SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
Download to read offline
1
การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๒๖ โสณนันทปัณฑิตจริยา
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖
เกริ่นนา
แม้ครั้งนั้น เราคือโสณบัณฑิต นันทบัณฑิต มารดาและบิดาทั้ง ๒ ของเรา ก็ละทิ้งโภคะทั้งหลาย
แล้วเข้าป่าใหญ่ ฉะนี้ แล
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
๕. โสณนันทปัณฑิตจริยา
ว่าด้วยจริยาของโสณนันทบัณฑิต
[๔๒] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเกิดในตระกูลมหาศาลซึ่งประเสริฐสุด อยู่ในกรุงพรหมวัทธนะ
[๔๓] ครั้งนั้น เราเห็นสัตว์โลกเป็นผู้บอดถูกความมืดครอบงา จิตของเราเบื่อหน่ายจากภพ
เหมือนช้างที่ถูกสับด้วยกาลังขอมีความสลดใจ
[๔๔] เราเห็นความชั่วต่างๆ จึงคิดอย่างนี้ ในกาลนั้นว่า เมื่อไร เราจึงจะออกไปจากเรือนแล้วเข้า
ป่าใหญ่ได้
[๔๕] แม้ครั้งนั้น พวกญาติก็เชื้อเชิญเราด้วยกามโภคะทั้งหลาย เราได้บอกความพอใจแม้แก่เขา
เหล่านั้นว่า อย่าเชื้อเชิญเราด้วยสิ่งเหล่านั้นเลย
[๔๖] น้องชายของเราเป็นบัณฑิตชื่อว่านันทะ แม้เขาก็คล้อยตามเรา ชอบใจการบรรพชา
[๔๗] แม้ครั้งนั้น เราคือโสณบัณฑิต นันทบัณฑิต มารดาและบิดาทั้ง ๒ ของเรา ก็ละทิ้งโภคะ
ทั้งหลายแล้วเข้าป่าใหญ่ ฉะนี้ แล
โสณนันทบัณฑิตจริยาที่ ๕ จบ
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบาเพ็ญเนกขัมมบารมีเป็นต้น
๕. โสณนันทปัณฑิตจริยา
อรรถกถาโสณนันทปัณฑิตจริยาที่ ๕
ในกาลนั้น เราได้เกิดในกรุงพาราณสีอันได้ชื่อว่าพรหมวัทธนะ ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์
มหาศาล เพราะมีสมบัติถึง ๘๐ โกฏิ เป็นผู้เลิศโดยความเป็นผู้สูงด้วยเป็นอภิชาตบุตร เป็นผู้ประเสริฐโดย
2
ความเป็นผู้มีวิชา.
ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระมหาสัตว์จุติจากพรหมโลกบังเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาลคน
หนึ่งมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ในพรหมวัทธนนคร.
ในวันตั้งชื่อกุมารนั้น มารดาบิดาตั้งชื่อว่าโสณกุมาร.
ครั้นโสณกุมารนั้นเดินได้ สัตว์อื่นจุติจากพรหมโลกได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของมารดาพระ
โพธิสัตว์ชื่อว่านันทกุมาร.
มารดาบิดาเห็นรูปสมบัติของบุตรทั้งสองผู้เจริญวัยเรียนพระเวท สาเร็จศิลปะทุกอย่าง ยินดีร่า
เริงคิดว่า จักผูกพันให้อยู่ครองเรือน ได้กล่าวกะโสณกุมารก่อนว่า ลูกรัก พ่อแม่จักนาทาริกาจากตระกูลที่
สมควรมาให้ลูก. ลูกจงปกครองสมบัติเถิด.
พระมหาสัตว์กล่าวว่า ลูกไม่ต้องการอยู่ครองเรือน ลูกจะปฏิบัติพ่อแม่ตลอดชีวิต เมื่อพ่อแม่
ล่วงลับแล้วลูกจักบวช.
เพราะในกาลนั้น ภพแม้ทั้งสามได้ปรากฏแก่พระมหาสัตว์ดุจเรือนถูกไฟไหม้ และดุจอยู่ในหลุม
ถ่านเพลิง.
อนึ่งโดยความพิเศษอย่างยิ่ง พระมหาสัตว์มีอัธยาศัยในเนกขัมมะ ได้น้อมใจไปในการบวช.
มารดาบิดาไม่ทราบความประสงค์ของพระมหาสัตว์ แม้กล่าวอยู่บ่อยๆ ก็มิได้ทาใจของพระ
โพธิสัตว์นั้นให้เห็นดีงามได้ จึงเรียกนันทกุมารมากล่าวว่า ลูกรัก ถ้าเช่นนั้น ลูกจงปกครองทรัพย์สมบัติเถิด.
แม้นันทกุมารก็กล่าวว่า ลูกไม่เอาศีรษะรับน้าลายที่พี่ชายของลูกถ่มทิ้งไว้ แม้ลูกก็จะบวชกับ
พี่ชาย เมื่อพ่อแม่ล่วงลับไป.
มารดาบิดาจึงคิดว่า คนหนุ่มๆ เหล่านี้ ยังจะละกามทั้งหลายอย่างนี้ ได้ ก็เราทาไมจะละไม่ได้เล่า
ด้วยเหตุนั้น เราทั้งหมดจักบวช. จึงกล่าวว่า ลูกรักประโยชน์อะไรของพวกลูกที่จะบวชต่อเมื่อพ่อแม่ล่วงลับไป
พ่อแม่จักบวชพร้อมกับลูกด้วย แล้วให้สิ่งที่ควรให้แก่พวกญาติ ทาทาสให้เป็นไททูลแด่พระราชา สละทรัพย์
ทั้งหมดบริจาคมหาทาน.
ชนทั้ง ๔ ออกจากพรหมวัทธนนครอาศัยสระใหญ่ดารดาษด้วยบัวหลวงบัวขาวในหิมวันตประ
เทศสร้างอาศรมในราวป่าน่ารื่นรมย์ พากันบวชอยู่ ณ ที่นั้น.
คือมิใช่ในขณะที่เราเป็นอโยฆรบัณฑิตอย่างเดียวเท่านั้น. ที่จริงแล้ว แม้ในขณะที่เราเป็นโสณ
กุมารนั้น ญาติทั้งหลายมีมารดาบิดาเป็นต้นผู้บริโภคกาม ผู้มีอัธยาศัยในกาม เชื้อเชิญเราด้วยโภคะอัน
มากมายว่า ลูกเอ๋ย ลูกจงมาปกครองทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏินี้ เถิด จงดารงวงศ์ตระกูลเถิด.
เราพิจารณาถึงโทษในกามทั้งหลายมีหลายประการโดยนัยมีอาทิว่า ชื่อว่ากามทั้งหลายเหล่านี้ มี
ความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก แล้วศึกษาศีลเป็นต้น ชอบใจการบวช.
แม้นันทบัณฑิตนั้นก็ศึกษาตามเรา ด้วยการออกบวชของเขาอย่างนั้น ย่อมชอบใจการบวช.
เราทั้ง ๒ คนไม่คานึงถึงมหาโภคะสมบัติ ๘๐ โกฏิ สละได้ดุจก้อนน้าลาย เข้าป่าใหญ่ในหิม
วันตประเทศ ด้วยอัธยาศัยมุ่งต่อบรรพชา.
ก็ครั้นเข้าไปแล้วได้สร้างอาศรมอยู่ ณ ภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์นั้นบวชเป็นดาบสอยู่ ณ ที่นั้น. พี่
3
น้องสองคนบารุงมารดาบิดา.
นันทบัณฑิตคิดว่า เราจักให้มารดาบิดาบริโภคผลาผลที่เรานามาเท่านั้น จึงนาผลาผลที่เหลือ
เมื่อวานนี้ และในที่ที่ตนหาอาหารในวันก่อนๆ มาแต่เช้าตรู่ให้มารดาบิดาบริโภค.
มารดาบิดาบริโภคผลาผลเหล่านั้นแล้วบ้วนปากรักษาอุโบสถ.
ส่วนโสณบัณฑิตไปไกลหน่อยนาผลไม้ที่สุกดีแล้ว มีรสเอร็ดอร่อยน้อมเข้าไปให้มารดาบิดา.
ลาดับนั้น มารดาบิดากล่าวกะโสณบัณฑิตว่า ลูกเอ๋ย เราบริโภคผลาผลที่น้องนามาแล้วจึงรักษา
อุโบสถ บัดนี้ เราไม่ต้องการแล้ว.
ผลาผลของโสณบัณฑิตนั้น ไม่ได้บริโภคจึงเสีย แม้ในวันรุ่งขึ้นก็อย่างนั้นเหมือนกัน ด้วยประการ
อย่างนี้ โสณบัณฑิตจึงไปไกลนามาเพราะได้อภิญญา ๕. แต่มารดาบิดาก็ยังไม่บริโภค.
ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ดาริว่า มารดาบิดาเป็นคนแบบบาง. ก็นันทะนาผลาผลดิบบ้าง สุกไม่ดี
บ้าง มาให้มารดาบิดาบริโภค. เมื่อเป็นเช่นนั้น มารดาบิดาจักอยู่ได้ไม่นาน เราจักห้ามนันทะนั้น. จึง
เรียกนันทะมากล่าวว่า ดูก่อนนันทะ ตั้งแต่นี้ ไปน้องจะนาผลาผลมา จงรอให้พี่กลับก่อน เราจักให้มารดา
บิดาบริโภคร่วมกัน.
แม้เมื่อโสณบัณฑิตกล่าวอย่างนี้ แล้ว นันทบัณฑิตหวังได้บุญจึงไม่ทาตาม. พระมหาสัตว์ปรบมือ
ไล่นันทบัณฑิตผู้มาบารุงมารดาบิดากล่าวว่า น้องไม่ทาตามคาของบัณฑิต พี่เป็นพี่. มารดาบิดาเป็นภาระ
ของพี่เอง พี่จักบารุงมารดาบิดาเอง น้องจงไปจากที่นี้ ไปอยู่เสียที่อื่น.
นันทบัณฑิตถูกพี่ชายไล่ไม่อาจอยู่ในที่นั้นได้ จึงไหว้พระโพธิสัตว์ แล้วบอกเรื่องราวแก่มารดา
บิดาเข้าไปยังบรรณศาลาของตน เพ่งกสิณในวันนั้นเอง ยังสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ ให้เกิด แล้วคิดว่า
เราจักนาทรายรัตนะมาจากเชิงเขาสิเนรุ เกลี่ยบริเวณบรรณศาลาของพี่ชายของเราแล้วขอขมา
หรือว่านาน้ามาจากสระอโนดาตแล้วจึงขอขมา. หรืออีกอย่างหนึ่ง พี่ชายของเราพึงยกโทษให้ด้วยอานาจแห่ง
เทวดา เราจักนามหาราช ๔ และท้าวสักกเทวราชมาแล้วจึงขอขมา อย่างนี้ ก็ไม่งาม.
พระราชาเมืองพรหมวัทธนะพระนามว่ามโนชะ นี้ เป็นพระอัครราชาทั่วชมพูทวีป เราจักนา
พระราชาทั้งหมด ตั้งต้นแต่พระเจ้ามโนชะนั้นมาแล้วขอขมา เมื่อเป็นอย่างนี้ คุณของพี่ชายของเราจัก
ครอบงาไปทั่วชมพูทวีป และจักปรากฏดุจดวงจันทร์และดวงอาทิตย์.
ทันใดนั้นเอง นันทบัณฑิตได้ไปด้วยฤทธิ์ ลงที่ประตูพระราชนิเวศน์ของพระราชานั้นในพรหมวัท
ธนนคร ให้คนไปทูลแด่พระราชาว่า มีดาบสองค์หนึ่งประสงค์จะเฝ้าพระองค์.
ครั้นพระราชทานโอกาสให้เข้าเฝ้าได้ จึงเข้าไปเฝ้าทูลว่า อาตมภาพจะยึดราชสมบัติทั่วชมพูทวีป
ด้วยกาลังของตนนามาถวายพระองค์.
พระราชาตรัสถามว่า พระคุณท่านจะยึดราชสมบัติทั่วชมพูทวีปมาให้ได้อย่างไร. ทูลว่า มหาราช
อาตมภาพจะไม่ฆ่าใครๆ จะยึดด้วยฤทธิ์ของตนเท่านั้นแล้วนามาถวาย แล้วพาพระราชาพร้อมด้วยเสนาหมู่
ใหญ่ไปถึงแคว้นโกศล พักค่ายไว้ไม่ไกลพระนคร ส่งทูตไปทูลแด่พระเจ้าโกศลว่า จะรบหรือจะยอมอยู่ใน
อานาจ.
เมื่อการรบกับพระเจ้าโกศลซึ่งทรงพิโรธเตรียมการรบเสด็จออกมาเริ่มขึ้นแล้ว ด้วยฤทธานุภาพ
4
ของตน นันทบัณฑิตได้ทาโดยที่นักรบทั้งสองฝ่ายมิได้ทาร้ายกัน. แล้วตระเตรียมด้วยการนาคาโต้ตอบกัน
โดยที่พระเจ้าโกศล ทรงยอมอยู่ในอานาจของพระราชานั้น.
โดยอุบายนี้ นันทบัณฑิตยังพระราชาทั่วชมพูทวีปให้ตกอยู่ในอานาจของพระราชานั้นหมดสิ้น.
พระราชานั้นทรงยินดีกับนันทบัณฑิต ตรัสกะนันทบัณฑิตว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระคุณท่านได้
ทาเหมือนอย่างที่ปฏิญญาไว้แล้ว. พระคุณท่านเป็นผู้มีอุปการะมากแก่ข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าจักทาอะไรตอบแทน
พระคุณท่านได้เล่า. ข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ราชสมบัติกึ่งหนึ่งในชมพูทวีปทั้งสิ้นแก่พระคุณท่าน. การ
กาหนดช้าง ม้า รถ แก้วมณี แก้วมุกดา แก้วประพาฬ เงินทอง ทาสหญิงทาสชายและบริวารชนจะทา
อย่างไร.
นันทบัณฑิตได้ฟังดังนั้นทูลว่า มหาราช อาตมภาพไม่ต้องการราชสมบัติ แม้พาหนะช้างเป็นต้น
ก็ไม่ต้องการ. ก็แต่ว่ามารดาบิดาของอาตมาบวชอยู่ในอาศรมโน้นในแคว้นของพระองค์. อาตมภาพบารุง
มารดาบิดาเหล่านั้น ถูกโสณบัณฑิตพี่ชายของอาตมาผู้แสวงหาคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ไล่ในเพราะความผิด
อย่างหนึ่ง. อาตมภาพจักพาพระองค์ไปหาพี่ชายขอขมา. ขอพระองค์จงทรงเป็นเพื่อนในการให้พี่ชายของ
อาตมายกโทษให้เถิด.
พระราชาทรงรับแวดล้อมด้วยนักรบมีประมาณ ๒๔ อักโขภินีกับพระราชาร้อยเอ็ด นันทบัณฑิต
นาหน้า.
ครั้นถึงอาศรมบทนั้นจึงปล่อยระยะไว้สี่อังคุละ นาน้ามาจากสระอโนดาดด้วยเครื่องหาบซึ่ง
ตั้งอยู่บนอากาศ เตรียมน้าดื่ม กวาดบริเวณ แล้วเข้าไปหาพระมหาสัตว์ผู้อิ่มด้วยความยินดีในฌานนั่งอยู่ใกล้
มารดาบิดา แล้วขอขมา.
พระมหาสัตว์ให้นันทบัณฑิตดูแลมารดา ตนเองบารุงบิดาจนตลอดชีวิต.
พระมหาสัตว์แสดงธรรมแด่พระราชาเหล่านั้นด้วยพุทธลีลาว่า
ความยินดีความบันเทิงอันผู้รู้พึงได้ เพราะบารุงบาเรอมารดาให้ท่านหัวเราะแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ.
ความยินดีความบันเทิงอันผู้รู้พึงได้ เพราะบารุงบาเรอบิดาให้ท่านหัวเราะแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ.
การสงเคราะห์เหล่านี้ แลในโลกตามสมควรในธรรมนั้นๆ คือ การให้ การเจรจาถ้อยคา
อ่อนหวาน การประพฤติเป็นประโยชน์ การวางตนเสมอต้นเสมอปลาย ดุจลิ่มรถที่แล่นไปฉะนั้น.
การสงเคราะห์เหล่านี้ ไม่พึงมี มารดาย่อมไม่ได้การนับถือหรือการบูชา เพราะเหตุแห่ง
บุตร. หรือบิดาย่อมไม่ได้การนับถือหรือการบูชา เพราะเหตุแห่งบุตร.
เพราะบัณฑิตทั้งหลาย เพ่งเล็งโดยชอบถึงการสงเคราะห์เหล่านี้ ฉะนั้นจึงถึงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่
และได้ความสรรเสริญ.
มารดาบิดาท่านกล่าวว่าเป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์และเป็นผู้ควรบูชาของบุตรทั้งหลาย เป็นผู้
อนุเคราะห์สัตว์.
เพราะฉะนั้นแล บัณฑิตพึงนอบน้อม พึงสักการะมารดาบิดาเหล่านั้น ด้วยข้าว ด้วยน้า ด้วยผ้า
ด้วยที่นอน ด้วยเครื่องนุ่งห่ม ด้วยน้าอาบ และด้วยการล้างเท้า.
บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ ด้วยการบารุงบาเรอในมารดาบิดาทั้งหลาย.
5
บุคคลนั้นละจากโลกนี้ ไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์
พระราชาทั้งหมดเหล่านั้นครั้นได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ทรงเลื่อมใสพร้อมกับกองพล.
ลาดับนั้น พระโพธิสัตว์ยังพระราชาเหล่านั้นให้ตั้งอยู่ในศีล ๕ แล้วให้โอวาทว่า ขอท่านทั้งหลาย
จงเป็นผู้ไม่ประมาทในทานเป็นต้นเถิด. แล้วก็ปล่อยไป.
พระราชาเหล่านั้นทั้งหมดทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ครั้นสวรรคตก็ไปบังเกิดในสวรรค์.
พระโพธิสัตว์ให้นันทบัณฑิตดูแลมารดา ด้วยกล่าวว่า ตั้งแต่นี้ น้องจงบารุงมารดาตนเองบารุง
บิดาจนตลอดชีวิต. ทั้งสองพี่น้องเมื่อถึงแก่กรรมก็ไปเกิดบนพรหมโลก.
มารดาบิดาในครั้งนั้นได้เป็นตระกูลมหาราชในครั้งนี้ .
นันทบัณฑิต คือพระอานนทเถระ.
พระราชา คือพระสารีบุตรเถระ.
พระราชาร้อยเอ็ด คือพระอสีติมหาเถระและพระเถระรูปอื่นๆ.
บริษัท ๒๔ อักโขภินี คือพุทธบริษัท.
โสณบัณฑิต คือพระโลกนาถ.
อนึ่ง พึงประกาศคุณานุภาพของพระมหาสัตว์มีอาทิอย่างนี้ คือ
ความเป็นผู้ไม่คานึงในกามทั้งหลายโดยสิ้นเชิง.
ความเป็นผู้มีความเคารพยาเกรงอย่างแรงกล้าในมารดาบิดาทั้งหลาย.
ความไม่อิ่มด้วยการบารุงมารดาบิดา แม้เมื่อมีการบารุงมารดาบิดาเหล่านั้นอยู่ ก็ยังกาลเวลา
ทั้งหมดให้น้อมไปด้วยสมาบัติวิหารธรรมด้วยประการฉะนี้ .
จบอรรถกถาโสณนันทปัณฑิตจริยาที่ ๕
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf

02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมTongsamut vorasan
 
ธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมnidkybynew
 
ธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมnidkybynew
 
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒dentyomaraj
 
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdfmaruay songtanin
 
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdfmaruay songtanin
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdfmaruay songtanin
 
37 วิสัยหชาดก มจร.pdf
37 วิสัยหชาดก มจร.pdf37 วิสัยหชาดก มจร.pdf
37 วิสัยหชาดก มจร.pdfmaruay songtanin
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdfmaruay songtanin
 
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 

Similar to 26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf (20)

02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf
 
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf
03 สังขพราหมณจริยา มจร.pdf
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
 
ธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรม
 
ธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรมธรรมะกฎแห่งกรรม
ธรรมะกฎแห่งกรรม
 
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
 
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
06 มหาโควินทจริยา มจร.pdf
 
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
 
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
14 จัมเปยยจริยา มจร.pdf
 
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf
(๕) มหากัสสปเถราปทาน มจร.pdf
 
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf
๐๓ อัคคัญญสูตร มจร.pdf
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๕.pdf
 
006
006006
006
 
006
006006
006
 
006
006006
006
 
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดกมหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก
 
Ppt 1
Ppt 1Ppt 1
Ppt 1
 
37 วิสัยหชาดก มจร.pdf
37 วิสัยหชาดก มจร.pdf37 วิสัยหชาดก มจร.pdf
37 วิสัยหชาดก มจร.pdf
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๒.pdf
 
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๕๒. เรวตีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 

More from maruay songtanin

100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
100 อสาตรูปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
099 ปโรสหัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
098 กูฏวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
096 เตลปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
095 มหาสุทัศนะชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
092 มหาสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
090 อกตัญญุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
087 มังคลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
086 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
084 อัตถัสสทวารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
083 กาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
082 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
081 สุราปานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
080 ภีมเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf

  • 1. 1 การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๒๖ โสณนันทปัณฑิตจริยา พลตรี มารวย ส่งทานินทร์ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เกริ่นนา แม้ครั้งนั้น เราคือโสณบัณฑิต นันทบัณฑิต มารดาและบิดาทั้ง ๒ ของเรา ก็ละทิ้งโภคะทั้งหลาย แล้วเข้าป่าใหญ่ ฉะนี้ แล พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ๕. โสณนันทปัณฑิตจริยา ว่าด้วยจริยาของโสณนันทบัณฑิต [๔๒] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเกิดในตระกูลมหาศาลซึ่งประเสริฐสุด อยู่ในกรุงพรหมวัทธนะ [๔๓] ครั้งนั้น เราเห็นสัตว์โลกเป็นผู้บอดถูกความมืดครอบงา จิตของเราเบื่อหน่ายจากภพ เหมือนช้างที่ถูกสับด้วยกาลังขอมีความสลดใจ [๔๔] เราเห็นความชั่วต่างๆ จึงคิดอย่างนี้ ในกาลนั้นว่า เมื่อไร เราจึงจะออกไปจากเรือนแล้วเข้า ป่าใหญ่ได้ [๔๕] แม้ครั้งนั้น พวกญาติก็เชื้อเชิญเราด้วยกามโภคะทั้งหลาย เราได้บอกความพอใจแม้แก่เขา เหล่านั้นว่า อย่าเชื้อเชิญเราด้วยสิ่งเหล่านั้นเลย [๔๖] น้องชายของเราเป็นบัณฑิตชื่อว่านันทะ แม้เขาก็คล้อยตามเรา ชอบใจการบรรพชา [๔๗] แม้ครั้งนั้น เราคือโสณบัณฑิต นันทบัณฑิต มารดาและบิดาทั้ง ๒ ของเรา ก็ละทิ้งโภคะ ทั้งหลายแล้วเข้าป่าใหญ่ ฉะนี้ แล โสณนันทบัณฑิตจริยาที่ ๕ จบ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบาเพ็ญเนกขัมมบารมีเป็นต้น ๕. โสณนันทปัณฑิตจริยา อรรถกถาโสณนันทปัณฑิตจริยาที่ ๕ ในกาลนั้น เราได้เกิดในกรุงพาราณสีอันได้ชื่อว่าพรหมวัทธนะ ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ มหาศาล เพราะมีสมบัติถึง ๘๐ โกฏิ เป็นผู้เลิศโดยความเป็นผู้สูงด้วยเป็นอภิชาตบุตร เป็นผู้ประเสริฐโดย
  • 2. 2 ความเป็นผู้มีวิชา. ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระมหาสัตว์จุติจากพรหมโลกบังเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาลคน หนึ่งมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ ในพรหมวัทธนนคร. ในวันตั้งชื่อกุมารนั้น มารดาบิดาตั้งชื่อว่าโสณกุมาร. ครั้นโสณกุมารนั้นเดินได้ สัตว์อื่นจุติจากพรหมโลกได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของมารดาพระ โพธิสัตว์ชื่อว่านันทกุมาร. มารดาบิดาเห็นรูปสมบัติของบุตรทั้งสองผู้เจริญวัยเรียนพระเวท สาเร็จศิลปะทุกอย่าง ยินดีร่า เริงคิดว่า จักผูกพันให้อยู่ครองเรือน ได้กล่าวกะโสณกุมารก่อนว่า ลูกรัก พ่อแม่จักนาทาริกาจากตระกูลที่ สมควรมาให้ลูก. ลูกจงปกครองสมบัติเถิด. พระมหาสัตว์กล่าวว่า ลูกไม่ต้องการอยู่ครองเรือน ลูกจะปฏิบัติพ่อแม่ตลอดชีวิต เมื่อพ่อแม่ ล่วงลับแล้วลูกจักบวช. เพราะในกาลนั้น ภพแม้ทั้งสามได้ปรากฏแก่พระมหาสัตว์ดุจเรือนถูกไฟไหม้ และดุจอยู่ในหลุม ถ่านเพลิง. อนึ่งโดยความพิเศษอย่างยิ่ง พระมหาสัตว์มีอัธยาศัยในเนกขัมมะ ได้น้อมใจไปในการบวช. มารดาบิดาไม่ทราบความประสงค์ของพระมหาสัตว์ แม้กล่าวอยู่บ่อยๆ ก็มิได้ทาใจของพระ โพธิสัตว์นั้นให้เห็นดีงามได้ จึงเรียกนันทกุมารมากล่าวว่า ลูกรัก ถ้าเช่นนั้น ลูกจงปกครองทรัพย์สมบัติเถิด. แม้นันทกุมารก็กล่าวว่า ลูกไม่เอาศีรษะรับน้าลายที่พี่ชายของลูกถ่มทิ้งไว้ แม้ลูกก็จะบวชกับ พี่ชาย เมื่อพ่อแม่ล่วงลับไป. มารดาบิดาจึงคิดว่า คนหนุ่มๆ เหล่านี้ ยังจะละกามทั้งหลายอย่างนี้ ได้ ก็เราทาไมจะละไม่ได้เล่า ด้วยเหตุนั้น เราทั้งหมดจักบวช. จึงกล่าวว่า ลูกรักประโยชน์อะไรของพวกลูกที่จะบวชต่อเมื่อพ่อแม่ล่วงลับไป พ่อแม่จักบวชพร้อมกับลูกด้วย แล้วให้สิ่งที่ควรให้แก่พวกญาติ ทาทาสให้เป็นไททูลแด่พระราชา สละทรัพย์ ทั้งหมดบริจาคมหาทาน. ชนทั้ง ๔ ออกจากพรหมวัทธนนครอาศัยสระใหญ่ดารดาษด้วยบัวหลวงบัวขาวในหิมวันตประ เทศสร้างอาศรมในราวป่าน่ารื่นรมย์ พากันบวชอยู่ ณ ที่นั้น. คือมิใช่ในขณะที่เราเป็นอโยฆรบัณฑิตอย่างเดียวเท่านั้น. ที่จริงแล้ว แม้ในขณะที่เราเป็นโสณ กุมารนั้น ญาติทั้งหลายมีมารดาบิดาเป็นต้นผู้บริโภคกาม ผู้มีอัธยาศัยในกาม เชื้อเชิญเราด้วยโภคะอัน มากมายว่า ลูกเอ๋ย ลูกจงมาปกครองทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏินี้ เถิด จงดารงวงศ์ตระกูลเถิด. เราพิจารณาถึงโทษในกามทั้งหลายมีหลายประการโดยนัยมีอาทิว่า ชื่อว่ากามทั้งหลายเหล่านี้ มี ความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก แล้วศึกษาศีลเป็นต้น ชอบใจการบวช. แม้นันทบัณฑิตนั้นก็ศึกษาตามเรา ด้วยการออกบวชของเขาอย่างนั้น ย่อมชอบใจการบวช. เราทั้ง ๒ คนไม่คานึงถึงมหาโภคะสมบัติ ๘๐ โกฏิ สละได้ดุจก้อนน้าลาย เข้าป่าใหญ่ในหิม วันตประเทศ ด้วยอัธยาศัยมุ่งต่อบรรพชา. ก็ครั้นเข้าไปแล้วได้สร้างอาศรมอยู่ ณ ภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์นั้นบวชเป็นดาบสอยู่ ณ ที่นั้น. พี่
  • 3. 3 น้องสองคนบารุงมารดาบิดา. นันทบัณฑิตคิดว่า เราจักให้มารดาบิดาบริโภคผลาผลที่เรานามาเท่านั้น จึงนาผลาผลที่เหลือ เมื่อวานนี้ และในที่ที่ตนหาอาหารในวันก่อนๆ มาแต่เช้าตรู่ให้มารดาบิดาบริโภค. มารดาบิดาบริโภคผลาผลเหล่านั้นแล้วบ้วนปากรักษาอุโบสถ. ส่วนโสณบัณฑิตไปไกลหน่อยนาผลไม้ที่สุกดีแล้ว มีรสเอร็ดอร่อยน้อมเข้าไปให้มารดาบิดา. ลาดับนั้น มารดาบิดากล่าวกะโสณบัณฑิตว่า ลูกเอ๋ย เราบริโภคผลาผลที่น้องนามาแล้วจึงรักษา อุโบสถ บัดนี้ เราไม่ต้องการแล้ว. ผลาผลของโสณบัณฑิตนั้น ไม่ได้บริโภคจึงเสีย แม้ในวันรุ่งขึ้นก็อย่างนั้นเหมือนกัน ด้วยประการ อย่างนี้ โสณบัณฑิตจึงไปไกลนามาเพราะได้อภิญญา ๕. แต่มารดาบิดาก็ยังไม่บริโภค. ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ดาริว่า มารดาบิดาเป็นคนแบบบาง. ก็นันทะนาผลาผลดิบบ้าง สุกไม่ดี บ้าง มาให้มารดาบิดาบริโภค. เมื่อเป็นเช่นนั้น มารดาบิดาจักอยู่ได้ไม่นาน เราจักห้ามนันทะนั้น. จึง เรียกนันทะมากล่าวว่า ดูก่อนนันทะ ตั้งแต่นี้ ไปน้องจะนาผลาผลมา จงรอให้พี่กลับก่อน เราจักให้มารดา บิดาบริโภคร่วมกัน. แม้เมื่อโสณบัณฑิตกล่าวอย่างนี้ แล้ว นันทบัณฑิตหวังได้บุญจึงไม่ทาตาม. พระมหาสัตว์ปรบมือ ไล่นันทบัณฑิตผู้มาบารุงมารดาบิดากล่าวว่า น้องไม่ทาตามคาของบัณฑิต พี่เป็นพี่. มารดาบิดาเป็นภาระ ของพี่เอง พี่จักบารุงมารดาบิดาเอง น้องจงไปจากที่นี้ ไปอยู่เสียที่อื่น. นันทบัณฑิตถูกพี่ชายไล่ไม่อาจอยู่ในที่นั้นได้ จึงไหว้พระโพธิสัตว์ แล้วบอกเรื่องราวแก่มารดา บิดาเข้าไปยังบรรณศาลาของตน เพ่งกสิณในวันนั้นเอง ยังสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ ให้เกิด แล้วคิดว่า เราจักนาทรายรัตนะมาจากเชิงเขาสิเนรุ เกลี่ยบริเวณบรรณศาลาของพี่ชายของเราแล้วขอขมา หรือว่านาน้ามาจากสระอโนดาตแล้วจึงขอขมา. หรืออีกอย่างหนึ่ง พี่ชายของเราพึงยกโทษให้ด้วยอานาจแห่ง เทวดา เราจักนามหาราช ๔ และท้าวสักกเทวราชมาแล้วจึงขอขมา อย่างนี้ ก็ไม่งาม. พระราชาเมืองพรหมวัทธนะพระนามว่ามโนชะ นี้ เป็นพระอัครราชาทั่วชมพูทวีป เราจักนา พระราชาทั้งหมด ตั้งต้นแต่พระเจ้ามโนชะนั้นมาแล้วขอขมา เมื่อเป็นอย่างนี้ คุณของพี่ชายของเราจัก ครอบงาไปทั่วชมพูทวีป และจักปรากฏดุจดวงจันทร์และดวงอาทิตย์. ทันใดนั้นเอง นันทบัณฑิตได้ไปด้วยฤทธิ์ ลงที่ประตูพระราชนิเวศน์ของพระราชานั้นในพรหมวัท ธนนคร ให้คนไปทูลแด่พระราชาว่า มีดาบสองค์หนึ่งประสงค์จะเฝ้าพระองค์. ครั้นพระราชทานโอกาสให้เข้าเฝ้าได้ จึงเข้าไปเฝ้าทูลว่า อาตมภาพจะยึดราชสมบัติทั่วชมพูทวีป ด้วยกาลังของตนนามาถวายพระองค์. พระราชาตรัสถามว่า พระคุณท่านจะยึดราชสมบัติทั่วชมพูทวีปมาให้ได้อย่างไร. ทูลว่า มหาราช อาตมภาพจะไม่ฆ่าใครๆ จะยึดด้วยฤทธิ์ของตนเท่านั้นแล้วนามาถวาย แล้วพาพระราชาพร้อมด้วยเสนาหมู่ ใหญ่ไปถึงแคว้นโกศล พักค่ายไว้ไม่ไกลพระนคร ส่งทูตไปทูลแด่พระเจ้าโกศลว่า จะรบหรือจะยอมอยู่ใน อานาจ. เมื่อการรบกับพระเจ้าโกศลซึ่งทรงพิโรธเตรียมการรบเสด็จออกมาเริ่มขึ้นแล้ว ด้วยฤทธานุภาพ
  • 4. 4 ของตน นันทบัณฑิตได้ทาโดยที่นักรบทั้งสองฝ่ายมิได้ทาร้ายกัน. แล้วตระเตรียมด้วยการนาคาโต้ตอบกัน โดยที่พระเจ้าโกศล ทรงยอมอยู่ในอานาจของพระราชานั้น. โดยอุบายนี้ นันทบัณฑิตยังพระราชาทั่วชมพูทวีปให้ตกอยู่ในอานาจของพระราชานั้นหมดสิ้น. พระราชานั้นทรงยินดีกับนันทบัณฑิต ตรัสกะนันทบัณฑิตว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระคุณท่านได้ ทาเหมือนอย่างที่ปฏิญญาไว้แล้ว. พระคุณท่านเป็นผู้มีอุปการะมากแก่ข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าจักทาอะไรตอบแทน พระคุณท่านได้เล่า. ข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ราชสมบัติกึ่งหนึ่งในชมพูทวีปทั้งสิ้นแก่พระคุณท่าน. การ กาหนดช้าง ม้า รถ แก้วมณี แก้วมุกดา แก้วประพาฬ เงินทอง ทาสหญิงทาสชายและบริวารชนจะทา อย่างไร. นันทบัณฑิตได้ฟังดังนั้นทูลว่า มหาราช อาตมภาพไม่ต้องการราชสมบัติ แม้พาหนะช้างเป็นต้น ก็ไม่ต้องการ. ก็แต่ว่ามารดาบิดาของอาตมาบวชอยู่ในอาศรมโน้นในแคว้นของพระองค์. อาตมภาพบารุง มารดาบิดาเหล่านั้น ถูกโสณบัณฑิตพี่ชายของอาตมาผู้แสวงหาคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ไล่ในเพราะความผิด อย่างหนึ่ง. อาตมภาพจักพาพระองค์ไปหาพี่ชายขอขมา. ขอพระองค์จงทรงเป็นเพื่อนในการให้พี่ชายของ อาตมายกโทษให้เถิด. พระราชาทรงรับแวดล้อมด้วยนักรบมีประมาณ ๒๔ อักโขภินีกับพระราชาร้อยเอ็ด นันทบัณฑิต นาหน้า. ครั้นถึงอาศรมบทนั้นจึงปล่อยระยะไว้สี่อังคุละ นาน้ามาจากสระอโนดาดด้วยเครื่องหาบซึ่ง ตั้งอยู่บนอากาศ เตรียมน้าดื่ม กวาดบริเวณ แล้วเข้าไปหาพระมหาสัตว์ผู้อิ่มด้วยความยินดีในฌานนั่งอยู่ใกล้ มารดาบิดา แล้วขอขมา. พระมหาสัตว์ให้นันทบัณฑิตดูแลมารดา ตนเองบารุงบิดาจนตลอดชีวิต. พระมหาสัตว์แสดงธรรมแด่พระราชาเหล่านั้นด้วยพุทธลีลาว่า ความยินดีความบันเทิงอันผู้รู้พึงได้ เพราะบารุงบาเรอมารดาให้ท่านหัวเราะแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ. ความยินดีความบันเทิงอันผู้รู้พึงได้ เพราะบารุงบาเรอบิดาให้ท่านหัวเราะแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ. การสงเคราะห์เหล่านี้ แลในโลกตามสมควรในธรรมนั้นๆ คือ การให้ การเจรจาถ้อยคา อ่อนหวาน การประพฤติเป็นประโยชน์ การวางตนเสมอต้นเสมอปลาย ดุจลิ่มรถที่แล่นไปฉะนั้น. การสงเคราะห์เหล่านี้ ไม่พึงมี มารดาย่อมไม่ได้การนับถือหรือการบูชา เพราะเหตุแห่ง บุตร. หรือบิดาย่อมไม่ได้การนับถือหรือการบูชา เพราะเหตุแห่งบุตร. เพราะบัณฑิตทั้งหลาย เพ่งเล็งโดยชอบถึงการสงเคราะห์เหล่านี้ ฉะนั้นจึงถึงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และได้ความสรรเสริญ. มารดาบิดาท่านกล่าวว่าเป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์และเป็นผู้ควรบูชาของบุตรทั้งหลาย เป็นผู้ อนุเคราะห์สัตว์. เพราะฉะนั้นแล บัณฑิตพึงนอบน้อม พึงสักการะมารดาบิดาเหล่านั้น ด้วยข้าว ด้วยน้า ด้วยผ้า ด้วยที่นอน ด้วยเครื่องนุ่งห่ม ด้วยน้าอาบ และด้วยการล้างเท้า. บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ ด้วยการบารุงบาเรอในมารดาบิดาทั้งหลาย.
  • 5. 5 บุคคลนั้นละจากโลกนี้ ไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์ พระราชาทั้งหมดเหล่านั้นครั้นได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ทรงเลื่อมใสพร้อมกับกองพล. ลาดับนั้น พระโพธิสัตว์ยังพระราชาเหล่านั้นให้ตั้งอยู่ในศีล ๕ แล้วให้โอวาทว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่ประมาทในทานเป็นต้นเถิด. แล้วก็ปล่อยไป. พระราชาเหล่านั้นทั้งหมดทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ครั้นสวรรคตก็ไปบังเกิดในสวรรค์. พระโพธิสัตว์ให้นันทบัณฑิตดูแลมารดา ด้วยกล่าวว่า ตั้งแต่นี้ น้องจงบารุงมารดาตนเองบารุง บิดาจนตลอดชีวิต. ทั้งสองพี่น้องเมื่อถึงแก่กรรมก็ไปเกิดบนพรหมโลก. มารดาบิดาในครั้งนั้นได้เป็นตระกูลมหาราชในครั้งนี้ . นันทบัณฑิต คือพระอานนทเถระ. พระราชา คือพระสารีบุตรเถระ. พระราชาร้อยเอ็ด คือพระอสีติมหาเถระและพระเถระรูปอื่นๆ. บริษัท ๒๔ อักโขภินี คือพุทธบริษัท. โสณบัณฑิต คือพระโลกนาถ. อนึ่ง พึงประกาศคุณานุภาพของพระมหาสัตว์มีอาทิอย่างนี้ คือ ความเป็นผู้ไม่คานึงในกามทั้งหลายโดยสิ้นเชิง. ความเป็นผู้มีความเคารพยาเกรงอย่างแรงกล้าในมารดาบิดาทั้งหลาย. ความไม่อิ่มด้วยการบารุงมารดาบิดา แม้เมื่อมีการบารุงมารดาบิดาเหล่านั้นอยู่ ก็ยังกาลเวลา ทั้งหมดให้น้อมไปด้วยสมาบัติวิหารธรรมด้วยประการฉะนี้ . จบอรรถกถาโสณนันทปัณฑิตจริยาที่ ๕ -----------------------------------------------------