วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1.ความสาคัญของการจัดการ
2.ความหมายของการจัดการและการบริหาร
3.ศาตร์และศิลป์ ในการจัดการ
4.หน้าที่ของการจัดการ
5.ระดับการบริหารและทักษะการบริหาร
เภสัชกรหญิงอาจารย์ธมลวรรณ ธีระบัญชร
(M.Sc.in Marketing:Thammasart Business School)
อาจารย์ประจาสาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก:MFS:PNRU
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1.ความสาคัญของการจัดการ
ความสาคัญของการจัดการ
1. ประยุกต์กับองค์การใดองค์การหนึ่งได้
2. การจัดการที่เกี่ยวข้องกับการทางานหรือผลผลิตซึ่ง
คานึงถึง
ประสิทธิภาพ (efficiency)
+
ประสิทธิผล (effectiveness)
3. การจัดการผู้บริหารทุกระดับสามารถนาไปใช้ได้
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
2.ความหมายของการจัดการและการบริหาร
PRE-MODERN
MANAGEMENT
การจัดการ การบริหาร
ศิลป์ ศาสตร์
ความหมายของการจัดการ
เออร์เนสต์ เดล (Ernest Dale) การจัดการหมายถึง กระบวนการจัด
องค์การและการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้
ล่วงหน้า
ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Druker) การจัดการ หมายถึง ศิลปะในการ
ทางานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกับผู้อื่น
แฮร์โรลด์ คูณตร์ (Harold Hhontz) การจัดการ หมายถึง การ
ดาเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้โดยอาศัยปัจจัยได้แก่ คน เงิน
วัสดุสิ่งของ เป็นอุปกรณ์ในการจัดการนั้น
ความหมายของการจัดการ
สมคิด บางโม การจัดการเป็นศิลปะในการใช้คน เงิน วัสดุ
อุปกรณ์ขององค์การ และภายนอกองค์การเพื่อให้บรรวัตถุประสงค์
ขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายของการบริหาร
Heny L.Sisk การบริหาร หมายถึง การรับผิดชอบต่อความสาเร็จ
หรือความล้มเหลวของธุรกิจ
Louis A. Allen การบริหาร หมายถึง การทาหน้าที่เป็นผู้นาใน
การนาผู้ใต้บังคับบัญชาดาเนินการวางแผน จัดองค์การ
จูงใจผู้ร่วมงาน ตลอดจนประสานงานและควบคุมงาน
Hary Parker Follel การบริหาร หมายถึง ศิลปะของ
การทางานให้สาเร็จโดยใช้ผู้อื่น
สรุป : ช่วง PREMODERN
การจัดการ (Management) : ศิลป์
หมายถึง ศิลปะในการทางานให้บรรลุเป้าหมาย โดยใช้ทรัพยากรคน
เงิน วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเน้น
การดาเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายที่กาหนดไว้
การบริหาร (Administration) : ศาสตร์
หมายถึง กระบวนการวางแผน การจัดองค์การ การสั่งการ การควบคุม
และการประสานงานกับสมาชิกในองค์การ ในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ
เช่น คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยี เพื่อให้สาเร็จตามเป้าหมาย
ที่องค์การกาหนดไว้และคนเป็นทรัพยากรที่มีความสาคัญมากที่สุดสาหรับ
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
3.ศาตร์และศิลป์ ในการจัดการ
MODERN
MANAGEMENT
การจัดการ การบริหาร
ศิลป์ ศาสตร์
การจัดการคือศาสตร์และศิลป์ : Integreated
1. ศาสตร์ของการจัดการ (Science) เป็นการนาความรู้หรือทฤษฎีมา
ใช้ตั้งอยู่บนหลักและเหตุผลในการพัฒนาความรู้ ประกอบด้วย
 แนวความคิดที่ชัดเจน (Concept)
 ทฤษฎี (Theory)
 ความรู้ที่สะสมไว้โดยพัฒนาจากสมมติฐาน (Accumulated Knowledges)
การทดลอง (Expeimentation)
 การวิเคราะห์สถานการณ์ (Analysis)
การจัดการคือศาสตร์และศิลป์
2. ศิลปะของการจัดการ (An Art) เป็นการนาการจัดการมาใช้ในทางปฏิบัติ
เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายขององค์การ อย่างสอดรับกับบริบท (Circumstance)
หรือสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การที่แตกต่างกันออกไป
จึงถือว่าการจัดการมีลักษณะเป็นศิลปะ โดยมีลักษณะดังนี้
 มีลักษณะไม่ตายตัวมีความยืดหยุ่น (Flexible)
 การพัฒนาประยุกต์ (Applicable)
 การผสมผสาน ความคิดริเริ่ม (Initiation)
 ทักษะ ความชานาญ (Expertize)
 ประสบการณ์ (Experience)
 ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนั้น (Adaptation)
สรุป : ช่วง MODERN
การจัดการ (Management)
เป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ คือ การนาเอาความรู้
เรื่องต่าง ๆ ที่มีกฎเกณฑ์แน่นอน ถือว่าเป็นศาสตร์ ปรับใช้ให้เหมาะสม
กับสถานการณ์ในขณะนั้นให้เป็นไปตามเป้าหมายที่องค์การวางไว้
ความสาคัญอยู่ที่ศิลปะการเลือกใช้วิธีการปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้อง
กับเป้าหมาย
จะเห็นได้ว่า ศาสตร์และศิลปะในการจัดการไม่สามารถแยก
ออกจากกันได้ จะต้องนามาใช้อย่างสอดคล้องและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
4.หน้าที่ของการจัดการ
หน้าที่ในการจัดองค์การ
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้คือ
1. การวางแผน (Planning) ประกอบด้วย การกาหนดเป้าหมาย (Goals)
การกาหนดกลยุทธ์ (Strategy) และการพัฒนาแผนย่อย
เพื่อให้เกิดการประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ
2. การจัดองค์การ (Organizing)เป็นการกาหนดว่าจะทางานอะไร
บุคคลใดที่มีความเหมาะสมที่จะทางานนั้น วิธีการที่จะจัดกลุ่มงาน
ใครรายงานขึ้นตรงต่อใคร และจัดใดที่จะต้องมีการตัดสินใจเกิดขึ้น
การจัดองค์การจะต้องมีการจัดบุคคลเข้าทางาน (Stafing) ซึ่งเป็นกระบวนการ
ที่เป็นทางการเพื่อให้มั่นใจว่าองค์การมีพนักงานที่มีความสามารถในงานทุกระดับ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
หน้าที่ในการจัดการองค์การ
3. การชักนา (Leading)
ประกอบด้วย การจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา การสั่งการ
การคัดเลือกช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิผลที่สุด
ตลอดจนการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
4. การควบคุม (Controlling)
เป็นกิจกรรมการติดตามผลและการแก้ไข
ปรับปรุงสิ่งที่จาเป็นเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่างานบรรลุผล
ตามที่ได้วางแผนไว้
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
5.ระดับการบริหารและทักษะการบริหาร
ระดับการบริหารและทักษะการบริหาร
ผู้บริหารระดับสูง (Top Managers)
เป็นผู้บริหารสูงสุดของสายบังคับบัญชาและรับผิดชอบองค์การโดยส่วนรวม
เช่น ประธานบริษัท (President) รองประธานบริษัท (Vice President)
กรรมการผู้จัดการ (Managing Director) ประธานกรรมการ (Chairman)
กรรมการบริหาร (Executive Director) ประธานบริหาร
(Chief Executive Director : CEO)
รองประธานอาวุโส (Senior 0 Vice President)
รองประธานบริหาร ( Executive Vice Presdent)
และผู้จัดการทั่วไป (General Manager) เป็นต้น
ระดับการบริหารและทักษะการบริหาร
ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Managers)
เป็นผู้บริหารอยู่ระดับกลางของสายการบังคับบัญชา
และรับผิดชอบต่อการดาเนินกลยุทธ์และนโยบาย
ที่ถูกกาหนดโดยผู้บริหารระดับสูง เช่น ผู้จัดการฝ่าย
(Departemnt Manager) หัวหน้าแผนก (Division Head)
และผู้จัดการโรงงาน (Plant Manager) เป็นต้น
ระดับการบริหารและทักษะการบริหาร
ผู้บริหารระดับต้น (First Line Managers)
อยู่ระดับล่างสุดของระดับการบริหารเหนือพนักงาน
รับผิดชอบการควบคุมการดาเนินงานประจาวันให้มีประสิทธิภาพ
เช่น หัวหน้างาน (Supervisor) หัวหน้าคนงาน (Foreman)
หัวหน้าฝ่าย (Unit Head) และหัวหน้าทีม (Team Leader) เป็นต้น
และผู้จัดการทั่วไป (General Manager) เป็นต้น
Robert L. Katz
ประกอบด้วย 3 อย่างคือ
ทักษะทางด้านเทคนิค (Tehnical Skill)
คือ ความสามารถใช้เครื่องมือระเบียบ วิธีปฏิบัติงาน
หรือเทคนิคต่าง ๆของาขาวิชาเฉพาะอย่าง ศัลยแพทย์ นักดนตรี
นักบัญชี ทุกคนต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคในขอบเขตของงาน
พวกเขาผู้บริหารต้องการทักษะทางด้านเทคนิคที่เพียงพอ
สาหรับงานที่เขาต้องรับผิดชอบอยู่
ทักษะของผู้บริหาร
Robert L. Katz
ประกอบด้วย 3 อย่างคือ
ทักษะทางด้านมนุษย์ (Human Skill)
คือ สามารถทางานร่วมกับคนอื่น ๆ เข้าใจ และจูงใจ บุคคลอื่น
ผู้บริหารต้องมีทักษะทางด้านมนุษย์สัมพันธ์เพื่อความมี
ประสิทธิภาพในการเป็นผู้นาของกลุ่มของเขา
ทักษะของผู้บริหาร
Robert L. Katz
ประกอบด้วย 3 อย่างคือ
ทักษะทางด้านความคิด (Conceptual Skill and Design skill)
- Conceptual Skill คือ ความสามารถทาด้านสมองการประสานงาน
และการทาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผลประโยชน์และกิจกรรมต่าง ๆ
ทั้งหมดขององค์การทักษะทางด้านความคิด เป็นความสามารถของผู้บริหาร
ในการมององค์การโดยส่วนรวมและมีความเข้าใจว่าส่วนต่าง ๆ
ขององค์การขึ้นอยู่กับส่วนอื่น ๆ อย่างไรและการเปลี่ยนแปลง
ของส่วนใดส่วนหนึ่ง จะมีผลกระทบต่อองค์การโดยส่วนรวมอย่างไร
ทักษะของผู้บริหาร
Robert L. Katz
ประกอบด้วย 3 อย่างคือ
ทักษะทางด้านความคิด (Conceptual Skill and Design skill)
- Design skill หมายถึง ความสามารถในการแก้ปัญหาในแนวทางที่เกิด
ประโยชน์ต่อองค์การ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสูงขององค์การ
ผู้บริหารต้องมีความสามารถ มากกว่าการมองเห็นปัญหาแต่เพียงอย่างเดียว
กล่าวคือต้องมีทักษะในการหาวิธีแก้ไขปัญหาในการทางาน
ทักษะของผู้บริหาร
ระดับการบริหารกับทักษะการบริหาร
การระดับสูง ระดับกลาง ระดับต้น
A.J.F1 formula
A Molding of “cool&smart” Fighter
PNRU
: ))

Organization&Management part1 2