More Related Content
More from ณรงค์ศักดิ์ กาหลง
More from ณรงค์ศักดิ์ กาหลง (20)
อิเหนา
- 3. ที่มาของเรื่องอิเหนา
ที่มาของเรื่อง อิเหนา เป็นบทละคร พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
หล้านภาลัย พระราชนิพนธ์เรื่องนีไ้ด้รับการยกยอ่งจากวรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ ๖ ว่า
เป็นยอดแห่งกลอนบทละคร ในการทรงพระราชนิพนธ์นัน้ตอนที่ไม่ทรงพระราชนิพนธ์เอง ก็
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กวีในราชสานักรับไปแต่งคนละตอน เสร็จแล้วนามาอ่าน
ถวายหน้าพระที่นั่ง เพื่อให้ที่ประชุมกวีพิจารณาแก้ไขร่วมกัน
นอกจากนียั้งพระราชทานต้นฉบับให้ผู้เชี่ยวชาญทางนาฏศิลป์นาไปลองซ้อมประดิษฐ์ท่า
ราให้เข้ากับบทพระรานิพนธ์ บทใดราขัดเขินก็ทรงแก้ไขให้เข้ากับกระบวนการรา พระราช
นิพนธ์บทละครเรื่องนีจึ้งมีความสมบูรณ์ดีเด่นทัง้ใจความ กระบวนกลอน และกระบวน
สาหรับเล่นละคร มีความไพเราะสะเทือนอารมณ์และก่อให้เกิดจินตนาการอัน
ลึกซึง้ถึงแม้มิได้แสดงคติทางโลกและทางธรรมโดยตรงแต่แฝงความจริงของชีวิตไว้หลาย
มุม นอกจากนียั้งสะท้อนให้สภาพสังคมบางประการสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ตอนที่
นามาเป็นบทเรียนนี้แทรกความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างเมือง การจัดทัพ การตัง้
ค่าย การรบและการต่อสู้ระหว่างแม่ทัพนายกองต่อตัว
- 4. เรื่องอิเหนามีต้นเค้ามาจากชวา ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย เรื่อง
อิเหนาเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ชวา กล่าวถึงพระเจ้าไอรลังคะ กษัตริย์ชวา มี
ความเข้มแข็ง สามารถครองเมืองนครตาฮา ราว พ.ศ.๑๕๖๒ ก่อนสนิ้พระชนม์ได้แบ่ง
อาณาจักรออกเป็น ๒ แคว้น ผู้ปกครองแคว้นหนงึ่มีราชโอรสชื่อ อิเหนา ผู้ปกครอง
แคว้นหนงึ่มีธิดาชื่อ บุษบา ต่อมาอิเหนาและบุษบาได้สมรสกัน แคว้นทัง้ ๒ จึงกลับมา
รวมกันเช่นเดิม อิเหนามีอนุภาพมาก ได้ปราบปรามแคว้นต่างๆ มากมายไว้ใน
อานาจ เชือ้วงศ์ของอิเหนา ซงึ่ครองราชย์ต่อมาเกิดการชิงอานาจ อาณาจักร
แตกแยก และเสื่อมอานาจลง ประมาณ พ.ศ. ๒๐๐๐ อาณาจักรชวาตกเป็นของอินเดีย
แล้วเปลี่ยนเป็นโปรตุเกสและฮอลันดา จนสนิ้สงครามโลกครัง้ที่ ๒ ประชาชนในหมู่เกาะ
อินโดนีเซียจึงได้รับเอกราชตัง้ประเทศอินโดนีเซียจึงได้รับเอกราชตัง้ประเทศอินโดนีเซียขึน้
- 6. การแพร่หลายของอิเหนา
เรื่องอิเหนาแพร่มาในไทยผ่านมลายู ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เจ้าฟ้ากุณฑล
และเจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชธิดา ได้ทรงฟังเรื่องอิเหนา ซงึ่พระพี่เลยี้งชาวปัตตานีเล่าให้ฟัง
ต่างทรงนิพนธ์เป็นบทละคร พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุณฑลได้ชื่อว่า ดาหลัง หรือ อิเหนา
ใหญ่ พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ามงกุฎ ชื่อว่า อิเหนา หรืออิเหนาเล็ก พระนิพนธ์เรื่องอิเหนา
ของรัชกาลที่๒ ดาเนินตามอิเหนาเล็กของเจ้าฟ้ามงกุฎ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นพระราชโฮรสใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประสูติแต่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระอัคร
มเหสีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมพาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ขณะพระราชบิดา
- 8. เรื่องย่อ
ทำนองแต่ง แต่งด้วยกลอนบทละคร
ควำมมุ่งหมำย ใช้เป็นบทละครใน
เรื่องย่อ ตอนที่กษัตริย์วงศ์อสัญหยา หรือวงศ์เทวา ๔ องค์ ประสูติ พระราชบิดามารดา
เดียว ทรงพระนามตามชื่อเมืองที่ปกครอง คือ กุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัด
สาหรีกษัตริย์แต่ละองค์มีมเหสี ๕ องค์เรียงลา ดับตามตา แหน่ง คือ ประไหมสุหรี
มะเดหวีมะโต ลิกู และเหมาหลาหงีนอกจากนี้ยังมีเมืองหมันหยา ซึ่งระตเูมืองมี
พระธิดาประสูติแต่ประไหมสุหรี๓ องค์ ท้าวกุเรปันได้ธิดาองค์ใหญ่ และท้าวดาหาได้
ธิดาองค์รองเป็นประไหมสุหรี ส่วนธิดาองค์เล็กเป็นประไหมสุหรีของโอรสท้าวมัง
กัน ต่อมาเป็นระตูเมืองหมันหยาสืบแทนระตูองค์ก่อน
- 9. ท้าวกุเรปันได้โอรสแต่ประไหมสุหรี องค์ปะตาระกาหลาต้นวงศ์เทวา ซึ่งประทับบนสวรรค์
ได้เสด็จมาประทานกริชวิเศษให้พระกุมารได้พระนามตามคาจารึกที่กรว่า อิเหนา ระตู
หมันหยาได้ระธิดาประสูติ แต่ประไหมสุหรีทรงนามว่า จินตะหราวาตีท้าวดาหาได้ธิดา
แต่ประไหมสุหรีนามว่า บุษบา ตามนิมิตอัศจรรย์ที่บังเกิดกลิ่นดอกไม้หอมก่อน
ประสูติท้าวกุเรปันได้ขอหมัน้นางบุษบาให้แก่อิเหนาตัง้แต่เยาว์ ตามราชประเพณีที่
กษัตริย์ราชวงศ์เทวา ต้องอภิเษกระหว่างเชือ้วงศ์เดียวกัน
- 10. เมื่ออิเหนามีอายุ ๑๕ ปี ได้ไปร่วมงานศพอัยยิกาที่เมืองหมันหยาได้หลงรักนางจินตะ
หรา ไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกกับนางบุษบาคู่หมัน้เมื่อถูกพระบิดาบีบบังคับก็ถือโอกาส
ออกจากเมืองกุเรปันปลอมเป็นปันหยี(โจรป่า) กลับไปเมืองหมันลอบเหยา ระหว่างทาง
ได้นางสการะวาตี นางมาหยารัศมี และนางสังคามาระตา ธิดาและโอรสระตูปัญจรา
กันและระตูปักมาหงัน้สองพี่น้อง ต่อมาอิเหนาได้สองนางเป็นชายา และรับสังคามาระไว้
เป็นอนุชา อิเหนาลอบเข้าหานางจินตะหราแล้วได้นางเป็นชายา
ท้าวกุเรปันมีรับสงั่ให้อิเหนากลับจากเมืองหมันหยาถึงสองครัง้เพื่อเข้าวิวาห์กับ
นางบุษบา แต่อิเหนาปฏิเสธ ท้าวดาหาขัดเคืองพระทัยมากจึงประกาศยกนางบุษบา
ให้แก่ใครก็ตามที่มาสู่ขอ
- 11. ฝ่ายระตูจรกา อยากมีคู่ได้ให้ช่างเขียนไปวาดภาพธิดาเมืองต่างๆ ช่างเขียนไปลอบวาด
ภาพนางจินดาส่าหรีธิดาของท้าวสิงหัดส่าหรี และวาดภาพนางบุษบา ๒
ภาพ ปะตาระกาหลาพิโรธอิเหนาจึงลอบนาภาพนางบุษบาไปภาพหนึ่ง เมื่อระตูจรกาเห็น
ภาพนางบุษบาก็หลงใหลขอร้องระตูล่าสาพี่ชายให้ไปสู่ขอ ท้าวดาหาก็ทรงยกให้
ปะตาระกาหลานาภาพนางบุษบาที่ได้ไปไว้ใต้ต้นไทร วิหยาสะกาโอรสท้าวกะหมังกุหนิง
ออกเที่ยวป่าพบภาพนางบุษบาก็ล่มหลงคลงั่ไคล้ใคร่ได้นาง ท้าวกะหมังกุหนิงเห็นใจจึง
แต่งทูตนาราชสาส์นและบรรณาการไปสู่ขอนางบุษบาพร้อมกับเตรียมกองทัพไว้รบ หาก
การสู่ของนางไม่สาเร็จ ท้าวกะหมังกุหนิงบอกไปยังระตูปาหยังและระตูประหมันน้องชายทัง้
บรรดาหัวเมืองขึน้ทัง้ปวงให้จัดทัพมาช่วย
- 12. ลักษณะของตัวละคร
1.ท้าวกะหมังกุหนิง
1.1 มีความเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมฟังเหตุผลและเปลี่ยนแปลงความคิดง่ายๆ
ตัง้ใจจะทาศึกเพื่อชิงนางบุษบาให้แก่วิหยาสะกาโอรส ไม่ยอมเลิกล้มความตัง้ใจ
น้องชายจะยกเหตุผลมาแวดล้อมต่างๆ มาชีแ้จงว่าไม่สมควร อีกทัง้ไม่ฟังคาทัดทานข
องโหร ที่ว่าชะตากาลังร้ายให้งดยกทัพไว้ 7 วัน
1.2 รักลูกยิ่งชีวิต ยอมตายเพื่อลูกได้
1.3 มีความกล้าหาญยอมตายในการสู้รบ เมื่อทราบว่าเมืองเทวาทัง้3 และ
เมืองจรกา ยกทัพมาช่วยเมืองดาหาก็ไม่เกรงกลัว เร่งสงั่รบทันที
- 14. 2. ท้ำวดำหำ
2.1มีขัตติยมานะ เมื่ออิเหนาไม่ยอมอภิเษกกับบุษบา พระองค์เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น
จึงประกาศยกบุษบาให้แก่ชายใดก็ตามมาสู่ขอเป็นรายแรกเพื่อประชดอิเหนา เมื่อทราบว่า
ข่าวศึกได้ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือแก่กษัตริย์พี่น้องทั้ง 3 ตั้งใจไว่ว่าหากไม่มีใครช่วยก็
รบศึกตามลา พัง
2.2รักษาคา สัตย์เมื่อรับหมั้นนางบุษบากับจรกาแล้ว ต่อมาท้าวกะหมังกหุนิงส่ง
ทูตมาขอบุษบาแก่วิหยาสะกา พระองค์ก็ปฏิเสธพร้อมไม่รับบรรณาการ
2.3มีความสามารถในการปกครอง ป้องกันบ้านเมือง เมื่อทราบข่าวศึกได้ส่งข่าว
พร้อมกับขอกา ลังรบจากกษัตริย์พี่น้องทั้งสาม จรกาและบรรดาเมืองขึ้น พร้อมทั้งสั่งให้
เตรียมการตกแต่งค่ายคูหอรบจัดทัพตั้งรับข้าศึก
- 16. 3.ท้าวกุเรปัน
3.1มีความเที่ยงธรรม เห็นว่าการที่ศึกมาติดเมืองดาหาเป็นเพราะอิเหนาฌอรสของ
พระองค์เป็นต้นเหตุร่วมกับระตูหมันหยา จึงมีราชสาส์นไปต่อว่าและสงั่การให้ทัง้สองไป
ช่วยเมืองดาหาเพื่อชดเชยความผิด
3.2มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว สงั่การให้อิเหนาและระตูหมัยหยาไปช่วยเมืองดาหาถ้า
ขัดขืนก้จะตัดพ่อลูกกับอิเหนา และตัดญาติกับระตูหมันหยา
3.3รักชื่อเสี่ยงของวงศ์เทวา เมื่อทราบว่าเมืองดาหาม่ศึกก้สงั่การไปช่วยรบ เพราะเห็น
ว่าถ้าเมืองดาหาเท่ากับวงศ์เทวาเสียหายไปด้วย
- 17. 4.อิเหนา
4.1มีความรู้สึกรุนแรงในความรัก เมื่อได้พบนางจินตะหรา มีรูปร่างสวยงามก็
คลงั่ไคล้หลงใหลจนไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษกกับนางบุษบาคู่หมัน้ โดยมิฟังคาเตือนของท้าว
กุเราปันบิดา ต่อมาได้นางสกาวะราตีและนางมาหยารัศมีก็มีความรักใคร่ผกูพันธ์นางทัง้
2 เป็นอันมาก ก่อนจากไปเมืองดาหาได้ฝากทัง้ 2 ไว้กับนางจินตหรา ระหว่างที่เคลื่อน
ทัพไปยังเมืองดาหาก็คร่าครวญถึงนางทัง้ 3 ตลอดทาง
4.2มีความเคารพยาเกรงบิดา เมื่อท้าวกุเรปันมีราชสาส์นสงั่ให้นาทัพไปช่วย
ท้าวดาหา ถ้าไม่ไปจะตัดพ่อลูก อิเหนาก็ตกลงไปเกรงกลัวท้าวกุเรปันดดยขอผัดไป 7 วัน
ล่วงแล้ว แต่ในที่สุดก็ยอมเคลื่อนทัพในวันรุ่งขึน้
4.3เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์อสัญหยา การที่อิเหนายอมยกทัพไปช่วยเมืองดาหา
นอกจากเกรงและเคารพแล้ว อิเหนามีความเห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์อสัญหยาด้วย
- 18. 4.4มีความสานึกในความผิด เมื่ออิเหนายกทัพถึงเมืองดาหา ท้าวดาหาก็เชิญให้นาไพร่
พลเข้ามาในเมือง อิเหนาสานึกในความผิดไม่ขอรับพระกรุณษ อาสาทาศึกเพื่อไถ่โทษ
แล้วจะเข้ามาเฝ้าถวายความเคารพภายหลัง
4.5มีความรอบคอบไม่ประมาท อิเหนาเห็นว่าสังคามาระตาชานาญการรบด้วย
ทวนมากกว่ากระบี่จึงเตือนให้ต่อสู้กับวิหยาสะกาด้วยทวนอย่าใช้กระบี่เป็นอันขาด ผล
สุดท้ายก็ชนะ
4.6มีความเมตตากรุณาให้อภัยโทษแก่ศัตรูที่ยอมสวามิภักดิ์ เมื่อระตูประหมัน
และระตูปาหยังขอนอบน้อมยอมเป็นข้า อิเหนาก็ไว้ชีวิต และอนุญาติให้นาศพท้าวกะห
มังกุหนิงและวิหยาสะกาไปประกอบพิธีในเมือง
- 19. 5.นางจินตะหรา
5.1เป็นคนมีเหตุผล เมื่อนางแน่ใจว่าอิเหนาต้องไม่เมืองดาหาแน่โดยจาเป็น
เพราะขัดรับสงั่ของท้าวกุเรปันไม่ได้และเพื่อปกป้องชื่อเสี่ยงของวงศ์เทวาด้วย นางก็
คลายความทุกข์ฌศกและความระแวงใจยอมให้อิเหนาจากไปแต่โดยดี
5.2มีนา้ใจกว้างขวาง มีความเอือ้เฟื้อเผื่อแผ่แก่หยิงอื่นคูครองอื่นๆขิงสามีเมื่อ
อิเหนาขอให้นางยอมรับนางสการะวาตีและนางมาหยารัศมี ซึ่งอิเหนาได้มาจากเมืองปัก
มาหงัน นางก็ยอมตามแต่โดยดี และแสดงความเมตตารักใคร่นางทัง้สิงโดยมิได้รังเกียจ