More Related Content
Similar to บทที่3 Basic Of Physiological
Similar to บทที่3 Basic Of Physiological (20)
บทที่3 Basic Of Physiological
- 3. ๑ . ระบบประสาท (Nervous System) ควบคุมอวัยวะ เป็นศูนย์กลางความรู้สึกนึกคิด ๒ . ระบบต่อม (Gland System) มีผลต่อการเติบโต พฤติกรรมและบุคลิกภาพ ๓ . ระบบกล้ามเนื้อ (Muscular System) การเคลื่อนไหวของร่างกาย
- 7. ๑ . ประสาทส่วนกลาง Central Nervous System ๒ . ประสาทส่วนปลาย Peripheral Nervous System สมอง (Brain) ประเภท ระบบประสาท ( Nervous System)
- 8. ๒ . ประสาทส่วนปลาย Peripheral Nervous System ประเภท ระบบประสาท ( Nervous System)
- 10. 1. Forebrain ประกอบด้วย 1.1 Cerebrum มีขนาดใหญ่ที่สุด มีรอยหยักเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็น ๒ ซีก คือ ซ้าย ขวา 1.2 Thalamus 1.3 Hypothalamus 1.4 Limbic system ประเภทระบบประสาท
- 11. 2. Midbrain เชื่อมกับ Cerebrum เป็นสถานีรับส่งความรู้สึก ไปยังสมองส่วนหน้า 3. Hindbrain 3.1 Cerebellum ประสานการทำงานของกล้ามเนื้อต่าง ๆ เช่น มือและขาประสานกัน 3.2 Medulla ติดไขสันหลัง ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น หายใจ ควบคุมความดัน 3.3 Pons Brain ประเภทระบบ ฯ
- 18. ๑ . นัยน์ตา (Eye) - ตารับสัมผัสสิ่งเร้าที่มีลักษณะเป็นคลื่นแสงที่กระทบวัตถุ แล้วสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา - เซลประสาทที่ตา จะเปลี่ยนคลื่นแสงเป็นกระแสประสาทส่งไปยังสมองส่วนที่ควบคุมการมองเห็น ประเภทระบบประสาท
- 19. ๑ . ๑ กระจกตา (cornea) เป็นส่วนหนึ่งของตาดำ ทำให้แสง ที่สะท้อนจากวัตถุผ่านเข้าสู่เลนส์ตา (lens) ไปตกที่จอตา (retina) ๑ . ๒ ม่านตา (iris) ประกอบด้วยเซลล์เม็ดสีทำให้ม่านตาของมนุษย์มีสีที่แตกต่างกัน ๑ . ๓ แก้วตาหรือเลนส์ตา (lens) มีหน้าที่รับแสงที่สะท้อนจากวัตถุ แล้วโฟกัสภาพที่ได้รับมา เพื่อให้ไปตกที่จอรับภาพ ถ้าวัตถุอยู่ไกล เลนส์จะปรับตัวให้มีลักษณะบาง ถ้าวัตถุอยู่ใกล้ เลนส์ก็จะนูนและหนา
- 21. * ส่วนประกอบสำคัญของหู * ๑ . หูชั้นนอก (external ear) - ใบหู ช่องหู และชั้นในสุดได้แก่เยื่อแก้วหู - เมื่อคลื่นเสียงผ่านเข้าช่องหูไปกระทบเยื่อแก้วหู ทำให้เยื่อแก้วหูเกิดการสั่นสะเทือนเพื่อส่งคลื่นเสียงนั้นไปยังหูชั้นต่อไป
- 22. * ส่วนประกอบสำคัญของหู * ๒ . หูชั้นกลาง (middle ear) ช่องเล็กๆ ติดกับลำคอเรียกว่าอูสตาเชียน (Eustachian) ทำหน้าที่ปรับความกดดันของอากาศระหว่างภายในกับภายนอกหูให้เท่ากัน ประกอบด้วยกระดูก ๓ ชิ้นทำหน้าที่รับคลื่นเสียงที่ส่งมาจากเยื่อแก้วหูเพื่อส่งต่อไปยังหูชั้นใน
- 23. * ส่วนประกอบสำคัญของหู * ๓ . หูชั้นใน (inner ear) คล้ายหอยโข่ง ประกอบด้วยของเหลวและเส้นประสาท คลื่นเสียงจะทำให้ของเหลวกระเพื่อมเป็นคลื่นซึ่งจะมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นกระแสประสาท เพื่อส่งไปยังสมอง ทำให้เกิดการได้ยินเสียง
- 25. หูตึง หูอื้อ หูหนวก อาจเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ หรือเป็นผลจากเชื้อไวรัสบางชนิดที่ทำให้เยื่อแก้วหูถูกทำลาย จนไม่สามารถส่งคลื่นเสียงไปยัง หูชั้นกลางและชั้นใน ได้ การได้รับความสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงที่มีความดังเกินกว่าระดับ 90 เดซิเบล เป็นเวลานานเกินไป เมื่อบุคคลอายุมากขึ้น ทำให้การได้ยินบกพร่อง
- 27. รสพื้นฐานมีอยู่ ๔ รส เค็ม หวาน เปรี้ยว ขม ตุ่มรับรสเล็ก ๆ บนลิ้นเรียกว่า พาพิลลา ภายในจะมีเซลล์ประสาทคล้ายเส้นขนมัดรวมกันเป็นตุ่ม ตายและเกิดใหม่ได้ตลอดเวลา และจะมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น ๔ . ลิ้น (Gustatory)
- 28. เป็นอวัยวะรับสัมผัสที่รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าคือ แรงกด ความร้อน ความเย็น ความเจ็บปวด ใต้ผิวหนังประกอบด้วยเซลล์ประสาทรับความรู้สึก ซึ่งจะมีมากน้อยไม่เท่ากัน จึงทำให้แต่ละส่วนของร่างกายจึงมีจุดที่ไวต่อการรับสัมผัสได้ดีแตกต่างกัน บริเวณปลายนิ้วและริมฝีปากจะไวต่อการรับสัมผัสมากกว่าบริเวณฝ่าเท้าและหลังเท้า แบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น คือ
- 30. ๒ . ผิวหนังชั้นใน (Dermis) หรือหนังแท้ ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อ เส้นใย เส้นโลหิต เส้นปลายประสาท ต่อมเหงื่อ รูขุมขน และต่อมไขมัน
- 31. ๓ . ชั้นไขมัน (Sub Cuteness Fat) เป็นชั้นล่างสุด อยู่ติดกับส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ ชั้นนี้ประกอบไปด้วยไขมัน พังผืด เส้นเลือดฝอยในบางส่วนของร่างกาย
- 35. ๒ . ๑ ต่อมมีท่อ ๒ . ระบบต่อม ( Glands) ผลิตสารเคมีที่เป็นของเหลว ไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ต่อมมีท่อมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยแต่ละต่อมทำหน้าที่ผลิตสารต่างชนิดกัน ได้แก่ ๑ ต่อมน้ำลาย ๒ ต่อมเหงื่อ ๓ ต่อมน้ำตา ๔ ต่อมใต้ผิวหนัง ๕ ต่อมน้ำนม
- 39. ประกอบด้วยเส้นใยเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บริเวณแขนและขาเป็นส่วนใหญ่ คนที่ออกกำลังเสมอเส้นใยกล้ามเนื้อจะโตขึ้น และหนาขึ้น แต่จำนวนไม่เพิ่มขึ้น มีหน้าที่เคลื่อนไหวร่างกายที่ข้อต่อต่างๆ ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ มีประมาณ ๔๐ % อยู่ในอำนาจจิตใจภายใต้การควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง ๓ . ๒ กล้ามเนื้อลาย (Striated Muscles)
- 41. สรีรวิทยา เป็นการศึกษาการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์ที่ส่งผลต่อพฤติกรรม ซึ่งระบบต่าง ๆ จะต้องทำงานประสานสัมพันธ์กัน การที่ร่างกาย จะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ได้นั้นจะต้องอาศัยระบบกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว