Thank

1. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget)

2. เพียเจต์ ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญา โดยเขาเชื่อว่า เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมที่จะมี
ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติตลอดเวลา และส่วนใหญ่แล้วมนุษย์จะเป็นผู้กระทา(Active)ก่อน วางอยู่บน
พื้นฐานที่มาแต่กาเนิด 2 ชนิด คือ
การจัดและรวบรวม (Oganization) การปรับตัว (Adaptation)
การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
การดูดซึม (Assimilation) การปรับความแตกต่าง
(Accommodation)
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์

3. “ การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปตามพัฒนาการทางสติปัญญา ซึ่งจะเป็นไปตามวัยอย่างเป็นลาดับขั้น ไม่ควรเร่งพัฒนาการเด็ก ”
มีความเข้าใจในธรรมชาติและพัฒนาการของเด็ก มากกว่าการกระตุ้นเด็กให้เกิดพัฒนาการที่ข้ามลาดับขั้นของ
พัฒนาการ
ความสาคัญ
ความหมาย
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ มีสาระสรุปได้ดังนี้

4. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
1.ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว ( Sensori-Motorb Stage )
( เริ่มตั้งแต่แรกเกิด-2ปี ) เด็กวัยนี้ชอบเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่ สามารถ
ใช้มือประสานกับตาได้
2.ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด ( Preoperational Stage )
( เริ่มตั้งแต่ 2-7ปี ) แบ่งย่อยออกเป็น 2 ขั้น
- ขั้นก่อนเกิดสังเกป (Preconceptual Thought)
( ช่วงอายุ 2-4ปี ) เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ได้
แต่ความเข้าใจต่อสิ่งต่าง ๆ ยังอยู่ในระดับเบื้องต้น
- ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ (Intuitive Thought)
( ช่วงอายุ 4-7ปี ) นึกออกเองโดยไม่ต้องใช้เหตุผล เริ่มมี
การพัฒนาเกี่ยวกับการอนุรักษ์
3.ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม ( Concrete Operation Stage )
( อายุ 7-11 ปี ) เด็กจะมีความสามารถคิดแบบมีเหตุผล
4.ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม ( Formal Operational Stage )
( อายุ 11-15 ปี ) เด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ เด็กจะสามารถที่จะคิดหาเหตุผล
นอกเหนือไปจากข้อมูลที่มีอยู่
ลาดับขั้นพัฒนาการทางสติปัญญา

5. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
เมื่อทางานกับนักเรียน ผู้สอนควรคานึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของนักเรียนดังต่อไปนี้
2. ประสบการณ์ทางตรรกศาสตร์ (Logicomathematical
experiences) จะเกิดขึ้นเมื่อนักเรียนได้พัฒนาโครงสร้าง
ทางสติปัญญาให้ความคิดรวบยอดที่เป็นนามธรรม
1. นักเรียนที่มีอายุเท่ากันอาจมีขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ควรเปรียบเทียบเด็ก ควรให้เด็กมีอิสระที่จะเรียนรู้
และพัฒนาความสามารถของเขาไปตามระดับพัฒนาการของเขา นักเรียนแต่ละคนจะได้รับประสบการณ์ 2 แบบคือ
1. ประสบการณ์ทางกายภาพ
(physical experiences)
จะเกิดขึ้นเมื่อนักเรียนแต่ละคนได้ปฏิสัมพันธ์กับวัตถุต่าง
ในสภาพแวดล้อมโดยตรง

6. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
- ใช้กิจกรรมขัดแย้ง (cognitive conflict activities) โดยการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นนอกเหนือจาก
ความคิดเห็นของตนเอง
- เสนอการเรียนการเสนอที่ให้ผู้เรียนพบกับความแปลกใหม่
- เน้นกิจกรรมการสารวจและการเพิ่มขยายความคิดในระหว่างการเรียนการสอน
- เน้นพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนโดยต้องเน้นให้นักเรียนใช้ศักยภาพของตนเองให้มากที่สุด
- เน้นการเรียนรู้ต้องอาศัยกิจกรรมการค้นพบ
2. หลักสูตรที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพีย
เจต์ ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้คือ

7. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ถามคาถามมากกว่าการให้คาตอบ
ครูผู้สอนควรจะพูดให้น้อยลง
และฟังให้มากขึ้น
ควรให้เสรีภาพแก่นักเรียนที่จะ
เลือกเรียนกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อนักเรียนให้เหตุผลผิด ควรถามคาถาม
หรือจัดประสบการณ์ให้นักเรียนใหม่ เพื่อ
นักเรียนจะได้แก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตนเอง
ชี้ระดับพัฒนาการทางสติปัญญาของ
นักเรียนจากงานพัฒนาการทางสติปัญญา
ขั้นนามธรรมหรือจากงานการอนุรักษ์
เพื่อดูว่านักเรียนคิดอย่างไร
ยอมรับความจริงที่ว่า นักเรียนแต่ละคนมี
อัตราพัฒนาการทางสติปัญญาที่แตกต่างกัน
ผู้สอนต้องเข้าใจว่านักเรียนมีความสามารถ
เพิ่มขึ้นในระดับความคิดขั้นต่อไป
ตระหนักว่าการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเพราะ
จดจามากกว่าที่จะเข้าใจ เป็นการเรียนรู้
ที่ไม่แท้จริง (pseudo learning)
การสอนที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา
ของผู้เรียนควรดาเนินการดังต่อไปนี้

8. 4. ขั้นประเมินผล ควรดาเนินการสอนต่อไปนี้
- มีการทดสอบแบบการให้เหตุผลของนักเรียน
- พยายามให้นักเรียนแสดงเหตุผลในการตอบคาถามนั้น
- ต้องช่วยเหลือนักเรียนทีมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้ากว่าเพื่อนร่วมชั้น
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
พัฒนาการของเด็กสามารถอธิบายได้โดยลาดับระยะพัฒนาทางชีววิทยาที่คงที่ แสดงให้ปรากฏ
โดยปฏิสัมพันธ์ของเด็กกับสิ่งแวดล้อม