More Related Content
Similar to Biodiversity (20)
Biodiversity
- 17. สมาชิกได้แก่หวายทะนอย (Psilotum) จัดว่าเป็นพืชมีท่อลาเลียงกลุ่ม
แรก ปัจจุบันมีน้อยชนิดและนับวันมีแต่จะสูญพันธุ์ เนื่องจากปรับตัวเข้าสู่โลก
ยุคใหม่ไม่ได้
ระยะสปอโรไฟต์ไม่มีใบ มีแต่ลาต้น มีแง่งอยู่ใต้ดิน สปอโรไฟต์สร้างอับสปอร์
สปอร์ตกลงในดินและงอกเป็นแกมีโตไฟต์ ผสมพันธุ์เจริญมาเป็นสปอโรไฟต์
- 19. เป็นพืชมีท่อลาเลียงกลุ่มที่สองของโลก มีมากในยุคคาร์บอนิเฟอรัส วิวัฒนาการ
มา 2 สาย สายหนึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง อีกสายหนึ่งเป็นพวกเอพิไฟท์ เจริญบน
ต้นไม้ แต่ไม่ใช่ปรสิต สมาชิกทั้งหมดประมาณ 1,000 ชนิด
พืชกลุ่มอื่นอาศัยอยู่ตามพื้นดิน จนได้รับฉายาว่าสนดิน พบตามป่าร้อนชื้น
สมาชิกที่สาคัญคือ ไลโคโพเดียม และซีแลกจิเนลลา
สปอโรไฟต์จะมีโครงสร้างที่ใช้สืบพันธุ์เรียกว่า ใบสร้างอับสปอร์
(sporophyll)สปอร์ตกลงบนดินงอกเป็นแกมีโตไฟต์ มีขนาดเล็ก
- 20. มีราก ใบ ลาต้นที่แท้จริง บางชนิดมีลา
ต้นตั้งตรงหรือเลื้อยตามพื้นดิน มีลาต้น
ใต้ดิน เรียกว่า Phizoid
ใบมีขนาดเล็ก เรียงซ้อนกันเรียกว่า
Porophill ทาหน้าที่ห่อหุ้มรองรับ
สปอร์ส่วนปลายยอดจะมีลักษณะเป็น
เกล็ดเล็กๆ เรียงซ้อนกันเรียกว่า
Strobilus
Strobilus
- 23. สมาชิกมีเพียงสกุลเดียว คนไทยเรียกว่า สนหางม้า เป็นพืชยุคคาร์บอนิเฟอรัส
ปัจจุบันมีน้อยมากประมาณ 15 ชนิด พบตามบริเวณที่มีความชื้น เช่นริมฝั่ง
แม่น้า
ต้นที่เห็นชัดเจนคือ สปอโรไฟต์สร้างสปอร์ แกมีโตไฟต์เจริญมาจากสปอร์ มี
2 ต้นแยกเพศ และอาศัยอยู่ในดินเป็นอิสระจากต้นสปอโรไฟต์
- 27. ปัจจุบันมีประมาณ 12,000 ชนิดพบแพร่กระจายอยู่ในเขตร้อน แต่ก็พบ
ในเขตอบอุ่นหลายชนิดเช่นเดียวกัน
เฟิร์นจะมีใบเรียกว่า ฟรอนด์ เป็นใบประกอบ ปลายใบอ่อนจะม้วนงอ สปอโร
ไฟต์ของเฟิร์นจะสร้างสปอร์ สปอร์จะตกลงและงอกเป็นแกมีโตไฟต์รูปหัวใจ
แกมีโตไฟต์จะสร้างเซลล์สืบพันธุ์มาผสมกัน เกิดเป็น สปอโรไฟต์ใหม่ต่อไป
- 32. จัดว่าเป็นพืชชั้นสูง มีเมล็ดเป็นกลุ่มแรก แต่เมล็ดไม่มีรังไข่ห่อหุ้ม จึงเรียกว่า พืช
เมล็ดเปลือย จัดเป็นพืชในยุคคาร์บอนิเฟอรัส (290-360 ล้านปีมาแล้ว)มี
ประมาณ 550 ชนิด
ต้นสนที่เห็นจัดเป็นสปอโรไฟต์ แกมีโตไฟต์เห็นไม่ชัดเจน เจริญอยู่ในใบสร้าง
อับสปอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโคน การผสมพันธุ์อาศัยลม
- 33. มีราก ลาต้น ใบที่แท้จริง
ใบมีขนาดเล็กเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะเป็นรูปเข็ม
ลาต้นสูงใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขา มีเนื้อไม้มาก
เป็นพวกแรกที่อาศัยลมในการผสมพันธุ์
บริเวณปลายกิ่งจะมี Cone หรือ Strobilus เป็นแผ่นแข็งสีน้าตาล
เรียงซ้อนกันแน่น ( เพศเมีย )
มีเมล็ดใช้สาหรับสืบพันธุ์ เมล็ดไม่มีรังไข่ห่อหุ้มจะติดอยู่กับส่วน
Strobilus
ช่วงชีวิตที่เด่นคือ สปอร์โรไฟต์ ( อาศัยเพศ )
- 35. ปรง (Cycas) เป็นพืชเมล็ดเปลือยเช่นเดียวกับสน รูปร่างเหมือนปาล์ม แต่
ไม่ใช่ปาล์ม (เพราะไม่มีดอก ปาล์มมีดอก) มีใบสร้างอับสปอร์เหมือนสนเพราะ
ใบดัดแปลงไปเพื่อการผสมพันธุ์
ดิวิชันกิงค์โกไฟตา มีเพียงชนิดเดียวคือ แปะก้วย ใบมีลักษณะคล้ายพัด ใน
ฤดูใบไม้ร่วงจะผลัดใบ เป็นพืชยืนต้นมีทั้งต้นผู้และต้นเมีย
ดิวิชันนีโทไฟตา สมาชิกประมาณ 70 ชนิด ปัจจุบันมีเพียง 3 สกุลคือ
Welwitschia อยู่ในทะเลทรายในอาฟริกา Gnetum เป็นไม้ยืน
ต้นหรือไม้เลื้อย พบในเอเชีย Ephedra เป็นไม้พุ่มพบในทะเลทรายใน
อเมริกา
- 38. ได้แก่พืชดอกมีสมาชิกมากที่สุดในโลกประมาณ 25,000 ชนิดมีดอก ใบ
ผล และเมล็ดอย่างแท้จริง สืบพันธุ์โดยใช้ดอก เมล็ดมีรังไข่หุ้มหลังจาก
ปฏิสนธิ รังไข่จะพัฒนาไปเป็นผลหุ้มเมล็ด จัดว่าเป็นพืชที่วิวัฒนาการมาสูงสุด
ในปัจจุบัน
พืชดอกแบ่งออกเป็น 2 อันดับคือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว(Order
Monocotyledonae) และพืชใบเลี้ยงคู่ (Order
Dicotyledonae) ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันมากมายหลายประการ
เช่นเส้นใบ ราก การจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อ และอื่นๆ
- 43. พืชใบเลี้ยงคู่ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว
1. มีใบเลี้ยง 2 ใบ
2. เส้นใบเป็นแบบร่างแห
3. ใบเลี้ยงชูเหนือพื้นดิน
4. ระบบรากแก้ว
5. ระบบท่อลาเลียงเป็นวงรอบข้อ
6. กลีบเลี้ยง กลีบดอกเกสรตัวผู้ 4-5
7. รากจะมีท่อลาเลียงน้าและท่อ
ลาเลียงอาหาร 4 แฉก
8. มี Cambium และมีการเจริญ
ทางด้านข้าง
1. มีใบเลี้ยง 1 ใบ
2. เส้นใบเรียงแบบขนาน
3. ใบเลี้ยงไม่ชูเหนือพื้นดิน
4. ระบบรากฝอย
5. ระบบท่อลาเลียงกระจัดกระจาย
6. กลีบเลี้ยง กลีบดอกเกสรตัวผู้ 3
7. รากจะมีท่อลาเลียงน้าและท่อ
ลาเลียงอาหารมากกว่า 4 แฉก
8. ไม่มี Cambium และไม่มีการเจริญ
ทางด้านข้าง
ความแตกต่างระหว่างพืชใบเลี้ยงคู่ และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
- 52. 1. แบบไม่อาศัยเพศ คือ แตกหน่อ (Budding)
2. แบบอาศัยเพศ โดยอาศัยเซลล์ Archeocyte สร้างอสุจิกับ
ไข่มาผสมกัน เกิดไซโกต กลายเป็นฟองน้าต่อไป
- 53. ได้แก่
1. Class Calcarea ได้แก่ฟองน้าที่มีแกนแข็ง เป็นพวก
หินปูน (CaCO3)
2. Class Hexactinellida ได้แก่ฟองน้าที่มีแกนแข็งเป็นพวก
แก้วหรือทราย (Silica)
3. Class Demospongiae ได้แด่ฟองน้าถูตัวที่มีแกนอ่อนนุ่ม
ประกอบด้วยสารประเภท Scleroprotien