More Related Content
Similar to หน่วย3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
Similar to หน่วย3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (20)
More from วุฒิชาติ มาตย์นอก
More from วุฒิชาติ มาตย์นอก (20)
หน่วย3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
- 1. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 webmaster@aksorn.com / www.aksorn.com
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
พระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
๑_หลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนา
๒_แผนการจัดการเรียนรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_Clip
๕_ใบงาน_เฉลย
๖_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย
๗_การวัดและประเมินผล
๘_รูปภาพ
๙_เสริมสาระ
หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๔ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๕ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๖ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๗ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๘
๑๐_สื่อเสริมการเรียนรู้
- 3. พระรัตนตรัย
• พระพุทธศำสนำมีองค์ประกอบสำคัญ ๓ ประกำร คือ พระรัตนตรัย แปลว่ำ แก้วอันประเสริฐ ๓ ดวง ได้แก่
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ • องค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ผู้ทรงเป็นศำสดำของศำสนำ
เป็นผู้ค้นพบสัจธรรมโดยกำรตรัสรู้เอง
พระธรรม
พระสงฆ์
• คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ำ อธิบำยควำมเป็นจริงของชีวิตมนุษย์
เป็นคำสั่งสอนที่ให้มนุษย์ประพฤติดี
• หมู่สำวกที่ปฏิบัติตำมคำสอนขององค์พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ และเผยแผ่
คำสอนให้แก่คนทั่วไป
- 4. สวำกขำโต ภควตำ ธัมโม
พระรัตนตรัย
• แต่ละองค์ประกอบจะมีคุณลักษณะแตกต่ำงกัน ในที่นี้จะกล่ำวถึง ธรรมคุณ คือ คุณของธรรม มี ๖ ประกำร
สันทิฏฐิโก
อกำลิโก
เอหิปัสสิโก
โอปนยิโก
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ
• พระธรรมเป็นคำสอนอันพระผู้มีพระภำคเจ้ำตรัสไว้ดีแล้ว เป็นควำมจริงแท้ เป็นหลักครอง
ชีวิตอันประเสริฐ
• พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตำมจะเห็นได้ด้วยตนเอง
• ไม่เนื่องด้วยกำลเวลำ ไม่ขึ้นอยู่กับเวลำ ปฏิบัติตำมได้พร้อมบริบูรณ์เมื่อใดก็เห็นผล
เมื่อนั้น
• ควรเรียกให้มำดู คือ พระธรรมเป็นคำสอนที่ควรจะเชิญให้ใครๆ มำดู มำพิสูจน์ มำตรวจสอบ
เพรำะเป็นของที่จริงตลอดเวลำ
• ควรน้อมเข้ำมำ คือ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ำไว้ในใจ เพื่อยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในชีวิต จะได้บรรลุ
ถึงควำมหลุดพ้น
• วิญญูชน ได้แก่ นักปรำชญ์รู้ได้เฉพำะตน
- 6. อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
• ควำมจริงว่ำด้วยควำมทุกข์ ควำมไม่สบำยกำย ไม่สบำยใจ ควำมทุกข์นั้นเกิดขึ้นกับใคร เมื่อไหร่ก็ได้ เรำจึงไม่ควร
ประมำทและพร้อมที่จะเผชิญหน้ำกับควำมจริง
หลักธรรมที่ควรรู้เพื่อให้รู้ควำมจริงของกำรเกิดทุกข์
ขันธ์ ๕ อำยตนะ
- 7. อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
ขันธ์ ๕
องค์ประกอบของชีวิตมี ๕ ประกำร
รูป
เวทนำ
สัญญำ
สังขำร
วิญญำณ
ส่วนที่เป็นร่ำงกำย
ควำมรู้สึกที่เกิดขึ้น มี ๓ อย่ำง คือ สุขเวทนำ ทุกขเวทนำ และอุเบกขำเวทนำ
กำรกำหนดหมำยรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น รูป รส กลิ่น เสียง และอำรมณ์ เป็นต้น
สิ่งปรุงแต่งจิตเป็นผลรวมของกำรรับรู้
กำรรับรู้ผ่ำนประสำทสัมผัสทั้ง ๕ และใจ
- 8. อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ
จักขุวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ
กายวิญญาณ
มโนวิญญาณ
ควำมรู้อำรมณ์ทำงหู รู้เสียงด้วยหู ได้ยิน
ควำมรู้อำรมณ์ทำงจมูก รู้และได้กลิ่นด้วยจมูก
ควำมรู้อำรมณ์ทำงตำ รู้รูปด้วยตำ เห็น ควำมรู้อำรมณ์ทำงลิ้น รู้รสด้วยลิ้น รู้รส
ควำมรู้อำรมณ์ทำงกำย รู้สึกสัมผัส
ควำมรู้อำรมณ์ทำงใจ รู้ควำมนึกคิด
- 9. อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
อำยตนะ
• อำยตนะจัดเป็นองค์ประกอบของวิญญำณ คือกำรรับรู้ กล่ำวคือ ในกำรรับรู้จะต้องมีผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ขันธ์ ๕
คือ ผู้รู้ ซึ่งรับรู้ผ่ำนอำยตนะภำยใน ได้แก่ ตำ หู จมูก ลิ้น กำย และใจ ส่วนสิ่งที่ถูกรู้ คือ รูป เสียงกลิ่น รส
กำรสัมผัส และกำรนึกคิด (ธรรมำรมณ์) เรียกว่ำ อำยตนะภำยนอก
• อำยตนะภำยในเป็นเครื่องเชื่อมต่อใจกับโลกภำยนอก พระพุทธศำสนำจึงสอนให้มีควำมสำรวมในอำยตนะ
- 10. ตำ ประสำทที่เห็นรูปต่ำงๆ ได้ เรียกว่ำ
อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
อำยตนะภำยใน
จักขุประสำท
หู ประสำทที่รับฟังเสียงได้ เรียกว่ำ โสตประสำท
จมูก ประสำทที่สูดกลิ่นได้ เรียกว่ำ ฆำนประสำท
ลิ้น ประสำทที่ลิ้มรสได้ เรียกว่ำ ชิวหำประสำท
กำย ประสำทรับสัมผัสได้ เรียกว่ำ กำยประสำท
ใจ หมำยถึง จิต
- 11. รูป สิ่งที่เห็นด้วยตำ
อริยสัจ ๔ ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
อำยตนะภำยนอก
เสียง สิ่งที่ได้ยินด้วยหู
กลิ่น สิ่งที่สูดดมได้ด้วยจมูก
รส สิ่งที่ลิ้มรสได้ด้วยลิ้น
สัมผัส (โผฏฐัพพะ) สิ่งที่ถูกต้องกำย
อำรมณ์ (ธรรมำรมณ์) เรื่องที่คิดขึ้นด้วยใจ
- 12. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
• ควำมจริงว่ำด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์ เพรำะควำมทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นต้องมีสำเหตุ ไม่ได้มีขึ้นลอยๆ ในที่นี้จะพูดถึง
หลักธรรมที่ควรละ ๓ อย่ำง เพื่อไม่ให้เกิดทุกข์
หลักธรรมที่ควรละเพื่อไม่ให้เกิดทุกข์
หลักกรรม
อกุศลกรรมบถ ๑๐
อบำยมุข ๖
- 13. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
หลักกรรม
• หลักกรรม หรือกฎแห่งกรรม เป็นคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศำสนำ ผลของกรรมมีทั้งผลชั้นในและ
ผลชั้นนอก สิ่งสนับสนุนให้กรรมดีให้ผล เรียกว่ำ สมบัติ สิ่งสนับสนุนให้กรรมชั่วให้ผล เรียกว่ำ วิบัติ
สมบัติ ๔
คติสมบัติ
อุปธิสมบัติ
กำลสมบัติ
ปโยคสมบัติ
เกิดในภพ หรือ ประเทศที่เจริญ
เกิดมำมีร่ำงกำยที่สง่ำงำม แข็งแรง
เกิดในสมัยบ้ำนเมืองสงบสุข
กำรทำให้ครบถ้วนทำอย่ำงต่อเนื่อง
- 14. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
หลักกรรม
• หลักกรรม หรือกฎแห่งกรรม เป็นคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศำสนำ ผลของกรรมมีทั้งผลชั้นในและ
ผลชั้นนอก สิ่งสนับสนุนให้กรรมดีให้ผล เรียกว่ำ สมบัติ สิ่งสนับสนุนให้กรรมชั่วให้ผล เรียกว่ำ วิบัติ
วิบัติ ๔
คติวิบัติ
อุปธิวิบัติ
กำลวิบัติ
ปโยควิบัติ
เกิดในภพ หรือ ประเทศที่ไม่เจริญ
เกิดมำมีร่ำงกำยพิกลพิกำร ไม่สง่ำงำม
เกิดในสมัยบ้ำนเมืองมีทุกข์เข็ญ
กำรทำไม่ครบถ้วนไม่ต่อเนื่อง
- 15. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
ตัวอย่ำงแสดงให้เห็นถึงกำรเกิดในที่ต่ำงๆ
• เกิดในที่เจริญ มีกำรบริกำรดี กำรศึกษำดี ทั้งที่ไม่ขยัน
• เป็นคนซื่อสัตย์ เกิดในยุคผู้ปกครองดี สังคมยกย่องเชิดชู
คนนั้นก็มีเกียรติมีควำมเจริญ
• มีสติปัญญำดี แต่เกิดเป็นคนป่ำ
• มีควำมรู้ ควำมสำมำรถดี แต่ไปอยู่ในที่ที่เขำไม่เห็นคุณค่ำ
- 16. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อกุศลกรรมบถ ๑๐
• อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทำงแห่งอกุศลกรรม หรือทำงแห่งควำมชั่ว หรืออำจหมำยถึง กรรมชั่วอันเป็นทำงไปสู่
ควำมเสื่อม ควำมทุกข์ก็ได้ กรรมชั่วนี้แบ่งได้เป็น ๓ ทำงใหญ่ๆ ได้แก่
กรรมชั่วทำงกำย กรรมชั่วทำงวำจำ กรรมชั่วทำงใจ
- 17. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อกุศลกรรมบถ ๑๐
กรรมชั่วทำงกำย
• ปาณาติบาต คือ กำรปลงชีวิต กำรทำให้สัตว์โลกถึงแก่ควำมตำย
• อทินนาทาน คือ กำรขโมยของผู้อื่น กำรถือเอำของที่เขำไม่ให้ รวมถึงกำรฉ้อโกง ยักยอก หลอกลวง
คอร์รัปชันด้วย
• กาเมสุมิจฉาจาร คือ กำรประพฤติผิดในกำม กำรละเมิดคู่ครอง ของรักของหวงของผู้อื่น
- 18. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อกุศลกรรมบถ ๑๐
กรรมชั่วทำงวำจำ
• มุสาวาท คือ กำรพูดเท็จ พูดสิ่งที่ไม่จริงโดยที่รู้ว่ำไม่จริง กำรพูดกำกวมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วย
• ปิสุณวาจา คือ พูดส่อเสียด ทำให้คนเกิดแตกสำมัคคี พูดกระทบกระเทียบเหน็บแนม ให้อีกฝ่ำยหนึ่งเจ็บใจ
กำรพูดเสียดสีมักเกิดจำกควำมอิจฉำ
• ผรุสวาจา คือ พูดคำหยำบ กำรพูดหยำบก่อให้เกิดควำมแตกร้ำว ทำให้เรื่องเล็กกลำยเป็นเรื่องใหญ่
• สัมผัปปลาปะ คือ พูดเพ้อเจ้อ ไม่มีแก่นสำร ไม่มีประโยชน์แก่ใครไม่ว่ำตนเองหรือผู้อื่น
- 19. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อกุศลกรรมบถ ๑๐
กรรมชั่วทำงใจ
• อภิชฌา คือ คิดเพ่งเล็งอยำกได้ของเขำ ไม่นึกว่ำของใครใครก็หวง แม้ยังไม่ได้ขโมย แต่ก็ทำให้จิตใจเสื่อม
ไม่คิดที่จะขยันขันแข็งเพื่อหำมำด้วยตนเอง
• พยาบาท คือ คิดร้ำยผู้อื่น อยำกให้ผู้อื่นเจ็บปวด เสียหำย ประสงค์ร้ำย ควำมคิดร้ำยนี้จะบั่นทอน
ควำมสำมำรถและควำมดีของตนเอง
• มิจฉาทิฏฐิ คือ เห็นผิดจำกคลองธรรม เช่น ไม่เชื่อว่ำทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
- 20. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อบำยมุข ๖
• อบำยมุข ๖ คือ ทำงแห่งควำมเสื่อม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรำควรละ มี ๖ ประกำร
ติดสุรำและของมึนเมำ
ชอบเที่ยวกลำงคืน
ชอบเที่ยวดูกำรละเล่น
ติดกำรพนัน
คบคนชั่วเป็นมิตร
เกียจคร้ำนกำรงำน
- 21. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อบำยมุข ๖
ติดสุรำและของมึนเมำ
• ทำให้เสียทรัพย์
• ทำให้เกิดกำรทะเลำะวิวำท
• เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
• ทำให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียง
• ทำให้ไม่รู้จักอำย
• บั่นทอนสติปัญญำ
ชอบเที่ยวกลำงคืน
• เป็นกำรไม่รักตัว
• เป็นกำรไม่รักลูกเมียหรือครอบครัว
• เป็นกำรไม่รักษำทรัพย์สมบัติ
• เป็นที่ระแวงสงสัยของผู้อื่น
• เป็นเป้ำให้เขำใส่ควำม
• เป็นที่มำของควำมเดือดร้อนนำนำชนิด
- 22. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อบำยมุข ๖
ชอบเที่ยวดูกำรละเล่น ติดกำรพนัน
• ถ้ำเที่ยวมำกเกินไป ทำให้ใจจดจ่ออยู่กับสิ่ง
เหล่ำนั้น ไม่เป็นอันทำมำหำกิน เสียทั้งเวลำ
เสียทั้งเงิน ทำให้คนอื่นเชื่อถือน้อยลง ทำให้
ถูกมองว่ำเป็นคนไม่เอำกำรเอำงำน
• เมื่อชนะย่อมก่อเวร เมื่อเล่นได้ย่อมมี
คนอยำกแก้มือเรียกร้องให้เล่นอีก
• เมื่อแพ้ย่อมเสียดำยทรัพย์
• ทรัพย์สินเสียหำย
• ไม่มีใครเชื่อถือ
• เพื่อนฝูงดูหมิ่น
• ไม่มีใครอยำกได้เป็นคู่ครอง
- 23. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
อบำยมุข ๖
คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้ำนกำรงำน
• ควำมเกียจคร้ำนมีโทษอย่ำงไร แทบไม่ต้องพูดถึง ทุกคน
รู้อยู่แก่ใจว่ำสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งดีงำมทั้งหลำยย่อม
ไม่เกิดจำกควำมเกียจคร้ำน เรียนหนังสือก็สู้เขำไม่ได้
ทำมำหำกินก็สู้เขำไม่ได้
คนเรำเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับใคร ก็มีโอกำสที่จะมีพฤติกรรม
เช่นเดียวกับเขำ เช่น
• นักเลงกำรพนัน
• นักเลงเจ้ำชู้
• นักเลงสุรำยำเสพติด
• นักลวงเขำด้วยของปลอม
• นักหลอกลวง
• นักเลงหัวไม้
- 24. อริยสัจ ๔ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
คุณประโยชน์ของกำรละเว้นอบำยมุข
• ไม่เสียทรัพย์ไปโดยเปล่ำประโยชน์
• ไม่หมกมุ่นในสิ่งที่หำสำระไม่ได้
• ประกอบหน้ำที่กำรงำนได้เต็มที่
• ชีวิตไม่ตกต่ำ
• เป็นที่รักใคร่และเป็นที่ไว้ใจของผู้อื่น
• มีพลำนำมัยสมบูรณ์ สติปัญญำไม่เสื่อมถอย
• สำมำรถประกอบหน้ำที่ได้ด้วยควำมสุจริต
- 25. อริยสัจ ๔ นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)
• ควำมจริงว่ำด้วยควำมดับทุกข์ เมื่อควำมทุกข์เกิดจำกสำเหตุ ถ้ำเรำดับสำเหตุนั้นเสีย ควำมทุกข์นั้นย่อมดับไปด้วย
ดังพุทธดำรัสว่ำ “เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนั้นก็ไม่มี เพรำะสิ่งนี้ดับ สิ่งนั้นก็ดับ” ณ ที่นี้จะพูดถึงหลักธรรมบำงข้อที่เรำควร
บรรลุเพื่อเป็นทำงดับทุกข์ตำมหลักอริยสัจ ๔
หลักธรรมที่ควรบรรลุเพื่อให้ดับควำมทุกข์
สำมิสสุข นิรำมิสสุข
- 26. อริยสัจ ๔ นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)
สำมิสสุข
• สามิสสุข คือ ควำมสุขทำงวัตถุ หรือ ควำมสุขทำงเนื้อหนัง กำรเสพสำมิสสุขเป็นธรรมดำของคนทั่วไป
พระพุทธศำสนำสอนเรื่อง “คิหิสุข” คือ ควำมสุขของชำวบ้ำน ได้แก่
ควำมสุขที่เกิดจำกกำรมีทรัพย์
ควำมสุขที่เกิดจำกกำรใช้จ่ำยทรัพย์
ควำมสุขที่เกิดจำกกำรไม่มีหนี้สิน
ควำมสุขที่เกิดจำกกำรประพฤติในสิ่งที่สุจริต
อัตถิสุข
โภคสุข
อนณสุข
อนวัชชสุข
- 27. อริยสัจ ๔ นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)
นิรำมิสสุข
• นิรามิสสุข คือ ควำมสุขที่ไม่อิงวัตถุภำยนอก เรียกง่ำยๆ ว่ำ ควำมสุขทำงใจ มีตั้งแต่ขั้นต่ำสุดไปถึงขั้นสูงสุด คือ
นิพพำน ควำมสุขทำงใจในระดับชำวบ้ำน เช่น กำรได้รับควำมอบอุ่นจำกครอบครัว ไม่มีศัตรู ขั้นสูง เช่น
กำรมีจิตใจสงบ ไม่คิดร้ำยใคร สูงขึ้นไปอีก เช่น เกิดควำมอิ่มใจเมื่อได้เสียสละ
• ควำมสุขประเภทนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุภำยนอกหรือขึ้นอยู่น้อยมำก เป็นควำมสุขทำง ทำได้โดยเริ่มต้นด้วย
กำรปฏิบัติตำมศีล ๕ และธรรม ๕ ช่วยให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่ำน ควำมสุขที่พึ่งวัตถุภำยนอกก็จะน้อยลงเรื่อยๆ
เป็นตัวของตัวเอง ไม่เป็นทำสของค่ำนิยมที่ฟุ่มเฟือย หรือที่เรียกว่ำ วัตถุนิยม
- 28. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
• ควำมจริงว่ำด้วยทำงแห่งควำมดับทุกข์ ถ้ำใครปฏิบัติตำมก็จะลดควำมทุกข์หรือปัญหำได้ ณ ที่นี้จะพูดถึง
หลักธรรมบำงข้อที่เรำควรปฏิบัติ เพื่อเป็นทำงที่นำไปสู่ควำมดับทุกข์ ดังนี้
หลักธรรมที่ควรเจริญเพื่อเป็นทำงไปสู่ควำมดับทุกข์
บุพพนิมิตของมัชฌิมำปฏิปทำ
ดรุณธรรม ๖
กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔
กุศลกรรมบถ ๑๐
สติปัฏฐำน ๔
มงคล ๓๘
- 29. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
บุพพนิมิตของมัชฌิมำปฏิปทำ
• มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทำงสำยกลำง
• บุพพนิมิต แปลว่ำ สิ่งที่เป็นเครื่องหมำยหรือสิ่งบอกล่วงหน้ำ
พระพุทธเจ้ำได้ตรัสเปรียบไว้ว่ำ
“ก่อนที่ดวงอำทิตย์จะขึ้นย่อมมีแสงเงิน แสงทองปรำกฏให้เห็นก่อนฉันใด ในทำนองเดียวกัน ก่อนที่อริยมรรคหรือ
มัชฌิมำปฏิปทำ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำคัญในพระพุทธศำสนำจะเกิดขึ้น ก็มีธรรมบำงประกำรปรำกฏขึ้นก่อนเหมือนแสงเงิน
แสงทองฉันนั้น”
• ก่อนจะเกิดปัญญำขึ้นนั้น มีปัจจัย ๒ อย่ำงเป็นเครื่องช่วย คือ กัลยำณมิตร และโยนิโสมนสิกำร
- 30. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
บุพพนิมิตของมัชฌิมำปฏิปทำ
กัลยำณมิตร
• กำรมีกัลยำณมิตรเป็นสัญญำณที่บอกว่ำ เรำกำลังจะเดินทำงไปสู่อริยมรรค บำงทีเรียกกัลยำณมิตรว่ำ
“ปรโตโฆสะ” แปลว่ำ เสียงจำกผู้อื่น คือ เสียงหรือคำพูดที่ดีงำม ถูกต้อง เสียงจำกมิตรที่ดี ช่วยแนะนำให้เรำเกิด
ควำมคิดเห็นที่ถูกต้อง (สัมมำทิฐิ) กำรมีกัลยำณมิตรเป็นจุดเริ่มต้นของกำรพัฒนำปัญญำที่จะทำให้เรำเห็นสัจธรรม
โยนิโสมนสิกำร
• โยนิโสมนสิการ หมำยถึง กำรใช้ควำมคิดถูกวิธี รู้จักคิด รู้จักวิเครำะห์ คิดอย่ำงมีระเบียบ บำงทีเรียกว่ำ “กำรทำใจ
โดยอุบำยอันแยบคำย” โยนิโสมนสิกำรเป็นอำหำรหล่อเลี้ยงสติมิให้คิดไปในทำงที่ผิด แม้ศรัทธำหรือกัลยำณมิตร
เป็นสิ่งสำคัญที่จะเดินตำมอริยมรรค แต่ตัวตัดสิน คือ ปัจจัยภำยใน ซึ่งเรียกว่ำ โยนิโสมนสิการ
- 31. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
ปิโย
ครุ
วจนักขโม
วัตตำ
ภำวนีโย
คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตำ
โน จัฏฐำเน นิโยชะเย
• มีควำมน่ำรัก เป็นกันเอง
• มีควำมน่ำเคำรพ
• มีควำมน่ำยกย่อง
• รู้จักชี้แจงให้เข้ำใจ
• อดทนที่จะรับฟัง
• แถลงเรื่องล้ำลึกได้
• ไม่ชักจูงกันไปทำงเสื่อมเสีย
คุณสมบัติของกัลยำณมิตร
- 32. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
ดรุณธรรม ๖
• ดรุณ หมำยถึง เด็กหรือผู้เยำว์ เด็กนั้นยังมีอนำคตอันยำวไกลควรจะมีหลักธรรมที่เป็นทำงไปสู่ควำมเจริญก้ำวหน้ำ
ของชีวิต เรียกว่ำ ดรุณธรรม ๖ คือ ทำงไปสู่ควำมเจริญก้ำวหน้ำ ๖ ประกำร
รักษำสุขภำพดี (อโรคยะ)
มีระเบียบวินัย (ศีล)
ได้เห็นแบบอย่ำงจำกคนดี
(พุทธำนุวัติ)
มีควำมขยันหมั่นเพียร (วิริยะ)
ตั้งใจเรียน (สุตะ)
ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงำม
(ธรรมำนุวัติ)
ดรุณธรรม ๖
- 33. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔
• กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ คือ ธรรมที่เป็นเหตุทำให้ตระกูลมั่งคั่งมั่นคงตั้งอยู่ได้นำน ทำให้ตระกูลดำรงอยู่ด้วย
ควำมสงบสุข เรียบร้อย และมีฐำนะอันมั่นคง
• เมื่อเครื่องอุปโภคบริโภคหำยหรือหมดไปต้องรู้จักจัดหำมำไว้
• ซ่อมแซมสิ่งของที่เก่ำและชำรุดเสียหำย
• ประมำณตนในกำรอุปโภคบริโภค
• ตั้งผู้มีศีลธรรมเป็นพ่อบ้ำนแม่เรือน
- 34. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
กุศลกรรมบถ ๑๐
• กุศลกรรมบถ ๑๐ คือ ทำงแห่งกำรกระทำของผู้ฉลำดหรือคนดี เพื่อก่อให้เกิดควำมดีและควำมถูกต้อง
กุศลกรรมบถ ๑๐ แบ่งออกเป็น ๓ หมวดใหญ่ๆ
ควำมประพฤติดีทำงกำย
ควำมประพฤติดีทำงวำจำ
ควำมประพฤติดีทำงใจ
- 35. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
กุศลกรรมบถ ๑๐
ควำมประพฤติดีทำงกำย
ควำมประพฤติดีทำงวำจำ
ควำมประพฤติดีทำงใจ
• เว้นจำกกำรฆ่ำสัตว์
• เว้นจำกกำรขโมย
• เว้นจำกกำรประพฤติผิดในกำม
• ไม่โลภอยำกได้ของผู้อื่น
• ไม่คิดพยำบำท
• มีควำมเห็นชอบ
• เว้นจำกกำรพูดเท็จ
• เว้นจำกกำรพูดส่อเสียด
• เว้นจำกกำรพูดคำหยำบคำย
• เว้นจำกกำรพูดเพ้อเจ้อ
- 36. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
สติปัฏฐำน ๔
• สติปัฏฐาน ๔ หมำยถึง ที่ตั้งของสติ สัมมำสติ (หรือสติที่ชอบ) เป็นองค์มรรคข้อหนึ่งในมรรคมีองค์แปด สิ่งที่ตรงกันข้ำม
กับสติ คือ ควำมประมำท สติ คือควำมไม่เผลอ ไม่เลินเล่อ ไม่เลื่อนลอย สติเป็นตัวคอยเตือนให้เรำยับยั้งตนเอง ไม่ให้
หลงเพลินไปในทำงที่ผิด
• สติ มีควำมหมำยว่ำ ควำมไม่ประมำท (อัปปมำทธรรม) องค์พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำให้ควำมสำคัญแก่ควำมไม่ประมำทมำก
พระดำรัสครั้งสุดท้ำยของพระพุทธเจ้ำก็เป็นเรื่องอัปปมำทธรรม ว่ำ “สิ่งทั้งหลำยที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ย่อมมีควำมเสื่อมสิ้นไป
เป็นธรรมดำ ท่ำนทั้งหลำยจงยังประโยชน์ที่มุ่งหมำยให้สำเร็จด้วยควำมไม่ประมำทเถิด”
- 37. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
สติปัฏฐำน ๔
• พิจารณาเห็นภายในกาย กำรตั้งสติกำหนดพิจำรณำกำย ให้รู้เห็นตำมควำมเป็นจริงว่ำ เป็นแต่เพียงกำยไม่ใช่สัตว์
ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนของเรำ ตัวตนของเขำ
• พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา กำรตั้งสติกำหนดพิจำรณำเวทนำ ให้รู้เห็นควำมเป็นจริงว่ำ เป็นแต่เพียงเวทนำไม่ใช่สัตว์
บุคคล ตัวตนของเรำ ของเขำ
• พิจารณาเห็นในจิต กำรตั้งสติกำหนดพิจำรณำจิตให้รู้เห็นตำมควำมเป็นจริงว่ำ เป็นแต่เพียงจิตมิใช่สัตว์ บุคคล
ตัวเรำ ตัวเขำ
• พิจารณาเห็นธรรมในธรรม กำรตั้งสติพิจำรณำธรรม ให้รู้เห็นตำมควำมเป็นจริงว่ำ เป็นเพียงธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล
ตัวเรำ ตัวเขำ
- 38. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
มงคล ๓๘
• มงคล ๓๘ คือ สิ่งที่ทำให้เกิดควำมดีงำม เป็นธรรมที่นำมำซึ่งควำมสุขควำมเจริญ มีทั้งหมด ๓๘ ข้อ แต่ ณ ที่นี้
จะกล่ำวถึง ๓ ข้อ
ประพฤติธรรม เว้นควำมชั่ว เว้นจำกกำรดื่มน้ำเมำ
- 39. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
มงคล ๓๘
• คนเรำเกิดมำย่อมต้องกำรควำมสุข ควำมสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บำงครั้งบำงคนต้องกำรควำมสุขทำงใจ
มำกกว่ำควำมสุขทำงกำย บำงคนต้องกำรควำมสุขทำงกำยมำกกว่ำควำมสุขทำงใจ ควำมสุขเหล่ำนี้จะเกิดกับใคร
ไม่ได้ ถ้ำคนคนนั้นปรำศจำกสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง คือ “ธรรมะ” ไม่ว่ำจะมั่งมีหรือยำกจน โง่หรือฉลำด เด็กหรือ
ผู้ใหญ่ เป็นชำวกรุงหรือชำวชนบท เป็นหญิงหรือชำย ทำงำนเก่งหรือไม่เก่ง หำกขำดธรรมะแล้ว ชีวิตก็จะไม่มี
ควำมสุข ควำมสงบ
• ในพระพุทธศำสนำมีคำสอนที่เกี่ยวกับหลักธรรมให้เรำถือปฏิบัติมำกมำย แต่ในที่นี้จะกล่ำวถึงหลัก เบญจธรรม ๕
และเบญจศีล ๕
ประพฤติธรรม
- 40. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
มงคล ๓๘
เบญจธรรม ๕
๑. เมตตากรุณา มีควำมรักใคร่เพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือเท่ำที่
ตนทำได้
๒. สัมมาอาชีวะ หำเลี้ยงชีพทำงสุจริต
๓. กามสังวร เดินสำยกลำงเกี่ยวกับควำมสุขทำงเนื้อหนัง
๔. สัจจะ พูดแต่ควำมจริง
๕. สติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวอยู่เสมอว่ำอะไรควร อะไรไม่ควร
เบญจศีล ๕
๑. เว้นจำกกำรทำลำยชีวิต
๒. เว้นจำกกำรลักขโมย ฉ้อโกง
๓. เว้นจำกกำรประพฤติผิดในกำม
๔. เว้นจำกกำรพูดเท็จ
๕. เว้นจำกน้ำเมำ และสิ่งเสพติดทั้งหลำย
ประพฤติธรรม
- 41. โลภะ
อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
มงคล ๓๘
เว้นควำมชั่ว
• ควำมชั่วที่พระพุทธศำสนำสอนให้ละเว้นมีมำกมำย แต่จริงๆ แล้วอำจรวบรวมได้เป็น ๓ อย่ำง นั่นคือ อกุศลมูล ๓
แปลว่ำ ต้นตอของควำมชั่ว ๓ ประกำร อันได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ หรือ โลภ โกรธ หลง
ควำมโลภ ควำมอยำกได้อยำกมีโดยมิชอบ
ควำมโกรธแค้น พยำบำท อิจฉำริษยำ
ควำมหลง ไม่อยู่ในหลักของเหตุผลและปัญญำ
โทสะ
โมหะ
- 42. อริยสัจ ๔ มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ)
มงคล ๓๘
เว้นจำกกำรดื่มน้ำเมำ
• กำรดื่มสุรำ โทษที่เห็นชัดก็คือ เสียเงินโดยเปล่ำประโยชน์ แทนที่จะใช้เงินไปกับอำหำรที่เป็นประโยชน์ต่อร่ำงกำย
เกิดกำรทะเลำะวิวำทในหมู่นักเลงสุรำ เรื่องเล็กน้อยก็กลำยเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ขำดสติ ทำให้ร่ำงกำยเสื่อมลง
ทีละน้อย และทำให้คนปัญญำดีกลำยเป็นคนโง่ได้
• ในบรรดำสิ่งชั่วทั้งหลำย โทษของสุรำและสิ่งเสพติดเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดและง่ำยที่สุด ผู้ที่ยังเป็นเยำวชนและอยู่ในวัย
ศึกษำเล่ำเรียนควรอย่ำงยิ่งที่จะหลีกหนีให้ห่ำงเพรำะถ้ำติดสุรำหรือสิ่งเสพติดใดๆ จนถอนตัว ไม่ขึ้นแล้วอำจทำให้
เสียกำรเรียนและเสียอนำคตได้