ของศิษยเอง
 แมบางครั้ง คุณครู            จะหงุดหงิด
สั่งสอนศิษย ดวยจิตใจ คลายขมเหง
ศิษยทั้งกลัว ทั้งเศรา ทั้งยําเกรง
ศิษยผิดเอง ทําครูให ไมสบายใจ
 ขอคุณครู ผูมีคุณ             การุณดวย
โปรดจงชวย อโหสิกรรม ศิษยทําไว
ปลดเปลื้องบาป ออกไป จากใจกาย
โปรดอภัย         ความผิดพลั้ง แตหลังมา
 นับแตนี้      ศิษยฝกตน เริ่มตนใหม
สํารวมกาย วาจาใจ ใหแนนหนา
มิใหผิด       ตอคุณครู ผูเมตตา
ขอสัญญา          พุทธบุตร หยุดต่ําทรามฯ
๗๐

         แดคุณครูทุกทาน
 กลิ่นหญาแพรก ดอกมะเขือ เจือกลิ่นธูป
กอเปนรูป         วันพิธี      มีความหมาย
เพื่อรําลึก      ถึงคุณครู ผูพลีกาย
สองมือหมาย ปนศิษยตน เปนคนดี
 อีกความรู คุณธรรม ทานนําชัก
เพื่อศิษยรัก เรียนรู สูวิถี
อนาคต           สดใส          ไรราคี
ดวยศิษยมี        ภูมิคุมกัน อันตราย
 ปาเจรา เปลงมา ดวยใจเคารพ
จริยา          นอมนบ ทบถวาย
โหนติ           แดคุณครู มิรูคลาย
คุณุตรา          รายนุคา สการคุณ
 ขอปวงศิษย รวมใจ ใหเปนหนึ่ง
กระทําซึ่ง        สิ่งดีดี     ใหเปนบุญ
สํารวมจิต         สํารวมกาย ใหเปนบุญ
ทนแทนคุณ             แดปวงครู ผูปราณี ฯ
                     -------๐๐๐๐๐-----------


        หมวดการฝกตน
      ทนฺโต เสฏโฐ มนุสฺเสสุ
  ในหมูมนุษยทั้งหลาย ผูที่ฝกตนดีแลวเปนผูประเสริฐที่สุด
                   ----------------
        เปนมนุษยหรือเปนคน
 เปนมนุษย เปนได เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี            ที่แววขน
หากใจต่ํา      เปนได แตเพียงคน
ยอมเสียที      ที่ตน        ไดเกิดมา
 ใจสะอาด ใจสวาง ใจสงบ
ถามีครบ       ควรเรียก มนุสสา
เพราะทําถูก พูดถูก             ทุกเวลา
๗๑

เปรมปรีดา      คืนวัน      สุขสันตจริง
 ใจสกปรก       มืดมัว      และรอนเรา
ใครมีเขา     ควรเรียก วาผีสิง
เพราะพูดผิด      ทําผิด     จิตประวิง
แตในสิ่ง      นําตัว     กลั้วอบาย
 คิดดูเถิด    ถาใคร ไมอยากตก
จงรีบยก       ใจตน       รีบขวนขวาย
ใหใจสูง      เสียได กอนตัวตาย
ก็สมหมาย        ที่เกิดมา อยาเชือนเอย ฯ
                 (พุทธทาสภิกขุ)


       อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
          ชนะตน นั่นแหละดี
                    ------------
          ชนะตนยิ่งใหญกวา
 ชนะอื่น         หมื่นแสน แมนรอยครั้ง
แตถายัง        แพกิเลส และเหตุผล
ไมยิ่งใหญ        ไปกวา ปญญาชน
ผูขมจิต        พิชิตตน เพียงหนเดียวฯ
          อตฺตา โจทยตฺตานํ
       จงเตือนตน ดวยตนเอง
                    ----------
          อยาแชเชือนรีบเตือนตน
 จงเตือนตน ของตน               ใหพนผิด
ตนเตือนจิต ตนได              ใครจะเหมือน
ตนเตือนตน ไมได              ใครจะเตือน
อยาแชเชือน เตือนตน ใหพนภัยฯ
          ปลุกตนเอง
 ปลุกตนใหตื่นทัน ขยันอยางฉลาด
ไมตกเปนทาสอบายมุข สนุกกับการทําหนาที
ทําความดีทุกวันฯ
๗๒

        อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
      ตนแล เปนที่พึ่งแหงตน
                  -----------
        พึ่งตนดีกวา
 เกิดเปนคนจักตอง          พึ่งตน
คนอื่นเพียงบางหน             ชวยชี้
วิชาหาใสฝกฝน             จนเชียวชาญ แฮ
ความชั่วละหลีกลี้           ประพฤติขางความดีฯ
       --------------๐๐๐๐๐--------------




           หมวดการกระทํา
      กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
           ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว
                           ---------------
              ทําดีมีสุข
   ทําดีดีจักเอื้อ           อวยผล
ทําชั่วชั่วมักดล               บาปให
เหมือนเงาติดตามตน                   ไปคลาด
บาปบั่นบุญมั่นไว                   จักไดสุขเกษมฯ
          อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย
        ความชั่วไมทําเสียเลยดีกวา
                       ----------------
          ทําชั่วมีทุกข
 อันความชั่ว คือตัว              ทุจริต
ทําใหจิต          ต่ําทราม ตามกระแส
ทั้งวันนี้         วันหนา ทุกขาแล
ควรทําแต           ความดี เปนศรีตนฯ
          ผีกับพระ
 ความชั่วเปนผี                ความดีเปนพระ
ความชั่วตองละ                  ความดีตองทํา ฯ
๗๓

        ผีกินคน
สุราการพนัน บุหรี่           เปนผีกินคน
ทําใหยากจน              เปนคนเหลวไหล
ทรัพยสินเสียหาย            รางกายเปนภัย
ถาเลิกเสียได           สบายจริงเอย ฯ

          ผีรายหกตัว
ผีที่หนึ่ง ชอบสุราเปนอาจิณ        ไมชอบกินขาวปลาเปนอาหาร
ผีที่สอง ชอบเทียวยามวิกาล         ไมรักบานรักลูกรักเมียตน
ผีที่สาม ชอบดูการละเลน          ไมละเวนบารคลับละครโขน
ผีที่สี่ คบคนชั่วมั่วกับโจร      หนีไมพนอาญาตราแผนดิน
ผีที่หา ชอบเลนมากีฬาบัตร       สารพัดถั่วโปไฮโลสิ้น
ผีที่หก เกียจครานการทํากิน       มีทั้งสิ้นหกผีอัปรียเอย ฯ

        นิสมฺม กรณํ เสยฺโย
      ใครครวญเสียกอนจึงทําดีกวา
                  -------------
        ใครครวญเสียกอน
 คิดกอน       จึงทํา       จงจําไว
ทําอะไร        ตองคิด ทั้งหนาหลัง
อยาปลอยตัว ปลอยใจ ตามลําพัง
ตองมีใจ       เหนี่ยวรั้ง เสมอไป
 กอนจะทํา สิ่งใด             ใจตองคิด
ถูกหรือผิด       ทําสิ่งนี้     ดีหรือไม
ถาเห็นวา     ไมดี        มีโทษภัย
ตองหาทาง ทําใหม ทําใหดีฯ

        กลัวบาป
ความละอาย แกใจ              ในความชั่ว
สดุงกลัว      ตอผลกรรม       ตามสนอง
สองธรรมนี้ คูจิต           ดังคิดปอง
จะคุมครอง โลกให            ผองไพบูลยฯ
๗๔

        คนดีเปนไฉน
 อันคนดี        มิใชดี  อยูที่ทรัพย
มิใชนับ       พงศพันธ ชันษา
คนดีนั้น        ดีที่การ งานนานา
อีกวิชา       ศีลธรรม นําใหดีฯ


         ดีแนนอน
 ทํากรรมใด แลวจิตใจ ไมเดือดรอน
จะนั่งนอน          ชื่นใจ    ไดสุขสันต
อวยผลให          ใจเย็น เปนนิรันดร
จงรูทัน        วากรรมนี้ ดีแนนอน ฯ
         ตราประทับชีวิต
 จงทําดี       จงทําดี นี้แหละเลิศ
ผลประเสริฐ สุดยิ่ง           กวาสิ่งไหน
เกิดสันติ        สงบสุข ไมทุกขใจ
ครั้นบรรลัย ก็ยังมี          ดีเปนตราฯ
                    --------


        หมวดปญญา

       สุสฺสูสํ ลภเต ปฺญํ
      ฟงดวยดี ยอมไดปญญา
                     -------
         หัวใจนักปราชญ
สุ.    ตั้งใจฟงใหดี อยาขี้เกียจ
จิ.   คิดใหละเอียด ขอสงสัย
ปุ.    ถามตามเนื้อความ ที่ของใจ
ลิ.   เขียนไวเมื่อสงสัย ไดเปดดูฯ

      ทางเกิดของปญญา
ตาดู, หูฟง, สมองคิด, จิตใจจดจอ, ไมเขาใจใหถาม,
๗๕

กลับถึงบานทบทวนเสมอ ๆ

        ทั้งจดทั้งจํา
 จําขึ้นใจ ในวิชา ดีกวาจด
จําไมหมด           จดไวดู เปนครูสอน
ทั้งจดจํา         ทําวิชา ใหถาวร
อยานิ่งนอน รีบจดจํา หมั่นทําเอยฯ

       กอนนอนทําอะไร
กินขาวเสร็จแลว อานหนังสือกอน
ไหวพระกอนนอน พระทานใหพร
   สอบได.....สอบไดฯ

        ครูที่ประเสริฐ
 อันหนังสือ คือครู      ผูประเสริฐ
กอใหเกิด       ปญญา  ตาที่สาม
อานวิเคราะห ใหเขาใจ ในเนื้อความ
เห็นจริงตาม แทงตลอด ยอดปญญา ฯ




       พึงสั่งสมปญญา
 เกิดเปนคน จนปญญา         นาเกลียดนัก
เที่ยวลวงลัก ขโมยกิน       สิ้นความหมาย
ถูกหยามเหยียด ดูหมิ่น        หมดสิ้นลาย
ฉะนั้นไซร        รีบอบรม   บมปญญาฯ


      ปฺญา โลกสฺมึ ปชฺโชโต
     ปญญา เปนแสงสวางในโลก
               -------------
๗๖

        แสงแหงปญญา
 ยามเมื่อโลก ขาดแสง แหงอาทิตย
ยอมมืดมิด     มองอะไร ก็ไมเห็น
ยามเมื่อจิต ขาดปญญา พาลําเค็ญ
มองไมเห็น ดีหรือชั่ว ที่ตัวทําฯ


      สุโข ปฺญาปฏิลาโภ
      ความไดปญญาใหเกิดความสุข
               --------------

        ไดความสุขเพราะปญญา
 แสงแหงธรรม นําจิตใจ ใหสวาง
สองเห็นทาง เดินชีวิต คิดโปรงใส
ศึกษาธรรม จนชุมฉ่ํา ซาบซึ้งใจ
ปญญาไว       ตัดเหตุทุกข สุขนิรันดรฯ

        หมวดคบมิตร
    ยํ เว เสวติ ตาทิโส
   คบคนเชนใด ก็เปนไปเชนคนนั้น
                 -------------
    จะคบใครตองใครครวญ
 คบคนพาล พาลพา ไปหาผิด
คบบัณฑิต        บัณฑิตพา ไปหาผล
คบคนดี        จักไดดี เปนศรีตน
จะคบคน         มาเปนมิตร คิดใครครวญ ฯ

     วิสฺสาสา ปรมา ญาติ
   ความคุนเคยเปนญาติอยางยิ่ง
                   ----------
         นอยดีกวามาก
 มีเพื่อนดี เพียงหนึ่ง ถึงจะนอย
ดีกวารอย       เพื่อนคิด ริษยา
๗๗

เหมือนเกลือดี มีนิดหนอย ดอยราคา
ยังดีกวา    น้ําเค็ม เต็มทะเลฯ


        นี่แหละเพือนแท
                  ่
 เพื่อนธุระ ชวยประคอง ไมตองใช
เพื่อนยากจน เจียดให ไมตองขอ
เพื่อนอยากพบ ออกไป ไมตองรอ
เพื่อนโศกทอ ปลอบใจ ไมตองครวญ
 เพื่อนมีสุข ทุกที      ยินดีดวย
เพื่อนทุกขชวย ทุกที      คอยมีสวน
เพื่อนทําชั่ว คอยชี้    ความดีชวน
เพื่อนทําควร ทุกที       พลอยดีใจ ฯ

     หมวดความเพียร
   วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
   คนลวงทุกขได เพราะความเพียร

      เรียนจริง ๆ

 รักจะเรียน ก็ตองเพียร เรียนใหรู
รักจะดู     ก็ตองดู ใหรูแน
รักจะหมั่น     ก็ตองหมั่น ไมผันแปร
อยารักแต   จับจด        จะหมดงานฯ


        สูไมถอย
 อันวิชา        มีมาก    หลากชนิด
ถาเรียนนิด รูหนอย แลวถอยหลัง
รูอะไร        หลายสิ่ง ไมจริงจัง
ทําไดดัง       ผูกเบ็ด เกร็ดวิชา
 เชนจะขัน ขันได         ไมเหมือนไก
จะบินไป          ก็ไมทัน พรรณปกษา
๗๘

จะวายน้ํา    ก็ไมทัน    กับพรรณปลา
เหมือนวิชา     เรียนไว   ไมรูจริง ฯ


        ไดดีเพราะหมั่น
 ความรูดี เพราะมี ความเพียรเรง
จะเรียนเกง เพราะมี ความหมันเสริม
                              ่
เกียรติจะงาม เพราะมี วิชาเจิม
ตองตอเติม ประพฤติดี จึงดีจริง ฯ

        เด็กนอยเอย
 เด็กเอย.......เด็กนอย
ความรู           ยังดอย เรงศึกษา
เมื่อเติบใหญ เราจะได มีวิชา
เปนเครื่องหา เลี้ยงชีพ สําหรับตน
 ไดประโยชน หลายสถาน เพราะการเรียน
จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล
ถึงลําบาก           ตรากตรํา ก็จําทน
เกิดเปนคน ควรหมั่น ขยันเอย ฯ

      เด็กดีขยัน
 อันเด็กดี ยอมมี          ความขยัน
ทุกคืนวัน        หมั่นเพียร เรียนหนังสือ
ชวยพอแม       ทํางาน หมั่นฝกปรือ
โลกเลื่องลือ วาเด็กนั้น ขยันเอยฯ

       ถาขยันก็ทําได
 ถาครานเรียน เรียนอะไร ก็ไมรู
ถาครานดู        ดูอะไร ก็ไมเห็น
ถาครานทํา ทําอะไร ก็ไมเปน
ตองลําเค็ญ เปนขอทาน เพราะครานเอย
 ถาหมั่นเรียน เรียนอะไร ก็ตองรู
ถาหมั่นดู       ดูอะไร ก็ตองเห็น
๗๙

ถาหมั่นทํา    ทําอะไร ก็ตองเปน
ถาไมเลน    หมั่นแตทํา จําเริญเอย


     ขยันอยางฉลาด
 ขยันประกอบ สัมมา              อาชีวะ
ขยันชนะ        สิ่งชั่ว    มั่วตัณหา
ขยันพูด       แตสิ่งดี    มีเมตตา
ขยันหา        ความรู     เชิดชูตน
 ขยันคิด      เพื่อชาติ    ศาสนกษัตริย
ขยันกําจัด     มวลกิเลส       มีเหตุผล
ขยันทํา       กิจกรรม      เพื่อปวงชน
ขยันพน        อบายมุข      สุขสันตเอยฯ


       หมวดความไมประมาท
      อปฺปมาโท อมตํ ปทํ
ความไมประมาท เปนทางไมตาย
         --------------------------
     อยางนี้แหละไมประมาท
 เมื่อรูวา สังขาร มันไมเที่ยง
จงหลีกเลี่ยง ความชั่ว พามัวหมอง
เรงกระทํา ความดี ที่ควรปอง
ฝกจิตใจ        ใหขาวผอง ตามคลองธรรม
 อยางนี้แหละ ชื่อวา      ไมประมาท
ดูภพชาติ         ที่เกิดมา ชางนาขํา
ไมมีอะไร        เปนของตน ลวนเปนธรรม
หมดเวรกรรม สูสุขศานติ์ นิพพานเอย ฯ

    ตายไดทุกเวลา
 เห็นกันอยูตอนเชา
                            สายตาย
สายอยูสบาย               บายมวย
บายยังรื่นเริงกาย         เย็นดับ ชีพแฮ
๘๐

เย็นยังอยูหยอกลูกดวย      ค่ํามวยอาสัญ ฯ


      มามือเปลาแลวจะเอาอะไร
 เมื่อเจามา เอาอะไร มาดวยเจา
เจาจะเอา แตสุข          สนุกไฉน
เมื่อเจามา มือเปลา เจาจะเอาอะไร
เจาก็ไป        มือเปลา เหมือนเจามา ฯ

     หาบไปไมไดหรอก
 ยศและลาภ หาบไป ไมไดแน
เวนไวแต    ตนทุน บุญกุศล
ทรัพยสมบัติ ทิ้งไว  ใหปวงชน
รางของตน เขายังเอา ไปเผาไฟ ฯ

     สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
สิ่งทั้งหลาย ไมควรยึดมั่นถือมั่น
             ---------------
       ไมมีอะไรเปนของใคร
 สิ่งไรไร ไมใช           ของใครหมด
ไมปรากฏ          วาใคร เปนเจาของ
ถึงเฝารัก      เฝาหวง เฝาหวงปอง
ก็จําตอง       ทิ้งไว    ในโลกา ฯ

      ฉันเหมือนเธอ
 เมื่อยามฉัน เปนอยูไซร ในบัดนี้
แตเดิมที      เขาก็เปน เหมือนเชนฉัน
เมื่อยามเขา เปนอยูไซร ในโลงนั้น
ไมชาพลัน       ฉันจะเปน เชนเขาเอย ฯ

   คาของคน
 พฤษภกาสร อีกกุญชร เมื่อปลดปลง
โททนเสนงคง สําคัญหมาย ในกายมี
๘๑

นรชาติเมื่อวางวาย มลายสิ้น         ทั้งอินทรีย
สถิตทั่วแตชั่วดี ประดับไว        ในโลกา ฯ

      ความดีไมดับสูญ
 อันสังขาร รางกาย ทั้งหลายหนอ
บังเกิดกอ      แลวก็แยก จนแหลกสิ้น
เหลือแตเถา ถมไว          ในแผนดิน
ตองสูญสิ้น       ทรัพยหาย เมื่อตายลง
 แตความดี มีไว           ไมสูญหาย
แมตัวตาย       ชนก็ชม สมประสงค
อนุสาวรีย      ชี้ใหเห็น เปนมั่นคง
สิ้นชีพลง       เขาสรางไว ไดบูชา ฯ

       เตือนใจผูประมาท
เปลวเทียนละลายแทง              เพื่อเปลงแสงอันอําไพ
ชีวิตคนมลายไป                 เหลือสิ่งใดทิ้งไวแทน ฯ
        ยังไมสายหรอกนะ
  ชีวิต        ไรสาระ      ขณะนี้
ยังไมสาย        เกินที่     จะแกไข
แมชีวิต        เหลือนอย      ลงเพียงใด
ควรภูมิใจ         ที่ได     ทําดีทัน
 ใครจะเห็น หรือไม             เปนไรเลา
จงเลือกเอา ความดี             ที่สรางสรรค
ใครจะเห็น หรือไม              ไมสําคัญ
ใจเรานั้น        รูวาดี   เทานี้พอ ฯ

        หมวดเบ็ดเตล็ด
 กิจฺโฉ มนุสฺส ปฏิลาโภ
การไดอัตภาพเปนมนุษย เปนของยาก
           -------------
  ความเปนอยูแตกตาง
อยูอยางคน สนใจ          ในความสะอาด
๘๒

อยูอยางปราชญ สนใจ            ในความรู
อยูอยางครู สนใจ             ในวิชา
อยูอยางหมา สนใจ              ในการนอน
อยูอยางหนอน สนใจ              ในของเนา
อยูอยางพระพุทธเจา สนใจ          ในความสะอาด สวาง สงบ ฯ
    เปนคนหรือเปลา
เกิดเปนคน คนใหทั่ว
ปากไมลน          กนไมรั่ว
ชั่วไมเอา       เมาไมมี
นี้แหละ.........คน ฯ

    ททมาโน ปโย โหติ
    ผูใหยอมเปนที่รัก
               --------
    ทําอะไรใหโลกบาง
 ตนไมใหความ ชุมชื่น       แกชีวิต
นกตัวนิด         ใหเสียงเพลง แกโลกหลา
ดอกไม          ใหความงาม ผานสายตา
แมตนหญา        ก็ยังให ออกซิเจน
 แลวตัวเรา เกิดมา ในโลกนี้
ทําสิ่งดี       อะไรไว ใหโลกเห็น
กิน นอน เลน เทานั้นหรือ ที่ทําเปน
ไมดีเดน       กวาบรรดา ตนหญาเอย ฯ

       โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
      ฆาความโกรธเสียได อยูเปนสุข
                    ------
        มองที่ตัวเรา
 เมื่อเขาวา เราอยาโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา ไมไดเปน เชนเขาวา
หากวาเปน จริงจัง ดั่งวาจา
เมื่อเขาวา อยาโกรธเขา เราเปนจริง ฯ
๘๓

      ไมโกรธดีกวา
 โกรธคือโง โมโหคือบา
 ไมโกรธดีกวา ไมบาไมโง ฯ

    ไฟที่รอนแรง
โทสะ เปรียบเหมือนไฟ                 เผาจิตใจใหรอนพลาน
โทสะ เปรียบเหมือนไฟ                 เผาการงานใหเสียหาย
โทสะ เปรียบเหมือนไฟ                 เผามิตรสหายกลายเปนศัตรู
โทสะ เปรียบเหมือนไฟ                 เผาอายุยืนยาวใหสั้นลง
โทสะ เปรียบเหมือนไฟ                 เผาอกตกนรกในทันที ฯ

       อพฺยาปชฺฌํ สุขํ โลเก
    ความไมเบียดเบียน เปนสุขในโลก
                    ------
       ยิ้มนิดยิ้มหนอย
ยิ้มนอยนอย ในดวงใจ
เมตตาไว          โลกรมเย็น ฯ

        ยิ้มเถอะนะยิ้มใหซึ้ง
 ยิ้มเถอะนะ หัวใจ                อยาไดบึ้ง
ยิ้มใหซึ้ง      ตรึงใจ         ใบหนาหวาน
ยิ้มเถิดนะ       ยิ้มสู        หมูภัยพาล
ยิ้มชื่นบาน       ซึ้งจิต        ชวนติดใจ

       ยิ้มปลอบใจ
 ยิ้มปลอบใจ ตัวเอง         ใหเกงกลา
ทุกขโศกมา ยิ้มนิด         คิดแกไข
พี่กับนอง      เจอกัน หมั่นยิ้มไว
คนทั่วไป        ยิ้มใหกัน นั่นแหละดี ฯ

     หาซื้อไมได
 ของบางอยาง ซื้อไมได ดวยเงินทอง
เพระเปนของ ไมมี       ราคาขาย
๘๔

เชนความรัก ความปราณี มีน้ําใจ
ปลูกฝงให      คิดชอบ ประกอบกัน
 สิ่งเหลานี้ มีคา       แกชีวิต
แตวาเงิน     ไมมีสิทธิ์ มาจัดสรร
ไดแตเพียง เราจะให กันและกัน
ผูที่ให     ไดรางวัล คืออิ่มใจ ฯ


                      เรียกใหลุก ปลุกใหตื่น
 ตื่นขึ้นเถิด ชาวพุทธ สุดที่รัก
อยามัวพัก          พิงกาย กายกับหมอน
ฝูงวิหค           นกกา         ถลาจร
จากรังนอน มุงหนา ออกหากิน
 อยามัวหลับ มัวไหล ไกขันแลว
เสียงเจื้อยแจว แผวมา นาถวิล
ตื่นขึ้นเถิด        ปวงประชา ทั่วธานินทร
จากไอกลิ่น นิทรา                  สุขารมณ
 จงเงี่ยโสต สดับ                รับฟงธรรม
เพราะพระธรรม จํานําให ไดสุขสม
นอมพระธรรม นําไป                   ใสอารมณ
จะสิ้นระทม สิ้นทุกข เปนสุขเอยฯ
         นี่คือนักเรียนที่ดี
นักเรียนที่ดี ไมโยกเกาอี้
ไมหนีโรงเรียน ไมเขียนขางฝา
ไมหาเรื่องเพื่อน ชวยเตือนคนผิด
ไมติดอบายมุข ไมคลุกเลนเกมส ฯ
        ชื่นใจของพอแม
เปนนักเรียน เพียรขยัน
หมั่นศึกษา           หาความรู
สูเขาได         ไมขี้เกียจ
เสนียดหาย สบายบรื๋อ
ดื้อไมมี         ดีแนแน
๘๕

        พอแม.........ชื่นใจ ฯ
               ชื่นใจคุณครู
        นักเรียนกาวหนา แสวงหาความรู
        เคารพครูอาจารย รักการศึกษา
        มีจรรยาเรียบรอย มักนอยตามฐานะ
        เสียสละเพื่อสถาบัน มุงมั่นประพฤติดี
        หลีกหนีสิ่งชั่ว ไมมั่วสิ่งเสพติด
        รูจักคิดใชปญญา คุณครูพาชื่นใจ ฯ
                            ------๐๐-----

           ความประทับใจในการอยูคาย พุทธบุตร
       ความประทับใจของมนุษยนั้นมักจะเปนความประทับที่มนุษยนั้นไมอาจจะลืมได
จะเก็บไวในใจอยูเสมอ เก็บไวเพื่อย้ําเตือนถึงความปลาบปลื้มใจของเรา ดังเชนความ
ประทับใจในการอยูคาย พุทธบุตร ครั้งนี้ของขาพเจา

           ขาพเจารูสึกตื่นเตนดีใจ นับตั้งแตอาจารยบอกวา จะจัดคายอบรมคุณธรรม
เพราะขาพเจาเองไมคอยจะมีคุณธรรมเทาไร จึงอยากที่จะเขารับการอบรมคุณธรรม เพราะ
ขาพเจาเองไมคอยจะมีคุณธรรมเทาไร จึงอยากที่จะเขารับการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อถึง
เวลานั้น ขาพเจาก็ไมรูสึกผิดหวังเลยกลับประทับใจมากเสียดวย นับตั้งแตกาวเขามาในโรง
เรียน มีความรูสึกวา ครู-อาจารยทุกทาน มีความพรอมในการทํางาน เตรียมงาน ที่
กลาวอยางนั้นก็เพราะวา ครู-อาจารยไดเตรียมชุดขาว คูมือโครงการอบรม ปายชื่อ
สถานที่ในการใชงานนี้ไวอยางพรอมเพียง ตลอดจนพระวิทยากร หรือที่พวกเราชาวพุทธบุตร
เรียกวา พระอาจารย ก็มีความพรอมที่จะอบรม พวกเราใหเปนคนดี มีคุณธรรมตอไปใน
อนาคตดวย ขาพเจารูสึกประทับใจพระอาจารยทั้งหลายมาก และรูสึกปลื้มเมื่อทานเรียกเรา
ชาวพุทธบุตร  วา ลูก ๆ ทั้งหลาย  ซึ่งฟงแลวมีความรูสึกที่อบอุนอยางบอกไมถูก แต
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ขาพเจารูสึกอยากจะกลับบานในทันที เพราะอาหาร
เหลานั้นมี ผัก ซึ่งขาพเจาเปนคนไมชอบกินผัก จึงรูสึกเบื่อหนาย แตเมือมานึกดูวา เรา
                                                                           ่
มา อบรมคุณธรรม ไมไดมาพักผอน จึงจําตองฝนกินไป เมื่อถึงเวลานอน ขาพเจาก็มี
ความรูสึกเชนเดิมอีก เพราะยุงนั้นมากเหลือเกิน แตพอคิดวา อาจารยทุกทานก็คงลําบาก
เหมือนกับเราจึงไมคิดอะไรอีก แตที่ประทับใจมาก ๆ ก็คอ อาจารยทุกทาน ทํางานกัน
                                                             ื
อยางนาปลื้มใจมาก การเขาคายครั้งนี้ จึงเปนความประทับใจมาก เปนความประทับใจที่
ไมอาจลืมได
๘๖

     การเขาคายครั้งนี้สอนใหเราเปนคนดี มีคุณธรรมและอะไรอีกหลายๆ อยางที่
 สอนใหเรารู สํานึกในการปฏิบัติหนาที่ของ ลูกที่ดี ศิษยที่ดี เพื่อนที่ดี สาวกที่ดี ตลอดจนถึง
 ความรับผิดชอบ คุณสมบัติเพื่อสําเร็จของชีวิต การมีระเบียบวินัย ฯลฯ เราจึงควรนําไป
 ปฏิบัติ เพื่อเปนรากฐานของชีวิตในอนาคตตอไปภายหนา เพื่อที่จะไดมีชีวิตความเปนอยูที่ดี
 สามารถที่จะนําไปเปนที่พึ่งทางใจได ตอไปในบั้นปลายของชีวิต .

         เรียบเรียงโดย ด.ญ.สุรียพร พันธเอี่ยม
                 กลุมฉันทะ ๒

               พระคุณแม

       แม เปนคําที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจลูกทุกคน พระคุณของแมนั้นลนฟามหาสมุทร
 แมเปนผูใหกําเนิด เปนผูอุปการะ เปนผูเลี้ยงดู

     พระคุณของแมมีมากมายเกินกวาที่ลูกจะบรรยายไดหมด แมเปนผูใหกําเนิดตั้งแตลูกยัง
 อยูในครรภของแม แมจะทะนุถนอมกลอมเกลี้ยงเลี้ยงดู แมไปไหนก็หอบหิ้วเอาลูกที่อยูในทองไป
 ดวยตลอดเวลา เวลาทํางานก็ไมสะดวด แตแมก็ตองทนเพื่อลูกของแมจะไดสบาย ครั้งแรกที่
 ลูกลืมตามองดูโลก ลูกมองไมเห็นใครนอกจากแม แมคอย ๆ ประคองลูกมากอดแนบกับอกไว
 ลูกมีความอบอุนเหลือเกิน แมเปนครูคนแรกของลูกสอนลูกทุกอยาง สอนใหรูจักความดีความชั่ว
    สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด แมจะเปนผูสอน แมเปนทั้งเพื่อนเวลาที่ลูกเหงาแมก็คอยมาเลนกับลูก
 เวลาที่ลูกหิวแมก็พยายามหามาใหลูกกิน เมื่อยามที่ลูกเจ็บไขไดปวยแมก็จะเปนหมอใหลูกแมจะ
 คอยดูแลทุกอยาง ทุกอยางที่แมทําใหลูกได แมเมื่อเห็นลูกเจ็บ น้ําตาของแมก็ไหลริน และ
 พูดกับลูกวา ถาสามารถเปลี่ยนเปนแมไดแมก็จะเจ็บแทนลูก และแมก็จะคอยประคบประ
 หงมลูกทุกอยาง เวลาที่ลูกจะเขาโรงเรียนจะเปนวันที่แมภูมิใจมากที่สุด ที่เห็นลูกของแมเขา
 โรงเรียน ไดเรียนในชั้นสูง ๆ แมก็พยายามเก็บออมเงินที่แมหามาได จนสงลูกของแม
 เรียนจบ แมหวังวาลูกของแมจะมีอนาคตที่ดี มีการศึกษาที่ดี เวลาที่ลูกทําผิดแมไมเคยดุดา
 แมจะคอยใหแตคําปรึกษาอธิบายวาอยางนี้ดีนะ อยางนี้ไมดีนะ แมจะเปนธนาคารของลูก
 เวลาที่ลูกไมมีเงินตองการใชเงิน แมแมจะไมมีเงินแมก็พยายามหามาใหลูกอยางเต็มใจ
 ทุกสิ่งที่ลูกได ทุกอยางที่ลูกมี แมจะเปนผูหามาใหอยางยิ้มแยม
     แมเปนผูทําใหลูกเกิด ใหลูกเปนคนดี ลูกจะขอตอบแทนบุญคุณของแม ลูกจะตอบแทนแม
เลี้ยงดูแม จะชวยแมทุกอยางที่ลูกสามารถทําได ลูกขอใหสัญญา
๘๗

        เรียบเรียงโดย
                นางสาว วารุณี บัวยันตี
                 กลุมอุเบกขา ๒


   บทความที่ไดรับคัดเลือกจากการอบรมคุณธรรมคายพุทธบุตร๑๐-๑๒ม.ค.๓๕

               พระคุณของครู

    ตั้งแตแมพาผมเขาโรงเรียน ผมก็รองไห ก็มีครูอยูคนหนึ่งชื่อวา เปรียง ชื่อสั้น ๆ
 แตใจดี ครูเขามาบอกวา เดนดวงเธอมาเรียนกับครูเถอะ ในหองมีเพื่อนเลนเยอะ ครูไม
ดุ ครูใจดีนะ ผมก็หยุดรองไหและสนใจเรียนกับครูเปรียง ครูเปรียงมีอยูอยางหนึ่ง ก็คือ ถา
ตีนักเรียนแลวน้ําตาของครูก็ไหลออกจากเบาตา คุณครูเปรียงถาเห็นนักเรียนปวย ก็พานัก
เรียนไปหาหมอ บางทีพานักเรียนกลับบาน ครูพูดกับนักเรียนเหมือนแมกับลูก หรือ พอกับลูก
สิ่งที่ผมลืมไมไดก็คือ คุณครูทําอาหารมาใหกินตั้งแตอยู ป. ๑-๖ ครูก็ยังทําอาหารใหกิน
เวลานักเรียนทําผิดครูก็ตองตีนักเรียน ที่ครูตีนักเรียนนั้นก็เพราะครูรัก ครูดุ เหมือนให
ความรู ครูสอน เหมือนใหใบปริญญาแกเรา ในวันอยูคายพุทธบุตร คุณครูที่ยังสาว หรือเปน
ผูชาย หรือครูที่มีอายุ ทานก็ยังมาดูแลนักเรียน ถึงบานทานจะอยูไกลหรือใกลทานก็ยังมาคุมนัก
เรียน แถมยังตองตักอาหารใหนักเรียนกิน ถึงวาเราจะอยูกับครูที่ดุ ที่ใจดี ครูก็ยังเปนครู
อยูวันยังค่ํา ถึงวันครู นักเรียนก็เอาดอกไมมาไหวเคารพบูชา เหมือนพอแม ใคร ๆ ก็รูวา
ครูเปนผูเปดประตูความรูใหนักเรียน

  ขอใหนักเรียนตองนึกถึงคําสั่งสอนของทานใหมาก เราฟงครูนั่นแหละดี จงฟงครู
พูดตอไปในที่สุด ขอใหนอมลงกราบที่เทาครู
        เพื่อใหรูวาศิษยยังรักครู
        ขอใหศิษยอยาหักจิตครู
        สงสารครูเถอะ....ทานสอนมามากแลว

                เด็กชายเดนดวง อางทอง
                  กลุม  กรุณา
                คายพุทธบุตรโรงเรียนพูนสิน ฯ
๘๘

                เสียงกระซิบสั่งจากครู
          ศิษยรัก......ลูกรัก
         ครูตระหนักคําที่หนึ่งซึ้งนานแสน
         ปติใหมคําสองซอนไมคลอนแคลน
         จารึกแนนแนบเนาวเขาทรวงใน
          ความรูสึกรักมันผูกพันยิ่ง
                            ่
         จากใจจริงไรมายาหรือสาไถย
         คราเห็นเจาปราศทุกขครูสุขใจ
         อยากเห็นวัยงอกงามล้ําลาวัณย
          ลูกรัก.......
         หวงใยนักทางอีกไกลครูใฝฝน
         จงรุงเรืองพนมัวหมองของอาธรรม
         จิตตั้งมั่นทางชีวิตคิดใครครวญ
          เดินใหดีและตรงทางอยางวันนี้
         จะไมมีวันเสียใจหรือใหหวน
         ผานปญหาอุปสรรคยากทั้งมวล
         จงทบทวนอยาทอแทแตนี้ไป
          ลูกรัก........
         มิตรมากนักอยาเสเพลเถลไถล
         แบงเวลา เรียน เลน เที่ยว เกี่ยวกันไป
         รูหักใจ รูผอนปรน รูตนเอง
          ศักดิ์ศรี.......
         ตอไปนี้เลิกเบงเลิกขมเหง
         คาของคนศักดิ์ของใครใชนักเลง
         เลิกอวดเกงเบงทับกับใครใคร
          ทายนี้......ลูกรัก
         เหน็ดเหนื่อยนักออมอกนี้จะพลีให
         ใหเจาพักคลายรอนออนอกใจ
         สายธารใสใหดื่มซับอาบดวงจินต
          สารธารใจมีใหไมเหือดแหง
         ขจัดแลงเลวหลงจงถวิล
ใหเจาอาบชําระชั่วตัวราคิด บนแผนดิน อ.ร.ขออยาลืม ฯ (อ.สุขสวัสดิ์ สุริยนต)
๘๙


              แบบประเมิน
         การเขาคายอบรมคุณธรรม              (สําหรับนักเรียน)
                       คายพุทธบุตร
โรงเรียนบางกรวย อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
      วันที่ ๑๔ - ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕
               -------------------
คําชี้แจง ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย ลงในชองที่ตรงกับความคิดเห็นของนัก
               เรียนมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประโยชนตอการจัดอบรมในครั้งนี้ การประ
               เมินมี ๕ ระดับ คือ มากที่สุด ๕, มาก ๔, ปานกลาง ๓, นอย ๒,
               นอยที่สุด ๑

      รายการประเมิน                     ๕๔๓๒๑
  ๑.กอนเขารับการอบรม นักเรียนเห็นคุณคาของการมีคุณธรรมเพียงใด
  ๒.หลังจาก พิธีมอบตัวเปนศิษย แลว นักเรียนยอมรับบทบาทความสําคัญ
 ของครูเพียงใด
  ๓.กติกาสัญญาใจ มีความสําคัญตอการปฏิบัติตนในการอยูรวมกันเพียงใด
  ๔.ฐานการอบรมคุณธรรมตอไปนี้ ใหประโยชนกับนักเรียน ในการนําไป
 ประยุกตใชในชีวิตประจําวันเพียงใด (ประเมินทีละฐาน)
            -ฐาน การเขาถึงพระรัตนตรัย
            -ฐาน ความรับผิดชอบ
            -ฐาน คุณธรรมของมนุษย
            -ฐาน การมีระเบียบวินัย
  ๕.นักเรียนประทับใจในการทําวัตรเพียงใด
  ๖.นักเรียนควบคุมสมาธิไดดีเพียงใด ในการทําจิตตภาวนา
  ๗.นักเรียนซาบซึ้งเพียงใด เมื่อเขารวมพิธีสูความเปนพุทธบุตร
  ๘.นักเรียนไดรับความรูในดานการพัฒนาตนเอง เพียงใด
  ๙.การสนทนากับกัลยามิตร ทําใหนักเรียนเห็นชองทางของการกระทําตน
 ใหมีคุณธรรม เพียงใด


            รายการประเมิน            ๕๔๓๒๑
   ๑๐.ฐานการอบรมคุณธรรมตอไปนี้ มีคุณคาตอชีวิตของนักเรียน
๙๐

 เพียงใด (ประเมินทีละฐาน)
              -ฐาน การเปนบุตรที่ดี
              -ฐาน การเปนศิษยที่ดี
              -ฐาน การเปนเพื่อนที่ดี
              -ฐาน การเปนสาวกที่ดี
   ๑๑.หลังจากฝกสมาธิใจสงบ นักเรียนคิดวาจํานําไปใชในการ
 ดํารงชีวิตไดเพียงใด
   ๑๒.การทําวัตร เชา-เย็น ชวยใหนักเรียนสบายใจ มากนอยเพียงใด
   ๑๓.การฝกกายบริหารตอนเชา ชวยใหนักเรียนสดชื่นเพียงใด
   ๑๔.ตารางการฝกอบรมคุณธรรม มีความเหมาะสมเพียงใด
   ๑๕.นักเรียนไดรับความอบอุนและการเอาใจใสจากอาจารยประจํากลุม
 มากนอย เพียงใด
   ๑๖.นักเรียนไดรับการบริการดานที่พัก สะดวก สบาย เพียงใด
   ๑๗.การรับประทานอาหารที่มีระเบียบ ทําใหนักเรียนรูสึกประทับใจเพียงใด
   ๑๘.การจัดทําเอกสารดีมากนอยเพียงใด
   ๑๙.หลังจากการอบรม นักเรียนมีความรู ความเขาใจ ดานคุณธรรม หลักธรรม
 ของศาสนามากขึ้น เพียงใด
   ๒๐.นักเรียนคิดวา การอบรมครั้งนี้จะทําใหนักเรียนปฏิบัติตนไดอยางถูกทํานอง
 คลองธรรม เพียงใด
   ๒๑.ความประทับใจในการอบรมครั้งนี้
      ----------------------------------------------------------
      ----------------------------------------------------------
   ๒๒.ขอเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเติม
      ----------------------------------------------------------
      ----------------------------------------------------------
             แบบประเมิน                  สําหรับครูอาจารย
       การเขาคายอบรมคุณธรรม                     และวิทยากร
                    คายพุทธบุตร
โรงเรียนบางกรวย อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
      วันที่ ๑๔ - ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕
              --------------------
      คําชี้แจง ขอใหครูอาจารยไดแสดงความคิดเห็นของตนเอง ตอการจัดการอบรม
             ในครั้งนี้ใหมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประโยชนตอการจัดอบรมในครั้งนี้
๙๑

         ๑. ความเหมาะสมของการเตรียมสถานที ระบบแสงเสียง ที่พักอาหาร ตลอดจน
            การอํานวยความสะดวกดานตาง ๆ
            --------------------------------------------------------
            --------------------------------------------------------
         ๒. ความรวมมือของครูอาจารย ในทุก ๆดาน
            --------------------------------------------------------
            --------------------------------------------------------
         ๓. ความรวมมือของนักเรียนในทุก ๆ ดาน
            --------------------------------------------------------
            --------------------------------------------------------
         ๔. ขอเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเติม
            --------------------------------------------------------
            --------------------------------------------------------

              ใบสํารวจศีล
ใหนักเรียนขีด ( ) เมื่อทําได และขีด ( ) เมื่อทําไมได พรอมกับบันทึกเหตุผลแตละขอ

 วัน/เดือน/ป ขอ๑ ขอ๒ ขอ๓ ขอ๔ ขอ๕    บันทึกเหตุผล
 -------------------------------------------------------------------
 ------------------------------------------------------------------
 -------------------------------------------------------------------
 -------------------------------------------------------------------
                          (๓๑ ชอง)
 -------------------------------------------------------------------

ชื่อ.................นามสกุล....................ชั้น.............กลุม.....

              สีลํ อาภรณํ เสฏฐํ
             ศีลเปนอาภรณอันประเสริฐ


                        เพลงประกอบกิจกรรม

                           ครูคือผูให
     เปลวเทียนตานลมโหมกระหน่ํา ก็ยังเปลงแสงแวววาม ยอดเปลวลูตามเมื่อลมพัดมา
๙๒

 เหมือนดวงใจแกรงกลา ของครูมั่นคงนักหนา ถายทอดวิชาเพื่อศิษยทั้งปวง
    ครูคือผูนําทางให ศิษยรักมุงสูหลักชัย ดวยดวงฤทัยไมวายแสนหวง แมเวลาลับลวง
แมงานจะสุมหนักทรวง คุณครูทั้งปวงทุมเทดวยใจ
    ครูมีหัวใจตั้งมั่น มีรักใหศิษยทั่วกัน ไมเคยคิดแบงไปใหใคร รักที่ครูมอบให
 คือรักศิษยในดวงใจ เปนโซสายใยเชื่อมโยงเรื่อยมา
    ดวงใจไมเคยผันเปลี่ยน สอนศิษยดวยความพากเพียร มาตรแมนวาเพียรจะดอยนอยคา
 ครูก็ภูมิใจวา ศิษยรักที่สั่งสอนมา มีธรรมจริยากันทั่วหนาเอย.

                     พระคุณที่สาม
    ครูบาอาจารยที่ทานประทานความรูมาให อบรมจิตใจใหรูผิดชอบชั่วดี
 กอนจะนอนสวดมนตออนวอนทุกที ขอกุศลบุญบารมีสงเสริมครูนี้ใหรมเย็น
    ครูมีบุญคุณจึงขอเทิดทูลเอาไวเหนือเกลา ทานสั่งสอนเราอบรมใหเราไมเวน
 ทานอุทิศไมคิดถึงความยากเย็น สอนจนรูจัดเจนเฝาเนนเฝาแนะมิไดอําพราง
    พระคุณที่สาม งดงามแจมใส แตวาใครหนอใคร เปรียบเปรยครูไววาเปนเรือจาง
พลาดจากความจริง ยิ่งคิดยิ่งเห็นวาผิดทาง มีใครบางแนะนําแนวทางอยางครู
    บุญเคยทํามาแตปางใดใด เรายกใหทาน ตั้งใจกราบกรานระลึกคุณทานกตัญู
 โรคและภัยอยาไดแผวพานคุณครู ขอกุศลผลบุญค้ําชู ใหครูเปนสุขชัวนิรันดร ใหครูเปนสุข ชั่ว
                                                                  ่
 นิรันดร.

                   แมพิมพของชาติ
   แสงเรืองเรืองที่สองประเทืองอยูทั่วเมืองไทย คือแมพิมพอันนอยใหญ
 โอครูไทยในแดนแหลมทอง เหนื่อยยากเพียงใด ไมเคยบนไปใหใครเขามอง
 ครูนั้นยังลําพอง ในเกียรติของตนเสมอมา
   ที่ทํางานชางสุดกันดารในปาดงไพร ถึงจะไกลก็เหมือนใกล เรงรุดไปใหทันเวลา
 กลับบานไมทันบางวันตองไปอาศัยหลวงตา ครอบครัวคอยทาไมรูวาไปอยูไหน
   ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสายจวนไดเวลา เห็นศิษยรออยูพรอมหนา ตองรีบมาทําการสอน
 ไมมีเวลาที่จะไดมาหยุดพอพักผอน โรงเรียนในดงปาดอน ใหโหยออนสะทอนอุรา
   ชื่อของครูฟงดูก็รูชวนชื่นใจ งานที่ทําก็ยิ่งใหญ สรางชาติไทยใหวัฒนา
 ฐานะของครูใครใคร ก็รูวาดอยนักหนา ยังสูทนอุตสาหสั่งสอนศิษยมาก็หลายป
   นี่แหละครูที่ใหความรูอยูรอบเมืองไทย หวังสิ่งเดียวคือขอให เด็กของไทยในผืนธานี
 ไดมีความรูเพื่อชวยเชิดชูไทยใหผองศรี ครูก็ภูมิใจที่สมความเหนื่อยยากตรากตรํามา
๙๓

                   ทําดีไดดี
    คนเราทุกคนวายวนผลกรรมนําเนื่อง ตกต่ํารุงเรืองเกี่ยวเนื่องแตกรรมของตน
 ความดีค้ําจุนจากบุญกุศล ความชั่วจากบาปทุกขทนเพราะตนนั้นกอเวรไว
    บางคนถือดีมั่งมีเพราะทํากรรมชั่ว นั้นบาปสาบตัวเกลือกกลั้วมัวเมาเขลาไป
 บางคนระอาวาเหตุไฉน ทําดีแตจนเหลือใจ ไมเห็นไดดีเหมือนวา
    อยาเพลินถือวาเงินเปนใหญ จิตใจเหนือสิ่งใดล้ําคา เพราะความทุกขความสุขใด
 เปนที่ใจ ใชที่ตา อยาพะวงหลงลืมตน
    ทําดีทุกทีตองมีผลดีโดยทั่ว กอกรรมทําชั่ว ไดชั่วตอบแทนทุกคน คนดีรักดี โชคดีมีผล
คนชั่ว ชั่วโฉดเฉาชน ไมพนผลกรรมซ้ําเติม
                   ใครหนอ
    ใครหนอรักเราเทาชีวี ใครหนอปราณีไมมีเสื่อมคลาย ใครหนอรักเราใชเพียงรูปกาย
 รักเขาไมหนาย ไมคิดทําลาย ใครหนอ
    ใครหนอรักเราเทาทรวงใน ใครหนอเอาใจปลอบเราเรื่อยมา ใครหนอรักเรา
 ดังดวงแกวตา รักเขากวางกวา ผืนพสุธา นภากาศ
    จะเอาโลกมาทําปากกา จะเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ําหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด
 ประกาศพระคุณไมพอ
    ใครหนอรักเราเทาชีวัน ใครหนอใครกันใหเราขี่คอ(คุณพอ-คุณแม) ใครหนอชักชวน
 ดูหนังสี่จอ รูแลวละก็ อยามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ

                    ออมอกแม
     คําใดไมซึ้งตรึงใจเหมือนแม อันพระคุณปกแผใหแกลูกนอยกลอยใจ
 อกแมเคยโอบออม เหกลอมละมุนละไม ยุงเอยเคยกินริ้นไต แมเฝาแกวงไกวลูกใหนิทรา
     มองไปใจหายไมวายแสนเศรา ครวญถึงวันกอนเกา ใจเฝาขาดแมแลหา
 ดั่งนกนอยคอยเหยื่อ แมเผื่อดวยความเมตตา นกนอยคอยแมไมมา โอวาแมจาแมอยูแหงใด
     ยามใดหมองหมนขาดคนเหลียวแล มองเห็นก็แตแม ที่อยูใกล น้ําตาลูกไหล
 แมซับน้ําตาใหดวยใจรักเวทนา ออมอกแมเอย แมเคยรับซับน้ําตา พระคุณยิ่งพสุธา
 ขาดแมแลหาเปลี่ยวใจ
     บุญคุณอันนี้ไมมีเหมือนแม ใครเขาจะเผื่อแผใหแกเรานั้นอันใด อางวางใจแสนเศรา
 เปลี่ยวเปลาเหมือนอยูปาไกล แมจาพระคุณยิ่งใหญ ออมอกแมไซรลูกไมเคยลืม
                    พระคุณแม
     เมื่ออยูในทองของแมเรา แมทุกขแมเศรา แมเฝาระวังเหลือหลาย
เผ็ดหวานมันเปรี้ยว แมเขี้ยวแลวยังตองคาย กลัวเผ็ดจะไปทําลาย ทํารายสายเลือดในครรภ
๙๔

 ลูกเกิดมาแลวเหมือนแกวใจ เรือดริ้นยุงไต แมปด แมไกว แมกัน ลูกหิวคอยปอน
ลูกรอนพัดวีใหพลัน แมเฝาเปนคืนเปนวันบุญคุณนั้นแมไมทวง
   ยางสูวัยเรียน แมเพียรหาเงินสงให บางทีเงินที่ได จากเหงื่อไคลและน้ําตารวง
ผิดถูกชั่วดีแมชี้ใหรูทั้งปวง โตแลวแมยังตองหวง เฝาหวงลูกดังชีวี
   นี้คือรักแทของแมเรา จะหาใดเลา เทียบเทาบุญคุณแมนี้ ครอบหลาจบ บวกลบหา
คาที่มี ถาเทียบคุณงามความดี ครอบฟานี้แมก็เทียม
                   คาน้ํานม
   แมนี้มีบุญคุณอันใหญหลวง ที่เฝาหวงหวงลูกแตหลังเมือยังนอนเปล
                                                             ่
แมเราเฝาโอละเห กลอมลูกนอยนอนเปล ไมหางหันเหไปจนไกล
   แตเล็กจนโตโอแมถนอม แมผายผอมยอมเกิดแตรักลูกปกดวงใจ
เติบโตโอเล็กจนใหญ นี้แหละหนาอะไร มิใชใดหนาเพราะคาน้ํานม
   ครวญคิดพินิจใหดี คาน้ํานมแมนี้ จะมีอะไรเหมาะสม โอวาแมจา ลูกคิดถึงคาน้ํานม
เลือดในอกผสม กลั่นเปนน้ํานมใหลูกดื่มกิน
   คาน้ํานมควรชวนใหลูกฝน แตเมื่อหลังเปรียบดังผืนฟาหนักกวาแผนดิน
บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ํานมกิน ทอแทนไมสิ้นพระคุณแมเอย ฯ

คู่มือวิทยากรโครงการอบรมคุณธรรม ค่ายพุทธบุตร

  • 1.
    คูมือวิทยากรโครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" สารบัญ ๑. หนาปก ๒. ปกใน ๓. แนะนําศูนย ๔. รูปหลวงพอ ๕. รูปพระอาจารยเผียน ๖. รูปประธานศูนยฯ ๗. รูปรองประธานทั้ง ๓ และเลขานุการ ๘. รายนามพระวิทยากร ๙. อุดมการณของพุทธบุตร ๑๐. คําอนุโมทนาของหลวงพอ ๑๑. คําปรารภของประธานศูนยฯ ๑๒. คํานํา ๑๓. สารบาญ ๑๔. ภาคเตรียมการ -โครงการ -การเตรียมการ -หนาที่ของกรรมการฝายตางๆ -ตัวอยางคําสั่งตางๆ -ตารางอบรม ๑๕. ภาควิชาการ -การเขาถึงพระรัตนตรัย -ศีลหาคือมนุษยธรรม -มารยาทชาวพุทธ -วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา -ประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ -การมีระเบียบวินัย -ความรับผิดชอบ -การเปนบุตรที่ดี
  • 2.
    -การเปนศิษยที่ดี -การเปนเพื่อนที่ดี -การเปนพลเมืองที่ดี -การเปนสาวกที่ดี -พูดปลุกใจหนาเสาธง -ศาสนพิธีที่ควรรู ๑๖. ภาคกิจกรรม -ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม -พิธีเปดการอบรม -คํากลาวบูชาพระรัตนตรัย -พิธีมอบตัวเปนศิษย -คํากลาวมอบตัวเปนศิษย -คํามั่นสัญญา -กติกา สัญญาใจ คําปฎิญาณ -รับประทานอาหาร -ปลุกความสํานึกกอนรับประทานอาหาร -ตัวอยางตารางเวียนฐาน -ภาพแบงฐาน -การทําวัตรสวดมนต -การเจริญภาวนา -พิธีสูความเปนพุทธบุตร -คํามอบตัวเปนพุทธบุตร -บทแผเมตตา -ภาพการบริหารกาย -การเดินจงกรม -กิจกรรมหนาเสาธง -การเขียนบทความ -กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค -พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม ๑๗. ภาคผนวก
  • 3.
    -พุทธศาสนสุภาษิตและคํากลอน -ตัวอยางบทความของเด็ก -ตัวอยางเสียงกระซิบสั่งจากครู -ตัวอยางแบบประเมินผล -ตัวอยางใบสํารวจศีล -เพลงประกอบกิจกรรม ๑๘. ปกหลัง ภาคเตรียมการ โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" ๑. ชื่อโครงการ โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" ๒. หลักการและเหตุผล สภาพสังคมไทยในปจจุบันเปนที่ยอมรับกันวา มีความเจริญกาวหนาในการพัฒนาประ เทศดวยเทคโนโลยี กอใหเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายดาน ทั้งทางดานเศรษฐกิจ - สังคม และการเมือง ประชาชนสวนหนึ่งไดรับความสะดวกสบายทางวัตถุมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ความเสื่อมทางจิตใจก็ทวีขึ้นจนเปนที่นาวิตก ดังจะเห็นไดจากปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้น อยางสลับซับซอน เชน ผูคนไมเคารพตอศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ขาดระเบียบวินัย มีคา นิยมในทางฟุงเฟอฟุมเฟอย เห็นแกตัว จนกลาวไดวา "พัฒนาแตไมเจริญ" หรือพัฒนาแต วัตถุ ไมพัฒนาทางดานจิตใจ สภาพสังคมทั่วไปจึงอยูในขั้นวิกฤต ศูนยสืบอายุพระพุทธศาสนา ไดรวมมือกับหนวยงาน องคการกุศล โรงเรียนเอกชน ตลอดจนผูเห็นคุณคาในการสรางโอกาสใหผูอื่นมีคุณธรรม พิจารณาเห็นวา "การสรางคนใหมี คุณธรรมนั่นแหละคือการสรางชาติ" เปนการฟนฟูจิตใจเยาวชนหรือผูเขารับการอบรมใหกลา แข็ง รูเทาทันตอสิ่งที่เกิดขึ้น โดยนําเอาหลักธรรมมาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ใหรูจัก ลด ละ เลิก สิ่งชั่วราย จนเกิดความปลอดภัยนําความสงบเย็นมาสูชีวิต โดยใชวิธี การอบรมตามแนวเขาคาย ดังนั้นโครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" จึงเกิดขึ้น ๓. วัตถุประสงค ๓.๑ เพื่อใหผูเขารับการอบรม มีความรูความเขาใจ ในหลักธรรมของศาสนาเทาที่จํา เปนตอการดําเนินชีวิต อยางถูกตองและเพียงพอ ๓.๒ เพื่อใหผูเขารับการอบรม นําหลักธรรมนั้นมาปฏิบัติในชีวิตประจําวัน จนเกิด เปนคุณธรรมประจําชีวิต ไมตกเปนทาสของความชั่วรายทั้งปวง มีชีวิตอยูอยางปลอดภัย และ สงบเย็น
  • 4.
    ๓.๓ เพื่อใหผูเขารับการอบรม ดําเนินชีวิตเปนแบบอยางที่ดีงามแกผูอื่น ทั้งในทาง ดานมีระเบียบวินัย ขยัน อดทน ซื่อสัตย - สุจริต รับผิดชอบและกตัญูกตเวที เปนตน ๓.๔ เพื่อใหผูเขารับการอบรม มีสวนรวมในการสืบอายุพระพุทธศาสนา และประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไวเปนมรดกอันล้ําคาของสังคมไทยสืบไป. ๔. กลุมเปาหมาย ๔.๑ นักเรียนชั้นประถมปลาย ครั้งละไมเกิน ๓๕๐ คน ๔.๒ นักเรียนชั้นมัธยมตน ครั้งละไมเกิน ๓๐๐ คน ๔.๓ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ครั้งละไมเกิน ๒๕๐ คน ๔.๔ นักศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และอุดมศึกษา ครั้งละไมเกิน ๒๐๐ คน ลักษณะคาย ๕.๑ ตองอยูพักแรม ๒ คืน ๓ วัน หรือ ๓ คืน ๔ วัน หรือ ๔ คืน ๕ วัน ๕.๒ สถานที่จัดฝกอบรม โรงเรียน สํานักงาน ศูนยฝกอบรม วัด ๕.๓ มีคณะกรรมการรับผิดชอบ พระภิกษุ คณะครูอาจารย คณะกรรมการ ๕.๔ ไมจํากัดเพศ แตกําหนดอายุ(เฉพาะแตละคาย) จัดที่พักเปนสัดสวน เชน หอพัก อาคารเรียน หรือนอนกลด เปนตน วิธีการฝกอบรม ๖.๑ เขาคายพักแรมเพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมรวมกัน(อาจรักษาอุโบสถศีลก็ได) ๖.๒ การฝกอบรมมีหลายรูปแบบ เชน การบรรยาย อภิปราย สนทนา ตอบปญหา กิจกรรมกลุม ทําวัตรเชา - เย็น สมาธิภาวนา บริหารกาย - บริหารจิต ธรรมะจากสื่อ ฯลฯ ๗. งบประมาณ ๗.๑ งบประมาณจากสถานศึกษานั้น ๆ หรือหนวยงานนั้น ๆ ๗.๒ งบที่ไดรับจากผูมีจิตศรัทธาทั่วไป ๘. ผลที่คาดวาจะไดรับ ๘.๑ ทําใหเขาใจศาสนาที่ตนนับถือมากยิ่งขึ้น ๘.๒ ทําใหรูจักตนเองมากยิ่งขึ้น ๘.๓ ทําใหรูจักตัดสินใจเลือกทางดําเนินชีวตอยางถูกตองดวยตนเอง ิ ๘.๔ ทําใหมีความขยันหมั่นเพียร มีระเบียบวินัย และรับผิดชอบมากขึ้น ๘.๕ ทําใหออนนอมถมตน รูจักเกรงใจ และแสดงความเคารพตอผูใหญมากขึ้น ๘.๖ ทําใหมีความสามัคคี และอยูรวมกันอยางมีความสุข ๘.๗ ทําใหสํานึกในบุญคุณของทานผูมีคุณและตอบแทนไดดีขึ้น
  • 5.
    ๘.๘ ทําใหเห็นคุณคาของความสงบทางจิตใจมากขึ้น ๘.๙ คณะครูอาจารย นักเรียน พระสงฆ และประชาชนทั่วไป ไดมีโอกาสจัดกิจกรรมใน ทางสรางสรรค มีความสัมพันธอันดีระหวาง บาน วัด โรงเรียน สมกับคําวา "บวร" การเตรียมงาน ๑. เตรียมเขียนโครงการ ๒. เตรียมงบประมาณ ๓. เตรียมแตงตั้งคณะกรรมการฝายตาง ๆ เชน ๓.๑ คณะกรรมการอํานวยการ ๓.๒ คณะกรรมการดําเนินงาน มี ๑๔ ฝาย ดังนี้ -กรรมการฝายประสานงาน -กรรมการฝายที่ปรึกษาประจํากลุม -กรรมการฝายวิชาการและธุระการ -กรรมการฝายประชาสัมพันธ -กรรมการฝายพิธีการ -กรรมการฝายเตรียมการและจัดหาอุปกรณ -กรรมการฝายเหรัญญิก -กรรมการฝายปฏิคม -กรรมการฝายสถานที่และบริการ -กรรมการฝายโภชนาการ -กรรมการฝายโสตทัศนูปกรณ -กรรมการฝายพยาบาล -กรรมการฝายรักษาความปลอดภัย -กรรมการฝายประเมินผล ๔. เตรียมเด็กที่จะเขารับการอบรม ๔.๑ แจงใหเด็กทราบ ๔.๒ ทําหนังสือแจงใหผูปกครองเด็กไดทราบ ๔.๓ แจงใหเด็กเตรียมอุปกรณและเครื่องใชที่จําเปน ๕. เตรียมจัดรายชื่อเด็กเปนกลุม ๆ ๘ กลุม จํานวนเทากัน และทําปายชื่อเด็ก กลุมละสี เชน- กลุมเมตตา......สีเหลือง กลุมกรุณา.......สีน้ําเงิน กลุมมุทิตา.......สีแดง
  • 6.
    กลุมอุเบกขา.....สีชมพู กลุมฉันทะ.......สีฟา กลุมวิริยะ.......สีเขียว กลุมจิตตะ.......สีขาว กลุมวิมังสา......สีน้ําตาล ๖. เตรียมสถานที่ ๖.๑ เตรียมหองประชุม -ทําความสะอาด -ตกแตงเวที -เขียนปาย ตามตัวอยางดังนี้ โครงการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" โรงเรียน.................... วันที่.....เดือน.....พ.ศ....... -จัดตั้งโตะหมูบูชาครบชุด (มีธงชาติ,พระบรมฉายาลักษณ) -ติดตั้งเครื่องขยายเสียงพรอมเครื่องเทปคาสเซ็ทอยางดี -จัดตั้งชุดรับแขกและเกาอี้ -ดูแลแสงไฟใหพอใชสําหรับกิจกรรมภาคกลางคืน ๖.๒ เตรียมที่วางอาหาร -เตรียมที่วางอาหาร ๔ ที่ (ถาเด็กไมเกิน ๑๕๐ คน จัด ๒ ที่ก็ได) -จัดที่วางอาหารใกลหองประชุม (ในกรณีที่เด็กรับประทานที่หองประชุม) -จัดที่วางคูเลอรน้ําดื่ม ๔ ที่ ๖.๓ เตรียมที่ลางจาน -จัดโตะตั้งเปนแถวยาว พอตั้งกะละมังได ๔ ใบ จํานวน ๔ แถว -จัดที่ลางจานในสถานที่อันเหมาะสม (ถาที่ลางมีอยูแลวก็ไมตองจัดใหม) ๖.๔ เตรียมที่เก็บจาน -ใชโตะตั้งเปนแถวเทาจํานวนนักเรียน -เขียนปายชื่อกลุมติดที่โตะ ๖.๕ เตรียมที่วางรองเทา -เลือกสถานที่ ที่วางรองเทาที่เหมาะสม -เขียนปายชื่อกลุมติดไว ใหเด็กวางรองเทาเปนกลุมที่หองประชุม, โรงอาหาร,ที่หองนอน ๖.๖ เตรียมที่นอนชาย-หญิง
  • 7.
    ๖.๗ เตรียมที่อาบน้ําชาย-หญิง ๖.๘ เตรียมราวตากผาชาย-หญิง ๖.๙ เตรียมสถานที่แบงฐานอบรม ๔ ฐาน -ทําความสะอาดสถานที่ -ติดตั้งเครื่องขยายเสียงเล็ก -ตั้งน้ําดื่มสําหรับพระวิทยากร -ตั้งโตะเกาอี้สําหรับพระวิทยากรนั่ง ๗. เตรียมอุปกรณ ๗.๑ เตรียมเสื่อปูหองประชุม -ถาจํานวนเด็ก ๒๕๐ คน ใชเสื่อยาว ๒๔ ผืน -ถาจํานวนเด็ก ๓๐๐ คน ใชเสื่อยาว ๓๒ ผืน -ใชปูเวทีสําหรับนั่งสวดมนต ๓ ผืน ๗.๒ เตรียมเสื่อปูหองพักพระวิทยากร ๗.๓ เตรียมเสื่อปูหองพักครูที่ปรึกษา,หองนอนเด็ก ๗.๔ เตรียมภาชนะใสน้ําลางจาน -กะละมังขนาดกลางหรือขนาดใหญ จํานวน ๑๖ ใบ ๗.๕ เตรียมภาชนะใสเศษอาหาร จํานวน ๔ ใบ ๗.๖ เตรียมน้ํายาลางจานและสกอตไบรท ๗.๗ เตรียมเหยือกน้ําจํานวน ๑ โหล ๗.๘ เตรียมคูเลอรขนาดใหญ ๔ ใบ ๗.๙ เตรียมแกวน้ําเทาจํานวนนักเรียน,ครู,พระวิทยากร ๗.๑๐ เตรียมจานขนาด ๘ นิ้ว (หรือถานหลุมก็ได)ซอน,เทาจํานวน นักเรียน,ครู,พระ ๘. เตรียมอุปกรณเสริมกิจกรรม ๘.๑ พิธีมอบตัวเปนศิษย -เตรียมดอกไมเทาจํานวนแถวนั่งในหองประชุม ถานั่ง ๘ แถว ก็ใช ๘ ชอ ถานั่ง ๑๖ แถว ก็ใช ๑๖ ชอใหคนที่อยูหนาสุดของแตละแถวเปนผูมอบ ใหครู ๘.๒ พิธีสูความเปนพุทธบุตร -เตรียมเทียนขนาด ๖ นิ้ว เทาจํานวน พระ,ครู, นักเรียน, ๙. เตรียมบุคคลเสริมกิจกรรม ๙.๑ พิธีเปดการอบรม -เตรียมบุคคลเปนพิธีกรเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
  • 8.
    -เตรียมบุคคลจุดเทียนชนวนสงใหประธาน ๙.๒ พิธีมอบตัวเปนศิษย -เตรียมเด็กนํากลาวมอบตัวเปนศิษย จํานวน ๑ คน -เตรียมเด็กอานกลอน "คํามั่นสัญญา" จํานวน ๑-๒ คน ๙.๓ กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค -เตรียมตัวแทนพอแสดงความรูสึก -เตรียมตัวแทนแมแสดงความรูสึก ๙.๔ พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหมและปดการอบรม -เตรียมประธานกลาวปราศรัยและปดการอบรม -เตรียมตัวแทนครูฝายโภชนาการแสดงความรูสึก ๑ คน -เตรียมตัวแทนครูกลาว "ศิษยที่ครูปรารถนา ๑ คน -เตรียมตัวแทนครูอานกลอน "เสียงกระซิบสั่งจากครู" ๑ คน ๑๐. เตรียมเพลงประกอบกิจกรรม ๑๐.๑ พิธีเปดการอบรม -เตรียมเพลงพระรัตนตรัย ๑๐.๒ พิธีมอบตัวเปนศิษย -ดนตรีเดี่ยวไวโอลินเพลงชุดลมพัดชายเขา -เพลงพระคุณที่สาม -เพลงแมพิมพของชาติ ๑๐.๓ กติกาสัญญาใจ -เพลงทําดีไดดี ๑๐.๔ พิธีสูความเปนพุทธบุตร -ดนตรีชุดลมพัดชายเขา -พระรัตนตรัย -เพลงอธิษฐาน -บทสวดสรรเสริญพุทธคุณ (องคใดพระสัมพุทธฯ) ๑๐.๕ กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค -เพลงใครหนอ -เพลงออมอกแม -เพลงพระคุณแม -เพลงคาน้ํานม ๑๐.๖ พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม
  • 9.
    -ดนตรีชุดลมพัดชายเขา -เพลงพระคุณที่สาม -เพลงแมพิมพของชาติ -เพลงลาคุณครู ๑๐.๗ พิธีปดการอบรม -เพลงพระรัตนตรัย หนาที่กรรมการฝายตาง ๆ ๑. กรรมการอํานวยการ มีหนาที่ ใหคําปรึกษาแนะนํา แกปญหา อํานวยความสะดวก  ควบคุมการอยูคายใหเปนไปดวยความเรียบรอยทุกประการ ๒. กรรมการดําเนินงาน ๒.๑ กรรมการฝายประสานงาน มีหนาที่ ประสานงานกับพระวิทยากร ครู อาจารยที่ ปรึกษาประจํากลุมกรรมการฝายตาง ๆ ๒.๒ กรรมการที่ปรึกษาประจํากลุม มีหนาที่ดังนี้ -รับรายงานตัวนักเรียน แจกปายชื่อนักเรียน ใหนักเรียนนํากระเปา ไปเก็บในที่ซึ่งจัดไวเปนกลุม -ดําเนินการใหนักเรียนเลือกประธานกลุม อธิบายความหมายชื่อกลุม ดูแลใหนักเรียนติดปายชือใหเรียบรอย ่ -ดูแลใหนักเรียนปฏิบัติตามระเบียบของการอยูคาย มีความสามัคคีตอกัน ตรงตอเวลา เขาหองประชุมอยางสงบ -ใหนักเรียนทําความรูจักกันใหมากที่สุด -สํารวจจํานวนนักเรียนในกลุม ทุกกิจกรรมและกอนนอนทุกกคืน -ชวยจัดเลี้ยงอาหาร น้ําดื่ม น้ําปานะ ตามเวลาที่กําหนด -สํารวจกระเปานักเรียนเพื่อดูความเรียบรอยมิใหมี อาวุธ สิ่งเสพติด และรับฝากของมีคาของนักเรียน -ประสานงานกับพระวิทยากรในการอบรมนักเรียน -รวมกิจกรรมกับนักเรียนทุกกิจกรรม -เปนวิทยากรเสริม รับทราบปญหา และเปนที่ปรึกษาของนักเรียน ๒.๓ กรรมการฝายวิชาการและธุระการ มีหนาที่จัดเตรียมเอกสารตาง ๆ ที่จําเปนตอ
  • 10.
    ๑๐ การอบรม จัดรายชื่อนักเรียนที่เขารับการอบรมใหเปนกลุมโดยคละกัน ๘กลุม จัดทําปายชื่อนัก เรียน ปายชื่อครูแยกไวเปนกลุม ๆ ละสี เขียนปายชื่อกลุมทําเปนกลองสามเหลี่ยมวางไวที่ หนาแถวในหองประชุม เขียนปายชื่อกลุมที่วางรองเทา ที่หองนอน ที่ลางจาน ที่ตักอาหาร. ๒.๔ กรรมการฝายประชาสัมพันธ มีหนาที่ ประชาสัมพันธโครงการ เชน จัดสงโครงการไป ใหสื่อมวลชนตาง ๆ จัดสงโครงการไปใหสมาคม ชมรม หางราน เพื่อของความอุปถัมภ โครงการ เขียนปายประชาสัมพันธทั้งภายนอกและภายในสถานที่นั้น ๆ ๒.๕ กรรมการฝายพิธีการ มีหนาทีดังนี้ ่ -จัดดอกไมธูปเทียน จัดโตะหมูบูชา จัดเตรียมเวที -จัดเตรียมอุปกรณสําหรับพิธีตาง ๆ เชน พิธีเปดการอบรม พิธีปด พิธีมอบตัวเปนศิษย พิธีสูความเปนพุทธบุตร และพิธีอธิษฐานจิต เพื่อชีวิตใหม เปนพิธีการตลอดงาน. -ดูแลอํานวยความสะดวกแกพระวิทยากรในทุก ๆ ดาน ๒.๖ กรรมการฝายเตรียมการและจัดหาอุปกรณ มีหนาที่ จัดหาอุปกรณที่จําเปนตอการอยู คายมาเตรียมไวใหพรอม โดยประสานงานกับกรรมการฝายอื่น ๆ ๒.๗ กรรมการฝายเหรัญญิก มีหนาที่ รับเงินที่ผูมีจิตศรัทธาบริจาค ควบคุมการใชจายเงิน จัด ทําบัญชี รับ-จาย ใหเรียบรอย ๒.๘ กรรมการฝายปฏิคม มีหนาที่ ตอนรับแขกผูมีเกียรติ ผูปกครองนักเรียน ทานประธาน หรือผูทมาเกี่ยวของกับงานในโครงการ บริการน้ําดื่ม แนะนําใหรู ี่ จักสถานที่ เปนตน ๒.๙ กรรมการฝายสถานที่และบริการ มีหนาที่ดังนี้ -จัดเตรียมหองประชุม จัดชุดรับแขก -สถานที่วางอาหาร ที่ลางจาน ที่อาบน้ํา หองนอน ราวตากผา -สถานที่แบงฐานอบรม ๒.๑๐ กรรมการฝายโภชนาการ มีหนาที่ จัดปรุงอาหาร น้ําดื่ม ใหเพียงพอกับจํานวนผูที่เขา รวมการอบรม ใหทันตามเวลาที่กําหนด ๒.๑๑ กรรมการฝายโสตทัศนูปกรณ มีหนาที่ จัดแสง เสียง ใหเพียงพอทุกจุดที่จําเปน บันทึก เทป บันทึกภาพ ตลอดการฝกอบรม ๒.๑๒ กรรมการฝายพยาบาล มีหนาที่ ดูแลชวยเหลือผูเขารวมการอบรมที่เจ็บไขไดปวย ตลอดเวลาจนเสร็จสิ้นโครงการ ตัวอยาง
  • 11.
    ๑๑ ที่ อย ๐๓๓๐.๑๕/๑๗๕โรงเรียนนครหลวง "อุดมรัชตวิทยา" อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ๑๓๒๖๐ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕ เรื่อง ขออนุญาตนํานักเรียนเขาคายอบรมคุณธรรม ""คายพุทธบุตร" เรียน ผูปกครอง (ด.ช. ด.ญ.) .......... ดวยหมวดวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนนครหลวง "อุดมรัชตวิทยา" จะจัด อบรมคุณธรรมสําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ ประมาณ ๒๕๐ คน ณ โรงเรียนนครหลวง "อุดมรัชตวิทยา" ในวันที่ ๕-๗ มิถุนายน ๒๕๓๕ รวม ๓ วัน ๒ คืน เพื่อเปนการสงเสริม คุณธรรม จริยธรรม พัฒนาจิตใจแกนักเรียน และสามารถนําความรู ความเขาใจไปใชในชี วิตประจําวัน โดยอาราธนาพระวิทยากร จากวัดชลประทานรังสฤษฏ อําเภอปากเกร็ด จังหวัด นนทบุรี มาเปนพระวิทยากรใหการอบรมนักเรียนในครั้งนี้ และมีครูรวมควบคุมนักเรียน ฉะนั้น หมวดวิชาสังคมศึกษา จึงขออนุญาตนํานักเรียนในปกครอง ของทานไปอยูคายอบรมคุณธรรมนักเรียนในครั้งนี้ โดยขอคาอาหารจากนักเรียน จํานวน ๗ มื้อ และคาน้ําปานะจํานวน ๔ มื้อ เปนเงิน ๖๐ บาท จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ หวังวาคงไดรับความรวมมือจากทานดวยดี และขอความกรุณาคืนแบบตอบรับคืนโรงเรียนดวย จักขอบคุณยิ่ง ขอแสดงความนับถือ (นางหยด เจริญกูล) ผูอํานวยการโรงเรียนคนครหลวง"อุดมรัชตวิยา" วิชาการ โทร ๓๕๙๘๐๐ แบบตอบรับ ขาพเจา ผูปกครองของ นักเรียนชั้น ม.๑ อนุญาต ไมอนุญาต ใหนักเรียนใน ความปกครองของขาพเจาไปรวมอบรมคุณธรรมครั้งนี้ ลงชื่อ ผูปกครอง ( )
  • 12.
    ๑๒ อุปกรณเครื่องใชระหวางการอบรมคุณธรรม "คายพุทธบุตร" ระหวาง วันที่๑๔-๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ ณ โรงเรียนบางกรวย ๑. ผาหม ๒. ผาเช็ดตัว ๓. แปรงสีฟน ยาสีฟน ผงซักฟอก ๔. ชุดขาว ๒ ชุด (ผาถุงขาว ๒ ผืน สไบ ๑ ผืน เสื้อนักเรียนสีขาว ๒ ตัว ๕. ผาถุง ผาขาวมา สําหรับใชผลัดอาบน้ํา ๖. หมอน ๗. เสื่อพับผืนเล็ก ๑ ผืน ๘. แกวน้ํา ชอน ๙. ยารักษาโรค (โรคประจําตัว) ๑๐.ถุงพลาสติคสําหรับใสเสื้อผาเปยก ๑๑.สบู ขันน้ํา รองเทาแตะ ผาเช็ดเทา ๑๒.ไฟฉาย ๑๓.ผาอนามัย (เผื่อฉุกเฉิน) ๑๔.เครื่องเขียน เชนปากกา ดินสอ เปนตน .................... หมายเหตุ หามนําทรัพย เงินทอง ของมีคา ติดตัวมาในระหวางการอบรม ตารางอบรมคุณธรรม"คายพุทธบุตร" ศูนยสืบอายุพระพุทธศาสนา วัดชลประทานรังสฤษฎ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ๑๑๑๒๐ วัน,เดือน,ป เวลา รายการ/กิจกรรม หมายเหตุ ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ ลงทะเบียน รายงานตัว ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ -จัดนักเรียนเขาแถวตามกลุมที่สนาม -นักเรียนพรอมที่หองประชุม -ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม ๐๙.๐๐-๐๙.๓๐ พิธีเปดการอบรม
  • 13.
    ๑๓ -ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย -กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย -กลาวรายงาน วันที่หนึ่ง ของการ ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ พิธีมอบตัวเปนศิษย/สมาทานศีล ๑๐.๐๐-๑๐.๑๕ พักเปลี่ยนอิริยบถ ฝกอบรม ๑๐.๑๕-๑๑.๐๐ กติกาสัญญาใจและคําปฏิญาณ ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร ๑๒.๐๐-๑๒.๔๐ พักทํากิจสวนตัว ๑๒.๔๐-๑๓.๒๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมนันทนาการ ๑๓.๒๐-๑๖.๓๐ แบงฐานอบรมคุณธรรม ๔ ฐาน ดังนี.้ - ๑.การเขาถึงพระรัตนตรัย ๒.วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา ๓.ความรับผิดชอบ ๔.การมีระเบียบวินัย ๑๖.๓๐-๑๗.๓๐ พบอาจารยที่ปรึกษา/จัดที่พัก/อาบน้ําทํากิจสวนตัว ๑๗.๓๐-๑๘.๓๐ รับประทานอาหาร ๑๘.๓๐-๒๑.๓๐ ทําวัตร/จิตตภาวนา/พิธีสูความเปนพุทธบุตร/สไลดธรรมะ/ แผเมตตา/พบอาจารยที่ปรึกษา/พัก _______________________________________________________ _________________ ๐๔.๓๐-๐๗.๐๐ ตื่นทํากิจสวนตัว/บริหารกายบริหารจิต/ทําวัตร/จิตตภาวนา /กิจกรรมหนาเสาธง ๐๗.๐๐-๐๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว ๐๗.๓๐-๐๘.๔๕ รับประทานอาหาร/ทํากิจสวนตัว ๐๘.๔๕-๐๙.๕๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมบรรยายเรื่อง"การพัฒนาตนเอง" ๐๙.๕๐-๑๐.๕๐ สนทนากับกัลยาณมิตร วันที่สอง ๑๐.๕๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร ของการ ๑๒.๐๐-๑๒.๔๐ พักทํากิจสวนตัว ฝกอบรม ๑๒.๔๐-๑๓.๒๐ พรอมกันที่หองประชุม/ธรรมนันทนาการ ๑๓.๒๐-๑๕.๓๐ แบงฐานอบรมคุณธรรม ๓ ฐานดังนี้.- ๑.การเปนบุตรที่ดีของพอแม
  • 14.
    ๑๔ ๒.การเปนศิษยที่ดีของครู ๓.การเปนสาวกที่ดีของพระศาสนา ๑๕.๓๐-๑๗.๐๐ อนามัยในโรงเรียน ๑๗.๐๐-๑๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว ๑๗.๓๐-๑๘.๓๐ รับประทานอาหาร ๑๘.๓๐-๒๑.๓๐ ทําวัตร/จิตตภาวนา/สไลดธรรมะ/พบอาจารยที่ปรึกษา/ แผเมตตา/พัก _______________________________________________________ _______________ ๐๔.๓๐-๐๗.๐๐ ตื่นทํากิจสวนตัว/บริหารกายบริหารจิต/ทําวัตร/จิตตภาวนา/ กิจกรรมหนาเสาธง ๐๗.๐๐-๐๗.๓๐ อาบน้ําทํากิจสวนตัว ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ รับประทานอาหาร ๐๘.๔๕-๐๙.๕๐ ธรรมบรรยายเรื่อง"พุทธบุตรกับการสืบอายุพระพุทธศาสนา" ๐๙.๕๐-๑๐.๕๐ เขียนบทความเรื่อง"ความประทับใจ..." ๑๐.๕๐-๑๒.๐๐ รับประทานอาหาร ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ เก็บของ/จัดที่พัก/แตงชุดนักเรียน ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ พิธีอธิษฐานจิตชีวิตใหม/ปดการอบรม ศาสนพิธีที่ควรรู จุดประสงค ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ศาสนาพิธี" ๒. เพื่อใหสามารถประกอบพิธีตาง ๆ ไดถูกตอง ๓. เพื่อใหสามารถแนะนําผูอื่นใหประกอบพิธีตาง ๆ ไดอยางถูกตอง ๔. เพื่อใหเห็นคุณคาและความสําคัญของศาสนพิธี ความหมาย "ศาสนพิธี" คือ แบบอยาง หรือแบบแผนตาง ๆ ที่ดีงาม ที่ใชประกอบกิจกรรมในทางพระ พุทธศาสน เรียกวา "ศาสนพิธี" ความสําคัญ ศาสนพิธี มีความสําคัญมาก เมื่อปฏิบัติใหถูกตองทุกขั้นตอนแลวจะทําใหพิธีกรรมตางๆ ที่ประ กอบนั้นเปนระเบียบเรียบรอยสวยงาม เปนที่ตั้งแหงความเลื่อมใสของผูที่พบเห็น ทําใหเกิดศรัท ธาในการประกอบคุณงามความดีและเปนการแสดงใหเห็นถึงความเจริญทางจิตใจของผูนับถือพระ พุทธศาสนา เปนเครื่องเชิดชูเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวพุทธ ฉะนั้นจําเปนอยางยิ่งที่ชาวพุทธ
  • 15.
    ๑๕ ทุกคนจะตองศึกษาเรียนรู พิธีโดยสรุป ศาสนพิธีมีมากมาย ซึ่งลวนแตนาศึกษาเรียนรูทั้งสิ้น แตเมื่อกลาวโดยสรุปมีอยู ๔ หมวดดังนี้ ๑. หมวดกุศลพิธี วาดวยพิธีบําเพ็ญกุศล ๒. หมวดบุญพิธี วาดวยพิธีบําเพ็ญบุญ ๓. หมวดทานพิธี วาดวยพิธีถวายทาน ๔. หมวดปกิณณกะ วาดวยพิธีเบ็ดเตล็ด บุญพิธีที่จําเปน พิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา แบงออกได ๒ ประเภทดังนี้ ๑. ทําบุญงานมงคล คือ ปรารภเหตุดีแลวทําบุญ เชน ขึ้นบานใหม แตงงาน ประสบความสํา เร็จตาง ๆ เปนตน ๒. ทําบุญงานอวมงคล คือ ปรารภเหตุสูญเสีย เชน ทําบุญอุทิศใหผูตาย เปนตน ผูเกี่ยวของ การทําบุญทั้งสองประเภทนี้ จะมีผูมาเกี่ยวของอยู ๓ ฝายดวยกันคือ ๑. ฝายเจาภาพ คือเจาของงานบําเพ็ญบุญ ๒. ฝายแขก คือผูมีเกียรติที่มารวมทําบุญ ๓. ฝายพระสงฆ คือพระสงฆที่เจาภาพนิมมตมาเปนปฏิคาหา หนาที่ของเจาภาพ -จัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธี -นิมนตพระสงฆตามจํานวนที่ตองการ -ตั้งโตะหมูบูชา พรอมอุปกรณครบชุด -ปูอาสนะและเตรียมเครื่องตอนรับพระ -เมื่อพระสงฆมาถึงคอยลางและเช็ดเทา -เมื่อพระสงฆนั่งเรียบรอยแลว ถวายเครื่องรับรอง -จุดเทียน ธูป บูชาพระรัตนตรัย แลวกราบ ๓ ครั้ง -กลาวคําบูชาพระรัตนตรัย -อาราธนาศีล รับศีล อาราธนาพระปริตร -นั่งฟงพระสงฆ (สวด) เจริญพระพุทธมนตจนจบ -ถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม -พระสงฆอนุโมทนา เจาภาพกรวดน้ํา รับพร -เสร็จพิธีสงพระสงฆกลับ หนาที่ของแขก
  • 16.
    ๑๖ -มาถึงงานใหตรงเวลาที่เจาภาพกําหนดไว -มาถึงแลวเขาไปทักทายเจาภาพกอน -เลือกนั่งในสถานที่เหมาะสมกับตน -มีความสํารวมตนดวยดี ไมสงเสียงดังรบกวนสมาธิผูอื่น -รวมบริจาคทาน และรวมพิธีกรรมทุกขั้นตอนจนเสร็จ -แตงกายสุภาพเรียบรอย สมควรแกงานนั้น ๆ -ไมสุราหรือของมึนเมาเขามาดื่มในงานทําบุญ -ไมเลนการพนัน หรือรบกวนเจาภาพเพื่อเปดบอนการพนัน คําอาราธนาศีล ๕ มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ, ทุกติยัมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ ตะติยัมป มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, ปญจะสีลานิ, ยาจามะ คําสมาทานศีล ๕ ๑. ปาณาติปาตา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ, ๒. อะทินนาทานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ, ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ, ๔. มุสาวาทา, เวระมะณี สิกขาปะทัง, สะมาทิยามิ, ๕. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา, เวระมะณี สิขาปะทัง, สะมาทิยามิ, พิธีประเคนของพระ การถวายปจจัยตางๆ แกพระสงฆ ตองถวายดวยความเคารพ เพราะพระสงฆตั้งอยูในฐานะ ปูชนียบุคคล เรานําสิ่งของไปถวายทานเพื่อบูชาในคุณธรรมของทาน จึงตองนอมกาย นอมใจ เขา ไปถวายทาน การกระทําดังนี้ เรียกวา "ประเคน" องคประเคนมี ๕ ดังนี้ ๑. สิ่งของทีประเคนตองไมใหญโตและหนักเกินไป ่ ๒. ผูประเคนตองอยูในหัตถบาส (คือชวงแขนหนึ่ง) ๓. ผูประเคนนอมสิ่งของนั้นเขามาใหดวยอาการเคารพนอบนอม ๔. การนอมสิ่งของเขามานั้น จะสงดวยมือก็ได หรือสิ่งที่เนื่องดวยกายก็ได ๕. พระภิกษุผูรับประเคนจะรับดวยมือก็ได ถาผูประเคนเปนชาย ถาผูประเคนเปนหญิงพระตองใชผารับ พิธีกรวดน้ํา รับพร การกรวดน้ําเปนพิธีกรรมอยางงหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมกระทํา เพื่ออุทิศสวนกุศลใหแกผูลวงลับ ซึ่งเปนสิ่งที่ชาวพุทธไทยนับถือกันมาก น้ําที่ใสบริสทธิ์ เปรียบเหมือนน้ําใจใสบริสุทธิ์ ที่ตั้งใจอุทิศ ุ
  • 17.
    ๑๗ สวนบุญกุศลแกผูที่ลวงลับไปแลว เปนการแสดงกตัญูกตเวทีตอทานเหลานั้น คํากรวดน้ําโดยยอ อิทัง โน ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนาตุ ญาตโย ขอใหทานของขาพเจาจงสําเร็จแกญาติ ขอใหญาติของขาพเจาจงมีความสุขเถิด. มารยาทชาวพุทธ จุดประสงค ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "มารยาท" ๒. เพื่อใหเขาใจความสําคัญของมารยาท ๓. เพื่อใหรูและเขาใจขอบขายของ "มารยาทชาวพุทธ" ๔. เพื่อใหรูถึงอานิสงสของการมีมารยาทที่ดี ๕. เพื่อฝกปฏิบัติมารยาทชาวพุทธใหสามารถนําไปใชไดอยางถูกตอง ๖. เพื่อใหสามารถนําไปชี้นําผูอื่นใหปฏิบัติตามมารยาทชาวพุทธไดในโอกาสอันควร มารยาทชาวพุทธ ๒.๑ ความหมาย คําวา "มารยาท" หรือ "มรรยาท" หมายถึงความประพฤติที่แสดงออก มาทางกายทางวาจา ซึ่งบัณฑิตทั้งหลายยอมรับวา เรียบรอย อยูในระเบียบแบบแผนหรือขอบ เขตที่ดีงาม เปนการสอใหเห็นถึงอัธยาศัยที่ดีอีกดวย ชาวพุทธ คือ ผูนับถือพระพุทธศาสนาทั่วไป ๒.๒ ความสําคัญ การมีมายาทที่ดีตอกันของคนในสังคม นับเปนสิ่งสําคัญมากประการหนึ่ง ทําใหคนเราอยูรวมกันอยางสงบสุขแสดงใหเห็นถึงความเปนผูมีวัฒนธรรมและคุณธรรม ทั้งยังเปน การประกาศศักดิ์ศรีของความเปนมนุษยอยูในตัววา "มนุษยเปนผูมใจสูง มีการประพฤติที่ประ ี เสริฐกวาสัตวเดรัจฉาน" มารยาทยังเปนเครื่องวัดคุณธรรมของคนอีกดวย ดังคําโคลงที่วา.- สายบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทสอสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคําขาน พึงทราบ กอหญาเหียวแหงเรื้อ บอกราย แสลงดิน. ่ ๒.๓ มารยาทชาวพุทธที่ควรศึกษาและปฏิบัติ ก. มารยาทในการไปวัด -การแตงกายไปวัด -การนําเด็กไปวัด
  • 18.
    ๑๘ -การปฏิบัติตนในวัด ข. มารยาทในการยืน -การยืนตอหนาพระสงฆ -การยืนตอหนาผูใหญ -การยืนตามลําพัง ค. มารยาทในการนั่ง -การนั่งสนทนากับพระสงฆ -การนั่งตอหนาผูใหญ -การนั่งตามลําพัง -การนั่งฟงพระธรรมเทศนา -การเปลี่ยนทานั่ง ง. มารยาทในการไหว-การกราบ -การไหว-การกราบพระรัตนตรัย -การไหว-การกราบมารดาบิดา -การไหว-การกราบครูอาจารย -การไหว-การกราบผูใหญ -การไหวบุคคลเสมอกัน -การไหว-การกราบศพ จ. การแสดงความเคารพตอสถานที่ -อุโบสถ -ศาลาการเปรียญ -ตนโพธิ์และตนไมที่เกี่ยวกับพุทธประวัติ -หอไตรหรือหอสมุดของวัด -กุฏิของพระสงฆ หรือ ที่นั่ง-ที่นอนของพระสงฆ ช. การแสดงความเคารพตอพระสงฆ -ลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ -การตามสงพระสงฆ -การหลีกทางใหพระสงฆ ๒.๔ อานิสงสของความมีมารยาทดี -ตนเองมีความภูมิใจในตนเอง -ผูรูใครครวญแลวสรรเสริญ -ชื่อเสียงเกียรติคุณยอมฟุงไป
  • 19.
    ๑๙ -คนดีตองการคบหาสมาคมดวย -ไมเปนที่รังเกียจของสังคม -เปนแบบอยางที่ดีของอนุชน -เปนที่เคารพของผูนอย เปนที่รักของผูใหญ เปนที่เกรงใจของเพื่อน -เปนเครื่องเชิดชูเกียรติของชาติและศาสนาของตน -จิตใจสงบสุขไมวิตกกังวลเพราะเสียมารยาท -เปนพื้นฐานใหบรรลุคุณธรรมชั้นสูง *ดูรายละเอียดใน สมทรง ปุญญฤทธิ์ มารยาทชาวพุทธ กรุงเทพ ฯ โรงพิมพสหมิตร ๒๕๓๑ การเขาถึงพระรัตนตรัย จุดประสงค ๑. เพื่อใหเขาใจคําวา " พระรัตนตรัย " ๒. เพื่อใหรูซึ้งถึงคุณของพระรัตนตรัย ๓. เพื่อใหรูจักวิธีทําความเคารพพระรัตนตรัย ๔. เพื่อใหรูจักขอปฏิบัติตนใหเขาถึงพระรัตนตรัย ๕. เพื่อใหรูจักประโยชนที่พึงไดรับจากการเขาถึงพระรัตนตรัย พระรัตนตรัย ๑. ความหมาย คําวาพระรัตนตรัย แปลวา "แกวอันประเสริฐสามดวง" ในที่ นี้หมายเอา "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ " ซึ่งเปนสิ่งที่ทําใหเกิดความชื่นชมยินดีแกชีวิต เปน สิ่งที่พึ่งที่ระลึกถึงอันสูงสุดของชีวิต เปนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวชีวิตไมใหตกต่ํา เปนเกราะปองกันชีวิตให เดินไปบนเสนทางที่ถูกตอง ดีงาม และพนจากทุกขทั้งปวง ๒. พระรัตนตรัยที่ควรรูจัก ๒.๑ ทานผูสอนใหประชุมชน ประพฤติชอบดวย กาย วาจา ใจ ตามพระ ธรรมวินัยเรียกวา " พระพุทธเจา " ๒.๒ พระธรรมวินัยที่เปนคําสั่งสอนของทานเรียกวา "พระธรรม" ๒.๓ หมูชนที่ฟงคําสั่งสอนของทานแลว ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเรียกวา "พระสงฆ"
  • 20.
    ๒๐ ๓. คุณของพระรัตนาตรัย ๓.๑ พระพุทธเจารูดีรูชอบดวยพระองคเองกอนแลว สอนผูอื่นใหรูตามดวย. ๓.๒ พระธรรมยอมรักษาผูปฏิบัติไมใหตกไปสูที่ชั่ว. ๓.๓ พระสงฆปฏิบัติชอบ ตามคําสั่งสอนของพระพุทธเจา แลวสอนผูอื่นให กระทําตามดวย. ๔. การแสดงความเคารพตอพระรัตนตรัย ๔.๑ การทําความเคารพในพระพุทธเจา -มีศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจาอยางมั่นคงไมเปลี่ยนแปลง -แสดงตนเปนพุทธามามกะรับเอาพระพุทธเจามาเปนของตน -ตั้งใจปฏิบัติตามาคําสั่งสอนใหเต็มความสามารถ -ศึกษาพระพุทธจริยาใหเขาใจ แลวดําเนินชีวิตาของตนตามรอยบาทพระ ศาสดา -ไมนําเรื่องพระพุทธเจามาเลนเปนตลกเพื่อความสนุกสนาน -เขาไปในปูชนียสถาน แสดงความเคารพ ยําเกรง ๔.๒ การทําความเคารพพระธรรม -ตั้งใจศึกษาเรียนรูพระธรรมจนเขาใจถูกตองตามความเปนจริง -ตั้งใจนําเอาพระธรรมที่ศึกษาดีแลวนั้นมาปฏิบัติจริง ที่กาย วาจา ใจ ของตนจนสุดความสามารถ -ชวยประกาศเผยแผพระธรรม ใหแพรหลายดวยวิธีตางๆ เชน พิมพหนังสือแจก สนทนนา ใหการ อบรมสั่งสอน สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับการศึกษาและปฏิบัติธรรม -เมื่อมีผูกลาวธรรม ตั้งใจฟงดวยความเคารพเอื้อเฝอ ไมเบื่อ ไมอิ่มในถอยคําที่เปนสุภาษิต -แมจะประสบปญหาชีวิตอยางแสนสาหัสเจียนตายเพียงใดก็ตาม จะไมทิ้ง"พระธรรม"เปนอันขาด ๔.๓ การทําความเคารพพระสงฆ -ระลึกถึงคุณความดีของพระสงฆตามบทสวด "สังฆคุณ" -แสดงความเคารพ ไหว กราบ นอบนอม ยําเกรง -ทําอะไรๆประกอบดวยเมตตา -พูดจาอะไรๆประกอบดวยเมตตา -คิดอะไรๆประกอบดวยเมตตา -ไมปดประตูบานยินดีตอนรับเสมอ -ใหอามิสทานคือถวายปจจัย๔ -เอื้อเฟอเชื่อฟงคําตักเตือนสั่งสอน ๕. การเขาถึงพระรัตนตรัย ๕.๑ การเขาถึงทางศีล
  • 21.
    ๒๑ -พูดจาถูกตอง เวนวจีทุจริตทั้งปวง -การทํางานถูกตอง เวนการทุจริตทั้งปวง -ประกองอาชีพถูกตองเวนมิจฉาอาชีวทั้งปวง ๕.๒ การเขาถึงทางสมาธิ -มีความเพียรถูกตองตามปธาน๔ -มีความระลึกถูกตองตามสติปฏฐาน๔ -มีจิตตั้งมั่นถูกตองตามรูปฌาน๔ ๕.๓ การเขาถึงทางปญญา -มีความเห็นถูกตอง เห็นตามอริยสัจจ ๔ -มีความดําริถูกตอง ดําริตามกุศลวิตก ๓ ๖.อานิสงสของการเขาถึงพระรัตนตรัย ๖.๑ ผลระดับตน -ทําใหมีชีวิตอยางสงบสุขไมมีเวรภัย -ทําใหฐานะทางครอบครัวมีความมั่นคง -ไดชื่อวาเปนคนดี ใครๆก็อยากคบหาสมาคม -เปนคนมีคา มีเกียรติ ไมตกเปนทาสอบายมุข ๖.๒ ผลระดับกลาง -บาปหรือความชั่วไมเผาลนจิตใจ -ปดประตูอบายภูมิได -ยอมเกิดในภพภูมิที่ดี มีโอกาสพัฒนาตนเองใหสูงขึ้น ๖.๓ ผลระดับสูง -ทําใหจิตใจ สะอาด สวาง สงบ -ดับกิเลสและกองทุกขทั้งปวงได -เขาถึงพระนิพพาน จิตสงบเย็นไมมีเครื่องเสียบแทง -ตัดเสียซึ่งวัฏฏะทุกขทั้งปวง. การมีระเบียบวินัย จุดประสงค ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ระเบียบวินัย" ๒. เพื่อใหเขาใจถึงความสําคัญของการมีระเบียบวินัย
  • 22.
    ๒๒ ๓. เพื่อใหรูขอบขายของระเบียบวินัยที่พึงปฏิบัติในการอยูคาย "พุทธบุตร" ๔. เพื่อใหรูถึงอานิสงสของการมีระเบียบวินัย ๕. เพื่อใหสมารถนําไปใชในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางเหมาะสม การมีระเบียบวินัย ๑. ความหมาย คําวา "ระเบียบวินัย" หมายความวา "ความสํารวมกาย วาจา เรียบรอย ซึ่งเปนเหตุนําไปสูความเปนผูวิเศษ" ๒. ความสําคัญ การมีระเบียบวินัยทําใหหมูคณะมีระเบียบเรียบรอยอยูรวมกันไดอยาง สงบสุข ทําใหความประพฤติของผูที่อยูรวมกันเปนไปในทางเดียวกัน ไมรังเกียจกันดวยชาติ สกุล เรียบรอยสวยงามเหมือนดอกไมหลากสีที่นายชางเก็บมารอยเปนพวกมาลัย และเปนการ แสดงใหเห็นถึงความเจริญมั่นคงกลมเกลียวกาวหนาของชนในชาติ ๓. ระเบียบวินัยที่พึงปฏิบัติในการอยูคาย "พุทธบุตร" -ไป-กลับ หองประชุมเดินเปนแถว -วางรองเทาเรียบรอยทั้งที่หองประชุมและที่พัก -วางของในหองนอนอยางมีระเบียบเรียบรอย -ไมพูดคุยสงเสียงดังในหองประชุม -ออกไปรับอาหารเปนแถวตามลําดับ -วางแกวน้ําเปนแถวตรงกันหมดดูสวยงามเวลารับประทานอาหาร -ออกไปลางจานเปนแถวอยางมีระเบียบตามลําดับ -อาบน้ําอยางมีระเบียบ ไมสงเสียงดัง ไมสาดน้ําใสกัน -ใชหองน้ําหองสวมอยางเรียบรอยและรักษาความสะอาด -นอนอยางมีระเบียบ นอนและตื่นตรงเวลา -ไมคุยและสงเสียงรบกวนผูอื่นในเวลานอน -แตงกายสุภาพเรียบรอย -ปฏิบัติตามกฏระเบียบและความนิยมของที่นั้น ๆ ๔. อานิสงสของการมีระเบียบวินัย -ไดรับความแชมชื่นมีปติปราโมทย และภูมิใจในตนเอง -ไมถูกตําหนิโทษ หรือถูกลงทัณฑกรรม -เปนผูองอาจกลาหาญในการปรากฏตัวในที่ชุมนุมชน -จิตใจสงบสุขไมวิตกกังวลถึงความผิดที่ตัวกระทํา -เปนพื้นฐานใหบรรลุคุณธรรมชั้นสูง ความรับผิดชอบ จุดประสงค
  • 23.
    ๒๓ ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "รับผิดชอบ" ๒.เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอตนเอง ๓. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอวงศตระกูล ๔. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอสถาบันการศึกษา ๕. เพื่อใหรูและตระหนักในรับผิดชอบตอสถาบันสูงสุด ความรับผิดชอบ ๑. ความหมาย คําวา "รับผิดชอบ" หมายถึง ความสํานึกในการทําหนาที่ของตน โดยไมตองมี ใครคอยบังคับหรือควบคุม ๒. ความรับผิดชอบตอตนเอง ๒.๑ ตั้งใจศึกษาหาความรู ๒.๒ ฝกฝนตนใหมีความสามารถในการทํางาน ๒.๓ ประพฤติตนเปนคนดีมีคุณธรรม ๒.๔ รักษาสุขภาพของตนใหแข็งแรงสมบูรณ ๓. ความรับผิดชอบตอวงศสกุล ๓.๑ คํานึงถึงความรูสึกของพอแม ๓.๒ ชวยเหลือการงานแบงเบาภาระกิจทางบาน ๓.๓ คํานึงถึงรายรับ รายจายของครอบครัว ๓.๔ รักษาเกียรติของวงศสกุล ๔.ความรับผิดชอบตอสถาบันการศึกษา ๔.๑ ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน ๔.๒ ทําตัวเปนตัวอยางที่ดีแกผูอื่น ๔.๓ สรางชื่อเสียงเกียรติคุณใหกับโรงเรียน ๔.๔ รักโรงเรียนเหมือนบานเกิดของตน ๔.๕ รวมกิจกรรมตาง ๆ ของโรงเรียนดวยความเต็มใจ ๔.๖ เคารพครูอาจารยเหมือนพอแมของตน ๕. ความรับผิดชอบตอสถาบันสูงสุด ๕.๑ ความรับผิดชอบตอสถาบันชาติ ๕.๑.๑ ศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข ๕.๑.๒ เคารพกฏหมายบานเมือง ๕.๑.๓ รูจักใชสิทธิและเสรีภาพอยางถูกตอง ๕.๑.๔ เสียภาษีอากรบํารุงรัฐ ๕.๑.๕ ซื่อสัตยสุจริต
  • 24.
    ๒๔ ๕.๑.๖ ขยันหมั่นเพียร ประกอบอาชีพสุจริต ๕.๑.๗ ไมตกเปนทาสยาเสพติดและอบายมุขมุกชนิด ๕.๑.๘ รักษาประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ ๕.๑.๙ รักษาทรัพยากรธรรมชาติของชาติ ๕.๑.๑๐เสียสละไมเห็นแกตัว ๕.๒ ความรับผิดชอบตอสถาบันศาสนา ๕.๒.๑ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย ๕.๒.๒ เอาใจใสศึกษาพระธรรมวินัยใหเขาใจถูกตอง ๕.๒.๓ ฝกฝนอบรมตนเองใหเครงครัดในศีล สมาธิ ปญญา ๕.๒.๔ รูจักบําเพ็ญบุญ คือ บริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ๕.๒.๕ ประพฤติสุจริตดวยกาย วาจา ใจ ไมตกเปนทาสอบายมุข ๕.๒.๖ ชวยเผยแผคําสั่งสอนของศาสนาแกผูอื่น ๕.๒.๗ ชวยปกปองสถาบันศาสนาไมใหใครทําลาย ๕.๒.๘ ชวยบํารุงและพัฒนาศาสนาสถาน ๕.๓ ความรับผิดชอบตอสถาบันมหากษัตริย ๕.๓.๑ ถวายความจงรักภักดีดวยความจริงใจ ๕.๓.๒ ไมกลาววาจาลวงละเมิด ๕.๓.๓ ประพฤติตนเปนพลเมืองดี ๕.๓.๔ รับสนองพระบรมราชโองการ ๕.๓.๕ ปกปองสถาบันไมใหใครลวงละเมิด ๕.๓.๖ ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทโดยเครงครัด ประพฤติวัฒนธรรมของชาวพุทธ จุดประสงค ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา"ประเพณี" และ "วัฒนธรรม" ๒.เพื่อใหรูและชื่นชอบประเพณีวัฒนธรรมชาวพุทธ ๓.เพื่อใหรูถึงผลดีของประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ๔.เพื่อใหนําเอาประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ไปปฏิบัติเปนกิจนิสัยในชีวิตประ จําวันได ความหมาย ๑.คําวา"ประเพณี" หมายถึง ขอกําหนด กิจกรรม แบบอยางที่ประพฤติปฏิบัติสีบตอ กันมา แบงเปน ๓ คือ จารีตประเพณี ขนบประเพณี ธรรมเนียมประเพณี
  • 25.
    ๒๕ ๒.คําวา "วัฒนธรรม" หมายถึง ลักษณะที่แสดงออกชี้ใหเห็นถึงความเจริญกาวหนา พฤติกรรมที่แสดงออกเปนไปเพื่อความเจริญ ความสงบสุขของสังคม ประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธ ๑. ไหวพระสวดมนต นั่งสมาธิ แผเมตตา กอนนอนทุกคืน ๒. ทําบุญตักบาตรทุกเชา ๓. เขาวัดทําบุญ บริจาคทาน รักษาศีล ฟงธรรม เจริญภาวนาทุกวันพระ ๔. แสดงความเคารพ เอื้อเฟอ ยําเกรงตอพระสงฆ ๕. รูจักทําบุญที่บานตามโอกาสตางๆ ๖. เขารวมกิจกรรมในวันสําคัญทางศาสนา ๗. แสดงความเคารพตอปูชนียสถาน ๘. รวมพัฒนาและบํารุงศาสนาสถาน ๙. มีความกตัญูตอผูมีพระคุณ ๑๐.รูจักบําเพ็ญบุญทักษิณานุประทาน ๑๑.บวชสืบอายุพระพุทธศาสนา ผลดีของประเพณีวัฒนธรรม ๑. ตนเองมีความสุขที่ไดทําความดีเชนนั้น ๒. บัณฑิตสรรเสริญผูมีวัฒนธรรม ๓. ชื่อเสียงเกียรติคุณฟุงขจรไป ๔. แสดงถึงความกาวหนาของชาติ ๕. กอใหเกิดความสามัคคีของคนในชาติ ๖. แสดงออกถึงเอกลักษณชองชาติเปนพิเศษ ๗. เปนการเชิดชูเกียรติของชาติ ๘. เปนเครื่องขัดเกลาอุปนิสัยใหออนโยน ๙. เปนฐานรองรับคุณธรรมที่สูงยิ่งๆขึ้นไป วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา จุดประสงค ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "บุญ" ๒. เพื่อใหรูและเขาใจวิธีทําบุญในพระพุทธศาสนาทั้ง ๑๐ วิธี ๓. เพื่อใหนําไปปฏิบัติในการดําเนินชีวิตประจําวันไดอยางเหมาะสม
  • 26.
    ๒๖ ๔. เพื่อใหสามารถชี้ชวนผูอื่นใหทําบุญไดถูกตองตามวิธีการของพระพุทธศาสนา วิธีทําบุญในพระพุทธศาสนา ๑.ความหมาย คําวา "บุญ" หมายถึง -คุณชาติที่ชําระจิตใหสะอาดบริสุทธิ์ -การทําความดีดวย กาย วาจา ใจ -ความสุขกาย สบายใจ ๒.วิธีทําบุญ ในพระพุทธศาสนามีวิธีการทําบุญอยู ๑๐ วิธี คือ.- ๒.๑ ทานมัย บุญสําเร็จดวยการบริจาคทาน ๒.๒ สีลมัย บุญสําเร็จดวยการรักษาศีล ๒.๓ ภาวนามัย บุญสําเร็จดวยการเจริญภาวนา ๒.๔ อปจายนมัย บุญสําเร็จดวยการประพฤติออนนอมถอมตน ๒.๕ เวยยาวัจจมัย บุญสําเร็จดวยการชวยขวนขวายในกิจที่ชอบ ๒.๖ ปตติทานมัย บุญสําเร็จดวยการใหสวนบุญแกผูอื่น ๒.๗ ปตตานุโมทนามัย บุญสําเร็จดวยการอนุโมทนาสวนบุญ ๒.๘ ธัมมัสสวนามัย บุญสําเร็จดวยการฟงธรรม ๒.๙ ธัมมเทสนามัย บุญสําเร็จดวยการแสดงธรรม ๒.๑๐ ทิฏุชุกัมม บุญสําเร็จดวยการทําความเห็นใหตรง ๓.อานิสงสของการทําบุญ ๓.๑ ตนเองมีความปลื้มปติยินดี อิ่มใจ สุขใจ ๓.๒ บัณฑิตใครครวญแลวสรรเสริญ ๓.๓ เกียรติคุณฟุงขจรไป ๓.๔ มีความสุขสงบเย็นในชีวิต ๓.๕ ไมหลงทํากาลกิริยา ๓.๖ เบื้องหนาแตตายเพราะกายแตก ยอมเขาถึงสุคติ การเปนบุตรที่ดีของพอแม จุดประสงค ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "พอแม" และ "บุตรที่ด" ี ๒.เพื่อใหรูขอบขาย "หนาที่ของพอแมที่มีตอลูก" ๓.เพื่อใหรูและเขาใจถึง "คุณธรรม" และ "ความประเสริฐ" ของพอแม ๔.เพื่อใหรูและเขาใจถึง "ประเภทของบุตร" ๕.เพื่อใหรู "หนาที่ของบุตรที่ดีอันพึงมีตอพอแม" แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได
  • 27.
    ๒๗ ๖.เพื่อใหรูถึงอานิสงสที่เกิดจากการเปนบุตรที่ดี การเปนบุตรที่ดีของพอแม ๑.ความหมายของคําวา "พอแม" ๑.๑ คําวา พอ หมายความวา ผูคุมครองปองกันอันตรายแกบุตร ๑.๒ คําวา แม หมายความวา ผูยังบุตรใหเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ๒.หนาที่ของพอแมที่มีตอลูก ๒.๑ สอนใหลูกเวนจากความชั่ว ๒.๒ แนะนําลูกใหทําความดี ๒.๓ สงเสริมลูกใหไดรับการศึกษาเลาเรียนศิลปวิทยา ๒.๔ เลือกคูครองที่เหมาะสมใหลูก ๒.๕ แบงทรัพยใหในสมัยอันสมควร ๓.คุณธรรมของพอแม ๓.๑ เมตตา ปรารถนาใหลูกมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ๓.๒ กรุณา มีความเอ็นดูชวยเหลือลูกใหพนทุกข ๓.๓ มุทิตา ชื่นชมยินดีเมื่อลูกประสบความสําเร็จในชีวิต ๓.๔ อุเบกขา เฝาดูความเปนอยูและความเปนไปของลูกอยูเสมอ ๔.ความประเสริฐของพอแม ๔.๑ เปนครูคนแรกของลูก ๔.๒ เปนพระพรหมของลูก ๔.๓ เปนพระอรหันตของลูก ๔.๔ เปนผูมีอุปการะมากและแสดงโลกนี้แกบุตร ๕.บุตรมีอยู ๓ ประเภท ๕.๑ อวชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมต่ํากวาพอแม ๕.๒ อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอกับพอแม ๕.๓ อภิชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมสูงกวาพอแม ๖.ความหมายของบุตรที่ดี ๖.๑ บุตรที่ดี คือ บุตรที่สามารถทําใหพอแมอิ่มใจ สบายใจ สุขใจ ๗.ขอวัตรปฏิบัติของบุตรที่ดี ๗.๑ ยกยองสรรเสริญคุณงามความดีของพอแม ๗.๒ บํารุงพอแมดวยปจจัย ๔ ๗.๓ สรางเกียรติและชื่อเสียงใหวงศสกุล ๗.๔ สืบทอดเจตนารมณของพอแม
  • 28.
    ๒๘ ๗.๕ ประพฤติตนเปนคนดี ทําตัวใหกาวหนาอยูเสมอ ๗.๖ สงเสริมใหพอแมมีคุณธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ๗.๗ เมื่อทานลวงลับไปแลวหมั่นทําบุญอุทิศให ๘.ผลดีอันเกิดจากการเปนบุตรที่ดี ๘.๑ ทําใหพอแมสบายใจ สุขใจ ๘.๒ ไดรับการยกยองสรรเสริญจากบัณฑิต ๘.๓ เปนที่รักของคนทั่วไป ๘.๔ ใคร ๆ อยากคบหาสมาคม ๘.๕ เปนผูมีความเจริญสุขในชีวิต การเปนศิษยที่ดีของครูอาจารย จุดประสงค ๑. เพื่อใหรูความหมายของคําวา "ครู" และ "ศิษยที่ด" ี ๒. เพื่อใหรูขอบขาย "หนาที่ของครูที่มีตอศิษย" ๓. เพื่อใหรู "หนาที่ของศิษยที่ดีที่พึงปฏิบัติตอครู" ๔. เพื่อใหรู "ผลเสียที่ไมสามารถเปนศิษยที่ดีได" ๕. เพื่อใหรู "ผลดีอันเกิดจากการเปนศิษยที่ด" ี การเปนศิษยที่ดีของครูอาจารย ๑.ความหมายของคําวา "ครู" ๑.๑ ครู คือ ผูสั่งสอนศิษย ๑.๒ ครู คือ ผูนําศิษยไปสูความเจริญ ๑.๓ ครู คือ ผูที่ศิษยควรทําความเคารพ ๑.๔ ครู คือ ผูนําทางวิญญาณ ๑.๕ ครู คือ ผูยกระดับวิญญาณใหสูงขึ้น ๑.๖ ครู คือ ผูเปดประตู ๑.๗ ครู คือ ผูนําสัตวออกจากวัฎฎะสงสาร ๒.หนาที่ของครูที่มีตอศิษย ๒.๑ แนะนําสั่งสอนดี ๒.๒ ใหเรียนดี ๒.๓ บอกศิลปวิทยาใหโดยสิ้นเชิงไมปดบังอําพราง ๒.๔ ยกยองใหปรากฏในหมูเพื่อนฝูง ๒.๕ ทําความปองกันในทิศทั้งหลาย ๓.ความหมายของศิษยที่ดี
  • 29.
    ๒๙ ๓.๑ ศิษยที่ดี คือ ศิษยที่ครูสามารถนําไปสูเปาหมายได ๔.ศิษยที่ดีพึงปฏิบัติตอครูดังนี้ ๔.๑ ลุกขึ้นยืนตอนรับ ๔.๒ เขาไปยืนคอยรับใช ๔.๓ เชื่อฟงคําสั่งสอน ๔.๔ อุปฏฐากรับใชใกลชิด ๔.๕ ตั้งใจเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ ๕.โทษที่ไมสามารถเปนศิษยที่ดีได ๕.๑ ทําใหเปนคนโงเขลาเบาปญญา ๕.๒ ทําใหครูอาจารยเดือดรอนใจ ๕.๓ ถูกติเตียนจากบัณฑิต ๕.๔ เปนที่เกลียดชังของคนทั่วไป ๕.๕ ใคร ๆ ไมอยากจะคบเปนเพื่อนดวย ๕.๖ ไมเปนผูเจริญสุขในชีวิต ๖.ผลดีอันเกิดจากการเปนศิษยที่ดี ๖.๑ ทําใหเปนคนมีปญญาดี ๖.๒ ทําใหครูอาจารยสุขใจ สบายใจ ๖.๓ ไดรับยกยองสรรเสริญจากบัณฑิต ๖.๔ เปนที่รักของคนทั่วไป ๖.๕ ใคร ๆ ก็อยากคบหาสมาคมดวย ๖.๖ เปนผูมีความเจริญสุขในชีวิต การเปนเพื่อนที่ดีของเพือน ่ จุดประสงค ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "เพื่อน" กับคําวา "มิตร" และ "เพื่อนที่ดี" ๒.เพื่อใหรูถึงคุณสมบัติของเพื่อนที่ดี แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได ๓.เพื่อใหรูถึง "ผลเสียที่เกิดจากการไมเปนเพื่อนที่ด"ี ๔.เพื่อใหรู "ผลดีอันเกิดจากการเปนเพื่อนที่ด" ี การเปนเพื่อนที่ดีของเพื่อน ๑.ความหมายของเพื่อน ๑.๑ เพื่อน คือ ผูรวมธุระ ผูชอบพอรักใครกัน ผูอยูในสภาพหรือลักษณะเดียวกัน เชน เปนเพื่อนมนุษยดวยกัน
  • 30.
    ๓๐ ๑.๒ มิตร คือ เพื่อนรักใครคุนเคยกัน ๒.ความหมายของเพื่อนที่ดี เพื่อนที่ดี คือ เพื่อนที่สามารถอยูรวมกันไดอยางสงบสุข ๓.คุณสมบัติของเพื่อนที่ดี ๓.๑ แบงปนลาภที่ตนหามาไดแกเพื่อน ๓.๒ เจรจากับเพื่อนดวยถอยคําที่ไพเราะออนหวาน ๓.๓ ปองกันเพื่อนผูประมาทแลว ๓.๔ ปองกันทรัพยของเพื่อนผูประมาทแลว ๓.๕ เมื่อเพื่อนมีภัยเปนที่พึ่งพํานักได ๓.๖ เพื่อนมีธุระชวยออกทรัพยใหเกินกวาที่ออกปาก ๓.๗ ชวยปกปดความลับของเพื่อนไมใหแพรงพราย ๓.๘ ไมละทิ้งเพื่อนในยามวิบัติ ๓.๙ ประพฤติตนเสมอตนเสมอปลาย ๓.๑๐รักเพื่อนดวยความบริสุทธิ์ใจ ๔.โทษของการไมเปนเพื่อนที่ดี ๔.๑ เปนที่เกลียดชังของเพื่อน ๔.๒ เปนคนโดดเดี่ยววาเหว ๔.๓ ไมมีใครชวยเหลือเมื่อมีทุกขมีปญหา ๔.๔ จะถูกประทุษราย ๔.๕ ประสบความสําเร็จหรือเจริญกาวหนาไดยาก ๕.ผลดีอันเกิดจากการเปนเพื่อนที่ดี ๕.๑ เปนที่รักใครนับถือของเพื่อน ๕.๒ มีความสุขอบอุนใจ เพราะใคร ๆ ก็อยากเปนเพื่อนดวย ๕.๓ มีผูชวยเหลือเมื่อมีทุกขมีปญหา ๕.๔ มีความปลอดภัยในชีวิตไมมากไปดวยเวร ๕.๕ มีความสําเร็จและเจริญกาวหนาไดรวดเร็ว การเปนพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ จุดประสงค ๑.เพื่อใหรูความหมายของคําวา "พลเมือง"
  • 31.
    ๓๑ ๒.เพื่อใหรูและเกิดความตระหนักในหนาที่ของพลเมืองที่ดี แลวนําไปปฏิบัติในชีวิตจริงได ๓.เพื่อใหรูโทษของการไมเปนพลเมืองที่ดี ๔.เพื่อใหรูและชื่นชอบผลดีอันเกิดจากการเปนพลเมืองทีดี การเปนพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ๑.ความหมายของคําวา "พลเมือง" ๑.๑ พลเมือง หมายความวา ประชาชนซึ่งเปนกําลังอันสําคัญของประเทศชาติ ๑.๒ พลเมืองดี หมายความวา ประชาชนที่มีคุณสมบัติสามารถดํารงชาติไวได ๒.หนาที่ของพลเมืองที่ดี ๒.๑ มีความรักชาติ เคารพศาสนา เทิดทูนพระมหากษัตริย ๒.๒ ศรัทธาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยเปนประมุข ๒.๓ เคารพกฏหมายบานเมือง ๒.๔ เสียภาษีบํารุงรัฐ ๒.๕ ซื่อสัตยสุจริตตอหนาที่การงาน ๒.๖ ขยันหมั่นเพียรประกอบอาชีพสุจริต ๒.๗ ไมตกเปนทาสยาเสพติดและอบายมุขทุกชนิด ๒.๘ พัฒนาตนเองใหสมบูรณและกาวหนาอยูเสมอ ๒.๙ ชวยสราง ปองกัน รักษา สาธารณสมบัติของชาติ ๒.๑๐เสียสละไมเห็นแกตัว เมื่อชาติมีภัยก็สามารถเสียสละชีวิตเพื่อปกปองชาติได ๓.โทษของการไมเปนพลเมืองที่ดี ๓.๑ ถูกเพงโทษ ๓.๒ ถูกประณามวาเปนคนเห็นแกตัว ทําลายชาติ ๓.๓ เปนที่เกลียดชังของคนทั่วไป ๓.๔ จะไมมีแผนดินอยู ๓.๕ ไมมที่พึ่งทางใจ ี ๓.๖ ไมเปนศูนยรวมใจของชนในชาติ ๓.๗ ถวงความเจริญในการพัฒนาประเทศชาติ ๔.ผลดีอันเกิดจากการเปนพลเมืองที่ดี ๔.๑ มีความเปนอยูปลอดภัย ๔.๒ เปนที่นิยมรักใครของคนทั่วไป ๔.๓ เปนที่ตองการของสังคม ของชาติ เพราะเปนคนมีประโยชน ๔.๔ ชวยสงเสริมการพัฒนาประเทศใหกาวหนาไปไดรวดเร็ว ๔.๕ คนในชาติอยูรวมกันดวยความรมเย็นเปนสุข
  • 32.
    ๓๒ ๔.๖ สามารถดํารงชาติไวได การเปนสาวกที่ดี จุดประสงค ๑.เพื่อใหบอกความหมายและลักษณะการเปนสาวกที่ดีได ๒.เพื่อใหบอกผลดีที่เกิดจากการเปนสาวกที่ดีได ๓.เพื่อใหบอกวิธีการปฏิบัติตนในการเปนสาวกที่ดีได ๔.เพื่อใหบอกโทษของการไมสามารถเปนสาวกที่ดีได การเปนสาวกที่ดี ๑.ความหมาย สาวกที่ดี หมายถึง ผูที่สามารถเดินตามทางของพระศาสดา ๒.วิธีปฏิบัติเพื่อเปนสาวกที่ดี ๒.๑ ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยใหเขาใจถูกตอง และเพียงพอแกสถานะของตน ๒.๒ มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย ๒.๓ มีศีลบริสุทธิ์ และไมตกเปนทาสอบายมุข ๒.๔ ไมเชื่อมงคลตื่นขาว คือ เชื่อกรรมไมเชื่อมงคล ๒.๕ ไมแสวงหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา ๒.๖ ทําบุญแตในพระพุทธศาสนา ๓.ผลดีอันเกิดจากการเปนสาวกที่ดี ๓.๑ มีชีวิตที่สงบเย็นอยูดวยความถูกตอง ๓.๒ เปนคนมีความมั่นคง เพราะมีที่พึ่งทางใจอันถูกตอง ๓.๓ สามารถแกปญหาของชีวิตที่เกิดขึ้นดวยปญญาอันถูกตอง ๓.๔ ผูที่เกี่ยวของมีความสุขสงบเย็นไปดวย ๓.๕ เปนผูสามารถไดรับประโยชนสูงสุดที่มนุษยควรไดรับ ๓.๖ เปนตัวอยางอันดีแกผูที่พบเห็น ใหเกิดความปรารถนาจะทําตาม ๓.๗ เปนการสืบอายุพระพุทธศาสนาใหสถาพร ๓.๘ เปนการสงเสริมความเจริญ และความมั่นคงของชาติ ๔.โทษของการไมเปนสาวกที่ดี ๔.๑ มีชีวิตความเปนอยูดวยความทุกขเรารอนใจ ๔.๒ เปนคนเปลาประโยชน เพราะขาดที่พึ่งทางใจอันถูกตอง ๔.๓ ไมสามารถแกปญหาของชีวิตที่เกิดขึ้นได ๔.๔ ทําใหตนเองขาดประโยชนที่พึงไดรับ
  • 33.
    ๓๓ ๔.๕ ทําใหผูที่เกี่ยวของมีความทุกขเรารอนใจไปดวย ๔.๖ เปนการทําลายศาสนาโดยไมรูตัว หรือรูเทาไมถึงการณ ๔.๗ บั่นทอนความเจริญและความมั่นคงของชาติ ปลุกสํานึกหนาเสาธง จุดประสงค ๑.เพื่อปลุกความสํานึกใหรักชาติ เคารพศาสนา เทิดทูนพระมหากษัตริย ๒.เพื่อใหเขาใจความหมายของสีธงชาติ ๓.เพื่อความสามัคคีของหมูคณะ ๔.เพื่อฝกใหมีระเบียบวินัย ๕.เพื่อปลุกสํานึกใหทุกคนพัฒนาตนเองใหเปนพลเมืองที่ดี ความสําคัญของกิจกรรมหนาเสาธง กิจกรรมหนาเสาธงเปนกิจกรรมที่บรรพบุรุษไดจัดขึ้น เพื่อปลุกความสํานึกของคนในชาติ ใหรักชาติ และภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของตน และใหระลึกถึงสถาบันอันสูงสุด อันเปนที่ยึด เหนี่ยวจิตใจของคนในชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย ซึ่งสถาบันทั้ง ๓ นั้นไดถูกยอมาอยูในผืนธงชาติ ในฐานะเปนสัญญลักษณของชาติไทย โดยใชสี ๓ สี เปนเครื่อง หมาย . ๑.สีแดง หมายถึงสถาบันชาติ ไดรวมเอาความหมายของสิ่งที่มีคายิ่งของชาติมาไวดวยกัน โดยยอ ๔ ประการ คือ.- ๑.๑ ทรัพยากรของชาติ ไดแกผืนแผนดินที่มีรูปเปนขวานทอง,- ทรัพยากรทั้ง หมดที่อยูในแผนดินนี้ ที่เราเคยพูดกันวา "ในน้ํามีปลา ในนามีขาว ใน อาวมีปโตเลี่ยม" ฯลฯ ๑.๒ ประเพณีวัฒนธรรมของชาติทั้งหมด เชน.- ก. วัฒนธรรมทางคติธรรม ข. วัฒนธรรมทางเนติธรรม ค. วัฒนธรรมทางวัตถุธรรม ง. วัฒนธรรมทางสหธรรม ๑.๓ บุคคลในชาติ ไดแกคนไทยทุกคน ทั้งที่เปนเชื้อชาติไทยและสัญชาติไทย ที่ ดําเนินชีวิตอยูภายใต กฏหมาย ประเพณี วัฒนธรรมอันเดียวกัน. ๑.๔ อํานาจอธิปไตยของชาติ คือ.- ก.อํานาจนิติบัญญัติ ข.อํานาจบริหาร
  • 34.
    ๓๔ ค.อํานาจตุลาการ ๒.สีขาว หมายถึงสถาบันศาสนา อันเปนคําสั่งสอนที่ใหชนในชาติยึดถือปฏิบัติตามเพื่อความ เปนอยูเย็นเปนสุขรวมกัน สีขาวในผืนธงชาติไทยนั้น บรรพบุรุษมุงเนนใหเปน "พระพุทธศาสนา" เพียงศาสนาเดียววา " เปนศาสนาประจําชาติ" พึงเห็นจากบทพระราชนิพนธ ของพระบาทสม เด็จพระมุงกุฏเกลาเจาอยูหัว พระองคผูทรงคิดรูปแบบธงไตรรงค และทรงใหความหมายแหงสี ทั้ง ๓ ในผืนธงไววา.- ขอพร่ํารําพันบรรยาย ความคิดเครื่องหมาย แหงสีทั้งสามงามถนัด ขาวคือบริสุทธิ์ศรีสวัสดิ์ หมายพระไตรรัตน และธรรมะคุมจิตไทย แดงคือโลหิตเราไซร ซึ่งยอมสละได เพื่อรักษาชาติศาสนา น้ําเงินคือสีโสภา อันจอมประชา ธ โปรดเปนของสวนองค จัดริ้วเขาเปนไตรรงค จึงเปนสีธง ที่รักแหงเราชาวไทย ทหารอวตารนําไป ยงยุทธวิชัย วิชิตก็ชูเกียรติสยาม ฯ อนึ่งจารึกในศาลพระเจาตากสินมหาราช วัดอรุณราชวราราม ก็มีขอความบอกไวอ ยางชัดเจนวา บรรพบุรุษของเราทรงมุงหวังใหประชาชนคนไทยมีพระพุทธศาสนา เปนศาสนาประ จําชาติในจารึกนั้นมีความวา.- อันตัวพอชื่อวาพระยาตาก ทนทุกขยากกูชาติพระศาสนา ถวายแผนดินใหเปนพุทธบูชา แดพระศาสนาสมณะพระพุทธโคดม ใหยืนยงคงถวนหาพันป สมณพราหมณชีปฏิบัติใหพอสม เจริญสมถะวิปสสนาพอชื่นชม ถวายบังคมรอยบาทพระศาสดา คิดถึงพอพออยูคูกับเจา ชาติของเราคงอยูคูพระศาสนา พุทธศาสนาอยูยงคูองคกษัตรา พระศาสดาฝากไวใหคูกัน ฯ ๓.สีน้ําเงิน หมายถึงสถาบันมหากษัตริย อันเปนจุดรวมแหงดวงใจของคนไทย ในฐานะผูนํา สูงสุดของชนเผาไทยและชาติไทย หรือที่เราชาวไทยนิยมเรียกวา "พระประมุขของชาติ " คําวา "มหากษัตริย" แปลได ๓ ความหมาย ดังนี.้ -  ก.ยอดนักรบ ฉะนั้นพระมหากษัตริยไทยจึงทรงดํารงตําแหนง"จอมทัพไทย"
  • 35.
    ๓๕ ข.ผูเปนใหญแหงนาพระองคทรงมีพระราชอํานาจเต็มบริบูรณในผืนแผนดินนี้ เราจึง เรียกพระองควา "พระเจาแผนดิน" ค.ผูเปนที่ตั้งแหงความยินดีของปวงชน ความหมายนี้มาจากคําวา "ราชา" ซึ่งแปลวา อยางเต็มความหมายวา"ผูประกอบกรณียกิจอันเปนที่รักที่ชื่นชมยินดีของปวงชน" พลเมืองที่ดีพึงปฏิบัติตอสถาบันทั้ง ๓ ดังตอไปนี.้ - รักราชจงจิตนอม ภักดี ทานนา รักชาติกอปรกรณี แนวไว รักศาสนกอปรบุญตรี สุจริต ทั่วเทอญ รักศักดิ์จงจิตให โลกซองสรรเสริญฯ (ร.๖) -----------๐๐๐----------- ศีลหาคือมนุษยธรรม วัตถุประสงค ๑.เพื่อใหเขาใจความหมายของคําวา "ศีล" ๒.เพื่อใหสามารถกลาวศีลหาไดทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย ๓.เพื่อใหเขาใจองคประกอบของศีลหา ๔.เพื่อใหรูจักอานิสงสของศีลหา ๕.เพื่อใหสามารถนําศีลหามาปฏิบัติในชีวิตประจําวันได ๑.ความหมายของคําวา "ศีล " ๑.๑ คําวา "ศีล" แปลวา ปกติ อธิบายวา "การสํารวมกาย วาจา เรียบรอย ไมกระทํากายทุจริต ไมพูดถอยคําทุจริต ประกอบอาชีพสุจริต กอใหเกิด ความสุข สงบเย็น ทั้งสวนตนและสวนรวม" ๒.ศีลหาขอที่หนึ่ง ๒.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.- ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการฆาสัตว ๒.๒ องคประกอบของศีลขอที่หนึ่ง มี ๕ คือ.- ก. สัตวนั้นมีชีวิตอยู ข. รูอยูวาสัตวนั้นมีชีวิต ค. มีจิตคิดจะฆา ง. พยายามฆา จ. สัตวนั้นถึงแกความตาย
  • 36.
    ๓๖ ๒.๓ อานิสงสของศีลขอที่หนึ่ง มี ๗ ประการ คือ.- ก. มีรางกายสมสวน ไมพิการ ข. เปนคนแกลวกลา ประเปรียว วองไว มีกําลังมาก ค. ผิวพรรณเปลงปลั่งสดใส ไมเศราหมอง ง. เปนคนออนโยน มีวาจาไพเราะ เปนเสนหแกคนทั้งหลาย จ. ชีวิตไมมีศัตรู ไมถูกฆาตาย ช. เปนผูมีอาพาธนอย ฉ. เปนผูมีอายุยืน ๓.ศีลหาขอที่สอง ๓.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.- อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการถือเอาสิ่งของที่เจา ของมิไดให ๓.๒ องคประกอบของศีลหาขอที่สอง มี ๕ หา คือ.- ก. ของนั้นมีเจาของหวงแหน ข. รูอยูวาเปนของมีเจาของหวงแหน ค. มีจิตคิดจะลักของนั้น ง. พยายามลักของนั้น จ. ลักของนั้นสําเร็จ ๓.๓ อานิสงสของศีลขอที่สอง มี ๗ ประการ คือ.- ก. ยอมมีทรัพยสมบัติมาก ข. แสวงหาทรัพยโดยชอบธรรมไดโดยงาย ค. โภคทรัพยที่ไดแลวยอมยั่งยืนถาวร ง. สมบัติไมฉิบหายเพราะโจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย เปนตน จ. ยอมไดอริยทรัพย ช. ยอมไมไดยินและไมรูจักคําวา "ไมมี " ฉ. อยูที่ไหนยอมเปนสุข เพราะไมมีใครเบียดเบียน ๔.ศีลขอที่สาม ๔.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.- กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการประพฤติผิดในกาม ๔.๒ องคประกอบของศีลขอที่สาม มี ๔ คือ.-
  • 37.
    ๓๗ ก. หญิงหรือชายที่เปนบุคคลตองหาม(๒๐จําพวก) ข. มีความตั้งใจจะเสพ ค. กระทําความพยายามในการเสพ ง. พอใจกระทํามรรคใหถงกัน ึ ๔.๓ อานิสงสของศีลขอสาม มี ๗ ประการ คือ.- ก. ไมมีศัตรูเบียดเบียน ข. เปนที่รักของคนทั้งหลาย ค. มีทรัพยสมบัติบริบูรณ ง. ไมตองเกิดเปนหญิงหรือกระเทย จ. เปนผูมีสงา มีอํานาจมาก ช. เปนผูมีอินทรีย ๕ บริบูรณ ฉ. เปนผูมีความสุข ไมตองทํางานหนัก ๕.ศีลขอที่สี่ ๕.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.- มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการพูดปด ๕.๒ องคประกอบของศีลขอที่สี่ มี ๔ ประการ คือ.- ก. เรื่องไมเปนความจริง ข. มีความตั้งใจจะพูดใหผิด ค. มีความพยายามที่จะพูดใหผิด ง. คนอื่นรูเนื้อความที่พูดนั้น ๕.๓ อานิสงสของศีลขอที่สี่ มี ๗ ประการ คือ.- ก. มีอินทรียผองใส ข. มีวาจาไพเราะ มีไรฟนสม่ําเสมอเปนระเบียบดี ค. มีรางกายสมสวนบริบูรณ ผิวพรรณเปลงปลั่ง ง. มีกลิ่นปากหอมเหมือนกลิ่นดอกบัว จ. มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เปนที่เชื่อถือของคนทั่วไป ช. พูดจาไมติดอาง ไมเปนใบ ฉ. ริมฝปากสวยงามแดงระเรื่อ ๖.ศีลหาขอที่หา ๖.๑ คําสมาทาน วาดังนี้.- สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
  • 38.
    ๓๘ ขาพเจาขอสมาทานสิกขาบท เจตนางดเวนจากการดื่มน้ําเมา คือสุราและ เมรัย อันเปนที่ตั้งของความประมาท ๖.๒ องคประกอบของศีลขอที่หา มี ๔ ประการคือ.- ก. น้ําที่ดื่มนั้นเปนน้ําเมา ข. จิตคิดจะดื่มน้ําเมานั้น ค. พยายามดื่มน้ําเมานั้น ง. น้ําเมานั้นลวงลําคอลงไป ๖.๓ อานิสงสของศีลขอที่หา มี ๖ ประการ คือ.- ก. รูกิจการในอดีต ปจจุบัน และอนาคต ไดรวดเร็ว ข. มีสติตั้งมั่นทุกเมื่อ ค. มีความรูมาก มีปญญามาก ง. ไมบา ไมใบ ไมมัวเมาหลงไหล จ. มีวาจาไพเราะ มีน้ําคําเปนที่นาเชื่อถือ ช. มีความซื่อสัตยสุจริตดวยกาย วาจา ใจ -------------๐๐๐-------------- ภาคกิจกรรม ฝกซอมเตรียมพิธีเปดการอบรม การเขาหองประชุม -จัดรวมเด็กที่สนามตามกลุมที่จัดไว -จัดเด็กใหยืนตามลําดับไหล ใหคนต่ําที่สุดยืนหัวแถว -ปลอยเด็กใหเดินแถว ทีละแถวไปเขาหองประชุม -ถึงหองประชุมเขายืนประจําที่ของตัวเอง -สั่งใหเด็กจัดแถว ใหคนหนาสุดยืนเปนแบบ คนอื่น ๆ ยกมือขวายื่นมาขางหนา แลวถอยหลังไปจนปลายนิ้วมือหางจากแผนหลังของคนที่ยืนอยูขางหนาประ มาณสองคืบ -สั่งเด็กใหขวาหัน เมื่อขวาหันแลวใหแถวที่อยูหนาสุดยืนเปนแบบ แถวอื่น ๆ จัดตัวเองใหยืนจมูกตรงคอคนหนา -สั่งเด็กใหซายหัน ใหทุกคนยืนใหจมูกตรงคอคนหนา
  • 39.
    ๓๙ -เมื่อพระอาจารยสั่งใหนั่ง ใหนักเรียนประนมไหว แลวกลาวคําวา ขอบ คุณครับ(คะ)พระอาจารย -วิธีนั่งใหหยอนเขาซายลงกอน แลวตามดวยเขาขวา -นั่งลงแลวคุกเขา ผูชายนั่งทาเทพบุตร ผูหญิงนั่งทาเทพธิดา -แลวกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง แลวจึงนั่งพับเพียบ ดวยการตวัดปลายเทา ลงมาทางดานหลัง วิธียืน-นั่ง-เปลี่ยนทานั่ง ๐ ถาเรานั่งพับเพียบอยู แตตองการจะยืน ตองปฏิบัติดังนี้ นั่งคุกเขา,ยกเขา ขางขวาตั้งตรงขึ้น(คลายนักกรีฑาเตรียมวิ่ง)แลวยืนขึ้น(พึงสังเกตวา ถาจะยืน ยกเขาขวาขึ้นกอน ถาจะนั่งหยอนเขาซายลงกอน) ๐ เมื่อนั่งพับเพียบนาน ๆ รูสึกเมื่อยหรือปวด ใหเปลี่ยนทานั่งดังนี้ นั่งคุกเขา ขึ้น แลวตวัดปลายเทาเปลี่ยนไปอีกขางหนึ่งทางดานหลัง วิธีกราบ -กราบพระรัตนตรัย ใหกราบแบบเบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง -กราบพอแม,ครูอาจารย นั่งพับเพียบ ยื่นมือออกไปขางหนา ไมตองแบมือ กราบเอาหนาผากวางลงบนสันกระพุมมือ ๑ ครั้ง กราบทานประธาน -พระอาจารยแตงตั้งหัวหนานักเรียน ๑ คน ใหทําหนาที่สั่งนักเรียน -เมื่อประธานนั่งเรียบรอยแลว หัวหนานักเรียนสั่งวา นักเรียนทําความ เคารพทานประธานนักเรียนทั้งหมดกราบ ๑ ครั้ง แลวลุกขึ้นนั่งตัวตรง ประ นมมือไหวพรอมกับกลาวคําวา สวัสดีครับ(คะ)ทานประธาน -พิธีกรเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย -พอประธานลุกขึ้นเดินไปจุดธูปเทียน นักเรียนนั่งคุกเขาขึ้น พระวิทยากร,ครู อาจารย,แขกผูมีเกียรติ ที่นั่งเกาอี้ทั้งหมดยืน -ประธานจุดเทียนเลมที่ ๑ ทุกคนประนมมือ -ประธานทําหนาที่บนเวทีเสร็จแลวลงมายืนหันหนาไปทางโตะหมู -พระอาจารยนํากลาวบูชาพระรัตนตรัย ทุกคนวาตาม -ประธานยืนที่สแตนรับฟงคํากลาวรายงาน -นักเรียนนั่งพับเพียบ และทุกคนนั่ง ณ ที่ของตน -ประธานปราศรัยเสร็จนักเรียนรับวา สาธุ (ไมปรบมือ)
  • 40.
    ๔๐ -หัวหนานักเรียนสั่งวา นักเรียนทําความเคารพและขอบคุณทานประธาน นัก เรียนทั้งหมดกราบ ๑ ครั้ง นั่งตัวตรงแลวกลาววา ขอบคุณครับ(คะ) ทานประธาน เสร็จพิธีฝกซอม หมายเหตุ วิธีกราบประธานและคําพูดของนักเรียน ที่แนะนํามานี้ ใชสําหรับ ประธานที่เปนฆราวาส ถาประธานเปนพระ ใหนักเรียนกราบ เบญจางคประดิษฐ ๓ ครั้ง และกลาววา สวัสดีครับ(คะ)พระอาจารย) (ภาพพิธีเปดการอบรม) พิธีเปดการอบรม -ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย(เปดเพลงพระรัตนตรัย) -ประธานจุดเทียนเลมที่อยูขวามือของพระพุทธรูปกอน -จุดธูป ๓ ดอกแลวปกเปนแถวเรียงหนากระดาน -กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง ยืนขึ้นแลวถอยหลัง ๑ กาว ทําความ เคารพธงชาติ ๑ ครั้ง ทําความเคารพพระบรมฉายาลักษณ ๑ ครั้ง -ประธานลงจากเวที มายืนใกลสแตน ประนมมือหันหนาไปทางโตะหมูบูชา -พระอาจารยกลาวนําบูชาพระรัตนตรัย ทุกคนวาตาม เสร็จแลว -ประธานยืนที่สแตน ฟงคํากลาวรายงาน -ผูรับผิดชอบโครงการกลาวรายงาน -ประธานกลาวปราศรัย และเปดการอบรม จบแลว -นักเรียนกลาว สาธุ นักเรียนกราบและขอบคุณประธาน เสร็จพิธี คํากลาวบูชาพระรัตนตรัย ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจา ผูทรงไวซึ่งพระปญญาคุณ ผูทรงไวซึ่งพระ บริสุทธิคุณ ทรงเปนที่พึ่งของสรรพสัตวทั้งหลาย พวกเราทั้งหลายขอนอมกาย วาจา ใจ บูชา พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.- อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, พุทฺธํ ภควนฺตํ อภิวาเทมิ, ขอนอบนอมแดพระธรรม คําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจา ซึ่งเปน ทางปฏิบัติอันจะนําผูปฏิบัติออกจากทุกขทั้งปวง และคุมครองรักษาผูปฏิบัติไมใหตกไปสูที่ชั่ว
  • 41.
    ๔๑ เราทั้งหลายขอนอมกาย วาจา ใจบูชาพระธรรมนั้นดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.- สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, ธมฺมํ นมสฺสามิ, ขอนอบนอมแดพระอริยสงฆ สาวกของพระผูมีพระภาคเจา ซึ่งเปนผูปฏิบัติดี เปนผูปฏิบัติตรง เปนผูปฏิบัติธรรมเพื่อออกจากทุกขทั้งปวง เปนเนื้อนาบุญของโลกไมมี นาบุญอื่นยิ่งกวา ทั้งยังไดสืบอายุพระพุทธศาสนามาจนถึงปจจุบัน เราทั้งหลายขอนอมกาย วาจา ใจ บูชาพระสงฆหมูนั้นดวยเครื่องสักการะเหลานี้ วาตาม.- สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สงฺฆํ นมามิ, (ภาพพิธีมอบตัวเปนศิษย) พิธีมอบตัวเปนศิษย เตรียมสถานที่ -จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารยและครูอาจารย ตั้งเปนแถวตรงหนานัก เรียนซึ่งนักเรียบรอยอยูแลว ในหองประชุม(สําหรับครูใชเสื่อปูก็ดีเหมือนกัน เตรียมบุคคล -เตรียมเด็กนํากลาวมอบตัวเปนศิษย ๑ คน -เตรียมเด็กอานกลอน คํามั่นสัญญา ๑-๒ คน เตรียมอุปกรณ -เตรียมดอกไมใสพานเทาจํานวนกลุมนักเรียนที่แบงไว ใหตัวแทนกลุมเปนผู มอบใหพระอาจารย และครูอาจารย ขั้นตอนพิธีมอบตัวเปนศิษย -คณะพระอาจารยและครูอาจารยนั่งเกาอี้ -นักเรียนกราบ ๓ ครั้ง -พระอาจารยกลาวถึงความสัมพันธระหวางครูกับศิษย -ตัวแทนนักเรียนนํากลาวมอบตัวเปนศิษย -ตัวแทนนักเรียนอานกลอน คํามั่นสัญญา -นักเรียนนั่งตัวตรงหลับตาระลึกถึงพระคุณของครู(เปดเพลงพระคุณที่สาม) -ตัวแทนกลุมนักเรียนมอบดอกไมแดพระอาจารยและครูอาจารย -นักเรียนทั้งหมดกราบแลวหมอบอยู -คณะพระอาจารยสวดชัยมงคลคาถา
  • 42.
    ๔๒ -นักเรียนกราบ ๓ ครั้ง เสร็จพิธี คํากลาวมอบตัวเปนศิษย คณะพระอาจารย และครูอาจารย ที่เคารพ ขาพเจาทั้งหลาย มีความตระ หนักดีวาชีวิตนี้สามารถพัฒนาได พวกขาพเจาทั้งหลาย จึงพยายามเปนอยางยิ่ง ในการขวน ขวายเพื่อพัฒนาตนเอง ยกระดับชีวิตตนเองใหสูงขึ้น เหมือนดอกบัวที่เกิดในโคลนตม แตขึ้น มาบานอยูเหนือน้ํา โดยไมเปอนโคลนและเปยกน้ํา มีแตความบริสุทธิ์ จึงคูควรเปนดอกไมบู ชาพระพุทธเจา แมพวกขาพเจาทั้งหลาย ก็พยายามพัฒนาตนใหเปนเชนนั้น คณะพระอาจารย และครูอาจารยที่เคารพ แตการพัฒนาตนเอง และยกระ ดับชีวิตตนเองใหสูงขึ้นนั้น นับเปนภาระที่หนักมากของชีวิต ลําพังสติปญญาของพวกขาพเจาเอง ซึ่งมีอยูขณะนี้ ยอมยากเหลือเกิน ที่จะพัฒนาตนเองใหประสบความสําเร็จ ในระดับสูงได จึง ตองอาศัยความเมตตากรุณา จากคณะพระอาจารย และครูอาจารย ชวยแนะนําพร่ําสอน อีกสวนหนึ่งและนับวาเปนสวนสําคัญมากทีเดียว คุณครูอาจารยที่เคารพ......ขาพเจาทั้งหลาย เขาใจถึงความรัก ความหวง ใยและความปรารถนาดี ของครูอาจารยดวยดีเสมอมา และเมื่อทราบวา คณะครูอาจารย มีความประสงค จะใหขาพเจาทั้งหลาย เขารวมปฏิบัติธรรม ตามโครงการอบรมคุณธรรม คายพุทธบุตร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตดวยแลว ขาพเจาทั้งหลาย ยิ่งมีความซาบซึ้งในพระ คุณของทานมากยิ่งขึ้น ทานมิใชพอก็เหมือนพอ....มิใชแมก็เหมือนแม ที่มีแตความหวังดี ตอพวกขาพเจาอยูเสมอ ดวยความสํานึกในพระคุณอันยิ่งใหญนี้ ขาพเจาทั้งหลายจึงขอนอม กายและใจ มอบใหแดพระอาจารย และครูอาจารย เพื่อเปนศิษยที่ดีของทานทั้งหลาย อันจะนํามาซึ่ง ความสุขความเจริญ ของขาพเจาทั้งหลายสืบไป. ขอใหเพื่อนนักเรียนทั้งหลาย วาตามขาพเจา ดังนี้.- ขาแตพระอาจารย และครูอาจารย ผูเจริญ, ขาพเจาทั้งหลาย, ขอมอบ กายและใจ, เปนศิษยที่ของพระอาจารย, และครูอาจารย, ขาพเจาทั้งหลาย, จะตั้งใจศึก ษา, เชื่อฟงคําสั่งสอน และปฏิบัติตาม, ดวยความเคารพทุกประการ, ดวยสัจจะวาจานี, ้ ขอใหขาพเจาทั้งหลาย, จงมีแตความสุข, ความเจริญ, ตลอดกาลนานเทอญฯ คํามั่น-สัญญา
  • 43.
    ๔๓ ขอตั้งจิตปณิธานอยางหาญกลา ดวงจิตขาฯจะคงมั่นไมหวั่นไหว จะนับถือสักการะพระรัตนตรัย ทั้งกายใจแนวแนไมแปรปรวน จะปฏิบัติตามหลักธรรมคําสั่งสอน เพื่อยึดเหนี่ยวรั้งดวงใจไมผันผวน แมจะมีผูใดมุงใฝชวน จะไมดวนเปลี่ยนใจไปศรัทธา จะแนวแนซื่อตรงองคพุทธะ ดวยสัจจะยึดมั่นพระศาสนา จะทําทานรักษาศีลภาวนา ขอสัญญาถือไตรรัตนเปนฉัตรชัย มาเขาคายคุณธรรมนอมนําจิต สิ่งใดผิดพรอมปรับปรุงและแกไข เพื่อเลื่อนชั้นตัวเองสูงขึ้นไป ยกตนใหสูงคากวาคําคน ตอไปนี้มีชื่อวา พุทธบุตร ไมยั้งหยุดตั้งใจใฝฝกฝน จะรักเกียรติและศักดิ์ศรีความดีตน เพื่อทุกคนเอาอยางในทางดี จักเดินตามรอยบาทองคพระพุทธ พุทธบุตรยอมตระหนักซึ่งศักดิ์ศรี ไมกระทําสิ่งต่ําทรามความอัปปรีย จักทําดีดวย กาย วาจา ใจ จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข  เปนความสุขของชีวิตจิตแจมใส ทําความดีโดยไมหวังผลจากใคร แตทําเพื่อยกจิตใจใหถึงธรรม สุดทายนี้ลูกขอย้ําในคํามั่น ตามปณิธานอยางมั่นใจไมถลํา แมมีทุกขปางตายไมทิ้งธรรม รักษาความเปน พุทธบุตร สุดชีพเอย.
  • 44.
    ๔๔ กติกาสัญญาใจ คําปณิธาน กติกา กติกาในการอยูคายพุทธบุตรนั้น เราไมเนนระเบียบเปนขอ ๆ เหมือนทั่วไป แตอาศัยการแนะนําพร่ําสอน ใหเด็กมีความสํานึกวา อะไรควรทํา อะไรไมควรทํา และสา มารถบังคับตนเองได โดยสอนเนนการประพฤติทาง กาย วาจา ใจ ดังตอไปนี.้ - ก. การประพฤติทางกาย -ยืนเรียบรอย -เดินเรียบรอย -นั่งเรียบรอย -นอนเรียบรอย -รับประทานอาหารเรียบรอย -ไมถือเอาสิ่งของ ของผูอื่นดวยเจตนาลักขโมย -ไมทําลายของรักของผูอื่น -ไมลวงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผูอื่น -ไมทํารายรางกายผูอื่น -ไมเสพของมึนเมาทุกชนิด -เดินผานพระอาจารยหรือครูอาจารยใหยกมือไหวทุกครั้ง -ไมออกไปนอกเขตบริเวณคาย -ไมซื้ออาหารมารับประทานนอกเวลา ข. การประพฤติทางวาจา -ไมพูดเท็จ พูดแตคําจริง -ไมพูดคําหยาบ พูดแตคําไพเราะออนหวาน พูดมีหางเสียง -ไมพูดยุยงใหแตกแยก พูดแตถอยคําที่ใหเกิดความสามัคคี -ไมพูดเพอเจอไรสาระ พูดแตสิ่งที่เปนประโยชน เปนสุภาษิต -พูดดวยเมตตาจิต ปรารถนาใหผูอื่นไดปญญา มีความสุข -พูดกับพระอาจารย ตองประนมมือไหวทุกครั้ง ค.การประพฤติทางใจ -มีน้ําใจเอื้อเฟอ ปรารถนาใหผูอื่นมีความสุข -เมื่อเห็นผูอื่นมีความทุกข มีน้ําใจเอ็นดูคิดชวยเหลือใหพนทุกข -เมื่อเห็นผูอื่นไดรับความสุข ก็พลอยยินดีดวย ไมริษยา หรือคิดทําลาย -มีน้ําใจเสียสละไมเห็นแกตัว โดยถือคติวา เมื่อถึงคราวตองเสียสละเรา
  • 45.
    ๔๕ ออกหนา เมื่อมีผลประโยชนเขามา เราอยูหลัง -รูจักใหอภัย ไมถือโทษโกรธแคน ไมพยาบาทจองเวรกับผูใด ปลอยวางได ไมถือมั่นดวยกิเลส ไมตอความยาวสาวความยืด สรุปความวา พุทธบุตรตองมีกายออนนอม วาจาออนหวาน จิตใจออนโยน สัญญาใจ สัญญาใจ หมายถึง คติเตือนใจ ที่ผูอยูคายพุทธบุตร ไดใหคํามั่นสัญญาไว กับตัวเอง เปนสัญญาของสัตบุรุษ ที่มีความตั้งใจมั่นในการปองกันตนเอง ไมใหตกลงไปใน หลมแหงความชั่วรายต่ําทราม พระอาจารยเปนผูกลาวนํา ใหนักเรียนวาตาม ๓ ครั้ง ดังนี.้ - น อนริยํ กริสฺสามิ เราจักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม คําปฏิญาณ คําปฏิญาณ หมายถึง ความตั้งใจหนักแนน ในการที่จะดํารงตนมิให ผิดพลาด ในการดําเนินชีวิต และในหนาที่การงาน ไมตกอยูภายใตอํานาจความคิดฝายต่ํา จึงกลาวปฏิญาณตน ตอหนาสิ่งหรือบุคคลที่ตนเคารพนับถือ เพื่อผูที่อยูรวมในที่นั้น ไดรับ ทราบถึงความตังใจจริงของพวกเราชาวพุทธบุตร ้ พระอาจารยนํากลาว ๓ ครั้ง ดังนี.้ - พุทธบุตร จักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม พุทธบุตร จักกระทําแตสิ่งที่ดีงาม พุทธบุตร จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข นี้คือ ความสุขของพวกเรา ชาวพุทธบุตร กลาวคําปฏิญาณเสร็จแลว พระอาจารยกวาจูงใจใหพุทธบุตรเห็นชัดใน การกระทําของตนเองวา ใครทําดียอมไดรับผลดี ใครทําชั่วยอมไดรับผลชั่ว และใหพุทธ บุตรนั่งหลับตาทําจิตใหสงบทบทวนความเปนไปของชีวิต(เปดเพลงทําดีไดด)จบเพลงก็เสร็จพิธี. ี (ภาพการรับประทานอาหาร) การรับประทานอาหาร -ใหนักเรียนนําอุปกรณ เชน จาน, ชอน, แกวน้ํา ฯลฯ มาเรียบรอย -ใหนักเรียนวางอุปกรณไวทางขวามือ ใหเปนแถวตรงกัน ดูสวยงาม -ใหนักเรียนกราบพระพรอมกัน ๓ ครั้ง
  • 46.
    ๔๖ -ใหนักเรียนทองพุทธศาสนสุภาษิต คํากลอน เตรียมความพรอม -ใหนักเรียนออกรับอาหารเปนแถวอยางมีระเบียบ -ใหนักเรียนกลุมที่ไมไดออกรับอาหาร ทองสุภาษิต หรือนั่งสมาธิแลวแตกรณี -นักเรียนรับอาหารมาแลววางไวทางขวามือเปนแถวตรงกัน -ตัวแทนกลุม ที่มีน้ําใจเอื้อเฟอเอาน้ําใสเหยือกเสริฟใหเพื่อน (ครูที่ปรึกษาก็ ชวยเสริฟได) -นักเรียนกลาวคําพิจารณาอาหารพรอมกัน(ใชคําปลุกสํานึกกอนรับประทานอาหาร) -พระอาจารยเตือนสติใหระลึกถึงกติกาในการรับประทานอาหาร คือไมมี เสียงดัง ไมหก ไมเหลือ -นักเรียนรับประทานพรอมกันอยางสงบ มีระเบียบเรียบรอย -พระอาจารยพูดธรรมะหรือประโยชนของอาหาร เปนการใหอาหารใจไปดวย -ใครรับประทานอาหารเสร็จกอนใหนั่งตัวตรงหลับตาทําสมาธิ -รับประทานอาหารเสร็จแลวกลาวคําขอบคุณผูมีอุปการะพรอมกัน -พระอาจารยปลอยใหไปลางจานทีละกลุมอยางมีระเบียบ (ภาพ) เขาแถวรับอาหาร พระอาจารยมีน้ําใจตักให (ภาพ) รับอาหารตามลําดับอยางมีระเบียบ ปลุกสํานึกกอนรับประทานอาหาร ในการอยูคายคุณธรรมนั้น เราฝกใหเด็กรับประทานอาหารอยางมีระเบียบ เรียบรอย สวยงาม พระอาจารยจึงจัดเด็กออกไปรับอาหารทีละกลุมอยางมีระเบียบและเมื่อ กลับมานั่งที่เดิมหมดทุกคนแลว กอนจะรับประทานอาหาร พรอาจารยจะกลาวนําใหวาตาม ดังนี้:- ขาวทุกจาน อาหารทุกอยาง อยากินทิ้งขวาง เปนของมีคา หลายคน เหนื่อยยาก ลําบากหนักหนา สงสารบรรดาคนยากคนจน ในโลกนี้ยังมีคนที่จนยาก แสนลําบากอัตคัดและขัดสน อยากินทิ้งขวางตามใจตน สงสารคนอื่นที่ไมมีกิน กติกาในการรับประทานอาหาร เราชาวพุทธบุตร รับประทานอาหารดวยความตั้งใจวา ไมดัง ไมหก ไมเหลือ
  • 47.
    ๔๗ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแลวกลาวขอบคุณ วาดังนี้ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่กรุณา เมตตาทําอาหารมาให พุทธ บุตรซาบซึ้งน้ําใจ ตั้งแตนี้ไป ทําความดีตอบแทน ขอบคุณครับ(คะ) เมื่อกลาวขอบคุณเสร็จแลว พระอาจารยใหนักเรียนออกไปลางจานที่ละกลุม อยางมีระเบียบ มีคุณครูคอยแนะนําเด็กอยู ณ ที่ลางจาน (ตัวอยาง) ตารางแบงฐานอบรมคุณธรรม โรงเรียนนครหลวง (อุดมรัชตวิทยา) ๕ มิถุนายน ๒๕๓๕ ๑๓.๓๐น.- ๑๖.๓๐ น. วิชชาการเปนบุตรที่ดีของพอแมการเปนศิษยที่ดีของครูอาจารยการเปนเพื่อนที่ดีของเพื่อนการเปนสาวกที่ดี ของพระศาสดา วิทยากร พระมหามานพ ปฺญาวชิโร พระปลัดนอบ รกฺขิตสีโล พระมหาสมโภช ฐิติญาโณ พระมหาพินิต ญาณนนฺโท ครั้งที่ เวลา สถานที่ หอประชุม รมหางนกยูง ๑ รมหางนกยูง ๒ สวนตะแบก ๑ ๑๓.๓๐-๑๔.๑๐ เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา ๒ ๑๔.๑๕-๑๔.๕๕ จิตตะ /วิมังสา เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ ๓ ๑๕.๐๐-๑๕.๔๕ ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา เมตตา/กรุณา มุทิตา/อุเบกขา ๔ ๑๕.๕๐-๑๖.๓๐ มุทิตา/อุเบกขา ฉันทะ/วิริยะ จิตตะ/วิมังสา เมตตา/กรุณา เสร็จแลวรวมกันที่หองประชุม (ภาพ) แบงฐานอบรมคุณธรรม (ภาพ) กิจกรรมกลุมสัมพันธ (ภาพ) แบงฐานอบรมคุณธรรม (ภาพ) พุทธบุตรสนใจฟงธรรมะ
  • 48.
    ๔๘ (ภาพ) (ภาพ) (ภาพ) การทําวัตรสวดมนต -ใชหนังสือสวดมนตแปลฉบับพุทธบุตร (หรือฉบับของสวนโมกข) -นั่งคุกเขาเทพบุตร - เทพธิดา (จนกวาพระอาจารยจะสั่งเปลี่ยน) -พระอาจารยจุดเทียนเลมที่ ๑ ทุกคนประนมมือ -จุดเทียนและธูปเสร็จแลว กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง -พระอาจารยที่เปนหัวหนาในที่นั้นนําสวดมนตไปจนจบ อานิสงสของการสวดมนต -ทําใหอานหนังสือคลอง ออกเสียงไดถูกตอง สมองไดรับการพัฒนา -ขับไลความเกียจคราน จิตใจแชมชื่นเบิกบาน ไมเบื่อไมเซ็ง กระปรี้กระเปรา -ตัดความเห็นแกตัวลงได เพราะขณะสวดมนต โลภะ โทสะ โมหะ ไมเกิด -จิตเปนสมาธิ เพราะจิตแนวแนอยูกับบทสวด ไมฟุงซาน จิตเยือกเย็น -ไดปญญา เขาใจความหมาย และรูจักหลักคําสอนของพระพุทธเจา -ไดเขาเฝาพระพุทธเจา และถึงพรอมดวย ศีล สมาธิ ปญญา ภาพ การเจริญจิตตภาวนา -ทําวัตรสวดมนตเสร็จแลวนั่งคุกเขากราบ ๓ ครั้ง -พระอาจารยนํากลาวคําสมาทานกรรมฐาน ทุกคนวาตาม ดังนี.้ - คําสมาทานกรรมฐาน อุกาสะ อุกาสะ, ณ โอกาสบัดนี, ขาพเจา, ขอมอบอัตตภาพรางกายนี, ้ ้ แดพระรัตนตรัย, เพื่อที่จะเจริญกรรมฐาน, ขอใหสมาธิและวิปสสนาญาณ, จงบังเกิดขึ้น, ใน ขันธสันดาน, ของขาพเจา, ขาพเจาจักตั้งสติไว, ในอารมณปจจุบัน, เพื่อที่จะใหเห็น, เปน อนิจจัง, เปนทุกขัง, เปนอนัตตา, เพื่อที่จะใหจิต, เกิดความเบื่อหนาย, คลายกําหนัด, เพื่อที่จะใหจิตหลุดพน, จากอาสวะกิเลส, เครื่องหมักดองสันดาน, ณ กาลบัดนี้เทอญฯ
  • 49.
    ๔๙ วิธีนั่งสมาธิ -นั่งขัดสมาธิ เทาขวาวางทับบนเทาซาย มือขวาวางทับบนมือซาย -นั่งตัวตรง วางใบหนาใหตรงดํารงสติเฉพาะหนา มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ -กําหนดรูลมหายใจเขา..กําหนดรูลมหายใจออก...จนกวาจะสมควรแกเวลา. (ภาพ) พิธีสูความเปนพุทธบุตร การเตรียม ๑.เตรียมสถานที่ ๑.๑ จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารยและครูอาจารย ๑.๒ จัดเกาอี้ใหครูนั่งหันหนาเขาหาพระประธานเชนเดียวกับนักเรียน ๑.๓ จัดเกาอี้ใหพระอาจารยนั่งหันหนาไปทางครูและนักเรียน ๒.เตรียมอุปกรณ ๒.๑ เตรียมเทียนเทาจํานวนพระ, ครู, และนักเรียน ๒.๒ เตรียมเทียนเลมใหญ ๒ เลม จุดหนาพระประธาน ๒.๓ เตรียมเทปเพลงที่จําเปนตอกิจกรรม ๓.เตรียมบุคคล เตรียมพระ ๑ รูป เปนประธานจุดเทียน ๔.ขั้นตอนพิธี -แจกเทียนแด พระ, ครู, นักเรียน -ใหครู, นักเรียน, นั่งสมาธิ (ปดไฟ) (ภาพ) -บรรยายสภาพปญหาสังคมมนุษย -บรรยายการเกิดขึ้นของพระพุทธเจา -บรรยายการตรัสรูของพระพุทธเจา, พระที่เปนประธานจุดเทียน เปด เพลงพระรัตนตรัย -บรรยายพระพุทธคุณ ๓ ประการ ถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระตอเทียนให ครู, ครูตอใหนักเรียน
  • 50.
    ๕๐ -สวดสรรเสริญพระพุทธคุณพรอมกัน (องคใดพระสัมพุทธ...) -นํากลาวมอบตนเปนพุทธบุตร, พุทธบุตรกลาวคําปฏิญาณ ๓ ขอ -ดับเทียน, เปดไฟ, พระอาจารยใหพร, เสร็จพิธี คํามอบตัวเปนพุทธบุตร นตฺถิ เม สรณํ อฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ ที่พึ่งอยางอื่นของขาพเจาไมมี พระพุทธเจาเปนที่พึ่งอันประเสริฐของขาพเจา พุทฺโธ ทุกฺขสฺส ฆาตา จ วิธาตา จ หิตสฺส เม. พระพุทธเจาเปนเครื่องกําจัดทุกข และทรงไวซึ่งประโยชนแกขาพเจา พุทฺธสฺสาหํ นิยฺยาเทมิ สรีรฺชีวิตฺจิทํ ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระพุทธเจา. คําปฏิญาณของพุทธบุตร น อนริยํ กริสฺสามิ (วา ๓ ครั้ง) -พุทธบุตร จักไมกระทําสิ่งที่ต่ําทราม -พุทธบุตร จักกระทําแตสิ่งที่ดีงาม -พุทธบุตร จักชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข นี้คือ ความสุขของพวกเราชาวพุทธบุตร. คําอธิษฐานของพุทธบุตร เอเตน สจฺจวชฺเชน วฑฺเฒยฺยํ สตฺถุสาสเน ดวยการกลาวคําสัจจนี้ขาพเจาพึงเจริญ ในพระศาสนาของพระศาสดา... บทแผเมตตา สัพเพ สัตตา สัตวทั้งหลาย, ทีเปนเพื่อนทุกข, เกิด แก เจ็บ ตาย, ดวยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น อะเวรา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดมีเวรแกกันและกันเลย, อัพยาปชฌา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
  • 51.
    ๕๑ อะนีฆา โหนตุ จงเปนสุข เปนสุขเถิด, อยาไดมีความทุกขกายทุกขใจเลย สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแตความสุขกายสุขใจ, รักษาตนใหพนจากทุกขภัยทั้งสิ้นเทอญฯ บทกรวดน้ํายอ อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตโย ขอเดชะตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลแผไปใหไพศาล ถึงบิดามารดาครูอาจารย ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน คนเคยรวมเคยรักสมัครใคร มีสวนไดในกุศลผลบุญฉัน ทั้งเจากรรมนายเวรและเทวัญ ขอทุกทานรับกุศลผลนี้เทอญ ฯ (ภาพ) บริการกาย - บริหารจิต (ภาพ) บริหารกาย - บริหารจิต (ภาพ ) การเดินจงกรม -การเดินจงกรม คือ การเดินกลับไปกลับมาอยางมีสติสัมปชัญญะ -การฝกเดินจงกรม มีวัตถุประสงค เพื่อฝกสติสัมปชัญญะใหวองไว จนสา มารถควบคุมจิตใจใหอยูกับการเคลื่อนไหวของรางกาย คือ ใหกายกับใจอยู รวมกันมีความรูสึกตัวทั่วพรอมอยูตลอดเวลา -การฝกเดินจงกรมชื่อวาไดปฏิบัติตามสติปฏฐาน หมวด อิริยาบถ และหมวด สัมปชัญญะนับเปนการเจริญกรรมฐานชั้นสูงประการหนึ่ง อานิสงสของการเดินจงกรม -ทําใหอดทนตอการเดินทางไกล -ทําใหอดทนตอการทําความเพียร -ทําใหอาหารยอยงาย -ทําใหมีอาพาธนอย -ทําใหจิตเปนสมาธิและตั้งอยูไดนาน. วิธีเดินจงกรม -พระอาจารยประจํากลุมพาเดินกลุมใครกลุมมัน
  • 52.
    ๕๒ -เลือกสถานที่เดินใหเหมาะสม -พระอาจารยจัดนักเรียนใหยืนแถวอยาใหแถวยาว ถานักเรียนมากใหทําหลายแถว (ภาพ) -ใหนักเรียนยืนตัวตรง ทอดสายตาลงต่ํา มือจับกันไวขางหนา -ใหนักเรียนบริกรรมวา ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ -การบริกรรมพูดออกเสียงก็ได หรือจะบริกรรมในใจก็ได แตทําใหเหมือนกัน ทั้งกลุม -เมื่อบริกรรม ยืนหนอ ๓ ครั้งแลว ใหยกเทาขวาขึ้นพรอมกับบริกรรมวา ขวา ยางเทาไปขางหนา พรอมกับบริกรรมวา ยาง เหยียบเทา ลงพรอมบริกรรมวา หนอ -ยกเทาซายขึ้นพรอมบริกรรมวา ซาย ยางเทาไปพรอมบริกรรมวา ยาง เหยียบเทาลงพรอมบริกรรมวา หนอ -พระอาจารยสอนใหเดินกําหนด ขวา ยาง หนอ ซาย ยาง หนอไปเรื่อย ๆ -เมื่อเห็นวาเดินมาไกลพอสมควรแลว (ประมาณ ๑๕ กาว) ก็ยืนพรอม บริกรรมวา ยืนหนอ ยืนหนอ ยืนหนอ แลวหมุนตัวกลับไปทางขวา พรอม กับบริกรรมวากลับหนอ กลับหนอ กลับหนอ รวม ๔ ครั้ง กลับเสร็จแลว ยืนบริกรรมวา ยืนหนอ ๓ ครั้ง -แลวออกเดิน บริกรรม ขวา ยาง หนอ ซายยางหนอ ฯลฯ ปฏิบัติอยู อยางนี้จนกวาจะสมควรแกเวลา (ภาพ) กิจกรรมหนาเสาธง -เตรียมติดตั้งเครื่องขยายเสียงไวเรียบรอย -เตรียมธงชาติผูกไวเรียบรอย -จัดเด็กนักเรียนเขาแถวหนาเสาธง -พระอาจารยพูดปลุกความสํานึก ใหนักเรียนเห็นความสําคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย -นักเรียนเชิญธงชาติขึ้นสูยอดเสา ตัวแทนนักเรียนนํารองเพลงชาติ -พระอาจารยนําแผเมตตา -พระอาจารยนํากราบพระรัตนตรัย
  • 53.
    ๕๓ -พระอาจารยมอบนักเรียนใหอาจารยที่ปรึกษา เสร็จพิธี ใหเด็กเขียนบทความ การใหนักเรียนเขียนบทความ ก็เพื่อจะไดนําเอาไปใชในกิจกรรม เชน กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค กิจกรรมอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม และเปนโอกาสใหนักเรียน เปลี่ยนอารมณ และบทความของนักเรียนยังเปนเครื่องวัดความรูสึกนึกคิด และความสามารถของ นักเรียนดวย เสนอใหเขียน ๓ เรื่อง ใหพุทธบุตรเขียนบทความ เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามที่ตนถนัด ดังตอไปนี.้ - ๑. เรื่อง ความประทับใจในพระคุณของพอแม ๒. เรื่อง ความประทับใจในพระคุณครูอาจารย ๓. เรื่อง ความประทับใจในการอยูคายพุทธบุตร เสนอวิธีเขียน ๓ วิธี ใน ๓ เรื่องนั้นใหนักเรียนเลือกเขียนวิธีใดวิธีหนึ่งใน ๓ วิธี ดังตอไปนี.้ - ๑. เขียนแบบเรียงความ ๒. เขียนแบบจดหมาย ๓. เขียนแบบแตงกลอน เขียนเสร็จแลวสงใหครูที่ปรึกษา ใหครูที่ปรึกษาคัดเลือกเอาบทความที่ดีที่สุดใน กลุมไปมอบใหกรรมการกลาง เพื่อจะไดคัดเลือกนําเขาสูกิจกรรมตอไป. (ภาพ) กิจกรรมพุทธบุตรสรางสรรค -ใหนักเรียนเขียนบทความเอาไวกอน(จะจัดเรื่องอะไรก็ได แตที่นี่พระคุณพอแม) -คัดเอาบทความที่ดีที่สุดเขาสูกิจกรรม ไมเกิน ๕ ฉบับ -ถึงเวลานักเรียนพรอมกันที่หองประชุม กราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง -พระอาจารยเปนพิธีกรดําเนินการ -เชิญตัวแทนพอแสดงความรูสึก -เชิญตัวแทนแมแสดงความรูสึก -ใหนักเรียนนั่งหลับตา..ระลึกถึงพระคุณพอแม(เปดเพลงใครหนอ)
  • 54.
    ๕๔ -เชิญนักเรียนเจาของบทความออกมาอานบทความของตนติดตอกัน๒ คน -ใหนักเรียนนั่งหลับตาระลึกถึงออมอกแม (เปดเพลงออมอกแม) -เชิญนักเรียนอานบทความตอ หรืออาจเชิญนักเรียนพูดสดบางก็ได -พระอาจารยสรุป และใหนักเรียนนั่งสมาธิระลึกถึงพระคุณแม(เปดเพลงพระคุณแม) -ถาพอแมมารวมกิจกรรมดวย จัดใหลูกกราบพอแม(เปดเพลงพระคุณแม) -พระอาจารยอํานวยพร ทุกคนกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง. เสร็จพิธี (ภาพ) พิธีอธิษฐานจิตเพื่อชีวิตใหม การเตรียม ๑.เตรียมสถานที่และอุปกรณ ๑.๑ จัดเกาอี้เทาจํานวนครู ตั้งดานหลังหรือดานขางหอประชุม ๑.๒ จัดเกาอี้เทาจํานวนพระอาจารย ตั้งดานหนานักเรียน ๑.๓ จัดหองประชุมโดยเวนตรงกลางไวสําหรับครูนั่ง ๑.๔ โตะหมูบูชาตั้งไวจุดศูนยกลางเวทีดานหนา ๑.๕ เตรียมเทปเพลงที่จําเปนตอกิจกรรม ๒.เตรียมบุคคล ๒.๑ ตัวแทนครูฝายอาหารแสดงความรูสึก ๒.๒ ตัวแทนนักเรียนแสดงความประทับใจในการอยูคาย ๒.๓ ตัวแทนครูกลาวถึงศิษยที่ครูปรารถนา ๒.๔ ตัวแทนครูอานกลอนเสียงกระซิบสั่งจากครู ๒.๕ ประธานกลาวปดการอบรม ขั้นตอนพิธี -จักนักเรียนเขาที่นั่งเรียบรอย -ครูอาจารยนั่งเกาอี้ที่จัดไว -พระอาจารยนั่งเกาอี้ที่จัดไว -พระพิธีกรนําบูชาพระรัตนตรัย -พระอาจารยดําเนินการบรรยายสรุปการอยูคาย -เชิญตัวแทนครูฝายอาหารแสดงความรูสึก -เชิญตัวแทนนักเรียนแสดงความรูสึก ๒-๔ คน -เชิญครูเดินเขามานั่งระหวางกลางเด็ก
  • 55.
    ๕๕ -เชิญตัวแทนครูใหโอวาทเรื่องศิษยที่ครูปรารถนา -เชิญตัวแทนครูอานกลอนเสียงกระซิบสั่งจากครู -เชิญประธานจุดเทียน ธูป กลาวคําปราศรัย ปดการอบรม -พระอาจารยกลาวนําบูชาพระรัตนตรัย -ทุกคนยืนตรงรองเพลงสรรเสริญพระบารมี เสร็จพิธี ภาคผนวก พุทธศาสนสุภาษิตและคําสอน พระพุทธคุณ พุทฺโธ สุสุทฺโธ กรุณามหณฺณโว พระพุทธเจาผูบริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจหวงมหรรณณพ พระพุทธองคทรงคุณอยางเลิศลน ทรงคิดคนความจริงแทแนที่สุด เปนที่พึ่งอาศัยของชาวพุทธ ใหวิมุตติหลุดพนเขานิพพาน ทรงมองเห็นความทุกขดวยองคเอง ทรงบรรเลงฟนฝาอยางกลาหาญ ในที่สุดหลุดพนถึงนิพพาน มีดวงมาลยโดดเดนเหนืออื่นใด บริสุทธิ์ภายในไกลกิเลส รูสาเหตุรูผลจนวางใส ดับที่เหตุจนสนิทที่จิตใจ ผลทั้งหลายหายวับดับลงพลัน เกิดตัวรูมั่นคงอยูตรงกลาง รูปลอยวางรูทุกขรูสุขสันต เกิดรูแจงเห็นจริงทุกสิ่งอัน อัศจรรยเปดเผยไมเคยมี จิตสะอาดสวางและสงบ ไดมีครบแหงองคผูทรงศรี ถึงจุดจบแหงภพในทันที พรอมกันนี้สอนเวไนยใหรูตาม.
  • 56.
    ๕๖ (อาจารยเปรียง เกตุแกว) พระธรรมคุณ ธมฺโม ปทีโป วิย ตสฺส สตฺถุโน พระธรรมของพระศาสดา สวางรุงเรืองเปรียบดวงประทีป พระธรรมคือคําสอนพระพุทธองค ที่มั่นคงตรงแทไมแปรผัน เปนความจริงพิสูจนไดทุกสิ่งอัน สารพันเปนวิทยานาทดลอง ทานตรัสสอนโอวาทปาติโมกข ใหหมดโรคทางกิเลสหายเศราหมอง ไมทําบาปสรางกุศลใหถึงพรอม แลวนอบนอมจิตใจผองใสตาม ทรงรูแจงแหงทุกขในพระองค จึงไดทรงกําหนดทางไวเปนสาม ใหเวไนยไตรตรองพอรูความ ปฏิบัติตามพระองคไมหลงทาง ทางพระองคทรงใหไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปญญา พากระจาง หากไมรูดูมรรคแปดนั่นแหละทาง กําหนดวางใหปฏิบัติอยางชัดตรง ทําจิตใจใหมีพรหมวิหาร สมาทานรักษาศีลมิใหหลง ภาวนาทําจิตใจใหมั่นคง รูจักปลงปลอยวางเปนทางดี รูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รูมรรคารูเหตุแหงวิถี มีสติรูตัวรูชั่วดี ผูใดมีพระธรรมซึ้งถึงนิพพาน.
  • 57.
    ๕๗ (อาจารยเปรียง เกตุแกว) พระธรรมคุณ เปด-เปด-เปด เปด เปด ตาใหรับแสงแหงพระธรรม ยิ่งมืดค่ํา ยิ่งเห็นชัด ถนัดถนี่ สมาธิมาก ยิ่งเห็นชัดถนัดดี นี่วิธี เปดตาใจ ใชกันมา เปด เปด หู ใหยินเสียงสําเนียงธรรม ทั้งเชาค่ํา มีกองไปในโลกหลา ลานลานป ฟงใหชัด เต็มอัตรา คือเสียงแหง สุญญตา คาสุขใจ เปด เปด ปาก สนทนา พูดจาธรรม วันยังค่ํา อยาพูด เรื่องเหลวไหล พูดแตเรื่อง ดับทุกขได โดยสัจจนัย ไมเทาไร เราทั้งโลก พนโศกแล ฯ ศีลธรรมกลับมาเถิด กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด กําลังเกิด ภัยราย อันใหญหลวง แกสัตวโลก ทั่วถิ่น จักรวาลปวง นาเปนหวง ความพินาศ ฉกาจเกิน กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด ในโลกเกิด กลียุค อยางฉุกเฉิน หลงวัตถุ บาคลั่ง เกินบังเอิญ มัวเพลิดเพลิน สิ่งกาลี มีกําลัง กลับมาเถิด ศีลธรรม กลับมาเถิด ความเลวราย ลามเตลิด จวนหมดหวัง รีบกลับมา ทันเวลา พาพลัง มายับยั้ง โลกไว ใหทนกาลฯ (พุทธทาสภิกขุ) พระธรรมคุณ ถาศีลธรรมไมกลับมา
  • 58.
    ๕๘ ถาศีลธรรม ไมกลับมาโลกาวินาศ มนุษยชาติ จะเลวราย กวาเดรัจฉาน มัวหลงเรื่อง กิน กาม เกียรติ เกลียดนิพพาน อาชญากรรม เกิดกระหน่ํา ลงในโลก มีเลือดโชก แดงฉาน แลวซาไหล เพราะบากิน บากาม ทรามเกินไป บาเกียรติก็ พอไมได ใหเมาตน อยากครองเมือง ครองโลก โยกกันอยู ไมมีใคร เมตตาใคร ใหสับสน ขอศีลธรรม ไดกลับมา พาหมูคน ใหผานพน วิกฤตการณ ทันเวลา ฯ ศีลธรรมกับคน ศีลธรรมเลว คนก็ได กลายเปนผี หาความดี ไมประจักษ สักเสนขน ศีลธรรมดี ผีก็ได กลายเปนคน ที่เลิศลน ภูมิใจ ไหวตัวเอง ศีลธรรมต่ํา เปลี่ยนคน จนคลายสัตว จะกินกัด โกงกัน ขมันเขม็ง ศีลธรรมสูง คนสดใส ไมอลเวง ลวนยําเกรง กันและกัน ฉันเพื่อนตาย ศีลธรรมนี้ ทุกวัน มันตายซาก คนมีปาก ก็ไมพลาม ศีลธรรมหาย ศีลธรรมกลับ มาเมื่อไร ทั้งกายใจ คนจะหาย จากทุกข เปนสุขเอง ฯ (พุทธทาสภิกขุ) พระธรรมคุณ สําคัญที่มีศีลธรรม ศีลธรรม มีประจํา อยูคูโลก ยิ่งกวาโชก ใดใด ที่ใฝฝน โชคจะดี หรือราย อยางไรกัน
  • 59.
    ๕๙ มันสําคัญ อยูที่ มีศีลธรรมฯ อยูกับธรรม เมื่อรบสู กับศัตรู สูดวยธรรม จะปลุกปล้ํา กันเทาใด ไมเสียหาย ถาสูกัน อยางนี้ไมมีตาย ในสุดทาย จะปรองดอง ตองใจกัน เมื่อปองกัน ศัตรู รูใชธรรม เปนกําแพง เพชรล้ํา เลิศมหันต ปองกันได สารพัด นาอัศจรรย ปอมคายมั่น กวาสิ่งใด ในโลกคน เมื่อหลบซอน จากศัตรู อยูกับธรรม ไมระกํา ทุกขเห็น สักเสนขน ชวยปลุกปลอบ ชื่นชอบ ฉ่ํากมล ขอทุกคน จงมีธรรม ประจํากายฯ (พุทธทาสภิกขุ) เรียนธรรมดีกวา วิชาโลกเรียนเทาไรไมรูจบ เพราะพิภพกลมกวางใหญลึกไพศาล วิชชาธรรมเรียนแลวทําจนชํานาน คงพบพานจุดจบสบสุขเอยฯ (จากหนังสือหนาที่ของคน) ถาคนไรธรรม ถาแมนคน ไรธรรม ประจําจิต ดวงชีวิต ยอมจัก หมดศักดิ์ศรี มีคาเทียม เทาสัตว ในปฐพี ชีวิตนี้ ไรคา นาเสียดายฯ ------------๐๐๐๐๐๐------------ พระสังฆคุณ สงฺโฆ สุเขตฺตาภยติเขตฺตสฺยิโต พระสงฆเปนเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญกวานาบุญอันดีทั้งหลาย ------------------------
  • 60.
    ๖๐ พระพุทธองคทรงดับขันธนานยิ่งนัก แตวาหลักที่ทานตรัสยังชัดอยู เพราะพระสงฆองคสาวกยกเชิดชู คอยเปนครูสอนธรรมนําปวงชน เปนแบบอยางใหเห็นอยางเดนชัด ใฝฝกหัดปฏิบัติจนเกิดผล ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงไมหลงกล ประพฤติตนเพื่อรูธรรมเครื่องนําทาง ออกสั่งสอนมวลชนคนทั่วไป ใหมีใจมั่นคงอยางสงฆบาง ฝกที่ตนสนที่ใจใหเปนกลาง จะเห็นทางพนทุกขสุขนิรันดร อันพระธรรมคําสอนของพระพุทธองค เปนทางตรงของจริงมิใชฝน พิสูจนไดดวยกายและใจนั้น รูทั่วกันไมจํากัดเพศและวัย เพราะพระสงฆทรงคุณอยางลนเหลือ ที่เอื้อเฟอนําพระธรรมมาสงให กวาสองพันหารอยปนี้แลวไซร ศาสนาไดคงอยูคูโลกาฯ (อาจารยเปรียง เกตุแกว) หมวดพระคุณพอแม พฺรหฺมาติ มาตาปตโร มารดาบิดาเปนพระพรหมของบุตร โคมทองของชีวิต เปรียบพอแม เชนโคมทอง ของชีวิต ชวยชี้ทิศ ชวยนําทาง ชวยสรางสรรค ใหความรัก ใหความรู ชูชีวัน
  • 61.
    ๖๑ ลูกจงหมั่น กตัญู รูแทนคุณฯ ใครนะที่หวงใยเรา โลกนี้มีใคร หวงใย เมตตา รักเราเทาฟา อบรม ตักเตือน พอแมยิ่งใหญ หาใคร มาเหมือน เราอยาแชเชือน รีบตอบ แทนคุณฯ ใครนะที่ชวยเรา เมื่อลมกลิ้ง ใครหนอ เขามาชวย แลวปลอบดวย คําหวาน กลอมขวัญให ทั้งยังจูบที่ เจ็บชมัด ปดเปาไป คนนั้นไซร ที่แท แมฉันเองฯ อภัยเสมอ พระคุณแมลึกล้ํา ลูกจดจํา ในดวงใจ แตเล็กจนเติบใหญ ไมมีใคร มาเปรียบปาน สงลูกใหศึกษา เรียนวิชา เขียนและอาน ลูกเจ็บแมพยาบาล หากลูกพาล แมอภัยฯ อกใครแสนอุน อุนใดใด ในหลา ที่วาอุน มิเปรียบคุณ อุนอกแม แผปกปอง สายน้ําใจ สายธารถัน แมกลั่นกรอง คอยประคอง ใหลูกตน เปนคนดีฯ จะมีอะไรเปรียบ ทั้งสามภพ ยกตั้ง ขึ้นชั่งเปรียบ หนักไมเทียบ พระคุณแม แลสุดหา ถึงอบอุน สุริยัน และจันทรา อกมารดา อิงอุน กวาสูรจันทร ความหมายที่ลึกซึ้ง แม แม แม คํานี้ มีความหมาย มีพระคุณ มากมาย หลายสถาน
  • 62.
    ๖๒ แมเปนได หลายสิ่ง หลายประการ เปนธนาคารเปนพระพรหม เปนรมไทร เปนผูให กําเนิด เกิดลูกรัก เปนผูให ที่พัก พิงอาศัย เปนผูให ความการุญ อุนกายใจ เปนผูให อะไรอะไร ไมรามือ ลูกเจ็บไข แมก็ให การรักษา ลูกโตมา แมก็สง เรียนหนังสือ ลูกตองการ ตํารา แมหาซื้อ ลูกปรึกษา หารือ แมยินดี โอแมจา พระคุณแม แผปกเกลา โอแมจา ผูเฝา ไมหนายหนี โอแมจา ผูเมตตา เอื้ออารีย โอแมจา ลูกแมนี้ ซาบซึ้งใจ ดวงใจแม สะอาดแท กวาทุกสิ่ง ดวงใจแม สะอาดยิ่ง กวาสิ่งไหน ดวงใจแม สะอาดเกิน กวาสิ่งใด ดวงใจแม มีไว เพื่อลูกเอย ฯ ใชเพียงใหกําเนิด แมมิเพียง แตให กําเนิดลูก จิตทานผูก เฝาถนอม เปนจอมขวัญ แมมิเพียง เลี้ยงลูก ใหใหญเทานั้น แมเพียรสรร สรางนิสัย ใหลูกดี ปลูกฝงหวังใหดี เมื่อลูกใหญ วัยถวน ควรศึกษา แมก็พา ลูกรัก ไปฝากให จะเสียทุน หนุนคา วิชาไป ถามีให แลวไมขัด เปนสัตยจริง ถึงไมมี บางที ก็กูเขา จะหนักเบา ยอมลูก ไปทุกสิ่ง สูตรากตรํา ทําการ งานจริงจริง
  • 63.
    ๖๓ เพื่อแลกสิ่ง ทรัพยได มาใหเรา เมื่อลูกเสร็จ การศึกษา วิชาเชี่ยว แมคนเดียว ดีใจ ใครจะเทา พอลูกหา ทรัพยได ใจทานเบา เพราะทานเฝา ปลูกฝง หวังใหดี ไมมีใครปาน พระคุณแม เลิศฟา มหาสมุทร พระคุณแม สูงสุด มหาศาล พระคุณแม เลิศหลา สุธาธาร ใครจะปาน แมฉัน นั้นไมมี ฯ ไมมีหมึกจารึกคุณ พระคุณทาน นั้นประมาณ ไมสิ้นสุด แมสมมติ เอาแผนดิน สิ้นแหงหน เปนหมึกกอน ผอนละลาย ในสายชล จนเต็มลน มหาสมุทร สุดนที แลวเอา พระสุเมรุ ที่เดนหลา เปนปากกา จุมหมึก บันทึกที่ เอาทองฟา เปนกระดาษ วาดก็ดี แลวเขียนชี้ บุญคุณ ทานมารดา เขียนจนสิ้น ดินฟา มหาสมุทร เขียนจนสุด พระสุเมรุ ที่เดนหลา ก็ไมสิ้น สุดบุญ คุณมารดา จึงนับวา ใหญยิ่ง กวาสิ่งใด ฯ ความรักแท รักของใคร หรือจะแท เทาแมรัก ผูกสมัคร สายเลือด ไมเหือดหาย คนอื่นรัก ยังประจักษ วารักคลาย จืดจางงาย ไมจีรัง ดั่งมารดา ฯ รักไมเสื่อม
  • 64.
    ๖๔ สุริยา ถึงครา ก็ลาลิบ ผกาทิพย ยังรูพราก จากสวรรค รักพอแม มีตอลูก ผูกสัมพันธ ไมมีวัน เสื่อมซา รางราไกล ฯ แมจาลูกสงสัย แมจา... แมชวยตอบปญหา ลูกไดไหม ใยแมเฝา รักลูก ผูกหัวใจ ลูกดีชั่ว อยางไร รักไมคลาย หัวใจแม เปนไฉน ใยผองผุด หลั่งรักแม บริสุทธิ์ ไมขาดสาย เฝาพันผูก ตั้งแตลูก กําเนิดกาย จนลูกตาย รักของแม ไมแปรเอย ฯ ถึงชั่วก็รัก พระคุณใครใหญล้ํา มารดา เลาเอย หวงหวงไมระอา ลูกนอย ยามเจ็บปวยรักษา มิหาง แมลูกชั่วต่ําตอย แมนี้ยังแล ฯ ความหวัง ยามแกเฒา หวังใหเจา คอยรับใช ยามปวยไข หวังใหเจา เฝารักษา ยามเมื่อถึง วันตาย วายชีวา หวังใหเจา ปดตา คราสิ้นใจ ฯ หมวดลูกกตัญู นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตฺูกตเวทิตา ความกตัญูกตเวที เปนเครื่องหมายของคนดี ------------ ลูกที่ดี ลูกที่ดี มีหัวใจ แบงใหแม ตองดูแล เลี้ยงดู ชูใจทาน
  • 65.
    ๖๕ เพียงแตลูก ถามไถ ใหชื่นบาน ดวยคําหวานก็แสนสุข สบายใจ ตองรักษา ความดี ไมมีพรอง และยังตอง เพิ่มความดี ที่สดใส มีหิริ โอตตัปปะ ชนะภัย รูสึกความ ละอาย ในสิ่งทราม ตองรูจัก อดกลั้น และอดทน ตองเปนคน จิตผองใส ไมเกรงขาม ตองนารัก นาเอ็นดู ทุกโมงยาม เปนคนงาม ทั้งกิริยา และน้ําใจ ทั้งมนุษย เทวดา อยากชวยเหลือ อยากจุนเจือ อยูเปนสุข ทุกสมัย ทั้งบัณฑิต สรรเสริญ เจริญใจ อยูแหงใด ใครก็อยาก ผูกสัมพันธ จะทํางาน สิ่งใด ก็สําเร็จ เพราะมีเพชร กตัญู เปนคูขวัญ แมนหาก ปรารถนา พระนิพพาน กตัญู ก็เปนฐาน ใหถึงพลัน ฯ ความปลื้มใจของพอแม พอแมไมมี เงินทอง จะกองให จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ หาวิชา ความรู เปนคูมือ เพื่อยึดถือ เอาไว ใชเลี้ยงกาย พอกับแม มีแตจะ แกเฒา จะเลี้ยงเจา เรื่อยไป นั้นอยาหมาย ใชวิชา ชวยตน ไปจนตาย ลูกสบาย แมกับพอ ก็ปลื้มใจฯ ถึงจนก็ทนได พอแมจน ทนได ไมทุกขหนัก เทาลูกรัก ประพฤติตน เปนคนชั่ว
  • 66.
    ๖๖ ลูกกี่คน เลี้ยงได ไมหมองมัว ไมโศกเศรา เทาลูกตัว ชั่วระยําฯ ไมเทายังดีกวา มีไมเทา ใชยัน ยึดกันราง คลําหาทาง แกวงกวัด สัตวรายหนี ปองกันตัว ติดตน ผลทวี ดีกวามี ลูกรั้น อกตัญูฯ ลูกที่เลว ลูกคนใด กระทํา กรรมแกแม สุดเลวแท ชั่วชา สิ้นราศรี ลูกดาแม ตีแม ลูกอัปรีย ลูกไมดี ทําแมช้ํา น้ําตาริน น้ําตาแม รินไหล เมื่อลูกราย น้ําตาแม เปนสาย เมื่อลูกหมิ่น น้ําตาแม หลั่งลง รดแผนดิน เมื่อไดยิน ลูกเสเพล เนรคุณฯ ใชพระธรรมตอบแทนคุณ คุณพอแมมากนัก เปรียบน้ําหนักยิ่งภูเขา แผนดินทั้งหมดเอา มาเปรียบคุณมิเทากัน เวนไวแตเรียนธรรม นํามาสอนพอผอนคุณ สอนธรรมที่จริงให รูไมเที่ยงไวเปนทุน แลวจึงแสดงคุณใหเห็นจริง ตามธรรมดา นั่นแหละจึงนับได วาสนองซึ่งคุณา ใชคาขาวที่ปอนมา และน้ํานมที่กลืนกินฯ หมวดพระคุณครูล โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา เมตตาธรรม เปนเครื่องค้ําจุนโลก ------------------------------- พอแมคนที่สอง เพราะคุณครู เหมือนพอแม คนที่สอง
  • 67.
    ๖๗ เราจึงตอง กราบไหว ใหเหนือเศียร ดวงใจครูสุกปลั่ง ดั่งแสงเทียน สองนักเรียน ใหสวาง ทางปญญา สมควรที่ พวกเรา เฝากมกราบ รักซึมซาบ กรุณา มหาศาล เราจะรัก คุณครู คูจักรวาล แมลมปราณ สิ้นไป ไมลืมเลย ฯ ครูกับเทียน เปรียบคุณครู ประดุจเทียน แทงนอยนี้ ซึ่งพรอมที่ จะสองแสง ทุกแหงหน ถึงแมวา จะครา ชีวิตตน ขอใหคน อื่นสุขกัน เทานั้นพอฯ ใชหางธรรมดอกนะ มองเห็นศิษย เรียงราย ไรเดียงสา อนิจจา เจาจะนึก รูสึกไหม เวนพอแม ผูกพัน รักขวัญใจ จะมีใคร รักเจา เทาเทียมครู ถึงยากแคน แสนเหนื่อย เหลือจะอาง ใชเหินหาง ธรรมะ ดอกนะหนู เห็นศิษย ตาดําดํา อยากค้ําชู ถายความรู ใหศิษย ไมปดปงฯ สักวันหนึ่งเถอะ สักวันหนึ่ง เธอจะรู วาครูรัก สักวันหนึ่ง คงประจักษ เปนสักขี สักวันหนึ่ง เธอจะรู วาครูดี สักวันหนึ่ง จักไดดี เพราะเชื่อครูฯ ผูเสกแสงสวาง ถิ่นไทยในปากวาง หางไกล แสงแหงวัฒนธรรมใด สองบาง เห็นเทียนอยูร่ําไร เลมหนึ่ง ครูนั้นแลชวยสราง เสกใหชัชวาลฯ ซอนช้ําในทรวง
  • 68.
    ๖๘ เสียงครูสอนศิษยแลว เงียบหาย เหมือนคลื่นกระทบชายฝงน้ํา คําสอนสั่งละลาย เลือนหมด ฉะนั้นฤา เหนื่อยออนซอนสวนช้ํา ซอกไวในทรวง ฯ น้ําฝนยังเปนรอง สักกวา คําวาครู รูกันทั่ว ดีหรือชั่ว รักศิษย ไมคิดหมอง อันน้ําฝน ลนบึง ทวมถึงคลอง ยังเปนรอง น้ําใส ในใจครูฯ ผูที่ฉันไววางใจ อันรักใด หวงใด ในสงสาร จะเปรียบปาน หวงลูก หามีไม แตถึงรัก ถึงหวง ยิ่งเพียงใด ก็วางใจ ใหอยู กับครูเอยฯ -----------------๐๐๐๐๐๐--------------- หมวดศิษยที่ดี ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การบูชา สิ่งที่ควรบูชา เปนมงคลอยางสูงสุด -------------------------------- ศิษยรักครู เรารักคุณครู เชิดชูบูชา เพราะทานกรุณา เมตตาตอเรา เราจะไมดื้อ เราจะไมซน เพราะเราทุกคน นั้นรักคุณครู ฯ ครูคือแมพระ เปรียบคุณครู เหมือนแม คนที่สอง คอยปกปอง สอนสั่ง ทั้งรักษา ชวยอบรม บมนิสัย ใหวิชา ศิษยกาวหนา เพราะแมครู ผูเจริญ
  • 69.
    ๖๙ พระคุณครู นั้นเลิศประเสริฐคา คอยเมตตา สั่งสอน เราทุกสิ่ง สรางสรรค ความเจริญ ที่ดียิ่ง แมเปนมิ่ง ขวัญศิษย ติดตรึงใจ ศิษยรักครู รักแน ไมแปรจิต ศิษยรักครู รักสนิท กวาสิ่งไหน ศิษยรักครู รักหมด ทั้งดวงใจ ศิษยรักครู มากกวาใคร ในชีวาฯ เชื่อฟงเถิดประเสริฐนัก การเชื่อถอย ฟงคํา ตามปราชญสอน จะถาวร พนทุกข สบสุขศานติ์ อีกบิดา มารดา ครูอาจารย เชื้อฟงทาน ดีเดน เปนมงคลฯ กมกราบครูรูสํานึก คุณครูจา.... โปรดทราบ ไวสักนิด วาดวงใจ ของศิษย คนึงหา เคารพรัก เชิดชู และบูชา เชนมารดา บิดา ของศิษยเอง แมบางครั้ง คุณครู จะหงุดหงิด สั่งสอนศิษย ดวยจิตใจ คลายขมเหง ศิษยทั้งกลัว ทั้งเศรา ทั้งยําเกรง ศิษยผิดเอง ทําครูให ไมสบายใจ ขอคุณครู ผูมีคุณ การุณดวย โปรดจงชวย อโหสิกรรม ศิษยทําไว ปลดเปลื้องบาป ออกไป จากใจกาย โปรดอภัย ความผิดพลั้ง แตหลังมา นับแตนี้ ศิษยฝกตน เริ่มตนใหม สํารวมกาย วาจาใจ ใหแนนหนา มิใหผิด ตอคุณครู ผูเมตตา ขอสัญญา พุทธบุตร หยุดต่ําทรามฯ
  • 70.
    ๗๐ แดคุณครูทุกทาน กลิ่นหญาแพรก ดอกมะเขือ เจือกลิ่นธูป กอเปนรูป วันพิธี มีความหมาย เพื่อรําลึก ถึงคุณครู ผูพลีกาย สองมือหมาย ปนศิษยตน เปนคนดี อีกความรู คุณธรรม ทานนําชัก เพื่อศิษยรัก เรียนรู สูวิถี อนาคต สดใส ไรราคี ดวยศิษยมี ภูมิคุมกัน อันตราย ปาเจรา เปลงมา ดวยใจเคารพ จริยา นอมนบ ทบถวาย โหนติ แดคุณครู มิรูคลาย คุณุตรา รายนุคา สการคุณ ขอปวงศิษย รวมใจ ใหเปนหนึ่ง กระทําซึ่ง สิ่งดีดี ใหเปนบุญ สํารวมจิต สํารวมกาย ใหเปนบุญ ทนแทนคุณ แดปวงครู ผูปราณี ฯ -------๐๐๐๐๐----------- หมวดการฝกตน ทนฺโต เสฏโฐ มนุสฺเสสุ ในหมูมนุษยทั้งหลาย ผูที่ฝกตนดีแลวเปนผูประเสริฐที่สุด ---------------- เปนมนุษยหรือเปนคน เปนมนุษย เปนได เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน หากใจต่ํา เปนได แตเพียงคน ยอมเสียที ที่ตน ไดเกิดมา ใจสะอาด ใจสวาง ใจสงบ ถามีครบ ควรเรียก มนุสสา เพราะทําถูก พูดถูก ทุกเวลา
  • 71.
    ๗๑ เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันตจริง ใจสกปรก มืดมัว และรอนเรา ใครมีเขา ควรเรียก วาผีสิง เพราะพูดผิด ทําผิด จิตประวิง แตในสิ่ง นําตัว กลั้วอบาย คิดดูเถิด ถาใคร ไมอยากตก จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย ใหใจสูง เสียได กอนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อยาเชือนเอย ฯ (พุทธทาสภิกขุ) อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชนะตน นั่นแหละดี ------------ ชนะตนยิ่งใหญกวา ชนะอื่น หมื่นแสน แมนรอยครั้ง แตถายัง แพกิเลส และเหตุผล ไมยิ่งใหญ ไปกวา ปญญาชน ผูขมจิต พิชิตตน เพียงหนเดียวฯ อตฺตา โจทยตฺตานํ จงเตือนตน ดวยตนเอง ---------- อยาแชเชือนรีบเตือนตน จงเตือนตน ของตน ใหพนผิด ตนเตือนจิต ตนได ใครจะเหมือน ตนเตือนตน ไมได ใครจะเตือน อยาแชเชือน เตือนตน ใหพนภัยฯ ปลุกตนเอง ปลุกตนใหตื่นทัน ขยันอยางฉลาด ไมตกเปนทาสอบายมุข สนุกกับการทําหนาที ทําความดีทุกวันฯ
  • 72.
    ๗๒ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแล เปนที่พึ่งแหงตน ----------- พึ่งตนดีกวา เกิดเปนคนจักตอง พึ่งตน คนอื่นเพียงบางหน ชวยชี้ วิชาหาใสฝกฝน จนเชียวชาญ แฮ ความชั่วละหลีกลี้ ประพฤติขางความดีฯ --------------๐๐๐๐๐-------------- หมวดการกระทํา กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว --------------- ทําดีมีสุข ทําดีดีจักเอื้อ อวยผล ทําชั่วชั่วมักดล บาปให เหมือนเงาติดตามตน ไปคลาด บาปบั่นบุญมั่นไว จักไดสุขเกษมฯ อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย ความชั่วไมทําเสียเลยดีกวา ---------------- ทําชั่วมีทุกข อันความชั่ว คือตัว ทุจริต ทําใหจิต ต่ําทราม ตามกระแส ทั้งวันนี้ วันหนา ทุกขาแล ควรทําแต ความดี เปนศรีตนฯ ผีกับพระ ความชั่วเปนผี ความดีเปนพระ ความชั่วตองละ ความดีตองทํา ฯ
  • 73.
    ๗๓ ผีกินคน สุราการพนัน บุหรี่ เปนผีกินคน ทําใหยากจน เปนคนเหลวไหล ทรัพยสินเสียหาย รางกายเปนภัย ถาเลิกเสียได สบายจริงเอย ฯ ผีรายหกตัว ผีที่หนึ่ง ชอบสุราเปนอาจิณ ไมชอบกินขาวปลาเปนอาหาร ผีที่สอง ชอบเทียวยามวิกาล ไมรักบานรักลูกรักเมียตน ผีที่สาม ชอบดูการละเลน ไมละเวนบารคลับละครโขน ผีที่สี่ คบคนชั่วมั่วกับโจร หนีไมพนอาญาตราแผนดิน ผีที่หา ชอบเลนมากีฬาบัตร สารพัดถั่วโปไฮโลสิ้น ผีที่หก เกียจครานการทํากิน มีทั้งสิ้นหกผีอัปรียเอย ฯ นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ใครครวญเสียกอนจึงทําดีกวา ------------- ใครครวญเสียกอน คิดกอน จึงทํา จงจําไว ทําอะไร ตองคิด ทั้งหนาหลัง อยาปลอยตัว ปลอยใจ ตามลําพัง ตองมีใจ เหนี่ยวรั้ง เสมอไป กอนจะทํา สิ่งใด ใจตองคิด ถูกหรือผิด ทําสิ่งนี้ ดีหรือไม ถาเห็นวา ไมดี มีโทษภัย ตองหาทาง ทําใหม ทําใหดีฯ กลัวบาป ความละอาย แกใจ ในความชั่ว สดุงกลัว ตอผลกรรม ตามสนอง สองธรรมนี้ คูจิต ดังคิดปอง จะคุมครอง โลกให ผองไพบูลยฯ
  • 74.
    ๗๔ คนดีเปนไฉน อันคนดี มิใชดี อยูที่ทรัพย มิใชนับ พงศพันธ ชันษา คนดีนั้น ดีที่การ งานนานา อีกวิชา ศีลธรรม นําใหดีฯ ดีแนนอน ทํากรรมใด แลวจิตใจ ไมเดือดรอน จะนั่งนอน ชื่นใจ ไดสุขสันต อวยผลให ใจเย็น เปนนิรันดร จงรูทัน วากรรมนี้ ดีแนนอน ฯ ตราประทับชีวิต จงทําดี จงทําดี นี้แหละเลิศ ผลประเสริฐ สุดยิ่ง กวาสิ่งไหน เกิดสันติ สงบสุข ไมทุกขใจ ครั้นบรรลัย ก็ยังมี ดีเปนตราฯ -------- หมวดปญญา สุสฺสูสํ ลภเต ปฺญํ ฟงดวยดี ยอมไดปญญา ------- หัวใจนักปราชญ สุ. ตั้งใจฟงใหดี อยาขี้เกียจ จิ. คิดใหละเอียด ขอสงสัย ปุ. ถามตามเนื้อความ ที่ของใจ ลิ. เขียนไวเมื่อสงสัย ไดเปดดูฯ ทางเกิดของปญญา ตาดู, หูฟง, สมองคิด, จิตใจจดจอ, ไมเขาใจใหถาม,
  • 75.
    ๗๕ กลับถึงบานทบทวนเสมอ ๆ ทั้งจดทั้งจํา จําขึ้นใจ ในวิชา ดีกวาจด จําไมหมด จดไวดู เปนครูสอน ทั้งจดจํา ทําวิชา ใหถาวร อยานิ่งนอน รีบจดจํา หมั่นทําเอยฯ กอนนอนทําอะไร กินขาวเสร็จแลว อานหนังสือกอน ไหวพระกอนนอน พระทานใหพร สอบได.....สอบไดฯ ครูที่ประเสริฐ อันหนังสือ คือครู ผูประเสริฐ กอใหเกิด ปญญา ตาที่สาม อานวิเคราะห ใหเขาใจ ในเนื้อความ เห็นจริงตาม แทงตลอด ยอดปญญา ฯ พึงสั่งสมปญญา เกิดเปนคน จนปญญา นาเกลียดนัก เที่ยวลวงลัก ขโมยกิน สิ้นความหมาย ถูกหยามเหยียด ดูหมิ่น หมดสิ้นลาย ฉะนั้นไซร รีบอบรม บมปญญาฯ ปฺญา โลกสฺมึ ปชฺโชโต ปญญา เปนแสงสวางในโลก -------------
  • 76.
    ๗๖ แสงแหงปญญา ยามเมื่อโลก ขาดแสง แหงอาทิตย ยอมมืดมิด มองอะไร ก็ไมเห็น ยามเมื่อจิต ขาดปญญา พาลําเค็ญ มองไมเห็น ดีหรือชั่ว ที่ตัวทําฯ สุโข ปฺญาปฏิลาโภ ความไดปญญาใหเกิดความสุข -------------- ไดความสุขเพราะปญญา แสงแหงธรรม นําจิตใจ ใหสวาง สองเห็นทาง เดินชีวิต คิดโปรงใส ศึกษาธรรม จนชุมฉ่ํา ซาบซึ้งใจ ปญญาไว ตัดเหตุทุกข สุขนิรันดรฯ หมวดคบมิตร ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเชนใด ก็เปนไปเชนคนนั้น ------------- จะคบใครตองใครครวญ คบคนพาล พาลพา ไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพา ไปหาผล คบคนดี จักไดดี เปนศรีตน จะคบคน มาเปนมิตร คิดใครครวญ ฯ วิสฺสาสา ปรมา ญาติ ความคุนเคยเปนญาติอยางยิ่ง ---------- นอยดีกวามาก มีเพื่อนดี เพียงหนึ่ง ถึงจะนอย ดีกวารอย เพื่อนคิด ริษยา
  • 77.
    ๗๗ เหมือนเกลือดี มีนิดหนอย ดอยราคา ยังดีกวา น้ําเค็ม เต็มทะเลฯ นี่แหละเพือนแท ่ เพื่อนธุระ ชวยประคอง ไมตองใช เพื่อนยากจน เจียดให ไมตองขอ เพื่อนอยากพบ ออกไป ไมตองรอ เพื่อนโศกทอ ปลอบใจ ไมตองครวญ เพื่อนมีสุข ทุกที ยินดีดวย เพื่อนทุกขชวย ทุกที คอยมีสวน เพื่อนทําชั่ว คอยชี้ ความดีชวน เพื่อนทําควร ทุกที พลอยดีใจ ฯ หมวดความเพียร วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนลวงทุกขได เพราะความเพียร เรียนจริง ๆ รักจะเรียน ก็ตองเพียร เรียนใหรู รักจะดู ก็ตองดู ใหรูแน รักจะหมั่น ก็ตองหมั่น ไมผันแปร อยารักแต จับจด จะหมดงานฯ สูไมถอย อันวิชา มีมาก หลากชนิด ถาเรียนนิด รูหนอย แลวถอยหลัง รูอะไร หลายสิ่ง ไมจริงจัง ทําไดดัง ผูกเบ็ด เกร็ดวิชา เชนจะขัน ขันได ไมเหมือนไก จะบินไป ก็ไมทัน พรรณปกษา
  • 78.
    ๗๘ จะวายน้ํา ก็ไมทัน กับพรรณปลา เหมือนวิชา เรียนไว ไมรูจริง ฯ ไดดีเพราะหมั่น ความรูดี เพราะมี ความเพียรเรง จะเรียนเกง เพราะมี ความหมันเสริม ่ เกียรติจะงาม เพราะมี วิชาเจิม ตองตอเติม ประพฤติดี จึงดีจริง ฯ เด็กนอยเอย เด็กเอย.......เด็กนอย ความรู ยังดอย เรงศึกษา เมื่อเติบใหญ เราจะได มีวิชา เปนเครื่องหา เลี้ยงชีพ สําหรับตน ไดประโยชน หลายสถาน เพราะการเรียน จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล ถึงลําบาก ตรากตรํา ก็จําทน เกิดเปนคน ควรหมั่น ขยันเอย ฯ เด็กดีขยัน อันเด็กดี ยอมมี ความขยัน ทุกคืนวัน หมั่นเพียร เรียนหนังสือ ชวยพอแม ทํางาน หมั่นฝกปรือ โลกเลื่องลือ วาเด็กนั้น ขยันเอยฯ ถาขยันก็ทําได ถาครานเรียน เรียนอะไร ก็ไมรู ถาครานดู ดูอะไร ก็ไมเห็น ถาครานทํา ทําอะไร ก็ไมเปน ตองลําเค็ญ เปนขอทาน เพราะครานเอย ถาหมั่นเรียน เรียนอะไร ก็ตองรู ถาหมั่นดู ดูอะไร ก็ตองเห็น
  • 79.
    ๗๙ ถาหมั่นทํา ทําอะไร ก็ตองเปน ถาไมเลน หมั่นแตทํา จําเริญเอย ขยันอยางฉลาด ขยันประกอบ สัมมา อาชีวะ ขยันชนะ สิ่งชั่ว มั่วตัณหา ขยันพูด แตสิ่งดี มีเมตตา ขยันหา ความรู เชิดชูตน ขยันคิด เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย ขยันกําจัด มวลกิเลส มีเหตุผล ขยันทํา กิจกรรม เพื่อปวงชน ขยันพน อบายมุข สุขสันตเอยฯ หมวดความไมประมาท อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ความไมประมาท เปนทางไมตาย -------------------------- อยางนี้แหละไมประมาท เมื่อรูวา สังขาร มันไมเที่ยง จงหลีกเลี่ยง ความชั่ว พามัวหมอง เรงกระทํา ความดี ที่ควรปอง ฝกจิตใจ ใหขาวผอง ตามคลองธรรม อยางนี้แหละ ชื่อวา ไมประมาท ดูภพชาติ ที่เกิดมา ชางนาขํา ไมมีอะไร เปนของตน ลวนเปนธรรม หมดเวรกรรม สูสุขศานติ์ นิพพานเอย ฯ ตายไดทุกเวลา เห็นกันอยูตอนเชา  สายตาย สายอยูสบาย บายมวย บายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ ชีพแฮ
  • 80.
    ๘๐ เย็นยังอยูหยอกลูกดวย ค่ํามวยอาสัญ ฯ มามือเปลาแลวจะเอาอะไร เมื่อเจามา เอาอะไร มาดวยเจา เจาจะเอา แตสุข สนุกไฉน เมื่อเจามา มือเปลา เจาจะเอาอะไร เจาก็ไป มือเปลา เหมือนเจามา ฯ หาบไปไมไดหรอก ยศและลาภ หาบไป ไมไดแน เวนไวแต ตนทุน บุญกุศล ทรัพยสมบัติ ทิ้งไว ใหปวงชน รางของตน เขายังเอา ไปเผาไฟ ฯ สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย สิ่งทั้งหลาย ไมควรยึดมั่นถือมั่น --------------- ไมมีอะไรเปนของใคร สิ่งไรไร ไมใช ของใครหมด ไมปรากฏ วาใคร เปนเจาของ ถึงเฝารัก เฝาหวง เฝาหวงปอง ก็จําตอง ทิ้งไว ในโลกา ฯ ฉันเหมือนเธอ เมื่อยามฉัน เปนอยูไซร ในบัดนี้ แตเดิมที เขาก็เปน เหมือนเชนฉัน เมื่อยามเขา เปนอยูไซร ในโลงนั้น ไมชาพลัน ฉันจะเปน เชนเขาเอย ฯ คาของคน พฤษภกาสร อีกกุญชร เมื่อปลดปลง โททนเสนงคง สําคัญหมาย ในกายมี
  • 81.
    ๘๑ นรชาติเมื่อวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย สถิตทั่วแตชั่วดี ประดับไว ในโลกา ฯ ความดีไมดับสูญ อันสังขาร รางกาย ทั้งหลายหนอ บังเกิดกอ แลวก็แยก จนแหลกสิ้น เหลือแตเถา ถมไว ในแผนดิน ตองสูญสิ้น ทรัพยหาย เมื่อตายลง แตความดี มีไว ไมสูญหาย แมตัวตาย ชนก็ชม สมประสงค อนุสาวรีย ชี้ใหเห็น เปนมั่นคง สิ้นชีพลง เขาสรางไว ไดบูชา ฯ เตือนใจผูประมาท เปลวเทียนละลายแทง เพื่อเปลงแสงอันอําไพ ชีวิตคนมลายไป เหลือสิ่งใดทิ้งไวแทน ฯ ยังไมสายหรอกนะ ชีวิต ไรสาระ ขณะนี้ ยังไมสาย เกินที่ จะแกไข แมชีวิต เหลือนอย ลงเพียงใด ควรภูมิใจ ที่ได ทําดีทัน ใครจะเห็น หรือไม เปนไรเลา จงเลือกเอา ความดี ที่สรางสรรค ใครจะเห็น หรือไม ไมสําคัญ ใจเรานั้น รูวาดี เทานี้พอ ฯ หมวดเบ็ดเตล็ด กิจฺโฉ มนุสฺส ปฏิลาโภ การไดอัตภาพเปนมนุษย เปนของยาก ------------- ความเปนอยูแตกตาง อยูอยางคน สนใจ ในความสะอาด
  • 82.
    ๘๒ อยูอยางปราชญ สนใจ ในความรู อยูอยางครู สนใจ ในวิชา อยูอยางหมา สนใจ ในการนอน อยูอยางหนอน สนใจ ในของเนา อยูอยางพระพุทธเจา สนใจ ในความสะอาด สวาง สงบ ฯ เปนคนหรือเปลา เกิดเปนคน คนใหทั่ว ปากไมลน กนไมรั่ว ชั่วไมเอา เมาไมมี นี้แหละ.........คน ฯ ททมาโน ปโย โหติ ผูใหยอมเปนที่รัก -------- ทําอะไรใหโลกบาง ตนไมใหความ ชุมชื่น แกชีวิต นกตัวนิด ใหเสียงเพลง แกโลกหลา ดอกไม ใหความงาม ผานสายตา แมตนหญา ก็ยังให ออกซิเจน แลวตัวเรา เกิดมา ในโลกนี้ ทําสิ่งดี อะไรไว ใหโลกเห็น กิน นอน เลน เทานั้นหรือ ที่ทําเปน ไมดีเดน กวาบรรดา ตนหญาเอย ฯ โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ฆาความโกรธเสียได อยูเปนสุข ------ มองที่ตัวเรา เมื่อเขาวา เราอยาโกรธ ลงโทษเขา ในเมื่อเรา ไมไดเปน เชนเขาวา หากวาเปน จริงจัง ดั่งวาจา เมื่อเขาวา อยาโกรธเขา เราเปนจริง ฯ
  • 83.
    ๘๓ ไมโกรธดีกวา โกรธคือโง โมโหคือบา ไมโกรธดีกวา ไมบาไมโง ฯ ไฟที่รอนแรง โทสะ เปรียบเหมือนไฟ เผาจิตใจใหรอนพลาน โทสะ เปรียบเหมือนไฟ เผาการงานใหเสียหาย โทสะ เปรียบเหมือนไฟ เผามิตรสหายกลายเปนศัตรู โทสะ เปรียบเหมือนไฟ เผาอายุยืนยาวใหสั้นลง โทสะ เปรียบเหมือนไฟ เผาอกตกนรกในทันที ฯ อพฺยาปชฺฌํ สุขํ โลเก ความไมเบียดเบียน เปนสุขในโลก ------ ยิ้มนิดยิ้มหนอย ยิ้มนอยนอย ในดวงใจ เมตตาไว โลกรมเย็น ฯ ยิ้มเถอะนะยิ้มใหซึ้ง ยิ้มเถอะนะ หัวใจ อยาไดบึ้ง ยิ้มใหซึ้ง ตรึงใจ ใบหนาหวาน ยิ้มเถิดนะ ยิ้มสู หมูภัยพาล ยิ้มชื่นบาน ซึ้งจิต ชวนติดใจ ยิ้มปลอบใจ ยิ้มปลอบใจ ตัวเอง ใหเกงกลา ทุกขโศกมา ยิ้มนิด คิดแกไข พี่กับนอง เจอกัน หมั่นยิ้มไว คนทั่วไป ยิ้มใหกัน นั่นแหละดี ฯ หาซื้อไมได ของบางอยาง ซื้อไมได ดวยเงินทอง เพระเปนของ ไมมี ราคาขาย
  • 84.
    ๘๔ เชนความรัก ความปราณี มีน้ําใจ ปลูกฝงให คิดชอบ ประกอบกัน สิ่งเหลานี้ มีคา แกชีวิต แตวาเงิน ไมมีสิทธิ์ มาจัดสรร ไดแตเพียง เราจะให กันและกัน ผูที่ให ไดรางวัล คืออิ่มใจ ฯ เรียกใหลุก ปลุกใหตื่น ตื่นขึ้นเถิด ชาวพุทธ สุดที่รัก อยามัวพัก พิงกาย กายกับหมอน ฝูงวิหค นกกา ถลาจร จากรังนอน มุงหนา ออกหากิน อยามัวหลับ มัวไหล ไกขันแลว เสียงเจื้อยแจว แผวมา นาถวิล ตื่นขึ้นเถิด ปวงประชา ทั่วธานินทร จากไอกลิ่น นิทรา สุขารมณ จงเงี่ยโสต สดับ รับฟงธรรม เพราะพระธรรม จํานําให ไดสุขสม นอมพระธรรม นําไป ใสอารมณ จะสิ้นระทม สิ้นทุกข เปนสุขเอยฯ นี่คือนักเรียนที่ดี นักเรียนที่ดี ไมโยกเกาอี้ ไมหนีโรงเรียน ไมเขียนขางฝา ไมหาเรื่องเพื่อน ชวยเตือนคนผิด ไมติดอบายมุข ไมคลุกเลนเกมส ฯ ชื่นใจของพอแม เปนนักเรียน เพียรขยัน หมั่นศึกษา หาความรู สูเขาได ไมขี้เกียจ เสนียดหาย สบายบรื๋อ ดื้อไมมี ดีแนแน
  • 85.
    ๘๕ พอแม.........ชื่นใจ ฯ ชื่นใจคุณครู นักเรียนกาวหนา แสวงหาความรู เคารพครูอาจารย รักการศึกษา มีจรรยาเรียบรอย มักนอยตามฐานะ เสียสละเพื่อสถาบัน มุงมั่นประพฤติดี หลีกหนีสิ่งชั่ว ไมมั่วสิ่งเสพติด รูจักคิดใชปญญา คุณครูพาชื่นใจ ฯ ------๐๐----- ความประทับใจในการอยูคาย พุทธบุตร ความประทับใจของมนุษยนั้นมักจะเปนความประทับที่มนุษยนั้นไมอาจจะลืมได จะเก็บไวในใจอยูเสมอ เก็บไวเพื่อย้ําเตือนถึงความปลาบปลื้มใจของเรา ดังเชนความ ประทับใจในการอยูคาย พุทธบุตร ครั้งนี้ของขาพเจา ขาพเจารูสึกตื่นเตนดีใจ นับตั้งแตอาจารยบอกวา จะจัดคายอบรมคุณธรรม เพราะขาพเจาเองไมคอยจะมีคุณธรรมเทาไร จึงอยากที่จะเขารับการอบรมคุณธรรม เพราะ ขาพเจาเองไมคอยจะมีคุณธรรมเทาไร จึงอยากที่จะเขารับการอบรมในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อถึง เวลานั้น ขาพเจาก็ไมรูสึกผิดหวังเลยกลับประทับใจมากเสียดวย นับตั้งแตกาวเขามาในโรง เรียน มีความรูสึกวา ครู-อาจารยทุกทาน มีความพรอมในการทํางาน เตรียมงาน ที่ กลาวอยางนั้นก็เพราะวา ครู-อาจารยไดเตรียมชุดขาว คูมือโครงการอบรม ปายชื่อ สถานที่ในการใชงานนี้ไวอยางพรอมเพียง ตลอดจนพระวิทยากร หรือที่พวกเราชาวพุทธบุตร เรียกวา พระอาจารย ก็มีความพรอมที่จะอบรม พวกเราใหเปนคนดี มีคุณธรรมตอไปใน อนาคตดวย ขาพเจารูสึกประทับใจพระอาจารยทั้งหลายมาก และรูสึกปลื้มเมื่อทานเรียกเรา ชาวพุทธบุตร วา ลูก ๆ ทั้งหลาย ซึ่งฟงแลวมีความรูสึกที่อบอุนอยางบอกไมถูก แต เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ขาพเจารูสึกอยากจะกลับบานในทันที เพราะอาหาร เหลานั้นมี ผัก ซึ่งขาพเจาเปนคนไมชอบกินผัก จึงรูสึกเบื่อหนาย แตเมือมานึกดูวา เรา ่ มา อบรมคุณธรรม ไมไดมาพักผอน จึงจําตองฝนกินไป เมื่อถึงเวลานอน ขาพเจาก็มี ความรูสึกเชนเดิมอีก เพราะยุงนั้นมากเหลือเกิน แตพอคิดวา อาจารยทุกทานก็คงลําบาก เหมือนกับเราจึงไมคิดอะไรอีก แตที่ประทับใจมาก ๆ ก็คอ อาจารยทุกทาน ทํางานกัน ื อยางนาปลื้มใจมาก การเขาคายครั้งนี้ จึงเปนความประทับใจมาก เปนความประทับใจที่ ไมอาจลืมได
  • 86.
    ๘๖ การเขาคายครั้งนี้สอนใหเราเปนคนดี มีคุณธรรมและอะไรอีกหลายๆ อยางที่ สอนใหเรารู สํานึกในการปฏิบัติหนาที่ของ ลูกที่ดี ศิษยที่ดี เพื่อนที่ดี สาวกที่ดี ตลอดจนถึง ความรับผิดชอบ คุณสมบัติเพื่อสําเร็จของชีวิต การมีระเบียบวินัย ฯลฯ เราจึงควรนําไป ปฏิบัติ เพื่อเปนรากฐานของชีวิตในอนาคตตอไปภายหนา เพื่อที่จะไดมีชีวิตความเปนอยูที่ดี สามารถที่จะนําไปเปนที่พึ่งทางใจได ตอไปในบั้นปลายของชีวิต . เรียบเรียงโดย ด.ญ.สุรียพร พันธเอี่ยม กลุมฉันทะ ๒ พระคุณแม แม เปนคําที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจลูกทุกคน พระคุณของแมนั้นลนฟามหาสมุทร แมเปนผูใหกําเนิด เปนผูอุปการะ เปนผูเลี้ยงดู พระคุณของแมมีมากมายเกินกวาที่ลูกจะบรรยายไดหมด แมเปนผูใหกําเนิดตั้งแตลูกยัง อยูในครรภของแม แมจะทะนุถนอมกลอมเกลี้ยงเลี้ยงดู แมไปไหนก็หอบหิ้วเอาลูกที่อยูในทองไป ดวยตลอดเวลา เวลาทํางานก็ไมสะดวด แตแมก็ตองทนเพื่อลูกของแมจะไดสบาย ครั้งแรกที่ ลูกลืมตามองดูโลก ลูกมองไมเห็นใครนอกจากแม แมคอย ๆ ประคองลูกมากอดแนบกับอกไว ลูกมีความอบอุนเหลือเกิน แมเปนครูคนแรกของลูกสอนลูกทุกอยาง สอนใหรูจักความดีความชั่ว สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด แมจะเปนผูสอน แมเปนทั้งเพื่อนเวลาที่ลูกเหงาแมก็คอยมาเลนกับลูก เวลาที่ลูกหิวแมก็พยายามหามาใหลูกกิน เมื่อยามที่ลูกเจ็บไขไดปวยแมก็จะเปนหมอใหลูกแมจะ คอยดูแลทุกอยาง ทุกอยางที่แมทําใหลูกได แมเมื่อเห็นลูกเจ็บ น้ําตาของแมก็ไหลริน และ พูดกับลูกวา ถาสามารถเปลี่ยนเปนแมไดแมก็จะเจ็บแทนลูก และแมก็จะคอยประคบประ หงมลูกทุกอยาง เวลาที่ลูกจะเขาโรงเรียนจะเปนวันที่แมภูมิใจมากที่สุด ที่เห็นลูกของแมเขา โรงเรียน ไดเรียนในชั้นสูง ๆ แมก็พยายามเก็บออมเงินที่แมหามาได จนสงลูกของแม เรียนจบ แมหวังวาลูกของแมจะมีอนาคตที่ดี มีการศึกษาที่ดี เวลาที่ลูกทําผิดแมไมเคยดุดา แมจะคอยใหแตคําปรึกษาอธิบายวาอยางนี้ดีนะ อยางนี้ไมดีนะ แมจะเปนธนาคารของลูก เวลาที่ลูกไมมีเงินตองการใชเงิน แมแมจะไมมีเงินแมก็พยายามหามาใหลูกอยางเต็มใจ ทุกสิ่งที่ลูกได ทุกอยางที่ลูกมี แมจะเปนผูหามาใหอยางยิ้มแยม แมเปนผูทําใหลูกเกิด ใหลูกเปนคนดี ลูกจะขอตอบแทนบุญคุณของแม ลูกจะตอบแทนแม เลี้ยงดูแม จะชวยแมทุกอยางที่ลูกสามารถทําได ลูกขอใหสัญญา
  • 87.
    ๘๗ เรียบเรียงโดย นางสาว วารุณี บัวยันตี กลุมอุเบกขา ๒ บทความที่ไดรับคัดเลือกจากการอบรมคุณธรรมคายพุทธบุตร๑๐-๑๒ม.ค.๓๕ พระคุณของครู ตั้งแตแมพาผมเขาโรงเรียน ผมก็รองไห ก็มีครูอยูคนหนึ่งชื่อวา เปรียง ชื่อสั้น ๆ แตใจดี ครูเขามาบอกวา เดนดวงเธอมาเรียนกับครูเถอะ ในหองมีเพื่อนเลนเยอะ ครูไม ดุ ครูใจดีนะ ผมก็หยุดรองไหและสนใจเรียนกับครูเปรียง ครูเปรียงมีอยูอยางหนึ่ง ก็คือ ถา ตีนักเรียนแลวน้ําตาของครูก็ไหลออกจากเบาตา คุณครูเปรียงถาเห็นนักเรียนปวย ก็พานัก เรียนไปหาหมอ บางทีพานักเรียนกลับบาน ครูพูดกับนักเรียนเหมือนแมกับลูก หรือ พอกับลูก สิ่งที่ผมลืมไมไดก็คือ คุณครูทําอาหารมาใหกินตั้งแตอยู ป. ๑-๖ ครูก็ยังทําอาหารใหกิน เวลานักเรียนทําผิดครูก็ตองตีนักเรียน ที่ครูตีนักเรียนนั้นก็เพราะครูรัก ครูดุ เหมือนให ความรู ครูสอน เหมือนใหใบปริญญาแกเรา ในวันอยูคายพุทธบุตร คุณครูที่ยังสาว หรือเปน ผูชาย หรือครูที่มีอายุ ทานก็ยังมาดูแลนักเรียน ถึงบานทานจะอยูไกลหรือใกลทานก็ยังมาคุมนัก เรียน แถมยังตองตักอาหารใหนักเรียนกิน ถึงวาเราจะอยูกับครูที่ดุ ที่ใจดี ครูก็ยังเปนครู อยูวันยังค่ํา ถึงวันครู นักเรียนก็เอาดอกไมมาไหวเคารพบูชา เหมือนพอแม ใคร ๆ ก็รูวา ครูเปนผูเปดประตูความรูใหนักเรียน ขอใหนักเรียนตองนึกถึงคําสั่งสอนของทานใหมาก เราฟงครูนั่นแหละดี จงฟงครู พูดตอไปในที่สุด ขอใหนอมลงกราบที่เทาครู เพื่อใหรูวาศิษยยังรักครู ขอใหศิษยอยาหักจิตครู สงสารครูเถอะ....ทานสอนมามากแลว เด็กชายเดนดวง อางทอง กลุม กรุณา คายพุทธบุตรโรงเรียนพูนสิน ฯ
  • 88.
    ๘๘ เสียงกระซิบสั่งจากครู ศิษยรัก......ลูกรัก ครูตระหนักคําที่หนึ่งซึ้งนานแสน ปติใหมคําสองซอนไมคลอนแคลน จารึกแนนแนบเนาวเขาทรวงใน ความรูสึกรักมันผูกพันยิ่ง ่ จากใจจริงไรมายาหรือสาไถย คราเห็นเจาปราศทุกขครูสุขใจ อยากเห็นวัยงอกงามล้ําลาวัณย ลูกรัก....... หวงใยนักทางอีกไกลครูใฝฝน จงรุงเรืองพนมัวหมองของอาธรรม จิตตั้งมั่นทางชีวิตคิดใครครวญ เดินใหดีและตรงทางอยางวันนี้ จะไมมีวันเสียใจหรือใหหวน ผานปญหาอุปสรรคยากทั้งมวล จงทบทวนอยาทอแทแตนี้ไป ลูกรัก........ มิตรมากนักอยาเสเพลเถลไถล แบงเวลา เรียน เลน เที่ยว เกี่ยวกันไป รูหักใจ รูผอนปรน รูตนเอง ศักดิ์ศรี....... ตอไปนี้เลิกเบงเลิกขมเหง คาของคนศักดิ์ของใครใชนักเลง เลิกอวดเกงเบงทับกับใครใคร ทายนี้......ลูกรัก เหน็ดเหนื่อยนักออมอกนี้จะพลีให ใหเจาพักคลายรอนออนอกใจ สายธารใสใหดื่มซับอาบดวงจินต สารธารใจมีใหไมเหือดแหง ขจัดแลงเลวหลงจงถวิล ใหเจาอาบชําระชั่วตัวราคิด บนแผนดิน อ.ร.ขออยาลืม ฯ (อ.สุขสวัสดิ์ สุริยนต)
  • 89.
    ๘๙ แบบประเมิน การเขาคายอบรมคุณธรรม (สําหรับนักเรียน) คายพุทธบุตร โรงเรียนบางกรวย อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี วันที่ ๑๔ - ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ ------------------- คําชี้แจง ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย ลงในชองที่ตรงกับความคิดเห็นของนัก เรียนมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประโยชนตอการจัดอบรมในครั้งนี้ การประ เมินมี ๕ ระดับ คือ มากที่สุด ๕, มาก ๔, ปานกลาง ๓, นอย ๒, นอยที่สุด ๑ รายการประเมิน ๕๔๓๒๑ ๑.กอนเขารับการอบรม นักเรียนเห็นคุณคาของการมีคุณธรรมเพียงใด ๒.หลังจาก พิธีมอบตัวเปนศิษย แลว นักเรียนยอมรับบทบาทความสําคัญ ของครูเพียงใด ๓.กติกาสัญญาใจ มีความสําคัญตอการปฏิบัติตนในการอยูรวมกันเพียงใด ๔.ฐานการอบรมคุณธรรมตอไปนี้ ใหประโยชนกับนักเรียน ในการนําไป ประยุกตใชในชีวิตประจําวันเพียงใด (ประเมินทีละฐาน) -ฐาน การเขาถึงพระรัตนตรัย -ฐาน ความรับผิดชอบ -ฐาน คุณธรรมของมนุษย -ฐาน การมีระเบียบวินัย ๕.นักเรียนประทับใจในการทําวัตรเพียงใด ๖.นักเรียนควบคุมสมาธิไดดีเพียงใด ในการทําจิตตภาวนา ๗.นักเรียนซาบซึ้งเพียงใด เมื่อเขารวมพิธีสูความเปนพุทธบุตร ๘.นักเรียนไดรับความรูในดานการพัฒนาตนเอง เพียงใด ๙.การสนทนากับกัลยามิตร ทําใหนักเรียนเห็นชองทางของการกระทําตน ใหมีคุณธรรม เพียงใด รายการประเมิน ๕๔๓๒๑ ๑๐.ฐานการอบรมคุณธรรมตอไปนี้ มีคุณคาตอชีวิตของนักเรียน
  • 90.
    ๙๐ เพียงใด (ประเมินทีละฐาน) -ฐาน การเปนบุตรที่ดี -ฐาน การเปนศิษยที่ดี -ฐาน การเปนเพื่อนที่ดี -ฐาน การเปนสาวกที่ดี ๑๑.หลังจากฝกสมาธิใจสงบ นักเรียนคิดวาจํานําไปใชในการ ดํารงชีวิตไดเพียงใด ๑๒.การทําวัตร เชา-เย็น ชวยใหนักเรียนสบายใจ มากนอยเพียงใด ๑๓.การฝกกายบริหารตอนเชา ชวยใหนักเรียนสดชื่นเพียงใด ๑๔.ตารางการฝกอบรมคุณธรรม มีความเหมาะสมเพียงใด ๑๕.นักเรียนไดรับความอบอุนและการเอาใจใสจากอาจารยประจํากลุม มากนอย เพียงใด ๑๖.นักเรียนไดรับการบริการดานที่พัก สะดวก สบาย เพียงใด ๑๗.การรับประทานอาหารที่มีระเบียบ ทําใหนักเรียนรูสึกประทับใจเพียงใด ๑๘.การจัดทําเอกสารดีมากนอยเพียงใด ๑๙.หลังจากการอบรม นักเรียนมีความรู ความเขาใจ ดานคุณธรรม หลักธรรม ของศาสนามากขึ้น เพียงใด ๒๐.นักเรียนคิดวา การอบรมครั้งนี้จะทําใหนักเรียนปฏิบัติตนไดอยางถูกทํานอง คลองธรรม เพียงใด ๒๑.ความประทับใจในการอบรมครั้งนี้ ---------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------- ๒๒.ขอเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเติม ---------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------- แบบประเมิน สําหรับครูอาจารย การเขาคายอบรมคุณธรรม และวิทยากร คายพุทธบุตร โรงเรียนบางกรวย อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี วันที่ ๑๔ - ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ -------------------- คําชี้แจง ขอใหครูอาจารยไดแสดงความคิดเห็นของตนเอง ตอการจัดการอบรม ในครั้งนี้ใหมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประโยชนตอการจัดอบรมในครั้งนี้
  • 91.
    ๙๑ ๑. ความเหมาะสมของการเตรียมสถานที ระบบแสงเสียง ที่พักอาหาร ตลอดจน การอํานวยความสะดวกดานตาง ๆ -------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------- ๒. ความรวมมือของครูอาจารย ในทุก ๆดาน -------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------- ๓. ความรวมมือของนักเรียนในทุก ๆ ดาน -------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------- ๔. ขอเสนอแนะและความคิดเห็นเพิ่มเติม -------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------- ใบสํารวจศีล ใหนักเรียนขีด ( ) เมื่อทําได และขีด ( ) เมื่อทําไมได พรอมกับบันทึกเหตุผลแตละขอ วัน/เดือน/ป ขอ๑ ขอ๒ ขอ๓ ขอ๔ ขอ๕ บันทึกเหตุผล ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------- (๓๑ ชอง) ------------------------------------------------------------------- ชื่อ.................นามสกุล....................ชั้น.............กลุม..... สีลํ อาภรณํ เสฏฐํ ศีลเปนอาภรณอันประเสริฐ เพลงประกอบกิจกรรม ครูคือผูให เปลวเทียนตานลมโหมกระหน่ํา ก็ยังเปลงแสงแวววาม ยอดเปลวลูตามเมื่อลมพัดมา
  • 92.
    ๙๒ เหมือนดวงใจแกรงกลา ของครูมั่นคงนักหนาถายทอดวิชาเพื่อศิษยทั้งปวง ครูคือผูนําทางให ศิษยรักมุงสูหลักชัย ดวยดวงฤทัยไมวายแสนหวง แมเวลาลับลวง แมงานจะสุมหนักทรวง คุณครูทั้งปวงทุมเทดวยใจ ครูมีหัวใจตั้งมั่น มีรักใหศิษยทั่วกัน ไมเคยคิดแบงไปใหใคร รักที่ครูมอบให คือรักศิษยในดวงใจ เปนโซสายใยเชื่อมโยงเรื่อยมา ดวงใจไมเคยผันเปลี่ยน สอนศิษยดวยความพากเพียร มาตรแมนวาเพียรจะดอยนอยคา ครูก็ภูมิใจวา ศิษยรักที่สั่งสอนมา มีธรรมจริยากันทั่วหนาเอย. พระคุณที่สาม ครูบาอาจารยที่ทานประทานความรูมาให อบรมจิตใจใหรูผิดชอบชั่วดี กอนจะนอนสวดมนตออนวอนทุกที ขอกุศลบุญบารมีสงเสริมครูนี้ใหรมเย็น ครูมีบุญคุณจึงขอเทิดทูลเอาไวเหนือเกลา ทานสั่งสอนเราอบรมใหเราไมเวน ทานอุทิศไมคิดถึงความยากเย็น สอนจนรูจัดเจนเฝาเนนเฝาแนะมิไดอําพราง พระคุณที่สาม งดงามแจมใส แตวาใครหนอใคร เปรียบเปรยครูไววาเปนเรือจาง พลาดจากความจริง ยิ่งคิดยิ่งเห็นวาผิดทาง มีใครบางแนะนําแนวทางอยางครู บุญเคยทํามาแตปางใดใด เรายกใหทาน ตั้งใจกราบกรานระลึกคุณทานกตัญู โรคและภัยอยาไดแผวพานคุณครู ขอกุศลผลบุญค้ําชู ใหครูเปนสุขชัวนิรันดร ใหครูเปนสุข ชั่ว ่ นิรันดร. แมพิมพของชาติ แสงเรืองเรืองที่สองประเทืองอยูทั่วเมืองไทย คือแมพิมพอันนอยใหญ โอครูไทยในแดนแหลมทอง เหนื่อยยากเพียงใด ไมเคยบนไปใหใครเขามอง ครูนั้นยังลําพอง ในเกียรติของตนเสมอมา ที่ทํางานชางสุดกันดารในปาดงไพร ถึงจะไกลก็เหมือนใกล เรงรุดไปใหทันเวลา กลับบานไมทันบางวันตองไปอาศัยหลวงตา ครอบครัวคอยทาไมรูวาไปอยูไหน ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสายจวนไดเวลา เห็นศิษยรออยูพรอมหนา ตองรีบมาทําการสอน ไมมีเวลาที่จะไดมาหยุดพอพักผอน โรงเรียนในดงปาดอน ใหโหยออนสะทอนอุรา ชื่อของครูฟงดูก็รูชวนชื่นใจ งานที่ทําก็ยิ่งใหญ สรางชาติไทยใหวัฒนา ฐานะของครูใครใคร ก็รูวาดอยนักหนา ยังสูทนอุตสาหสั่งสอนศิษยมาก็หลายป นี่แหละครูที่ใหความรูอยูรอบเมืองไทย หวังสิ่งเดียวคือขอให เด็กของไทยในผืนธานี ไดมีความรูเพื่อชวยเชิดชูไทยใหผองศรี ครูก็ภูมิใจที่สมความเหนื่อยยากตรากตรํามา
  • 93.
    ๙๓ ทําดีไดดี คนเราทุกคนวายวนผลกรรมนําเนื่อง ตกต่ํารุงเรืองเกี่ยวเนื่องแตกรรมของตน ความดีค้ําจุนจากบุญกุศล ความชั่วจากบาปทุกขทนเพราะตนนั้นกอเวรไว บางคนถือดีมั่งมีเพราะทํากรรมชั่ว นั้นบาปสาบตัวเกลือกกลั้วมัวเมาเขลาไป บางคนระอาวาเหตุไฉน ทําดีแตจนเหลือใจ ไมเห็นไดดีเหมือนวา อยาเพลินถือวาเงินเปนใหญ จิตใจเหนือสิ่งใดล้ําคา เพราะความทุกขความสุขใด เปนที่ใจ ใชที่ตา อยาพะวงหลงลืมตน ทําดีทุกทีตองมีผลดีโดยทั่ว กอกรรมทําชั่ว ไดชั่วตอบแทนทุกคน คนดีรักดี โชคดีมีผล คนชั่ว ชั่วโฉดเฉาชน ไมพนผลกรรมซ้ําเติม ใครหนอ ใครหนอรักเราเทาชีวี ใครหนอปราณีไมมีเสื่อมคลาย ใครหนอรักเราใชเพียงรูปกาย รักเขาไมหนาย ไมคิดทําลาย ใครหนอ ใครหนอรักเราเทาทรวงใน ใครหนอเอาใจปลอบเราเรื่อยมา ใครหนอรักเรา ดังดวงแกวตา รักเขากวางกวา ผืนพสุธา นภากาศ จะเอาโลกมาทําปากกา จะเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ําหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศพระคุณไมพอ ใครหนอรักเราเทาชีวัน ใครหนอใครกันใหเราขี่คอ(คุณพอ-คุณแม) ใครหนอชักชวน ดูหนังสี่จอ รูแลวละก็ อยามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ ออมอกแม คําใดไมซึ้งตรึงใจเหมือนแม อันพระคุณปกแผใหแกลูกนอยกลอยใจ อกแมเคยโอบออม เหกลอมละมุนละไม ยุงเอยเคยกินริ้นไต แมเฝาแกวงไกวลูกใหนิทรา มองไปใจหายไมวายแสนเศรา ครวญถึงวันกอนเกา ใจเฝาขาดแมแลหา ดั่งนกนอยคอยเหยื่อ แมเผื่อดวยความเมตตา นกนอยคอยแมไมมา โอวาแมจาแมอยูแหงใด ยามใดหมองหมนขาดคนเหลียวแล มองเห็นก็แตแม ที่อยูใกล น้ําตาลูกไหล แมซับน้ําตาใหดวยใจรักเวทนา ออมอกแมเอย แมเคยรับซับน้ําตา พระคุณยิ่งพสุธา ขาดแมแลหาเปลี่ยวใจ บุญคุณอันนี้ไมมีเหมือนแม ใครเขาจะเผื่อแผใหแกเรานั้นอันใด อางวางใจแสนเศรา เปลี่ยวเปลาเหมือนอยูปาไกล แมจาพระคุณยิ่งใหญ ออมอกแมไซรลูกไมเคยลืม พระคุณแม เมื่ออยูในทองของแมเรา แมทุกขแมเศรา แมเฝาระวังเหลือหลาย เผ็ดหวานมันเปรี้ยว แมเขี้ยวแลวยังตองคาย กลัวเผ็ดจะไปทําลาย ทํารายสายเลือดในครรภ
  • 94.
    ๙๔ ลูกเกิดมาแลวเหมือนแกวใจ เรือดริ้นยุงไตแมปด แมไกว แมกัน ลูกหิวคอยปอน ลูกรอนพัดวีใหพลัน แมเฝาเปนคืนเปนวันบุญคุณนั้นแมไมทวง ยางสูวัยเรียน แมเพียรหาเงินสงให บางทีเงินที่ได จากเหงื่อไคลและน้ําตารวง ผิดถูกชั่วดีแมชี้ใหรูทั้งปวง โตแลวแมยังตองหวง เฝาหวงลูกดังชีวี นี้คือรักแทของแมเรา จะหาใดเลา เทียบเทาบุญคุณแมนี้ ครอบหลาจบ บวกลบหา คาที่มี ถาเทียบคุณงามความดี ครอบฟานี้แมก็เทียม คาน้ํานม แมนี้มีบุญคุณอันใหญหลวง ที่เฝาหวงหวงลูกแตหลังเมือยังนอนเปล ่ แมเราเฝาโอละเห กลอมลูกนอยนอนเปล ไมหางหันเหไปจนไกล แตเล็กจนโตโอแมถนอม แมผายผอมยอมเกิดแตรักลูกปกดวงใจ เติบโตโอเล็กจนใหญ นี้แหละหนาอะไร มิใชใดหนาเพราะคาน้ํานม ครวญคิดพินิจใหดี คาน้ํานมแมนี้ จะมีอะไรเหมาะสม โอวาแมจา ลูกคิดถึงคาน้ํานม เลือดในอกผสม กลั่นเปนน้ํานมใหลูกดื่มกิน คาน้ํานมควรชวนใหลูกฝน แตเมื่อหลังเปรียบดังผืนฟาหนักกวาแผนดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ํานมกิน ทอแทนไมสิ้นพระคุณแมเอย ฯ