More Related Content
Similar to คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
Similar to คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009 (20)
More from Adisorn Tanprasert
More from Adisorn Tanprasert (11)
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009
- 1. คําแนะนําสําหรับผูปวยไขหวัดใหญฯ 2009
โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไขหวัดใหญ ซึ่งเปนเชื้อที่
เกิดขึ้นใหม และสามารถแพรจากคนสูคนไดอยางรวดเร็ว เนื่องจากคนสวนใหญไมมีภูมิตานทานโรค ระยะฟกตัว
(ระยะเวลาตั้งแตติดเชื้อจนถึงแสดงอาการ) สั้น ประมาณ 1-4 วัน
ผูปวยสวนใหญมีอาการไมรุนแรง ผูปวยรอยละ 90 - 95 สามารถหายไดเองโดยไมจําเปนตอง
ไดรั บยาตานไวรั ส กรณี ที่อาการไม รุน แรง ผู ปวยจะมีอ าการ ไข เจ็ บ คอ ไอ ปวดศี รษะ ปวดเมื่ อ ยเนื้ อ ตั ว
ออนเพลีย คัดจมูก น้ํามูกไหล เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาการอาเจียนและทองเสียรวมดวย หลังจากนั้น
อาการจะทุเลาขึ้นตามลําดับ คือ ไขลดลง ไอนอยลง รับประทานอาหารไดมากขึ้น และหายปวยภายใน 5-7 วัน
ผูปวยบางราย (รอยละ 5 – 10) อาจมีอาการปวยรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซอนทําใหเกิดปอด
บวม ซึ่งจะทําใหมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลําบาก และเสียชีวิตได
ภาวะแทรกซอน (ปอดบวม) นี้มักจะเกิดขึ้นในผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป
ผูมีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีปญหาโรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด
โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน)
เมื่อปวยแลว ผูปวยจะมีโอกาสเสียชีวิต (อัตราปวยตาย) ประมาณรอยละ 0.1 – 0.5 ผูเสียชีวิต
สวนใหญมีโรคประจําตัว หรือเปนผูที่มีความเสี่ยง (ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ
ตานทานต่ํา ผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด
โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ผูท่มีปญหาโรคอวน และหญิงมีครรภ)
ี
อนึ่ง คําแนะนําตางๆ อาจปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณการระบาดที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ทานจึง
ควรติดตามขาวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
- 2. คําแนะนําสําหรับผูปวย
ในการดูแลรักษาอาการปวย
1. หากมีอาการปวยดวยอาการไขหวัด เชน มีอาการไข ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ํามูก ซึ่งเปนอาการที่พบไดทั้งใน
ไขหวัดธรรมดา และไขหวัดใหญ ควรปฏิบัติตัวดังนี้
1.1 หากอาการปวยไมรุนแรง เชน ไขไมสูง ไมซึม และรับประทานอาหารได ผูปวยสามารถรักษาตาม
อาการดวยตนเองที่บานได ไมจําเปนตองไปโรงพยาบาล ควรใชพาราเซตามอลเพื่อลดไข (หามใช
ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผอนใหเพียงพอ และดื่มน้ํามากๆ
1.2 ผูปวยที่จัดอยูในกลุมเสี่ยง 6 กลุม (ไดแก ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผู
มีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด
เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ควรรีบไปพบแพทย
1.3 หากมีไข ควรเช็ดตัวลดไข ดวยน้ําสะอาดที่ไมเย็น
1.4 ผูปวยควรเฝาระวังอาการปวยของตัวเอง หากเริ่มมีอาการที่บงวาโรคจะรุนแรง เชน หายใจลําบาก
หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม หรืออาการปวยไมดขึ้นใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย
ี
1.5 ผูปวยที่มีอาการไมรุนแรง หรือผูปวยเพิ่งจะเริ่มปวย 1-2 วัน ไมมีความจําเปนที่จะตองไดรับการ
ตรวจยืนยันวาติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 หรือไม เนื่องจากแนวทาง (วิธี)
การดูแลรักษาผูปวยไมแตกตางกัน
2. ผูปวยไขหวัดใหญที่อาจจําเปนตองไดรับยาตานไวรัส
2.1 ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ
ตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ
และหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน)
2.2 ผูปวยที่มีอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม)
2.3 ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน
3. ติดตามขาวสารและคําแนะนําตางๆ จากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
- 3. คําแนะนําสําหรับผูปวยในการปองกัน
การแพรกระจายของเชื้อสูผูอ่ืน
1. การแพรระบาดของโรคจะเร็วหรือชาเพียงใดขึ้นอยูกับการ
ปฏิบัติตัวของผูปวยในการปองกันการแพรกระจายของเชื้อ
หาก ผูปวยปฏิบัติตัวไดอยางถูกตอง จะมีจํานวนผูสัมผัส
เชื้อนอยและจะมีผูปวยไมมากนัก แตหากผูปวยไมใหความ
รวมมือ ผูปวยจะสามารถแพรเชื้อไปสูผูอื่นได ซึ่งสวนใหญก็จะ
เปนการแพรเชื้อไปสู บุคคลที่ผูปวยใกลชิดและคลุกคลีดวย
นั่นคือ หากผูปวยปองกันการแพรกระจายเชื้อไดไมดี จะมี
บุคคลอื่นในครอบครัวหรือบุคคล อื่นในที่ทํางานปวยตามมา
ไดนั่นเอง
2. ผูปวยควรหยุดเรียน หรือหยุดงาน และพักอยูกับบานหรือหอพัก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผูอื่นหรือใช
สิ่งของรวมกับผูอื่น เปนเวลาอยางนอย 7 วันหลังวันเริ่มปวย เพื่อใหพนระยะการแพรเชื้อ และกลับเขา
เรียนหรือทํางานได เมื่อหายปวยแลวอยางนอย 24 ชั่วโมง
3. สวมหนากากอนามัยเมื่อจําเปนตองอยูกับผูอื่น หรือใชกระดาษทิชชู ผาเช็ดหนา ปดปากและจมูกทุกครั้งที่
ไอ จาม
4. ลางมือบอยๆ ดวยน้ําและสบู หรือใชแอลกอฮอลเจลทําความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
- 4. คําถามที่พบบอย
1. หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญ เราควรรีบไปพบแพทยทนทีหรือไม? ั
ตอบ หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญใหตรวจสอบวาเราจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม นั่นคือ เราเปน
ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เปนเด็กอายุนอยกวา 5 ป เปนหญิงตั้งครรภ เปนผูที่มีปญหาโรคอวน เปนผูที่มี
ภูมิคุมกันต่ํา หรือเปนผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรังหรือไม (โรคประจําตัวเรื้อรัง เชน หอบหืด โรคปอด โรคตับตับ
โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ เปนตน)
หากเราเปนผูที่อยูในกลุมเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรง เราควรรีบไปพบแพทย
หากเราไมจัดอยูในกลุมเสี่ยง เรายังไมจําเปนตองไปพบแพทยในทันที เราสามารถพักรักษาตัวอยูที่บานได
รับประทานยาตามอาการ เชน ถามีไข ก็ใหรับประทานยาพาราเซตตามอล และเช็ดตัวดวยน้ําอุน หรือถามี
อาการไอมาก ก็ใหด่ืมน้ํามาก เปนตน หากไขไมลด อาการไมดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือเริ่มมีอาการที่บงวาจะมี
อาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม) จึงควรไปพบแพทย
หากเราไมใชกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการปวยดวยไขหวัดใหญ การไปพบแพทยจะทําใหเราเพิ่ม
ความเสี่ยงในการรับเชื้อจากผูปวยอื่นที่โรงพยาบาล และยังไมไดรับประโยชนใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากแพทยก็จะ
แนะนําใหเรากลับมาพักฟนที่บาน ใหยารักษาตามอาการ และแนะนําใหเราคอยเฝาระวังการเปลี่ยนแปลงของ
อาการของโรคอยูดี
2. เราจําเปนตองไดรับยาตานไวรัสหรือไม
ตอบ เนื่องจากผูที่ปวยดวยโรคนี้สวนใหญจะหายไดเอง
โดยไมจําเปน
ตองไดรับยาตานไวรัส กระทรวงสาธารณสุขจึงไมไดแนะนําใหยาตานไวรัส
ในผูปวยที่สงสัยจะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1
การใหยาอยางกวางขวางในผูท่ไมจําเปนตองไดรับยา นอกจากจะเปนการ
ี
สิ้นเปลืองแลว ยังอาจจะทําใหเชื้อดื้อยาไดเร็วขึ้นอีกดวย
กลุมผูปวยที่จําเปนตองไดรับยา ไดแก
1. ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป)
เด็กอายุตํากวา 5 ป ผูมีภูมิตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง
่
เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน)
2. ผูปวยที่มอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม)
ี
3. ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
- 5. 3. หากเราปวยดวยอาการที่คลายไขหวัดใหญ เราจําเปนตองไดรับการ
ตรวจเพื่อยืนยันเชื้อหรือไม?
ตอบ ในปจจุบันที่เชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ไดระบาดขยาย
วงกวางออกไปเรื่อยๆ การตรวจวาเราติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหมหรือไม ไมจําเปน
เทาไรนัก การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย ดังนั้น
ในปจจุบันในพื้นที่ที่มีการยืนยันการแพรระบาดของโรคชัดเจนแลวจึงไมจําเปนตองมี
การตรวจยืนยันการติดเชื้อกอนใหการรักษาแตอยางใด
4. ในปจจุบัน ไดมีโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายแหงไดแนะนําใหผูปวย
ตรวจคัดกรองการติดเชื้อดวยชุดการตรวจสอบการติดเชื้อที่ใหผลเร็ว หากเราปวยดวยอาการ
ที่คลายไขหวัดใหญ เราควรตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วเหลานี้หรือไม?
ตอบ ไมจําเปน การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย นั่นคือ ไมวาผลจะ
ออกมาเชนไร แนวทางการรักษาก็ยังคงเปนเชนเดิม (เหมือนขอ 1) เนื่องจากการดูแลรักษา หรือการตัดสินใจให
ยาตานไวรัสในผูปวยกลุมนี้ขึ้นอยูกับอาการ และขึ้นอยูกับวาผูปวยจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม
นอกจากจะเปนการสิ้นเปลืองโดยไมจําเปนแลว การตรวจดังกลาวยังไมถือเปนวิธีที่มาตรฐาน กลาวคือ
การตรวจยังมีความผิดพลาดคอนขางสูง นั่นคือ หากมีผูปวยที่ปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1
เอ็น1 จริง 100 คน การตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วจะใหผลบวกถูกตองนอยกวา 50 คน (Sensitivity ต่ํา
กวา 50%) นั่นคือ ชุดทดสอบจะบอกวาผูปวยไมติดเชื้อสูงถึงกวา 50 คนทั้งที่ผูปวยเหลานี้ความจริงแลวติดเชื้อ
การใหผลผิดพลาดที่สูงมากขนาดนี้อาจทําใหผูปวยที่ปวยจริงเมื่อทราบผลวาตัวเองไมติดเชื้อวางใจ ไมดูแลรักษา
ตัวเองหรือไมติดตามเฝาระวังอาการของตัวเองใหเหมาะสมจนอาจเกิดอาการุนแรงตามมาได
5. เราควรพักฟนอยูที่บานนานเทาไหร?
ตอบ ผูปวยควรหยุดงานและพักฟนอยูกับบาน หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผูอื่นเปนเวลาอยางนอย 7 วัน
หากครบ 7 วันแลวยังคงมีอาการบางอยางหลงเหลืออยูบาง ก็ใหพักฟนอยูกับบาน และหลีกเลี่ยงการพบปะ
คลุกคลีกับผูอื่นตอไปอีก จนกวาอาการจะหายสนิทแลว 1 วัน
6. ผูที่เปนโรคอวนเปนกลุมเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือไม?
ตอบ ผูที่เปนโรคอวนมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงไดสูงกวาคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี
ดังนั้น หากผูที่เปนโรคอวนปวยดวยอาการที่สงสัยจะเปนไขหวัดใหญ
ก็ควรไปพบแพทยทันที
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
- 6. 7. หากเราเปนกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และยังไมติดเชื้อ เราควรตองปองกันอะไรเปน
พิเศษ (เชน การสวมใสหนาการอนามัย) หรือไม?
ตอบ ไมจําเปนตองปองกันอะไรเพิ่มเติมเปนพิเศษ และไมจําเปนตองสวมใสหนากากอนามัยในที่ชุมชน
เนื่องจากหนากากอนามัยไมสามารถปองกันการติดเชื้อได หนากากอนามัยเปนเพียงเครื่องมือที่ปองกันการ
แพรกระจายของเชื้อ (นั่นคือ ผูที่ควรสวมใสคือผูปวย)
การลางมือบอยๆ และการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนํานิ้วเขาปาก เพื่อลดโอกาสการนําเชื้อจาก
มือเขาสูรางกายเปนมาตรการในการปองกันโรคที่สําคัญในกลุมผูที่ยงไมปวย
ั
นอกจากนี้ กลุมประชากรกลุมเสี่ยง โดยเฉพาะผูที่มีภูมิตานทานต่ํามากๆ ควร
1. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่อากาศถายเทไมสะดวก
2. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผูปวยที่สงสัยวาจะปวยดวยไขหวัดใหญ
8. หากเราไมใชกลุมเสี่ยง แปลวาเราจะไมมีโอกาสเสียชีวิตใชหรือไม?
ตอบ ไมใช ผูปวยที่ไมไดจัดอยูในกลุมเสี่ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตเชนกัน แตโอกาสที่จะ
มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตในกลุมที่ไมไดมีความเสี่ยงจะต่ํากวากลุมเสี่ยง ขอมูลจาก
ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงวารอยละ 30 ของผูที่เสียชีวิตทั้งหมดเปนผูที่ไมไดจัดอยู
ในกลุมเสี่ยง และมีสุขภาพแข็งแรงกอนที่จะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ
เอ็ช1 เอ็น1
9. ยาตานไวรัสโอเซลทามิเวียรในไทย ขณะนี้มพอเพียงหรือไม?
ี
ตอบ ในปจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคไดสํารองยาตานไวรัสโอโซลทามิเวียรไวจํานวนหนึ่ง
(ประมาณ 400,000 เม็ด) และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มตามความจําเปน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขไดสํารองยาไว
เพียงพอสําหรับผูปวยที่จําเปนตองไดรบยา ตามแนวทางการใชยาตานไวรัสที่ไดกลาวถึงแลวขางตน (ขอ 2)
ั
จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th