More Related Content
Similar to ระบบประสาท (20)
ระบบประสาท
- 1. ระบบประสาท (nervous system)
ระบบประสาท (nervous system) คือ ระบบการตอบสนอง
ต่อสิ่งเร้าของสัตว์ ทำาให้สัตว์สามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบ
ตัวอย่างรวดเร็ว ช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อให้สามารถ
ตอบสนองได้ สัตว์ชั้นตำ่าบางชนิด เช่น ฟองนำ้า ไม่มี
ระบบประสาท สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดเริ่มมีระบบ
ประสาท สัตว์ชั้นสูงขึ้นมาจะมีโครงสร้างของระบบประสาทซับ
ซ้อน
ยิ่งขึ้น ระบบประสาทของมนุษย์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
คือระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก
ระบบประสาทส่ว นกลาง
ระบบประสาทส่วนกลาง(the central nervous system หรือ
somatic nervous system ) เป็นศูนย์กลางควบคุมการทำางาน
ของร่างกาย ซึ่งทำางานพร้อมกันทั้งในด้านกลไกและทางเคมีภาย
ใต้
อำานาจจิตใจ ซึ่งประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง โดย
เส้นประสาทหลายล้านเส้นจากทั่วร่างกายจะส่งข้อมูลในรูปกระแส
ประสาทออกจากบริเวณศูนย์กลาง มีอวัยวะที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. สมอง(brain) เป็นส่วนที่ใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ
ของระบบประสาทส่วนกลาง ทำาหน้าที่ควบคุมการทำากิจกรรม
ทั้งหมดของร่างกาย เป็นอวัยวะชนิดเดียวที่แสดงความสามารถ
ด้านสติปัญญา
การทำากิจกรรมหรือการแสดงออกต่างๆ สมองของสัตว์มี
กระดูกสันหลังที่สำาคัญแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
1.1 เซรีบรัมเฮมิสเฟียร์(cerebrum
hemisphere) คือสมองส่วนหน้า ทำาหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมที่
ซับซ้อนเกี่ยวกับความรู้สึกและอารมณ์ ควบคุมความคิด ความ
จำา และความเฉลียวฉลาด เชื่อมโยงความรู้สึกต่างๆ เช่น การ
ได้ยิน การมองเห็น การรับกลิ่น การรับรส การรับสัมผัส
เป็นต้น
1.2 เมดัลลาออบลองกาตา(medulla
oblongata) คือส่วนที่อยู่ติดกับไขสันหลัง ควบคุมการทำางาน
ของระบบประสาทอัตโนวัติ เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ
การไอ การจาม การกะพริบตา ความดันเลือด เป็นต้น
1.3 เซรีเบลลัม(cerebellum) คือสมองส่วน
ท้าย เป็นส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและการ
- 2. ทรงตัว ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำา เช่น การเดิน การวิ่ง
การขี่จักรยาน เป็นต้น
2.ไขสัน หลัง (spinal cord) เป็นเนื้อเยื่อประสาทที่ทอดยาว
จากสมองไปภายในโพรงกระดูกสันหลัง กระแสประสาทจากส่วน
ต่างๆ ของร่างกายจะผ่านไขสันหลัง มีทั้งกระแสประสาทเข้า
และกระแสประสาทออกจากสมอง และกระแสประสาทที่
ติดต่อกับไขสันหลังโดยตรง
- 3. 3. เซลล์ป ระสาท(neuron) เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของระบบ
ประสาท เซลล์ประสาทมีเยื่อหุ้มเซลล์ไซโทพลาสซึมและ
นิวเคลียสเหมือนเซลล์อื่นๆ แต่มีรูปร่างและลักษณะแตกต่าง
ออกไปเซลล์ประสาทประกอบด้วยตัวเซลล์และเส้นใย
ประสาทที่มี 2 แบบคือ เดนไดรต์(dendrite) ทำาหน้าที่นำากระแส
ประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์และแอกซอน(axon)ทำาหน้าที่นำากระแส
ประสาท
ออกจากตัวเซลล์ไปยังเซลล์ประสาทอื่นๆ เซลล์ประสาท
จำาแนกตามหน้าที่การทำางานได้ 3 ชนิด คือ
3.1 เซลล์ประสาทรับความรู้สึก รับความ
รู้สึกจากอวัยวะสัมผัส เช่น จมูก ตา หู ผิวหนัง ส่งกระแส
ประสาทผ่านเซลล์ประสาทประสานงาน
3.2 เซลล์ประสาทประสาน เป็นตัวเชื่อมโยง
กระแสประสาทระหว่างเซลล์รับความรู้สึกกับสมอง ไขสันหลัง
และ เซลล์ประสาทสั่งการ พบในสมองและไขสันหลังเท่านั้น
3.3 เซลล์ประสาทสั่งการ รับคำาสั่งจากสมอง
หรือไขสันหลัง เพื่อควบคุมการทำางานของอวัยวะต่างๆ
การทำางานของระบบประสาทส่วนกลาง
สิ่งเร้าหรือการกระตุ้นจัดเป็นข้อมูลที่เส้นประสาทนำาไป
ยังระบบประสาทส่วนกลางเรียกว่า “กระแสประสาท” เป็น
- 4. สัญญาณไฟฟ้าที่นำาไปสู่เซลล์ประสาททางด้านเดนไดรต์ และเดิน
ทางออกอย่างรวดเร็วทางด้านแอกซอน แอกซอนส่วนใหญ่มีแผ่น
ไขมันหุ้มไว้เป็นช่วงๆ แผ่นไขมันนี้ทำาหน้าที่เป็นฉนวนและทำาให้
กระแสประสาทเดินทางได้เร็วขึ้น ถ้าแผ่นไขมันนี้ฉีกขาดอาจ
ทำาให้กระแสประสาทช้าลง ทำาให้สูญเสียความสามารถในการใช้
กล้ามเนื้อ เนื่องจากการรับคำาสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางได้
ไม่ดี
ระบบประสาทรอบนอก
ระบบประสาทรอบนอก (peripheral
nervous system) ทำาหน้าที่รับและนำาความรู้สึกเข้าสู่ระบบ
ประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมองและไขสันหลัง จากนั้นนำา
กระแสประสาทสั่ง
การจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังหน่วยปฏิบัติงาน
ซึ่งประกอบด้วยหน่วยรับความรู้สึกและอวัยวะรับสัมผัส รวมทั้ง
เซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่อยู่นอกระบบประสาทส่วนกลาง
ระบบประสาทรอบนอกจำาแนกตามลักษณะการทำางานได้
2 แบบดังนี้
1. ระบบประสาทภายใต้อำานาจจิตใจ เป็น
ระบบควบคุมการทำางานของกล้ามเนื้อที่บังคับได้รวมทั้งการตอบ
- 5. สนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
2. ระบบประสาทนอกอำานาจจิตใจ เป็นระบบ
ประสาทที่ทำางานโดยอัตโนวัติ มีศูนย์กลางควบคุมอยู่ในสมอง
และไขสันหลัง ได้แก่ การเกิดรีเฟลกซ์แอกชัน(reflex action)
และเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นที่อวัยวะรับสัมผัสเช่น ผิวหนัง กระแส
ประสาทจะส่งไปยังไขสันหลัง และไขสันหลังจะสั่งการตอบสนอง
ไปยังกล้ามเนื้อโดยไม่ผ่านไปที่สมอง ดังรูป เมื่อมีเปลวไฟมา
สัมผัสที่ปลายนิ้ว กระแสประสาทจะถูกส่งผ่านไปยังไขสันหลัง
โดยไม่ผ่านไปยังสมอง ไขสันหลังทำาหน้าที่สั่งการให้กล้ามเนื้อที่
แขนเกิดการหดตัว เพื่อดึงมือออกจากเปลวไฟทันที
- 6. พฤติก รรมของมนุษ ย์ท ี่ต อบสนองต่อ สิ่ง เร้า
พฤติกรรมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์
เป็นปฏิกิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อการตอบโต้ต่อสิ่งเร้าทั้งภายใน
และภายนอกร่างกาย เช่น
- สิ่งเร้าภายในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน
เอนไซม์ ความหิว ความต้องการทางเพศ เป็นต้น
- สิ่งเร้าภายนอกร่างกาย เช่น แสง เสียง
อุณหภูมิ อาหาร นำ้า การสัมผัส สารเคมี เป็นต้น
กิริยาอาการที่แสดงออกเพื่อตอบสนองต่อสิ่ง
เร้าภายนอกอาศัยการทำางานที่ประสานกันระหว่างระบบประสาท
ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบต่อมมีท่อ ดังตัวอย่าง
ต่อไปนี้
1. การตอบสนองเมื่อมีแสงเป็นสิ่งเร้า
- เมื่อได้รับแสงสว่างจ้า มนุษย์จะมี
พฤติกรรมการหรี่ตาเพื่อลดปริมาณแสงที่ตาได้รับ
2. การตอบสนองเมื่ออุณหภูมิเป็นสิ่งเร้า
- ในวันที่มีอากาศร้อนจะมีเหงื่อมาก
เหงื่อจะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายเพื่อปรับอุณหภูมิ
ภายในร่างกายไม่ให้สูงเกินไป
- เมื่อมีอากาศเย็นคนเราจะเกิดอาการ
หดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือ เรียกว่า”ขนลุก”
3. เมื่ออาหารหรือนำ้าเข้าไปในหลอดลมเกิด
พฤติกรรมการไอหรือจาม เพื่อขับออกจากหลอดลม
4. การเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ เป็น
พฤติกรรมการตอบสนองหรือตอบโต้ทันทีเพื่อความปลอดภัยจาก
อันตราย เช่น
- 7. - เมื่อฝุ่นเข้าตามีพฤติกรรมกะพริบตา
- เมื่อสัมผัสวัตถุร้อนจะชักมือจากวัตถุ
ร้อนทันที
- เมื่อเหยียบหนามจะรีบยกเท้าให้พ้น
หนามทันที
แหล่งที่มา http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/lesson-prasate.htm