More Related Content
Similar to -------------- --- 4
Similar to -------------- --- 4 (20)
More from Tongsamut vorasan
More from Tongsamut vorasan (20)
-------------- --- 4
- 1. คำำนำำ
กำรศึกษำพระปริยัติธรรม ทีจะอำำนวยประโยชน์แก่ผู้ศึกษำ
่
เต็มที่ จำำต้องมีหนังสือเครื่องประกอบหลักสูตรครบบริบูรณ์ เพรำะ
หนังสือเครื่องประกอบเท่ำกับดวงประทีปสำำหรับส่องมรรคำ ให้ผู้ศึกษำ
มองเห็นแนวทำงได้สะดวกชัดเจน เพรำะฉะนั้น กองตำำรำแห่งมหำ-
มกุฏรำชวิทยำลัย ในพระบรมรำชูปถัมภ์ ซึงมีหน้ำที่จดพิมพ์หนังสือ
่ ั
ที่เกี่ยวแก่กำรศึกษำพระปริยัติธรรมทุกประเภท จึงได้คดจัดพิมพ์
ิ
หนังสือเครื่องอุปกรณ์ทั้งฝ่ำยนักธรรมทั้งฝ่ำยบำลีขึ้น เพื่อให้ผู้ศึกษำ
ได้รับควำมสะดวกในกำรศึกษำ และได้จัดพิมพ์เสร็จไปแล้วหลำย
เรื่อง เฉพำะหนังสือธัมมปทัฏฐกถำ ก็นับว่ำเป็นหนังสือสำำคัญเรื่อง
หนึ่ง เพรำะใช้เป็นหลักสูตรเปรียญธรรมประโยค ๓ ผู้ศึกษำบำล
ีีเมื่อเรียนบำลีไวยำกรณ์จบแล้ว ก็เริ่มเรียนธัมมปทัฏฐกถำเป็นลำำดับ
ไป เห็นควรแปลเป็นภำษำไทยให้ตลอดเรื่อง จึงได้มอบให้
พระมหำอู นิสฺสโภ ป.ธ. ๗ วัดบวรนิเวศวิหำร เป็นผู้รับไปดำำเนินกำร.
ท่ำนได้ค้นคว้ำรวบรวมจำกหนังสือต่ำง ๆ ซึงพระเถรำนุเถระได้แปล
่
ไว้บ้ำง ขอให้ท่ำนที่เป็นกรรมกำรกองตำำรำช่วยแปลบ้ำง ขอให้
ท่ำนที่เป็นเปรียญในสำำนักเดียวและต่ำงสำำนักช่วยแปลบ้ำง.
แต่กำรแปลนั้น ได้ขอให้แปลตำมวิธีกำรที่กองตำำรำได้วำงไว้
เพื่อให้หนังสือเป็นระเบียบเดียวกัน ไม่ลักลั่น โดยถือหลักว่ำ แปลให้ได้
ควำมชัด สำำนวนเรียบร้อย ไม่โลดโผนจนเสียหลักของภำษำ และแปล
เท่ำศัพท์อย่ำงพระกรรมกำรแปลเป็นตัวอย่ำงในสนำมหลวง ถ้ำทีไหน
่
ถ้ำที่ไหนไม่มีศัพท์ เพิ่มเข้ำใหม่ ก็ทำำเครื่องหมำยวงเล็บ [] ไว้ ถ้ำที่ไหน
บ่งถึงข้อธรรมก็ดี เกี่ยวกับลัทธิธรรมเนียมก็ดี ท่ำนชักควำมมำ
จำกบำลีหรือคัมภีร์อื่น ๆ ก็ดี ก็ได้ทำำเชิงอรรถบอกไว้ให้ทรำบ เพื่อ
สะดวกแก่ผู้ศึกษำซึ่งสนใจในกำรค้นคว้ำ.
กองตำำรำ ฯ ขอแสดงควำมขอบใจท่ำนผูช่วยแปลและผู้มีส่วน
้
ช่วยให้หนังสือนี้สำำเร็จทุก ๆ ท่ำน และขออุทิศส่วนกุศลซึ่งเกิดจำก
หนังสือนี้ แต่ทำนบุรพูปัธยำจำรย์ผู้บริหำรพระศำสนำสืบ ๆ กันมำ.
่
- 3. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 1
๖. บัณฑิตวรรค วรรณนำ
๑. เรื่องพระรำธเถระ [
ข้อควำมเบื้องต้น]
พระศำสดำเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรำรภท่ำนพระ
รำธะ ตรัสพระธรรมเทศนำนี้ว่ำ " นิธีนว ปวตฺตำร " เป็นต้น.
[ รำธพรำหมณ์ซูบผอมเพรำะไม่ได้บวช ]
ได้ยินว่ำ พระรำธะนั้น ในเวลำเป็นคฤหัสถ์ ได้เป็นพรำหมณ์
ตกยำกอยู่ในกรุงสำวัตถี. เขำคิดว่ำ " เรำจักเลี้ยงชีพอยูในสำำนักของ
่
ภิกษุทั้งหลำย " ดังนี้แล้ว ไปสู่วิหำร ดำยหญ้ำ กวำดบริเวณ ถวำย
วัตถุมีนำ้ำล้ำงหน้ำเป็นต้น อยู่ในวิหำรแล้ว. ภิกษุทั้งหลำยได้สงเครำะห์
เธอแล้วก็ตำม, แต่ก็ไม่ปรำรถนำจะให้บวช. เขำเมื่อไม่ได้บวช จึง
ซูบผอมแล้ว.
[ รำธพรำหมณ์มีอุปนิสัยพระอรหัต ]
ภำยหลังวันหนึ่ง พระศำสดำทรงตรวจดูสัตว์โลกในเวลำใกล้รุ่ง
ทอดพระเนตรเห็นพรำหมณ์นั้นแล้ว ทรงใคร่ครวญอยู่ว่ำ " เหตุอะไร
หนอ ?" ดังนีแล้ว ทรงทรำบว่ำ
้ " รำธพรำหมณ์จักเป็นพระอรหันต์ "
ในเวลำเย็น เป็นเหมือนเสด็จเที่ยวจำริกไปในวิหำร เสด็จไปสู่
* พระมหำเปลี่ยน ป. ธ. ๗ วัดสัมพันธวงศ์ แปล. ปัจจุบันเป็นพระรำชวรญำณมุนี
ป. ธ. ๙ วัดบูรณศิริมำตยำรำม.
- 4. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 2
สำำนักของพรำหมณ์แล้วตรัสถำมว่ำ " พรำหมณ์ เธอเที่ยวทำำอะไร
อยู่ ?" เขำกรำบทูลว่ำ " ข้ำพระองค์ทำำวัตตปฏิวัตรแก่ภิกษุทั้งหลำยอยู่
พระเจ้ำข้ำ. "
พระศำสดำ. เธอได้กำรสงเครำะห์จำกสำำนักของภิกษุเหล่ำนั้น
หรือ ?
พรำหมณ์. ได้พระเจ้ำข้ำ, ข้ำพระองค์ได้แต่เพียงอำหำร, แต่
ท่ำนไม่ให้ข้ำพระองค์บวช.
[ พระสำรีบุตรเป็นผู้กตัญญูกตเวที ]
พระศำสดำรับสังให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพรำะเรื่องนั้นแล้ว ตรัส
่
ถำมควำมนั้นแล้ว ตรัสถำมว่ำ " ภิกษุทั้งหลำย ใคร ๆ ระลึกถึง
คุณของพรำหมณ์นี้ได้ มีอยู่บำงหรือ
้ ?" พระสำรีบุตรเถระกรำบทูลว่ำ
" พระเจ้ำข้ำ ข้ำพระองค์ระลึกได้, เมื่อข้ำพระองค์เที่ยวบิณฑบำต
อยู่ในกรุงรำชคฤห์ พรำหมณ์นี้ให้คนถวำยภิกษำทัพพีหนึ่ง ที่เขำ
นำำมำเพื่อตน, ข้ำพระองค์ระลึกถึงคุณของพรำหมณ์นี้ได้. " เมื่อพระ
ศำสดำตรัสว่ำ " สำรีบตร ก็กำรที่เธอเปลื้องพรำหมณ์ผู้มีอุปกำระ
ุ
? " ท่ำนกรำบทูลว่ำ
อันกระทำำแล้วอย่ำงนี้ จำกทุกข์ ไม่ควรหรือ
" ดีละ พระเข้ำข้ำ, ข้ำพระองค์จักให้เขำบวช " จึงให้พรำหมณ์นั้น
บวชแล้ว.
[ พรำหมณ์บวชแล้วเป็นคนว่ำง่ำย ]
อำสนะที่สุดแห่งอำสนะในโรงฉันย่อมถึงแก่ท่ำน, ท่ำนลำำบำก
- 5. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 3
อยู่ ด้วยอำหำรวัตถุมีขำวยำคูและภัตรเป็นต้น.
้ พระเถระพำท่ำนหลีก
ไปสู่ที่จำริกแล้ว. กล่ำวสอน พรำ่ำสอนท่ำนเนือง ๆ ว่ำ " สิ่งนี้ คุณ
ควรทำำ, สิ่งนี้ คุณไม่ควรทำำ " เป็นต้น. ท่ำนได้เป็นผู้วำง่ำย มี
่
ปกติรับเอำโอวำทโดยเบื้องขวำแล้ว, เพรำะฉะนั้น เมื่อท่ำนปฏิบัตตำม
ิ
คำำที่พระเถระพรำ่ำสอนอยู่ โดย ๒-๓ วันเท่ำนั้น ก็ได้บรรลุพระอรหัต
แล้ว. พระเถระพำท่ำนไปสู่สำำนักพระศำสดำ ถวำยบังคมนั่งแล้ว.
ลำำดับนั้น พระศำสดำทรงทำำปฏิสันถำรกะท่ำนแล้ว ตรัสว่ำ
" สำรีบตร อันเตวำสิกของเธอเป็นผู้ว่ำง่ำยแลหรือ
ุ ?"
พระเถระ. อย่ำงนั้น พระเจ้ำข้ำ, เธอเป็นผู้ว่ำง่ำยเหลือเกิน,
เมื่อโทษไร ๆ ที่ขำพระองค์แม้กล่ำวสอนอยู่, ไม่เคยโกรธเลย.
้
พระศำสดำ. สำรีบุตร เธอเมื่อได้สัทธิวิหำริกเห็นปำนนี้ จะพึง
รับได้ประมำณเท่ำไร ?
พระเถระ. ข้ำพระองค์พึงได้รับแม้มำกทีเดียว พระเจ้ำข้ำ.
[ พวกภิกษุสรรเสริญพระสำรีบตรและพระรำธะ ]
ุ
ภำยหลังวันหนึ่ง พวกภิกษุสนทนำกันในโรงธรรมว่ำ " ได้ยิน
ว่ำ พระสำรีบุตรเถระเป็นผู้กตัญญูกตเวที ระลึกถึงอุปกำระสักว่ำภิกษำ
ทัพพีหนึ่ง ให้พรำหมณ์ตกยำกบวชแล้ว; แม้พระรำธเถระก็เป็นผู้อดทน
ต่อโอวำท ได้ท่ำนผู้ควรแก่กำรสังสอนเหมือนกันแล้ว.
่ "
[ พระศำสดำทรงแสดงอลีนจิตตชำดก ]
พระศำสดำทรงสดับกถำของภิกษุเหล่ำนั้นแล้ว ตรัสว่ำ " ภิกษุ
- 6. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 4
ทั้งหลำย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่ำนั้น, ถึงในกำลก่อน สำรีบตรเป็นผู้
ุ
กตัญญูกตเวทีเหมือนกัน " ดังนี้แล้ว เพื่อจะประกำศควำมนั้น จึงตรัส
อลีนจิตตชำดก " เสนำหมู่ใหญ่อำศัยเจ้ำอลีนจิตตกุมำร ร่ำเริง
ทั่วกันแล้ว ได้ให้ชำงจับพระเจ้ำโกศลทั้งเป็น
้
ผู้ไม่พอพระทัยด้วยรำชสมบัติ, ภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วย
นิสัยอย่ำงนี้ เป็นผู้มีควำมเพียรอันปรำรภแล้ว
เจริญกุศลธรรมอยู่, เพื่อบรรลุธรรมเป็นแดนเกษม
จำกโยคะ พึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์
ทั้งปวงโดยลำำดับ. "
ได้ยินว่ำ ช้ำงตัวหนึ่งเที่ยวไปตัวเดียว รู้อุปกำระที่พวกช่ำงไม้
ทำำแล้วแก่ตน โดยภำวะคือทำำเท้ำให้หำยโรค แล้วให้ลูกช้ำงตัวขำว
ปลอด ในครั้งนั้น ได้เป็นพระสำรีบุตรเถระแล้ว.
[ ภิกษุควรเป็นผู้ว่ำง่ำยอย่ำงพระรำธเถระ ]
พระศำสดำครั้นตรัสชำดกปรำรภพระเถระอย่ำงนั้นแล้ว ทรง
ปรำรภพระรำธเถระ ตรัสว่ำ " ภิกษุทั้งหลำย ธรรมดำภิกษุควรเป็น
ผู้ว่ำง่ำยเหมือนรำธะ, แม้อำจำรย์ชี้โทษกล่ำวสอนอยู่ ก็ไม่ควรโกรธ,
อนึ่ง ควรเห็นบุคคลผู้ให้โอวำท เหมือนบุคคลผู้บอกขุมทรัพย์ให้ฉะนั้น "
ดังนีแล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม ได้ตรัสพระคำถำนี้ว่ำ
้ :-
๑. ขุ. ชำ. ๒๗/๕๒. ตทฏฺกถำ. ๓/๒๓.
- 7. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 5
" บุคคล นิคคหะ ชี้โทษ ว่ำเป็นเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ,
พึงคบผูมีปัญญำเช่นนั้น ซึ่งเป็นบัณฑิต,
้ (เพรำะว่ำ)
เมื่อคบท่ำนผู้เช่นนั้น มีแต่คุณอย่ำงประเสริฐ
ไม่มีโทษที่ลำมก. "
[ แก้อรรถ ]
บรรดำบทเหล่ำนั้น บทว่ำ นิธีน ได้แก่ หม้อแห่งขุมทรัพย์อัน
เต็มด้วยเงินทองเป็นต้น ซึ่งเขำฝังเก็บไว้ในที่นั้น ๆ.
บทว่ำ ปวตฺตำร คือ เหมือนอย่ำงผู้ทำำควำมอนุเครำะห์คน
เข็ญใจ ซึงเป็นอยู่โดยฝืดเคือง แล้วชักชวนว่ำ
่ " ท่ำนจงมำ, เรำจักชี้
อุบำยเลี้ยงชีพโดยสะดวกแก่ท่ำน " ดังนี้แล้ว นำำไปยังที่ขุมทรัพย์แล้ว
เหยียดออกบอกว่ำ " ท่ำนจงถือเอำทรัพย์นี้เลี้ยงชีพตำมสบำยเถิด."
วินิจฉัยในบทว่ำ วชฺชทสฺสิน : ภิกษุผู้ชี้โทษมี ๒ จำำพวก คือ
ภิกษุคอยแส่หำโทษ ด้วยคิดว่ำ " เรำจักข่มภิกษุนั้นด้วยมำรยำทอัน
ไม่สมควร หรือด้วยควำมพลั้งพลำดอันนี้ในท่ำมกลำงสงฆ์ " ดังนี้
จำำพวก ๑. ภิกษุผดำำรงอยู่แล้วตำมสภำพ ด้วยสำมำรถแห่งกำร
ู้
อุ้มชูด้วยกำรแลดูโทษนั้น ๆ เพื่อประโยชน์จะให้รู้สิ่งทียังไม่รู้ เพื่อ
่
ต้องกำรจะได้ถือตำมเอำสิงที่รู้แล้ว เพรำะควำมเป็นผู้ปรำรถนำควำม
่
เจริญแห่งคุณมีศีลเป็นต้นแก่ผู้นั้น จำำพวก ๑; ภิกษุจำำพวกหลังนี้
๑. พระรำชกวี (อำบ) วัดบวรนิเวศวิหำร แปลออกสอบเปรียญ ๖ ประโยค ใน
สนำมหลวง พ. ศ. ๒๔๖๔.
- 8. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 6
พระผูมีพระภำคทรงประสงค์ ในบทว่ำ วชฺชทสฺสน นี้.
้ คนเข็ญใจถูก
ผู้อื่นคุกคำมก็ดี ตีก็ดี ชี้ขุมทรัพย์ให้ว่ำ " แกจงถือเอำทรัพย์นี้ " ย่อม
ไม่ทำำควำมโกรธ, มีแต่ปรำโมทย์อย่ำงเดียว ฉันใด; เมื่อบุคคลเห็น
ปำนดังนั้น เห็นมำรยำทมิบงควรก็ดี ควำมพลำดพลั้งก็ดี แล้วบอก
ั
อยู่, ผูรบบอกไม่ควรทำำควำมโกรธ ควรเป็นผู้ยินดีอย่ำงเดียว ฉันนั้น.
้
ควรปรำรถนำทีเดียวว่ำ " ท่ำนเจ้ำข้ำ กรรมอันใหญ่ อันใต้เท้ำผูตั้ง
้
อยู่ในฐำนเป็นอำจำรย์ เป็นอุปัชฌำย์ ของกระผมแล้ว สังสอนอยู่
่
กระทำำแล้ว, แม้ต่อไป ใต้เท้ำพึงโอวำทกระผม " ดังนี้.
บทว่ำ นิคฺคยฺหวำทึ ควำมว่ำ ก็อำจำรย์บำงท่ำนเห็นมำรยำท
อันมิบังควรก็ดี ควำมพลั้งพลำดก็ดี ของพวกศิษย์มีสัทธิวิหำริกเป็น
อำทิแล้ว ไม่อำจเพื่อจะพูด ด้วยเกรงว่ำ " ศิษย์ผู้นี้อุปัฏฐำกเรำอยู่
ด้วยกิจวัตรมีให้นำ้ำบ้วนปำกเป็นต้น แก่เรำ โดยเคำรพ; ถ้ำเรำจักว่ำ
เธอไซร้, เธอจักไม่อุปัฏฐำกเรำ, ควำมเสื่อมจักมีแก่เรำ ด้วยอำกำร
อย่ำงนี้ " ดังนี้ ย่อมหำชื่อว่ำเป็นผู้กล่ำวนิคคหะไม่, เธอผู้นั้น ชื่อว่ำ
เรี่ยรำยหยำกเยื่อลงในศำสนำนี้. ส่วนอำจำรย์ใด เมื่อเห็นโทษปำนนั้น
แล้ว คุกคำม ประณำม ลงทัณฑกรรม ไล่ออกจำกวิหำร ตำม
สมควรแก่โทษ ให้ศึกษำอยู่. อำจำรย์นี้ ชื่อว่ำผู้กล่ำวนิคคหะ;
แม้เหมือนอย่ำงพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ. สมจริงอย่ำงนั้น พระผู้มีพระ-
ภำคตรัสคำำนี้ไว้ว่ำ " ดูก่อนอำนนท์ เรำจักกล่ำวข่ม ๆ, ดูก่อน
อำนนท์ เรำจักกล่ำวยกย่อง ๆ, ผู้ใดเป็นสำระ, ผูนั้นจักดำำรงอยู่ได้.
้ "
บทว่ำ เมธำวึ คือ ผู้ประกอบด้วยปัญญำมีโอชะเกิดแต่ธรรม.
- 9. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 7
บทว่ำ ตำทิส เป็นต้น ควำมว่ำ บุคคลพึงคบ คือพึงเข้ำไป
นั่งใกล้ บัณฑิตเห็นปำนนั้น, เพรำะเมื่ออันเตวำสิกคบอำจำรย์เช่นนั้น
อยู่, คุณอย่ำงประเสริฐย่อมมี โทษที่ลำมกย่อมไม่มี คือมีแต่ควำม
เจริญอย่ำงเดียว ไม่มีควำมเสื่อมเสีย.
ในที่สุดเทศนำ ชนเป็นอันมำก บรรลุอริยผลทั้งหลำยมีโสดำ-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระรำธเถระ จบ.
- 10. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 8
๒. เรื่องภิกษุอัสสชิและปุนัพพสุกะ
[ ข้อควำมเบื้องต้น ]
พระศำสดำเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรำรภภิกษุอัสสชิ
และปุนัพพสุกะ ตรัสพระธรรมเทศนำนี้ว่ำ " โอวเทยฺยำนุสำเสยฺย "
เป็นต้น. ก็เทศนำตังขึ้นแล้วที่กิฏำคีรี.
้
[ ภิกษุลำมกต้องถูกปัพพำชนียกรรม ]
ดังได้สดับมำ ภิกษุ ๒ รูปนั้น แม้เป็นสัทธิวิหำริกของพระ
อัครสำวกก็จริง, ถึงอย่ำงนั้น เธอก็กลำยเป็นอลัชชี เป็นภิกษุชั่ว.
ภิกษุ ๒ รูปนั้น เมื่ออยู่ที่กิฏำคีรี กับภิกษุ ๕๐๐ รูป ซึงเป็นบริวำร-
่
ของตน (ล้วน) เป็นผู้ชั่วช้ำ ทำำอนำจำรหลำยอย่ำงหลำยประกำร
เป็นต้นว่ำ ปลูกต้นไม้กระถำงเองบ้ำง ใช้ให้เขำปลูกบ้ำง ทำำกรรมแห่ง
ภิกษุผู้ประทุษร้ำยตระกูล เลี้ยงชีพด้วยปัจจัยอันเกิดแต่กรรมนั้น ได้
ทำำอำวำสนั้นมิให้เป็นที่อยู่แห่งพวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก. พระศำสดำ
ทรงสดับข่ำวนั้นแล้ว ตรัสเรียกพระอัครสำวกทั้ง ๒ พร้อมด้วยบริวำร
มำ เพื่อทรงประสงค์ทำำปัพพำชนียกรรมแก่พวกภิกษุพวกนั้นแล้ว ตรัสว่ำ
" สำรีบตรและโมคคัลลำนะ
ุ เธอพำกันไปเถิด, ในภิกษุเหล่ำนั้น
เหล่ำใดไม่เชื่อฟังคำำของเธอ, จงทำำปัพพำชนียกรรมแก่ภิกษุเหล่ำนั้น;
ส่วนเหล่ำใดเชื่อฟังคำำ, จงว่ำกล่ำวพรำ่ำสอนเหล่ำนั้น, ธรรมดำผู้ว่ำ
กล่ำวสั่งสอน ย่อมไม่เป็นที่รักของผู้ที่มใช่บัณฑิตเท่ำนั้น ,
ิ แต่เป็นที่
*แปลออกสอบเปรียญ ๖ ประโยค ในสนำมหลวง พ.ศ. ๒๔๖๙.
- 11. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 9
รักที่ชอบใจของบัณฑิตทั้งหลำย " ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิ
แสดงธรรม จึงได้ตรัสพระคำถำนี้ว่ำ :-
" ผู้ใดพึงว่ำกล่ำว พึงสอน และพึงห้ำมจำก
ธรรมของอสัตบุรุษ, ผูนั้นแล ย่อมเป็นที่รักของ
้
สัตบุรุษทังหลำย, ไม่เป็นที่รักของพวกอสัตบุรุษ.
้ "
[ แก้อรรถ ]
บรรดำบทเหล่ำนั้น บทว่ำ โอวเทยฺย ควำมว่ำ เมื่อเกิดเรื่อง
ขึ้นแล้ว จึงกล่ำว ชื่อว่ำย่อมโอวำท, เมื่อยังไม่เกิดเรื่อง ชีโทษอัน
้
ยังไม่มำถึง ด้วยสำมำรถเป็นต้นว่ำ " แม้โทษจะพึงมีแก่ท่ำน " ดังนี้
ชื่อว่ำย่อมอนุศำสน์; กล่ำวต่อหน้ำ ชื่อว่ำย่อมโอวำท, ส่งฑูตหรือ
ศำสน์ไปในที่ลับหลัง ชื่อว่ำย่อมอนุศำสน์. แม้กล่ำวครำวเดียว ชือ
่
ว่ำย่อมโอวำท, กล่ำวบ่อย ๆ ชื่อว่ำย่อมอนุศำสน์. อีกอย่ำงหนึ่ง
กำำลังโอวำทนั่นแล ชื่อว่ำอนุศำสน์ พึงกล่ำวสังสอนอย่ำงนี้ ด้วย
่
ประกำรฉะนี้.
บทว่ำ อสฺพภำ ควำมว่ำ พึงห้ำมจำกอกุศลธรรม พึงให้ตั้ง
อยู่ในกุศลธรรม. บทว่ำ สต ควำมว่ำ บุคคลเห็นปำนนี้นั้น ย่อม
เป็นที่รักแห่งสัตบุรุษทั้งหลำย มีพระพุทธเจ้ำเป็นต้น; แต่ผู้ว่ำกล่ำว
ผู้สงสอนนั้น ย่อมไม่เป็นที่รักแห่งพวกที่ไม่เห็นธรรม มีปรโลกอัน
ั่
ข้ำมล่วงแล้ว ผู้เห็นแก่อำมิส บวชเพื่อประโยชน์แก่กำรเลี้ยงชีพ
เหล่ำนั้น ชื่อว่ำอสัตบุรุษ ผู้ทมแทงด้วยหอกคือปำกอย่ำงนี้ว่ำ
ิ่ " ท่ำน
- 12. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 10
ไม่ใช่พวกอุปัชฌำย์อำจำรย์ของพวกเรำ, ว่ำกล่ำวพวกเรำทำำไม ?"
ในเวลำจบเทศนำ ชนเป็นอันมำก บรรลุอริยผลทั้งหลำย มี
โสดำปัตติผลเป็นต้นแล้ว.
ฝ่ำยพระสำรีบุตรและพระโมคคัลลำนะ ไปที่กิฏำคีรีนั้น ว่ำกล่ำว
สั่งสอนภิกษุเหล่ำนั้นแล้ว. ในภิกษุเหล่ำนั้น บำงพวกก็รับโอวำท
ตังใจประพฤติปฏิบัติ,
้ บำงพวกก็สึกไป, บำงพวกต้องปัพพำชนียกรรม
ดังนีแล.
้
เรื่องภิกษุอัสสชิและปุนัพพสุกะ จบ.
- 13. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 11
๓. เรื่องพระฉันนเถระ
[ ข้อควำมเบื้องต้น ]
พระศำสดำเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรำรภพระฉันน-
เถระ ตรัสพระธรรมเทศนำนี้ว่ำ " น ภเช ปำปเก มิตฺเต " เป็นต้น.
[ พระฉันนเถระด่ำพระอัครสำวก ]
ดังได้สดับมำ ท่ำนพระฉันนะนั้นด่ำพระอัครสำวกทั้ง ว่ำ
" เรำเมื่อตำมเสด็จออกมหำภิเนษกรมน์ กับพระลูกเจ้ำของเรำทั้งหลำย
ในเวลำนั้น มิได้เห็นผู้อื่นแม้สักคนเดียว, แต่บัดนี้ ท่ำนพวกนี้เที่ยว
กล่ำวว่ำ ' เรำชื่อสำรีบุตร, เรำชื่อโมคคัลลำนะ, พวกเรำเป็นอัคร-
สำวก. " พระศำสดำทรงสดับข่ำวนั้นแต่สำำนักภิกษุทั้งหลำยแล้ว รับสั่ง
ให้หำพระฉันนเถระมำ ตรัสสอนแล้ว. ท่ำนนิ่งในชั่วขณะนั้นเท่ำนั้น
ยังกลับไปด่ำพระเถระทั้งหลำยเหมือนอย่ำงนั้นอีก. พระศำสดำรับสั่ง
ให้หำท่ำนซึ่งกำำลังด่ำมำแล้ว ตรัสสอนอย่ำงนั้นถึง ๓ ครั้งแล้ว ตรัส
เตือนว่ำ " ฉันนะ ชื่อว่ำอัครสำวกทั้ง ๒ เป็นกัลยำณมิตร เป็นบุรุษ
ชั้นสูง ของเธอ, เธอจงเสพ จงคบกัลยำณมิตรเห็นปำนนี้ " ดังนี้แล้ว
เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคำถำนี้ว่ำ :-
" บุคคลไม่ควรคบปำปมิตร, ไม่ควรคบบุรุษตำ่ำช้ำ,
ควรคบกัลยำณมิตร, ควรคบบุรุษสูงสุด. "
*แปลออกสอบเปรียญ ๖ ประโยค ในสนำมหลวง พ.ศ. ๒๔๖๙.
- 14. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 12
[ แก้อรรถ ]
เนื้อควำมแห่งพระคำถำนั้นว่ำ " คนผูยินดีในอกุศลกรรม มี
้
กำยทุจริตเป็นต้น ชื่อว่ำปำปมิตร, คนผูชักนำำในเหตุอันไม่สมควร มี
้
กำรตัดช่องเป็นต้นก็ดี อันต่ำงโดยกำรแสวงหำไม่ควร ๒๑ อย่ำงชื่อว่ำบุรุษตำ่ำช้ำ . อนึ่ง
ชน ๒ จำำพวกนั้น ชือว่ำเป็นทั้งปำปมิตร
่
ทั้งบุรุษตำ่ำช้ำ; บุคคลไม่ควรคบ คือไม่ควรนั่งใกล้เขำเหล่ำนั้น; ฝ่ำย
ชนผูผิดตรงกันข้ำม ชื่อว่ำเป็นกัลยำณมิตร ทั้งสัตบุรุษ ,
้ บุคคลควร
คบ คือควรนั่งใกล้ท่ำนเหล่ำนั้น.
ในเวลำจบเทศนำ ชนเป็นอันมำก บรรลุอริยผลทั้งหลำย มี
โสดำปัตติผลเป็นต้นแล้ว.
[ พระศำสดำตรัสสั่งให้ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ ]
ฝ่ำยพระฉันนเถระ แม้ได้ฟังพระโอวำทแล้ว ก็ยังด่ำขู่พวกภิกษุ
อยู่อีกเหมือนนัยก่อนนั่นเอง. แม้พวกภิกษุก็กรำบทูลแด่พระศำสดำ
อีก. พระศำสดำตรัสว่ำ " ภิกษุทั้งหลำย เมื่อเรำยังมีชีวิตอยู่ พวก
เธอจักไม่อำจ เพื่อให้ฉันนะสำำเหนียกได้. แต่เมื่อเรำปรินิพพำนแล้ว
จึงจักอำจ " ดังนี้แล้ว, เมื่อพระอำนนท์ทูลถำม ในเวลำจวนจะ
เสด็จปรินิพพำนว่ำ " พระเจ้ำข้ำ อันพวกข้ำพระองค์จะพึงปฏิบัติใน
พระฉันนเถระอย่ำงไร ? จึงตรัสบังคับว่ำ " อำนนท์ พวกเธอพึงลง
พรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุเถิด. "
๑. ปรมัตถโชติก หน้ำ ๒๖๕.
- 15. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 13
พระฉันนะนั้น เมือพระศำสดำเสด็จปรินิพพำนแล้ว ได้ฟัง
่
พรหมทัณฑ์ ที่พระอำนนทเถระยกขึ้นแล้ว มีทุกข์ เสียใจ ล้มสลบ
ถึง ๓ ครั้ง แล้ววิงวอนว่ำ " ข้ำแต่ท่ำนผู้เจริญ ขอท่ำนอย่ำให้กระผม
ฉิบหำยเลย " ดังนีแล้ว บำำเพ็ญวัตรอยู่โดยชอบ
้ ต่อกำลไม่นำนนัก
ก็บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทำทั้งหลำยแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพระฉันนเถระ จบ.
- 16. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 14
๔. เรื่องพระมหำกัปปินเถระ
[ ข้อควำมเบื้องต้น ]
พระศำสดำเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรำรภพระมหำ
กัปปินเถระ ตรัสพระธรรมเทศนำนี้ว่ำ " ธมฺมปีติ สุข เสติ "
เป็นต้น. ในเรื่องนั้น มีอนุบุพพีกถำ ดังต่อไปนี้ :-
[ พระปัจเจกพุทธะทูลขอหัตถกรรมทำำเสนำสนะ ]
ได้ยินว่ำ ในอดีตกำล ท่ำนพระมหำกัปปินะ มีอภินิหำรได้ทำำไว้
แทบบำทมูลของพระพุทธเจ้ำทรงพระนำมว่ำปทุมุตตระ ท่องเที่ยว
อยู่ในสงสำร เกิดเป็นนำยช่ำงหูกผู้เป็นหัวหน้ำ ในบ้ำนช่ำงหูกแห่งหนึ่ง
ในที่ไม่ไกลแต่กรุงพำรำณสี. ครังนั้น
้ พระปัจเจกพุทธะประมำณพัน
องค์ อยู่ในหิมวันตประเทศ ๘ เดือน อยู่ในชนบท ๔ เดือนอันเป็น
ฤดูฝน. ครำวหนึ่ง พระปัจเจกพุทธะเหล่ำนั้น พักอยู่ในที่ไม่ไกลแต่
กรุงพำรำณสี แล้วส่งพระปัจเจกพุทธะ ๒ รูปไปยังสำำนักพระรำชำด้วย
"
คำำว่ำ ท่ำนทั้งหลำยจงทูลขอหัตถกรรมเพื่อประโยชน์แก่กำรทำำเสนำ-
สนะ. " ก็ในกำลนั้น เป็นครำววัปปมงคลแรกนำขวัญของพระรำชำ.
ท้ำวเธอทรงสดับว่ำ " ได้ยินว่ำ พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยมำ " จึง
เสด็จออกไป ตรัสถำมถึงเหตุที่มำ แล้วตรัสว่ำ " ข้ำแต่ทำนผู้เจริญ
่
วันนี้ยงไม่มีโอกำส.
ั (เพรำะ) พรุ่งนี้ ข้ำพเจ้ำทังหลำยจะมีกำรมงคล
้
แรกนำขวัญ, ข้ำพเจ้ำจักทำำในวันที่ ๓ " ไม่ทรงอำรำธนำพระปัจเจก-
*พระมหำเฉย (พระรำชปัญญำกวี) ป.ธ. ๗ วัดสัมพันธวงศ์ แปล.
- 17. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 15
พุทธะทั้งหลำยไว้เลย เสด็จเข้ำไปแล้ว. พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำย
คิดว่ำ " เรำทังหลำยจักเข้ำไปสู่บ้ำนอื่น
้ " หลีกไปแล้ว.
[ พวกบ้ำนช่ำงหูกทำำบุญ ]
ในขณะนั้น ภรรยำของนำยช่ำงหูกผู้หัวหน้ำ ไปสู่กรุงพำรำณสี
ด้วยกิจบำงอย่ำง เห็นพระปัจเจกพุทธะเหล่ำนั้น นมัสกำรแล้วถำมว่ำ
" ท่ำนผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้ำมำในกำลมิใช่เวลำ เพรำะเหตุไร ?"
ได้ทรำบควำมเป็นไปนั้นตั้งแต่ต้น เป็นหญิงมีศรัทธำ ถึงพร้อมด้วย
ปัญญำ นิมนต์ว่ำ " ท่ำนผู้เจริญ ขอท่ำนทั้งหลำยจงรับภิกษำของดิฉัน
ทั้งหลำยในวันพรุ่งนี้. "
พระปัจเจก. น้องหญิง พวกเรำมีมำก.
หญิง. มีประมำณเท่ำไร ? เจ้ำข้ำ.
พระปัจเจก. มีประมำณพันรูป น้องหญิง.
หญิงนั้นกล่ำวว่ำ " ท่ำนผู้เจริญ พวกดิฉันมีประมำณพันคน
อยู่ในบ้ำนนี้, คนหนึ่ง ๆ จักถวำยภิกษำแด่พระผู้เป็นเจ้ำรูปหนึ่ง ๆ
ขอท่ำนทั้งหลำย จงรับภิกษำเถิด, ดิฉันคนเดียวจักให้ทำำแม้ที่อยู่แก่
ท่ำนทั้งหลำย. "
พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยรับ (อำรำธนำ) แล้ว. นำงเข้ำไปสู่
บ้ำน ป่ำวร้องว่ำ " เรำเห็นพระปัจเจกพุทธะประมำณพันองค์ นิมนต์
ไว้แล้ว, ท่ำนทั้งหลำยจงจัดแจงที่เป็นที่นั่งแด่พระผู้เป็นเจ้ำทั้งหลำย,
จงจัดอำหำรวัตถุทั้งหลำยมีขำวต้มและข้ำวสวยเป็นต้น แด่พระผู้เป็น
้
- 18. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 16
เจ้ำทังหลำยเถิด
้ " แล้วให้สร้ำงปรำำในท่ำมกลำงบ้ำน ลำดอำสนะไว้
ในวันรุ่งขึ้น จึงให้นิมนต์พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยนั่ง อังคำสด้วย
โภชนะอันประณีต ในเวลำเสร็จภัตกิจ จึงพำหญิงทั้งหมดในบ้ำนนั้น
พร้อมกับหญิงเหล่ำนั้น นมัสกำรพระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยแล้ว รับ
เอำปฏิญญำเพื่อประโยชน์แก่กำรอยูตลอดไตรมำส แล้วป่ำวร้องชำวบ้ำน
่
อีกว่ำ " แม่และพ่อทั้งหลำย บุรุษคนหนึ่ง ๆ แต่ตระกูลหนึ่ง ๆ
จงถือเอำเครื่องมือมีมดเป็นต้นเข้ำไปสู่ปำ นำำเอำทัพพสัมภำระมำสร้ำง
ี ่
ที่เป็นที่อยู่ของพระผู้เป็นเจ้ำทังหลำย.
้ "
พวกชำวบ้ำนตั้งอยู่ในถ้อยคำำของนำงแล้ว คนหนึ่ง ๆ ทำำทีแห่ง
่
หนึ่ง ๆ แล้วให้สร้ำงศำลำมุงด้วยใบไม้พันหลัง พร้อมกับที่พักกลำง
คืนและกลำงวัน แล้วอุปัฏฐำกพระปัจเจกพุทธะผู้เข้ำจำำนำำพรรษำใน
บรรณศำลำของตน ๆ ด้วยตั้งใจว่ำ " เรำจักอุปัฏฐำกโดยเคำรพ, เรำ
จักอุปัฏฐำกโดยเคำรพ. "
ในเวลำออกพรรษำแล้ว นำงชักชวนว่ำ " ท่ำนทั้งหลำยจง
ตระเตรียมผ้ำเพื่อจีวร (ถวำย) แด่พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยผู้อยู่จำำ
พรรษำในบรรณศำลำของตน ๆ เถิด. " แล้วให้ถวำยจีวรมีคำพันหนึ่ง
่
แด่พระปัจเจกพุทธะองค์หนึ่ง ๆ. พระปัจเจกพุทธะทั้งหลำยออกพรรษำ
แล้ว ทำำอนุโมทนำแล้วก็หลีกไป.
[ อำนิสงส์ทำนนำำให้เกิดในดำวดึงส์ ]
แม้พวกชำวบ้ำน ครั้นทำำบุญนี้แล้ว จุติจำกอัตภำพนั้นแล้วเกิด
- 19. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 17
ในภพดำวดึงส์ ได้มีนำมว่ำคณะเทวบุตรแล้ว. เทวบุตรเหล่ำนั้น
เสวยทิพยสมบัติในภพดำวดึงส์นั้น ในกำลแห่งพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ
ทรงพระนำมว่ำกัสสปะ (มำ) เกิดในเรือนของกุฎุมพี ในกรุง
พำรำณสี. หัวหน้ำช่ำงหูกได้เป็นบุตรของกุฎุมพีผู้ใหญ่. ฝ่ำยภรรยำ
ของเขำ ก็ได้เป็นธิดำของกุฎุมพีผู้ใหญ่เหมือนกัน. หญิงเหล่ำนั้น
แม้ทงหมด ถึงควำมเจริญวัยแล้ว เมื่อจะไปสูตระกูลผัว ก็ได้ไป
ั้ ่
สู่เรือนของบุรุษเหล่ำนั้นนั่นแล.
[ กุฎุมพีถวำยมหำทำน ]
ต่อมำวันหนึ่ง เขำป่ำวร้องกำรฟังธรรมในวิหำร. กุฎุมพี
เหล่ำนั้นแม้ทั้งหมด ได้ยินว่ำ " พระศำสดำจะทรงแสดงธรรม " ปรึกษำ
กันว่ำ " เรำทังหลำยจักฟังธรรม
้ " แล้วได้ไปสู่วิหำรกับภรรยำ. ใน
ขณะที่ชนเหล่ำนั้น เข้ำไปสู่ทำมกลำงวิหำร ฝนได้ตั้งเค้ำแล้ว,
่ บรรพ-
ชิตทังหลำยมีสำมเณรเป็นต้น
้ ผูเป็นกุลุปกะหรือเป็นญำติของชนเหล่ำ
้
ใดมีอยู่; ชนเหล่ำนั้นก็เข้ำไปสู่บริเวณของบรรพชิตเหล่ำนั้น. แต่
กุฎุมพีเหล่ำนั้นไม่อำจจะเข้ำไปในที่ไหน ๆ ได้ เพรำะควำมที่กุลุปกะ
หรือญำติเห็นปำนนั้นไม่มี ได้ยืนอยู่ท่ำมกลำงวิหำรนั่นเอง.
ลำำดับนั้น กุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้ำ จึงกล่ำวกะกุฎุมพีผู้บริวำรเหล่ำ
นั้นว่ำ " ท่ำนทั้งหลำย จงดูอำกำรอันน่ำเกลียดของพวกเรำ, ธรรมดำ
กุลบุตรทั้งหลำย ละอำยด้วยเหตุมีประมำณเท่ำนี้ สมควรแล้ว. "
บริวำร. นำย พวกเรำจะทำำอย่ำงไรเล่ำ ?
กุฎุมพี. พวกเรำถึงอำกำรน่ำเกลียดนี้ เพรำะไม่มีสถำนที่ซงมี
ึ่
- 20. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 18
คนคุ้นเคยกัน, เรำทั้งหมดรวมทรัพย์กัน สร้ำงบริเวณเถอะ.
บริวำร. ดีละ นำย.
คนผู้หัวหน้ำ ได้ให้ทรัพย์พันหนึ่ง, ชนที่เหลือให้คนละ ๕๐๐,
พวกหญิงให้คนละ ๒๕๐. ชนเหล่ำนั้นรวบรวมทรัพย์นั้นแล้วเริ่ม
(สร้ำง) ชื่อบริเวณใหญ่ เพื่อประโยชน์เป็นที่ประทับของพระศำสดำ
ซึ่งมีเรือนยอดพันหลังเป็นบริวำร. เมื่อทรัพย์ไม่เพียงพอ เพรำะ
ควำมที่นวกรรมเป็นงำนใหญ่, จึงได้ออกอีกคนละกึ่ง จำกทรัพย์ที่
ตนให้แล้วในก่อน. เมื่อบริเวณเสร็จแล้ว, ชนเหล่ำนั้นเมื่อจะทำำกำร
ฉลองวิหำร จึงถวำยมหำทำนแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้ำเป็นประมุข
ตลอด ๗ วัน แล้วจัดจีวรเพื่อภิกษุสองหมื่นรูป.
[ ภรรยำของกุฎุมพีถวำยดอกอังกำบ ]
ฝ่ำยภรรยำของกุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้ำ ไม่ทำำให้มีส่วนเสมอด้วยชน
ทั้งหมด ตังอยู่ด้วยปัญญำของตน คิดว่ำ
้ " เรำจักบูชำพระศำสดำ
ทำำให้ยง
ิ่ (กว่ำเขำ) " จึงถือเอำผอบดอกอังกำบ กับผ้ำสำฎกมีสีดัง
ดอกอังกำบรำคำพันหนึ่ง ในเวลำอนุโมทนำ บูชำพระศำสดำด้วย
ดอกอังกำบแล้ว วำงผ้ำสำฎกนั้นไว้ แทบบำทมูลของพระศำสดำ
ตังควำมปรำรถนำไว้ว่ำ
้ " ข้ำแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอสรีระของหม่อมฉัน
จงมีสีดุจดอกอังกำบนี่แหละ ในที่หม่อมฉันเกิดแล้ว ๆ, และขอหม่อม
ฉันจงมีนำมว่ำ อโนชำนั่นแล. "
พระศำสดำได้ทรงทำำอนุโมทนำว่ำ " จงสำำเร็จอย่ำงนั้นเถิด. "
- 21. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 19
[ กุฎุมพีภรรยำและบริวำรเกิดในรำชตระกูล ]
ชนเหล่ำนั้นแม้ทงหมด ดำำรงอยู่จนตลอดอำยุแล้ว จุตจำก
ั้ ิ
อัตภำพนั้นแล้วก็เกิดในเทวโลก ในพุทธุปบำทกำลนี้ จุตจำก
ิ
เทวโลกแล้ว. กุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้ำ เกิดในรำชตระกูล ในกุกกุฏวดีนคร
ถึงควำมเจริญวัยแล้ว ได้เป็นพระรำชำพระนำมว่ำ พระเจ้ำมหำกัปปินะ .
ชนที่เหลือได้เกิดในตระกูลมหำอำำมำตย์; ภรรยำของกุฎุมพีผู้เป็นหัวหน้ำ
เกิดในรำชตระกูล ในสำคลนคร ในมัททรัฐ. พระนำงได้มีพระสรีระ
เช่นกับสีดอกอังกำบนั่นเทียว. พระญำติขนำนพระนำมแก่พระนำงว่ำ
" อโนชำ " นั่นแล. พระนำงทรงถึงควำมเจริญวัยแล้ว ก็ไปสู่พระ
รำชมณเฑียรของพระเจ้ำกัปปินะ ได้เป็นพระเทวีมีพระนำมว่ำ
อโนชำแล้ว. แม้หญิงทั้งหลำยที่เหลือ เกิดในตระกูลอำำมำตย์ทั้งหลำย
ถึงควำมเจริญวัยแล้ว ก็ได้ไปสู่เรือนแห่งบุตรอำำมำตย์เหล่ำนั้นเหมือน
กัน. ชนเหล่ำนั้นแม้ทุกคน ได้เสวยสมบัติเช่นกับสมบัติของพระรำชำ.
ในกำลใด พระรำชำทรงประดับเครื่องอลังกำรทังปวง ทรงช้ำงเที่ยวไป;
้
ในกำลนั้น แม้ชนเหล่ำนั้นก็เที่ยวไปเหมือนอย่ำงนั้น. เมื่อพระรำชำ
เสด็จเที่ยวไปด้วยม้ำหรือด้วยรถ, แม้ชนเหล่ำนั้น ก็เที่ยวไปเหมือน
อย่ำงนั้น. ชนเหล่ำนั้นเสวยสมบัติร่วมกัน ด้วยอำนุภำพแห่งบุญที่ทำำ
ร่วมกัน ด้วยประกำรฉะนี้.
ก็มำของพระรำชำมีอยู่ ๕ ม้ำ คือ ม้ำชื่อพละ ๑ พลวำหนะ ๑
้
ปุปผะ ๑ ปุปผวำหนะ ๑ สุปตตะ ๑.
ั บรรดำม้ำเหล่ำนั้น ม้ำชื่อ
สุปัตตะ พระรำชำทรงเอง. ๔ ม้ำนอกนี้ ได้พระรำชำแก่พวกม้ำ
- 22. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 20
ใช้ เพื่อประโยชน์นำำข่ำวสำสน์มำ.
[ พระรำชำให้สืบข่ำวพระรัตนตรัย ]
พระรำชำให้ม้ำใช้เหล่ำนั้น บริโภคแต่เช้ำตรู่แล้ว ทรงส่งไป
ด้วยพระดำำรัสว่ำ " พวกท่ำนไปเถิด, เที่ยวไป ๒ หรือ ๓ โยชน์แล้ว
ทรำบว่ำพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์อุบติแล้ว จงนำำข่ำวที่
ั
ให้เกิดสุขมำแก่เรำ. " ม้ำใช้เหล่ำนั้น ออกโดยประตูทั้ง ๔ เทียวไป
่
ได้ ๒-๓ โยชน์ ไม่ได้ข่ำวแล้วก็กลับ.
[ พระรำชำได้ขำวพระรัตนตรัยจำกพ่อค้ำม้ำ
่ ]
ต่อมำวันหนึ่ง พระรำชำทรงม้ำชื่อสุปัตตะ อันอำำมำตย์พันหนึ่ง
แวดล้อม เสด็จไปพระรำชอุทยำน ทอดพระเนตรเห็นพวกพ่อค้ำ
ประมำณ ๕๐๐ ผูมีร่ำงอ่อนเพลียกำำลังเข้ำสู่พระนคร แล้วทรงดำำริว่ำ
้
" ชนเหล่ำนี้ลำำบำกในกำรเดินทำงไกล, เรำจักฟังข่ำวดีอย่ำงหนึ่ง
จำกสำำนักแห่งชนเหล่ำนี้เป็นแน่ " จึงรับสังให้เรียกพ่อค้ำเหล่ำนั้นมำ
่
แล้วตรัสถำมว่ำ " ท่ำนทั้งหลำยมำจำกเมืองไหน ?"
พ่อค้ำ. พระเจ้ำข้ำ พวกข้ำพระองค์มำจำกนครชื่อสำวัตถี
ซึ่งมีอยู่ในที่สุดประมำณ ๑๒๐ โยชน์ แต่พระนครนี้.
พระรำชำ. ก็ข่ำวอะไร ๆ อุบติขึ้นในประเทศของพวกท่ำน
ั
มีอยู่หรือ ?
พ่อค้ำ. พระเจ้ำข้ำ ข่ำวอะไร ๆ อย่ำงอื่นไม่มี, แต่พระสัมมำ
สัมพุทธเจ้ำทรงอุบัติขึ้นแล้ว.
พระรำชำทรงมีสรีระอันปีตมีวรรณ ๕ ถูกต้องแล้ว ในทันใด
ิ
- 23. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 21
นั้นนั่นเอง ไม่อำจเพื่อกำำหนดอะไร ๆ ได้ ทรงยับยังอยู่
้
ครู่หนึ่ง แล้วตรัสถำมว่ำ " พวกท่ำนกล่ำวอะไร ? พ่อ. " พวกพ่อค้ำ
กรำบทูลว่ำ " พระเจ้ำข้ำ พระพุทธเจ้ำทรงอุบติขึ้นแล้ว. " แม้ครั้ง
ั
ที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓ พระรำชำก็ทรงยับยั้งอยู่เหมือนอย่ำงนั้น. ในวำระ
ที่ ๔ ตรัสถำมว่ำ " พวกท่ำนกล่ำวอะไร ? พ่อ " เมื่อพ่อค้ำเหล่ำนั้น
กรำบทูลว่ำ " พระเจ้ำข้ำ พระพุทธเจ้ำทรงอุบติขึ้นแล้ว. " จึงตรัสว่ำ
ั
" พ่อทั้งหลำย เรำให้ทรัพย์แก่พวกท่ำนแสนหนึ่ง " แล้วตรัสถำมว่ำ
" ข่ำวอะไร ๆ แม้อื่นอีก มีอยู่หรือ ? พ่อ. " พวกพ่อค้ำกรำบทูลว่ำ
" มีอยู่ พระเจ้ำข้ำ, พระธรรมอุบติขึ้นแล้ว. " พระรำชำทรงสดับแม้
ั
คำำนั้นแล้ว ทรงยับยั้งอยู่ตลอด ๓ วำระโดยนัยก่อนนั่นแล, ในวำระ
ที่ ๔ เมื่อพวกพ่อค้ำกรำบทูลบทว่ำ " ธมฺโม " จึงตรัสว่ำ " แม้ใน
เพรำะบทนี้ เรำให้ทรัพย์พวกท่ำนแสนหนึ่ง " แล้วตรัสถำมว่ำ
" ข่ำวแม้อื่นอีก มีอยู่หรือ ? พ่อ. " พวกพ่อค้ำกรำบทูลว่ำ " พระเจ้ำข้ำ
มีอยู่, พระสังฆรัตนะอุบติขึ้นแล้ว. " พระรำชำทรงสดับแม้คำำนั้นแล้ว
ั
ทรงยับยั้งอยู่ตลอด ๓ วำระอย่ำงนั้นเหมือนกัน, ในวำระที่ ๔ เมื่อ
พวกพ่อค้ำกรำบทูลบทว่ำ " สงฺโฆ " จึงตรัสว่ำ " แม้ในเพรำะบทนี้
เรำให้ทรัพย์แก่พวกท่ำนแสนหนึ่ง " แล้วทรงแลดูอำำมำตย์พันหนึ่ง
ตรัสถำมว่ำ " พ่อทั้งหลำย พวกท่ำนจักทำำอย่ำงไร ? "
อำำมำตย์. พระเจ้ำข้ำ พระองค์จักทรงทำำอย่ำงไรเล่ำ ?
พระรำชำ. พ่อทั้งหลำย เรำได้สดับว่ำ ' พระพุทธเจ้ำทรง
อุบัตขึ้นแล้ว, พระธรรมอุบัติขึ้นแล้ว, พระสงฆ์อุบติขึ้นแล้ว ' จักทรง
ิ ั
- 24. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 22
ไม่กลับมำอีก, เรำจักอุทิศต่อพระศำสดำไปบวชในสำำนักของพระองค์.
อำำมำตย์. แม้ข้ำพระองค์ทั้งหลำย ก็จักบวชพร้อมด้วยพระองค์
พระเจ้ำข้ำ.
[ พระรำชำออกผนวชพร้อมกับอำำมำตย์ ]
พระรำชำรับสั่งให้เจ้ำพนักงำนอำลักษณ์จำรึกอักษรลงในแผ่นทอง
แล้ว ตรัสกะพวกพ่อค้ำม้ำว่ำ" พระเทวีพระนำมว่ำอโนชำ จักพระรำช-
ทำนทรัพย์ ๓ แสนแก่พวกท่ำน ; ก็แลพวกท่ำนพึงทูลอย่ำงนี้ว่ำ ' ได้
ยินว่ำ พระรำชทรงสละควำมเป็นใหญ่ถวำยพระองค์แล้ว, พระองค์
จงเสวยสมบัตตำมสบำยเถิด ;
ิ ก็ถ้ำพระเทวีจักตรัสถำมพวกท่ำนว่ำ
' พระรำชำเสด็จไปที่ไหน ? ' พวกท่ำนพึงทูลว่ำ ' พระรำชำตรัสว่ำ
จักบวชอุทิศพระศำสดำ ' แล้วก็เสด็จไป. "
แม้อำำมำตย์ทงหลำยก็ส่งข่ำวไปแก่ภรรยำของตน ๆ อย่ำงนั้น
ั้
เหมือนกัน. พระรำชำทรงส่งพวกพ่อค้ำไปแล้ว อันอำำมำตย์พันหนึ่ง
แวดล้อม เสด็จออกไปในขณะนั้นนั่นแล.
ในวันนั้น แม้พระศำสดำเมือทรงตรวจดูสัตว์โลกในกำลใกล้รุ่ง
่
ได้ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้ำมหำกัปปินะพร้อมบริวำร ทรงดำำริ
ว่ำ " พระเจ้ำมหำกัปปินะนี้ ได้ทรงสดับควำมที่รัตนะ ๓ อุบัติขึ้น
แต่สำำนักของพวกพ่อค้ำแล้ว ทรงบูชำคำำของพ่อค้ำเหล่ำนั้นด้วยทรัพย์
๓ แสน ทรงสละรำชสมบัติ อันอำำมำตย์พันหนึ่งแวดล้อม ทรงประ -
สงค์เพื่อจะผนวช อุทิศเรำ จักเสด็จออกไปในวันพรุ่งนี้, ท้ำวเธอ
พร้อมทั้งบริวำรจักบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทำทังหลำย,
้ เรำ
- 25. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 23
จักทำำกำรต้อนรับท้ำวเธอ " ดังนี้แล้ว ในวันรุ่งขึ้น ทรงบำตรและ
จีวรด้วยพระองค์เองทีเดียว เสด็จต้อนรับสิ้นทำง ๑๒๐ โยชน์ ดุจพระ
เจ้ำจักรพรรดิ์ทรงต้อนรับกำำนันฉะนั้น ประทับนั่งเปล่งพระรัศมี มี
พรรณ ๖ ณ ภำยใต้โคนต้นนิโครธ ริมฝั่งแม่นำ้ำจันทภำคำนที.
ฝ่ำยพระรำชำเสด็จมำถึงแม่นำ้ำแห่งหนึ่งแล้ว ตรัสถำมว่ำ " นี่ชื่อ
แม่นำ้ำอะไร ?"
อำำมำตย์. ชืออำรวปัจฉำนที พระเจ้ำข้ำ.
่
พระรำชำ. พ่อทั้งหลำย แม่นำ้ำนี้มีประมำณเท่ำไร ?
อำำมำตย์. โดยลึก คำวุตหนึ่ง, โดยกว้ำง ๒ คำวุต พระเจ้ำข้ำ.
พระรำช. ก็ในแม่นำ้ำนี้ เรือหรือแพมีไหม ?
อำำมำตย์. ไม่มี พระเจ้ำข้ำ.
พระรำชำตรัสว่ำ " เมื่อเรำทังหลำยมัวหำยำนมีเรือเป็นต้น,
้
ชำติย่อมนำำไปสูชรำ, ชรำย่อมไปสู่มรณะ, เรำไม่มีควำมสงสัย ออก
่
บวชอุทิศพระรัตนตรัย, ด้วยอำนุภำพแห่งพระรัตนตรัยนั้น นำ้ำนี้ อย่ำ
ได้เป็นเหมือนนำ้ำเลย " ดังนี้แล้ว ทรงระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ระลึก
ถึงพุทธำนุสติว่ำ " แม้เพรำะเหตุนี้ พระผู้มีพระภำคพระองค์นั้น
เป็นพระอรหันตสัมมำสัมพุทธเจ้ำ " เป็นต้น พร้อมทังบริวำรเสด็จไป
้
บนหลังนำ้ำด้วยม้ำพันหนึ่ง. ม้ำสินธพทั้งหลำยก็วิ่งไป ดุจวิ่งไปบน
หลังแผ่นหิน. ปลำยกีบก็ไม่เปียก
๑. ถ้ำบำลีเป็น อคฺคำเนว เตมึสุ ก็แปลว่ำ ปลำยกีบเท่ำนั้น เปียกนำ้ำ.
- 26. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 24
พระรำชำเสด็จข้ำมแม่นำ้ำนั้นแล้ว เสด็จไปข้ำงหน้ำ ทอดพระ
เนตรเห็นแม่นำ้ำอื่นอีก จึงตรัสถำมว่ำ " แม่นำ้ำนี้ชื่ออะไร ?"
อำำมำตย์. ชือนีลวำหนำนที พระเจ้ำข้ำ.
่
พระรำชำ. แม่นำ้ำนี้ประมำณเท่ำไร ?
อำำมำตย์. ทังส่วนลึก ทั้งส่วนกว้ำง ประมำณกึ่งโยชน์พระเจ้ำข้ำ.
้
คำำที่เหลือก็เช่นกับคำำก่อนนั่นแหละ.
ก็พระรำชำ ทอดพระเนตรเห็นแม่นำ้ำนั้นแล้ว ทรงระลึกถึง
ธรรมนำนุสติวำ
่ " พระธรรมอันพระผู้มีพระภำคตรัสดีแล้ว " เป็นต้น
เสด็จไปแล้ว. ครั้นเสด็จข้ำมแม่นำ้ำแม้นั้นไปได้แล้ว ทอดพระเนตร
เห็นแม่นำ้ำอื่นอีก จึงตรัสถำมว่ำ " แม่นำ้ำนี้ชื่ออะไร ?"
อำำมำตย์. แม่นำ้ำนี้ชื่อว่ำจันทภำคำนที พระเจ้ำข้ำ.
พระรำชำ. แม่นำ้ำนี้ประมำณเท่ำไร ?
อำำมำตย์. ทังส่วนลึก ทั้งส่วนกว้ำง ประมำณโยชน์หนึ่ง พระ
้
เจ้ำข้ำ.
คำำที่เหลือก็เหมือนกับคำำก่อนนั่นแล.
ส่วนพระรำชำทอดพระเนตรเห็นแม่นำ้ำนี้แล้ว ทรงระลึกถึง
สังฆำนุสติว่ำ " พระสงฆ์สำวกของพระผู้มีพระภำค เป็นผู้ปฏิบัติ
ดีแล้ว " เป็นต้น เสด็จไปแล้ว. ก็เม่อเสด็จข้ำมแม่นำ้ำนั้นไป ได้ทอด
พระเนตรเห็นพระรัศมีมีพรรณ ๖ แต่พระสรีระของพระศำสดำ. กิ่ง
ค่ำคบ และใบ แห่งต้นนิโครธ ได้เป็นรำวกะว่ำสำำเร็จด้วยทองคำำ.
- 27. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 25
[ พระรำชำและอำำมำตย์ได้บรรลุคุณวิเศษ ]
พระรำชำทรงดำำริว่ำ " แสงสว่ำงนี้ ไม่ใช่แสงจันทร์, ไม่ใช่แสง
อำทิตย์, ไม่ใช่แสงสว่ำงแห่งเทวดำ มำร พรหม นำค ครุฑเป็นต้น
ผู้ใดผู้หนึ่ง, เรำอุทิศพระศำสดำมำอยู่ จักเป็นผู้อันพระมหำโคดม-
พุทธเจ้ำทรงเห็นแล้วโดยแน่แท้. " ในทันใดนั้นนั่นแล ท้ำวเธอเสด็จ
ลงจำกหลังม้ำทรงน้อมพระสรีระ เข้ำไปเฝ้ำพระศำสดำ ตำมสำยพระ
รัศมี เสด็จเข้ำไปภำยในแห่งพระพุทธรัศมี รำวกะว่ำดำำลงไปใน
มโนสิลำรส ถวำยบังคมพระศำสดำแล้ว ประทับนั่ง ณ ส่วนข้ำงหนึ่ง
พร้อมกับอำำมำตย์พันหนึ่ง
พระศำสดำทรงแสดงอนุปุพพีกถำแล้ว. ในเวลำจบเทศนำ
พระรำชำพร้อมด้วยบริวำร ตั้งอยู่แล้วในโสดำปัตติผล. ลำำดับนั้น
ชนเหล่ำนั้นทั้งหมด ลุกขึ้นทูลขอบรรพชำแล้ว.
พระศำสดำทรงใคร่ครวญว่ำ " บำตรจีวรสำำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์
ของกุลบุตรเหล่ำนี้ จักมำหรือหนอแล ? " ทรงทรำบว่ำ " กุลบุตร
เหล่ำนี้ ได้ถวำยจีวรพันผืน แด่พระปัจเจกพุทธะพันองค์. ในกำล
แห่งพระพุทธเจ้ำพระนำมว่ำกัสสป ได้ถวำยจีวรสองหมื่น แม้แก่
ภิกษุสองหมื่นรูป. ควำมมำแห่งบำตรและจีวรอันสำำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์
ของกุลบุตรเหล่ำนี้ ไม่น่ำอัศจรรย์ " ดังนีแล้ว ทรงเหยียดพระหัตถ์
้
ขวำ ตรัสว่ำ " ท่ำนทั้งหลำยจงเป็นภิกษุมำเถิด, ท่ำนทั้งหลำยจงประ
พฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด. " ทันใดนั้นนั่นเอง
- 28. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 26
กุลบุตรเหล่ำนั้นเป็นรำวกะพระเถระมีพรรษำตัง ๑๐๐
้ ทรงบริขำร ๘
เหำะขึ้นสู่เวหำส กลับลงมำถวำยบังคมพระศำสดำนั่งอยู่แล้ว.
[ พระนำงอโนชำเทวีเสด็จออกผนวช ]
ฝ่ำยพ่อค้ำเหล่ำนั้นไปสู่รำชตระกูลแล้ว ให้เจ้ำหน้ำที่กรำบทูล
ข่ำวที่พระรำชำทรงส่งไป, เมื่อพระเทวีรับสั่งว่ำ " จงมำเถิด " เข้ำ
ไปถวำยบังคมแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ส่วนข้ำงหนึ่ง, ลำำดับนั้น พระเทวี
ตรัสถำมพ่อค้ำเหล่ำนั้นว่ำ " พ่อทั้งหลำย พวกท่ำนมำเพรำะเหตุอะไร ?"
พ่อค้ำ. พระรำชำทรงส่งพวกข้ำพระองค์มำยังสำำนักของพระ
องค์. นัยว่ำ ขอพระองค์จงพระรำชทำนทรัพย์ ๓ แสนแก่พวก
ข้ำพระองค์.
พระเทวี. พ่อทั้งหลำย พวกท่ำนพูดมำกเกินไป. พวกท่ำน
ทำำอะไร แก่พระรำชำ, พระรำชำทรงเลื่อมใสในอะไรของพวกท่ำน
จึงรับสังให้พระรำชทำนทรัพย์มีประมำณเท่ำนี้
่ ?
พ่อค้ำ. พระเจ้ำข้ำ อะไร ๆ อย่ำงอื่น พวกข้ำพระองค์มิได้ทำำ,
แต่พวกข้ำพระองค์ได้กรำบทูลข่ำวแด่พระรำชำ.
พระเทวี. พ่อค้ำทังหลำย ก็พวกท่ำนสำมำรถบอกแก่เรำบ้ำง
้
ได้ไหม ?
พ่อค้ำ. ได้ พระเจ้ำข้ำ.
พระเทวี. พ่อทั้งหลำย ถ้ำกระนั้น พวกท่ำนจงบอก.
พ่อค้ำ. พระเจ้ำข้ำ พระพุทธเจ้ำทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก.
แม้พระเทวีทรงสดับคำำนั้นแล้ว มีพระสรีระอันปีติถูกต้อง
- 29. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 27
แล้ว โดยนัยก่อนนั่นแล ทรงกำำหนดอะไร ๆ ไม่ได้ถึง ๓ ครั้ง, ใน
วำระที่ ๔ ทรงสดับบทว่ำ " พุทฺโธ " แล้วจึงตรัสว่ำ " พ่อทั้งหลำย
ในเพรำะบทนี้ พระรำชำพระรำชทำนอะไร ?"
พ่อค้ำ. ทรัพย์แสนหนึ่ง พระเจ้ำข้ำ.
พระเทวี. พ่อทั้งหลำย พระรำชำทรงสดับข่ำวเห็นปำนนี้แล้ว
พระรำชทำนทรัพย์แสนหนึ่งแก่ทำนทั้งหลำย
่ (ชือว่ำ)
่ ทรงกระทำำไม่
สมกันเลย. แต่เรำจะให้แก่พวกท่ำน ๓ แสน ในเพรำะของกำำนัล
อันขัดสนของเรำ, ข่ำวอะไรอีก ? ที่ทำนทั้งหลำยกรำบทูลแล้ว.
่
พ่อค้ำเหล่ำนั้นกรำบทูลข่ำว ๒ อย่ำง แม้อื่นอีกว่ำ " ข่ำวอย่ำง
นี้ แลอย่ำงนี้. "
พระเทวีมีพระสรีระอันถูกต้องแล้ว โดยนัยก่อนนั่นแล
ทรงกำำหนดอะไร ๆ ไม่ได้ถึง ๓ ครั้ง, ในครั้งที่ ๔ ทรงสดับอย่ำง
นั้นเหมือนกันแล้ว รับสั่งให้พระรำชทำนทรัพย์ครังละ ๓ แสน.
้ พ่อค้ำ
เหล่ำนั้น ได้ทรัพย์ทงหมดเป็น ๑๒ แสน ด้วยประกำรฉะนี้.
ั้
ลำำดับนั้น พระเทวีตรัสถำมพ่อค้ำเหล่ำนั้นว่ำ " พ่อทั้งหลำย
พระรำชำเสด็จไปไหน ?"
พ่อค้ำ. พระเจ้ำข้ำ พระรำชำรับสังว่ำ
่ " เรำจักบวชอุทิศพระ-
ศำสดำ " แล้วก็เสด็จไป.
พระเทวี. ข่ำวอะไร ? ที่พระองค์พระรำชทำนแก่เรำ.
พ่อค้ำ. นัยว่ำ พระองค์ทรงสละควำมเป็นใหญ่ทั้งหมด ถวำย
พระองค์. นัยว่ำ พระองค์จงเสวยสมบัตตำมพระประสงค์เถิด.
ิ
- 30. ประโยค๒ - พระธัมมปทัฏฐกถำแปล ภำค ๔ - หน้ำที่ 28
พระเทวี. ก็พวกอำำมำตย์ไปไหน ? พ่อ.
พ่อค้ำ. แม้อำำมำตย์เหล่ำนั้นกล่ำวว่ำ ' เรำจักบวชกับพระรำชำ
เหมือนกัน ' แล้วก็ไป พระเจ้ำข้ำ.
พระนำง รับสังให้เรียกภรรยำ ของอำำมำตย์เหล่ำนั้นมำแล้ว
่
ตรัสว่ำ " แม่ทั้งหลำย สำมีของพวกเจ้ำ กล่ำวว่ำ ' เรำจักบวชกับ
พระรำชำ ' แล้วก็ไป, พวกเจ้ำจักทำำอย่ำงไร ? "
หญิง. พระเจ้ำข้ำ ก็ข่ำวอะไร ? ที่พวกเขำส่งมำเพื่อพวก
หม่อมฉัน.
พระเทวี. ได้ยินว่ำ อำำมำตย์เหล่ำนั้น สละสมบัติของตน ๆ แก่
พวกเจ้ำแล้ว, ได้ยินว่ำ พวกเจ้ำจงบริโภคสมบัตินั้นตำมชอบใจเถิด.
หญิง. ก็พระองค์จักทรงทำำอย่ำงไรเล่ำ ? พระเจ้ำข้ำ.
พระเทวี. แม่ทงหลำย ทีแรก พระรำชำนั้นทรงสดับข่ำวแล้ว
ั้
ประทับยืนในหนทำงเทียว ทรงบูชำพระรัตนตรัยด้วยทรัพย์ ๓ แสน
ทรงสละสมบัตดุจก้อนนำ้ำลำย ตรัสว่ำ เรำจักบวช แล้วเสด็จออก
ิ
ไป ; ส่วนเรำได้ฟังข่ำวพระรัตนตรัยแล้ว บูชำพระรัตนตรัยด้วย
ทัพย์ ๙ แสน ; ก็แล ชื่อว่ำสมบัตินี้ มิได้นำำทุกข์มำแด่พระรำชำ
เท่ำนั้น, ย่อมเป็นเหตุนำำทุกข์มำ แม้แก่เรำเหมือนกัน, ใครจักคุกเข่ำ
รับเอำก้อนนำ้ำลำยที่พระรำชำทรงบ้วนทิ้งด้วยปำกเล่ำ ? เรำไม่
ต้องกำรด้วยสมบัติ, แม้เรำก็จักไปบวชอุทิศพระศำสดำ.
หญิง. พระเข้ำข้ำ แม้พวกหม่อมฉันก็จักบวชกับพระองค์
เหมือนกัน.