More Related Content
Similar to ศาสนาอิสลาม (20)
ศาสนาอิสลาม
- 3. ประวัติความเป็นมา
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่ถือกาเนิดขึ้นในนครมักกะฮ์ ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย หลังพุทธศักราชประมาณ ๑,๑๑๓ ปี ผู้ที่นับถือ ศาสนาอิสลาม เรียกว่า มุสลิม แปลว่า ผู้แสวงหาสันติ หรือ ผู้นอบน้อมต่อประสงค์ของพระเจ้า
มุสลิม นับถือพระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงพระนามว่า พระอัลลอฮ์ พระอัลลอฮ์ ทรงเลือกบุคคลที่พร้อมด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง ในแต่ละยุคแต่ละสมัยให้เป็นศาสน ทูตของพระองค์ มีหน้าที่นาข้อบัญญัติทางศาสนามาเผยแพร่แก่มวลมนุษย์ ศาสนทูต องค์สุดท้าย คือ นบีมุฮัมมัด ท่านเป็นอาหรับ กาเนิดที่เมืองมักกะฮ์ มารดาชื่อ อามี นะฮ์ เป็นชนในเผ่ากุร็อยชฺ ท่านศาสดาเป็นกาพร้าตั้งแต่เยาว์วัย ในเวลาต่อมาจึงต้อง ไปอยู่ในความอุปการะของอาบูฏอลิบผู้เป็นลุง โดยช่วยลุงเลี้ยงปศุสัตว์ ค้าขาย และ ทางานอื่นๆในครอบครัว เมื่อโตเป็นหนุ่ม ได้ไปทางานกับนางคอดีญะฮ์ เศรษฐีม่าย โดยท่านทาหน้าที่ควบคุมกองคาราวานสินค้า ไปขายยังประเทศใกล้เคียง ซึ่งในเวลา ต่อมาทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน มีบุตรธิดาด้วยกัน ๖ คน
- 4. ในสมัยที่ท่านศาสดาถือกาเนิดนั้น สังคมอาหรับอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมมาก ผู้คนมั่วสุมดื่มน้าเมาและเล่นการพนัน การละเมิดประเวณีเกิดขึ้นเป็นประจา มีการฝัง เด็กหญิงทั้งเป็นเพราะถือว่าเป็นสิ่งอัปมงคล การแก้แค้นด้วยการประหัตประหารเป็น เรื่องปกติผู้คนงมงายกับการบูชารูปเคารพ และการประกอบพีกรรมต่างๆ ที่สิ้นเปลือง และไร้สาระ ท่านศาสดาพยายามหาหนทางแก้ปัญหาในสังคมที่ท่านพบเห็นอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่ท่านหลบไปหาความสงบวิเวกในถ้าบนภูเขาอิรอฮ์ เทวทูต ญิบรออีลก็ได้นาโองการของพระเจ้า (พระอัลลอฮ์) มาประทานแก่ท่าน ท่านศาสดา มุฮัมมัดจึงเริ่มประกาศศาสนา คนแรกที่เข้ารับนับถือ ศาสนาอิสลาม ก็คือ นางคอ ดีญะฮ์ ผู้เป็นภรรยา การประกาศศาสนาช่วงแรกเต็มไปด้วยความยากลาบากและถูก ต่อต้านเพราะ ศาสนาอิสลาม ทาให้ผู้มีอิทธิพลเสียผลประโยชน์ รวมทั้งให้คนทั่วไป ซึ่งนับถือรูปเคารพต่างๆ ขัดเคือง
- 5. หลังจากประกาศศาสนาได้ ๑๓ ปี ท่านศาสดา และสาวกได้ลี้ภัยจากการตามล้าง ผลาญของชาวเมืองมักกะฮ์ โดยไปอยู่ที่เมืองมะดีนะฮ์ ปีที่ท่านศาสดามุฮัมมัดอพยพมา อยู่เมืองมะดีนะฮ์นี้ ถือเป็นการเริ่มต้นนับศักราช อิสลาม เรียกว่า ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ. ศ.) จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.๑๑๗๓ ท่านศาสดาก็สามารถรวบรวมผู้คนกลับไปยึดเมืองมัก กะฮ์ไว้ได้ โดยปราศจากการสู้รบให้เสียเลือดเนื้อ ท่านศาสดาให้ทาลายรูปเคารพต่างๆ และประกาศนิรโทษกรรมแก่ชาวเมืองที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อท่าน หลังจากนั้นท่าน ศาสดามุฮัมมัดก็ได้กลับไปเมืองมะดีนะฮ์ ต่อมาภายหลังชนอาหรับเผ่าต่างๆ และ ประเทศข้างเคียงก็ได้ส่งทูตเข้ามาขอเป็นพันธมิตรบ้าง เพื่อขอรับนับถือ ศาสนา อิสลาม ศาสนาอิสลาม จึงได้แพร่ขยายไปทั่วดินแดนตะวันออกกลาง อินเดีย และที่ อื่นๆ นับตั้งแต่บัดนั้น
- 6. ประวัติศาสดาของศาสนาอิสลาม
พระมะหะหมัด หรือพระนบีมะหะหมัด หรือมุฮัมมัด ประสูติที่เมืองเมกกะ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 570 บิดาชื่อ อับดุลเลาะห์ มารดาชื่อ อามีนะฮ์ บิดาถึงแก่กรรม ขณะที่มารดาตั้งครรภ์พระองค์ได้ 2 เดือน ภายหลังพระองค์ ประสูติได้ไม่นานมารดาของพระองค์ก็ถึงแก่กรรม พระองค์ ต้องอาศัยอยู่กับปู่ซึ่งชราอายุร่วม 100 ปี ไม่นานปู่ก็ถงแก่ กรรม พระองค์ต้องไปอาศัยอยู่กับลุง ซึ่งเป็นพ่อค้าที่ร่ารวย ลุงฝึกสอนให้พระมะหะหมัดทาการค้าขาย พระมะหะหมัดมี นิสับช่างนึกตรึกตรองมาแต่เด็ก บางครั้งจึงเหมือนเป็นคนใจ ลอย สนใจไปทางอื่น ไม่ใช่เรื่องการขาย ตลอดชีวิตไม่ได้ เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่การท่องเที่ยวค้าขาย ก็ทาให้ได้ความรู้มาก
- 7. ครั้งหนึ่งพระมะหะหมัดขึ้นไปบนยอดเขาฮิรา และที่ยอดเขานี้เอง ความคิดเรื่องถือ พระเจ้าองค์เดียวได้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับโมเสสได้รับบัญญัติ 10 ประการจากพระเจ้า ที่ ภูเขาซีนาย มีเรื่องเล่าว่า มีเทพองค์หนึ่งมาปรากฎตัวแก่พระมะหะหมัดโดยบอกให้รู้ว่า พระเจ้าที่แท้จริงมีอยู่องค์เดียว คือ พระอัลเลาะห์(อัลลอฮ์) และให้พระมะหะหมัดเผยแผ่ ศาสนา เรื่องพระอัลเลาะห์ เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1453 ขณะที่พระมะหะหมัดอายุ 40 ปี และภายหลังที่แต่งงานกับคาดียะห์ มีความเป็นอยู่อย่างสงบสุข มีทรัพย์สมบัติ มากมายแล้วถึง 15 ปี จึงมีเวลาพอที่จะสนใจใฝ่ศึกษาลัทธิศาสนาต่างๆ คือ ศาสนายิว และคริสต์ศาสนา
พระมะหะหมัดไปสิ้นพระชนม์ที่เมืองเมดินา ในปี พ.ศ. 1175 เมื่ออายุได้ 61 ปี กว่า
- 9. คัมภีร์ของศาสนาอิสลาม คือ คัมภีร์อัลกุรอาน เป็นคัมภีร์ที่บันทึกคาสั่งของพระอัลเลาะห์ซึ่งมีเท วโองการผ่านมาทางพระมะหะหมัด ในคัมภีร์อัลกุรอาน มีหลักศรัทธา 6 ประการ และหลักการ ปฏิบัติ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
หลักศรัทธาความเชื่อ 6 ประการ ดังนี้
1.ศรัทธาในพระอัลเลาะห์องค์เดียว
2.ศรัทธาในศาสดาองค์ต่างๆ และมีศรัทธาเชื่อมั่นว่า พระมะหะหมัดเป็นศาสดาองค์สุดท้าย
3.ศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอาน
4.ศรัทธาเชื่อมั่นว่า เทพเป็นผู้นาคาสอนจากพระเจ้า มาสู่พระมะหะหมัด
5.ศรัทธาเชื่อในวันพระเจ้าพิพากษาโลก หรือวันสิ้น โลกซึ่งเป็นวันที่วิญญาณจะต้องรับผลกรรมจาก การกระทาขณะเมื่อยังมีชีวิตอยู่ 6.ศรัทธาเชื่อว่าสภาวะของโลกและชีวิตเป็นไป ตามเจตจานงของพระอัลเลาะห์
หลักปฏิบัติ 5 ประการ
1.ประกาศปฏิญาณ ชาวมุสลิมจะต้องปฏิญาณอย่าง น้อย 1 ครั้งในชีวิตต่อหน้าพยาน 2 คน ว่ามี ศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้าอัลเลาะห์ และพระ มะหะหมัดเป็นศาสนทูตของพระอัลเลาะห์
2.การสวดมนต์ ชาวมุสลิมเรียกว่า ละหมาด ซึ่งใน คัมภีร์อัลกุรอาน กาหนดไว้ว่าจะต้องสวดมนต์วัน ละ 4 ครั้ง แต่พระมะหะหมัดสวดมนต์วันละ 5 ครั้ง ดังนั้นชาวมุสลิมจึงปฏิบัติตามพระมะหะหมัด คือ สวดมนต์ในเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ก่อนเที่ยง วัน เวลาบ่าย ภายหลังตะวันตก และเมื่อตะวันตก แล้ว 2 ชั่วโมง
- 10. 3.การบริจาคทาน การบริจาคทานของชาวมุสลิมเป็น ลักษณะสังคมสงเคราะห์ กล่าวคือ ตัวแทนของ ศาสนาจะเก็บเงินได้จากผู้บริจาคเพื่อไว้ใช้ ช่วยเหลือคนยากจน เป็นการทาให้สังคมของชาว มุสลิมอยู่อย่างพึ่งพากันได้
4.การถือศีลอด ชาวมุสลิมต้องถือศีลอดเป็นเวลา 1 เดือน ในช่วงเวลา 1 ปี โดยจะเริ่มในเดือน รอมฎอน หรือเราะมะฎอน คือเดือนที่ตามปฏิทิน ศาสนาอิสลามในช่วงนี้ชาวมุสลิมจะสวดมนต์วัน ละ 5 ครั้ง อดอาหารและน้า สารวมกายใจ ตั้งแต่ พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก ในขณะที่ถือศีล อด ห้ามพูดคาหยาบ คาไร้สาระ ละความชั่วทั้งมวล ไม่วิวาท เป็นการบาเพ็ญศีล เพื่อสร้างขันติธรรม และเมตตาธรรมให้เกิดกับใจ ผู้ไม่ถือศีลอดจะถูก ลงโทษ ด้วยการให้ทาละหมาดเพิ่ม หรือถือศีลอด เพิ่ม การที่ชาวมุสลิมถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เพราะเชื่อว่าเป็นเดือนที่พระอัลเลาะห์ส่งคัมภีร์อัลกุ รอานมาให้มนุษยชาติ
5.การทาพิธีฮัจญ์ คือการไปแสวงบุญที่นครเมกกะ ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเริ่มพิธีในเดือน 12 ของปฏิทินศาสนาอิสลาม การไปบาเพ็ญพิธีฮัจญ์ ไม่ได้กาหนดให้ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติ แต่ใน คัมภีร์อัลกุรอานกล่าวว่า เป็นความประสงค์ของ พระอัลเลาะห์ ให้มนุษย์ไปบาเพ็ญพิธีฮัจญ์ ผู้เข้าพิธี ฮัจญ์ต้องเป็นมุสลิม เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ มี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีความสามารถทั้งกาลัง กาย กาลังทรัพย์ การเดินทางต้องปลอดภัย ผู้เข้าพิธี ฮัจญ์ต้องแต่งชุดขาว
- 11. นิกาย
ศาสนาอิสลามมีนิกายที่สาคัญ 6 นิกาย คือ 1.นิกายซุนนี(Sunni) เป็นนิกายที่ชาวมุสลิมยึดถืออัลกุรอานและจริยาวัฒนของพระ มะหะหมัดเป็นหลัก 2.นิกายชีอะห์(Sheite) เป็นนิกายที่มีความเชื่อมั่นในเอกภาพของพระเจ้าในศาสนาทั้งหลาย และในอีหม่าม ซึ่งสืบเนื่องจากศาสดาเหล่านั้น 3.นิกายซูฟี(Sufi) เป็นนิกายที่เริ่มขึ้นในเปอร์เซีย ปฏิเสธความหรูหราฟุ่มเฟือย เน้นความ ศรัทธาต่อพระเจ้า ควรจะเป็นผู้เคร่งครัดไม่ไยดีต่อทรัพย์สมบัติและต่อโลก ควรบาเพ็ญตบะ และพรตอย่างสงบ 4.นิกายวาฮาบี(Wahabi) เป็นนิกายที่ถือว่าอัลกุรอานเป็นใหญ่และสาคัญที่สุด ไม่เชื่อว่ามีผู้ อยู่ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์และประณามการขอพร ณ สุสานของศาสดามะหะหมัด 5.นิกายอิสมาอีลียะห์(Ismailia) เดิมนิกายนี้มีทัศนะเช่นเดียวกับนิกายชีอะห์ทุกอย่าง แต่ ต่อมาได้ขัดแย้งกันเรื่องอิหม่าม 6.นิกายคอวาริจ(Khawarij) นิกายนี้แยกตัวออกเพราะไม่พอใจในการสิ้นชีวิตของอุสมาน อิหม่ามองค์ที่ 3
- 13. ในศาสนาอิสลาม เคารพบูชาเฉพาะพระอัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น ไม่นิยม การบูชารูปเคารพอื่น ศาสนาอิสลามจึงไม่มีสัญลักษณ์ใดๆให้ศาสนิกเคารพบูชา แต่ ที่เห็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและมีดาวอยู่ข้างบน พบอยู่ในสุเหร่าทั่วไปในประเทศ ที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ไม่ใช่สัญลักษณ์ทางศาสนา เป็นเครื่องหมายของ อาณาจักรออตโตมานเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่รุ่งเรืองมากในอดีต มีอานาจ ครอบงายุโรป ตะวันออกกลางทั้งหมด ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมาจนถึง ศตวรรษที่ 20 บรรดาประเทศมุสลิมที่เคยอยู่ในอานาจของอาณาจักรออตโตมาน เติร์กจึงยึดถือเอาเครื่องหมายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของตนในฐานะเป็นชนชาติมุสลิม เหมือนกันสืบมา แต่อาจถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามได้โดยอนุโลม หรือถ้าจะพูดว่ารูปพระจันทร์และดาวนี้เป็นเครื่องหมายของศาสนาอิสลามก็น่าจะ เหมาะกว่า