More Related Content
Similar to เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
Similar to เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา (20)
More from Jintana Somrit (17)
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
- 1. อาหารกับยา
อาหารที่เรากินกับยาจะมีผลต่อการดูดซึมของยาจากกระแสโลหิตเข้าสู่ร่างกายมีข้อควร
รู้คือ
1.ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว มะยม สับปะรด ห้ามกินพร้อมยาปฏิชีวนะที่กินก่อน
อาหาร เพราะผลไม้เหล่านี้มฤทธิ์เป็นกรดจะไปทำาลายฤทธิ์ของยาทำาให้การรักษาไม่ได้
ี
ผลเท่าที่ควร
2. นม ห้ามกินพร้อมกับยาเตตร้าซัยคลิน เพราะยาจะไปจับกับแคลเซียมในนมเกิดเป็น
สารประกอบเชิงซ้อนขนาดใหญ่ ทำาให้การดูดซึมเข้ากระแสโลหิตน้อยลง
3. อาหารพวกไขมัน พบว่าจะไปเพิ่มการละลาย และการดูดซึมของยาบางชนิดเพราะจะ
ไปกระตุ้นให้นำ้าดีหลั่งออกมา
4. เครื่องดื่มบำารุงกำาลัง เช่น ลิโพ กระทิงแดง มีส่วนประกอบของคาเฟอีนผสมอยู่ ห้าม
กินพร้อมยาแก้หวัด หอบหืด เพราะจะไปเพิ่มอาการใจสั่นมากยิ่งขึ้น
http://www.si.mahidol.ac.th/km/webboard/wbdetail.asp?room=0&wq_id=238
เครื่องดื่มต่าง ๆ มีผลต่อยาหรือไม่ ?
ปกติในเหล้า เบียร์ หรือไวน์ จะมีแอลกอฮอล์เป็น ส่วนผสม ตัวแอลกอฮอล์จะมีฤทธิ์กด
ประสาท เช่นเดียวกับ ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายกังวล ยาต้านความซึมเศร้า จะไป
กดประสาททำาให้ง่วงนอน หากกินยาพร้อมแอลกอฮอล์จะทำาให้มีผลข้างเคียงมากขึ้น มี
อาการง่วงนอน ง่วงซึม ขาดสมาธิ และถ้ากินแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ๆ อาจจะรุนแรงถึง
ขั้นมีผลต่อระบบการหายใจ
และแอลกอฮอล์ยังมีผลต่อตับ จะทำาให้ตับทำางาน หนักมากขึ้น ถ้าดื่มแอลกอฮอล์พร้อม
กับยาพาราเซตามอล ซึงมีผลต่อตับเช่นกัน จะทำาให้เสี่ยงต่อตับวายเฉียบพลันได้ แล้ว
่
แอลกอฮอล์ยังเป็นตัวทำาละลายที่ดี ถ้าดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับยาจะทำาให้ดูดซึมได้ดี
ขึ้น ทำาให้ยาที่กินเข้าไปมีสารเกินกว่าปกติ อาจจะเกิดผลข้างเคียงจากยาได้
หากจะเลียงโดยกินยาตอนเช้าแล้วไปดื่มแอลกอฮอล์ ตอนกลางคืนจะได้หรือเปล่า ?
่
ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน เพราะแอลกอฮอล์เมื่อเข้าไปในร่างกาย ฤทธิ์ของมันจะอยู่ใน
ร่างกายเป็นระยะเวลานาน จะไปอยู่ที่ตับ ตับยังทำางานเพื่อขจัดมันอยู่ อาจมีผลข้างเคียง
และทำาให้ตับวายได้
แล้วกินยาพร้อมนม นำำาแร่ นำำาผลไม้ได้หรือเปล่า ?
นำ้าทั้ง 3 ชนิดจะมีแร่ธาตุบางตัวที่จะไปทำาให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับยา ยาอาจดูด
ซึมได้ยากขึ้นและ ไม่ออกฤทธิ์ ทำาให้มประสิทธิภาพน้อยลง เช่น กลุ่มยาฆ่าเชื้อเตรต้า
ี
ไซคลิน ด็อกซี่ไซคลิน หรือ ซิโปรฟล็อกซาซิน รวมทั้งยารักษาโรคกระดูกพรุนใน กลุ่ม
บิสฟอสฟอเนต
หากกินยาพร้อมชา กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำาลังล่ะจะเป็นอะไรหรือไม่ ?
ชา กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำาลังจะมีกาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะมีฤทธิ์กระตุ้น
ประสาท ทำาให้ตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ถ้าไปดื่มพร้อมกับกินยากลุ่มลดนำ้ามูกจะยิ่ง
มีอาการใจสั่นมากขึ้น
ยาบางตัวจะมีปฏิกิริยาระหว่างกาเฟอีนกับยา เช่น ยาฆ่าเชื้อซิโปรฟล็อกซาซิน หรือยา
ลดกรดไซมีทีดีนจะทำาให้กาเฟอีนอยูในร่างกายได้นานขึ้น
่
- 2. สรุปแล้วควรกินยาพร้อมนำำาเปล่าดีที่สุด นอกจากจะช่วยละลายยาแล้วยังช่วยลด
อาการข้างเคียงที่เกิดจากยาได้ เช่น กัดกระเพาะอาหารหรือเกิดระคายเคือง
กระเพาะอาหาร
อาการแพ้ยา แต่จริง ๆ แล้วการแพ้ยาหมายถึงเป็นอาการที่รนแรง เช่น หลอดลมตีบ
ุ
หายใจไม่ออก มีผื่นขึ้น มีลมพิษรุนแรง ปากบวม เยื่อบุตาบวม
ส่วนอาการข้างเคียงของยา ส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นจากการใช้ยาแต่ละตัว เกิด
จากฤทธิ์ของตัวยาเองทีทำาให้เกิดผลข้างเคียง เช่น กินยาฆ่าเชื้ออะม็อกซี่ซิลลินแล้ว
่
เกิดการคลื่นไส้ พะอืดพะอม ซึ่งไม่รนแรง และสามารถแก้ไขอาการในเบื้องต้นได้
ุ
หากเมื่อกินยาแล้วมีอาการท้องเสีย ควรงดอาหาร ทีมีรสจัด งดกาแฟ งดนม ในช่วงที่มี
่
อาการท้องเสีย ถ้ากินยาฆ่าเชื้อแล้วท้องเสียให้กินพวกโยเกิร์ต ซึ่งจะมีจลินทรียที่ดีไป
ุ ์
เสริมลำาไส้ ทดแทนแบคทีเรียที่เสียไปกับการท้องเสีย
ฟังแล้วคงจะเข้าใจเรื่องของการกินยาให้ได้ยากันมากขึ้น
http://www.healthcorners.com/new_read_article.php?
category=generalhealth&id=3539
ยากับนำ้าผลไม้ อันตรายกว่าที่คิด
เวลาที่ไม่สบายเราก็ต้องทานยาเพื่อจะได้หายป่วยไวๆ แต่บางทีถาหากว่าเป็นโรคบาง
้
โรคแล้วทานยาแล้วเผลอตามด้วยการดื่มนำ้าผลไม้เข้า นั่นอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียง
ที่อันตราย ซึ่งคงไม่เป็นที่ปรารถนาอยากจะได้มาอย่างแน่นอน
คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ทีซานฟรานซิสโก ได้เปิดเผยผลการ
่
วิจัยซึงบ่งว่านำ้าผลไม้ส่งผลกระทบต่อระบบการทำางานของร่างกาย ที่จะทำาให้
่
ประสิทธิภาพในการรักษาของยาหมดไป เพราะก่อนที่ยานั้นจะซึมเข้าสู่กระแสเลือด นำ้า
ผลไม้จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจล้ม
เหลว และโรคภูมิแพ้ต่างๆ รวมไปถึงยาที่ใช้กับผู้ป่วยทีทำาการปลูกถ่ายอวัยวะใหม่
่
ผลการวิจัยที่ได้รับการเปิดเผยก่อนหน้านี้ บ่งบอกถึงอันตรายของนำ้าผลไม้ในแง่ที่ส่งผล
ต่อการรับประทานยาเช่นกัน เพราะฤทธิ์ในการทำาลายเอนไซม์ในร่างกาย ทีทำาหน้าที่
่
สกัดกั้นไม่ให้ยาเข้าสู่กระแสเลือดมากเกินไป เมื่อเอนไซม์ชนิดนี้ลดลง ทำาให้ตัวยาบาง
ชนิดรวมถึงยาที่ใช้ในการรักษา โรคความดันโลหิตและแอนติฮิสตามีน
(Antihistamines) มีฤทธิ์ในการรักษารุนแรงขึ้น เพราะในบางกรณีทร่างกายได้รับตัวยา
ี่
มากเกินขนาด จะเป็นผลเสียต่อการรักษาและร่างกายผู้ปวย ่
ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการทานยาพร้อมนำ้าผลไม้ทุกชนิด และเลือกรับประทานกับนำ้า
เปล่าดีที่สุด
http://www.bloggang.com/mainblog.php?
id=iamlady&month=02-10-2010&group=10&gblog=139
ข้อแนะนำาสำาหรับผู้ทานยาปฏิชีวนะ
1. ยาปฏิชีวนะไม่ใช่ยาลดไข้ หรือแก้ไข้ ต้องให้แพทย์เท่านันเป็นผู้สั่ง ถ้ามีการทาน
้
ยาปฏิชีวนะอื่นอยู่ ให้แจ้งแพทย์ที่กำาลังตรวจรักษาทราบด้วย
2. ควรรับประทานเวลาท้องว่าง คือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
เพราะยาชนิดนี้ถูกสลายได้ง่ายด้วยกรดในกระเพาะอาหาร
- 3. 3. ไม่ควรรับประทานร่วมกับนำ้าผลไม้ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด การใช้ยากลุ่มนี้อาจเกิด
การแพ้ยาได้ง่าย อาการมีตั้งแต่น้อยจนรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิตได้ ผู้ที่เคยแพ้ยาตัวใดควร
จำาชื่อไว้ให้แม่นยำาและแจ้ง ให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
4. แม่ที่กำาลังให้นมลูก ต้องแจ้งหมอให้ทราบด้วย เพราะยาอาจส่งผ่านไปทางนำ้านม
ให้ลูกได้ด้วย
5. ยาปฏิชีวนะไม่เป็นยาแก้อักเสบ และยาปฏิชีวนะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
เท่านั้น ไม่ได้ฆ่าเชื้อไวรัส ถ้ามีเชื่อไวรัสก็ใช้ยา
ปฏิชีวนะไม่ได้ ต้องทำาให้ร่างกายมีความแข็งแรงและต่อสู้กับโรคให้หายเอง
http://sites.google.com/site/farijouehaircolor/sara-khwam-ru-sukhphaph-kab-
farijoue/kar-than-ya-ptichiw