More Related Content
Similar to การสร้างแนวข้อสอบ Pisa
Similar to การสร้างแนวข้อสอบ Pisa (20)
การสร้างแนวข้อสอบ Pisa
- 2. การวัดและประเมินผลการเรียน
เป้าหมายของการวัดผล
1. เพื่อประเมินความก้าวหน้าและพัฒนาการของ
การเรียนการสอน (Formative Assessment)
2. เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของการเรียนการสอน (Summative
Assessment)
3. เพื่อประเมินการจบการศึกษา (Exit Examination)
- 4. การทดสอบด้วยข้อสอบ
องค์ประกอบสาคัญของข้อสอบมี 2 ส่วน ดังนี้
1. สถานการณ์หรือข้อสนเทศ
2. คาถามหรือปัญหา
- 5. สถานการณ์หรือข้อสนเทศ
เป็นส่วนของข้อมูลเพื่อใช้ในการตอบคาถาม โดยนาเสนอ
เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ หรือการจัดประสบการณ์ที่สอดคล้องกับเนือหาสาระ
้
ของบทเรียน ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร รวมทั้งมีความ
เชื่อมโยงกับความเป็นจริงของชีวิต และสังคม
- 6. สถานการณ์หรือข้อสนเทศ
สถานการณ์หรือข้อสนเทศควรมีลักษณะ ดังนี้
„ เหตุการณ์จริงหรือสถานการณ์จาลองที่ใกล้เคียงความจริง
ความรู้ต่างๆ ที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้แล้ว
„ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือประเด็นที่สังคม
ให้ความสนใจ
„ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน สาระการเรียนรู้
ในหลักสูตร
„ เรื่องสมมติที่สามารถนามาวิเคราะห์ แก้ปัญหา
ให้ความคิดเห็น หรือแสดงความรู้สึก
- 8. คาถามหรือปัญหา
คาถามหรือปัญหา ควรมีลักษณะ ดังนี้
„ สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และสถานการณ์
ที่กาหนด
„ สื่อสารได้ชัดเจนและใช้ภาษาที่เหมาะสมกับระดับของ
ผู้เรียน
„ ส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ อภิปราย แก้ปัญหา
ตัดสินใจ ประเมินค่า และสร้างคาตอบได้อย่างสมเหตุผล
„ เนื้อหาของคาถามมีความยุติธรรมสาหรับผู้เรียนทุกคน
- 9. ลักษณะข้อสอบ
1 เลือกตอบ
2 เลือกตอบแบบเชิงซ้อน
3 เขียนตอบแบบสั้น/ปิด
4 เขียนตอบแบบอิสระ
- 10. ข้อสอบแบบเขียนตอบ
การเตรียมข้อสอบแบบเขียนตอบควรมีแนวการ
ตอบและเกณฑ์การให้คะแนนด้วย เพื่อให้ผู้ตรวจคาตอบ
สามารถตรวจได้สะดวกและให้คะแนนได้ตรงกัน
- แนวการตอบ เป็นหลักการหรือแนวคิดที่เป็นไปได้
ในการตอบคาถาม
- เกณฑ์การให้คะแนน เป็นเกณฑ์ทกาหนดขึ้น
ี่
สาหรับการให้คะแนนคาตอบโดยพิจารณาความถูกต้อง
ครบถ้วนและความสมบูรณ์ของคาตอบเป็นสาคัญ
- 13. ตัวอย่างข้อสอบเขียนตอบ: การดูดกลืนแสงของวัตถุ
ช่วงชั้นที่ 3 สาระที่ 5
ทดลองและอธิบายการดูดกลืนแสง และการคายความร้อนของวัตถุต่างๆ
สืบค้นข้อมูล รวมทั้งการนาความรู้ไปใช้ออกแบบเพื่อประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ
สถานการณ์
เวลา 8.00 นาฬิกา
นักเรียนกลุ่มหนึ่งทาการทดลอง
25 O C 25 O C
นาถังโลหะ 2 ใบขนาดเท่ากัน ใบที่ 1
ทาสีดาและใบที่ 2 ทาสีขาว ใส่น้าปริมาณ
ที่เท่ากัน ตากแดดในวันที่อากาศร้อนจัด เวลา 12.00 นาฬิกา
และสังเกตอุณหภูมิของน้าในตอนเริ่มต้น 38 O C 33 O C
เวลา 8.00 น. และหลังจากตากแดดที่
ร้อนจัดถึงเวลา 12.00 น. ได้ผลดังภาพ
- 14. ตัวอย่างข้อสอบเขียนตอบ: การดูดกลืนแสงของวัตถุ
คาถาม
ผลของการทดลองนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนัน
้
แนวคาตอบ
ผู้ตอบมีความเข้าใจการดูดกลืนและการคายพลังงานความร้อนของวัตถุสีเข้มและ
สีอ่อนได้ โดยมีแนวการตอบดังนี้ “อุณหภูมิของน้าในถังทังสองสูงขึ้น อุณหภูมิ
้
ของน้าในถังสีดาสูงขึ้นมากกว่าน้าในถังสีขาว เนื่องจากวัตถุสีดาดูดกลืนแสงและ
คายความร้อนได้ดีกว่าวัตถุสีขาว จึงทาให้น้าในถังสีดามีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่า”
- 15. ตัวอย่างข้อสอบเขียนตอบ: การประเมินนแสงของวัตถุ
เกณฑ์ การดูดกลื แบบภาพรวม
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
„ อธิบายการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ แต่ไม่สามารถอธิบาย
ต้องปรับปรุง
เหตุผลได้
„ อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้โดยเปรียบเทียบ
อุณหภูมิที่แตกต่างกันระหว่างถังทั้งสอง และ อธิบายเหตุผล พอใช้
ที่อุณหภูมิของถังทั้งสองเพิ่มขึ้นได้บางส่วน
„ อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ โดยเปรียบเทียบ
อุณหภูมิที่แตกต่างกันระหว่างถังทั้งสอง และ อธิบาย
เหตุผลที่อุณหภูมิของถังทั้งสองเพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบ ดี
สมบัติการดูดกลืนแสงและคายความร้อนของวัตถุสีขาวและ
สีดา
- 16. ตัวอย่างข้อสอบเขีเกณฑ์การประเมินแบบแยกองค์ประกอบ
ยนตอบ: การดูดกลืนแสงของวัตถุ
รายการประเมิน คะแนน
„ อุณหภูมิของน้าในถังทั้งสองเพิ่มขึ้น 1
„ อุณหภูมิของน้าในถังสีดาเพิ่มขึ้นมากกว่าถังสีขาว 1
„ อธิบายว่าวัตถุสีดาสามารถดูดกลืนแสงได้ดีกว่าวัตถุสีขาว 1
„ อธิบายว่าวัตถุสีดาสามารถคายพลังงานความร้อน
1
ได้ดีกว่าวัตถุสีขาว
รวม 4 คะแนน
- 24. ตัวอย่างคาถามวัดเนื้อหาและสมรรถนะหลายกลุ่ม
นักวิจัยต้องการสร้างทุ่นทรงกระบอกจากแผ่นโลหะผสมแล้วนาไปลอยในทะเล
เพื่อวัดความหนาแน่นของน้าทะเลบริเวณนั้นได้ค่าระหว่าง 1020 kg/m3 ถึง 1029 kg/m3
นักวิจัยรู้ว่าแผ่นโลหะที่ซื้อมาหนัก M กิโลกรัม และเศษโลหะที่เหลือจากการสร้างทุ่น
หนักน้อยมากเมื่อเทียบกับน้าหนักของทุ่น เ
พื่อให้ทุ่นลอยในทะเลได้ จะต้องสร้างทุ่นให้มีปริมาตรมากหรือน้อยเพียงใดเมื่อ
เทียบกับน้าหนักของแผ่นโลหะ
จงอธิบายคาตอบ ………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………….
- 26. ทุ่นทรงกระบอก
สาระ/มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ตามหลักสูตร 51:
สาระที่ 2 การวัด / มาตรฐาน ค 2.1, ค 2.2
ตัวชี้วัด
- ใช้ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่ พืนที่ผิว และปริมาตรแก้ปัญหา
้
ในสถานการณ์ต่าง ๆ
- คาดคะเนเวลา ระยะทาง พื้นที่ ปริมาตร และน้้าหนักได้
อย่างใกล้เคียงและอธิบายวิธีการที่ใช้ในการคาดคะเน
สาระที่ 4 พีชคณิต / มาตรฐาน ค 4.2
ตัวชี้วัด
- ใช้ความรู้เกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวในการแก้
ปัญหา พร้อมทั้งตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของค้าตอบ
สาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
- 27. ตัวอย่างสถานการณ์ 1
น้ามันที่ใช้ในการประกอบอาหารโดยทั่วไป จะมีทั้งกรดไขมัน
อิ่มตัวและไม่อิ่มตัวรวมอยู่ด้วยกัน แต่จะมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน บางชนิดมี
กรดไขมันอิ่มตัวเป็นองค์ประกอบมาก เช่น น้ามันหรือไขมันที่ได้จากสัตว์ทุก
ชนิด น้ามันมะพร้าว เป็นต้น สาหรับกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตาแหน่งพบ
มากในน้ามันถั่วเหลือง น้ามันดอกทานตะวัน เป็นต้น
ไขมันแต่ละชนิดจะมีผลต่อร่างกายต่างกันโดยเฉพาะการ
เปลี่ยนแปลงของระดับคอเลสเตอรอลในเลือด การกินกรดไขมันอิ่มตัวมาก
จะทาให้คอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) และไม่ดี (LDL) สูงขึ้น ขณะที่กรดไขมัน
ไม่อิ่มตัวจะทาให้ทั้งคอเลสเตอรอลที่ดีและไม่ดีกับร่างกายลดลง
ที่มา : หมอชาวบ้าน ปีที่ 33 ฉบับที่ 387
- 30. คาถาม 1.1
นักวิชาการคนหนึ่งกล่าวว่า “การโฆษณาของน้ามันพืชที่ไม่มี
คอเลสเตอรอล อาจทาให้เข้าใจผิดว่าสามารถกินน้ามันพืชเท่าไรก็ได้”
คากล่าวของนักวิชาการเป็นจริงหรือไม่ พร้อมอธิบายเหตุผล
ของนักเรียน
..................................................................................................................
......................
- 31. เกณฑ์การให้คะแนน คาถาม 1.1
จุดประสงค์ของคาถาม
เพื่ออธิบายผลจากการได้รับไขมันในปริมาณที่มากเกินไป
เกณฑ์การให้คะแนน
เป็นจริง โดยให้เหตุผลถึงผลเสียหรืออันตรายของการบริโภคไขมันในปริมาณที่มากเกินความจาเป็น
เช่น ทาให้ไขมันส่วนเกินสะสมเป็นโรคอ้วน ปริมาณไขมันในเส้นเลือดสูงขึ้น ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ไขมันส่วนเกินอาจถูกเปลี่ยนเป็นคลอเรสเตอรอล
สาระมาตรฐาน/ตัวชี้วัดตามหลักสูตร 2551
สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตและกระบวนการดารงชีวิต / มาตรฐาน ว1.1
ตัวชี้วัด ทดลอง วิเคราะห์ และอธิบายสารอาหารในอาหารมีปริมาณพลังงานและสัดส่วนที่เหมาะสม
กับเพศและวัย
- 32. คาถาม 1.2
องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตรแห่ง
สหประชาชาติ (FAO) แนะนาว่า “การกินไขมันเพื่อสุขภาพที่ดีควรได้
พลังงานจากไขมันไม่เกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด โดยได้กรด
ไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ 10 ในคนปกติ ส่วนที่เหลือเป็นกรดไขมันไม่
อิ่มตัว”
ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี
สมชายต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี
เพื่อสุขภาพที่ดี ควรรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุดวันละกี่กรัม
..................................................................................................................
......................
- 33. เกณฑ์การให้คะแนน คาถาม 1.2
จุดประสงค์ของคาถาม
เพื่อคานวณร้อยละของพลังงาน และแปลงพลังงานให้เป็นกรัม
เกณฑ์การให้คะแนน
60 กรัม
สาระมาตรฐาน/ตัวชี้วัดตามหลักสูตร 2551
สาระที่ 1 จานวนและการดาเนินการ / มาตรฐาน ค1.2
ตัวชี้วัด วิเคราะห์และแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาและโจทย์ปัญหาระคนของจานวนนับ เศษส่วน
จานวนคละ ทศนิยม และร้อยละ พร้อมทั้งตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคาตอบ และสร้าง
โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับจานวนนับได้
- 34. คาถาม 1.3
นักเรียนคนหนึงอ่านข้อมูลในตารางแล้วสรุปว่า “น้ามันพืช
่
เหมาะกับการบริโภคมากกว่าน้ามันหมู”
นักเรียนเห็นด้วยกับคากล่าวนี้หรือไม่ จงใช้ข้อมูลในตาราง
สนับสนุนเหตุผลของนักเรียน
..................................................................................................................
......................
- 35. เกณฑ์การให้คะแนน คาถาม 1.3
จุดประสงค์ของคาถาม
ตีความข้อมูลปริมาณไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวในตาราง
เกณฑ์การให้คะแนน
เห็นด้วย เพราะน้ามันพืชส่วนใหญ่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ากว่าน้ามันหมู
ไม่เห็นด้วย เพราะน้ามันหมูมีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าน้ามันพืชบางชนิด เช่น น้ามันปาล์มและน้ามันมะพร้าว
สาระมาตรฐาน/ตัวชี้วัดตามหลักสูตร 2551
สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตและกระบวนการดารงชีวิต / มาตรฐาน ว1.1
ตัวชี้วัด ทดลอง วิเคราะห์ และอธิบายสารอาหารในอาหารมีปริมาณพลังงานและสัดส่วนที่เหมาะสม
กับเพศและวัย
- 37. ใบงานที่ 1 - ออกข้อสอบตามสถานการณ์ที่กาหนดให้
ให้แต่ละกลุ่ม ออกข้อสอบตามสถานการณ์ที่ให้
เป็นข้อสอบวัด (1)วิทยาศาสตร์ (2)คณิตศาสตร์
และ(3)การอ่าน หรือแบบบูรณาการ พร้อมแนว
คาตอบ และเกณฑ์การให้คะแนน
ในแต่ละวิชาออกข้อสอบจานวน 3 ข้อ โดยให้มี
รูปแบบข้อสอบดังนี้
- แบบเลือกตอบ 1 ข้อ
- แบบเขียนตอบสั้น 1 ข้อ
- แบบเขียนตอบให้เหตุผล 1 ข้อ
- 38. ใบงานที่ 1 - ออกข้อสอบตามสถานการณ์ที่กาหนดให้
แต่ละคาถามให้เชื่อมโยงกับจุดประสงค์การเรียนรู้
เกณฑ์การให้คะแนนให้มีทั้งแบบ Analytic และ
Holistic
ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอเมื่อเสร็จแล้ว
- 40. ใบงานที่ 2 - ออกข้อสอบตามสถานการณ์ที่เลือก
ให้อาจารย์แต่ละท่าน ออกข้อสอบตามสถานการณ์
ที่ท่านเลือก เป็นข้อสอบในวิชาที่สอน/ถนัด
(วิทยาศาสตร์/ คณิตศาสตร์/การอ่าน หรือบูรณา
การ) พร้อมแนวคาตอบ และเกณฑ์การให้คะแนน
ในแต่ละวิชาออกข้อสอบจานวน 3 ข้อ โดยให้มี
รูปแบบข้อสอบดังนี้
- แบบเลือกตอบ 1 ข้อ
- แบบเขียนตอบสั้น 1 ข้อ
- แบบเขียนตอบให้เหตุผล 1 ข้อ
- 41. ใบงานที่ 2 - ออกข้อสอบตามสถานการณ์ที่เลือก
แต่ละคาถามให้เชื่อมโยงกับจุดประสงค์การเรียนรู้
เกณฑ์การให้คะแนนให้มีทั้งแบบ Analytic และ
Holistic