6. 4
หนังสือที่แนะนำให้ใช้หลักปรัชญาในชีวิต
เล่มที่หนึ่ง หนังสือเรื่อง The Wise Advocate: The Inner Voice of Strategic Leadership คนเขียนชื่อ Art
Klenner เป็นอาจารย์อยู่ที่ New York University เป็น Editor ของหนังสือ The Fifth Discipline ของ Peter Senge
เขาพูดถึงการศึกษาค้นคว้าจำนวนมากว่าทำอย่างไรให้ผู้นำของเราฉลาด ตัดสินใจได้ดี ถูกต้อง ในเล่มนี้มีการพูดถึงการ
ค้นคว้าทาง Neuroscience ทางสมอง ว่าทำไมการฝึกสมาธิ การฝึกสติไปเสริมทำให้สมองเราแข็งแรง เมื่อสมองของเรา
แข็งแรงขึ้น การพินิจพิจารณา การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน การตัดสินใจ อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ มักจะถูกต้อง
ทำได้ดี อันนี้ก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเอาหลักปรัชญามาใช้ อันนี้ไม่ต้องยึดถือศาสนาก็ได้ แต่ว่าความมีค่าของชีวิต การรับ
ใช้โลก รับใช้เพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าของธุรกิจสมัยใหม่
ภาพที่ 3 หนังสือเรื่อง The Wise Advocate: The Inner Voice of Strategic Leadership
ที่มา: https://www.amazon.com
เล่มที่สอง หนังสือเรื่อง The Wise Company: How Companies Create Continuous Innovation เขียน
โดย Professor Ikujiro Nonaka ที่โด่งดังมาก ท่านจะเขียนหนังสือไว้หลายเล่มที่มาจากงานวิจัยของท่าน ส่วนมากจะ
ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับบริษัทญี่ปุ่นที่มี Innovation ท่านยังเคยเขียนหนังสือชื่อว่า The Knowledge Creating Company
ซึ่งเล่มนี้ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่อง Knowledge Management แต่พูดถึง Knowledge Creation เพราะว่าความรู้มันถูก
สร้างขึ้น คล้ายกับแนวคิด Constructivism ถูกสร้างขึ้นมาจากการที่มนุษย์ได้พูดจากัน สังเกตโลก และสร้างขึ้นมา
เป็นความรู้ สำหรับหนังสือ The Wise Company: How Companies Create Continuous Innovation เล่มนี้ จะ
7. 5
ช่วยทำให้เราพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Wise University ได้ The wise ราชภัฏ ก็ได้ the wise ราชมงคล ก็ได้
เพราะใช้หลักการเดียวกันทั้งสิ้น อันนี้น่าสนใจมากครับ
ภาพที่ 4 หนังสือเรื่อง The Wise Company: How Companies Create Continuous Innovation
ที่มา: https://www.amazon.com
เล่มที่สาม หนังสือเรื่อง The Seventh Sense: How Flashes of Insight Change Your Life เขียนโดย
William Duggan คือ คนเราจะมีเรื่อง Six Senses เหมือนมีพรายกระซิบ มีญาณบางอย่าง มากระซิบเรา บอกเรา
ตัดสินใจแบบนี้สิ ทำแบบนี้สิ ซึ่งชีวิตของเราก็มีเหตุการณ์แบบนี้ตลอด มีอะไรมากระซิบ มาดลใจเรา ไม่รู้อะไรมา
ดลใจให้ฉันตัดสินใจดี ๆ แบบนี้ เล่มนี้ก็มีการค้นคว้ารวบรวมงานวิจัยไว้ไม่น้อย โดย William Duggan เขาจะไป
ศึกษาจากมนุษย์ที่เก่งๆ ในอดีตหลายคน
เล่มที่สี่ หนังสือเรื่อง Napoleon's Glance: The Secret of Strategy เขียนโดย William Duggan
เช่นกัน Glance แปลว่าชำเลือง แวบเดียวก็รู้ว่าควรจะทำอะไรแบบไหนยังไง เขาไปศึกษาค้นคว้า ความสามารถใน
การรบการตัดสินใจ วางยุทธศาสตร์ของนโปเลียนว่าทำไมสามารถพิชิตของทัพมากมายสมัยนั้น ปรากฏว่า นโป
เลียนเป็นคนสมาธิดี และเขาจะอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าเสมอ สมัยก่อนเวลานายพลจะวางแผนจะอยู่ที่
ปราสาท และวางแผนบนกระดาน โมเดลจำลอง ทหารขยับเหมือนเล่นหมากรุก แล้วก็สั่งให้ทหารส่งข่าวไป ทหาร
ม้า ปีนใหญ่ วิ่งเข้าไป แต่นโปเลียนไม่ใช่แบบ นโปเลียนยืนอยู่ข้างฐานทัพ แนวหน้า ฐานปืนใหญ่ เพราะฉะนั้น
นโปเลียนปืนใหญ่จะเก่งคำนวณ เพราะฉะนั้นจะเห็นสถานการณ์ทั้งหลายเฉพาะหน้าทันทีทันใด นโปเลียนพอ
8. 6
ชำเลืองแปปเดียวก็มองเห็นสถานการณ์ จะทำให้ผู้ต่อสู้คาดไม่ถึงทำไมเป็นแบบนี้ตามแผนควรเป็นอย่างอื่น
นโปเลียนอาศัยการ Intuition การรู้โดยสัญชาติญาณหรือด้นสด ตัดสินใจแวบเอาแบบนี้เลย ถึงใช้ชื่อหนังสือว่า
Napoleon’s Glance เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญของมนุษย์ คือการตัดสินใจอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ William
Duggan เขาก็ศึกษาค้นคว้ามาไม่น้อย ซึ่งจะทำแบบนี้ได้สภาวะจิตของคนที่เผชิญหน้ากับแรงกดดัน เรื่องยากๆ
แล้วตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะมีอะไรบีบคั้นและยังตัดสินใจทำ เพราะมีอะไรบางอย่างภายในตัวเอง แต่ที่สำคัญคือ
มีสติและสมาธิในตอนนั้น ตอนท่านวางแผนตัดสินใจ
ภาพที่ 5-6 (ซ้าย) หนังสือเรื่อง The Seventh Sense: How Flashes of Insight Change Your Life (ขวา) หนังสือ
เรื่อง Napoleon's Glance: The Secret of Strategy
ที่มา: https://www.amazon.com
เล่มที่ห้า หนังสือเรื่อง The Essentials of Theory U เขียนโดย Otto Scharmer ทฤษฎีที่ Otto ได้
ศึกษาวิจัยมากว่า 10 ปี Otto เขาเป็นคนเยอรมัน เขาไปเรียนต่อที่ MIT ไปเป็นลูกศิษย์ เป็นผู้ช่วยอาจารย์ของ
Peter M. Senge ซึ่งที่นั่นมีอาจารย์เก่งๆ จำนวนมาก เขาได้ศึกษาค้นคว้าว่าคนเก่ง ๆ บนโลก เขาทำเรื่องใหม่ ๆ
ยาก ๆ ได้อย่างไร เขาทำเรื่องการคิดจากสภาวะจิตทำอย่างไร ท้ายที่สุดคือการตัดสินใจที่ถูกต้องได้อย่างไร มีการ
ตัดสินใจมีความเพียรที่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ยังนั่งคุยกับพระอาจารย์อนิลมานว่า พุทธศาสนามีความรู้มากกว่า
16. 14
ภาพที่ 12 SECI Model โมเดลการจัดการความรู้
ที่มา https://commons.wikimedia.org/wiki/File:SECI_Model.jpg
Double Loop Learning: การเรียนรู้แบบวนซ้ำ
นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ Double Loop Learning แต่ภาพ Double Loop
Learning ที่ผมให้ดูนี้ (ภาพที่ 13) ต่างจากกับของนายแพทย์วิจารณ์ คือ เพิ่มคำว่า Mental model ขึ้นมา ซึ่ง
Mental Model นำไปสู่ Decision Making Rules คนคิดเรื่องนี้ คือ Chris Argyris เป็นคนเชื้อสายกรีก ต้นตระกูล
เป็นชาวกรีกและมาอยู่อเมริกา เป็นอาจารย์ที่ MIT ทำเรื่อง Double Loop Learning สำหรับความพิเศษของ
Mental model คือ พูดถึงเรื่อง Mindset ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของ Learning และ Knowing และนำไปสู่การ
Make Decision วางแผนลงมือทำ Mental Models เป็นตัวที่ลึกที่สุด เป็นเรื่องของ Paradigm กระบวนทัศน์
เป็น Core value รวมเป็นเป็นสภาวะจิตที่กำหนดการตัดสินใจของคน เมื่อ Mindset ของคุณเปลี่ยนไปแล้ว
นำไปสู่การ Action ใหม่ ถึงจะสามารถทำ Double Loop Learning ได้
17. 15
ภาพที่ 13 การเรียนรู้แบบ Double-Loop ของ Chris Argyris
ที่มา: https://hmong.in.th/wiki/Double-loop_learning
Deep Learning Cycle: การพัฒนาโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก
หนังสือเรื่อง The Fifth Discipline: The Art and Practice of the Learning Organization เป็น
หนังสือของ Peter M. Senge เขาวิจัยและรวบรวมผลงานและวิธีคิดของคนจำนวนมากในการพัฒนาศักยภาพ
และสังเคราะห์ออกมา เรียกว่า Learning Community ซึ่ง Learning นี้จะอยู่ใน Learning Organization สิ่งที่
เชื่อมโยงกับปัญญา หากดูจากภาพ (ภาพที่ 14) เริ่มต้นตรงกลาง Peter เขียนว่า Domain of Enduring Change
(Deep Learning Cycle) Domain คืออาณาจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Enduring ไม่หยุดยั้ง นี่คือวงจร
เรียนรู้อันลึกซึ้งมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาจากการปฏิบัติ องค์ประกอบสำคัญของการเกิด Deep Learning
Cycle คือหนึ่งต้องมี Awareness จริงๆแล้วคือ สติสัมปชัญญะ ไม่มีการเรียนรู้ใดที่ไม่มีสติ สติต้องอยู่ตลอดเวลา
ต้อง สนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า Sensibility นี่ก็คือความละเมียดละไม ความละเอียดอ่อน หลวงพ่อพุทธทาสท่าน