SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
หน่วยที่ 4
ภาษาคอมพิวเตอร์และการพัฒนาโปรแกรม
เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทหนึ่ง การให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ทางานได้นั้นจะต้องป้ อนคาสั่งให้กับมันและต้องเป็นคาสั่งให้กับมันและ
ต้องเป็นคาสั่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ การนาคาสั่งมาเรียงต่อกัน ให้ทางานอย่าง
ใดอย่างหนึ่งเรียกว่าโปรแกรม เมื่อโปรแกรมถูกป้ อนเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
มันจะทางานทีละคาสั่ง สาหรับการใช้คาสั่งสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทางานนั้นจะต้องใช้
ภาษาที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ ภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจเรียกว่าภาษาเครื่อง
(Machine Language) ซึ้งเป็นรหัส
เลขฐานสองเมื่อมีการป้ อนภาษานี้เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ รหัสเลขฐานสองจะถูก
เปลี่ยนเป็นสัญญาณทางไฟฟ้ าที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ
• แต่ถ้ามนุษย์ต้องการป้ อนโปรแกรมให้กับคอมพิวเตอร์เป็นเลขฐานสองนั้นจะ
ทาได้ยากมาก เพราะเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจได้ยาก จึงได้มีการออกแบบ
ตัวอักษรภาษาอังกฤษให้แทนคาสั่งรหัสเลขฐานสอง
• เหล่านั้นเรียกว่า รหัสนีโมนิก (mnemonic) ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้รหัสนีโม
นิกในการเขียนโปรแกรมเรียกว่าภาษาแอสเซมบลี (Assembly
Language) ต่อมาได้มีการพัฒนาชุดคาสั่งภาษาต่าง ๆ ให้มีความใกล้เคียงกับ
ภาษาที่มนุษย์เข้าใจเรียกว่าภาษาระดับสูง (High-level Language) ซึ่งมี
อยู่หลายภาษา ได้แก่ ภาษาซี ภาษาเบสิก ภาษาปาสคาล เป็นต้น สาหรับ
ภาษาแอสเซมบลีเป็นภาษาที่ทางานได้เร็วเพราะเข้าถึงหน่วยประมวลผลได้เร็ว
ที่สุด
• เราเรียกภาษานี้ว่าภาษาระดับต่า (Low-level Language)
โปรแกรมภาษา
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเขียนด้วยภาษาระดับสูงหรือ
ภาษาระดับต่า เราจะต้องแปลงภาษาเหล่านั้นให้เป็นรหัสภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์
เข้าใจเสียก่อน คอมพิวเตอร์จึงจะทางานได้ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า
ภาษาคอมพิวเตอร์เป็นการนาชุดคาสั่งแต่ละคาสั่งมาต่อกันให้คอมพิวเตอร์ทางาน
การเขียนชุดคาสั่งนี้ไม่ว่าจะเขียนด้วยภาษาอะไรจะเรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับ
(Source Program) หรือรหัสต้นฉบับ (Source Code) จากนั้นเราจะต้อง
แปลงให้เป็นภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์ทางานได้เรียกว่าเอ็กซิคิ้วโปรแกรม
(Executable Program)
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาแอสแซมบลีจะต้องใช้ตัวแปลภาษาให้เป็น
ภาษาเครื่อง ตัวแปลนี้เรียกว่า แอสเซมเบอร์ (Assembler) ขั้นตอนการแปล
สามารถเขียนได้ดังรูป
สาหรับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงจะมีวิธีในการแปล 2 ประเภท
คือ การแปลคาสั่งทีละคาสั่งให้เครื่องทางานทีละคาสั่ง จากนั้นจึงแปลคาสั่งบรรทัด
ต่อไป เช่น การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาเบสิก ตัวที่แปลภาษาประเภทนี้เรียกว่า
อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) การทางานของตัวอินเตอร์พรีเตอร์นี้จะแปล
ความหมายของคาสั่งทีละคาสั่ง ถ้าไม่พบข้อผิดพลาดเครื่องจะทาคาสั่งที่แปลได้
โปรแกรมต้นฉบับ
ภาษาแอสเซมบลี
โปรแกรม
แอสเซมเบอร์
รหัสภาษาเครื่อง
ประเภทของโปรแกรม
โปรแกรมที่ใช้สั่งให้คอมพิวเตอร์ทางานนั้น สามารถแบ่งตามประเภทการใช้งาน ได้
ดังนี้
โปรแกรมระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการหรือโอเอส (OS : Operating System) โปรแกรม
ประเภทนี้จะทาหน้าที่คอยดูแลระบบ รวมทั้งติดต่อกับฮาร์ดแวร์ส่วนต่าง ๆ ควบคุม
การทางานของคีย์บอร์ด จอภาพ ระบบอ่านและบันทึกข้อมูล ทาให้ผู้ใช้และ
ผู้พัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ไม่ต้องเขียนโปรแกรมติดต่อกับระบบเองโปรแกรมประเภทนี้
ที่เรารู้จักกัน ได้แก่ ดอส (DOS : Disk Operating System), โปรแกรม
UNIX, โปรแกรม Windows
โปรแกรมเอนกประสงค์ (Utility Program)
โปรแกรมประเภทนี้จะช่วยอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ โดยมี
โปรแกรมที่ทางานหลายประเภท เช่น โปรแกรมตรวจสอบความเร็วของคอมพิวเตอร์
โปรแกรมตรวจหาไวรัส โปรแกรมตรวจสอบตัวเครื่อง เป็นต้น
โปรแกรมประยุกต์
โปรแกรมประเภทนี้บางครั้งจะเรียกว่า โปรแกรมสาเร็จรูป และเป็น
โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาสาหรับงานเฉพาะด้าน มีการทางานที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมบัญชี โปรแกรมด้านดาต้าเบส โปรแกรมกราฟิก
เป็นต้น
ภาษาคอมพิวเตอร์สาหรับพัฒนาโปรแกรม
ในปัจจุบันมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สาหรับพัฒนาโปรแกรมมากมาย บางภาษาแม้ว่าจะ
มีมานานแล้วแต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน จึงมีเครื่องมือช่วย
ให้เขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นมากมาย ภาษาแต่ละภาษาจะมีโครงสร้างของภาษาต่างกัน มี
ความสามารถเด่น ๆ ต่างกัน และแต่ละภาษาก็ใช้สภาพแวดล้มของเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างกันด้วย
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้ในการเขียนโปรแกรม ได้แก่
ภาษาเบสิก (BASIC)
ภาษาเบสิกเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1963 ที่มหาวิทยาลัย
Dartmouth College ต่อมาได้ถูกนามาใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปี ค.ศ. 1980 คาว่า
Basic ย่อมาจากคาว่า Beginner’s All purpose Symbolic Instruction
Code ภาษานี้เหมาะสาหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรม
• เนื่องจากเป็นรูปแบบคาสั่งที่ง่าย แต่ความสามารถจะน้อยกว่าภาษาอื่น ๆ เนื่องจากเป็นภาษาที่
พัฒนามานานแล้ว
ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN)
เป็นภาษาระดับสูงเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1950 คาว่า FORTRAN ย่อมาจากคาว่า
FORmular TRANslator ภาษานี้เป็นภาษาที่มีประสิทธิภาพสูงในการคานวณ เหมาะ
สาหรับการเขียนโปรแกรมประยุกต์ทางคณิตศาสตร์ที่ทางานบนเครื่องเมนเฟรม แต่ในปัจจุบันได้มี
คอมไพล์เลอร์หลายตัวที่พัฒนาขึ้นสาหรับแปลภาษานี้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป
ภาษาโคบอล (COBOL)
ภาษานี้เกิดจากความร่วมมือของรัฐบาลสหรัฐกับองค์กรธุรกิจ และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1960 ภาษานี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Business Oriented
Language เป็นภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง (Structure Program) เหมาะ
สาหรับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ การจัดเก็บข้อมูล งานทางด้านบัญชี และการ
เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร
ภาษาปาสคาล (PASCAL)
ภาษานี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1970 ชื่อของภาษาเป็นการตั้งชื่อตามนักคณิตศาสตร์ที่ประดิษฐ์
เครื่องคานวณในยุคแรก ที่ชื่อ Blaise Pascal ภาษานี้เป็นภาษาระดับสูงที่ใช้เขียนโปรแกรมเชิง
โครงสร้างได้ ตัวแปลภาษาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือโปรแกรมเทอร์โบปาสคาล
(Turbo Pascal) ของบริษัทบอร์แลนด์ ในปัจจุบันในประเทศได้ใช้โปรแกรมนี้การสอนเขียน
โปรแกรมเบื้องต้นให้กับนักเรียน นักศึกษาทั่วไป
ภาษาซี (C)
ภาษานี้พัฒนาขึ้นในห้องปฏิบัติการเบลล์ (Bell Laboratory) ของบริษัท เอทีแอนด์ที
ในปี ค.ศ.1970 เพื่อใช้บนระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (Unix) ต่อมาได้มีตัวแปลภาษาออกมาหลายตัว
และได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป ภาษานี้เป็นภาษาที่มีความยืดหยุ่นสูง
สามารถทางานบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ควบคุมฮาร์ดแวร์ได้โดย แต่
ชุดคาสั่งจะมีกฎเกณฑ์และรายละเอียดต่าง ๆ จานวนมาก
ภาษาซีพลัสพลัส (C++)
ภาษานี้พัฒนาต่อมาจากภาษาซี โดยเพิ่มการเขียนโปรแกรมแบบ Class เข้าไป ทาให้
ภาษาซีมีความสามารถในการทางานสูงขึ้น สามารถนามาเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-
oriented pro-gramming) ได้ ทาให้ภาษานี้ได้รับความนิยมอย่างสูง แต่จะไม่เหมาะ
สาหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรมเนื่องจากโครงสร้างภาษามีความซับซ้อนมากขึ้น
วิชวลเบสิก (VISUAL BASIC)
ภาษานี้พัฒนาขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ ชุดคาสั่งต่าง ๆ จะคล้ายกับภาษา BASIC
เดิม และเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการเขียนโปรแกรมบนระบบปฎิบัติการวินโดว์
เนื่องจากผู้เขียนโปรแกรมสามารถสร้างหน้าจอในการติดต่อกับผู้ใช้ได้ง่าย ปัจจุบันภาษานี้ถูกนิยม
ใช้ในการเขียนโปรแกรมขนาดใหญ่ ๆ จานวนมาก ภาษานี้เหมาะสาหรับผู้พัฒนาโปรแกรมแต่ไม่
เหมาะกับผู้ที่จะเริ่มต้นเขียนโปรแกรม
ภาษาจาวา (JAVA)
ภาษานี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 โดยบริษัท Sun Microsystem ที่พัฒนา
ให้เป็นภาษาสาหรับการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ภาษาจาวานี้สามารถทางานได้บน
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกระบบ เนื่องจากเวลาทาการคอมไพล์ออกมาแล้วจะได้ข้อมูล
แบบ ไบต์โค้ด (Bytecode) เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้ภาษานี้จะต้องติดตั้ง
Java Virtual Machine ก่อนเพื่อให้โปรแกรมทางานได้ ปัจจุบันภาษานี้ได้ถูก
พัฒนามาหลายรูปแบบ มีทั้งการเขียนโปรแกรมบนระบบเครือข่าย การเขียนโปรแกรม
บนโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทางานได้ตามที่เราต้องการนั้น ผู้เขียน
โปรแกรมจะต้องรู้ว่าจะให้โปรแกรมทาอะไร มีข้อมูลอะไรที่ต้องให้กับโปรแกรมบ้าง
และต้องการเอาต์พุตอย่างไรจากโปรแกรมรวมทั้งรูปแบบการแสดงผลด้วย ผู้ที่ทาการ
เขียนโปรแกรมจะต้องทราบถึงขั้นตอนวิธีการของการแก้ปัญหาของโปรแกรมด้วยว่า
จะต้องทาอย่างไร โดยเขียนลาดับขั้นตอนขึ้นมาก่อนแล้วจดบันทึกเอาไว้ จากนั้นจึงนา
ลาดับขั้นตอนที่เขียนขึ้นมาพัฒนาเป็นโปรแกรม ถ้าหากผู้เขียนโปรแกรมไม่ได้วางแผน
ขั้นตอนการทางานต่าง ๆ ไว้ก่อน หากต้องการปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมในภายหลัง จะ
ทาให้เสียเวลามาในการศึกษาโปรแกรมก่อนที่จะทาการแก้ไข ถ้าหากโปรแกรมมี
ความซับซ้อนไม่มาก การศึกษาโปรแกรมเพื่อแก้ไขปัญหาอาจไม่นานนัก แต่ถ้าหาก
โปรแกรมมีความซับซ้อนมากจะทาให้ขั้นตอนการศึกษาปัญหายิ่งใช้เวลามากขึ้นไป
ด้วย โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการนาโปรแกรมแบ่งได้ดังนี้
1. กาหนดและวิเคราะห์ปัญหา (Problem Definition and Problem Analysis)
2. เขียนผังงานและซูโดโค้ด (Pseudocoding)
3. เขียนโปรแกรม (Programming)
4. ทดสอบและแก้ไขโปรแกรม (Program Testing and Debugging)
5. ทาเอกสารและบารุงรักษาโปรแกรม (Program Documentation and
Maintenance)
การกาหนดและวิเคราะห์ปัญหา
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกสุดที่นักเขียนโปรแกรมจะต้องทา การให้
คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาต่างๆ ให้เรานั้น เราจะต้องมีแนวทางที่แก้ไขปัญหาที่เหมาะสม
ให้กับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้การทางานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากผู้ที่เขียน
โปรแกรมไม่สามารถทาความเข้าใจกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขได้ การนาคอมพิวเตอร์
มาใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ก็ไม่สามารถทาได้ การกาหนดและวิเคราะห์ปัญหามี
ขั้นตอนย่อย ๆ ดังนี้
กาหนดขอบเขตของปัญหา
โดยกาหนดรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะให้คอมพิวเตอร์ทาอะไรตัวแปร
ค่าคงที่ที่ต้องใช้เป็นลักษณะใด ถ้าหากเราไม่กาหนดขอบเขตของปัญหา จะทาให้
คอมพิวเตอร์ตัดสินใจได้ยากว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นถูกหรือผิด
กาหนดลักษณะของข้อมูลเข้าและออกจากระบบ
(Input/Output Specification)
โดยต้องรู้ว่าข้อมูลที่จะส่งเข้าไปเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง เพื่อให้โปรแกรมทา
การประมวลผลและแสดงผลลัพธ์ เช่น การรับค่าจากคีย์บอร์ด การใช้เมาส์ การ
กาหนดปุ่มต่าง ๆ ลักษณะการแดงผลทางหน้าจอว่าจะให้มีรูปร่างอย่างไรโดยคานึงถึง
ผู้ใช้เป็นในการออกแบบโปรแกรม ตัวอย่างเช่นถ้าหากต้องการรับข้อมูลเข้าไป
ประมวลผล ก็ต้องพิจารณาว่าข้อมูลนั้นเป็นตัวอักษรหรือตัวเลข ถ้าเป็นตัวเลขก็ต้อง
พิจารณาต่อว่าเป็นเลขจานวนเต็มหรือทศนิยม เอาต์พุตที่แสดงออกทางจอภาพจะให้
แสดงทศนิยมกี่ตาแหน่งเป็นต้น
กาหนดวิธีการประมวลผล (Process Specification)
โดยต้องรู้ว่าจะให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลอย่างไรจึงได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
การเขียนผังงานและซูโดโค้ด
หลังจากที่ได้วิเคราะห์ปัญหาแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องใช้เครื่องมีช่วยในการ
ออกแบบโปรแกรมซึ่งยังไม่ได้เขียนเป็นโปรแกรมจริง ๆ แต่จะช่วยให้เขียนโปรแกรมได้
ง่ายขึ้น และทาให้ผู้อื่นนาโปรแกรมของเราไปพัฒนาต่อได้ง่ายขึ้น โดยเขียนเป็นลาดับ
ขั้นตอนการทางานของโปรแกรมที่เรียกว่า อัลกอริทึม (Algorithm) ซึ่งจะแสดง
ขั้นตอนการแก้ปัญหา โดยใช้ประโยคที่ชัดเจนไม่คลุมเครือ และมีรายละเอียดการ
ทางานพอสมควร เพียงพอที่จะนาไปเขียนเป็นโปรแกรมให้ทางานจริง โดยอัลกอริทึม
นั้นอาจเขียนให้อยู่ในรูปของรหัสจาลองหรือซูโดโค้ด (Pseudo-code) หรือเขียนเป็น
ผังงาน (Flowchart) ก็ได้โดยซูโดโค้ดจะเป็นคาอธิบายขั้นตอนการทางานของ
โปรแกรม เป็นคาย่อไม่มีรูปแบบเฉพาะตัว โดยในแต่ละส่วนจะเป็นแนวทางในการ
เขียนโปรแกรมซึ่งทาให้เขียนโปรแกรมเป็นภาษาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ส่วนผังงานจะใช้
สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนการทางานและทิศทางของโปรแกรม
การเขียนโปรแกรม
หลังจากที่ผ่านขั้นตอนทั้งสองแล้ว ขั้นต่อไปจะต้องเขียนเป็นโปรแกรมเพื่อให้
คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลได้ โดยเปลี่ยนขั้นตอนการทางานให้อยู่ในรูปรหัส
ภาษาคอมพิวเตอร์ การเขียนโปรแกรมจะต้องเขียนตามภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจโดย
อาจใช้ภาษาระดับสูง หรือระดับต่า ซึ่งสามารถเลือกได้หลายภาษาการเขียนโปรแกรม
แต่ละภาษาจะต้องทาตามหลักไวยากรณ์ (syntax) ที่กาหนดไว้ในภาษานั้น นอก
จากนี้การเลือกใช้ภาษาจะต้องพิจารณาถึงความถนัดของผู้เขียนโปรแกรมด้วย
การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
หลังจากเขียนโปรแกรม จะต้องทดสอบความถูกต้องของโปรแกรมที่เขียนขึ้น
หาจุดผิดพลาดของโปรแกรมว่ามีหรือไม่ และตรวจสอบจนไม่พบที่ผิดอีก จุดผิดพลาด
ของโปรแกรมนี้เรียกว่า บัก (Bug) ส่วนการแก้ไขข้อผิดพลาดให้ถูกต้องเรียกว่า ดีบัก
(debug) โดยทั่วไปแล้วข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมจะมี 2 ประเภทคือ
1. การเขียนคาสั่งไม่ถูกต้องตามหลักการเขียนโปรแกรมภาษานั้น ๆ ซึ่ง
เรียกว่า Syntax Error หรือ Coding Error
2. ข้อผิดพลาดประเภทนี้เรามักพบตอนแปลภาษาโปรแกรมเป็นรหัส
ภาษาเครื่องข้อผิดพลาดทางตรรก หรือ Logic Error เป็นข้อผิดพลาดที่โปรแกรม
ทางานได้ แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ถูกต้อง
ทาเอกสารและบารุงรักษาโปรแกรม
ขั้นตอนนี้จะทาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ
สะดวกในการตรวจสอบข้อผิดพลาดโดยเขียนเป็นเอกสารประกอบโปรแกรมขึ้นมา
โดยทั่วไปแล้วแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. คู่มือการใช้ User Document หรือ User guide ซึ่งจะอธิบายการใช้
โปรแกรม
2. คู่มือโปรแกรมเมอร์ หรือ Program Document หรือ Technical
Reference ซึ่งจะอานวยความสะดวกในการแก้ไขโปรแกรมและพัฒนาโปรแกรมใน
อนาคต โดยจะมีรายละเอียดต่าง ๆ ในโปรแกรม เป็นต้น
ส่วนการบารุงรักษาโปรแกรม (Maintainance) เป็นการที่ผู้เขียน
โปรแกรมจะต้องคอยตรวจสอบการใช้โปรแกรมจริง เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดซึ่งอาจ
เกิดขึ้นในภายหลัง รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อเวลาผ่านไป

More Related Content

What's hot

08 ณัฐนนท์-3-9
08 ณัฐนนท์-3-908 ณัฐนนท์-3-9
08 ณัฐนนท์-3-9naraporn buanuch
 
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์Pete Panupong
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์bpatra
 
16 พีรพล-ปวช3-7
16 พีรพล-ปวช3-716 พีรพล-ปวช3-7
16 พีรพล-ปวช3-7naraporn buanuch
 
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-736 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7naraporn buanuch
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์WEDPISIT KHAMCHAROEN
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์Onpreeya Sahnguansak
 
การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา Chanikan Kongkaew
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอมKh ook
 
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์Saipanyarangsit School
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์Onpreeya Sahnguansak
 
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3Diiz Yokiiz
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์Hm Thanachot
 

What's hot (20)

08 ณัฐนนท์-3-9
08 ณัฐนนท์-3-908 ณัฐนนท์-3-9
08 ณัฐนนท์-3-9
 
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรเเกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
 
งานนำเสนอ
งานนำเสนองานนำเสนอ
งานนำเสนอ
 
Chepter2
Chepter2Chepter2
Chepter2
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
 
Software languge
Software langugeSoftware languge
Software languge
 
lesson1
lesson1lesson1
lesson1
 
16 พีรพล-ปวช3-7
16 พีรพล-ปวช3-716 พีรพล-ปวช3-7
16 พีรพล-ปวช3-7
 
การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษาการเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา
 
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-736 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7
36 ธีรศักดิ์-ปวช.3-7
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
 
โปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์
โปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์โปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์
โปรแกรมและภาษาคอมพิวเตอร์
 
การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา
 
09 ณัฐพล-3-9
09 ณัฐพล-3-909 ณัฐพล-3-9
09 ณัฐพล-3-9
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
1.ซอฟต์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
 
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3
ภาษาคอมพิวเตอร์ ม.3
 
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างงานโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
 

Viewers also liked

หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์จูน นะค่ะ
 
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซต
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซตแบบฝึกหัดเพาเวอร์เซต
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซตkroojaja
 
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2kroojaja
 
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซต
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซตแบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซต
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซตkroojaja
 
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซต
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซตการเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซต
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซตkroojaja
 
ชนิดของเซต
ชนิดของเซตชนิดของเซต
ชนิดของเซตkroojaja
 
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตหน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตหน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตจูน นะค่ะ
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตkroojaja
 
การดำเนินการทางเซต
การดำเนินการทางเซตการดำเนินการทางเซต
การดำเนินการทางเซตkroojaja
 
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละkroojaja
 
สรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตสรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตK'Keng Hale's
 

Viewers also liked (16)

บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
ยูเนียน
ยูเนียนยูเนียน
ยูเนียน
 
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
 
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
 
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซต
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซตแบบฝึกหัดเพาเวอร์เซต
แบบฝึกหัดเพาเวอร์เซต
 
4ชนิดของเซต
4ชนิดของเซต4ชนิดของเซต
4ชนิดของเซต
 
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตตอน2
 
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซต
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซตแบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซต
แบบฝึกหัดการดำเนินการทางเซต
 
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซต
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซตการเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซต
การเขียนแผนภาพแสดงจำนวนสมาชิกเซต
 
ชนิดของเซต
ชนิดของเซตชนิดของเซต
ชนิดของเซต
 
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตหน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
 
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซตหน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
หน่วยที่ 1 พื้นฐานเกี่ยวกับเซต
 
เพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซตเพาเวอร์เซต
เพาเวอร์เซต
 
การดำเนินการทางเซต
การดำเนินการทางเซตการดำเนินการทางเซต
การดำเนินการทางเซต
 
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละการประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละ
การประยุกต์เกี่ยวกับอัตราส่วนและร้อยละ
 
สรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซตสรุปสูตรเรื่อง เซต
สรุปสูตรเรื่อง เซต
 

Similar to หน่วยที่ 4

คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4
คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4
คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4Nuttapoom Tossanut
 
นาวสาว หัทยา
นาวสาว   หัทยานาวสาว   หัทยา
นาวสาว หัทยาJiJee Pj
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1SubLt Masu
 
09 ขนิษฐา-ปวช3-7
09 ขนิษฐา-ปวช3-709 ขนิษฐา-ปวช3-7
09 ขนิษฐา-ปวช3-7naraporn buanuch
 
18 ธนวัต-ปวช.3-7
18 ธนวัต-ปวช.3-718 ธนวัต-ปวช.3-7
18 ธนวัต-ปวช.3-7naraporn buanuch
 
ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซีประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซีHathaichon Nonruongrit
 
โปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมโปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมOnrutai Intanin
 
โปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมโปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมOnrutai Intanin
 
โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5wipawanmmiiww
 
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-7
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-76 บุญเกียรติ-ปวช.3-7
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-7naraporn buanuch
 
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docx
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docxeruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docx
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docxssuser07f67b
 
32 วรดร-ปวช.3-7
32 วรดร-ปวช.3-732 วรดร-ปวช.3-7
32 วรดร-ปวช.3-7naraporn buanuch
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์Supanan Fom
 
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์Patitta Intarasopa
 
การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษาการเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษาJiranan Thongrit
 

Similar to หน่วยที่ 4 (20)

คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4
คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4
คอมพิวเตอร์พื้นฐาน บทที่ 4
 
นาวสาว หัทยา
นาวสาว   หัทยานาวสาว   หัทยา
นาวสาว หัทยา
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
 
09 ขนิษฐา-ปวช3-7
09 ขนิษฐา-ปวช3-709 ขนิษฐา-ปวช3-7
09 ขนิษฐา-ปวช3-7
 
18 ธนวัต-ปวช.3-7
18 ธนวัต-ปวช.3-718 ธนวัต-ปวช.3-7
18 ธนวัต-ปวช.3-7
 
ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซีประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซี
 
โปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมโปรแกรมคอม
โปรแกรมคอม
 
โปรแกรมคอม
โปรแกรมคอมโปรแกรมคอม
โปรแกรมคอม
 
Learn 1
Learn 1Learn 1
Learn 1
 
10 ธิบดี-3-7
10 ธิบดี-3-710 ธิบดี-3-7
10 ธิบดี-3-7
 
Software
SoftwareSoftware
Software
 
โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5
 
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-7
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-76 บุญเกียรติ-ปวช.3-7
6 บุญเกียรติ-ปวช.3-7
 
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docx
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docxeruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docx
eruueng_kaarcchadkaarchftaewrain_Windows_7.docx
 
123456
123456123456
123456
 
32 วรดร-ปวช.3-7
32 วรดร-ปวช.3-732 วรดร-ปวช.3-7
32 วรดร-ปวช.3-7
 
ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์
 
งาน #1
งาน #1งาน #1
งาน #1
 
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
 
การเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษาการเขียนโปรแกรมภาษา
การเขียนโปรแกรมภาษา
 

More from จูน นะค่ะ

หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำจูน นะค่ะ
 
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกบทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับหน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์จูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์จูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำจูน นะค่ะ
 
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกบทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับหน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานจูน นะค่ะ
 
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์จูน นะค่ะ
 

More from จูน นะค่ะ (18)

หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
 
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกบทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
 
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับหน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
 
หน่วยที่ 7
หน่วยที่ 7หน่วยที่ 7
หน่วยที่ 7
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงาน
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 3 การคำนวณของคอมพิวเตอร์
 
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
 
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
 
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือกบทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
บทที่ 9 การทำงานแบบมีทางเลือก
 
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับหน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
หน่วยที่ 8 การทำงานแบบลำดับ
 
หน่วยที่ 7
หน่วยที่ 7หน่วยที่ 7
หน่วยที่ 7
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงาน
 
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำหน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
หน่วยที่ 10 การทำงานแบบมีทำซ้ำ
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงาน
 
หน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงานหน่วยที่ 6 ผังงาน
หน่วยที่ 6 ผังงาน
 
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
หน่วยที่ 2 ตรรกศาสตร์
 
หน่วยที่ 1
หน่วยที่ 1หน่วยที่ 1
หน่วยที่ 1
 

หน่วยที่ 4