SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
คําแนะนําสําหรับผูปวยไขหวัดใหญฯ 2009
                                                                       โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข




                ไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไขหวัดใหญ ซึ่งเปนเชื้อที่
  เกิดขึ้นใหม และสามารถแพรจากคนสูคนไดอยางรวดเร็ว เนื่องจากคนสวนใหญไมมีภูมิตานทานโรค ระยะฟกตัว
  (ระยะเวลาตั้งแตติดเชื้อจนถึงแสดงอาการ) สั้น ประมาณ 1-4 วัน

               ผูปวยสวนใหญมีอาการไมรุนแรง ผูปวยรอยละ 90 - 95 สามารถหายไดเองโดยไมจําเปนตอง
  ไดรั บยาตานไวรั ส กรณี ที่อาการไม รุน แรง ผู ปวยจะมีอ าการ ไข เจ็ บ คอ ไอ ปวดศี รษะ ปวดเมื่ อ ยเนื้ อ ตั ว
  ออนเพลีย คัดจมูก น้ํามูกไหล เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาการอาเจียนและทองเสียรวมดวย หลังจากนั้น
  อาการจะทุเลาขึ้นตามลําดับ คือ ไขลดลง ไอนอยลง รับประทานอาหารไดมากขึ้น และหายปวยภายใน 5-7 วัน

               ผูปวยบางราย (รอยละ 5 – 10) อาจมีอาการปวยรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซอนทําใหเกิดปอด
  บวม ซึ่งจะทําใหมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลําบาก และเสียชีวิตได

                ภาวะแทรกซอน (ปอดบวม) นี้มักจะเกิดขึ้นในผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป
  ผูมีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีปญหาโรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด
  โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน)

                เมื่อปวยแลว ผูปวยจะมีโอกาสเสียชีวิต (อัตราปวยตาย) ประมาณรอยละ 0.1 – 0.5 ผูเสียชีวิต
  สวนใหญมีโรคประจําตัว หรือเปนผูที่มีความเสี่ยง (ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ
  ตานทานต่ํา ผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด
  โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ผูท่มีปญหาโรคอวน และหญิงมีครรภ)
                               ี

             อนึ่ง คําแนะนําตางๆ อาจปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณการระบาดที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ทานจึง
  ควรติดตามขาวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ

จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
คําแนะนําสําหรับผูปวย
                                         ในการดูแลรักษาอาการปวย
    1. หากมีอาการปวยดวยอาการไขหวัด เชน มีอาการไข ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ํามูก ซึ่งเปนอาการที่พบไดทั้งใน
       ไขหวัดธรรมดา และไขหวัดใหญ ควรปฏิบัติตัวดังนี้
        1.1 หากอาการปวยไมรุนแรง เชน ไขไมสูง ไมซึม และรับประทานอาหารได ผูปวยสามารถรักษาตาม
            อาการดวยตนเองที่บานได ไมจําเปนตองไปโรงพยาบาล ควรใชพาราเซตามอลเพื่อลดไข (หามใช
            ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผอนใหเพียงพอ และดื่มน้ํามากๆ
        1.2 ผูปวยที่จัดอยูในกลุมเสี่ยง 6 กลุม (ไดแก ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผู
            มีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด
            เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ควรรีบไปพบแพทย
        1.3 หากมีไข ควรเช็ดตัวลดไข ดวยน้ําสะอาดที่ไมเย็น
        1.4 ผูปวยควรเฝาระวังอาการปวยของตัวเอง หากเริ่มมีอาการที่บงวาโรคจะรุนแรง เชน หายใจลําบาก
            หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม หรืออาการปวยไมดขึ้นใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย
                                                           ี
        1.5 ผูปวยที่มีอาการไมรุนแรง หรือผูปวยเพิ่งจะเริ่มปวย 1-2 วัน ไมมีความจําเปนที่จะตองไดรับการ
            ตรวจยืนยันวาติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 หรือไม เนื่องจากแนวทาง (วิธี)
            การดูแลรักษาผูปวยไมแตกตางกัน
    2. ผูปวยไขหวัดใหญที่อาจจําเปนตองไดรับยาตานไวรัส
           
        2.1 ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ
            ตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ
            และหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน)
        2.2 ผูปวยที่มีอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม)
        2.3 ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน
    3. ติดตามขาวสารและคําแนะนําตางๆ จากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ



จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
คําแนะนําสําหรับผูปวยในการปองกัน
                                     
                      การแพรกระจายของเชื้อสูผูอ่ืน
                                              1. การแพรระบาดของโรคจะเร็วหรือชาเพียงใดขึ้นอยูกับการ
                                                 ปฏิบัติตัวของผูปวยในการปองกันการแพรกระจายของเชื้อ
                                                 หาก ผูปวยปฏิบัติตัวไดอยางถูกตอง จะมีจํานวนผูสัมผัส
                                                 เชื้อนอยและจะมีผูปวยไมมากนัก แตหากผูปวยไมใหความ
                                                 รวมมือ ผูปวยจะสามารถแพรเชื้อไปสูผูอื่นได ซึ่งสวนใหญก็จะ
                                                             
                                                 เปนการแพรเชื้อไปสู บุคคลที่ผูปวยใกลชิดและคลุกคลีดวย
                                                 นั่นคือ หากผูปวยปองกันการแพรกระจายเชื้อไดไมดี จะมี
                                                 บุคคลอื่นในครอบครัวหรือบุคคล อื่นในที่ทํางานปวยตามมา
                                                 ไดนั่นเอง
  2. ผูปวยควรหยุดเรียน หรือหยุดงาน และพักอยูกับบานหรือหอพัก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผูอื่นหรือใช
     สิ่งของรวมกับผูอื่น เปนเวลาอยางนอย 7 วันหลังวันเริ่มปวย เพื่อใหพนระยะการแพรเชื้อ และกลับเขา
     เรียนหรือทํางานได เมื่อหายปวยแลวอยางนอย 24 ชั่วโมง
  3. สวมหนากากอนามัยเมื่อจําเปนตองอยูกับผูอื่น หรือใชกระดาษทิชชู ผาเช็ดหนา ปดปากและจมูกทุกครั้งที่
     ไอ จาม
  4. ลางมือบอยๆ ดวยน้ําและสบู หรือใชแอลกอฮอลเจลทําความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม




จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
คําถามที่พบบอย
  1. หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญ เราควรรีบไปพบแพทยทนทีหรือไม?      ั
  ตอบ หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญใหตรวจสอบวาเราจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม นั่นคือ เราเปน
  ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เปนเด็กอายุนอยกวา 5 ป เปนหญิงตั้งครรภ เปนผูที่มีปญหาโรคอวน เปนผูที่มี
  ภูมิคุมกันต่ํา หรือเปนผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรังหรือไม (โรคประจําตัวเรื้อรัง เชน หอบหืด โรคปอด โรคตับตับ
  โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ เปนตน)
          หากเราเปนผูที่อยูในกลุมเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรง เราควรรีบไปพบแพทย
          หากเราไมจัดอยูในกลุมเสี่ยง เรายังไมจําเปนตองไปพบแพทยในทันที เราสามารถพักรักษาตัวอยูที่บานได
  รับประทานยาตามอาการ เชน ถามีไข ก็ใหรับประทานยาพาราเซตตามอล และเช็ดตัวดวยน้ําอุน หรือถามี
  อาการไอมาก ก็ใหด่ืมน้ํามาก เปนตน หากไขไมลด อาการไมดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือเริ่มมีอาการที่บงวาจะมี
  อาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม) จึงควรไปพบแพทย
          หากเราไมใชกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการปวยดวยไขหวัดใหญ การไปพบแพทยจะทําใหเราเพิ่ม
  ความเสี่ยงในการรับเชื้อจากผูปวยอื่นที่โรงพยาบาล และยังไมไดรับประโยชนใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากแพทยก็จะ
  แนะนําใหเรากลับมาพักฟนที่บาน ใหยารักษาตามอาการ และแนะนําใหเราคอยเฝาระวังการเปลี่ยนแปลงของ
  อาการของโรคอยูดี


  2. เราจําเปนตองไดรับยาตานไวรัสหรือไม
  ตอบ เนื่องจากผูที่ปวยดวยโรคนี้สวนใหญจะหายไดเอง
                                                                      โดยไมจําเปน
  ตองไดรับยาตานไวรัส กระทรวงสาธารณสุขจึงไมไดแนะนําใหยาตานไวรัส
  ในผูปวยที่สงสัยจะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1
  การใหยาอยางกวางขวางในผูท่ไมจําเปนตองไดรับยา นอกจากจะเปนการ
                                     ี
  สิ้นเปลืองแลว ยังอาจจะทําใหเชื้อดื้อยาไดเร็วขึ้นอีกดวย
          กลุมผูปวยที่จําเปนตองไดรับยา ไดแก
          1. ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป)
  เด็กอายุตํากวา 5 ป ผูมีภูมิตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง
             ่
  เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน)
          2. ผูปวยที่มอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม)
                         ี
          3. ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน




จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
3. หากเราปวยดวยอาการที่คลายไขหวัดใหญ เราจําเปนตองไดรับการ
                          ตรวจเพื่อยืนยันเชื้อหรือไม?
                          ตอบ ในปจจุบันที่เชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ไดระบาดขยาย
                          วงกวางออกไปเรื่อยๆ การตรวจวาเราติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหมหรือไม ไมจําเปน
                          เทาไรนัก การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย ดังนั้น
                          ในปจจุบันในพื้นที่ที่มีการยืนยันการแพรระบาดของโรคชัดเจนแลวจึงไมจําเปนตองมี
                          การตรวจยืนยันการติดเชื้อกอนใหการรักษาแตอยางใด

  4. ในปจจุบัน ไดมีโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายแหงไดแนะนําใหผูปวย
  ตรวจคัดกรองการติดเชื้อดวยชุดการตรวจสอบการติดเชื้อที่ใหผลเร็ว หากเราปวยดวยอาการ
  ที่คลายไขหวัดใหญ เราควรตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วเหลานี้หรือไม?
  ตอบ ไมจําเปน การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย นั่นคือ ไมวาผลจะ
  ออกมาเชนไร แนวทางการรักษาก็ยังคงเปนเชนเดิม (เหมือนขอ 1) เนื่องจากการดูแลรักษา หรือการตัดสินใจให
  ยาตานไวรัสในผูปวยกลุมนี้ขึ้นอยูกับอาการ และขึ้นอยูกับวาผูปวยจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม
        นอกจากจะเปนการสิ้นเปลืองโดยไมจําเปนแลว การตรวจดังกลาวยังไมถือเปนวิธีที่มาตรฐาน กลาวคือ
  การตรวจยังมีความผิดพลาดคอนขางสูง นั่นคือ หากมีผูปวยที่ปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1
  เอ็น1 จริง 100 คน การตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วจะใหผลบวกถูกตองนอยกวา 50 คน (Sensitivity ต่ํา
  กวา 50%) นั่นคือ ชุดทดสอบจะบอกวาผูปวยไมติดเชื้อสูงถึงกวา 50 คนทั้งที่ผูปวยเหลานี้ความจริงแลวติดเชื้อ
  การใหผลผิดพลาดที่สูงมากขนาดนี้อาจทําใหผูปวยที่ปวยจริงเมื่อทราบผลวาตัวเองไมติดเชื้อวางใจ ไมดูแลรักษา
  ตัวเองหรือไมติดตามเฝาระวังอาการของตัวเองใหเหมาะสมจนอาจเกิดอาการุนแรงตามมาได

  5. เราควรพักฟนอยูที่บานนานเทาไหร?
  ตอบ ผูปวยควรหยุดงานและพักฟนอยูกับบาน หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผูอื่นเปนเวลาอยางนอย 7 วัน
  หากครบ 7 วันแลวยังคงมีอาการบางอยางหลงเหลืออยูบาง ก็ใหพักฟนอยูกับบาน และหลีกเลี่ยงการพบปะ
  คลุกคลีกับผูอื่นตอไปอีก จนกวาอาการจะหายสนิทแลว 1 วัน

  6. ผูที่เปนโรคอวนเปนกลุมเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือไม?
  ตอบ ผูที่เปนโรคอวนมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงไดสูงกวาคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี
  ดังนั้น หากผูที่เปนโรคอวนปวยดวยอาการที่สงสัยจะเปนไขหวัดใหญ
  ก็ควรไปพบแพทยทันที

จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
7. หากเราเปนกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และยังไมติดเชื้อ เราควรตองปองกันอะไรเปน
  พิเศษ (เชน การสวมใสหนาการอนามัย) หรือไม?
  ตอบ ไมจําเปนตองปองกันอะไรเพิ่มเติมเปนพิเศษ และไมจําเปนตองสวมใสหนากากอนามัยในที่ชุมชน
  เนื่องจากหนากากอนามัยไมสามารถปองกันการติดเชื้อได หนากากอนามัยเปนเพียงเครื่องมือที่ปองกันการ
  แพรกระจายของเชื้อ (นั่นคือ ผูที่ควรสวมใสคือผูปวย)
         การลางมือบอยๆ และการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนํานิ้วเขาปาก เพื่อลดโอกาสการนําเชื้อจาก
  มือเขาสูรางกายเปนมาตรการในการปองกันโรคที่สําคัญในกลุมผูที่ยงไมปวย
                                                                      ั
         นอกจากนี้ กลุมประชากรกลุมเสี่ยง โดยเฉพาะผูที่มีภูมิตานทานต่ํามากๆ ควร
         1. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่อากาศถายเทไมสะดวก
         2. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผูปวยที่สงสัยวาจะปวยดวยไขหวัดใหญ


                          8. หากเราไมใชกลุมเสี่ยง แปลวาเราจะไมมีโอกาสเสียชีวิตใชหรือไม?
                          ตอบ ไมใช ผูปวยที่ไมไดจัดอยูในกลุมเสี่ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตเชนกัน แตโอกาสที่จะ
                          มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตในกลุมที่ไมไดมีความเสี่ยงจะต่ํากวากลุมเสี่ยง ขอมูลจาก
                          ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงวารอยละ 30 ของผูที่เสียชีวิตทั้งหมดเปนผูที่ไมไดจัดอยู
                          ในกลุมเสี่ยง และมีสุขภาพแข็งแรงกอนที่จะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ
                          เอ็ช1 เอ็น1


  9. ยาตานไวรัสโอเซลทามิเวียรในไทย ขณะนี้มพอเพียงหรือไม?
                                             ี
  ตอบ ในปจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคไดสํารองยาตานไวรัสโอโซลทามิเวียรไวจํานวนหนึ่ง
  (ประมาณ 400,000 เม็ด) และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มตามความจําเปน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขไดสํารองยาไว
  เพียงพอสําหรับผูปวยที่จําเปนตองไดรบยา ตามแนวทางการใชยาตานไวรัสที่ไดกลาวถึงแลวขางตน (ขอ 2)
                                         ั




จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th

More Related Content

What's hot

วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ
วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆวัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ
วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆUtai Sukviwatsirikul
 
ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..Prachaya Sriswang
 
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีนกลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีนPawat Logessathien
 
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน sucheera Leethochawalit
 
วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)Wan Ngamwongwan
 
อีสุก อีใส
อีสุก อีใสอีสุก อีใส
อีสุก อีใสDbeat Dong
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์tichana
 
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์nuttanansaiutpu
 
Sex education
Sex education Sex education
Sex education atit604
 
มะเร็งหลังโพรงจมูก
มะเร็งหลังโพรงจมูกมะเร็งหลังโพรงจมูก
มะเร็งหลังโพรงจมูกWan Ngamwongwan
 

What's hot (17)

วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ
วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆวัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ
วัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ
 
Dangue fever pp
Dangue fever ppDangue fever pp
Dangue fever pp
 
ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..
 
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีนกลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันโดยการฉีดวัคซีน
 
Vis hpv
Vis hpvVis hpv
Vis hpv
 
Rabies
RabiesRabies
Rabies
 
วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
วัคซีนที่ควรให้ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์
 
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
หลักทั่วไปในการให้วัคซีน
 
วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)
 
อีสุก อีใส
อีสุก อีใสอีสุก อีใส
อีสุก อีใส
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
 
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
 
Vaccine
VaccineVaccine
Vaccine
 
Sex education
Sex education Sex education
Sex education
 
Ppt. influenza (25.8.57)
Ppt. influenza (25.8.57)Ppt. influenza (25.8.57)
Ppt. influenza (25.8.57)
 
มะเร็งหลังโพรงจมูก
มะเร็งหลังโพรงจมูกมะเร็งหลังโพรงจมูก
มะเร็งหลังโพรงจมูก
 
แนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อ
แนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อแนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อ
แนะนำโรคต่างๆ หรือ โรคติดต่อ
 

Similar to คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009

Vis varicella-zoster
Vis varicella-zosterVis varicella-zoster
Vis varicella-zosterAimmary
 
Vis meningo-poly
Vis meningo-polyVis meningo-poly
Vis meningo-polyAimmary
 
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลงนายสามารถ เฮียงสุข
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อpissamaiza Kodsrimoung
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อnuting
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์tichana
 
Topic meningoecephalitis
Topic meningoecephalitisTopic meningoecephalitis
Topic meningoecephalitisBow Aya
 
Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23mewsanit
 
โรคไข้หวัด
โรคไข้หวัดโรคไข้หวัด
โรคไข้หวัดWan Ngamwongwan
 
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)chalunthorn teeyamaneerat
 
Transfer factor chewable 15.5.2555
Transfer factor chewable 15.5.2555Transfer factor chewable 15.5.2555
Transfer factor chewable 15.5.25554LIFEYES
 
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ Dr.Ratchaneewan Sinawat Poomsa-ad
 
โรคภูมิแพ้ 15.5.2555
โรคภูมิแพ้ 15.5.2555โรคภูมิแพ้ 15.5.2555
โรคภูมิแพ้ 15.5.25554LIFEYES
 
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก sivapong klongpanich
 

Similar to คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009 (20)

Vis varicella-zoster
Vis varicella-zosterVis varicella-zoster
Vis varicella-zoster
 
Vis meningo-poly
Vis meningo-polyVis meningo-poly
Vis meningo-poly
 
Vis meningo-poly
Vis meningo-polyVis meningo-poly
Vis meningo-poly
 
Vis hib
Vis hibVis hib
Vis hib
 
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
2การจัดลำดับความสำคัญโรคติดต่อนำโดยแมลง
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
 
นำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อนำเสนอโรคติดต่อ
นำเสนอโรคติดต่อ
 
โรคเอดส์
โรคเอดส์โรคเอดส์
โรคเอดส์
 
Topic meningoecephalitis
Topic meningoecephalitisTopic meningoecephalitis
Topic meningoecephalitis
 
Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23
 
H1n1 For Safe 040852
H1n1 For Safe 040852H1n1 For Safe 040852
H1n1 For Safe 040852
 
โรคไข้หวัด
โรคไข้หวัดโรคไข้หวัด
โรคไข้หวัด
 
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ไข้เลือดออก (สำหรับครอบครัว)
 
1129
11291129
1129
 
02 lepto
02 lepto02 lepto
02 lepto
 
Respiratory1 2
Respiratory1 2Respiratory1 2
Respiratory1 2
 
Transfer factor chewable 15.5.2555
Transfer factor chewable 15.5.2555Transfer factor chewable 15.5.2555
Transfer factor chewable 15.5.2555
 
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
 
โรคภูมิแพ้ 15.5.2555
โรคภูมิแพ้ 15.5.2555โรคภูมิแพ้ 15.5.2555
โรคภูมิแพ้ 15.5.2555
 
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก
 

More from Adisorn Tanprasert

Performance Network Analysis of Nylon Filaments Process
Performance Network Analysis of Nylon Filaments ProcessPerformance Network Analysis of Nylon Filaments Process
Performance Network Analysis of Nylon Filaments ProcessAdisorn Tanprasert
 
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียน
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียนการเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียน
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียนAdisorn Tanprasert
 
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัย
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัยแบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัย
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัยAdisorn Tanprasert
 
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้Adisorn Tanprasert
 
Chemical management procedure [th]
Chemical management procedure [th]Chemical management procedure [th]
Chemical management procedure [th]Adisorn Tanprasert
 

More from Adisorn Tanprasert (11)

Daily tensilon mc checksheet
Daily tensilon mc checksheetDaily tensilon mc checksheet
Daily tensilon mc checksheet
 
Pramo Thai Movie
Pramo Thai MoviePramo Thai Movie
Pramo Thai Movie
 
Performance Network Analysis of Nylon Filaments Process
Performance Network Analysis of Nylon Filaments ProcessPerformance Network Analysis of Nylon Filaments Process
Performance Network Analysis of Nylon Filaments Process
 
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียน
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียนการเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียน
การเตรียมการรับมือหวัด 2009 ในโรงเรียน
 
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัย
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัยแบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัย
แบบทดสอบทัศนคติด้านความปลอดภัย
 
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้
รวมพระอรหันต์ที่อยู่ในประเทศไทยเวลานี้
 
Quize 01
Quize 01Quize 01
Quize 01
 
The Sulotion Focus
The Sulotion FocusThe Sulotion Focus
The Sulotion Focus
 
Solution Focus
Solution FocusSolution Focus
Solution Focus
 
Chemical management procedure [th]
Chemical management procedure [th]Chemical management procedure [th]
Chemical management procedure [th]
 
Intro to TS-16949
Intro to TS-16949Intro to TS-16949
Intro to TS-16949
 

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหวัด 2009

  • 1. คําแนะนําสําหรับผูปวยไขหวัดใหญฯ 2009 โดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไขหวัดใหญ ซึ่งเปนเชื้อที่ เกิดขึ้นใหม และสามารถแพรจากคนสูคนไดอยางรวดเร็ว เนื่องจากคนสวนใหญไมมีภูมิตานทานโรค ระยะฟกตัว (ระยะเวลาตั้งแตติดเชื้อจนถึงแสดงอาการ) สั้น ประมาณ 1-4 วัน ผูปวยสวนใหญมีอาการไมรุนแรง ผูปวยรอยละ 90 - 95 สามารถหายไดเองโดยไมจําเปนตอง ไดรั บยาตานไวรั ส กรณี ที่อาการไม รุน แรง ผู ปวยจะมีอ าการ ไข เจ็ บ คอ ไอ ปวดศี รษะ ปวดเมื่ อ ยเนื้ อ ตั ว ออนเพลีย คัดจมูก น้ํามูกไหล เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาการอาเจียนและทองเสียรวมดวย หลังจากนั้น อาการจะทุเลาขึ้นตามลําดับ คือ ไขลดลง ไอนอยลง รับประทานอาหารไดมากขึ้น และหายปวยภายใน 5-7 วัน ผูปวยบางราย (รอยละ 5 – 10) อาจมีอาการปวยรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซอนทําใหเกิดปอด บวม ซึ่งจะทําใหมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลําบาก และเสียชีวิตได ภาวะแทรกซอน (ปอดบวม) นี้มักจะเกิดขึ้นในผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีปญหาโรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน) เมื่อปวยแลว ผูปวยจะมีโอกาสเสียชีวิต (อัตราปวยตาย) ประมาณรอยละ 0.1 – 0.5 ผูเสียชีวิต สวนใหญมีโรคประจําตัว หรือเปนผูที่มีความเสี่ยง (ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ ตานทานต่ํา ผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ผูท่มีปญหาโรคอวน และหญิงมีครรภ) ี อนึ่ง คําแนะนําตางๆ อาจปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณการระบาดที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ทานจึง ควรติดตามขาวสารจากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
  • 2. คําแนะนําสําหรับผูปวย ในการดูแลรักษาอาการปวย 1. หากมีอาการปวยดวยอาการไขหวัด เชน มีอาการไข ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ํามูก ซึ่งเปนอาการที่พบไดทั้งใน ไขหวัดธรรมดา และไขหวัดใหญ ควรปฏิบัติตัวดังนี้ 1.1 หากอาการปวยไมรุนแรง เชน ไขไมสูง ไมซึม และรับประทานอาหารได ผูปวยสามารถรักษาตาม อาการดวยตนเองที่บานได ไมจําเปนตองไปโรงพยาบาล ควรใชพาราเซตามอลเพื่อลดไข (หามใช ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผอนใหเพียงพอ และดื่มน้ํามากๆ 1.2 ผูปวยที่จัดอยูในกลุมเสี่ยง 6 กลุม (ไดแก ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผู มีภูมิตานทานต่ํา ผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรัง (เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง เปนตน) ควรรีบไปพบแพทย 1.3 หากมีไข ควรเช็ดตัวลดไข ดวยน้ําสะอาดที่ไมเย็น 1.4 ผูปวยควรเฝาระวังอาการปวยของตัวเอง หากเริ่มมีอาการที่บงวาโรคจะรุนแรง เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม หรืออาการปวยไมดขึ้นใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย ี 1.5 ผูปวยที่มีอาการไมรุนแรง หรือผูปวยเพิ่งจะเริ่มปวย 1-2 วัน ไมมีความจําเปนที่จะตองไดรับการ ตรวจยืนยันวาติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 หรือไม เนื่องจากแนวทาง (วิธี) การดูแลรักษาผูปวยไมแตกตางกัน 2. ผูปวยไขหวัดใหญที่อาจจําเปนตองไดรับยาตานไวรัส  2.1 ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป) เด็กอายุต่ํากวา 5 ป ผูมีภูมิ ตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ และหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน) 2.2 ผูปวยที่มีอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม) 2.3 ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน 3. ติดตามขาวสารและคําแนะนําตางๆ จากกระทรวงสาธารณสุขเปนระยะๆ จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
  • 3. คําแนะนําสําหรับผูปวยในการปองกัน  การแพรกระจายของเชื้อสูผูอ่ืน 1. การแพรระบาดของโรคจะเร็วหรือชาเพียงใดขึ้นอยูกับการ ปฏิบัติตัวของผูปวยในการปองกันการแพรกระจายของเชื้อ หาก ผูปวยปฏิบัติตัวไดอยางถูกตอง จะมีจํานวนผูสัมผัส เชื้อนอยและจะมีผูปวยไมมากนัก แตหากผูปวยไมใหความ รวมมือ ผูปวยจะสามารถแพรเชื้อไปสูผูอื่นได ซึ่งสวนใหญก็จะ  เปนการแพรเชื้อไปสู บุคคลที่ผูปวยใกลชิดและคลุกคลีดวย นั่นคือ หากผูปวยปองกันการแพรกระจายเชื้อไดไมดี จะมี บุคคลอื่นในครอบครัวหรือบุคคล อื่นในที่ทํางานปวยตามมา ไดนั่นเอง 2. ผูปวยควรหยุดเรียน หรือหยุดงาน และพักอยูกับบานหรือหอพัก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผูอื่นหรือใช สิ่งของรวมกับผูอื่น เปนเวลาอยางนอย 7 วันหลังวันเริ่มปวย เพื่อใหพนระยะการแพรเชื้อ และกลับเขา เรียนหรือทํางานได เมื่อหายปวยแลวอยางนอย 24 ชั่วโมง 3. สวมหนากากอนามัยเมื่อจําเปนตองอยูกับผูอื่น หรือใชกระดาษทิชชู ผาเช็ดหนา ปดปากและจมูกทุกครั้งที่ ไอ จาม 4. ลางมือบอยๆ ดวยน้ําและสบู หรือใชแอลกอฮอลเจลทําความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
  • 4. คําถามที่พบบอย 1. หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญ เราควรรีบไปพบแพทยทนทีหรือไม? ั ตอบ หากเรามีอาการปวยสงสัยจะเปนไขหวัดใหญใหตรวจสอบวาเราจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม นั่นคือ เราเปน ผูสูงอายุ (อายุมากกวา 65 ป) เปนเด็กอายุนอยกวา 5 ป เปนหญิงตั้งครรภ เปนผูที่มีปญหาโรคอวน เปนผูที่มี ภูมิคุมกันต่ํา หรือเปนผูท่ีมีโรคประจําตัวเรื้อรังหรือไม (โรคประจําตัวเรื้อรัง เชน หอบหืด โรคปอด โรคตับตับ โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ เปนตน) หากเราเปนผูที่อยูในกลุมเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรง เราควรรีบไปพบแพทย หากเราไมจัดอยูในกลุมเสี่ยง เรายังไมจําเปนตองไปพบแพทยในทันที เราสามารถพักรักษาตัวอยูที่บานได รับประทานยาตามอาการ เชน ถามีไข ก็ใหรับประทานยาพาราเซตตามอล และเช็ดตัวดวยน้ําอุน หรือถามี อาการไอมาก ก็ใหด่ืมน้ํามาก เปนตน หากไขไมลด อาการไมดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือเริ่มมีอาการที่บงวาจะมี อาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม) จึงควรไปพบแพทย หากเราไมใชกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการปวยดวยไขหวัดใหญ การไปพบแพทยจะทําใหเราเพิ่ม ความเสี่ยงในการรับเชื้อจากผูปวยอื่นที่โรงพยาบาล และยังไมไดรับประโยชนใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากแพทยก็จะ แนะนําใหเรากลับมาพักฟนที่บาน ใหยารักษาตามอาการ และแนะนําใหเราคอยเฝาระวังการเปลี่ยนแปลงของ อาการของโรคอยูดี 2. เราจําเปนตองไดรับยาตานไวรัสหรือไม ตอบ เนื่องจากผูที่ปวยดวยโรคนี้สวนใหญจะหายไดเอง  โดยไมจําเปน ตองไดรับยาตานไวรัส กระทรวงสาธารณสุขจึงไมไดแนะนําใหยาตานไวรัส ในผูปวยที่สงสัยจะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 การใหยาอยางกวางขวางในผูท่ไมจําเปนตองไดรับยา นอกจากจะเปนการ ี สิ้นเปลืองแลว ยังอาจจะทําใหเชื้อดื้อยาไดเร็วขึ้นอีกดวย กลุมผูปวยที่จําเปนตองไดรับยา ไดแก 1. ผูปวยไขหวัดใหญที่อยูในกลุมเสี่ยง (ไดแก ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป) เด็กอายุตํากวา 5 ป ผูมีภูมิตานทานต่ํา โรคอวน หญิงมีครรภ และผูที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง ่ เชน โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เปนตน) 2. ผูปวยที่มอาการรุนแรง (เชน หายใจลําบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม) ี 3. ผูปวยที่อาการไขหรืออาการปวยไมดีขึ้นใน 3 วัน จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
  • 5. 3. หากเราปวยดวยอาการที่คลายไขหวัดใหญ เราจําเปนตองไดรับการ ตรวจเพื่อยืนยันเชื้อหรือไม? ตอบ ในปจจุบันที่เชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ไดระบาดขยาย วงกวางออกไปเรื่อยๆ การตรวจวาเราติดเชื้อไขหวัดใหญสายพันธุใหมหรือไม ไมจําเปน เทาไรนัก การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย ดังนั้น ในปจจุบันในพื้นที่ที่มีการยืนยันการแพรระบาดของโรคชัดเจนแลวจึงไมจําเปนตองมี การตรวจยืนยันการติดเชื้อกอนใหการรักษาแตอยางใด 4. ในปจจุบัน ไดมีโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายแหงไดแนะนําใหผูปวย ตรวจคัดกรองการติดเชื้อดวยชุดการตรวจสอบการติดเชื้อที่ใหผลเร็ว หากเราปวยดวยอาการ ที่คลายไขหวัดใหญ เราควรตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วเหลานี้หรือไม? ตอบ ไมจําเปน การตรวจหรือไมตรวจไมไดเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผูปวย นั่นคือ ไมวาผลจะ ออกมาเชนไร แนวทางการรักษาก็ยังคงเปนเชนเดิม (เหมือนขอ 1) เนื่องจากการดูแลรักษา หรือการตัดสินใจให ยาตานไวรัสในผูปวยกลุมนี้ขึ้นอยูกับอาการ และขึ้นอยูกับวาผูปวยจัดอยูในกลุมเสี่ยงหรือไม นอกจากจะเปนการสิ้นเปลืองโดยไมจําเปนแลว การตรวจดังกลาวยังไมถือเปนวิธีที่มาตรฐาน กลาวคือ การตรวจยังมีความผิดพลาดคอนขางสูง นั่นคือ หากมีผูปวยที่ปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 จริง 100 คน การตรวจดวยชุดทดสอบใหผลเร็วจะใหผลบวกถูกตองนอยกวา 50 คน (Sensitivity ต่ํา กวา 50%) นั่นคือ ชุดทดสอบจะบอกวาผูปวยไมติดเชื้อสูงถึงกวา 50 คนทั้งที่ผูปวยเหลานี้ความจริงแลวติดเชื้อ การใหผลผิดพลาดที่สูงมากขนาดนี้อาจทําใหผูปวยที่ปวยจริงเมื่อทราบผลวาตัวเองไมติดเชื้อวางใจ ไมดูแลรักษา ตัวเองหรือไมติดตามเฝาระวังอาการของตัวเองใหเหมาะสมจนอาจเกิดอาการุนแรงตามมาได 5. เราควรพักฟนอยูที่บานนานเทาไหร? ตอบ ผูปวยควรหยุดงานและพักฟนอยูกับบาน หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผูอื่นเปนเวลาอยางนอย 7 วัน หากครบ 7 วันแลวยังคงมีอาการบางอยางหลงเหลืออยูบาง ก็ใหพักฟนอยูกับบาน และหลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผูอื่นตอไปอีก จนกวาอาการจะหายสนิทแลว 1 วัน 6. ผูที่เปนโรคอวนเปนกลุมเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือไม? ตอบ ผูที่เปนโรคอวนมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงไดสูงกวาคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี ดังนั้น หากผูที่เปนโรคอวนปวยดวยอาการที่สงสัยจะเปนไขหวัดใหญ ก็ควรไปพบแพทยทันที จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th
  • 6. 7. หากเราเปนกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และยังไมติดเชื้อ เราควรตองปองกันอะไรเปน พิเศษ (เชน การสวมใสหนาการอนามัย) หรือไม? ตอบ ไมจําเปนตองปองกันอะไรเพิ่มเติมเปนพิเศษ และไมจําเปนตองสวมใสหนากากอนามัยในที่ชุมชน เนื่องจากหนากากอนามัยไมสามารถปองกันการติดเชื้อได หนากากอนามัยเปนเพียงเครื่องมือที่ปองกันการ แพรกระจายของเชื้อ (นั่นคือ ผูที่ควรสวมใสคือผูปวย) การลางมือบอยๆ และการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนํานิ้วเขาปาก เพื่อลดโอกาสการนําเชื้อจาก มือเขาสูรางกายเปนมาตรการในการปองกันโรคที่สําคัญในกลุมผูที่ยงไมปวย ั นอกจากนี้ กลุมประชากรกลุมเสี่ยง โดยเฉพาะผูที่มีภูมิตานทานต่ํามากๆ ควร 1. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่อากาศถายเทไมสะดวก 2. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผูปวยที่สงสัยวาจะปวยดวยไขหวัดใหญ 8. หากเราไมใชกลุมเสี่ยง แปลวาเราจะไมมีโอกาสเสียชีวิตใชหรือไม? ตอบ ไมใช ผูปวยที่ไมไดจัดอยูในกลุมเสี่ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตเชนกัน แตโอกาสที่จะ มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตในกลุมที่ไมไดมีความเสี่ยงจะต่ํากวากลุมเสี่ยง ขอมูลจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงวารอยละ 30 ของผูที่เสียชีวิตทั้งหมดเปนผูที่ไมไดจัดอยู ในกลุมเสี่ยง และมีสุขภาพแข็งแรงกอนที่จะปวยดวยไขหวัดใหญสายพันธุใหม ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 9. ยาตานไวรัสโอเซลทามิเวียรในไทย ขณะนี้มพอเพียงหรือไม? ี ตอบ ในปจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคไดสํารองยาตานไวรัสโอโซลทามิเวียรไวจํานวนหนึ่ง (ประมาณ 400,000 เม็ด) และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มตามความจําเปน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขไดสํารองยาไว เพียงพอสําหรับผูปวยที่จําเปนตองไดรบยา ตามแนวทางการใชยาตานไวรัสที่ไดกลาวถึงแลวขางตน (ขอ 2) ั จัดทําโดย สํานักจัดการความรู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ติดตามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.kmddc.go.th