More Related Content Similar to ทฤษฎีอะตอมของโบร์
Similar to ทฤษฎีอะตอมของโบร์ (20) More from Chanthawan Suwanhitathorn
More from Chanthawan Suwanhitathorn (20) ทฤษฎีอะตอมของโบร์2. ข้อบกพร่อง ของแบบจําลองอะตอมตามทัศนะ
ของรัทเทอร์ฟอร์ด
1. ไม่สามารถอธิบายได้ว่าอิเลคตรอนโคจรอยู่รอบ ๆ นิวเคลียสได้
อย่างไรทั้ง ๆ ที่ถูกดูดโดยนิวเคลียส
2. อธิบายไม่ได้ว่า ทําไมการที่อิเลคตรอนโคจรรอบนิวเคลียสเป็นส่วนโค้ง
ของวงกลม แสดงว่าอิเลคตรอน จะต้องมีความเร่งในทิศสู่ศูนย์กลาง
ซึ่งตามทฤษฎีของแม็กเวลซ์ถ้าอิเลคตรอนเคลื่อนที่ด้วยความเร่งจะ
ปล่อย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาจากตัวเอง ทําให้พลังงานของ
อิเลคตรอนลดลง และเมื่อพลังงานของอิเลคตรอนลดลง แสดงว่าวง
โคจรของอิเลคตรอนจะต้องลดลงด้วย และตามหลักดังกล่าวจะทําให้
รัศมีวงโคจรของอิเลคตรอนลดลงเรื่อย ๆ ในที่สุด จะถูกดูดโดย
นิวเคลียส
3. ข้อบกพร่อง ของแบบจําลองอะตอมตามทัศนะ
ของรัทเทอร์ฟอร์ด (ต่อ)
3. ไม่สามารถอธิบายได้ว่าประจุบวกรวมตัวกันเป็นปริมาตรเล็ก ๆ อยู่ที่
แกนกลางของอะตอมได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ประจุบวกมีแรงผลักทาง
คูลอบ์มซึ่งกันและกัน
4. แบบจําลองไม่ได้อธิบายการจัดเรียงตัวของอิเลคตรอนในอะตอมว่า
อิเลคตรอนมีการจัดเรียงตัวกันอย่างไร ในกรณีที่มีอิเลคตรอนหลาย
ตัว
7. สมมติฐานของพลังค์ (Planck’s hypothesis)
มักซ์ พลังค์ ได้อธิบายการแผ่รังสีของวัตถุดํา โดยเสนอ สมมติฐาน
ของพลังค์ ที่มีใจความว่า “พลังงานที่วัตถุดําดูดกลืนเข้าไปหรือปลดปล่อย
ออกมา มีค่าได้เฉพาะบางค่าเท่านั้น ซึ่งจะเป็นจํานวนเท่าของค่า hf ”
17. อนุกรมสเปกตรัมของไฮโดรเจน
เมื่อ λ คือ ความยาวคลื่นของสเปกตรัม หน่วย m
RH
คือค่าคงตัวของริดเบิร์ก เท่ากับ 1.097 x 107
m-1
nf
คือ ระดับชั้นพลังงานหลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ni
คือ ระดับชั้นพลังงานก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง
39. การทดลองของฟรังก์และเฮิรตซ์ (ต่อ)
ฟรังก์และเฮิรตซ์ จึงสรุปว่า
- พลังงานของอะตอมปรอทมีค่าไม่ต่อเนื่องกัน
- การที่ไม่รับพลังงานตํ่ากว่า 4.9 eV แสดงว่า 4.9 eV เป็นระดับ
พลังงานน้อยที่สุด ซึ่งเมื่ออะตอมปรอทได้รับแล้วจะขึ้นไปอยู่ใน
ระดับพลังงานที่สูงขึ้นถัดไป
- เมื่ออะตอมปรอทลดระดับพลังงานลงมายังระดับพลังงานตํ่าสุดจะ
คายพลังงานออกมาเท่ากับ 4.9 eV ในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
- คลื่นที่เปล่งออกมามีความยาวคลื่น 253.5 nm ซึ่งคํานวณพบว่า
แสงนี้มีพลังงาน 4.9 eV พอดี ซึ่งสนับสนุนความคิดของโบร์ที่ว่า
พลังงานของอะตอมมีค่าไม่ต่อเนื่อง
41. รังสีเอกซ์ (X-rays)
ใน พ.ศ. 2438 วิลเฮล์ม
คอนราด เรินต์เกน(Wilhelm
Konrad Roentgen) นักฟิสิกส์
ชาวเยอรมัน ได้ค้นพบรังสี
เอกซ์โดยบังเอิญขณะที่กําลัง
ทดลองเกี่ยวกับรังสีแคโทด
การศึกษาต่อมาพบว่า รังสีเอกซ์สามารถทะลุผ่านวัตถุที่ไม่หนา
จนเกินไป เช่น กระดาษ ไม้ เนื้อเยื่อของคนและสัตว์ โดยรังสี
เอกซ์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก
Wilhelm Konrad Roentgen
43. 1. รังสีเอกซ์แบบสเปกตรัมต่อเนื่อง (Continuous
spectrum x-rays)
เกิดจากอิเล็กตรอนเคลื่อนที่
เข้าใกล้นิวเคลียสของอะตอมเป้า
โลหะ แรงทางไฟฟ้าจากนิวเคลียส
จะทําให้อิเล็กตรอนมีความเร็ว
เปลี่ยนไป อิเล็กตรอนจะสูญเสีย
พลังงานจลน์และปลดปล่อย
พลังงานออกมาในรูปรังสีเอกซ์
โดยความยาวคลื่นของรังสี
เอกซ์จากกระบวนการนี้มีค่าต่อ
เนื่อง
จึงเรียกว่า รังสีเอกซ์ต่อเนื่อง
45. 2. รังสีเอกซ์แบบสเปกตรัมลักษณะเฉพาะ
(Characteristic spectrum x-rays)
เกิดจากอิเล็กตรอนไปชนกับ
อิเล็กตรอนในวงโคจรชั้นในของ
อะตอมที่เป็นเป้า จนอิเล็กตรอนนั้น
หลุดออกมา อิเล็กตรอนในวงโคจร
ชั้นถัดมาที่มีระดับพลังงานสูงกว่าจึง
เข้าไปแทนที่พร้อมปล่อยพลังงาน
ออกมาในรูปรังสีเอกซ์ที่มีค่าเฉพาะ
ซึ่งเป็นการยืนยันความถูกต้องของ
ทฤษฎีอะตอมของโบร์ที่ว่า อะตอมมี
ระดับพลังงานเป็นชั้น ๆ ไม่ต่อเนื่อง