SlideShare a Scribd company logo
1 of 73
Stephenie Meyer
- สเตฟานี่ เมเยอร์ -
เกิดเมื่อ 24 ธันวาคม 2516
ที่เกิด คอนเนคติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา
ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ฟีนิกซ์ (รัฐแอริโซนา) (ซึ่งในนิยาย Twilight ฟีนิกซ์ คือ เมืองแรกที่
เบลล่าอยู่ก่อนจะย้ายไปยังฟอร์ค)
เธอจบด้านวรรณกรรมจากมหาวิทยาลัยบริกแฮม แต่งงานอายุ 21 ปีเมื่อเธออายุ 29 ปี
เธอเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาๆ และได้ตระหนักว่าชีวิตเธอไม่น่าอภิรมย์นัก ต่อมาจึงได้เข้า
ชมรมนักอ่านของชุมชน
เมเยอร์เป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี 2008 และ 2009 ในสหรัฐอเมริกามียอดขายมากกว่า 29 ล้านเล่มในปี 2008 และ
26.5 ล้านเล่มในปี 2009 นอกจากนี้USA Today ประกาศว่าเมเยอร์ “ผู้แต่งแห่งปี (Author of the year)”
โคโลเดียนคิดส์ชอยส์อวอร์ดส สาขาหนังสือยอดนิยม
รางวัลที่ได้รับ
NickelodeonKids' Choice Awards 2010
Goodreads choice awards best graphic novels & comics
Twilight:The Graphic Novel,Vol 1
ซึ่งในนิยาย Twilight ฟีนิกซ์ คือ เมือง
แรกที่เบลล่าอยู่ก่อนจะย้ายไปยังฟอร์ค
ฟีนิกซ์ อีกชื่อ หุบเขาแห่งพระอาทิตย์ หรือ
เดอะ วัลเลย์ (อังกฤษ: Valley of
the Sun or The Valley)
เพราะว่าเมืองฟีนิกซ์ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทุก
ๆ ด้าน ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ถูกเรียกว่า
ชาวฟีนิเชียน
มืองฟอร์ค (Forks) เป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐวอชิงตัน (Washington)เป็นเมืองที่มีเมฆปกคลุมและฝนตกอย่างต่อเนื่องตลอดปี
เกิดจากความฝันนั้นเกิดขึ้นในคืนวันที่ 1 มิถุนายน 2003 ที่ฟีนิกซ์
“ฉันฝันเกี่ยวกับท้องหญ้าแห่งหนึ่ง มีหนุ่มรูปงามร่างกายเรืองรองท่ามกลางแสงอาทิตย์กาลังพูดคุย
กับหญิงสาวผู้หนึ่ง ทั้งคู่ตกอยู่ในห้วงรัก แต่เด็กหนุ่มรูปงามกาลังพรรณณาถึงความยากลาบากใน
การหักห้ามใจไม่ให้กระหายเลือดของเธอจนพลั้งมือฆ่าเธอ โอ . . . เขาคือแวมไพร์ ผู้ปรารถนา
เลือดอุ่นๆ จากมนุษย์ไร้เดียงสาอย่างเธอ”
“มันชัดเจนมากจนฉันไม่คิดจะลืม” เมเยอร์กล่าว
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมีความฝันแบบนั้นมากกว่าหนึ่งครั้งในชีวิต ดั่งว่ามันได้ปลดปล่อยวิญญาณ
นักเขียนในตัวฉันให้ออกมา ฉันได้ปลดล็อกประตูบานหนึ่งซึ่งมีเรื่องราวมากมายในนั้น ในหัวของฉัน
มีตัวละครมากพอที่จะหยิบเอามาใช้ได้”
Inspiration
“การเขียน Twilight ทาให้ฉันมีพลัง และเหมือนเป็นการเติมเชื้อเพลงให้ตัวเอง”
“ฉันอายเกินจะบอกใครว่ากาลังเขียนนิยายเรื่องรักๆ ของแวมไพร์ มันดูแบบว่า 'อี๋' ไปหน่อยน่ะ”
“ฉันแอบเขียน และมักจะคิดถึงตอนที่จะเขียนต่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนส่งลูกว่ายน้า คั้นน้าผลไม้
หรือตอนที่คนในบ้านกาลังหลับ”
“เอ็ดเวิร์ด กลางแสงอาทิตย์นั้นช่างน่าตกตะลึง ..."
1
2
3
4
The apple on the cover of Twilight represents
“forbiddenfruit.” The scripture from Genesis
Thai cover
แรกรัตติกาล นวจันทรา คราสสยุมพร
รุ่งอรุโณทัย
March 16, 2010 October 12, 2011 April 30, 2013
Twilight: The Graphic Novels
The Host
May 6, 2008
The Chemist
November 8, 2016
เจนจิรา เสรี
โยธิน
นักแปลและล่ามอิสระ อารมณ์ดี คุณเจนมีผลงานแปลมากมายจนลิสต์ได้ไม่หมด เช่น คนวัดโลก คราบัตกับโรงสี
ปีศาจ บอกแล้วไงว่าไม่ได้ฆ่า ในกรงแก้ว เมลลีกับปีศาจขี้โมโห และประวัติศาสตร์โลกเล่มเล็ก
นอกจากนี้คุณเจนยังมีงานเขียนของตัว เช่น ครั้งหนึ่ง…คิดถึงเป็นระยะ และ คืนหนึ่ง…คิดถึงอีกครั้ง
กับ สนพ.อมรินทร์ ด้วยประสบการณ์บวกกับความเป็นนักอ่านตัวยง ทาให้คุณเจนเป็น
นักแปลที่มีคลังคามากมาย และทักษะการใช้ภาษาที่ดี
ผลงานแปลของเจนจิรา เสรีโยธิน
เบลล่า เด็กสาวธรรมดาวัย 17 ปี เดิมอาศัยอยู่ในเมืองแห่งแสงตะวัน (Phoenix) กับเรเน่ผู้เป็นแม่ ซึ่งแม่งกับ
พ่อของเธอนั้นแยกทางกัน และเมื่อแม่ได้พบกับคนรักใหม่และแต่งงาน เบลล่าจึงหลีกทางโดยกลับไปอยู่กลับพ่อ (ชาร์ลี) ที่
ฟอร์ค (Fork) เบลล่าเกลียดฟอร์คเหมือนกับที่แม่เคยเกลียด ฟอร์คเป็นเมืองที่มีแต่ต้นไม้เขียวครึ้ม และไม่มีแม้กระทั่ง
แสงแดดที่เธอรัก ของเมืองแห่งแสงตะวัน (Phoenix) ที่เธอกาลังจะจากไป เพราะที่ฟอร์คฝนตกตลอดทั้งปี เบลล่า
จาต้องไป เพราะคิดว่านี่จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับแม่ของเธอมากขึ้น
การที่เบลล่าย้ายมาที่ฟอร์คทาให้เธอต้องเข้าโรงเรียนใหม่ พบกับเพื่อนใหม่ และที่สาคัญเบลล่าได้พบกับแล็ปพาร์ทเนอร์
คนใหม่ คนที่ดูเหมือนจะเกลียดเธอมากทั้ง ๆที่เพิ่งเห็นหน้ากัน...เอ็ดเวิร์ด คัลเลน
เอ็ดเวิร์ด... แวมไพร์หนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทั้งหล่อ ฉลาด รวย และมีเสน่ห์ต่อเธอในทุกๆ ด้าน
จากความเข้าใจว่าไม่ชอบหน้ากลับทาให้เบลล่ายิ่งค้นหาอะไรบางอย่างในตัวเอ็ดเวิร์ดมากขึ้น มากขึ้นๆ ทุกวัน จนเหมือนว่าทุก
ครั้งเธอจะคอยมองหาแต่เขา
สาหรับเอ็ดเวิร์ดแล้ว เลือดของเบลล่า ช่างหอมหวล กระตุ้นให้จิตใจของเขาปั่นป่วน จากแวมไพร์ที่ไม่เคยกระหายเลือด
มนุษย์ เขากลับต้องมาสะดุดอยู่ที่เธอ ดังนั้นเขาจึงทาตัวหมางเมินเหินห่างราวรังเกียจ เรื่องแปลกอีกอย่างนึงคือ เอ็ดเวิร์ด
สามารถอ่านใจทุกคนได้ เว้นแต่เบลล่าที่เขาอ่านใจไม่ได้ มันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทาให้เอ็ดเวิร์ดสนใจในตัวเบลล่ามาก เขาทั้ง
ไปแอบดูตอนเบลล่านอนหลับ ช่วยชีวิตเบลล่าจากรถตู้ที่จะชนเธอด้วยการที่เขาหยุดมันด้วยมือเปล่า
ตั้งแต่นั้นมาเบลล่าก็รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นแวมไพร์ จนในที่สุด...ความรักก็ได้เกาะกุมหัวใจของคนทั้งสอง เอ็ดเวิร์ดที่เคยคิด
หักใจถอยห่างไปให้ไกลกลับไม่สามารถสลัดเบลล่าออกจากหัวใจได้ดังนึก แต่แล้วทุกอย่างไม่ได้ดีเสมอไป เมื่อเจมส์,
วิคตอเรีย และ ลอเรนท์ คู่ปรับของเอ็ดเวิร์ดได้เดินทางมาฟอร์ค เจมส์คู่อริเอ็ดเวิร์ดคิดว่าการที่เอ็ดเวิร์ดสูญเสียคนรัก จะทาให้
เอ็ดเวิร์ดต้องเจ็บปวดในชีวิตที่เป็นอมตะของตนเอง ความรัก ความเป็นอมตะ แวมไพร์ มนุษย์ นิรันดรกาล การสูญเสีย ยามแรก
รัตติกาล จะทาให้เขาและเบลล่ารักกันได้จริงหรือ ในเมื่อเจมส์ต้องการทาร้ายคนที่เขารัก แน่นอนว่าเอ็ดเวิร์ดไม่มีทางยอมให้มัน
เกิดขึ้น เจมส์ถูกเอ็ดเวิร์ดฆ่าด้วยไฟรักที่เขามีต่อเบลล่า หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าก็ได้คบกัน แม้เขาจะ
ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แน่นอนว่าเขาจะคอยปกป้องเธอให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง ที่ถ้าหากเบลล่าเป็นอะไรไป เอ็ดเวิร์ดคงไม่สามารถ
เรื่องย่อ Twilight
James
Why is it famous?
Twilight มียอดขายมากกว่า 70 ล้านเล่มทั่วโลกในกว่า 50 ประเทศ
เป็นผลงานที่ได้รับการแปลมาแล้วกว่า 37 ภาษา และยังมีการนามาสร้างเป็น
ภาพยนตร ์เรื่อง แวมไพร ์ทไวไลท์
เมเยอร์เป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี 2008 และ 2009 ในสหรัฐอเมริกามี
ยอดขายมากกว่า 29 ล้านเล่มในปี 2008 และ 26.5 ล้านเล่มในปี 2009
นอกจากนี้USA Today ประกาศว่าเมเยอร์ “ผู้แต่งแห่งปี (Author of
the year)”
หนังมีทั้งหมด 5 ภาค
• เป็นเนื้อเรื่องที่มีความแปลกใหม่ ที่เขียนถึงความรักระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ ในมุมที่แตกต่าง
จากแวมไพร์เรื่องอื่นๆ
• ตัวละครส่วนใหญ่เป็นช่วงวัยรุ่น ทาให้นิยายเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้มากขึ้น
• เบลล่าเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงที่แสนปกติธรรมดา แต่กลับมีทั้งหมาป่าและแวมไพร์ยื้อ
แย่งกัน
• เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวหลายๆคน ตัวละครชวนฝัน
• เขียนคาแรคเตอร์และบทตัวละครได้น่าหลงใหล เช่น เอ็ดเวิร์ด เจคอบ
• ภาษาเขียนในนิยายสวยงาม โรแมนติก
• เป็นความรักในอุดมคติของผู้หญิงหลายๆคน การอ่านนิยายเข้ามาแทนที่ความจริงที่ว่าไม่มี
ผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้นในโลก
Why is it famous?
ฉบับแปล
ต้นฉบับ
ปกใหม่ปกเก่า
SL : “And yet, they were all exactly alike. Every one of them was
chalky pale, the palest of all the students living in this sunless town.
Paler than me, the albino. They all had very dark eyes despite the
range in hair tones. They also had dark shadows under those eyes —
purplish, bruise like shadows. As if they were all suffering from a
sleepless night, or almost done recovering from a broken nose.
Though their noses, all their features, were straight, perfect, angular.
TL: “กระนั้นพวกเขายังมีบางสิ่งที่เหมือนกันเปี๊ยบ นั่นคือผิวของพวกเขาต่างขาวสีดเหมือนชอล์ก ซีด
ที่สุดยิ่งกว่าเด็กนักเรียนทุกคนแห่งเมืองไร้ตะวันแห่งนี้ซีดกว่าฉันที่เป็นคนเผือกเสียอีก พวกเขาทุกคนมีตาสีเข้ม แม้ว่า
จะมีสีผมแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีรอยคล้าใต้ตากันทุกคนด้วย เป้นขอบตาที่ดูเหมือนรอยเขียวช้า ราวกับพวกเขาล้วนเป็น
โรคนอนไม่หลับหรือใกล้จะหายสนิทจากอาการดั้งหัก กระนั้นจมูกและเครื่องหน้าทุกสัดส่วนกลับสมบูรณ์แบบและคม
สันเป็นที่สุด”
Exactly แปลว่า อย่างแน่ชัด Alike แปลว่า เหมือนกัน
ถ้าแปลตามรูปศัพท์ exactly alike จะแปลว่า เหมือนกันอย่างแน่ชัด ซึ่งในบทแปลคุณเจนใช้คาว่า
SL: “I stared because their faces, so different, so similar,
were all devastatingly, inhumanly beautiful. They were faces
you never expected to see except perhaps on the airbrushed
pages of a fashion magazine. Or painted by an old
master as the face of an angel. It was hard to decide who
was the most beautiful — maybe the perfect blond girl, or
the bronze-haired boy.”
TL: “สายตาฉันจับจ้องเพราะใบหน้าของพวกเขา ที่แม้จะไม่เหมือนกันแต่ต่างกันก็เป็นใบหน้า
งดงามตราตรึงประหนึ่งไม่ใช่มนุษย์เหมือนกันแต่ต่างก็เป็นใบหน้าที่เราไม่อาจคาดว่าจะได้เห็น
นอกจากบนหน้าสีของแมกกาซีนหรือภาพวาดของจิตรกรเอกซึ่งสรรค์สร้างใบหน้าของเทวา
นางฟ้า ยากเหลือเกินที่จะตัดสินใจว่าใครงดงามที่สุดในหมู่พวกเขา บางทีคงจะเป็นแม่สาวผมทองผู้
งามพร้อมหรือหนุ่มผมสีทองแดง”
ผู้แปลเลือกใช้คาว่า “จิตรกรเอก” มาแทนที่คาว่า “An old master” ซึ่งแปลว่า
ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ การใช้คาว่าจิตกรเอกเป็นการเพิ่มคาที่ทาให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า
ผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวถึงคือจิตกรและเพิ่มคาว่าเอกเพื่อบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่มี
SL: “Edward in the sunlight was shocking. I couldn't get used to it,
though I'd been staring at him all afternoon. His skin, white despite the
faint flush from yesterday's hunting trip, literally sparkled, like thousands
of tiny diamonds were embedded in the surface. He lay perfectly still in
the grass, his shirt open over his sculpted, incandescent chest, his
scintillating arms bare. His glistening, pale lavender lids were shut,though
of course he didn't sleep. A perfect statue, carved in some unknown
stone, smooth like marble, glittering like crystal.”
TL: “เอ็ดเวิร์ดกลางแสงอาทิตย์นั้นช่างน่าตกตะลึง ฉันอาจจะไม่คุ้นเคยกับภาพนี้ได้แม้ว่าฉันจะจ้องเขาตลอดบ่าย
ก็ตาม ผิวของเขาขาว แม้ว่าจะมีเลือดฝาดสีชมพูจากการล่าสัตว์เมื่อวาน ตอนนี้ผิวขาวนั้นกลายเป็นประกาย
ระยิบระยับประหนึ่งหยาดเพชรนับพันฝังอยู่ในผิว เขานอนนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นหญ้า เสื้อเปิดออกเผยให้เห็นหน้าอกบึกบึน
ราวกับมันส่องประกาย แขนระยับของเขาเปลือยเปล่า เปลือกตาสีม่วงอ่อนงามปิดอยู่แม้ว่าผู้เป็นเจ้าของมิได้หลับใหล เขา
ดูเหมือนประติมากรรมที่งดงามหาที่ติมิได้ถูกสลักจากศิลาไร้ชื่อ เนียน เรียบประหนึ่งหินอ่อน และพร่างแพรสราวแก้ว
คริสตัล”
Faint แปลว่า เจือจาง Flush แปลว่า หน้าแดง
ถ้าแปลตามศัพท์ “หน้าแดงอย่างเจือจาง” ผู้แปลได้เทียบเคียงกับในภาษาไทย ซึ่งมีคาอธิบาย อาการลักษณะนี้อยู่
SL: "Do you mind if I look?" he asked as I began to
remove the slide. His hand caught mine, to stop me, as
he asked. His fingers were ice-cold, like he'd been
holding them in a snowdrift before class. But that wasn't
why I jerked my hand away so quickly. When he touched
me, it stung my hand as if an electric current had passed
through us.
TL: “จะว่าไหมถ้าผมขอดู” เขาถามตอนที่ฉันจะหยิบสไลด์ออก มือของเขาสัมผัสถูกมือ
ฉันตอนที่เขาถาม นิ้วของเขาเย็นเหมือนน้าแข็งราวกับว่าเขาเอามือไปแช่กองหิมะมาก่อนจะเข้า
เรียน แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ฉันรีบหดมือหนีอย่างรวดเร็ว แต่มันเป็นเพราะเมื่อเขาสัมผัสฉัน มือของ
ฉันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปราดผ่านเราสองคน
ผู้แปลเลือกใช้คาได้เป็นธรรมชาติเข้ากับภาษาไทย เข้าใช้คาว่า “วิ่งปราด” ซึ่งให้
ความรู้สึกถึงความที่ เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ามีความ spark กัน มากกว่าเพราะถ้าแปลตามตัว
“had passed” จะแปลว่า ถูกผ่าน กระแสไฟฟ้าถูกผ่านเราสองคน มันก็เข้าใจได้ว่ารู้สึก
SL: "So ready for this to be the end," he murmured,
almost to himself, "for this to be the twilight of your life,
though your life has barely started. You're ready to give
up everything."
TL: “คุณพร้อมจะจบมันแล้วหรือ” เขาพึมพา เกือบจะดูเหมือนพูดกับตัวเอง “ที่จะให้มัน
กลายเป็นสนธยา เริ่มรัตติกาลของชีวิตคุณ ทั้งที่ชีวิตของคุณยังไม่ได้เริ่มเลย คุณพร้อมจะทิ้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหรือ”
ผู้แปลใช้คาว่า “รัตติกาล” มาแปลคาว่า “twilight” ซึ่งแปลว่า แสงของดวงอาทิตย์
ขณะที่จะลับขอบฟ้า ซึ่งในภาษาไทยไม่มีคาเพียงหนึ่งคามาอธิบายได้พอดี ผู้แปลจึงใช้คาว่า
รัตติกาล มาอ้างอิงความหมายที่มันกว้างขึ้น
SL: "That's Edward. He's gorgeous, of course, but
don't waste your time. He doesn't date. Apparently none
of the girls here are good-looking enough for him."
TL: “นั่นน่ะเอ็ดเวิร์ด คัลเลน เขาหล่อระเบิดระเบ้อเลยใช่ม้า แต่อย่าเสียเวลา
เปล่าเลยเธอจ๋า เขาไม่ชายตามองผู้หญิงคนไหนหรอก สาวๆแถวนี้ไม่มีใครสวยคู่ควรกับเขาไง”
ผู้แปล ใช้คาว่า “หล่อระเบิดระเบ้อ” แปลคาว่า “gorgeous” อธิบายความหล่อของ
เอ็ดเวิร์ดที่หล่อมาก ซึ่งคาว่า ระเบิดระเบ้อ ก็เป็นอีกคาในภาษาไทยที่ใช้บอกความหล่อหรือสวย
ในภาษาไทยที่มันมาก ๆ
SL: It was beautiful, of course; I couldn't deny that.
Everything was green: the trees, their trunks covered
with moss, their branches hanging with a canopy of it,
the ground covered with ferns. Even the air filtered
down greenly through the leaves.
TL: ทิวทัศน์ที่นี่งดงามจริง ๆ ฉันไม่ปฏิเสธหรอก ทุกสรรพสิ่งเป็นสีเขียวขจี ต้นไม้ปกคลุมไป
ด้วยตะไคร่น้า กิ่งก้านระโยงย้อยแผ่คลุมเป็นร่มเงา ผืนดินเดียรดาษไปด้วยเฟิร์นเขียว แม้แต่
แสงแดดที่สาดลอดหมู่ใบไม้ลงมาเบื้องล่างก็ยังเป็นสีเขียวไปด้วย
cano
py
ร่มไม้
canopy [N] สิ่งที่ใช้คลุมเพื่อปกป้องสิ่งอื่น, Syn. covering, cover
SL: Mike kept up a string of complaints on the way to
building four.
TL: ไมค์บ่นเป็นหมีกินผึ้งตลอดทางไปตึกสี่
บ่นเป็ นหมีกินผึ้ง หมายถึง อาการของคนที่บ่นพึมพัมไปเรื่อย เห็นอะไรก็บ่น
ไปหมดจนน่าราคาญ
SL: His dazzling face was friendly, open, a slight smile
on his flawless lips. But his eyes were careful.
TL: ใบหน้าของเขาเชิญชวนให้หลงใหลและดูเป็นมิตร กระจ่างสดใส มีรอยยิ้มบางๆ แต้ม
บนริมฝีปากคู่งามสมบูรณ์แบบ ทว่าว่าสายตาของเขายังดูระวังระไว
Flawless [adj.] ไม่มีตาหนิ
รอยยิ้มบาง ๆบนริมฝี ปากอันไร้ที่ติของเขา
SL: A fine layer of snow covered the yard, dusted the
top of my truck, and whitened the road. But that
wasn't the worst part. All the rain from yesterday had
frozen solid — coating the needles on the trees in
fantastic, gorgeous patterns, and making the driveway
a deadly ice slick.
TL: หิมะหนาเป็นชั้นๆปกคลุมเต็มสนามหญ้า กระจายบนหลังคารถฉัน ระบายถนนเป็นสี
ขาวโพลน ยัง นี่ยังไม่ใช่ตอนที่เลวร้ายที่สุด ฝนเมื่อวานนี้ทั้งหมดจับตัวเป็นน้าแข็งปกคลุมกิ่ง
ก้านสนปรากฏเป็นลวดลายงามวิจิตรอัศจรรย์ และทาให้ทางเดินรถกลายเป็นผืนน้าแข็ง
ลื่นๆ แสนจะอันตราย
SL: I was well aware that my league and his
league were spheres that did not touch.
TL: ฉันยังรู้ตัวดีว่าเขากับฉันห่างไกลกันเหมือนฟ้ ากับเหว
ฉันตระหนักดีว่าลีกของฉันและลีกของเขานั้นเป็นดั่งท้องฟ้าที่ไม่สามารถแตะถึงได้
SL: Mike was on my team today. He chivalrously
covered my position as well as his own,
TL: วันนี้ไมค์มาอยู่ทีมเดียวกับฉัน เขาช่วยป้องกันตาแหน่งของฉันอย่างกล้าหาญปาน
อัศวินไปพร้อม ๆกับตาแหน่งของเขาเอง
SL: so my woolgathering was only interrupted when it
was my turn to serve;
TL: ดังนั้นสภาวะจิตลอยของฉันจึงถูกขัดจังหวะ เฉพาะตอนที่ถึงตาฉันเสิร์ฟลูกเท่านั้น
‘woolgath
ering
n. การตกอยู่ในห้วงฝัน,การฝันกลางวัน,การเหม่อลอย
‘chivalrouadj. เกี่ยวกับอัศวิน,กล้าหาญ,เอาใจสตรี,ให้เกียรติสตรี.
[ idle or absent-minded indulgence in fantasy; daydreaming]
SL: Today, his eyes were a completely different color:
a strange ocher, darker than butterscotch, but with
the same golden tone.
TL: มาวันนี้ตาของเขามีสีที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีเหลืองอ่อนแปลกๆ
เข้มกว่า บัตเตอร ์สก็อตช์แต่ก็มีโทนสีทองแบบเดียวกัน
‘
SL: I was still tongue-tied whenever I pictured his
perfect face.
TL: แล้วฉันก็ยังพูดไม่ออกเหมือนลิ้นถูกมัดเมื่อนึกถึงใบหน้างามสมบูรณ์หา
ที่ติมิได้ของเขา
SL: In my dream it was very dark, and what dim light
there was seemed to be radiating from Edward's skin.
I couldn't see his face,
TL: ในความฝันมืดเหลือเกิน แสงเรื่อเรืองดูเหมือนจะรังรองจากผิวของเอ็ดเวิร์ด ฉันมองไม่
เห็นหน้าเขา
แสง_______ดูเหมือนจะเปล่งประกายออกมาจากผิวหนังของเอ
SL: I'd been to the beaches around La Push many times during my
Forks summers with Charlie, so the mile-long crescent of First Beach
was familiar to me. It was still breathtaking. The water was dark gray, even in
the sunlight, white-capped and heaving to the gray, rocky shore. Islands rose
out of the steel harbor waters with sheer cliff sides, reaching to uneven
summits, and crowned with austere, soaring firs. The beach had only a thin
border of actual sand at the water's edge, after which it grew into millions of
large, smooth stones that looked uniformly gray from a distance, but close
up were every shade a stone could be: terra-cotta, sea green, lavender, blue
gray, dull gold. The tide line was strewn with huge driftwood trees, bleached
bone white in the salt waves, some piled together against the edge of the
forest fringe, some lying solitary, just out of reach of the waves. There was a
brisk wind coming off the waves, cool and briny. Pelicans floated on the
swells while seagulls and a lone eagle wheeled above them. The clouds still
circled the sky, threatening to invade at any moment, but for now the sun
shone bravely in its halo of blue sky.
TL: ฉันเคยมาซายหาดรอบลาพุชหลายครั้ง ตอนมาพักช่วงปิดเทอมฤดูร้อนกับชาร์ลี ดังนั้นชายหาดโค้งเคี้ยวเหมือนจันทร์เสี้ยวยาว
เป็นไมล์จึงคุ้นตาฉันดีอยู่แล้ว กระนั้นมันก็ยังคงน่าตื่นตาอยู่ดี ผืนน้าเป็นสีเทาแก่แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ คลื่นเป็นฟองขาว
โถมใส่ชายฝั่งสีเทาที่เต็มไปด้วยโขดหิน เกาะแก่งผุดขึ้นเหนือผิวน้าของอ่าวสีเหล็ก ยอดผาสูงสล้างต่างระดับ ประดับประดาด้วยต้น
สนสูงชะลูดเสียดฟ้า ชายหาดมีส่วนชอบที่เป็นทรายอยู่เพียงเล็กน้อย ถัดจากนั้นไปก็เป็นหินเรียบขนาดใหญ่มากมายเป็นล้าน ๆก้อน
ที่ดูเป็นสีเทาเหมือนกันหมดเมื่อมองไกลๆ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะเห็นว่าหินเหล่านั้นมีสีสันทุกเฉดสีที่หินพึงจะมี ทั้งสีดินเผา สีเขียวน้า
ทะเล สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเทาอมฟ้า และสีทองหม่น บนผืนน้ามีขอนไม้ใหญ่ลอยกระจัดกระจายประหนึ่งกระดูกฟอกขาวในคลื่นเค็ม
ปร่า บ้างก็กองรวมกันอยู่ริมชายป่า บ้างก็นอนแยกอยู่โดดเดี่ยวไม่ไกลเกินกว่าคลื่นจะชัดถึง
สายลมแรงพัดมาจากคลื่นแสนฉ่าเย็น หอบกลิ่นเกลือเค็มเข้าจมูก นกทะเลเพลิแกนล่องกายบนยอดคลื่น ขณะที่ฝูงนางนวล
และเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบอยู่เหนือพวกมัน เมฆยังคงรายล้อมผืนฟ้าเตรียมเข้าบุกรุกคุกคามอยู่ทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ยังคง
ส่องแสงแรงกล้าอยู่กลางรัศมีฟ้าครามสด
วิเคราะห์บทแปล Twilight

More Related Content

More from khanidthakpt

Love of others กิจกรรมโฮมรูม
Love of others กิจกรรมโฮมรูมLove of others กิจกรรมโฮมรูม
Love of others กิจกรรมโฮมรูม
khanidthakpt
 
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตรการกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
khanidthakpt
 
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
khanidthakpt
 

More from khanidthakpt (20)

The merchant of Venice
The merchant of VeniceThe merchant of Venice
The merchant of Venice
 
Sickness lesson plan
Sickness lesson planSickness lesson plan
Sickness lesson plan
 
บทละคร Mangita and larina สำหรับแสดงละครสั้นภาษาอังกฤษ
บทละคร Mangita and larina สำหรับแสดงละครสั้นภาษาอังกฤษบทละคร Mangita and larina สำหรับแสดงละครสั้นภาษาอังกฤษ
บทละคร Mangita and larina สำหรับแสดงละครสั้นภาษาอังกฤษ
 
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม แบบสอบถาม
แบบสอบถาม
 
แผนการสอนระดับท้องถิ่น - ร.พ เจ้าพระยาอภับภูเบศร
แผนการสอนระดับท้องถิ่น - ร.พ เจ้าพระยาอภับภูเบศรแผนการสอนระดับท้องถิ่น - ร.พ เจ้าพระยาอภับภูเบศร
แผนการสอนระดับท้องถิ่น - ร.พ เจ้าพระยาอภับภูเบศร
 
สรุปนิทาน Anna karenina
สรุปนิทาน Anna kareninaสรุปนิทาน Anna karenina
สรุปนิทาน Anna karenina
 
Short story - Past tense
Short story - Past tenseShort story - Past tense
Short story - Past tense
 
Friends game
Friends gameFriends game
Friends game
 
Love of others กิจกรรมโฮมรูม
Love of others กิจกรรมโฮมรูมLove of others กิจกรรมโฮมรูม
Love of others กิจกรรมโฮมรูม
 
Homeroom games for children
Homeroom games for childrenHomeroom games for children
Homeroom games for children
 
Who is Christiane Amanpour?
Who is Christiane Amanpour?Who is Christiane Amanpour?
Who is Christiane Amanpour?
 
What is leaf clovers?
What is leaf clovers?What is leaf clovers?
What is leaf clovers?
 
English hidden meaning vocabulary
English hidden meaning vocabularyEnglish hidden meaning vocabulary
English hidden meaning vocabulary
 
Short script for public speaking topic fairytale
Short script for public speaking topic fairytaleShort script for public speaking topic fairytale
Short script for public speaking topic fairytale
 
Tell about myself
Tell about myselfTell about myself
Tell about myself
 
ระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ
 
ปัญหาทางเพศในสังคมปัจจุบัน
ปัญหาทางเพศในสังคมปัจจุบันปัญหาทางเพศในสังคมปัจจุบัน
ปัญหาทางเพศในสังคมปัจจุบัน
 
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตรการกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
การกำหนดจุดมุ่งหมายและเนื้อหาของหลักสูตร
 
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
 
การให้คำปรึกษา (Students consulting)
การให้คำปรึกษา (Students consulting)การให้คำปรึกษา (Students consulting)
การให้คำปรึกษา (Students consulting)
 

วิเคราะห์บทแปล Twilight

  • 1.
  • 2. Stephenie Meyer - สเตฟานี่ เมเยอร์ - เกิดเมื่อ 24 ธันวาคม 2516 ที่เกิด คอนเนคติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ฟีนิกซ์ (รัฐแอริโซนา) (ซึ่งในนิยาย Twilight ฟีนิกซ์ คือ เมืองแรกที่ เบลล่าอยู่ก่อนจะย้ายไปยังฟอร์ค) เธอจบด้านวรรณกรรมจากมหาวิทยาลัยบริกแฮม แต่งงานอายุ 21 ปีเมื่อเธออายุ 29 ปี เธอเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาๆ และได้ตระหนักว่าชีวิตเธอไม่น่าอภิรมย์นัก ต่อมาจึงได้เข้า ชมรมนักอ่านของชุมชน เมเยอร์เป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี 2008 และ 2009 ในสหรัฐอเมริกามียอดขายมากกว่า 29 ล้านเล่มในปี 2008 และ 26.5 ล้านเล่มในปี 2009 นอกจากนี้USA Today ประกาศว่าเมเยอร์ “ผู้แต่งแห่งปี (Author of the year)”
  • 4. ซึ่งในนิยาย Twilight ฟีนิกซ์ คือ เมือง แรกที่เบลล่าอยู่ก่อนจะย้ายไปยังฟอร์ค ฟีนิกซ์ อีกชื่อ หุบเขาแห่งพระอาทิตย์ หรือ เดอะ วัลเลย์ (อังกฤษ: Valley of the Sun or The Valley) เพราะว่าเมืองฟีนิกซ์ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทุก ๆ ด้าน ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ถูกเรียกว่า ชาวฟีนิเชียน มืองฟอร์ค (Forks) เป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐวอชิงตัน (Washington)เป็นเมืองที่มีเมฆปกคลุมและฝนตกอย่างต่อเนื่องตลอดปี
  • 5. เกิดจากความฝันนั้นเกิดขึ้นในคืนวันที่ 1 มิถุนายน 2003 ที่ฟีนิกซ์ “ฉันฝันเกี่ยวกับท้องหญ้าแห่งหนึ่ง มีหนุ่มรูปงามร่างกายเรืองรองท่ามกลางแสงอาทิตย์กาลังพูดคุย กับหญิงสาวผู้หนึ่ง ทั้งคู่ตกอยู่ในห้วงรัก แต่เด็กหนุ่มรูปงามกาลังพรรณณาถึงความยากลาบากใน การหักห้ามใจไม่ให้กระหายเลือดของเธอจนพลั้งมือฆ่าเธอ โอ . . . เขาคือแวมไพร์ ผู้ปรารถนา เลือดอุ่นๆ จากมนุษย์ไร้เดียงสาอย่างเธอ” “มันชัดเจนมากจนฉันไม่คิดจะลืม” เมเยอร์กล่าว “ฉันไม่คิดว่าคุณจะมีความฝันแบบนั้นมากกว่าหนึ่งครั้งในชีวิต ดั่งว่ามันได้ปลดปล่อยวิญญาณ นักเขียนในตัวฉันให้ออกมา ฉันได้ปลดล็อกประตูบานหนึ่งซึ่งมีเรื่องราวมากมายในนั้น ในหัวของฉัน มีตัวละครมากพอที่จะหยิบเอามาใช้ได้” Inspiration
  • 6. “การเขียน Twilight ทาให้ฉันมีพลัง และเหมือนเป็นการเติมเชื้อเพลงให้ตัวเอง” “ฉันอายเกินจะบอกใครว่ากาลังเขียนนิยายเรื่องรักๆ ของแวมไพร์ มันดูแบบว่า 'อี๋' ไปหน่อยน่ะ” “ฉันแอบเขียน และมักจะคิดถึงตอนที่จะเขียนต่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนส่งลูกว่ายน้า คั้นน้าผลไม้ หรือตอนที่คนในบ้านกาลังหลับ” “เอ็ดเวิร์ด กลางแสงอาทิตย์นั้นช่างน่าตกตะลึง ..."
  • 7. 1 2 3 4 The apple on the cover of Twilight represents “forbiddenfruit.” The scripture from Genesis
  • 8. Thai cover แรกรัตติกาล นวจันทรา คราสสยุมพร รุ่งอรุโณทัย
  • 9. March 16, 2010 October 12, 2011 April 30, 2013 Twilight: The Graphic Novels
  • 12. เจนจิรา เสรี โยธิน นักแปลและล่ามอิสระ อารมณ์ดี คุณเจนมีผลงานแปลมากมายจนลิสต์ได้ไม่หมด เช่น คนวัดโลก คราบัตกับโรงสี ปีศาจ บอกแล้วไงว่าไม่ได้ฆ่า ในกรงแก้ว เมลลีกับปีศาจขี้โมโห และประวัติศาสตร์โลกเล่มเล็ก นอกจากนี้คุณเจนยังมีงานเขียนของตัว เช่น ครั้งหนึ่ง…คิดถึงเป็นระยะ และ คืนหนึ่ง…คิดถึงอีกครั้ง กับ สนพ.อมรินทร์ ด้วยประสบการณ์บวกกับความเป็นนักอ่านตัวยง ทาให้คุณเจนเป็น นักแปลที่มีคลังคามากมาย และทักษะการใช้ภาษาที่ดี
  • 14. เบลล่า เด็กสาวธรรมดาวัย 17 ปี เดิมอาศัยอยู่ในเมืองแห่งแสงตะวัน (Phoenix) กับเรเน่ผู้เป็นแม่ ซึ่งแม่งกับ พ่อของเธอนั้นแยกทางกัน และเมื่อแม่ได้พบกับคนรักใหม่และแต่งงาน เบลล่าจึงหลีกทางโดยกลับไปอยู่กลับพ่อ (ชาร์ลี) ที่ ฟอร์ค (Fork) เบลล่าเกลียดฟอร์คเหมือนกับที่แม่เคยเกลียด ฟอร์คเป็นเมืองที่มีแต่ต้นไม้เขียวครึ้ม และไม่มีแม้กระทั่ง แสงแดดที่เธอรัก ของเมืองแห่งแสงตะวัน (Phoenix) ที่เธอกาลังจะจากไป เพราะที่ฟอร์คฝนตกตลอดทั้งปี เบลล่า จาต้องไป เพราะคิดว่านี่จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับแม่ของเธอมากขึ้น การที่เบลล่าย้ายมาที่ฟอร์คทาให้เธอต้องเข้าโรงเรียนใหม่ พบกับเพื่อนใหม่ และที่สาคัญเบลล่าได้พบกับแล็ปพาร์ทเนอร์ คนใหม่ คนที่ดูเหมือนจะเกลียดเธอมากทั้ง ๆที่เพิ่งเห็นหน้ากัน...เอ็ดเวิร์ด คัลเลน เอ็ดเวิร์ด... แวมไพร์หนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ทั้งหล่อ ฉลาด รวย และมีเสน่ห์ต่อเธอในทุกๆ ด้าน จากความเข้าใจว่าไม่ชอบหน้ากลับทาให้เบลล่ายิ่งค้นหาอะไรบางอย่างในตัวเอ็ดเวิร์ดมากขึ้น มากขึ้นๆ ทุกวัน จนเหมือนว่าทุก ครั้งเธอจะคอยมองหาแต่เขา สาหรับเอ็ดเวิร์ดแล้ว เลือดของเบลล่า ช่างหอมหวล กระตุ้นให้จิตใจของเขาปั่นป่วน จากแวมไพร์ที่ไม่เคยกระหายเลือด มนุษย์ เขากลับต้องมาสะดุดอยู่ที่เธอ ดังนั้นเขาจึงทาตัวหมางเมินเหินห่างราวรังเกียจ เรื่องแปลกอีกอย่างนึงคือ เอ็ดเวิร์ด สามารถอ่านใจทุกคนได้ เว้นแต่เบลล่าที่เขาอ่านใจไม่ได้ มันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทาให้เอ็ดเวิร์ดสนใจในตัวเบลล่ามาก เขาทั้ง ไปแอบดูตอนเบลล่านอนหลับ ช่วยชีวิตเบลล่าจากรถตู้ที่จะชนเธอด้วยการที่เขาหยุดมันด้วยมือเปล่า ตั้งแต่นั้นมาเบลล่าก็รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นแวมไพร์ จนในที่สุด...ความรักก็ได้เกาะกุมหัวใจของคนทั้งสอง เอ็ดเวิร์ดที่เคยคิด หักใจถอยห่างไปให้ไกลกลับไม่สามารถสลัดเบลล่าออกจากหัวใจได้ดังนึก แต่แล้วทุกอย่างไม่ได้ดีเสมอไป เมื่อเจมส์, วิคตอเรีย และ ลอเรนท์ คู่ปรับของเอ็ดเวิร์ดได้เดินทางมาฟอร์ค เจมส์คู่อริเอ็ดเวิร์ดคิดว่าการที่เอ็ดเวิร์ดสูญเสียคนรัก จะทาให้ เอ็ดเวิร์ดต้องเจ็บปวดในชีวิตที่เป็นอมตะของตนเอง ความรัก ความเป็นอมตะ แวมไพร์ มนุษย์ นิรันดรกาล การสูญเสีย ยามแรก รัตติกาล จะทาให้เขาและเบลล่ารักกันได้จริงหรือ ในเมื่อเจมส์ต้องการทาร้ายคนที่เขารัก แน่นอนว่าเอ็ดเวิร์ดไม่มีทางยอมให้มัน เกิดขึ้น เจมส์ถูกเอ็ดเวิร์ดฆ่าด้วยไฟรักที่เขามีต่อเบลล่า หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าก็ได้คบกัน แม้เขาจะ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แน่นอนว่าเขาจะคอยปกป้องเธอให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง ที่ถ้าหากเบลล่าเป็นอะไรไป เอ็ดเวิร์ดคงไม่สามารถ เรื่องย่อ Twilight
  • 15.
  • 16.
  • 17.
  • 18.
  • 19.
  • 20.
  • 21.
  • 22.
  • 23.
  • 24.
  • 25.
  • 26.
  • 27.
  • 28.
  • 29.
  • 30.
  • 31.
  • 32.
  • 33.
  • 34.
  • 35.
  • 36.
  • 37.
  • 38.
  • 39. James
  • 40.
  • 41.
  • 42.
  • 43.
  • 44.
  • 45.
  • 46.
  • 47.
  • 48.
  • 49.
  • 50. Why is it famous? Twilight มียอดขายมากกว่า 70 ล้านเล่มทั่วโลกในกว่า 50 ประเทศ เป็นผลงานที่ได้รับการแปลมาแล้วกว่า 37 ภาษา และยังมีการนามาสร้างเป็น ภาพยนตร ์เรื่อง แวมไพร ์ทไวไลท์ เมเยอร์เป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี 2008 และ 2009 ในสหรัฐอเมริกามี ยอดขายมากกว่า 29 ล้านเล่มในปี 2008 และ 26.5 ล้านเล่มในปี 2009 นอกจากนี้USA Today ประกาศว่าเมเยอร์ “ผู้แต่งแห่งปี (Author of the year)”
  • 52. • เป็นเนื้อเรื่องที่มีความแปลกใหม่ ที่เขียนถึงความรักระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ ในมุมที่แตกต่าง จากแวมไพร์เรื่องอื่นๆ • ตัวละครส่วนใหญ่เป็นช่วงวัยรุ่น ทาให้นิยายเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้มากขึ้น • เบลล่าเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงที่แสนปกติธรรมดา แต่กลับมีทั้งหมาป่าและแวมไพร์ยื้อ แย่งกัน • เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวหลายๆคน ตัวละครชวนฝัน • เขียนคาแรคเตอร์และบทตัวละครได้น่าหลงใหล เช่น เอ็ดเวิร์ด เจคอบ • ภาษาเขียนในนิยายสวยงาม โรแมนติก • เป็นความรักในอุดมคติของผู้หญิงหลายๆคน การอ่านนิยายเข้ามาแทนที่ความจริงที่ว่าไม่มี ผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้นในโลก Why is it famous?
  • 53.
  • 54.
  • 55.
  • 56.
  • 58. SL : “And yet, they were all exactly alike. Every one of them was chalky pale, the palest of all the students living in this sunless town. Paler than me, the albino. They all had very dark eyes despite the range in hair tones. They also had dark shadows under those eyes — purplish, bruise like shadows. As if they were all suffering from a sleepless night, or almost done recovering from a broken nose. Though their noses, all their features, were straight, perfect, angular. TL: “กระนั้นพวกเขายังมีบางสิ่งที่เหมือนกันเปี๊ยบ นั่นคือผิวของพวกเขาต่างขาวสีดเหมือนชอล์ก ซีด ที่สุดยิ่งกว่าเด็กนักเรียนทุกคนแห่งเมืองไร้ตะวันแห่งนี้ซีดกว่าฉันที่เป็นคนเผือกเสียอีก พวกเขาทุกคนมีตาสีเข้ม แม้ว่า จะมีสีผมแตกต่างกัน อีกทั้งยังมีรอยคล้าใต้ตากันทุกคนด้วย เป้นขอบตาที่ดูเหมือนรอยเขียวช้า ราวกับพวกเขาล้วนเป็น โรคนอนไม่หลับหรือใกล้จะหายสนิทจากอาการดั้งหัก กระนั้นจมูกและเครื่องหน้าทุกสัดส่วนกลับสมบูรณ์แบบและคม สันเป็นที่สุด” Exactly แปลว่า อย่างแน่ชัด Alike แปลว่า เหมือนกัน ถ้าแปลตามรูปศัพท์ exactly alike จะแปลว่า เหมือนกันอย่างแน่ชัด ซึ่งในบทแปลคุณเจนใช้คาว่า
  • 59. SL: “I stared because their faces, so different, so similar, were all devastatingly, inhumanly beautiful. They were faces you never expected to see except perhaps on the airbrushed pages of a fashion magazine. Or painted by an old master as the face of an angel. It was hard to decide who was the most beautiful — maybe the perfect blond girl, or the bronze-haired boy.” TL: “สายตาฉันจับจ้องเพราะใบหน้าของพวกเขา ที่แม้จะไม่เหมือนกันแต่ต่างกันก็เป็นใบหน้า งดงามตราตรึงประหนึ่งไม่ใช่มนุษย์เหมือนกันแต่ต่างก็เป็นใบหน้าที่เราไม่อาจคาดว่าจะได้เห็น นอกจากบนหน้าสีของแมกกาซีนหรือภาพวาดของจิตรกรเอกซึ่งสรรค์สร้างใบหน้าของเทวา นางฟ้า ยากเหลือเกินที่จะตัดสินใจว่าใครงดงามที่สุดในหมู่พวกเขา บางทีคงจะเป็นแม่สาวผมทองผู้ งามพร้อมหรือหนุ่มผมสีทองแดง” ผู้แปลเลือกใช้คาว่า “จิตรกรเอก” มาแทนที่คาว่า “An old master” ซึ่งแปลว่า ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ การใช้คาว่าจิตกรเอกเป็นการเพิ่มคาที่ทาให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวถึงคือจิตกรและเพิ่มคาว่าเอกเพื่อบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่มี
  • 60. SL: “Edward in the sunlight was shocking. I couldn't get used to it, though I'd been staring at him all afternoon. His skin, white despite the faint flush from yesterday's hunting trip, literally sparkled, like thousands of tiny diamonds were embedded in the surface. He lay perfectly still in the grass, his shirt open over his sculpted, incandescent chest, his scintillating arms bare. His glistening, pale lavender lids were shut,though of course he didn't sleep. A perfect statue, carved in some unknown stone, smooth like marble, glittering like crystal.” TL: “เอ็ดเวิร์ดกลางแสงอาทิตย์นั้นช่างน่าตกตะลึง ฉันอาจจะไม่คุ้นเคยกับภาพนี้ได้แม้ว่าฉันจะจ้องเขาตลอดบ่าย ก็ตาม ผิวของเขาขาว แม้ว่าจะมีเลือดฝาดสีชมพูจากการล่าสัตว์เมื่อวาน ตอนนี้ผิวขาวนั้นกลายเป็นประกาย ระยิบระยับประหนึ่งหยาดเพชรนับพันฝังอยู่ในผิว เขานอนนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นหญ้า เสื้อเปิดออกเผยให้เห็นหน้าอกบึกบึน ราวกับมันส่องประกาย แขนระยับของเขาเปลือยเปล่า เปลือกตาสีม่วงอ่อนงามปิดอยู่แม้ว่าผู้เป็นเจ้าของมิได้หลับใหล เขา ดูเหมือนประติมากรรมที่งดงามหาที่ติมิได้ถูกสลักจากศิลาไร้ชื่อ เนียน เรียบประหนึ่งหินอ่อน และพร่างแพรสราวแก้ว คริสตัล” Faint แปลว่า เจือจาง Flush แปลว่า หน้าแดง ถ้าแปลตามศัพท์ “หน้าแดงอย่างเจือจาง” ผู้แปลได้เทียบเคียงกับในภาษาไทย ซึ่งมีคาอธิบาย อาการลักษณะนี้อยู่
  • 61. SL: "Do you mind if I look?" he asked as I began to remove the slide. His hand caught mine, to stop me, as he asked. His fingers were ice-cold, like he'd been holding them in a snowdrift before class. But that wasn't why I jerked my hand away so quickly. When he touched me, it stung my hand as if an electric current had passed through us. TL: “จะว่าไหมถ้าผมขอดู” เขาถามตอนที่ฉันจะหยิบสไลด์ออก มือของเขาสัมผัสถูกมือ ฉันตอนที่เขาถาม นิ้วของเขาเย็นเหมือนน้าแข็งราวกับว่าเขาเอามือไปแช่กองหิมะมาก่อนจะเข้า เรียน แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ฉันรีบหดมือหนีอย่างรวดเร็ว แต่มันเป็นเพราะเมื่อเขาสัมผัสฉัน มือของ ฉันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปราดผ่านเราสองคน ผู้แปลเลือกใช้คาได้เป็นธรรมชาติเข้ากับภาษาไทย เข้าใช้คาว่า “วิ่งปราด” ซึ่งให้ ความรู้สึกถึงความที่ เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ามีความ spark กัน มากกว่าเพราะถ้าแปลตามตัว “had passed” จะแปลว่า ถูกผ่าน กระแสไฟฟ้าถูกผ่านเราสองคน มันก็เข้าใจได้ว่ารู้สึก
  • 62. SL: "So ready for this to be the end," he murmured, almost to himself, "for this to be the twilight of your life, though your life has barely started. You're ready to give up everything." TL: “คุณพร้อมจะจบมันแล้วหรือ” เขาพึมพา เกือบจะดูเหมือนพูดกับตัวเอง “ที่จะให้มัน กลายเป็นสนธยา เริ่มรัตติกาลของชีวิตคุณ ทั้งที่ชีวิตของคุณยังไม่ได้เริ่มเลย คุณพร้อมจะทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหรือ” ผู้แปลใช้คาว่า “รัตติกาล” มาแปลคาว่า “twilight” ซึ่งแปลว่า แสงของดวงอาทิตย์ ขณะที่จะลับขอบฟ้า ซึ่งในภาษาไทยไม่มีคาเพียงหนึ่งคามาอธิบายได้พอดี ผู้แปลจึงใช้คาว่า รัตติกาล มาอ้างอิงความหมายที่มันกว้างขึ้น
  • 63. SL: "That's Edward. He's gorgeous, of course, but don't waste your time. He doesn't date. Apparently none of the girls here are good-looking enough for him." TL: “นั่นน่ะเอ็ดเวิร์ด คัลเลน เขาหล่อระเบิดระเบ้อเลยใช่ม้า แต่อย่าเสียเวลา เปล่าเลยเธอจ๋า เขาไม่ชายตามองผู้หญิงคนไหนหรอก สาวๆแถวนี้ไม่มีใครสวยคู่ควรกับเขาไง” ผู้แปล ใช้คาว่า “หล่อระเบิดระเบ้อ” แปลคาว่า “gorgeous” อธิบายความหล่อของ เอ็ดเวิร์ดที่หล่อมาก ซึ่งคาว่า ระเบิดระเบ้อ ก็เป็นอีกคาในภาษาไทยที่ใช้บอกความหล่อหรือสวย ในภาษาไทยที่มันมาก ๆ
  • 64. SL: It was beautiful, of course; I couldn't deny that. Everything was green: the trees, their trunks covered with moss, their branches hanging with a canopy of it, the ground covered with ferns. Even the air filtered down greenly through the leaves. TL: ทิวทัศน์ที่นี่งดงามจริง ๆ ฉันไม่ปฏิเสธหรอก ทุกสรรพสิ่งเป็นสีเขียวขจี ต้นไม้ปกคลุมไป ด้วยตะไคร่น้า กิ่งก้านระโยงย้อยแผ่คลุมเป็นร่มเงา ผืนดินเดียรดาษไปด้วยเฟิร์นเขียว แม้แต่ แสงแดดที่สาดลอดหมู่ใบไม้ลงมาเบื้องล่างก็ยังเป็นสีเขียวไปด้วย cano py ร่มไม้ canopy [N] สิ่งที่ใช้คลุมเพื่อปกป้องสิ่งอื่น, Syn. covering, cover
  • 65. SL: Mike kept up a string of complaints on the way to building four. TL: ไมค์บ่นเป็นหมีกินผึ้งตลอดทางไปตึกสี่ บ่นเป็ นหมีกินผึ้ง หมายถึง อาการของคนที่บ่นพึมพัมไปเรื่อย เห็นอะไรก็บ่น ไปหมดจนน่าราคาญ SL: His dazzling face was friendly, open, a slight smile on his flawless lips. But his eyes were careful. TL: ใบหน้าของเขาเชิญชวนให้หลงใหลและดูเป็นมิตร กระจ่างสดใส มีรอยยิ้มบางๆ แต้ม บนริมฝีปากคู่งามสมบูรณ์แบบ ทว่าว่าสายตาของเขายังดูระวังระไว Flawless [adj.] ไม่มีตาหนิ รอยยิ้มบาง ๆบนริมฝี ปากอันไร้ที่ติของเขา
  • 66. SL: A fine layer of snow covered the yard, dusted the top of my truck, and whitened the road. But that wasn't the worst part. All the rain from yesterday had frozen solid — coating the needles on the trees in fantastic, gorgeous patterns, and making the driveway a deadly ice slick. TL: หิมะหนาเป็นชั้นๆปกคลุมเต็มสนามหญ้า กระจายบนหลังคารถฉัน ระบายถนนเป็นสี ขาวโพลน ยัง นี่ยังไม่ใช่ตอนที่เลวร้ายที่สุด ฝนเมื่อวานนี้ทั้งหมดจับตัวเป็นน้าแข็งปกคลุมกิ่ง ก้านสนปรากฏเป็นลวดลายงามวิจิตรอัศจรรย์ และทาให้ทางเดินรถกลายเป็นผืนน้าแข็ง ลื่นๆ แสนจะอันตราย
  • 67. SL: I was well aware that my league and his league were spheres that did not touch. TL: ฉันยังรู้ตัวดีว่าเขากับฉันห่างไกลกันเหมือนฟ้ ากับเหว ฉันตระหนักดีว่าลีกของฉันและลีกของเขานั้นเป็นดั่งท้องฟ้าที่ไม่สามารถแตะถึงได้
  • 68. SL: Mike was on my team today. He chivalrously covered my position as well as his own, TL: วันนี้ไมค์มาอยู่ทีมเดียวกับฉัน เขาช่วยป้องกันตาแหน่งของฉันอย่างกล้าหาญปาน อัศวินไปพร้อม ๆกับตาแหน่งของเขาเอง SL: so my woolgathering was only interrupted when it was my turn to serve; TL: ดังนั้นสภาวะจิตลอยของฉันจึงถูกขัดจังหวะ เฉพาะตอนที่ถึงตาฉันเสิร์ฟลูกเท่านั้น ‘woolgath ering n. การตกอยู่ในห้วงฝัน,การฝันกลางวัน,การเหม่อลอย ‘chivalrouadj. เกี่ยวกับอัศวิน,กล้าหาญ,เอาใจสตรี,ให้เกียรติสตรี. [ idle or absent-minded indulgence in fantasy; daydreaming]
  • 69. SL: Today, his eyes were a completely different color: a strange ocher, darker than butterscotch, but with the same golden tone. TL: มาวันนี้ตาของเขามีสีที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีเหลืองอ่อนแปลกๆ เข้มกว่า บัตเตอร ์สก็อตช์แต่ก็มีโทนสีทองแบบเดียวกัน ‘
  • 70. SL: I was still tongue-tied whenever I pictured his perfect face. TL: แล้วฉันก็ยังพูดไม่ออกเหมือนลิ้นถูกมัดเมื่อนึกถึงใบหน้างามสมบูรณ์หา ที่ติมิได้ของเขา
  • 71. SL: In my dream it was very dark, and what dim light there was seemed to be radiating from Edward's skin. I couldn't see his face, TL: ในความฝันมืดเหลือเกิน แสงเรื่อเรืองดูเหมือนจะรังรองจากผิวของเอ็ดเวิร์ด ฉันมองไม่ เห็นหน้าเขา แสง_______ดูเหมือนจะเปล่งประกายออกมาจากผิวหนังของเอ
  • 72. SL: I'd been to the beaches around La Push many times during my Forks summers with Charlie, so the mile-long crescent of First Beach was familiar to me. It was still breathtaking. The water was dark gray, even in the sunlight, white-capped and heaving to the gray, rocky shore. Islands rose out of the steel harbor waters with sheer cliff sides, reaching to uneven summits, and crowned with austere, soaring firs. The beach had only a thin border of actual sand at the water's edge, after which it grew into millions of large, smooth stones that looked uniformly gray from a distance, but close up were every shade a stone could be: terra-cotta, sea green, lavender, blue gray, dull gold. The tide line was strewn with huge driftwood trees, bleached bone white in the salt waves, some piled together against the edge of the forest fringe, some lying solitary, just out of reach of the waves. There was a brisk wind coming off the waves, cool and briny. Pelicans floated on the swells while seagulls and a lone eagle wheeled above them. The clouds still circled the sky, threatening to invade at any moment, but for now the sun shone bravely in its halo of blue sky. TL: ฉันเคยมาซายหาดรอบลาพุชหลายครั้ง ตอนมาพักช่วงปิดเทอมฤดูร้อนกับชาร์ลี ดังนั้นชายหาดโค้งเคี้ยวเหมือนจันทร์เสี้ยวยาว เป็นไมล์จึงคุ้นตาฉันดีอยู่แล้ว กระนั้นมันก็ยังคงน่าตื่นตาอยู่ดี ผืนน้าเป็นสีเทาแก่แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ คลื่นเป็นฟองขาว โถมใส่ชายฝั่งสีเทาที่เต็มไปด้วยโขดหิน เกาะแก่งผุดขึ้นเหนือผิวน้าของอ่าวสีเหล็ก ยอดผาสูงสล้างต่างระดับ ประดับประดาด้วยต้น สนสูงชะลูดเสียดฟ้า ชายหาดมีส่วนชอบที่เป็นทรายอยู่เพียงเล็กน้อย ถัดจากนั้นไปก็เป็นหินเรียบขนาดใหญ่มากมายเป็นล้าน ๆก้อน ที่ดูเป็นสีเทาเหมือนกันหมดเมื่อมองไกลๆ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะเห็นว่าหินเหล่านั้นมีสีสันทุกเฉดสีที่หินพึงจะมี ทั้งสีดินเผา สีเขียวน้า ทะเล สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเทาอมฟ้า และสีทองหม่น บนผืนน้ามีขอนไม้ใหญ่ลอยกระจัดกระจายประหนึ่งกระดูกฟอกขาวในคลื่นเค็ม ปร่า บ้างก็กองรวมกันอยู่ริมชายป่า บ้างก็นอนแยกอยู่โดดเดี่ยวไม่ไกลเกินกว่าคลื่นจะชัดถึง สายลมแรงพัดมาจากคลื่นแสนฉ่าเย็น หอบกลิ่นเกลือเค็มเข้าจมูก นกทะเลเพลิแกนล่องกายบนยอดคลื่น ขณะที่ฝูงนางนวล และเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบอยู่เหนือพวกมัน เมฆยังคงรายล้อมผืนฟ้าเตรียมเข้าบุกรุกคุกคามอยู่ทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ยังคง ส่องแสงแรงกล้าอยู่กลางรัศมีฟ้าครามสด