More Related Content
Similar to วิเคราะห์วิจารณ์
Similar to วิเคราะห์วิจารณ์ (20)
More from Tongsamut vorasan
More from Tongsamut vorasan (20)
วิเคราะห์วิจารณ์
- 1. วิจารณ “บทความวิจัย หลักสูตรมหาวิทยาลัยสงฆกับพระธรรมวินัย”
เนื่องจากบทความวิจัยนี้ ทานผูทําวิจัยไดตั้งสมมติฐานซึงเปนประเด็นหลักไว ๓ ประเด็น
่
ในแตละประเด็นก็มีหัวขอยอยหลายหัวขอ ซึ่งลวนนาสนใจเปนอยางยิ่ง ผูวิจารณจะพยายาม
วิจารณใหครบทุกประเด็นหัวขอ เพื่อชี้ใหเห็นถึงขอที่เห็นดวยและไมเห็นดวยอยางไร
- การศึกษาของสงฆกับการศึกษาของแผนดิน
ในหัวขอการศึกษาของสงฆกับการศึกษาของแผนดิน ทานผูวิจยไดวิเคราะหเนื้อหา
ั
การศึกษาของสงฆและการศึกษาของแผนดิน โดยลําดับเหตุการณจากอดีตคือสมัยสุโขทัย
เรื่อยมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยยกหลักฐานมาอางประกอบเพื่อใหเหมาะกับเหตุการณชวงนั้น ๆ
ผูวิจารณเห็นดวยวา มีความชัดเจนดี
- การบวชเรียนเปนทางออกดานการศึกษา
ในประเด็นตอนทายของหัวขอนีที่ผูวิจยสรุปวา “พระภิกษุและสามเณรที่เขามาบวชใน
้ ั
พระพุทธศาสนา สวนใหญนั้นมีเหตุผลในการบวชเพื่ออาศัยประโยชนทางดานการศึกษา อัน
เปนประเพณีปฏิบัตในสังคมไทยมาชานาน” ผูวิจารณเห็นดวยในประเด็นนี้ แตก็ไมเห็นดวยกับ
ิ
ทานผุวิจัยที่มองขามสวนนอย คือนาจะพูดถึงพระภิกษุและสามเณรอีกสวนหนึ่งที่ทานบวชเขามา
ดวยสรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจริง ๆ ซึ่งคงปฏิเสธไมไดวาไมมีอยู แมจะเปนสวนไมมากก็
ตาม ควรจะกลาวถึงเพื่อใหเห็นความเสมอภาพในสังคมประชาธิปไตย
- หลักสูตรการศึกษาวิชาทางโลกของมหาวิทยาลัยสงฆกับพระราชปณิธานรัชกาลที่หา
ทานผูวิจัยไดบอกวา “มหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองไมไดมีการใหความสําคัญแกการศึกษาพระธรรม
วินัยมากไปกวาการศึกษาวิชาการทางโลก ดวยเหตุนี้กอน พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึงทางรัฐบาลยอมรับ ่
การศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสอง ระบบการศึกษาทีจัดทําขึ้นโดยมหาวิทยาบัยสงฆทงสองนั้นจึง
่ ั้
ไมไดรับการยอมรับใหเปนการศึกษาของคณะสงฆทั้งจากทางมหเถรสมาคมและจากทาง
ภาครัฐบาล ทั้ง ๆ ที่มหาวิทยาลัยทังสองไดกอตั้งมานานหลายสิบป” ซึ่งในประเด็นนี้ผุวจารณ
้ ิ
เองกเห็นดวยกับการเปลี่ยนแปลงดังกลาว แตไมเห็นดวยทั้งหมดทีเดียว เพราะการที่
มหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองนําการศึกษาวิชาการทางโลกมาบรรจุไวในหลักสูตร ไมไดหมายความวา
จะใหความสําคัญตอการศึกษาพระธรรมวินยนอยไปกวา เพราะยังคงมีการศึกษาในหลักสูตรพระ
ั
ธรรมวินัยควบคูกันไปดวย ซีงมหาวิทยาลัยสงฆืทั้งสองอาจมีเจตนาเพื่อปรับระบบการศึกษาของ
สงฆใหเขากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และทานผูวจัยบอกอีกวา
ิ “คณะรัฐบาลใน
อดีตที่ผานมานันมีความเห็นวา การเรียนการสอนที่ไมเปนไปตามพระธรรมวินัยของมหาวิทยาลัย
้
สงฆนั้น นอกจากจะขัดตอพระราชประสงคของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาอยูหวแลว การ
เรียนการสอนวิชาการทางโลกตาง ๆ อาจจะขัดตอสมณวิสัย ซึงบรรพชิตทั้งหลายไมควร
่
- 2. ประพฤติปฏิบัติ และในที่สุดแลวการศึกษาวิชาการทางโลกยอมจะเปนการสงเสริมวิชาในการ
ประกอบอาชีพในทางโลกใหแกพระภิกษุแทน อันจะเปนไปเพื่อการลาสิกขาของพระภิกษุสามเณร
ได” ในประเด็นนี้ผูวิจารณก็ไมเห็นดวยกับทานผูวิจย เพราะเหตุวา พระราชประสงคของรัชกาลที่
ั
หา มุงใหสถาบันสงฆทงสองแหงศึกษาเลาเรียนพระไตรปฎกและวิชาชันสูงในพระพุทธศาสนา
ั้ ้
แตก็มีการถกเถียงและตีความกันไปตาง ๆ วาวิชาชั้นสูงในทางพระพุทธศาสนานันที่แทแลวคือวิชา
้
เกี่ยวกับอะไร แตเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่การสัมมนาที่ผานมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัยไดกลาววา วิชาชั้นสูงนั้นไดแกภาษาอังกฤษ ซึ่งเปนวิชาทีกําลังไดรับความนิยมในยุค
่
ปจจุบัน จะตรงตามพระราชประสงคหรือไมตองใชวิตารณญาณตรองดูดวยตนเอง แตผูวจารณ ิ
เห็นวาวิชาการชั้นสูงนั้น นาจะไดแกวชาวิปสสนากัมมัฏฐาน เพราะถือวาวิชานีเ้ มื่อศึกษาและ
ิ
ปฏิบัติแลวทําใหหลุดพนจากทุกขได และมีแตเฉพาะใหพระพุทธศาสนาเทานั้น การศึกษา
วิชาการทางโลกถาฟงดูแลวก็อาจจะดูวาไมสมควรไมเหมาะแกสมณเพศ แตถามองใหกวาง ก็จะ
เห็นวาการศึกษาวิชาการทางโลกเหลานันจะเปนประโยชนมากทีเดียวแกพระสงฆในการเผยแผ
้
ศาสนาในยุคแหงความเปลี่ยนแปลง เพราะไดรูเทาทันความเปนไปของโลก แตหลักสูตรและการ
เรียนการสอนก็ควรจัดใหเหมาะสมปรับใหเขากับสมณภาวะก็ไมนาจะมีผลเสียอะไร เห็นดวยที่
บอกวาเมื่อศึกษาวิชาการทางโลกจบแลวจะเปนเหตุใหพระสงฆสวนหนึ่งตองลาสิกขาไปเพื่อ
ประกอบอาชีพ แตก็ใชวาจะเปนเชนนั้นหมด เพราะผูทบวชดวยศรัทธาและมีความตั้งใจจะเผยแผ
ี่
พระศาสนาก็ยังมีอีกมากเหมือนกัน
ในประเด็นที่วา “การบวชในสังคมไทยสวนใหญเปนการบวชเพื่อแสวงหาโอกาสทางการ
ศึกษาเลาเรียน” เห็นดวยในคํากลาวนี้ เพราะสวนมากตังแตอดีตมามีแนวโนมเปนเชนนั้นจริง แต
้
อยางที่บอกขางตนวา ไมใชทั้งหมด เพราะผูบวชดวยศรัทธาจริง ๆ ก็ยังคงมีอยู และทําใหมองวา
ทานผูที่ทําวิจัยมีความปรารถนาอยางแรกกลาที่อยากจะใหพระสงฆเปนพระสงฆในอุดมคติจริง ๆ
เมื่อไมเปนไปตามนั้นกอาจจะมองพระสงฆไปในแงลบโดยสวนเดียว แตอยาลืมวาพระสงฆซึ่งถา
ยังเปนปุถชนและยังตองเกี่ยวของกับสังคมตราบใด ตราบนั้นก็ยังตองปรับตัวเองไปกับกระแสโลก
ุ
อยูตลอดเวลา และเมื่อเปนเชนนี้ ถาจะมองวาการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองแหงไมตรง
ตามพระราชประสงคก็อาจเปนไปได หรืออาจเปนไปไมไดดวยเหตุผลตามที่กลาวมา
อีกประเด็นที่นาสนใจคือ “หลักสูตรวิชาการทางโลกดังกลาวนั้นเปนวิชาการที่สงเสริมให
พระภิกษุที่ลาสิกขาแลว สามารถนําไปประกอบอาชีพไดในสังคมฆราวาส” ผูวิจารณเห็นดวย
เพราะสวนใหญที่ลาสิกขาแลว ก็จะนําวิชาความรูที่ศึกษาจบแลว มาใชในการประกอบอาชีพใน
สังคม แตถามองในแงดีก็ไมนาจะเกิดผลเสียอะไร ตรงขากลับเปนผลดีมากกวา เพราะเมื่อเปน
พลเมืองของชาติและมีการศึกษามีงานทําก็ไดชื่อวาไมเปนภาระในสังคม และที่บอกวา “การ
ตัดสินเรื่องการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆืจึงจําเปนตองใชหลักพระธรรมวินัยเปนเกณฑในการ
- 3. ตัดสิน” สวนนี้ผูวจารณเห็นดวยเปนอยางยิ่ง เพราะพระสงฆเมื่อยังคงเพศเปนสมณะควรยึดพระ
ิ
ธรรมวินัยเปนหลักใหญ แมวาจะกระทําการในเรื่องใด ๆ
- การศึกษาตามพระธรรมวินยกับหลักสูตรวิชาการทางโลก
ั
ประเด็นที่บอกวา “การศึกษาวิชาทางโลกจึงไมตอบสนองตอวิถีชีวิตของบรรพชิตที่มุงตอ
ความหลุดพนจากกิเลสเครื่องรอยรัด ในทางกลับกัน การศึกษาทางโลกนั้น เปนเรื่องของฆราวาส
และมิไดเปนไปเพื่อความพนทุกข” ผูวิจารณเห็นดวยกับประเด็นนี้ แตไมทั้งหมด เพราะเหตุวา
ทานผูวิจัยมองเฉพาะวา ผูที่เขามาบวชจัดตองปฏิบัติตนเพื่อใหพนทุกขฝายเดียว โดยลืมไปวา
อุปนิสัยและบารมีของแตละบุคคลนั้นมีมากนอยตางกัน และดวยสังคมโลกทีเ่ ปลี่ยนไป การ
ปฏิบัติของพระสงฆเพื่อใหพนทุกขอยางเดียวยอมเปนไปไดยาก แตก็ใชวาจะไมมการประพฤติ
ี
ปฏิบัติเสียทีเดียว ในยณะเดียวกันพระสงฆก็ไดมีโอกาสทําคุณประโยชนตอสังคมและเผยแผพระ
ธรรมวินัยควบคูไปดวยตั้งแตอดีตถึงปจจุบน แมจะไมไดผลดังเชนสมัยพุทธกาล แตกถือวาไดนํา
ั ็
ประโยชนและความสุขมาสูสังคมโลกมาแลวมิใชนอย
- ขอมูลทางสถิติการศึกษาพระธรรมวินัยของมหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองแหง
จากสถิติขอมูลการศึกษาของมหาวิทยาสงฆทั้งสองทีนํามาอางอิงกนับวาเปนประโยชนตอ
่
การศึกษาเรื่องนี้ยิ่ง ผูวจารณเห็นดวย แตไมทั้งหมด เพราะในความเปนจริงจากการที่ไดศึกษา
ิ
เลาเรียนมาแลวจะพบวา ไดรับความรูความเขาใจเกี่ยวกับพุทธศาสนามาไมนอยเลย แมจะมีวชา ิ
ที่เกียวกับพระธรรมวินัยไมมาก ถาไมไดศึกษาตรงตามสาขานั้น ๆ แตดวยตระหนักถึงสมณภาวะ
่
และจําเปนตองใชตลอดเวลาเพื่อการแผยแผธรรม ทําใหตองเรงศึกษามากขึ้นกวาแตกอน และ
จากการศึกษาวิชาทางโลกทําใหรูจักปรับความรูในทั้งสองฝายใหเขากันไดในการใชประโยชน
- วิเคราะหเรื่องศีล
ผูวิจัยกลาววา “ปจจุบันการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองแหง ในสวนของ
การศึกษาและปฏิบัตในเรื่องเกียวกับศีลสิกขาบทหรือกลาวโดยตรงคือ
ิ ่ พระวินยปฎกของ
ั
พระภิกษุนั้นถือวามีความยอหยอนกวาในสมัยพุทธกาลมาก” ผูวิจารณเองก็เห็นดวยในประเด็นนี้
แตผูวิจัยเองลืมมองไปวา ยุคสมัยมีความแตกตางกันในหลายดาน สิกขาบทของพระสงฆตาม
พระธรรมวินัยแมจะยังคมหลักการเดิมอยู แตในทางปฏิบัติอาจจะไมตรงตามตัวแมบทเสียทีเดียว
คือมีการลวงละเมิดบาง เพราะความที่พระสงฆในปจจุบันยังเปนปุถชน ถาจะนําไปทียบกับยุค
ุ
พุทธกาลซึงลวนแตเปนพระอริยสงฆเสียโดยมากยอมเปนไปไมได
่
แลในประเด็นที่วา “เรื่องการใหความสําคัญในการศึกษาพระวินัยนัน มหาวิทยาลัยสงฆ
้
ไมไดมีการใหความสําคัญอยางจริงจัง ทั้ง ๆ ที่มหาวิทยาลัยสงฆซึ่งเปนผูนําในดานการศึกษาควร
จะเนนในเรื่องารศึกษาและการปฏิบัตตามพระวินัย อันเปนรากแกวของพระสาสนา” ผูวิจารณ
ิ
ไมไดเห็นดวยทั้งหมดในประเด็นนี้ เพระาถาจะดูตามสถิติที่ยกมาอางก็จะดูวาการใหความสําคัญ
- 4. ในเรื่องพระวินัยดูจะนอยไป แตความจริงโครงสรางของหลักสูตรที่มีอยูนั้น ถาศึกษาใหดจะรูวา
ี
มีความละเอียดพอสมควร เพราะมีรายละเอียดเกี่ยวกับพระวินัยปฏกครบ แตอยูที่วาผูสอนและ
ผูเรียนจะใสใจศึกษากันอยางจริงจังหรือไม
- การปฏิบัติสมาธิและวิปสสนา
ทานผูวิจัยสรูปประเด็นไววา “จากขอมูลในสวนของการปฏิบัติในไตรสิกขา ถือวา
มหาวิทยาลัยสงฆยังไมสามารถพัฒนาระบบการศึกษาและการปฏิบัติเพื่อใหพระภิกษุบรรลุ
คุณธรรมชันสูงไดดังทีควรเปนตามพระธรรมวินย” ประเด็นนี้ผูวิจารณเห็นดวย แตไมทั้งหมด
้ ่ ั
เพราะในสวนของโครงสรางหลักสูตรถาศึกษาใหดจะพบวา ี มีโครงสรางที่มีความละเอียด
พอสมควรจากระดับงายไปหาระดับยาก ถามีการเรียนการสอนและปฏิบัติตามขั้นตอนใน
หลักสูตรจนครบแลว เชื่อแนวา จะทําใหสามารถบรรลุถึงคุณธรรมชั้นสูงไดแนนอนตามระดับ
สติปญญาของบุคคลนัน ๆ ้
การเผยแผตามพระธรรมวินัยกับหลักสูตรวิชาทางโลก
มีประเด็นที่นาสนใจที่ผูวิจยสรุปไวคือ “การที่มหาวิทยาลัยสงฆอางวา การศึกษาวิชาทาง
ั
โลกในมหาวิทยาลัยสงฆเพื่อสนับสนุนการเผยแผพระธรรมวินัยยอมเปนเหตุผลที่ไมมีน้ําหนัก
นอกจากนี้ยังไมสอดคลองกับพระธรรมวินัยและไมตรงตามที่พระพุทธองคทรงแสดงหลักในการ
เผยแผพระธรรมวินยไว เพราะไมไดเปนการเผยแผเรื่องไตรสิกขาเพื่อความดับทุกข นอกจากนี้
ั
มหาวิทยาลัยสงฆยังมิสามารถผลิตบุคลากรในการสอนพระธรรมวินัยไดอยางเพียงพอทั้งในดาน
ปริมาณและคุณภาพเพราะสวนใหญลาสิกขาไป เปนตน การศึกษาวิชาทางโลกจึงเปนการให
ความชวยเหลือในดานโอกาสทางการศึกษามากกวาเหตุผลในการชวยเผยแผพระธรรมวินัยดังที่
มหาวิทยาลัยสงฆอางแกสังคม” เชนเดียวกัน ถามองโดยแงเดียวแลวเห็นดวยกับประเด็นนี้
เพราะโดยสภาพความเปนจริงตามที่ปรากฏแลวเปนดังทีทานผูวิจัยกลาว แตฝูวิจารณเองมองเห็น
่
อีกดานหนึงวา ในเมื่อสังคมโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตลอด การจะใหพระสงฆประพฤติปฏิบัติ
่
ดังเชนในอดีตคงเปนเรื่องเปนไปไดยาก แตก็ไมใชวาพระสงฆจะทิ้งหลักการเดิมเสียทั้งหมด คือ
ยังคงหลักไวตามเดิม แตการศึกษาและปฏิบัติอาจจะไมเขมขนเหมือนในอดีต การศึกษาพระ
ธรรมวินัยซึ่งควบคูกับวิชาทางโลกก็เพื่อประโยชนตอการเผยแผดังกลาว และจะไดผลมากกวาเมื่อ
เทียบกับการเผยแผโดยที่รูเฉพาะดานเดียวดวยซ้ําไป และผูวิจารณเห็นวา ทานผูทําวิจยเรื่องนี้มี
ั
มุมมองแคบไป ควรจะมองหลาย ๆ มุมเพื่อใหเห็นสภาพความเปนจริงซึ่งเปนประโยชนตอสังคม
สวนรวมจะดีกวา คือทานผูทําวิจัยอยากจะใหพระสงฆเปนพระสงฆในอุดมคติจริง ๆ ซึ่งเมื่อไม
เปนดังที่คาดหวังก็อาจจะมองเหตุผลอยางอื่นดอยไปหมดก็เปนได
แมในประเด็นที่เหลือเมื่อนํามาตั้งเปนขอสังเกตก็จะพบวา ทานผูวิจัยพยายามจะชีใหเห็น
้
ขอเท็จจริงปรากฏในปจจุบนของวงการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆทั้งสองแหงวา “การศึกษาวิชา
ั
- 5. ทางโลกเปนเรื่องที่ไมถูกตองตามพระธรรมวินัยในทุกดาน และในที่สุดก็จะเปนไปเพื่อความ
ลมเหลวและเสื่อมสูญแหงพระพุทธศาสนา เพราะไมไดเรียนพระปริยัติธรรมที่พระพุทธองคทรง
ตรัสซึ่งนําไปสูความเสื่อมประการอื่น ๆ ในพระพุทธศาสนาตามหลักอันตรธาน ๕ นอกจากนันใน ้
แงของบทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆที่มการศึกษาวิชาทางโลก โดยเหตุผลประการหลักที่สําคัญ
ี
คือ การใหโอกาสทางดานการศึกษาแกผูดอยโอกาสนั้น บทบาทดังกลาวยอมไมใชบทบาทหลัก
ของพระสงฆตามหลักพระธรรมวินัย และบทบาทดังกลาวนั้นยังทําใหบทบาทหลักตามพระธรรม
วินัยของพระสงฆเสียไปดวย” ในประเด็นสรุปโดยรวมนี้ ผูวิจารณเองก็ยังมองวา
ทานผูวิจัยกลาวหนักเกินไป และเปนกลาวโดยมองเฉพาะมุมเดียว นาจะมีการมองใหตางมุมบาง
คือถาจะมองในลักษณะนี้ นาจะคํานึงถึงหลักไตรลักษณดวย จะไดเขาใจถูกตองตามความเปน
จริงของความเปลียนแปลงในเรื่องตาง ๆ โดยไมหยุดนิง ไมควรจะยึดอุดมคติโดยอัตโนมัติของตน
่ ่
ถายเดียว
- 6. หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย มีหลักการดังนี
๑.เป็ นการศึกษาเพือเพิมความรู ้และทักษะเฉพาะด ้านที
สามารถนํ าไปประกอบอาชีพให ้สอดคล ้องกับภาวะ
เศรษฐกิจและสั งคม
๒.เป็ นการศึกษาทีสนองต่อการพัฒนาอาชีพในท ้องถิน
หรือการศึกษาต่อ
๓.เป็ นการศึกษาทีส่งเสริมการนํ ากระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทเหมาะสมไปใช ้ในการพัฒนา
ี
คุณภาพชีวตท ้องถิน
ิ
และประเทศชาติ
จุดหมาย
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็ นการศึกษาทีมุง ่
ให ้ผู ้เรียนพัฒนาคุณภาพชีวตและให ้สามารถทําประโยชน์
ิ
ให ้กับสั งคมตามบทบาทและ
หน ้าทีของตนในฐานะพลเมืองดีตามระบอบการปกครอง
แบบประชาธิปไตยทีมีพระมหากษั ตริยเป็ นประมุขโดยให ้
์
ผู ้เรียนได ้พัฒนาเชาวน์ปัญญา มีความรู ้และทักษะเฉพาะ
ด ้านตามศั กยภาพเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพร่วม
พัฒนาสั งคมด ้วยแนวทางและวิธการใหม่ๆและบําเพ็ญตน
ี
ให ้เป็ น ประโยชน์ตอสั งคม
่
ตารางหล ักการ
ประกอบโครงสร ้างหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย
พุทธศั กราช ๒๕๒๔(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓)
แนวดําเนินการ
- 7. รศ.บุญนํ า ทานสัมฤทธิ
ทีปรึกษารัฐมนตรีชว ยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
่
ครู 11 ต้อง ครู 12 ไม่
1. ต ้อง รู ้ก่อน
2. ต ้อง สอน ทวนซํ า 1. ไม่ หน ้าบึง หน ้างอ
3. ต ้อง ทํา ให ้เห็น 2. ไม่ ด่าทอ หยาบคาย
4. ต ้อง เน ้น ปฏิบต ิ
ั 3. ไม่ มาสอนสายเป็ นประจํ า
5. ต ้อง จัด เสริมกําลังใจ 4. ไม่ ชักนํ าให ้เชือโชคลาง
6. ต ้อง ชี พิษภัยให ้กลัว 5. ไม่ พูดอย่างทําอย่าง
7. ต ้อง ทําตัว ใกล ้ชิดศิษย์ 6. ไม่ วางท่าข ้าเยียม
8. ต ้อง กล่อมจิตให ้เกิดศรัทธา 7. ไม่ ลืมเตรียมการสอน
9. ต ้อง รักษากติกาอย่างเคร่งครัด 8. ไม่ ลืมนํ าอุปกรณ์มาใช ้
10. ต ้อง วัดและประเมินผลอย่างเทียงตรง 9. ไม่ แต่งกายหวือหวา
11. ต ้อง ดํารงความรักความเมตตาไว ้ให ้ 10. ไม่ วิงหาอบายมุข
ถาวร 11. ไม่ ก่อทุกข์ให ้ผู ้อืน
อุปกรณ์ คือ ครูดมคากว่าสิงใด
ี ี ่ 12. ไม่ ฝื นใจสอน
กลับหน ้าบทความวิชาการ
Copyright @ : 2002 Ministry of Education, THAILAND
แหล่งข ้อมูล : รศ.บุญนํา ทานสัมฤทธิ
รวบรวม จัดเตรียมข ้อมูล พัฒนาและนํ าเสนอ :นางสายพิณ เชือน ้อย ( 13 ส.ค. 2545))
หน่วยงาน : กลุมพัฒนาระบบสารสนเทศ ศูนย์สารสนเทศ สป. ศธ.
่
โทร. 281-9809 , 628-5643 , 628-5644 โทรสาร 281-8218
ติดต่อผู ้ดูแลระบบ : website@emisc.moe.go.th
- 8. ระบบการศึกษาแบบใหม่
เนืองด ้วยพระราชบัญญัตฉบับนีว่าด ้วยเรืองการศึกษาแห่งชาติ มิได ้เกียวข ้องกับการ
ิ
ปกครองคณะสงฆ์ แต่ทต ้องเกียวก็เพราะ พระราชบัญญัตคณะสงฆ์โยงไปผูกติดไว ้กับ
ี ิ
กรมการศาสนาและกระทรวงศึกษาธิการ เมือได ้รับการแก ้ไขมิให ้โยงใยก ้าวก่ายกันแล ้วก็
จบกัน ดังนั น เรืองทีควรจะพิจารณากันต่อไปก็คอ เรืองการศึกษาของคณะสงฆ์และ
ื
การศาสนศึกษา
ตามพระราชบัญญัตการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ นั นได ้แบ่งการศึกษออกเป็ น ๓
ิ
รูปแบบ คือ
(๑) การศึกษาในระบบ เป็ นการศึกษาทีกําหนดจุดมุงหมาย วิธการศึกษา หลักสูตร
่ ี
ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและประเมินผล ซึงเป็ นเงือนไขของการสํ าเร็จ
การศึกษาทีแน่นอน
(๒) การศึกษานอกระบบ เป็ นการศึกษาทีมีความยืดหยุนในการกําหนดจุดมุงหมาย
่ ่
รูปแบบ วิธการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและการ
ี
ประเมินผล ซึงเป็ นเงือนไขสํ าคัญของการสํ าเร็จการศึกษา โดยเนือหาและ
หลักสูตร จะต ้องมีความเหมาะสม สอดคล ้องกับสภาพปั ญหาและความต ้องการ
ของบุคคลแต่ละกลุม ่
(๓) การศึกษาตามอัธยาศั ย เป็ นการศึกษาทีให ้ผู ้เรียนได ้เรียนรู ้ด ้วยตนเองตามความ
สนใจ ศั กยภาพ ความพร ้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์
สังคม สภาพแวดล ้อม สือ หรือแหล่งความรู ้อืน ๆ
สํ าหรับการศึกษาพระปริยัตธรรม คือ นั กธรรมและบาลี และปริยัตธรรมสามัญ ทีคณะสงฆ์
ิ ิ
ให ้พระภิกษุ สามเณรศึกษาเล่าเรียนกันอยูขณะนี ยังมิได ้พูดจาหาข ้อยุตวา จัดอยูในระบบ
่ ิ ่ ่
อะไร ใน ๓ แบบนี หรือจัดเข ้าไม่ได ้ด ้วยเหตุผลใด เรืองนีเป็ นเรืองเร่งด่วนทีจะต ้องหาข ้อ
ยุตโดยเร็ว เพราะเป็ นไปเพือความอยูรอดของพระพุทธศาสนาส่วนหนึง
ิ ่
อนาคตของพระพุทธศาสนาขึนอยูก ับ
่
พระราชบ ัญญ ัติการศึกษาแห่งชาติ
ความส ัมพ ันธ์ระหว่างการศึกษาก ับการศาสนา
ตังแต่โบราณมา ก่อนทีจะมีกระทรวงธรรมการ หรือกระทรวงศึกษาธิการ ในปั จจุบัน
การศึกษากับการพระศาสนานั น เชือมโยงสัมพันธ์กนอย่างใกล ้ชิดมาโดยตลอด โดยวัด
ั
เป็ นสถานทีศึกษาของชาวบ ้าน พระทําหน ้าทีเป็ นครูสอน คนไทยจึงได ้รับทังวิชาความรู ้
และวิชาศีลธรรมไปพร ้อมกัน แม ้ต่อมารัฐจะจัดตังโรงเรียนและมีครูเป็ นของตัวเอง
โรงเรียนก็ยังคงอยูในวัดเป็ นส่วนใหญ่ วิชาศีลธรรมก็ยังคงอยู่ แม ้ชือกระทรวงก็ชอว่า
่ ื
กระทรวงธรรมการ แม ้ตราสัญลักษณ์ ของกระทรวงก็เป็ นรูปเสมา ธรรมจักร ซึงระบุถง ึ
พระธรรม ต่อมาได ้มีการเปลียนเป็ นชือกระทรวงศึกษาธิการ รัฐจึงตังกระทรวงขึนเอง
และนํ าโรงเรียนออกจากวัดไปส่วนหนึง บทบาทของพระผู ้สอนหนั งสือ จึงลดน ้อยลง
ระบบนํ าเยาวชนเข ้าถึงศีลธรรมก็เริมเสือมถอยลง พร ้อมกับปั ญหาเสือมโทรมทาง
ศีลธรรมของผู ้คนมีมากขึน และทวีความรุนแรงมากขึนตามลําดับ จนกระทังลุกลามไปทํา
ให ้เกิดปั ญหาทางสังคมอย่างอืนตามมาอีก
- 9. ดังนั น จึงอาจกล่าวได ้ว่า การศึกษากับการพระศาสนานั น จะต ้องเดินเคียงคูกันไป
่
ตลอดเวลา ถูกจับแยกกันเมือใด ความหายนะของผู ้คนและบ ้านเมืองก็จะมีความทวี
รุนแรงมากขึนเท่านั น จนกระทังอาจสินชาติสนศาสนาไปเลยก็ได ้
ิ
เรืองทีน่าเป็ นห่วงมากทีสุด ในขณะนีก็คอ การทีจะรักษาสถานภาพวิชาศีลธรรมให ้คงอยู่
ื
ในโรงเรียน กล่าวคือยังคงการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนาไว ้เหมือนกับในอดีต
และทําให ้เข ้มข ้นกว่า เพราะการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนา ในโรงเรียนนั น ถูก
ปล่อยปละละเลยจากทุกฝ่ ายมานานแล ้ว บางยุคบางสมัยถึงกับถูกการตัดทิง ต ้องออก
แรงมาเรียกร ้องกันจึงกลับมาได ้ แต่ก็กลับมาแบบอ่อนล ้า ไร ้เรียวแรงผลักดัน เป็ นเพียง
วิชาเลือกวิชาหนึงเท่านั น
การทีวิชาศีลธรรม จะได ้มีโอกาส แผ่รัศมีในโรงเรียน และในจิตใจ ของเยาวชน เหมือน
สมัยปู่ ย่าตายาย ก็มอยูหนทางเดียว คือ อาศั ยการกําหนดนโยบาย และแผนการศึกษา
ี ่
ของชาติไว ้ และผู ้ทีทําหน ้าทีหรือมีอํานาจในการกําหนดนโยบาย ดังกล่าวนั น ก็คอ
ื
คณะกรรมการต่าง ๆ ทีถูกกําหนดไว ้ในพระราชบัญญัตการศึกษาแห่งชาติ เช่น สภา
ิ
การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน ลงไป
จนกระทังถึงคณะกรรมการการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพืนทีการศึกษา
การจะให ้บรรลุเป้ าหมายดังกล่าว ก็จําต ้องดําเนินการอย่างน ้อย ๒ ประการ คือ
(๑) ให ้มีพระภิกษุ ผู ้ทีมีความรู ้ความสามารถ เข ้าไปร่วมเป็ นคณะกรรมการในคณะต่าง ๆ
เพือเป็ นตัวแทนศาสนาและเป็ นกระบอกเสียงให ้
(๒) ทําความตกลงกับคณะกรรมการคณะต่าง ๆ นั นเพือให ้กําหนดนโยบายเรือง
การศึกษาวิชาศีลธรรมในโรงเรียนไว ้เป็ นหลักฐาน เรืองนีถือว่าเป็ นเรืองรีบด่วน
จะต ้องดําเนินการ ก่อนทีอะไร ๆ จะสายเกินไป จนกระทังตามแก ้กันไม่ไหวใน
อนาคต ถ ้าพลาดในจุดนีแล ้ว อาจถือว่า เราได ้ทิงเยาวชนปี ละนั บสิบล ้านคน และ
เยาวชนเหล่านีแหละ คือผู ้ทีจะต ้องมีสวนสืบทอดและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ใน
่
อนาคต ในเมือเขาไม่รู ้เรืองพระพุทธศาสนา มาตังแต่เด็ก เขาก็จะคงไม่เห็น
ความสํ าคัญของพระพุทธศาสนา และพร ้อมเสมอทีจะทิง หรือทําลาย
พระพุทธศาสนา ด ้วยความไม่รู ้ไม่เข ้าใจ หรือทําตัวเป็ นปฏิปักษ์ตอ ่
พระพุทธศาสนา ซึงผู ้ใหญ่บางคนกําลังกระทําอยูในขณะนี ซึงอาศั ยอยูในประเทศ
่ ่
ไทยแท ้ ๆ การทีจะมานั งหวังว่าเขาจะเป็ นเหมือนพ่อแม่หรือวงศ์ตระกูลนัน ก็
ค่อนข ้างจะยากเหลือเกิน หรือเป็ นไปได ้ยาก และการทีเยาวชนคนรุนใหม่จะหัน
่
หลังให ้กับพระพุทธศาสนา นั นค่อนข ้างเห็นได ้ชัดเจนมากขึนอยูทกวัน เรืองนีเป็ น
่ ุ
ทีทราบกันดีอยู่
กล่าวให้ช ัด ก็ คอ การสอนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนนนแหละ เปนการเผย
ื ั ็
แผ่พระพุทธศาสนาทีดีทสุดและได้ผลดีทสุด ดังนั น นั กการศาสนาทุกศาสนา จึงจ ้อง
ี ี
ทีจะนํ าศาสนธรรมของตน ให ้เข ้าไปในโรงเรียนกัน ก็แล ้วแต่วากลยุทธ์ของใครจะดีกว่า
่
กัน ใครมีกลยุทธ์ทดีกว่า ก็สามารถยึดพืนทีสถานศึกษาได ้มาก
ี
- 10. เรือง ชันมัธยมศึกษาปี ท ี ๔
๑ ประวัตและความสํ าคัญ ของ
ิ พระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธการทีเป็ นสากลและมีข ้อปฏิบัตทยึด
ี ิ ี
พระพุทธศาสนา-พุทธประวัต ิ ทางสายกลาง
พระพุทธศาสนาเน ้นการพั ฒนาศรัทธาและปั ญญาทีถูกต ้อง
วิเคราะห์ส ั งคมชมพูทวีป และคติความเชือทางศาสนาสมัยก่อน
พระพุทธเจ ้า
สรุปและวิเคราะห์พุ ทธประวัตด ้านการตรัส รู ้และการก่อตัง
ิ
พระพุทธศาสนา
พระร ัตนตร ัย
๒. หลักธรรมทางพระพุ ทธศาสนา
o วิเคราะห์ความหมายและคุณค่าของพุทธะ
อริยส ัจ ๔
ทุกข์ (ธรรมทีควรรู)
้
o ขันธ์ ๕
- นามรูป
สมุท ัย (ธรรมทีควรละ)
o หลักกรรม
- นิยาม ๕
o วิตก ๓
นิโรธ (ธรรมทีควรบรรลุ)
o ภาวนา ๔
มรรค (ธรรมทีควรเจริญ)
o พระสัทธรรม ๓
o ปั ญญาวุฒธรรม ๔
ิ
o พละ ๕
o อุบาสกธรรม ๕
o มงคล ๓๘
สงเคราะห์บุตร
สงเคราะห์ภรรยา
สันโดษ
- พุทธศาสนสุภาษิ ต จิตฺตํ ทนฺ ตํ สุขาวหํ
ขุ.ธ. ๒๕/๓๕/๒๒.
จิตทีฝึ กดีแล ้ว นํ าสุขมาให ้
น อุจฺจาวจํ ปณฺ ฑตา ทสฺสยนฺ ต ิ
ิ
ขุ.ธ. ๒๕/๘๓/๓๑.
บัณฑิตย่อมไม่แสดงอาการขึนๆ ลงๆ
นตฺถ ิ โลเก อนินฺทโต
ิ
ขุ.ธ. ๒๕/๒๒๗/๕๗.
คนทีไม่ถกนิน ทา ไม่มในโลก
ู ี
- 11. โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
สํ .ส. ๑๕/๗๑/๔๗.
ฆ่าความโกรธได ้ย่ อมอยู่ เป็ นสุข
- พระไตรปิ ฎก วิเคราะห์ความสํ าคัญและคุณค่าของพระไตรปิ ฎก
- เรืองน่า รู ้จากพระไตรปิ ฎก การครองตนเป็ นพลเมืองทีดี
(ตามนัย ขุ.ชา.๒๘/๙๔๙/๓๓๒)
- ศัพท์ทางพระพุ ทธศาสนาทีควร ภพ - ภูม ิ
ทราบ
๓ ประวัตพุทธสาวก พุทธสาวิกา
ิ พระอัสสชิ
พระกีสาโคตมีเถรี
พระนางมัลลิกา
หมอชีว ก
- ชาดก เวสสันดรชาดก
๔. หน ้าทีชาวพุทธ การเข ้าใจในกิจของพระภิกษุ เช่น การศึกษา การปฏิบัตธรรม และการ
ิ
เป็ นนักบวชทีดี
การศึกษาเรืองคุณสมบัตของทายกและปฏิคาหก
ิ
การรักษาศีล ๘
การเข ้าร่วมกิจกรรมและเป็ นสมาชิกขององค์กรชาวพุ ทธ
การเป็ นชาวพุ ทธทีดี ตามหลักทิศเบืองบน ในทิศ ๖
การเข ้าค่ายคุณธรรม
การเข ้าร่วมพิธ ีกรรมทางพระพุทธศาสนา
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ
-มรรยาทชาวพุทธและการปฏิบัตตน
ิ การปฏิบัตตนต่อพระภิกษุ ทางกาย วาจา และใจ ทีประกอบด ้วยเมตตา
ิ
ต่อพระภิกษุ
การปฏิสน ถารทีเหมาะสมต่อพระภิกษุ ในโอกาสต่าง ๆ
ั
- ชาวพุ ทธตัวอย่าง พระนาคเสน – พระยามิลนท์
ิ
สมเด็จพระวัน รัต (เฮง เขมจารี)
พระอาจารย์มัน ภูรทตฺ โต
ิ
สุชพ ปุญญานุภาพ
ี
- 12. ๕. การบริห ารจิตและเจริญปั ญญา สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา
รู ้และเข ้าใจวิธปฏิบัตและประโยชน์ข องการบริหารจิตและเจริญปั ญญา
ี ิ
ฝึ กการบริหารจิตและเจริญปั ญญาตามหลักสติปั ฏฐาน
นํ าวิธการบริหารจิตและเจริญปั ญญาไปใชในการพัฒนาการเรียนรู ้
ี ้
คุณภาพชีว ต และสังคม
ิ
พัฒนาการเรียนรู ้ด ้วยวิธคดแบบโยนิโสมนสิการ ๒ วิธ ี คือ วิธคดแบบ
ี ิ ี ิ
สามัญญลักษณะและวิธ ีคดแบบเป็ นอยู่ในขณะปั จจุบัน
ิ
๖. วันสํ าคัญทางพระพุทธศาสนา ศึกษาหลักธรรมทีเกียวเนืองในวันสํ าคัญทางพระพุทธศาสนา
ว ันธรรมสวนะและเทศกาลสํ าค ัญ
o ศึกษาหลักธรรมทีเกียวเนืองในวันธรรมสวนะ
และเทศกาลสํ าคัญ
-ศาสนพิธ ี ประเภทของพุ ทธศาสนพิธ ี
ศาสนพิธเนืองด ้วยพุทธบัญญัต ิ เช่ น พิธแสดงตนเป็ นพุทธมากะ พิธ ี
ี ี
เวียนเทียน ถวายสั งฆทาน ถวายผ ้าอาบนํ าฝน พิธทอดกฐิน พิธ ี
ี
ปวารณา เป็ นต ้น
ศาสนพิธทนํ าพระพุทธศาสนาเข ้าไปเกียวเนือง เช่ น การทําบุญเลียง
ี ี
พระในโอกาสต่าง ๆ
๗.สัมมนาพระพุทธศาสนากับ การ พระพุทธศาสนากับการการศึกษาทีสมบูรณ์
แก ้ปั ญหาและการพัฒนา
หัวข ้อเรือง ชันมัธยมศึกษาปี ท ี ๕
๑ ประวัตและ
ิ ลักษณะประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา
ความสํ าคัญของ
พระพุทธศาสนาพุทธ
ประวัต ิ หลักการของพระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์
พระพุทธศาสนาเน ้นการฝึ กหัดอบรมตน การพึงตนเองและการ
มุ่งอิสรภาพ
การคิดตามนัยแห่ งพระพุ ทธศาสนาและการคิดแบบ
วิทยาศาสตร์
วิเคราะห์พุ ทธประวัตด ้านวิธการสอนและการเผยแผ่
ิ ี
พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจริยา
พระร ัตนตร ัย
๒. หลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนา วิเคราะห์ความหมายและคุณค่าของธรรมะ
อริยส ัจ ๔
- 13. ทุกข์ (ธรรมทีควรรู)
้
o ขันธ์ ๕
- โลกธรรม ๘
สมุท ัย (ธรรมทีควรละ)
o กรรมนิยาม
- กรรม ๑๒
o มิจฉาวณิชชา ๕
นิโรธ (ธรรมทีควรบรรลุ)
o วิมุตติ ๕
มรรค (ธรรมทีควรเจริญ)
o อปริหานิยธรรม ๗
o ปาปณิกธรรม ๓
o ทิฏฐธัมมิกตถสังวัตตนิกธรรม ๔
ั
o โภคอาทิยะ ๕
o อริยวัฑฒิ ๕
o มงคล ๓๘
ถูกโลกธรรม
จิตไม่
หวันไหว
จิตไม่เศร ้า
โศก
จิตไม่มัว
หมอง
จิตเกษม
- พุทธศาสนสุภาษิ ต ปฏิรปการี ธุรวา อุฏฺาตา
ู
วินฺทเต ธนํ . สํ .ส. ๑๕/๒๔๖/๒๕๙.
คนขยันเอาการเอางาน กระทํ าเหมาะสม ย่อมหาทรัพย์ได ้
วายเมเถว ปุรโส ยาว อตฺ ถสฺส นิปฺปทา. สํ .ส. ๑๕/๒๕๔/๒๗๑.
ิ
เกิดเป็ นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบความสํ าเร็จ
สนฺตฏฺปรมํ ธนํ.
ุ
ขุ.ธ. ๒๕/๒๐๔/๕๓.
ความสันโดษเป็ นทรัพย์อย่า งยิง
อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก
นัย องฺ.ฉกฺ ก. ๒๒/๔๕/๓๓๘.
การเป็ นหนีเป็ นทุกข์ในโลก
- พระไตรปิ ฎก วิเคราะห์การสั งคายนาและการเผยแผ่พระไตรปิ ฎก
- เรืองน่า รู ้จาก คนครองเรือนทีร ้ายและทีดี ๑๐ ประเภท (กามโภคีสตร ตาม
ู
พระไตรปิ ฎก นัย องฺ. ทสก.(ไทย) ๒๔/๙๑/๒๐๗-๒๑๒)
- 14. - ศัพท์ทาง โพธิปักขิยธรรม
พระพุทธศาสนาทีควร
ทราบ
วาสนา – บารมี
๓ ประวัตพุทธสาวก
ิ พระอนุ รทธะ
ุ
พุทธสาวิกา
พระองคุลมาล
ิ
พระธัมมทินนาเถรี
จิตตคหบดี
- ชาดก มโหสถชาดก
๔. หน ้าทีชาวพุทธ การบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา
ประโยชน์ข องการบรรพชาอุปสมบท
การบวชเป็ นแม่ ช ี ธรรมจาริณี หรือเนกขัมมนารี
การศึกษาพุ ทธศาสนาวันอาทิตย์และธรรมศึกษา
การปลูกจิตสํ า นึกและการมีสวนร่วมในสังคมพุทธ
่
การปฏิบัตตนทีเหมาะสมในฐานะผู ้ปกครองและผู ้อยู่ใน
ิ
ปกครอง ตามหลักทิศเบืองล่าง ในทิศ ๖
การเข ้าค่ายคุณธรรม
เข ้าร่วมพิธ ีกรรมทางพระพุทธศาสนา
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ
-มรรยาทชาวพุทธและ การแสดงความเคารพตามหลักพระพุ ทธศาสนา ต่อพระ
การปฏิบัตตนต่อ
ิ รัตนตรัย ปู ชนียสถาน ปูชนียวัตถุ และปูชนียบุคคล
พระภิกษุ
การปฏิสน ถารตามหลักปฏิสน ถาร ๒
ั ั
- ชาวพุ ทธตัวอย่าง สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระธรรมโกศาจารย์ (พุ ทธทาสภิกขุ)
พระธรรมโกศาจารย์ (ปั ญญานันทภิกขุ)
ดร.เอ็มเบดการ์
๕. การบริห ารจิตและ สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา
เจริญปั ญญา
รู ้และเข ้าใจวิธปฏิบัตและประโยชน์ข องการบริหารจิตและ
ี ิ
เจริญปั ญญา
ฝึ กการบริหารจิตและเจริญปั ญญาตามหลักสติปั ฏฐาน
นํ าวิธการบริหารจิตและเจริญปั ญญาไปใชในการพัฒนาการ
ี ้
เรียนรู ้ คุณภาพชีว ต และสั งคม
ิ
- 15. พัฒนาการเรียนรู ้ด ้วยวิธคดแบบโยนิโสมนสิการ ๒ วิธ ี คือ วิธ ี
ี ิ
คิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ และวิธคดแบบวิภชชวาท
ี ิ ั
๖. วันสํ าคัญทาง ศึกษาวิเคราะห์หลักธรรมทีเกียวเนืองในวันสํ าคัญ ทาง
พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา
วันธรรมสวนะและเทศกาลสํ าคัญ
o ศึกษาวิเคราะห์หลักธรรม คติธรรม ทีเกียวเนืองวัน
ธรรมสวนะและเทศกาลสํ าคัญ
-ศาสนพิธ ี ความหมาย ความสํ าคัญ คติธรรมในพิธ ีกรรม บทสวดสวดมนต์
ของนั กเรียน งานพิธ ี คุณค่า และประโยชน์
พิธบรรพชาอุปสมบท คุณสมบัตของผู ้ขอบรรพชาอุปสมบท
ี ิ
เครืองอัฏฐบริขาร
๗.สัมมนา พระพุทธศาสนากับการเมืองและสันติภาพ
พระพุทธศาสนากับการ
แก ้ปั ญหาและการ
พัฒนา
รายละเอียดสาระการเรียนรูพระพุทธศาสนาระด ับม ัธยมศึกษา
้
หัวข ้อเรือง ชันมัธยมศึกษาปี ท ี ๖
๑ ประวัตและความสํ าคัญ ของ
ิ พระพุทธศาสนาเป็ นศาสตร์แห่งการศึกษา
พระพุทธศาสนา-พุทธประวัต ิ
พระพุทธศาสนาเน ้นความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัย และวิธ ีการแก ้ปั ญหา
พระพุทธศาสนาฝึ กคนไม่ให ้ประมาท
พระพุทธศาสนามุ่งประโยชน์สข และสันติภาพแก่บุคคล สังคม และ
ุ
โลก
พระพุทธศาสนากับเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาแบบยังยืน
สรุปพุทธประวัต ิ
สรุปและวิเคราะห์พุ ทธประวัตด ้านการบริหารและการธํ ารงรักษา
ิ
พระพุทธศาสนา
วิเคราะห์พ ระพุทธเจ ้าในฐานะเป็ นมนุษย์ผู ้ฝึ กตนได ้อย่า งสูงสุด
- 16. พระร ัตนตร ัย
๒. หลักธรรมทางพระพุ ทธศาสนา
วิเคราะห์ความหมายและคุณค่าของสั งฆะ
อริยส ัจ ๔
ทุกข์ (ธรรมทีควรรู)
้
o ขันธ์ ๕
- จิต, เจตสิก
สมุท ัย (ธรรมทีควรละ)
o ธรรมนิยาม
- ปฏิจจสมุปบาท
o นิวรณ์ ๕
o อุปาทาน ๔
นิโรธ (ธรรมทีควรบรรลุ)
o นิพพาน
มรรค (ธรรมทีควรเจริญ)
o อธิปไตย ๓
o สาราณียธรรม ๖
o ทศพิธราชธรรม ๑๐
o วิปัสสนาญาณ ๙
o มงคล ๓๘
ความเพียรเผากิเลส
ประพฤติพรหมจรรย์
เห็ นอริยสัจ
บรรลุนพพาน
ิ
- พุทธศาสนสุภาษิ ต ราชา มุขํ มนุสฺสานํ
วิ.ม. ๕/๓๐๐/๘๔.
พระราชาเป็ นประมุข ของประชาชน
สติ โลกสฺม ิ ชาคโร
สํ .ส. ๑๕/๘๐/๕๑.
สติเป็ นเครืองตืนในโลก
นตฺถ ิ สนฺ ตปรํ สุขํ
ิ
ขุ.ธ. ๒๕/๒๐๒/๕๒.
สุขอืนยิงกว่าความสงบไม่ม ี
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ
ขุ.ธ. ๒๕/๒๐๓/๕๒.
นิพพานเป็ นสุข อย่างยิง
- พระไตรปิ ฎก วิธการศึกษาและค ้นคว ้าพระไตรปิ ฎกและคัมภีรรองอืน ๆ
ี ์
- 17. - เรืองน่า รู ้จากพระไตรปิ ฎก มหาสาโรปมสูตร (มัชฌิมนิกาย มูลปั ณณาสก์)
- ศัพท์ทางพระพุ ทธศาสนาทีควร ฌาณสมาบัต ิ – ผลสมาบัต- นิโรธสมาบัต ิ
ิ
ทราบ
สัมมัตตะ - มิจฉัตตะ
๓ ประวัตพุทธสาวกพุทธสาวิกา
ิ พระอานนท์
พระปฏาจาราเถรี
จูฬสุภททา
ั
สุมนมาลาการ
- ชาดก มหาชนกชาดก
๔. หน ้าทีชาวพุทธ วิเคราะห์หน ้าทีและบทบาทของพระภิกษุ ในฐานะพระนักเทศน์ พระ
ธรรมทูต พระธรรมจาริก พระวิทยากร พระกรรมฐาน และพระนักพัฒ นา
วิเคราะห์หน ้าทีและบทบาทของอุบาสกอุบาสิกาทีมีต่อสังคมไทยใน
ปั จจุบัน
วิเคราะห์เกียวกับการปกป้ องคุ ้มครองพระพุทธศาสนาของพุทธ บริษัท
ในสังคมไทย
การปฏิบัตตนเป็ นสมาชิกทีดีข องครอบครัว ตามหลักทิศเบืองหลัง ใน
ิ
ทิศ ๖
การเข ้าค่ายคุณธรรม
เข ้าร่วมพิธ ีกรรมทางพระพุทธศาสนา
การแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ
การบํ าเพ็ ญ ตนให ้เป็ นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ และ
-มรรยาทชาวพุทธและการปฏิบัตตน
ิ โลก
ต่อพระภิกษุ
การปฏิบัตตนทีเหมาะสมต่อพระภิกษุ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ
ิ
- ชาวพุ ทธตัวอย่าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล ้าเจ ้าอยู่หัว
พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
พระธรรมปิ ฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)
อนาคาริก ธรรมปาละ
๕. การบริห ารจิตและเจริญปั ญญา สวดมนต์แปล และแผ่เมตตา
รู ้และเข ้าใจวิธปฏิบัตและประโยชน์ข องการบริหารจิตและเจริญปั ญญา
ี ิ
ฝึ กการบริหารจิตและเจริญปั ญญาตามหลักสติปั ฏฐาน
นํ าวิธการบริหารจิตและเจริญปั ญญาไปใชในการพัฒนาการเรียนรู ้
ี ้
- 18. คุณภาพชีว ต และสังคม
ิ
พัฒนาการเรียนรู ้ด ้วยวิธคดแบบโยนิโสมนสิการ ทบทวนทัง ๑๐ วิธ ี
ี ิ
๖. วันสํ าคัญทางพระพุทธศาสนา ศึกษาวิเคราะห์หลักธรรม อภิปรายผล ทีเกียวเนืองในวันสํ าคัญทาง
พระพุทธศาสนา
วันธรรมสวนะและเทศกาลสํ าคัญ
o ศึกษาวิเคราะห์หลักธรรม คติธรรม อภิปราย
ผล ทีเกียวเนืองใน วันธรรมสวนะและเทศกาล
สํ าคัญ
-ศาสนพิธ ี บุญพิธ ี ทานพิธ ี กุศลพิธ ี
วิเคราะห์คุณค่า และประโยชน์ของศาสนพิธ ี
๗.สัมมนาพระพุทธศาสนากับ การ พระพุทธศาสนากับการพัฒนาแบบยังยืน
แก ้ปั ญหาและการพัฒนา