3. แบบสารวจตนเอง
“คุณปฏิบัติตัวเป็นที่รักมากแค่ไหน?”
คาขีดเครื่องหมาย ในช่องที่ตนเองปฏิบัติ
เคยทา ไม่เคยทา
1. แบ่งขนมให้เพื่อนทาน
2. โมโหเมื่อเพื่อนขัดใจ
3. พูดจาเยาะเย้ยเมื่อเพื่อนสอบตก
4. ยอมรับผิดเมื่อตัวเองทาผิดโดยไม่โทษผู้อื่น
5. ขอบคุณเมื่อคนอื่นให้ความช่วยเหลือ
6. ช่วยเหลือเพื่อนด้วยความเต็มใจเมื่อเพื่อนเดือดร้อน
7. ยิ้มแย้ม ทักทายคนอื่นอยู่เสมอ
8. ให้เพื่อนลอกข้อสอบ ลอกการบ้าน
9. พูดจากับเพื่อนด้วยความจริงใจไม่เสแสร้ง ดูถูกเพื่อน
10. เคารพน้อมน้อมต่อผู้อาวุโส
Secret name ______________________
“Friendship is all about trusting each other,
helping each other, loving each other and
being crazy together.”
4. Furious when your friends offend.
Ridicule when your friends fall an exam.
Admitted wrong when you were wrong.
Have you ever help a friend in trouble?
Let your friends cheat on your homework?
Have you ever insults or say something bad on your friends?
Have you ever respected your teacher?
Pessimism การมองโลกในแง่ร้าย
Optimism can help you overlook petty issues.
การมองโลกในแง่ดีทาให้คุณมองข้ามปัญหาเล็กๆน้อยๆไปได้
Be optimism, be happy.มองโลกในแง่ดี แล้วจะมีความสุข
ถ้าคุณอยากที่จะเป็นคนน่ารัก ก็ต้องเพิ่มคุณค่าของตัวเองด้วยคุณงามความดี และมองเห็นคุณค่าของคนอื่นใน
สิ่งที่เป็นคุณงามความดีของเขา มีคาพูดที่ว่า ถ้าคุณสามารถรักตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเป็น คุณก็สามารถรักคนอื่น
ในสิ่งที่คนอื่นเป็นและความรักก็จะกลับมาหาคุณ
ถ้าอยากจะได้ความรักจากใครก็จงให้ความรักแก่คนนั้นก่อน
แนวคิดนี้เปรียบได้กับชีวิตการทางาน ไม่ว่าคุณจะทางานในองค์กรไหนก็ตาม แน่นอนทุกคนล้วนแต่ต้องการ
ผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส สวัสดิการต่างๆ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
กลับกันงานในความรับผิดชอบกลับอยากจะให้มีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่ยังไม่นับรวม การหลบเลี่ยง หรือ
อู้งาน ฯลฯ ก็คือ อยากทางานน้อยๆ แต่ได้เงินมากผลตอบแทนสูงๆ
ซึ่งขัดกับความเป็นจริงในแง่ของการทาธุรกิจขององค์กร เพราะทุกองค์กรก็อยู่ได้ด้วย กาไรจากผลประกอบการ
ซึ่งกาไรนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าปราศจาก ความร่วมมือร่วมใจ จากพนักงานในบริษัท
"การให้" อย่างเต็มกาลังความสามารถจากพนักงานทุกคน จึงจะนามาซึ่งความสาเร็จของบริษัท แล้วจึงสะท้อน
ผล กลับมายังพนักงานแต่ละคน "ได้รับ" ในรูปของ เงินเดือน หรือ โบนัส คือ "ให้" ก่อนแล้วจึง "ได้รับ" เหมือน
ที่ Harvey Firestone กล่าวว่า
"you get the best out of others when you give the best of yourself"
แปลได้ว่า
"คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากผู้อื่น ก็ต่อเมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป"