More Related Content
Similar to Shared magazine 3
Similar to Shared magazine 3 (20)
Shared magazine 3
- 2. EditorVol.3 Year 2014
ฉบับที่ 3 นี้เป็นฉบับที่พาพวกเรามาติดตาม
การทํางานของกลุ่มคนที่มีจิตอาสา
ที่ออกมาขับเคลื่อน
ทํางานเพื่อสังคมเมื่อตัวเองมีเวลามากพอ
กลุ่มคนเหล่านี้ได้ชื่อว่า “นักศึกษา
มีบทบาทหน้าที่หลักคือเรียนหนังสือให้จบปริญญา
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ได้ใช้เวลานอกเหนือจากการเรียน
ออกมาหาประสบการณ์ชีวิต
ผ่านการทํางานจิตอาสา
และเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
กลุ่มคนอาสาได้มีการจัดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ
โดยมีทางมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทยและสถาบันนานาชาติ IOGT – NTO MOVEMENT
เป็นองค์กรพี่เลี้ยงในการจัดหาวิทยากรที่มีความรู้
มาแชร์ข้อมูลสถานการณ์ที่ดีให้กับเยาวชน
นั้นคงเป็นเครื่องมือที่ดีในการทํางานและเป็นเหมือนปุ๋ย
จะช่วยปลูกการทําความดีแก้ไขปัญหาเหล้ายาในกลุ่มมหาวิทยาลัยของเรา
ตอนนี้ทุกคนได้ร่วมปลูก ได้ร่วมสร้าง
ที่เหลือคือ เราทุกคนต้องช่วยกันในการขับเคลื่อนไปให้ถึงที่สุด
ผลเป็นอย่างไร ไม่สําคัญ
แต่กระบวนการจะเป็นคนบอกกับเราเอง
ทีมบรรณาธิการ
- 4. เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่หอประชุมประทุมวดี โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลาพูน หัวหน้า
กิจกรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ จัดกิจกรรม “ยาเสพติด สิ่งเสพติดที่ผิดกฏหมาย” โดยเป็น
การบรรยายให้ความรู้เรื่องยาเสพติด สิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมาย ความหมายของยาเสพติด รวมทั้ง
โทษของยาเสพติด โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรพิเศษ จากเครือข่ายป้ องกันปัญหาจากเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิภูมิ
พลังชุมชนไทยนาย พงษ์สิทธิ์ ศรีธิวัฒน์ และทีมงานวิทยากรผู้ช่วย ซึ่งให้เกียรติบรรยายให้ความรู้
เรื่องของยาเสพติด โทษ และกฏหมายเกี่ยวกับสารเสพติด โดยกิจกรรมภายในงาน ได้มีการ
แบ่งกลุ่มให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ทาผังความคิดในหัวข้อ “การแก้ไขปัญหายาเสพติดใน
สถานศึกษา” ซึ่งได้รับความร่วมมือการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี ทั้งนี้กิจกรรมต่อต้านยาเสพติดเพื่อ
มุ่งให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและปัญหาของยาเสพติดอย่างจริงจัง
พร้อมทั้งแผนดังกล่าวจะนาไปสู่การพัฒนาการทางานเพื่อลดการเข้าถึงการใช้ยาเสพติดโดยการจัด
กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมทางเลือกในสถาบันการศึกษา
พงษ์สิทธิ์ ศรีธิวัฒน์ : เครือข่ายป้ องกันปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่ม
นักศึกษาจังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมต่อต้านยาเสพติด
เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก
News
- 5. เมื่อวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา เครือข่ายเยาวชนป้ องกัน
ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาใน
จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทยและสถาบัน
นานาชาติ ไอโอจีที เอ็นทีโอ มูฟเม้น ได้จัดกิจกรรมสัมมนาแกนนานักศึกษา
จากพื้นที่ 4 มหาวิทยาลัยได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลล้านนาภาคพายัพ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเสริมองค์ความรู้
เกี่ยวกับสถานการณ์การใช้การสารเสพติดในประเทศไทยโดยเฉพาะใน
กลุ่มนักเรียนนักศึกษา พร้อมทั้งแนะแนวทางการบาบัดช่วยเหลือกลุ่ม
เพื่อนที่ใช้สารเสพติดและองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การใช้
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มเยาวชนนักศึกษา กระบวนการคัดกรองกลุ่ม
เสี่ยงที่ใช้แอลกอฮอล์ โดยมีวิทยากรที่มีความรู้จากหลายหน่วยงาน อาทิ
ศูนย์วิจัยสารเสพติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลสวนปรุงเชียงใหม่
โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ทางเครือข่ายเยาวชนยังได้ร่วมกันออกแบบกระบวนการ
ในการลด ละ เลิก การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์กลุ่มเพื่อนนักศึกษา
ในมหาวิทยาลัย ซึ่งในระยะต่อไปจะมีการจัดกิจกรรมระดับกลุ่มชมรม สโมสร
ต่างๆในมหาวิทยาลัย และในระดับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั้ง 4 แห่งจะมีการ
ร่วมมือกันในการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์และสารเสพติดอย่างเป็นระบบ
ร่วมกันอีกด้วย
นายยงยุทธ อ้ายเกี๋ยง ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนป้ องกันปัญหาจาก
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการทําให้เยาวชนนักศึกษาแกนนํานัก
กิจกรรมในมหาวิทยาลัยได้มีองค์ความรู้และมีความเข้าใจในสถานการณ์ปัญหา
ของสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในกลุ่มนักศึกษา ซึ่งจะเป็นปัจจัยสําคัญในการ
ออกแบบกิจกรรมรณรงค์ และทางเครือข่ายเชื่อว่าถ้าเราทํากิจกรรมบนปัญหาที่
เป็นจริง ก็จะสามารถที่จะลดปัญหาการใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ในกลุ่ม
นักศึกษา ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้สร้างควมสูญเสียกับสังคมไทยเป็นเวลายาวนาน
ดังนั้นทางเครือข่ายจึงออกมารณรงค์และสร้างการเรียนรู้ของสังคมเพื่อจะ
นําไปสู่การรู้เท่าทันและลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน
สัมมนาแกนนํานักศึกษาจากพื้นที่ 4 มหาวิทยาลัย
News
- 7. การเปลี่ยนแปลงตัวเองคงไม่ใช่เป็นเพียงแค่เปลี่ยน
เสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ต้อง
เปลี่ยนแปลงจากภายในออกสู่ภายนอก ทั้งจิตใจ
ความคิด และทัศนคติ มีคนจานวนมากกลัวที่จะ
ยอมรับและตรวจตราความคิดและอารมณ์ของ
ตนเอง รวมทั้งไม่สนใจเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง แต่
กลับเลือกสนใจเรื่องที่อยู่นอกกาย
โดยเรื่องนี้ “พระไพศาล วิสาโล” พระนักขับเคลื่อนทางสังคมมายาวนาน
ได้ให้ความกระจ่างไว้ระหว่างงานเสวนา “New Spirit รวมมิตร คิดสร้าง”
จัดโดยสานักพิมพ์สวนเงินมีมา และสานักอิสระเพื่อการศึกษาและวิจัย
เรื่องความเป็นอยู่ดี โดยปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ว่ายทวนน้า สร้างจิต
วิญญาณใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง” ว่าคนที่มีจิตวิญญาณเพื่อการ
เปลี่ยนแปลง ถ้าเขาจะทวนน้าหรือทวนกระแส ก็ตรงที่ว่าเขากาลังทวน
กระแสแห่งความเฉื่อยของผู้คนในสังคม เพราะธรรมชาติของคนส่วนใหญ่
ล้วนแล้วแต่ติดยึดกับสิ่งเดิมๆ และก็ไม่ปรารถนาความเปลี่ยนแปลง
พระไพศาล บอกต่อว่า คนที่จะมีจิตวิญญาณเพื่อการ
เปลี่ยนแปลง เขาทาได้อย่างไร หรืออะไรทาให้เขาเห็นการเปลี่ยนแปลง
หรือพยายามผลักดันขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมานั้น มีอยู่
หลายเหตุหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งก็คือบุคคลเหล่านี้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่สังเกต
และทาให้เขาตั้งคาถามว่าของเดิมที่เป็นอยู่ถูกต้องหรือไม่ เช่น “กาลิเลโอ”
ค้นพบความจริงที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
ขณะที่ “มหาตมะ คานธี” ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวสีใน
แอฟริกาใต้ เพราะเขาเห็นความไม่ถูกต้องและพยายามที่จะลุกขึ้นมาเพื่อ
เปลี่ยนแปลง
เช่นเดียวกับ “เนลสัน แมนเดลา” เคยพูดไว้หลังจากที่เขาได้
เป็นประธานาธิบดี และนาพาแอฟริกาใต้หลีกเลี่ยงสงครามการเมืองสู่
ประชาธิปไตยว่า “สิ่งที่ยากลาบากที่สุดอย่างหนึ่งไม่ใช่เป็นการ
เปลี่ยนแปลงสังคม แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงข้างในตนเอง”
พระไพศาล ยังฝากข้อคิดสาหรับผู้ที่ปรารถนาจะหล่อหลอม
จิตวิญญาณเพื่อการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวเราว่า ความพากเพียรพยายาม
เท่านั้นที่จะทาให้การต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงมันบังเกิดผล แต่จะเพียร
พยายามได้มันจะต้องตระหนักถึงความจริงอย่างหนึ่ง
- 8. ประชาอาสา
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้ทางานนอกสถานที่ ในฐานะผู้ช่วย
กองถ่ายสารคดีถนน ฅ มีจิตอาสา (หนังสั้นอาเภอป่าซาง)
ผมและน้องๆเดินทางออกจากเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าเพื่อไป
เรียนรู้การทางานกาจัดการปัญหายาเสพติดของชุมชนอิน
ทขิล อาเภอป่าซาง จังหวัดลาพูน หนึ่งในหลายพื้นที่ที่
ไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหายาเสพติด และไม่ได้มองปัญหา
ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตารวจท้องถิ่น แต่
พลังของประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยเริ่มก่อตัว เมื่อเห็นปัย
หา อาการป่วยไข้ เมื่อยิ่งทายิ่งเห็นทางออก ยิ่งทายิ่งเห็น
ทางไป และที่ป่าซางเชื่อว่าปัญหาสารเสพติดแก้ได้โดย
อาศัยความร่วมไม้ร่วมมือของทุกภาคส่วน เมื่อทุกคนต่างๆ
มีหน้าที่ก็ต้องทาหน้าที่ภารกิจของตนเองให้ดีที่สุด สาหรับ
หน้าของประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยที่ผมพูดถึง คือ “การ
รักชุมชนป่าซาง”
เมื่อป่าซางมีคนที่รักบ้านเกิดเมืองนอน แน่นอนเขาคงไม่
อยากเห็นบ้านที่เป็นที่อาศัยระยาวของชีวิตมีเรื่องที่ไม่ดี
ต่างๆ นานา หนึ่งในหลายปัญหาที่หมู่บ้าน และเชื่อว่า
อาจจะทุกมุมของเมืองไทยด้วยซ้าคือ ปัญหาสารเสพติด
หลายหมู่บ้านมีคนเสพ บางหมู่บ้านมีทั้งเสพและขาย ดู
เหมือนการใช้ยาจะเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะการใช้สารเสพ
ติดก็เป็นเรื่องของใครของมัน เงินใครเงินมัน แต่ความจริง
ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อการใช้สารเสพติดประกอบกับ
สภาวะอื่นๆ ของแต่ละคน บวกกับเงื่อนไขชีวิตทาให้ปัญหา
การใช้สารเสพติดไม่ใช่เรื่องของบุคคล แต่มันกลายเป็น
เรื่องที่ส่งผลต่อครอบครัว ชุมชน และหลายชุมชนที่เรียกว่า
ประเทศ
ป้าพิน หญิงสาววัย 68 ปี ผู้ซึ่งเกิดและอาศัยที่บ้านหนอง
หอย ตาบลป่าซาง อาเภอป่าซาง จังหวัดลาพูน เธอเลือก
อาชีพทานา และรับจ้างทั่วไปในชุมชน เมื่อถามถึงความ
เป็นอยู่ของเธอก็สุขสบายดี พออยู่พอกิน และปัจจุบันก็
อาศัยที่ป่าซางกับลูกสาว และเธอได้เล่าว่า เธอมีลูกสาว 3
คนทุกคนมีอาชีพการงานรับราชการมีความมั่นคงในอาชีพ
ส่วนสามีของเธอได้ไปสวรรค์แล้ว เธอเล่าด้วยรอยยิ้มด้วย
ภาษายองที่ฟังสบาย โดยรวมแล้วเธอไม่ห่วงอะไรมาก
เพราะเธอได้ส่งเสียการเรียนจนลูกเต้ามีงานทา เธอจึงมีเวลา
ที่จะทางานในสิ่งที่เรียกว่า จิตอาสา งานที่ป้าพินเลือกทาคือ
งานรับใช้คนชุมชน โดยเธอได้ปราวณาตัวว่า ขณะที่เธอยังมี
ลมหายใจเธอจะช่วยเหลือสังคมเท่าที่เธอจะมีกาลัง และงาน
หนึ่งที่ถามลงลึกคือการเป็นอาสาสมัครยุติธรรมชุมชน งานที่
ไม่มีเงินดาวน์เงินเดือน และเป็นงานที่ยาก งานที่ต้องใช้ใจ
และอาศัยการติดตามหนุนเสริมกาลังใจแก่ผู้ที่ติดสารเสพติด
ในชุมชน ช่วยเหลือในมิติต่างๆ เมื่อถามถึงความเสี่ยงในกา
ทางานกับกลุ่มผู้ใช้ยา เธอบอกว่าไม่เสี่ยงและเธอมองว่าเป็น
ที่สนุกสนาน เพราะยิ่งทายิ่งได้ช่วยคน ยิ่งทายิ่งมีเพื่อน
เพราะในชุมชนไม่ได้มีเธอที่ใจอาสา เมื่อคนอาสามารวมกัน
พลังก็ยิ่งทวีคูณ มาถึงจุดนี้ทาให้คิดว่าการช่วยเหลือไม่
อาจจะได้เงินตราค่างวดเท่านั้น ที่จะมาทดแทน โดยเฉพาะ
การแก้ไขปัญหาสารเสพติด แต่เธอและเครือข่ายอาสาสมัคร
อสค.กลับพบว่าพลังประชาอาสาและพลังจิตอาสาของคน
ชุมชน เพราะการลงทุนทางานด้วยใจที่เป็นกุศลมันไม่ต้อง
ลาบากใจ เพราะถ้าคนในชุมชนไม่มีเงินมาร่วมทุนช่วยเหลือ
ก็จะไม่มีโอกาสแต่การลงทุนด้วยใจนั้นไม่ต้องควักกระเป๋า
ว่างเมื่อไหร่มาทา โอกาสมีที่จะช่วยเหลือคนอื่นเราอย่ารอช้า
โดยเฉพาะบ้านเกิดมองนอน งานบางงานอาจจะไม่ได้เห็น
ดอกเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยวันนี้เราริเริ่ม ใน
อนาคตก็จะมีคนตาม ขยายผลไปเรื่อยๆ
ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อบันทึกความทรงจา และสิ่งที่พอจะตก
ผลึกได้จากการสัมผัส มองเห็นสอบถาม
ดีใจที่ได้เจอป้าพิน ป่าซางและลุงๆป้าๆอีกหลายท่าน
โปรดติดตามตอนต่อไป
คืบหน้าได้ด้วยพลังจิตอาสาเป็นสาคัญ
- 9. เครือข่ายป้องกันปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาในพื้นที่จังหวัด
เชียงใหม่ ได้สารวจเว็บไซต์ร้านอาหารสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ และเพจของร้านเหล้าผับ บาร์
ก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2014 พบว่า ขณะนี้มีหลายเว็บไซต์ได้มีการนาเสนอทางเลือกใน
การดูบอลนอกบ้านพร้อมกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยหลายเว็บไซต์มีการแนะนาร้านที่เหมาะ
แก่การนั่งดื่มในช่วงเทศกาลฟุตบอล และมีการจัดโปรโมชั่นหลายรูปแบบอาทิ การลดราคาสินค้า บาง
ร้านมีการใช้คาความที่ปลุกเร้าอารมณ์ให้เกิดความอยากที่จะมาใช้บริการร้านอาหาร ร้านเหล้า เช่น
เทศกาลฟุตบอลสุดยิ่งใหญ่ที่ 4 ปี จะจัด 1 ครั้ง อย่างฟุตบอลโลก 2014 (World Cup 2014) ซึ่งปีนี้จัด
ขึ้นที่ประเทศบราซิล ช่วงเวลาแห่งความสนุกเช่นนี้ จะอยู่บ้านดูทีวี เชียร์ทีมโปรดอยู่คนเดียวก็ดูจะไม่
สนุกเท่าไหร่ สู้หยิบเสื้อบอลทีมโปรดมาสวมใส่ ออกไปแฮงเอ้าท์เฮฮา สร้างประสบการณ์การดูบอลนอก
สถานที่น่าจะสนุกและได้อรรถรสมากกว่าหลายเท่า
นาย ณัฐภูมิ เทพหินลัพ ตัวแทนเครือข่ายป้ องกันปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพ
ติดในกลุ่มนักศึกษาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ กล่าวว่า ทางเครือข่ายมีความเป็นห่วงผลกระทบที่มา
จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาย เนื่องจากมีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอล
เป็นจานวนมาก และหลายคนมีทีมฟุตอลในดวงใจ และรอคอยมายาวนานกว่า 4 ปี ทาให้หลายคนดู
ต่อเนื่อง และอาจจะมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกันหลายวัน ส่วนมากการแข่งขันจะต่อเนื่องถึง
ช่วงเช้า อีกประการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิง อาจจะมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผิด
กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอออล์ 2551 การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมาย
กาหนด ดังนั้นทางเครือข่ายฯจึงอยากร้องขอไปยังหน่วยงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด
โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานได้ออกมาดาเนินการด้านการบังคับใช้กฎหมาย
อย่างเคร่งครัด ตรวจสอบการโฆษณาลดแลกแจกแถมของร้านอาหาร สถานบันเทิง ร้านที่เปิดเกินเวลา
ที่กฎหมายกาหนด และอีกประการที่สาคัญคือการประชาสัมพันธ์ไปยังร้านสะดวกซื้อ และร้านที่มีการ
จาหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีการห้ามจาหน่ายให้กับกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ากว่า 20 ปี เนื่องจากจังหวัด
เชียงใหม่ยังมีการประกาศกฎห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่าคืน จึงอาจจะทาให้หลายคนซื้อเครื่องดื่ม
ไปฉลองในที่พักแทน ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมปกป้องเด็กเยาวชนที่อาศัยและมาเรียนในสถาบันการศึกษา
ในจังหวัดเชียงใหม่ให้ห่วงไกลจากภัยน้าเมาอีกด้วย
บอลโลก
ร้านเหล้าแอบขายเหล้าผิดกม.
- 10. ปัจจุบันนี้การสื่อสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร มีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งส่งผล
โดยตรงต่อการดาเนินชีวิตและการทางานของกลุ่มคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาจารย์และ
นักศึกษา ที่มีวิถีชีวิตในการใช้เครื่องมือสื่อสารยุคดิจิตอล สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ เฟซบุ๊กเป็นสังคม
ออนไลน์ที่ทุกคนส่วนใหญ่มีบัญชีผู้ใช้ของตนเองและในเฟซบุ๊กก็ยังมีลูกเล่นที่หลากหลาย เช่น
ถ่ายภาพ เช็คอินสถานที่ การบ่งบอกความรู้สึก ซึ่งเป็นช่องทางในการสื่อสารกับแวดวงที่ตนเอง
รู้จักอีกทั้งมีความสะดวกรวดเร็ว แต่เครื่องเหล่านี้เพิ่มความสะดวกสบายให้คนในยุคดิจิตอล อีกทั้ง
ยังเป็นพื้นที่ที่เพิ่มปัญหาแก่คนในสังคมปัจจุบันไม่น้อยเช่นกัน
เครื่องมือเช็คอินหรือการบ่งบอกสถานที่ต่างเป็นจุดที่มีผลต่อการเกิดอาชญากรรมและการสื่อสาร
ผ่านสถานที่ยังเป็นการโฆษณาอีกด้วย ธุรกิจร้านอาหารสถานบันเทิงมีการใช้เครื่องมือดังกล่าวเป็น
จุดที่สร้างกลุ่มลูกค้า และสร้างการรับรู้สถานที่ของร้านแก่คนในพื้นที่เช่นกัน
นางสาวขนิษฐา ศรีตะละ นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะการ
สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนไม่
เห็นด้วยกับการที่เช็คอิน(Check in)สถานที่ เนื่องจากใน
แวดวงบนสังคมออนไลน์ ที่มีเพื่อนๆแล้วยังมีผู้ปกครอง
และญาติซึ่งได้ใช้สังคมออนไลน์นี้อยู่ด้วย เพราะการลง
เช็คอินผ่านสถานที่แหล่งบันเทิงผับบาร์ เป็นการบ่งบอก
วิถีชีวิตของเรา ซึ่งอาจทาผู้ปกครองมองเห็นหน้า Feed
การเช็คอินนี้ อีกทั้งอาจจะถูกตักเตือนจากผู้ปกครอง ซึ่ง
ตนเองจะบอกเพื่อนทุกครั้งในการไปสถานที่ต่างๆ ว่าไม่
ควรเช็คอินตนเองเพราะไม่ใช่เเค่เราคนเดียวที่สามารถ
มองเห็นเเต่ยังมีเพื่อนอีกจานวนมาก เเละสิ่งเหล่าไม่ว่า
การลงสถานที่ ภาพ ข้อความบางครั้งเราลบจากหน้า
บัญชี เเต่อาจจะมีผู้คนจานวนมากบันทึกสิ่งเหล่านั้นไว้ก็
เป็นได้ เเละอีกทั้งการดื่มในแต่ละครั้งยังเป็นสิ้นเปลือง
ค่าใช้จ่าย เมื่อคานวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งในการดื่มจะ
มีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ ๓๐๐ บาทต่อกลุ่มเพื่อนสามถึง
ห้าคน ดังนั้นเราควรรู้เท่าทันสื่อใหม่หรือสื่อดิจิตอลเหล่านี้
เเละเราควรเลือกใช้สื่ออย่างชาญฉลาดเเละอย่างเท่าทัน
เราจึงจะมีชีวิตที่ดีในโลกสื่อใหม่หรือสื่อดิจิตอลได้
check in ร้านเหล้า
มหันตภัยปลายนิ้ว
- 11. พร้อมกันนี้ นางสาวประคองรัตน์ เครือประสิทธิ์ผู้แทนจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ
โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า การใช้สื่อเหล่านี้มีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่งผลดีเป็น
การเปิดโลกทัศน์ของคนรุ่นใหม่ผ่านสื่อดิจิตอล ซึ่งเรามีการใช้งานเราจะต้องรู้เท่าทันสื่อเหล่านี้ให้ดี
เพราะมันจะเกิดผลเสียต่อเราเมื่อเราใช้สื่ออย่างไม่ระมัดระวัง ส่วนประเด็นการเช็คอินสถานที่ร้านเหล้า
ผับ บาร์ สถานบันเทิง น่าจะเป็นสิ่งที่ทาง กสทช. ยังมองว่าเป็นเส้นทางที่นาไปสู่การปัญหาสังคม เพราะ
เมื่อเราเช็คอิน อาจจะมีมิจฉาชีพสะกดรอยตามและอาจจะเกิดปัญหาเรื่องเพศตามมา ทางเครือข่าย
ป้องกันปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดในกลุ่มนักศึกษาพื้นที่เชียงใหม่จึงอยากเชิญ
ชวนหน่วยงานต่างๆออกมารณรงค์และให้ข้อมูลกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในการใช้สื่อใหม่ในโลกยุคดิจิตอลมาก
ขึ้น เนื่องจากถ้าเราไม่รู้เท่าทันสื่อใหม่หรือสื่อออนไลน์ เราอาจจะเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี อีกทั้ง
เครื่องมือดังกล่าวก็เป็นการเครื่องมือการสื่อสารการตลาดของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งต้อง
รู้เท่าทันและวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบการสื่อสารการตลาดที่ผิดกฎหมายของธุรกิจเหล้า
เบียร์
“เราเช็คอิน อาจจะมีมิจฉาชีพ
สะกดรอยตามและอาจจะเกิด
ปัญหาเรื่องเพศตามมา”
- 13. เเรงบันดาลใจบัณทิตหนุ่มหน้าหล่อ
พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวเรือ
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกระแสข่าวการโพสภาพ
เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพ บนสื่อ
สังคมออนไลน์ร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่โครงการ ดิ ฮาเอบณ์
พลาซา ชื่อร้านว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวฟ้ามุ่ย ทีมข่าวได้เข้า
สัมภาษณ์นายดุลยวิทย์ ขุ่ยอาภัย อายุ 23 ปี ชื่อเล่น ท็อป
ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีเริ่มมาจากความชอบ
ของครอบครัว ซึ่งพ่อและแม่ของคุณท็อปเป็นคนที่ชอบทํา
ก๋วยเตี๋ยวทาน จึงนําสูตรก๋วยเตี๋ยวที่มีความอร่อยมาพัฒนา
จนกลายเป็นชื่อว่าร้าน “ฟ้ามุ่ย” ซึ่งชื่อของร้านนี้ ได้มาจาก
คุณแม่ที่เป็นคนชอบกล้วยไม้ และฟ้ามุ่ยก็เป็นหนึ่งสาย
พันธุ์ที่คุณแม่ชื่นชอบ จึงได้นํามาเป็นชื่อร้านในปัจจุบัน
ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือดังกล่าวเปิดทําการมาแล้ว 3 เดือนซึ่งมี
เมนูก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมจีน นํ้าเงี้ยว นํ้ายา และเครื่องดื่มนํ้า
สมุนไพร ซึ่งเมนูต่างๆเริ่มต้นเพียง 40 บาท จากการ
สอบถามถึงความสนใจส่วนตัวของนายดุลยวิทย์ ขุ่ยอาภัย
หรือท็อป เจ้าของร้าน ได้ทราบว่า การที่ตนเองจบใหม่แล้ว
มาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนหนึ่งจะเป็นด้านก็คือการได้ใช้
ความรู้ที่เรียนมาพัฒนาต่อยอดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ถ้ามอง
อีกมุมเราอาจจะเป็นคนที่ไม่เข็มแข็งด้านการทําธุรกิจมาก
พอ เพราะเราไม่ได้ผ่านการเรียนรู้การทํางาน การเป็น
ลูกจ้างมาก่อน แต่ถึงอย่างไร ผมก็จะพยายามที่จะลงแรง
ลงทุนกับมันเพราะเราได้ริเริ่มและลงมือทํากับมันแล้ว
ตอนแรกก็ค่อนข้างลําบาก เนื่องจากชีวิตในสมัยที่เคอย
เรียนในมหาวิทยาลัยเราเคยเพียงแต่ขอตังค์พ่อแม่ แต่
การที่เมาทําธุรกิจร้านก๋วยเคี๋ยวเรือ มันทําให้เราต้อง
วางแผน และจัดการทุกอย่างอย่างเป็นระบบ อีกอย่าง
หนึ่งสมัยที่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเราอาจจะมีสิทธิ์ที่จะ
ตื่นสายได้ และมีโอกาสที่จะเที่ยวได้มาก แต่พอกระโดด
มาทําร้านตรงนี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้มีความรับผิดชอบ
มากขึ้น
- 14. ผมอาจจะบอกอีกสิ่งกับเพื่อนๆ ลูกค้าที่มาทานก๋วยเตี๋ยวร้าน
ฟ้ามุ่ย ผมไม่อยากให้มองว่าผมเป็นคนหน้าตาดี และเป็นสินค้าที่
ดึงดูดคนมาทานก๋วยเตี๋ยวแต่อยากจะให้มองไปที่รสชาติ เครื่อง
ก๋วยเตี๋ยวที่กลมกล่อม และทําด้วยใจทุกๆ ชามที่เราทํานั้นล้วน
เป็นความตั้งใจของเราชาวร้านก๋วยเตี๋ยวเรือฟ้ามุ่ย เพราะเรา
ทํางานในระบบครอบครัวใหญ่ เพื่อเสริฟอาหารและเครื่องดื่มที่มี
คุณภาพรสชาติอร่อย ไม่เพียงเรื่องของหน้าตาแต่อย่างใด ใน
อนาคตผมยังอยากที่เปลี่ยตัวเองไปเป็นลกจ้างบ้างเนื่องจากเรา
จะได้เรีนรู้ระบบการทํางาน การบริหารจัดการ การทําการตลาด
ของบริษัทใหญ่ๆ เพื่อจะต่อยอดและทําความฝันที่มีอยู่ให้ดีมาก
ขึ้น และผมหวังว่าร้านของเราที่ตั้งที่โครงการดิ ฮาเบอร์ พลาซา
จะรับใช้พี่น้องชาวเชียงใหม่ และเพื่อนๆ ที่หิว สามารถมาแวะ
รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่อร่อยได้ที่ร้าน และที่ร้านของ
เรายังมีผักสดและเครื่องดื่มชาไว้บริการ ฟรีอีกด้วย
”ผมไม่อยากให้มองว่า
ผมเป็นคนหน้าตาดี และ
เป็นสินค้าที่ดึงดูดคนมา
ทานก๋วยเตี๋ยวแต่
อยากจะให้มองไปที่
รสชาติ เครื่อง
ก๋วยเตี๋ยวที่กลมกล่อม
และทาด้วยใจทุกๆ ชาม”
- 15. สะพานมิตรภาพไทย-ลาวเเห่งที่ 4 ถือว่าเป็นความร่วมมือระหวาประเทศเป็นสะพานข้ามแม่น้าโขง
เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยที่ บ้านดอนมหาวัน อาเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายกับประเทศลาวที่
บ้านดอน เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ระยะทาง 2.48 กิโลเมตร รูปแบบของสะพานเป็นคอนกรีต
รูปกล่อง (Segmental Concrete Box Girder) มีเสา 4 เสา กว้าง 14.70 เมตร เป็นสะพานขนาด 2
เลน แต่ละเลนกว้าง 3.50 เมตร นอกจากสะพานแล้วยังมีโครงการก่อสร้างถนนไปอีกประมาณ 6
กิโลเมตรเข้าในเขตเมืองห้วยทราย ซึ่งเป็นถนนลาดยางขนาดสองเลน รวมทั้งมีการก่อสร้างด่าน
ตรวจคนเข้าเมืองด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง เป็นการเชื่อมต่อกับเส้นทาง R3A ที่เชื่อมต่อ
ระหว่างจีน-ลาว-ไทย
ซึ่งเมื่อมองภาพรวมเป็นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของสองประเทศ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจึงทาให้เมืองเล็ก
อย่างเมืองเชียงของเปลี่ยนไป เนื่องจากเเต่โบราณเเละที่ผ่านมาไทยเเละลาวเชื่อมโยงกันด้วยเรือบัค
ซึ่งเป็นเรือข้ามเเม่น้าโขง เเละเมืองเชียงของเป็นเมืองที่สงบ ปลอดภัย เเต่การเชื่อมโยงพื้นที่ทั้งสอง
ประเทศเข้าด้วยกัน อาจจะมีผลดีทางด้านเศรษฐกิจเเละการเคลื่อนย้ายสินค้าจานวนมาก เเต่การเพิ่ม
จุดดังกล่าวอาจจะส่งผลเสียต่อวิถีชีวิตเเละการอยู่อาศัยเเบบบ้านพี่เมืองน้องระหว่างเมืองห้วยทราย
เเละเมืองเชียงของก็เป็นได้
ชีวิตสองฝั่งโขงหลังสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เเห่งที่ 4