More Related Content
Similar to โครงงานโครงร่าง (20)
โครงงานโครงร่าง
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน การบริหารความขัดแย้ง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นาย อภิวัฒน์ พัทยาวรรณ เลขที่ 42 ชั้นม.6 ห้อง 3
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิก
1. อภิวัฒน์ พัทยารรณ เลขที่ 42
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
การบริหารความขัดแย้ง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Conflict Management
ประเภทโครงงาน : เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน : นาย อภิวัฒน์ พัทยารรณ
ชื่อที่ปรึกษา : คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ความขัดแย้งเป็นปรากฎการณ์สามัญในสังคมที่ให้ทั้งประโยชน์และโทษต่อบุคคลและองค์การจึงเกิด คาถามว่า ทาอย่างไร
ให้ได้ประโยชน์มากที่สุดและเกิดโทษน้อยที่สุด ดังนั้นผู้บริหารจาเป็นต้องมีความรู้ความสามารถในการจัดการกับความ
ขัดแย้ง หรือ บริหารความขัดแย้ง(Conflict Management) เพื่อนาองค์การที่ตนเองรับผิดชอบให้เจริญก้าวหน้า ดังนั้นองค์การจึง
จาเป็นต้องมีความขัดแย้งเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีความขัดแย้งหรือน้อยเกินไปก็จะทาให้องค์การมีความเสื่อม ระดับความขัดแย้ง
ที่พอเหมาะจะทาให้เกิดความสร้างสรรค์มีความสามัคคี สร้างความเจริญให้แก่องค์การ แต่ถ้าความขัดแย้งสูงหรือมีมากเกินไปจะทา
ให้เกิดความแตกแยกเป็นปัญหาแก่องค์การเป็นอย่างยิ่ง ผู้บริหารควรจะต้องมีเครื่องมือหรือวิธีการในการบริหารความขัดแย้งใน
องค์การและวิธีการในการบริหาร
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อหา สาเหตุของความขัดแย้ง
2.เพื่อการป้ องกันปัญหาความขัดแย้ง
3.เพื่อการแก้ปัญหาหรือระงับ
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
การดาเนินการในโครงงาน จะต้องยึดหลักความเป็นจริงเป็นหลักในการอ้างอิงในการพิจารณา ทั้งในเหตุการในอดีต
ปัจจุบัน จน อนาคต ประกอบกับทฤษฎี หรือแขนงความรู้ต่างๆที่ได้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมาก
ที่สุด
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
-การแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีจากัด : บุคลากรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์การมักจะเผชิญปัญหาที่เกี่ยวกับการแก่งแย่ง
เพื่อให้ได้มาซึ่ง ทรัพยากรขององค์กรที่มีค่อนข้างจากัด เช่นในเรื่องของงบประมาณ วัสดุ หรือทรัพยากรมนุษย์เป็นต้น
-อุปสรรคของการติดต่อสื่อสารหรือการสื่อข้อความ: เกิดขึ้นจากความคล่องตัวของงานที่เป็นอยู่ภายในหรือระหว่างหน่วยงาน ไม่มี
ประสิทธิภาพ หรืออาจเกิดจากอุปสรรคด้านภาษา ซึ่งเกิดจากการที่บุคลากรในแต่ละหน่วยงานมีพื้นฐานความรู้ การศึกษา หรือการ
อบรมที่แตกต่างกัน เช่น วิศวกร นายแพทย์และนักสังคมศาสตร์ เป็นต้น มักจะมีภาษาที่ใช้สื่อความหมายเฉพาะตัวตามสาขาอาชีพ
ตน ซึ่งแตกต่างกันอย่างมากมาย สภาพเช่นนี้อาจจะมีผลทาให้การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล กลุ่ม หรือหน่วยงานขาดความเข้าใจ
หรือเกิดการเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน ซึ่งมีผลทาให้ไม่สามารถประสานงานและร่วมมือร่วมใจกันได้ตามที่ควรจะเป็น เงื่อนไขเช่นนี้
อาจจะนาไปสู่ความขัดแย้งตามมาในท้ายที่สุด
-การกาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของงานไม่ชัดเจน: เกิดจากความไม่ชัดเจนของการกาหนดหน้าที่รับผิดชอบในการทางานใน
องค์การทาให้เกิดความสับสน ก้าวก่ายในการทางานหรือทางานซ้าซ้อนกัน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งสาเหตุสาคัญประการ
หนึ่งที่ทาให้องค์กรขาดความชัดเจนในการกาหนดหน้าที่รับผิดชอบ คือในขณะที่สภาพแวดล้อมขององค์กรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่
ตลอดเวลา ซึ่งมีผลทาให้เกิดหน้าที่ความรับผิดชอบของงานใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย แต่องค์กรส่วนใหญ่มักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ลักษณะขอบข่ายของงาน ซึ่งระบุถึงหน้าที่ความรับผิดชอบให้ทันสมัยตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยสภาพเช่นนี้จะทาให้
บุคลากร กลุ่ม หรือหน่วยงานแต่ละฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการทางานนั้น ๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะทา
ให้เกิดการแบ่งงานกันทา หรือปัดความรับผิดชอบให้กับฝ่ายอื่น และความขัดแย้งตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
-การแบ่งงานตามความชานาญเฉพาะด้านมีมากขึ้น: เกิดปัญหามากมายหลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความ
ขัดแย้ง ซึ่งจากผลการวิจัยของนักวิชาการหลายท่าน ได้มีการค้นพบว่า การแบ่งงานตามความชานาญมากเท่าใด ยิ่งเกิดความขัดแย้ง
เพิ่มมากขึ้น เพราะจะทาให้บุคลากรแต่ละกลุ่มมีโครงสร้างในการทางาน และพัฒนาการในการเรียนรู้ หรือแนวความคิดที่จากัดอยู่
แต่เฉพาะในงานของตนเอง สภาพเช่นนี้ทาให้บุคลากรในแต่ละหน่วยงานมีแนวความคิดต่อการปฏิบัติ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของ
งานแตกต่างกันไปตามความถนัดของแต่ละบุคคล และเมื่อมีความจาเป็นที่จะต้องประสานงานหรือทางานร่วมกันแล้ว โอกาสที่จะ
นาไปสู่ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นได้
- 5. 5
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ดาเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________