More Related Content
Similar to ๒๐. อาจามทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (11)
More from maruay songtanin (20)
๒๐. อาจามทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
อาจามทายิกาวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๓. อาจามทายิกาวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่หญิงกาพร้า ผู้ถวายข้าวตังแด่พระมหากัสสปเถระ
(ท้าวสักกเทวราช
เมื่อจะตรัสถามพระมหากัสสปเถระถึงสถานที่เกิดของหญิงนั้น
จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า)
[๑๘๕] เมื่อพระคุณเจ้ากาลังเที่ยวบิณฑบาต หยุดยืนนิ่งอยู่
หญิงกาพร้าขัดสนคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยชายคาเรือนของผู้อื่นอยู่
[๑๘๖] นางเลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแด่พระคุณเจ้าด้วยมือทั้งสองของตน
นางละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นไหนหนอ
(พระมหากัสสปเถระถวายพระพรว่า)
[๑๘๗] เมื่ออาตมภาพกาลังเที่ยวบิณฑบาต หยุดยืนนิ่งอยู่
หญิงกาพร้าขัดสนคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยชายคาเรือนของผู้อื่นอยู่
[๑๘๘] นางเลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแก่อาตมภาพด้วยมือทั้งสองของตน
นางละร่างมนุษย์ จุติพ้นจากมนุษยโลกนี้แล้ว
[๑๘๙] นางเป็นเทพธิดาชื่ออาจามทายิกา มีความสุขบันเทิงอยู่ในสวรรค์
ซึ่งเป็ นที่อยู่ของทวยเทพผู้มีฤทธิ์มากชื่อนิมมานรดี
(ท้าวสักกเทวราชตรัสสรรเสริญทานนั้นว่า)
[๑๙๐] น่าอัศจรรย์จริงหนอ
ทานที่หญิงกาพร้าตั้งไว้ดีแล้วในพระคุณเจ้ามหากัสสปะ
ทักษิณาสาเร็จผลแล้วด้วยไทยธรรมที่ได้มาจากผู้อื่น
[๑๙๑] ความเป็นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ
ซึ่งนารีผู้งามทั่วสรรพางค์กาย สามีมองมิรู้เบื่อ ได้ครอบครองแล้วนั้น
ยังมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของการถวายข้าวตังนั้น
[๑๙๒] ทองคาร้อยแท่ง ม้าร้อยตัว ราชรถเทียมม้าอัสดรร้อยคัน
หญิงสาวประดับต่างหูแก้วมณีแสนนาง ก็ยังมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖
ของการถวายข้าวตังนั้น
[๑๙๓] ช้างมาตังคะเกิดในป่าหิมพานต์ ประมาณ ๑๐๐ เชือก
มีงางอนงาม ทรงพลังมาก มีสายคล้องคอทอง
ตกแต่งด้วยเครื่องลาดและเครื่องประดับที่วิจิตรบรรจงด้วยทอง
ก็ยังมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของการถวายข้าวตังนั้น
[๑๙๔] การที่พระเจ้าจักรพรรดิได้ครอบครองมหาทวีปทั้งสี่ในโลกนี้นั้น
ก็ยังมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของการถวายข้าวตังนั้น
- 2. 2
อาจามทายิกาวิมานที่ ๓ จบ
-------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ จิตตลดาวรรคที่ ๒
๓. อาจามทายิกาวิมาน
อาจามทายิกาวิมาน
อาจามทายิกาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน
กรุงราชคฤห์.
สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์มีครอบครัวหนึ่งเป็ นอหิวาตกโรค
คนในครอบครัวนั้นตายกันหมด เหลือหญิงคนหนึ่ง.
หญิงนั้นทิ้งเรือนและทรัพย์และข้าวเปลือกที่อยู่ในเรือนทั้งหมด กลัวมรณภัย
หนีไปทางช่องฝาเรือน หมดที่พึ่ง ไปเรือนของคนอื่น อยู่ข้างหลังเรือนของเขา.
พวกผู้คนในเรือนนั้นคิดสงสาร
ให้ข้าวต้มข้าวสวยและข้าวตังเป็ นต้นที่เหลือในหม้อข้าวเป็นต้นแก่นาง.
นางเลี้ยงชีวิตอยู่ด้วยข้าวตังของผู้คนเหล่านั้น.
สมัยนั้น ท่านมหากัสสปะเข้านิโรธสมาบัติ ๗ วัน
ออกจากนิโรธนั้นแล้วคิดว่า วันนี้เราจักอนุเคราะห์ใครด้วยการรับอาหารหนอ
จักเปลื้องใครจากทุคติและจากทุกข์ เห็นหญิงนั้นใกล้ตาย
และกรรมของนางที่จะนาไปนรก และโอกาสแห่งบุญที่นางได้ทาแล้ว คิดว่า
เมื่อเราไป หญิงคนนี้จักถวายข้าวตังที่ตนได้แล้ว เพราะบุญนั้นนั่นแหละ
นางจักเกิดในเทวโลกชั้นนิมมานรดี เมื่อเป็นดังนั้น
เอาเถิดจาเราจักช่วยนางจากการตกนรก ให้นางสาเร็จสวรรค์สมบัติ ดังนี้
ในเวลาเช้า นุ่งแล้ว ถือเอาบาตรและจีวรไป
เดินมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของนาง.
ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมทวยเทพจาแลงเพศ [ปลอมตัว]
น้อมอาหารทิพย์หลายรสมีแกงและกับหลายอย่างเข้าไปถวาย. พระเถระรู้ข้อนั้น
ได้ห้ามว่า ท่านท้าวโกสิยะ พระองค์ได้ทรงทากุศลไว้แล้ว
เหตุอะไรจึงทรงทาอย่างนี้
ขอพระองค์โปรดอย่าได้แย่งสมบัติของคนเข็ญใจยากไร้เลย
จึงยืนอยู่ข้างหน้าของหญิงนั้น.
นางเห็นพระเถระแล้วคิดว่า พระเถระนี้เป็ นผู้มีอานุภาพใหญ่
ในที่นี้ก็ไม่มีของกินหรือของเคี้ยวซึ่งควรถวายแก่พระเถระนี้
เพียงน้าข้าวข้าวตังอันจืดเย็นไม่มีรสเกลื่อนไปด้วยหญ้าและผงธุลี
ซึ่งอยู่ในภาชนะสกปรกนี้ เราไม่อาจจะถวายแก่พระเถระเช่นนี้ได้
- 3. 3
จึงกล่าวว่าขอท่านจงโปรดสัตว์ข้างหน้าเถิด.
พระเถระยืนนิ่งไม่ขยับเท้าแม้แต่ข้างเดียว
ผู้คนอยู่ในเรือนนาภิกขาเข้าไปถวาย พระเถระก็ไม่รับ.
หญิงเข็ญใจนั้นรู้ว่าพระเถระประสงค์จะรับเฉพาะของเรา
จึงมาในที่นี้ก็เพื่ออนุเคราะห์เราเท่านั้น มีใจเลื่อมใส เกิดความเอื้อเฟื้อ
ก็เกลี่ยข้าวตังนั้นลงในบาตรของพระเถระ.
พระเถระแสดงอาการว่าจะฉันเพื่อให้ความเลื่อมใสของนางเจริญเพิ่ม
ขึ้น. ผู้คนปูอาสนะแล้ว พระเถระก็นั่งบนอาสนะนั้นฉันข้าวตังนั้น
ดื่มน้าแล้วชักมือออกจากบาตร ทาอนุโมทนากล่าวกะหญิงเข็ญใจนั้นว่า
ท่านได้เป็นมารดาของอาตมาในอัตภาพที่สามจากนี้ดังนี้แล้วก็ไป.
นางยังความเลื่อมใสให้เกิดในพระเถระยิ่งนัก
ทากาละตายไปในยามต้นแห่งราตรีนั้นแล้ว
ก็เข้าไปอยู่ร่วมกับเหล่าเทพนิมมานรดี.
ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่านางทากาละแล้ว ทรงราพึงอยู่ว่า
นางเกิดยามกลาง [เที่ยงคืน] แห่งราตรี
เมื่อถามถึงสถานที่เกิดของหญิงนั้น ได้ตรัสคาถา ๒ คาถาว่า
เมื่อพระคุณเจ้าเที่ยวไปบิณฑบาตยืนนิ่งอยู่ หญิงผู้ใดเข็ญใจยากไร้
อาศัยชายคาเรือนคนอื่น เลื่อมใสแล้วถวายข้าวตังด้วยมือตนเองแก่พระคุณเจ้า
หญิงผู้นั้นละกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นไรหนอ เจ้าข้า.
ลาดับนั้น
พระเถระเมื่อทูลคาตอบโดยทานองที่ท้าวเธอทูลถามแล้วนั่นแล
ได้ทูลบอกสถานที่บังเกิดของหญิงนั้นแก่ท้าวสักกะนั้นว่า
เมื่ออาตมาเที่ยวไปบิณฑบาตยืนนิ่งอยู่ หญิงผู้ใดเข็ญใจยากไร้
อาศัยชายคาเรือนคนอื่น เลื่อมใสแล้วถวายข้าวตังด้วยมือตนเองแก่อาตมา
หญิงผู้นั้นละกายมนุษย์แล้ว เคลื่อนพ้นจากความลาเค็ญนี้แล้ว ทวยเทพมีฤทธิ์มาก
ชื่อชั้นนิมมานรดีมีอยู่
หญิงผู้ถวายเพียงข้าวตังนั้น ก็บันเทิงสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดีนั้น.
ท้าวสักกะสดับว่าทานของหญิงนั้นมีผลใหญ่และมีอานิสงส์ผลใหญ่แล้ว
เมื่อทรงสรรเสริญทานนั้นอีก จึงตรัสว่า
น่าอัศจรรย์จริงหนอ
ทานที่หญิงผู้ยากไร้ตั้งไว้ดีแล้วในพระคุณเจ้ากัสสปะ
ด้วยไทยทานที่นางนามาแต่ผู้อื่น ทักษิณายังสาเร็จผลได้จริงหนอ
ข้อที่นารีผู้งามทั่วสรรพางค์ สามีมองไม่จืด
ได้รับอภิเษกเป็ นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ ๑๖
ของอาจามทานนี้ [ถวายข้าวตัง]
- 4. 4
ทองคาร้อยนิกขะ ม้าร้อยตัว รถเทียมม้าอัสดรร้อยคัน
หญิงสาวผู้สวมกุณฑลมณีจานวนแสนนางก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้
พระยาช้างตระกูลเหมวตะ มีงางอน มีกาลังและว่องไว มีสายรัดทองคา
มีตัวใหญ่ มีเครื่องประดับเป็นทอง ร้อยเชือก ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ ๑๖
ของอาจามทานนี้
ถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิ ทรงครองความเป็ นเจ้าทวีปใหญ่ทั้งสี่
ก็ยังไม่เท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้.
ท่านมหากัสสปเถระกราบทูลคาทั้งหมดที่ท้าวสักกเทวราชกับตนกล่าว
แล้วในที่นี้ ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทาคานั้นให้เป็ นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่องแล้ว
จึงทรงแสดงธรรมโดยพิสดารโปรดบริษัทที่ประชุมกัน.
พระธรรมเทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชนแล.
จบอรรถกถาลขุมาวิมาน
-----------------------------------------------------