More Related Content
Similar to 195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (9)
More from maruay songtanin (20)
195 ปัพพตูปัตถรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
ปัพพตูปัตถรชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๕. ปัพพตูปัตถรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๙๕)
ว่าด้วยสระโบกขรณีที่เชิงเขา
(พระราชาตรัสถามปัญหากับอามาตย์โพธิสัตว์ว่า)
[๘๙] สระโบกขรณีมีน้าเย็น รสอร่อย
เกิดอยู่ที่เนินหินเชิงภูเขาหิมพานต์ น่ารื่นรมย์ สุนัขจิ้งจอกรู้อยู่ว่า
ราชสีห์รักษาสระโบกขรณีนั้นไว้ ก็ยังลงไปดื่มกิน
(อามาตย์โพธิสัตว์ทราบว่า
อามาตย์คนหนึ่งจะก่อเหตุร้ายภายในพระราชวัง จึงกราบทูลว่า)
[๙๐] ข้าแต่มหาราช ถ้าสัตว์มีเท้าทั้งหลายพากันดื่มน้าในมหานที
แม่น้าจะไม่ชื่อว่าเป็นแม่น้าเพราะเหตุนั้นก็หาไม่ หากว่าชน ๒ คนนั้นเป็ นที่รัก
ขอพระองค์ทรงงดโทษเสียเถิด
ปัพพตูปัตถรชาดกที่ ๕ จบ
----------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ปัพพตูปัตถรชาดก
ว่าด้วย สระที่เชิงเขาลาด
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภพระเจ้าโกศล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า อามาตย์คนหนึ่งของพระเจ้าโกศล
ก่อการร้ายขึ้นภายในพระราชวัง พระราชาทรงสอบสวน
ทรงทราบเรื่องนั้นโดยถ่องแท้แล้ว จึงเสด็จไปยังพระเชตวัน ด้วยทรงดาริว่า
จักกราบทูลพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดา แล้วตรัสถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อามาตย์คนหนึ่งก่อการร้ายขึ้นภายในพระราชวังของข้าพระองค์
จะควรทาอย่างไรแก่อามาตย์ผู้นั้น พระพุทธเจ้าข้า.
ลาดับนั้น พระศาสดาตรัสถามพระราชานั้นว่า มหาบพิตร
ก็อามาตย์ผู้นั้นมีอุปการะต่อพระองค์ และหญิงนั้นเป็นที่รักของพระองค์หรือ.
กราบทูลว่า เป็ นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าข้า อามาตย์ผู้นั้นมีอุปการะยิ่งนัก
ช่วยเหลือราชตระกูลทุกอย่าง ทั้งหญิงนั้นก็เป็นที่รักของหม่อมฉัน.
มีพระพุทธดารัสว่า มหาบพิตร
ไม่ควรลงโทษในเสวกผู้มีอุปการะและในหญิงซึ่งเป็ นที่รักของพระองค์
แม้แต่ก่อน พระราชาทั้งหลายทรงสดับถ้อยคาของเหล่าบัณฑิต
- 2. 2
ก็ยังไม่ทรงวางพระทัยเป็นกลาง.
เมื่อพระราชาทูลอาราธนา จึงทรงนาเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลอามาตย์ ครั้นเจริญวัย
ก็ได้มีหน้าที่ถวายอรรถและธรรมของพระองค์
ครั้งนั้นอามาตย์คนหนึ่งของพระราชา ก่อเหตุร้ายภายในพระราชวัง
พระราชาทรงทราบเรื่องนั้นโดยถ่องแท้ จึงทรงดาริว่า
ทั้งอามาตย์ก็มีอุปการะแก่เรามาก ทั้งหญิงนี้ก็เป็ นที่รักของเรา
จะทาลายคนทั้งสองนี้ไม่ได้ เราจะถามปัญหากะอามาตย์บัณฑิต
ถ้าจะต้องอดทนได้ เราก็จะอดทน ถ้าอดทนไม่ได้ เราก็จะไม่อดทน
จึงตรัสเรียกหาพระโพธิสัตว์ให้อาสนะ แล้วตรัสว่า ท่านบัณฑิต เราจักถามปัญหา.
เมื่อเขากราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระพุทธเจ้าจักแก้ปัญหา.
เมื่อจะตรัสถามปัญหา จึงตรัสคาถาแรกว่า :-
สระโบกขรณีมีน้าใสสะอาดเกิดอยู่ที่เชิงเขาลาดน่ารื่นรมย์
สุนัขจิ้งจอกรู้ว่าสระนั้นอันราชสีห์รักษาอยู่ แล้วลงไปอาบน้าได้.
พระโพธิสัตว์ทราบว่า อามาตย์คนหนึ่ง
ชะรอยจักก่อเหตุร้ายขึ้นในภายในพระราชวังของพระราชานี้ จึงกล่าวคาถาที่ ๒
ว่า :-
ข้าแต่มหาราช ถ้าสัตว์ทั้งหลายที่มีเท้าพากันดื่มน้าในแม่น้าใหญ่
แม่น้าจะกลายเป็ นไม่ใช่แม่น้า เพราะเหตุนั้นก็หามิได้
ถ้าบุคคลทั้งสองนั้นเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ก็ทรงงดโทษเสีย.
พระมหาสัตว์ได้ถวายโอวาทแก่พระราชาอย่างนี้
พระราชาทรงตั้งอยู่ในโอวาทของพระมหาสัตว์ แล้วมีพระดารัสว่า
ยกโทษแก่คนทั้งสองว่า ตั้งแต่นี้ไป เจ้าทั้งสองอย่าทากรรมชั่วเช่นนี้อีก.
พระราชาทรงทาบุญมีทานเป็นต้น เมื่อสิ้นพระชนม์
ทรงบาเพ็ญทางไปสวรรค์ให้บริบูรณ์.
แม้พระราชาโกศลได้ทรงสดับพระธรรมเทศนานี้แล้ว
ก็ทรงยกโทษให้คนทั้งสองเหล่านั้น วางพระองค์เป็นกลาง.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็ น อานนท์ ในครั้งนี้
ส่วนอามาตย์บัณฑิตได้เป็ น เราตถาคต นี้แล.
----------------------------