More Related Content
More from thnaporn999 (20)
ฮินดู
- 1. ใบความรู้ ระดับ ม.6
เรื่อง ศาสนาฮินดู
ศาสนาฮินดู
ไศวนิกาย นับถือพระอิศวรหรือพระศิวะ ความเชื่อว่า ไม่มีเทพองค์ใดยิ่งใหญ่
เท่าพระศิวะ และเนื่องจากพระองค์เป็นเทพที่ดุร้าย จึงเป็นที่ยาเกรงของคนทั่วไป
ไวษณพนิกาย นับถือพระวิษณุ เกิดขึ้นเพราะความตกต่าของศาสนาพราหมณ์
และความไม่มั่นคงทางสังคม ปฏิเสธพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างนั้นล้วนลด
บทบาทของพราหมณ์ลงทั้งสิ้น
ศักตินิกาย คือนิกายที่บูชาเทพเจ้าผู้หญิง บูชาพลังแห่งความเป็นแม่หรือ
อิตถีพละ เป็นการบูชาพระชายาของพระเป็นเจ้า
วรรณะกษัตริย์ คือ กษัตริย์หรือนักรบ
วรรณะพราหมณ์ คือ ผู้ทาพิธีกรรม
วรรณะแพศย์ คือ ผู้ประกอบพาณิชกรรม เกษตรกรรม
วรรณะศูทร คือ กรรมกร
วรรณะจัณฑาล คือ บุคคลที่แต่งงานข้ามวรรณะบุตรที่เกิดมาจะอยู่ใน
วรรณะจัณฑาล
- 2. หลักธรรมสาคัญของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู มีอยู่ 3 ข้อ
อาศรม หมายถึง ขั้นตอนการดาเนินชีวิตของชาวฮินดู
ปรมาตมัน หมายถึง สิ่งที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นที่รวมของทุกสิ่งทุกอย่างในสากล
โลก ได้แก่ “พรหม”
โมกษะ ถือว่าเป็นหลักความดีสูงสุด ดังคาสอนที่ว่า “ผู้ใดรู้แจ้งในอาตมันของ
ตนว่าเป็นหลักอาตมันของโลกพรหมแล้ว ผู้นั้นย่อมพ้นจากลังสาระการเวียนว่าย
ตาย เกิด และจะไม่ปฏิสนธิอีก”
วันสาคัญ
ทีปาวลี หรือทีวาลี
ตรงกับวันแรม ๑๕ ค่าเดือน ๑๑ เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองการกลับมาเมือง
อโยธยาของพระราม หลังจากที่ปราบ ทศกัณฑ์แล้ว ในวันนี้ทุกบ้านเรือนจะจุด
ประทีปสว่างไสว มีการจุดประทัดเล่นกันอย่างสนุกสนาน
นวราตรี
จัด ๒ ช่วง ใน ๑ ปี คือช่วงที่ ๑ มีในวันขึ้น ๑ ค่าเดือน ๕ ถึงขึ้น ๙ ค่า เดือน ๕
ช่วงที่ ๒ มีในวันขึ้น ๑ ค่าเดือน ๑๑ ถึงขึ้น ๙ ค่า เดือน ๑๑ชาวพราหมณ์-ฮินดูจะถือ
ศีลกินเจชาวพราหมณ์-ฮินดู เชื่อว่า “นวราตรี” เป็นช่วงเวลาแห่งการเติมพลังทั้งกาย
และใจเพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไป
ศรีกฤษณะชนมาอัฏฐมี
ตรงกับวันแรม ๘ ค่า เดือน ๙เป็นการฉลองวันประสูติของพระกฤษณะอย่าง
มโหฬารในวันนี้ ชาวพราหมณ์-ฮินดู ที่เคร่งครัด จะอดอาหารตั้งแต่เช้า-เที่ยงคืน
เพื่อเป็นการแสดงความรักความศรัทธา ในพระองค์
- 3. ศิวะราตรี
ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่าเดือน ๓ ศิวะราตรี คือ ราตรีแห่งพระศิวะ หรือราตรี
อันยิ่งใหญ่แห่งพระศิวะ เป็นสัญลักษณ์ของการอภิเษกสมรสของพระศิวะและนาง
ปารวตี เชื่อกันว่าผู้ที่บูชาพระศิวะแล้วจะได้คชีวิตที่ดีและมีความสุขความเจริญใน
ู่
ชีวิต
คัมภีร์พระเวท หรือ วรรณคดีพระเวท มี 4 เวท คือ"
1. ฤคเวท จัดว่าเป็นคัมภีร์ทางศาสนาที่เก่าที่สุดในโลกรวบรวมเอาบทสวดแด่
เทพยดาต่างๆ เข้าไว้เมื่อประมาณศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลจึงมีการจดบันทึก
ฤคเวทลงเป็นลายลักษณ์อักษร คัมภีร์ฤคเวทนี้ถือว่าเป็นคัมภีร์ของพวกนักบวชอย่าง
แท้จริงเพราะ นอกจากจะเป็นผู้แต่งขึ้นแล้วก็ยังเป็นผู้ใช้ในการประกอบพิธีกรรม
สังเวยเทพยดาอีกด้วย
2.สามเวท แต่งขึ้นเพื่อรวบรวมบทสวดที่เลือกมาจากฤคเวท เพื่อประโยชน์ใน
การสวดเท่านั้น จึงไม่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับพวกอารยันนอกเหนือไปจากที่ฤคเวทได้
ให้ไว้
3. อาถรรพเวท รวบรวมขึ้นหลังฤคเวท บรรจุเรื่องราวของ การสาป-การเสก
การท่องมนตร์ที่ เป็นคาประพันธ์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเชื่อผีสางเทวดาแบบ
ง่ายๆ และ เรื่องไสยศาสตร์ ที่ไม่ลึกซึ้งเหมือนอย่างเรื่องราวที่ปรากฏในฤคเวท จึง
เหมาะสาหรับคนที่มีระดับวัฒนธรรมต่ากว่าคนที่เชื่อในฤคเวท เข้าใจว่า อาถรรพเวท
- 4. สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของประชาชนส่วนใหญ่ จึงมีร่องรอยของวัฒนธรรมที่
ไม่ใช่อารยันผสมผสานอยู่อย่างมาก
4.ยัชุรเวท คัมภีร์นี้รวบรวมมนตร์ที่นักบวชประเภทหนึ่ง ต้องท่องในการ
ประกอบพิธีกรรม ซึ่งประพันธ์ไว้เป็นทั้งร้อยกรองและร้อยแก้ว เพราะ มีอยู่ด้วยกัน
หลายฉบับ "ฉบับดา" คือตัวมนตร์กับคาอธิบายอย่างสังเขปในการประกอบพิธี ส่วน
"ฉบับขาว" เป็นการอธิบายอย่างละเอียดถึงเนื้อหาแห่งพิธีกรรม
สัญลักษณ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ อักษรเทวนาครี อ่านว่า “โอม”
ซึ่งย่อมาจากอักษร อะ อุ และ ม หมายถึงเทพยิ่งใหญ่ทั้งสาม
อักษร “อะ” แทนพระวิษณุ
อักษร “อุ” แทนพระศิวะ
อักษร “ม” แทนพระพรหม
สัญลักษณ์ดังกล่าวนี้บางครั้งเรียกว่า “สวัสติหรือสวัสติกะ”