More Related Content
Similar to Com final2 (20)
Com final2
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา 3 ง3201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา2562
ชื่อโครงงาน
โรคหลายบุคลิก
Dissociative Identity Disorder
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาว ปภาวรินท์มิตรานนท์
เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 3. 3
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
บุคลิกภาพคือลักษณะเฉพาะตัวเป็นผลรวมของภาพลักษณ์ทางกาย รูปร่าง หน้าตา การรับรู้ ความรู้สึก
นึกคิดสติปัญญา ความเชื่อ อารมณ์ อุปนิสัยใจคอหรือสันดาน และประสบการณ์ แต่ปัจจัยที่สาคัญที่สุดในกระบวนการก่อร่าง
สร้างบุคลิก คือการเรียนรู้จากกลุ่มสังคม โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อน เนื่องจากเป็น
สังคมกลุ่มแรกๆ ที่มีบทบาทกับตัวเราโดยตรงตั้งแต่วัยเด็ก ในทางจิตวิทยาและจิตเวชจึงมุ่งให้ความสนใจ
กับช่วงชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ล้วนส่งผลต่อทิศทางการเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
ระบบความคิด และการแสดงออกทางพฤติกรรม ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สาคัญของ
บุคลิกภาพ
บุคลิกภาพก็เหมือนกับหน้ากากที่เราเลือกหยิบขึ้นมา ภายในตัวเราทุกคนจึงมีกล่องที่ใช้เก็บหน้ากาก
เหล่านี้ไว้ซึ่งแต่ละคนมีจานวนหน้ากากไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ชีวิต แต่ทุกคนมี
สติรู้ตัวเสมอว่าจะใช้หน้ากากอันไหน กับใคร เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยน และเมื่อไหร่ที่เราสามารถถอด
หน้ากากออกได้
แนวคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นมาจากการสร้างคา เพราะคาว่า personality มีรากศัพท์จากภาษากรีกคือ persona แปลว่า
mask หรือ หน้ากาก ซึ่งคนกรีกโบราณใช้สวมใส่เพื่อสร้างบทบาท เป็นคนดีร้าย ขณะออกแสดงละครบทเวที
แต่สาหรับบุคลิกภาพผิดปกติระดับป่วยเป็นโรคนั้นเกิดจากหลายสาเหตุทั้งระดับสารเคมีในร่างกาย เช่น
ฮอร์โมนบางชนิดที่มีปริมาณสูงต่ากว่าปกติหรืออาจเกี่ยวข้องกับความบกพร่องในพัฒนาการวัยเด็ก รวมทั้ง
ลักษณะการเลี้ยงดูที่ผิดแปลกจากผู้ใหญ่อย่างการถูกทารุณกรรมหรือการทาร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึง
อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมบางอย่าง ซึ่งความผิดปกติของบุคลิกภาพจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ก้าวเข้าสู่
ชีวิตวัยรุ่นหรือช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ความผิดปกตินี้เกิดขึ้นได้ทั้งฉับพลันทันใด และค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจ
เกิดขึ้นแบบชั่วคราว หรือเป็นอาการเรื้อรังก็ได้แล้วแต่กรณี
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลายบุคลิก
2. เพื่อให้แนวทางการรับมือกับคนที่เป็นโรคหลายบุคลิก
ขอบเขตโครงงาน
- โรคหลายบุคลิกคืออะไร
- โรคหลายบุคลิก เกิดจากอะไร
- โรคหลายบุคลิก เกิดกับใครได้บ้าง
- โรคหลายบุคลิก อาการเป็ นอย่างไร
- โรคหลายบุคลิกภาพ อันตรายไหม
- โรคหลายบุคลิก รักษาได้ไหม
- วิธีการปฏิบัติตัวต่อผู้ที่มีอาการหลายบุคลิก
- 4. 4
หลักการและทฤษฎี
โรคหลายบุคลิก Dissociative Identity Disorder คืออะไร
โรคหลายบุคลิกจัดเป็นกลุ่มโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง หรือเรียกได้ว่าเป็นภาวะความผิดปกติของพฤติกรรม แสดงออกอย่าง
หนึ่ง โดยมีลักษณะสูญเสียความเป็นตัวตน ความจาในอดีต การรับรู้ในเอกลักษณ์ และ
ประสาทสัมผัส รวมทั้งการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
กล่าวคือ ผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกจะเหมือนมีคนหลายคนในร่างคนคนเดียวกัน และผู้ป่วยอาจมีลักษณะ
นิสัย บุคลิกแต่ละบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกมักจะมี 2-4 บุคลิกภาพในคนคน
เดียวกัน แต่บางเคสก็มีมากกว่านั้น ซึ่งอาจมีได้มากถึง 150 บุคลิกภาพในคนคนเดียวกัน และแต่ละบุคลิกภาพก็มีความ
แตกต่างด้านมุมมอง เพศ นิสัยใจคอ การรับรู้ต่อสิ่งรอบตัว หรือแม้กระทั่ง
อาจมีความแตกต่างทางด้านศาสนาด้วย
ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ในผู้ป่วยโรคหลายบุคลิก อาจมีลักษณะนิสัยและการแสดงออกถึง 4 แบบ เช่น มี
นิสัยที่เป็นเด็ก มีนิสัยเงียบเฉย มีนิสัยก้าวร้าวรุนแรง และมีนิสัยเรียบร้อย หรืออาจจะมีนิสัยที่แตกต่างไปมากกว่านี้ก็
เป็นได้ซึ่งในช่วงที่ผู้ป่วยกลายเป็นอีกคน ตัวผู้ป่วยเองนั้นก็จะไม่รู้ตัว ไม่สามารถควบคุมตัวเองและการแสดง
พฤติกรรมบางอย่างได้รวมทั้งไม่ทราบว่าช่วงเวลาไหนนิสัยไหนจะแสดงพฤติกรรมออกมาด้วย
โรคหลายบุคลิก เกิดจากอะไร
ตามหลักจิตวิทยาระบุว่า สาเหตุของโรคหลายบุคลิกอาจเกิดจากความทรงจาที่เลวร้ายในวัยเด็ก (โดยมากเป็นการ
ทารุณกรรมทางเพศ) อาจจะเป็นความกดดันจากการถูกข่มเหงรังแกหรือโดนทาร้ายจิตใจและร่างกายตั้งแต่แรกเกิด
จนกระทั่งก่อนอายุ 9 ขวบ ซึ่งในช่วงอายุดังกล่าวเด็กยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะจัดการความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้น
จึงอาจสร้างอีกหนึ่งบุคลิกหรืออีกหนึ่งบุคคลขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงความเจ็บปวดที่ได้รับ
- 5. 5
โรคหลายบุคลิก เกิดกับใครได้บ้าง
อย่างที่บอกว่าสาเหตุของโรคหลายบุคลิกมักจะเกิดกับความรุนแรงที่ได้รับในวัยเด็กจนทาให้ต้องจินตนาการ
สร้างอีกคนขึ้นมาในชีวิต ซึ่งจากสถิติแล้วพบว่า อาการจะเริ่มแสดงออกในช่วงอายุ 21-30 ปี และโดยปกติจะพบ
โรคหลายบุคลิกได้บ่อยในประเทศที่กาลังพัฒนา และประเทศตะวันตกมากกว่าในบ้านเรา ทั้งนี้อัตราการเกิดโรค
หลายบุคลิกยังจัดว่าน้อยมาก เพียง 0.01% ของประชากรทั่วไปเท่านั้นเอง
โรคหลายบุคลิก อาการเป็นอย่างไร
อาการของผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกจะสามารถสังเกตได้จากลักษณะต่อไปนี้
- มีหลายบุคลิกในคนเดียวกัน ซึ่งแต่ละบุคลิกนั้นดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
- เมื่อเปลี่ยนเป็นอีกคนแล้ว จะเปลี่ยนไปทั้งความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรมการพูดจา ตรรกะความคิด ความทรงจา
การเรียนรู้และเข้าใจ การปฏิบัติตัวต่อสิ่งรอบข้าง รวมทั้งสูญเสียการควบคุมตนเอง
- ผู้ป่วยมักสูญเสียความทรงจาในระหว่างที่เปลี่ยนไปเป็นอีกบุคลิก ไม่รู้ตัวว่าทาอะไรลงไปบ้าง จาไม่ได้ว่าติดต่อกับใคร
จาไม่ได้ว่าไปไหน เรียกว่าจาเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย จึงมักจะมีอาการหลงๆลืมๆ อยู่เสมอ
- ช่วงเวลาเปลี่ยนบุคลิกอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้และอาจเกิดขึ้นเพียงนาที ชั่วโมง หรืออาจเป็นวันๆ
- 6. 6
โรคหลายบุคลิกภาพ อันตรายไหม
โรคหลายบุคลิกอันตรายไหม คาถามนี้ค่อนข้างตอบยาก เพราะในช่วงที่เปลี่ยนบุคลิก ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัวว่าจะคิด
จะทาอะไรลงไปได้บ้าง โดยอาจจะแค่พูดเยอะขึ้น เงียบขรึมลง หรืออาจมีอาการก้าวร้าวจนสามารถทาร้ายตัวเองและ
ผู้อื่นได้โดยไม่มีความรู้สึกผิดบาปในใจ ดังนั้นในช่วงที่ไม่มีความทรงจาในระหว่างที่เปลี่ยนบุคลิกนั้น ก็ถือว่าเป็นช่วง
ที่มีความเสี่ยงสูงมาก จัดว่าอันตรายทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง
โรคหลายบุคลิก รักษาได้ไหม
โรคหลายบุคลิกสามารถรักษาได้ด้วยวิธีทางจิตวิทยา โดยเริ่มแรกจิตแพทย์อาจจาแนกบุคลิกทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ใน
ตัวคนไข้ออกมา และพยายามหาตัวตนที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของคนไข้ให้ได้ซึ่งในกระบวนการนี้จิตแพทย์อาจ
เลือกใช้วิธีปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม Cognitive ( and Creative Therapies ) และใช้ยาในกลุ่มต้านเศร้า และ ยา
คลายกังวลร่วมด้วย ทั้งนี้ในการรักษาโรคหลายบุคลิก อาจต้องใช้เวลารักษายาวนานและตัวผู้ป่วยเองก็ควรต้อง ได้รับ
การรักษาอย่างต่อเนื่องด้วย
วิธีการปฏิบัติตัวต่อผู้ที่มีอาการหลายบุคลิก
ทาความเข้าใจกับโรคหลายบุคลิก
รู้ถึงอาการของโรค โรคหลายบุคลิกมีลักษณะเป็นการปรากฏขึ้นของบุคลิกอื่นในจิตใจ มักจะเรียกว่าบุคลิกใหม่
(Alter) บุคลิกเหล่านี้มักมีลักษณะซับซ้อน กล่าวคือ มีลักษณะเด่น ประวัติ อุปนิสัยและพฤติกรรมเป็นของตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่อาจจะมีบุคลิกใหม่ที่เป็นเด็ก คุณอาจจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเสียง การ
เคลื่อนไหวร่างกาย นอกจากนี้ยังพบการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติหรือแม้แต่ความชอบส่วนบุคคล เนื่องจากการ
ปรากฏตัวของบุคลิกใหม่ที่มีลักษณะแตกต่างจากคนเดิม คนที่เป็นโรคอาจจะสูญเสียความทรงจาหรือประสาท
สัมผัสในช่วงเวลาที่บุคลิกเปลี่ยนไป พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่ามีบุคลิกใหม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงจากคนเดิมไปเป็น
บุคลิกใหม่นั้นถูกเรียกว่า "การสับเปลี่ยนบุคลิก" หรือ "Switching" ผู้ที่เป็นโรคหลายบุคลิกนั้นอาจจะเคยประสบกับ
ภาวะเครียด ซึมเศร้า หรือเคยมีอาการทาร้ายตนเอง นอนไม่หลับ เสพติดยาและแอลกอฮอล์ความรุนแรงของอาการ
นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งข้อสงสัยกับการตัดสินใจของคุณ คนที่พบเจอกับอาการผิดปกติทางจิตมักจะ
ไม่ไปหาวิธีรักษาเพราะมีบาดแผลในจิตใจเป็นเกี่ยวข้องกับการป่วย ส่วนของพวกเขา โรคหลายบุคลิกก็เกิดจากบาดแผล
ในจิตใจเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม โรคหลายบุคลิกยังไม่ได้รับ ยอมรับในฐานะเป็นอาการผิดปกติทางจิตแม้ว่าจะอยู่ใน
เกณฑ์การวินิจฉัยโรคทางจิตเวชที่เรียกว่า DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders) ที่เป็นตัว
ชี้วัดการเป็นโรคทางจิตแล้วก็ตาม ดังนั้น หลีกเลี่ยงการทาให้ผู้ที่มีอาการผิดปกติรู้สึกผิดและอับอาย เรียนรู้ถึงความยาก
ลาบากในการจัดการกับปฏิกิริยาของผู้อื่น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจความซับซ้อนในการใช้ร่วมกับคนที่มีอาการผิดปกติ
ทางจิต
- 7. 7
ถามคาถาม
ถ้าคุณคุ้นเคยกับเขาๆ นั้นเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวหรือไม่ ลองถามเรื่องราวของเขาดูเพื่อแสดงให้เห็นว่า
คุณห่วงเขา หากคุณไม่รู้จักหรือสนิทกับเขา การถามคาถามเหล่านี้จะพวกเขาอาจจะรู้สึกอึดอัด ดังนั้น อย่าไป
พยายามที่จะรู้เรื่องของเขาถ้าคุณยังไม่สนิทกับเขาเพียงพอ
ถามความรู้สึกทั้งช่วงก่อนและหลัง “การสับเปลี่ยนบุคลิก” เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวในตัวเขามากยิ่งขึ้น
แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจโดยการเรียนรู้ว่า ความกลัว ความสับสน และความท้อแท้ที่เขาได้รับจากประสบการณ์
นั้นๆ เป็นอย่างไร
ให้การสนับสนุนกับคนที่มีอาการหลายบุคลิก
อยู่กับเขาความรู้สึกผิดและบาดแผลในจิตใจมักจะทาให้คนที่มีความผิดปกติทางจิตนั้นรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจาก
สังคม คุณสามารถช่วยคนเหล่านี้ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีได้โดยการอยู่กับเขา คุณไม่จาเป็นต้องปรึกษาหรือพูดคุย
เกี่ยวกับโรคหลายบุคลิก จริงๆ แล้วนั้น การไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาการผิดปกติเลยจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า การเข้าหาเขาอย่าง
คนปกติจะช่วยให้พวกเขารู้สึกปกติ ลองจัดทาตารางเวลาเพื่อพบกันทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงติดต่อ
กับเขาอยู่อย่างสม่าเสมอ หากิจกรรมที่คุณสามารถทาร่วมกับเขาเพื่อให้การพูดคุย นั้นมุ่งไปที่เรื่องอื่นมากกว่าเรื่อง
โรคหลายบุคลิก
เข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่ม
การรักษาแบบกลุ่ม Support( group) เป็นวิธีที่ดีมากที่จะหาเพื่อนที่มีประสบการณ์คล้ายๆกัน แนะนาให้คุณไป
เข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่มกับเขาด้วยเพื่อแสดงการสนับสนุน โรคหลายบุคลิกนั้นเป็นโรคที่หาได้ยาก ดังนั้นการหา
การรักษาแบบกลุ่มที่เฉพาะกับโรคนั้นอาจเป็นไปได้ยากในแถบชุมชนของคุณ ตามเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีกลุ่มที่สร้าง
มาเฉพาะสาหรับคนที่เป็นโรคหลายบุคลิก แต่ในเมืองเล็กๆนั้น คุณอาจจะต้องหาการรักษาแบบกลุ่มที่สร้างมาเพื่อคน
ที่มีอาการจิตผิดปกติโดยรวม ถ้าคุณไม่สามารถหาการรักษาแบบกลุ่มในแถบชุมชนของคุณได้ลองพิจารณาการเข้าร่วม
การรักษาแบบกลุ่มทางอินเทอร์เน็ต
เป็นผู้สนับสนุน
แสดงให้เขาเห็นว่าคุณดูแลและต้องการที่จะสนับสนุนเขาโดยการเข้าร่วมการรักษาแบบกลุ่มกับเขา ซึ่งเป็น
จะคอยให้ความรู้และโอกาสให้คุณรู้สึกว่าสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ส่งเสริมให้เขาเข้ารับการรักษาแบบกลุ่ม การเข้าร่วม
การรักษาอาจจะช่วยให้เขาเข้าใจประสบการณ์ทางสังคมได้ดีขึ้น และอาจจะช่วยให้เอาชนะบาดแผลในจิตใจก็เป็นได้
จัดการกับการสับเปลี่ยนบุคลิก
ช่วยเหลือคนที่มีอาการหลายบุคลิกในการหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้น การบาดเจ็บเป็นตัวสั่งงานในกลุ่มคนที่เป็นโรค
หลายบุคลิก และการแยกตัวออกนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์เครียดที่รุนแรง หรือก็คือ อารมณ์เครียดเป็น
- 8. 8
ตัวกระตุ้นให้เกิด “การสับเปลี่ยนบุคลิก” ดังนั้น วิธีที่จะช่วยเหลือคนที่มีอาการหลายบุคลิกในการหลีกเลี่ยงการ สับเปลี่ยนก็
คือการช่วยให้พวกเขารับรู้และจัดการกับความเครียดให้ได้ ถ้าคุณพบเจอเหตุการณ์ที่กาลังจะทาให้อารมณ์ครุกครุ่น ให้กลบ
เกลื่อนโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือขอให้เขาทากิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ยาเสพติดและแอลกอฮอล์อาจจะเป็
นตัวกระตุ้น “การสับเปลี่ยนบุคลิก” ดังนั้น อย่าแนะนาให้เขาใช้เด็ดขาด
แนะนาตัวเอง
ถ้าคุณพบเจอกับบุคลิกใหม่ที่สับเปลี่ยน เขาอาจจะไม่รู้จักคุณ ถ้าเขาไม่รู้จักคุณ เขาอาจจะสับสนและหวาดกลัว ดังนั้น
ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นโดยการแนะนาตัวเอง และอธิบายว่าคุณรู้จักเขาได้อย่างไร ถ้าคนที่มีอาการหลายบุคลิกนั้นเป็นคู่
สมรสของคุณ คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการแนะนาตัวว่าเป็นสามีหรือภรรยา กับบุคลิกใหม่ ยกตัวอย่างเช่น บุคลิกใหม่
ที่เป็นเด็กอาจจะตอบรับแบบสับสน และบุคลิกใหม่ที่เป็นเพศตรงข้ามจากคนเดิมอาจจะอารมณ์เสียโดยการอนุมาน
ถึงอัตลักษณ์ทางเพศของคุณ
ส่งเสริมให้เขาปฏิบัติตามการรักษา
การรักษาอาการหลายบุคลิกนั้นโดยทั่วไปจะเป็นการให้ค่าปรึกษาและเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต คนที่เจอกับภาวะ
ซึมเศร้า และ/หรือ ความวิตกอาจจะต้องรักษาโดยการสั่งยา การรักษาจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิด
ผลลัพธ์ที่ดีดังนั้น สนับสนุนเขาให้พยายามปฏิบัติตาม ให้กาลังใจเขาในการเข้ารับการปรึกษาด้วยการไปรับ
คาปรึกษาพร้อมกับเขา
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตนั้นก็จะมีการทานอาหารที่มีประโยชน์การออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ และ
การงดใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ คุณอาจจะกระตุ้นเขาให้มีความแน่วแน่ในการเปลี่ยนแปลงโดยการนามาใช้
ตัวเอง อย่างน้อยก็ตอนที่อยู่กับคนที่เราอยากให้ทาตาม แนะนาให้ตั้งเวลาเพื่อเตือนเขาให้ทานยาตามที่สั่งไว้
ถ้าเขาไม่ยอมปฏิบัติตามหรือกาลังคิดว่าจะไม่ปฏิบัติตาม แนะนาให้เขาไปปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับทางเลือก
รักษาอื่นๆ
เคล็ดลับ
สุขภาพทางกายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางจิต ดังนั้น แนะนาให้เขาทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกาลัง
กายอย่างสม่าเสมอ
คาเตือน
การหยุดทานยาทันทีนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้แนะนาให้คนที่คิดจะหยุดทานยาให้ไปปรึกษาแพทย์ก่อน ถ้าคุณ
กังวลว่าเขาจะทาร้ายตัวเองหรือผู้อื่น ให้ขอความช่วยเหลือทันที ยาเสพติดและแอลกอฮอล์จะไปเพิ่มความถี่และ
ความรุนแรงของอาการหลายบุคลิก ดังนั้น หลีกเลี่ยงของเหล่านี้
- 9. 9
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. เลือกหัวข้อ
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3. รวบรวมข้อมูล
4. จัดทารายงาน
5. ปรับปรุงและแก้ไข
6. นาเสนอ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. อินเตอร์เน็ต
งบประมาณ
ไม่มีค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน