More Related Content
Similar to บทคัดย่องานวิจัยเชิงทดลองเปรียบเทียบวิธีการจัดการเรียนรู้ 2 วิธี ระหว่าง e-book กับวิธีปกติ โ
Similar to บทคัดย่องานวิจัยเชิงทดลองเปรียบเทียบวิธีการจัดการเรียนรู้ 2 วิธี ระหว่าง e-book กับวิธีปกติ โ (20)
บทคัดย่องานวิจัยเชิงทดลองเปรียบเทียบวิธีการจัดการเรียนรู้ 2 วิธี ระหว่าง e-book กับวิธีปกติ โ
- 1. ก
ชื่องานวิจย
ั
ที่ปรึ กษา
ผูวจย
้ิั
ปี ที่ศึกษา
การเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
หน่วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ระหว่างวิธีการ
จัดการเรี ยนรู้โดยใช้หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์และวิธีปกติ
ดร.เกื้อ กระแสโสม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุ รินทร์
นางจีรา ศรี ไทย
2555
บทคัดย่อ
การวิจยในครั้งนี้ มีวตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้
ั
ั
การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ก่อนเรี ยน
และหลังเรี ยนด้วยวิธีการจัดการเรี ยนรู้โดยใช้หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์และวิธีปกติ และ 2) เพื่อเปรี ยบเทียบ
ผลการเรี ยนรู้กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์
ั
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ด้วยวิธีการจัดการเรี ยนรู้โดยใช้หนังสื ออิเล็กทรอนิ กส์ กบวิธีปกติ กลุ่มตัวอย่าง
คือ นักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรี ยนนาดีวิทยา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33
ภาคเรี ยนที่ 2 ปี การศึกษา 2555 จานวน 2 ห้องเรี ยน ได้มาโดยการสุ่ มอย่างง่าย (Simple Random
Sampling) ด้วยวิธีจบฉลาก โดยกลุ่มทดลองสาหรับการจัดการเรี ยนรู้โดยใช้หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์
ั
เป็ นนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/2 จานวน 31 คน และกลุ่มควบคุมสาหรับการจัดการเรี ยนรู้โดย
ใช้วธีปกติ เป็ นนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1/3 จานวน 31 คน เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจยประกอบด้วย
ิ
ั
3 ชนิด ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรี ยนรู้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้การงานอาชี พและเทคโนโลยี หน่วย
องค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ประกอบด้วย 2 รู ปแบบ โดยแต่ละรู ปแบบ
มีจานวน 3 แผน แผนละ 2 ชัวโมง รวม 6 ชัวโมง คือ (1) แผนการจัดการเรี ยนรู้โดยใช้หนังสื อ
่
่
อิเล็กทรอนิกส์ มีคุณภาพโดยรวมในด้านความถูกต้อง ความเหมาะสม ความสอดคล้อง และความเป็ นไปได้
่
อยูในระดับมากที่สุด และ (2) แผนการจัดการเรี ยนรู้โดยใช้วิธีปกติ มีคุณภาพโดยรวมในด้านความถูกต้อง
่
ความเหมาะสม ความสอดคล้อง และความเป็ นไปได้อยูในระดับมากที่สุด 2) หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์
กลุ่ ม สาระการเรี ย นรู ้ ก ารงานอาชี พ และเทคโนโลยี หน่ วยองค์ป ระกอบหลัก ของคอมพิ วเตอร์
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 5 เรื่ อง มีคุณภาพโดยรวมในด้านความถูกต้อง ความเหมาะสม
่
ความสอดคล้อง และความเป็ นไปได้อยูในระดับดีมาก 3) เครื่ องมือวัดและประเมินผล ประกอบด้วย
(1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนกลุ่มสาระการเรี ยนรู้การงานอาชี พและเทคโนโลยี
หน่ วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เป็ นแบบปรนัยชนิ ดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ มีคุณภาพด้านความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับจุดประสงค์การเรี ยนรู ้
“ก รเปร บเ บ ก ร ดก รเร ร 2
ระห ก รใ e-book กบ ปก ” โดย ร ร ร
ร เร
ด
33 ร ร *
- 2. ข
่
เท่ากับ 1 ทุกข้อ มีความเหมาะสมในด้านความชัดเจนในการใช้ภาษาเข้าใจง่ายอยูในระดับมาก
มี คุณภาพด้า นความเป็ นปรนัย โดยมี ค วามเหมาะสมของเกณฑ์ก ารให้ค ะแนนอยู่ใ นระดับ มาก
่
ความเหมาะสมของเกณฑ์การแปลผลอยูในระดับมาก ความเหมาะสมของเกณฑ์การตัดสิ นอยู่ใน
ระดับมาก มีค่าอานาจจาแนกตั้งแต่ 0.39 ถึง 0.77 ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.23 ถึง 1.00 และมีค่า
ความเชื่ อมันทั้งฉบับเท่ากับ 0.88 (2) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรี ยนที่มีต่อการเรี ยน
่
กลุ่ ม สาระการเรี ย นรู ้ ก ารงานอาชี พ และเทคโนโลยี หน่ วยองค์ประกอบหลัก ของคอมพิ วเตอร์
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เป็ นแบบมาตราส่ วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จานวน 1 ฉบับ
่
ข้อคาถามจานวน 15 ข้อ มีคุณภาพในด้านความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างอยูในระดับมาก มีความเหมาะสม
่
ของข้อคาถามในด้านความชัดเจนใช้ภาษาเข้าใจง่ายอยูในระดับมาก มีค่าอานาจจาแนกตั้งแต่ 0.28
ถึง 0.65 และค่าความเชื่ อมันทั้งฉบับเท่ากับ 0.85 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอมูลคือ ค่าเฉลี่ ย
้
่
ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานด้วย t-test กรณี กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดี ยวไม่เป็ น
อิสระต่อกัน และกรณี กลุ่มตัวอย่างที่เป็ นอิสระต่อกัน
ผลการวิจยพบดังนี้
ั
1) ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้การงานอาชี พและเทคโนโลยี
หน่ วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยน
ก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้สถิติ t-test ในกรณี กลุ่มตัวอย่าง
ไม่เป็ นอิสระต่อกัน พบว่า กลุ่มทดลองมีผลการเรี ยนรู ้ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนหลังเรี ยนสู ง
กว่า ก่ อนเรี ย นอย่า งมี นัย ส าคัญทางสถิ ติที่ ระดับ 0.05 โดยมี ค ะแนนพัฒ นาการอย่า งเห็ น ได้ชัด
( D = 2.32, S D =2.98) สาหรับกลุ่มควบคุมมีผลการเรี ยนรู ้ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนหลัง
เรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยนอย่างมีนยสาคัญทางสถิ ติที่ระดับ 0.05 โดยมีคะแนนพัฒนาการอย่างเห็นได้
ั
( D = 1.65, S D =3.14) เช่นเดียวกัน
2) ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู้ กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้การงานอาชี พและเทคโนโลยี
หน่ วยองค์ประกอบหลักของคอมพิวเตอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุ ม
โดยใช้สถิติ t-test ในกรณี กลุ่มตัวอย่างเป็ นอิสระต่อกัน
(1) ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้ดานผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนก่อนเรี ยนระหว่าง
้
กลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมโดยใช้สถิติ t-test ในกรณี กลุ่มตัวอย่างที่เป็ นอิสระต่อกัน พบว่า กรณี
ก่อนเรี ยนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีผลการเรี ยนรู ้ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนแตกต่างกัน
อย่างไม่มีนยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ั
“ก รเปร บเ บ ก ร ดก รเร ร 2
ระห ก รใ e-book กบ ปก ” โดย ร ร ร
ร เร
ด
33 ร ร *
- 3. ค
(2) ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้ดานผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนหลังเรี ยนระหว่าง
้
กลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมโดยใช้สถิติ t-test ในกรณี กลุ่มตัวอย่างที่เป็ นอิสระต่อกัน พบว่า กรณี หลังเรี ยน
กลุ่มทดลองมีผลการเรี ยนรู ้ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนสู งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนยสาคัญทาง
ั
สถิติที่ระดับ 0.05
(3)
ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู ้ ดานผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนระหว่างกลุ่ม
้
ทดลองกับกลุ่มควบคุม กรณี ใช้ผลต่างของคะแนนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน โดยใช้สถิติ t-test ในกรณี
กลุ่มตัวอย่างที่เป็ นอิสระต่อกัน พบว่ากลุ่มทดลองมีผลการเรี ยนรู ้ในด้านผลสัมฤทธิ์ ทางการเรี ยนสู งกว่า
กลุ่มควบคุมอย่างมีนยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ั
(4) ผลการเปรี ยบเทียบผลการเรี ยนรู้ดานความพึงพอใจต่อการเรี ยนหลังเรี ยนระหว่าง
้
กลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม โดยใช้สถิ ติ t-test ในกรณี กลุ่มตัวอย่างเป็ นอิสระต่อกัน พบว่า โดยรวม
กลุ่ มทดลองมี ความพึงพอใจต่อการเรี ยนสู งกว่ากลุ่ มควบคุ ม ( X 4.83,4.72, S 0.15,0.16 ) อย่างมี
นัยสาคัญที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็ นรายด้านพบว่า ด้านที่กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจต่อการเรี ยนสู งกว่า
กลุ่ มควบคุ มอย่างมี นัยส าคัญทางสถิ ติที่ระดับ .05 ใน 3 ด้าน คื อ ด้านกิ จกรรมการเรี ยนการสอน
( X 4.82,4.71, S 0.23,0.27 ) ด้านสื่ อการเรี ยนการสอน ( X 4.95,4.72, S 0.11,0.36 ) และ
ด้านประโยชน์ที่ได้จากการเรี ยนการสอน ( X 4.68,4.54, S 0.32,0.16 ) ส่ วนด้านเนื้ อหาและด้านการวัด
และประเมินผล พบว่ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีความพึงพอใจแตกต่างกันอย่างไม่มีนยสาคัญทางสถิติ
ั
ที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาที่ระดับนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในรายด้านพบว่า ด้านกิจกรรม
การเรี ยนการสอน กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจสู งกว่ากลุ่มควบคุม 2 ข้อ คือ ข้อ 4 กิจกรรมการจัดการเรี ยนรู ้
โดยใช้หนังสื ออิเล็กทรอนิ กส์ ได้แก่ การศึกษาเนื้ อหา การทาแบบฝึ กหัด การทบทวนความรู้ และ
การทดสอบที่กาหนดในแต่ละครั้ง ( X 4.90,4.47, S 0.30,0.44) และข้อ 7 ครู เปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้
ั
ทบทวนเนื้ อหาบทเรี ยน ทาใบงานด้วยคอมพิวเตอร์ และศึ กษาเพิ่มเติ มนอกเวลาเรี ยนสม่ าเสมอ
( X 4.80,4.55, S 0.47,0.68 ) ด้านสื่ อการเรี ยนการสอน กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจสู งกว่า
กลุ่มควบคุม 2 ข้อ คือ ข้อ 8 สื่ อการเรี ยนการสอนตอบสนองการเรี ยนรู ้ในยุคปั จจุบนได้อย่างเหมาะสม
ั
( X 4.94,4.65, S 0.25,0.61 ) และข้อ 9 สื่ อการเรี ยนการสอนออกแบบได้เหมาะสม สวยงาม สร้างสรรค์
( X 5.00,4.71, S 0.00,0.53) และด้านประโยชน์ที่ได้จากการเรี ยนการสอน กลุ่ มทดลอง
มีความพึงพอใจสู งกว่ากลุ่มควบคุม 1 ข้อ คือ ข้อ 13 นักเรี ยนเกิดทักษะและความชานาญในการใช้
คอมพิวเตอร์ปฏิบติงาน ( X 4.65,4.35, S 0.49,0.80)
ั
“ก รเปร บเ บ ก ร ดก รเร ร 2
ระห ก รใ e-book กบ ปก ” โดย ร ร ร
ร เร
ด
33 ร ร *