More Related Content Similar to โรคมือเท้าปาก (20) More from sivapong klongpanich
More from sivapong klongpanich (20) โรคมือเท้าปาก 1. โรคมื อ เท้ า ปาก (Hand Foot and Mouth Disease)
1. สถานการณ์ โ รค
โรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กอายุตำ่ากว่า 5 ปี
ในเขตร้อนชืนพบโรคประปรายตลอดปี ไม่มฤดูกาลทีชดเจน
้ ี ่ ั
และมักเกิดบ่อยขึนในช่วงอากาศเย็น และชืน ในเขตหนาวพบ
้ ้
มากในช่วงฤดูรอน และต้นฤดูใบไม้รวง ในประเทศไทยไม่พบ
้ ่
ลักษณะการระบาดตามฤดูกาลทีชดเจน แต่สงเกตว่าพบผูปวย
่ ั ั ้ ่
มากขึนตังแต่ตนฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว โดยเริมพบผูปวยมาก
้ ้ ้ ่ ้ ่
ตังแต่เดือนมิถนายนและมีแนวโน้มเพิมขึนสูงสุดในเดือนธันวาคม
้ ุ ่ ้
ผูปวยส่วนใหญ่มอาการไม่รนแรง และแทบไม่มผเสียชีวตเลย
้ ่ ี ุ ี ู้ ิ
สำาหรับสถานการณ์ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2555 ตังแต่วน ้ ั
ที่ 1 มกราคม– 17 มิถนายนจาก 77 จังหวัด (รวม
ุ
กรุงเทพมหานคร) มีรายงานพบผูปวยโรคมือ เท้า ปาก จำานวน
้ ่
8,577 ราย อัตราป่วย 13.50 ต่อแสนประชากรยังไม่มรายงานเสีย ี
ชีวต ส่วนใหญ่ พบในกลุมอายุตำ่ากว่า 3 ปี จำานวนร้อยละ 81.89
ิ ่
และยังไม่พบผูปวยทีมอาการรุนแรง
้ ่ ่ ี
2. สาเหตุ
โรคมือ เท้า ปาก เป็นกลุ่มอาการหนึ่งซึ่งมีสาเหตุจากการ
ติดเชื้อไวรัสที่สามารถเจริญเติบโตได้ในลำาไส้ ที่เรียกว่า เอน
เทอโรไวรัส ซึงมีหลายชนิด ที่พบบ่อย คือ ไวรัสคอคแซกกี เอ
่
16 ไวรัสคอคแซกกี เอ สายพันธุ์อื่น ๆ ไวรัสเอนเทอโร 71 และ
ไวรัสเอคโค เป็นต้น โรคนี้พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก
โดยจะมีอาการไข้ มีตุ่มหรือแผลแดงอักเสบที่บริเวณลิ้น เหงือก
กระพุ้งแก้ม ฝ่ามือ นิ้วมือ และฝ่าเท้า ในเขตร้อนชื้นพบโรค
ประปรายตลอดปี ไม่มีฤดูกาลที่ชัดเจน และมักเกิดบ่อยขึ้นใน
ช่วงอากาศเย็นและชื้น
3. อาการ
หลังจากได้รับเชื้อ 3-6 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงอาการด้วย
การมีไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมามีอาการเจ็บปาก กลืน
นำ้าลายไม่ได้และไม่ยอมรับประทานอาหารและเบื่ออาหาร
เนื่องจากมีจุดหรือตุ่มแดงอักเสบที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม
ต่อมาจะเกิดตุ่มหรือผื่นนูนสีแดงเล็ก (มักไม่คัน) ที่ฝ่ามือ นิ้วมือ
(มักอยู่ทด้านข้างของนิ้ว) ฝ่าเท้า (มักอยู่ที่ส้นเท้า) และอาจ
ี่
พบที่บริเวณหัวเข่า ข้อศอก หรือก้นได้ ตุมนี้จะกลายเป็นตุ่ม
่
พองใส (maculo - papular vesicles) บริเวณรอบ ๆ อักเสบและ
แดง ในปากจะพบเป็นตุ่มแดงที่ลิ้นซึ่งต่อมาจะแตกออกเป็นแผล
หลุมตื้นๆ (ulcer) อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติ ภายใน 7-10
วัน โดยทั่วไปโรคมือ เท้า ปาก ในประเทศไทยพบโรคนี้ได้บ่อย
เป็นโรคที่มีอาการไม่รุนแรง และแทบไม่มีผู้เสียชีวิตเลย พบผู้
ป่วยน้อยรายที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมอง
อักเสบ สมองอักเสบ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก หรือ
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือนำ้าท่วมปอด ซึงจะรุนแรงถึงขั้นเสีย
่
1
2. ชีวิตได้ ซึงส่วนใหญ่ที่มีอาการรุนแรงเกิดจากเชื้อเอนเทอโร
่
ไวรัส ٧١
4. การติ ด ต่ อ
ไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางปากโดยตรง โดยเชือไวรัสติดมา
้
กับมือ ภาชนะที่ใช้ร่วมกัน เช่น ช้อน แก้วนำ้า หรือของเล่น ที่ปน
เปื้อนนำ้าลาย นำ้ามูก หรือนำ้าจากตุ่มพอง แผลในปาก หรือ
อุจจาระผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสอยู่ เชื้อจะผ่านเข้าไปที่เยื่อบุของ
คอหอย และลงไปที่ลำาไส้ โดยเชื้อไวรัสจะขยายเพิ่มจำานวนที่
ต่อมนำ้าเหลืองที่คอหอยรวมทั้งทอนซิล และเนื้อเยื่อของระบบ
นำ้าเหลืองบริเวณลำาไส้ เชื้อไวรัสที่อยู่ในลำาไส้จะถูกขับออกมา
กับอุจจาระ เชื้อไวรัสจะอยู่ในลำาไส้และถูกขับถ่ายปนออกมากับ
อุจจาระเป็นระยะ ๆ ได้นานถึง 6 - 8 สัปดาห์ การติดต่อมักเกิด
ขึ้นได้ง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วยซึ่งมีเชื้อไวรัสออกมา
มาก จากการรับเชื้อไวรัสเข้าสู่ปากโดยตรง โดยเชือไวรัสติด้
มาจากมือหรือของเล่นที่ปนเปื้อนนำ้าลาย นำ้ามูก หรือนำ้าในตุ่ม
พอง หรือแผล หรืออุจจาระของผู้ป่วย การติดเชื้อจากอุจจาระ
จะเกิดได้ถึงระยะที่ผู้ป่วยมีอาการทุเลาจนกระทั่งหายป่วยแล้ว
ประมาณ ٨ -٦ สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นได้น้อยกว่าระยะสัปดาห์แรก
ๆ ส่วนการติดต่อทางนำ้าหรืออาหารมีโอกาสเกิดได้น้อย โรคนี้
ไม่ตดต่อโดยการหายใจ โดยทั่วไปมักเริ่มพบอาการป่วย
ิ
ภายใน 3-6 วัน หลังได้รับเชื้อ
5. การรั ก ษา
โรคนี้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง ผู้ป่วยส่วน
ใหญ่จะป่วยนานประมาณ 7-10 วัน เนื่องจากยังไม่มียาต้าน
ไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงใช้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ
เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาทาแก้ปวดในรายที่มีแผลที่
ลิ้นและกระพุ้งแก้ม ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดูเด็กควรเช็ดตัวผู้ป่วย
เพื่อลดไข้เป็นระยะ และให้เด็กรับประทานอาหารอ่อน ๆ รสไม่
จัด ดื่มนำ้า นำ้าผลไม้ และนอนพักผ่อนมาก ๆ ถ้าเป็นเด็กอ่อน
อาจต้องป้อนนมให้แทนการดูดนม เพื่อลดการปวดแผลในปาก
ที่สำาคัญคือการป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงถึงเสีย
ชีวิต ตามปกติโรคนี้มักไม่รุนแรงและไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่
ถ้าเกิดจากเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เอนเทอโรไวรัส 71 อาจ
ทำาให้มอาการรุนแรงได้ จึงควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หาก
ี
พบมีไข้สูง ซึม ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มนำ้า อาเจียน
บ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง ชัก ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที
เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนจากภาวะสมองอักเสบ กล้าม
เนื้อหัวใจอักเสบ หรือนำ้าท่วมปอด ซึงจะรุนแรงจนเสียชีวิตได้
่
โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น
โรคติดเชื้อเอชไอวี โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือผู้ที่ต้องรับ
ประทานยากดภูมิคุ้มกัน
2
3. 6. การป้ อ งกั น ควบคุ ม โรค
การแยกเด็กป่วยหรือเด็กที่สงสัยว่าป่วยออกจากเด็กปกติ
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค รวมทั้งการส่งเสริมพฤติกรรม
อนามัยส่วนบุคคลที่ถูกต้อง ได้แก่ การล้างมือ การไม่ใช้สิ่งของ
ร่วมกัน การป้องกันการไอ-จามรดกัน เป็นต้น เหล่านี้เป็นหัวใจ
สำาคัญในการป้องกันควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้จัด
ให้มีมาตรการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์และดำาเนินการ
ป้องกันควบคุมการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ในสถานศึกษา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมศึกษา
ทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการให้ดำาเนินการ
สอบสวนและควบคุมโรคกรณีเกิดการระบาด เมื่อพบว่ามีการ
ระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ดังต่อไปนี้
- เร่งรัดมาตรการสุขาภิบาลในสถานเลี้ยงดูเด็กเล็กใน
ทุกหมู่บ้าน โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมทุก
แห่ง ศูนย์การค้าที่มีเครื่องเล่น ต้องจัดให้มีการ
ทำาความสะอาดพื้น ของเล่นเด็ก ห้องสุขาและห้องนำ้า
อุปกรณ์สำาหรับการรับประทานอาหารและแก้วนำ้า
โดยใช้หลักการและแนวทางตามประกาศของกรม
อนามัย
- เผยแพร่คำาแนะนำา เรื่องโรคมือ เท้า ปาก แก่ผู้
ปกครองและเด็กนักเรียน รวมทั้งส่งเสริมพฤติกรรม
อนามัยส่วนบุคคลที่ช่วยป้องกันการติดต่อ โดยเฉพาะ
การล้างมือและการรักษาสุขอนามัยของสภาพ
แวดล้อม และควรแยกของใช้ไม่ให้ปะปนกัน เช่น
แก้วนำ้า ช้อนอาหาร ควรมีการใช้ช้อนกลาง เป็นต้น
- เฝ้าระวังตรวจเด็กทุกคน หากพบเด็กที่มีอาการโรคมือ
เท้า ปาก ต้องรีบแยกออกและให้หยุดเรียน 7-10 วัน
หรือจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยัง
เด็กคนอื่น ๆ
- นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำาเนินการให้
แนวทางในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการ
ระบาดแก่บุคลากรสาธารณสุข รวมถึงให้ความรู้เรื่อง
โรคมือ เท้า ปาก และการป้องกันแก่ประชาชนและ
กลุ่มเสี่ยงอย่างสมำ่าเสมอ
3