More Related Content
Similar to develope of root and stem
Similar to develope of root and stem (20)
More from Thanyamon Chat.
More from Thanyamon Chat. (20)
develope of root and stem
- 2. การเจริญเติบโตขั้นต้นของราก (Primary growth of root)
• การแบ่งเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญบริเวณปลายราก และปลายยอด เพื่อเปลี่ยนแปลงไปทา
หน้าที่ต่างๆ เซลล์มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อเจริญขั้นต้น (Primary meristem)
เนื้อเยื่อเจริญขั้นต้นบริเวณปลายรากมี 3 กลุ่ม คือ
• Protoderm เป็นเนื้อเยื่อชั้น Epidermis เป็นเซลล์เรียงตัวชั้นเดียวอยู่นอกสุด
• Ground meristem เป็นเนื้อเยื่อพื้นทั่วไปในชั้น Cortex
• Procambium เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ในสุดของรากซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็น Pericycle,
Vascular cambium, Primary phloem, Primary xylem, Pith
By Thanyamon Chaturavitkul
- 4. • 1.1.1 เอพิเดอร์มิส (Epidermis) เป็นเนื้อเยื่อเรียงตัวชั้นเดียว
อยู่ด้านนอกสุด ทาให้เกิดขนราก
• 1.1.2 คอร์เทกซ์ (Cortex)
• 1.1.3 เอนโดเดอร์มิส (Endodermis) ผนังหนาเป็นแนวทั้ง
ด้านรัศมีและด้านขวางเป็นแถบ เรียกว่า Casparian strip มี
สารพวก Suberin หรือ Lignin มาพอก
• 1.1.4 สตีล (Stele) ประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชนิดดังนี้
พืชใบเลี้ยงคู่ >> pericycle, primary phloem, primary
xylem, vascular cambium และ pith (ถ้ามี)
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว >> pericycle, primary phloem, primary
xylem และ pith
Protoderm
Ground
meristerm
Procambium
By Thanyamon Chaturavitkul
- 7. การเจริญเติบโตขั้นที่สองของราก (Secondary growth of root)
การเจริญเติบโตขั้นที่สองของรากพืชใบเลี้ยงคู่
• เกิดจาก vascular cambium สร้าง secondary xylem และ secondary phloem
เพื่อให้รากเพิ่มขนาดขึ้น มักเกิดในบริเวณที่อยู่ถัดจากบริเวณขนรากขึ้นไป
• บริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงคือชั้น pericycle ของรากที่มีอายุมากเปลี่ยนมาเป็นเนื้อเยื่อเจริญได้แก่
cork cambium จะแบ่งเซลล์เกิดเป็นเนื้อเยื่อในชั้น periderm ประกอบด้วย phelloderm อยู่
ติดกับ phloem และ cork อยู่ติดกับ cortex ซึ่งจะดันส่วนของ cortex และ epidermis หลุด
ไป ดังนั้นในรากแก่ๆ จึงพบเฉพาะ periderm และ stele เท่านั้น
การเจริญเติบโตขั้นที่สองของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
• ในรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวทั่วไปในชั้นของ stele จะไม่มี vascular cambium จึงไม่มีการ
เจริญเติบโตขั้นที่สองของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แต่ตรงกลางจะมี pith เป็นพื้นที่กว้างชัดเจน
• ในรากพืชบางชนิด เช่น มะพร้าว ปาล์ม มีรากขนาดใหญ่ เนื่องจากเกิดมีเนื้อเยื่อพิเศษที่เรียกว่า
Cambium-like tissue เกิดขึ้นใน cortex หรือเนื้อเยื่อพื้น ซึ่งจะแบ่งเซลล์ใหม่แล้วเปลี่ยนแปลง
ไปเป็นกลุ่มเซลล์ของ xylem และ phloem เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทาให้รากมีขนาดใหญ่ขึ้น
By Thanyamon Chaturavitkul
- 10. การเจริญเติบโตของลาต้น (Growth of stem)
การเจริญเติบโตขั้นต้นของลาต้น (Primary growth of stem)
มีเนื้อเยื่อเจริญ 3 กลุ่มดังนี้
• Protoderm เป็นเนื้อเยื่อถาวรในชั้น Epidermis
• Ground meristem
พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นเนื้อเยื่อในชั้น cortex, pith, pith ray
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นเนื้อเยื่อ ground tissue
• Procambium
พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นเนื้อเยื่อในชั้น vascular bundle ได้แก่ primary phloem, primary
xylem และ vascular cambium โดยมีการจัดเรียงตัวของ vascular bundle อย่างมีระเบียบ
เป็นวงรอบลาต้น
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นเนื้อเยื่อในชั้น vascular bundle เรียงตัวกระจัดกระจายรอบลาต้น โดยจะ
เห็นเซลล์ค่อนข้างกลมขนาดใหญ่ ปกติจะมี 2 เซลล์ คือ vessel (xylem) ส่วน phloem เซลล์มี
ลักษณะเป็นรูปหลายเหลี่ยม ขนาดเล็กกว่าไซเลม รวมอยู่ทางด้านบนของกลุ่มไซเลม และทางด้านล่าง
ของกลุ่ม vascular bundle มีส่วนเป็น air space
By Thanyamon Chaturavitkul
- 14. การเจริญเติบโตขั้นที่สองของลาต้น (Secondary growth of stem)
ลาต้นพืชใบเลี้ยงคู่
• มีการสร้าง vascular cambium ซึ่งเกิดจากเซลล์ของ pith ray โดยเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อเจริญ
ชื่อว่า interfasicular cambium ไปเชื่อมติดกับ fascicular cambium (อยู่ระหว่าง primary
xylem และ primary phloem) กลายเป็นวงของ vascular cambium โดยลาต้นของพืชใบเลี้ยงคู่มี
มัดท่อลาเลียงชนิดเปิด (Open bundle) ซึ่งมีการเจริญเติบโตขั้นที่สองได้
• ในพืชพวกไม้เนื้อแข็ง vascular cambium จะแบ่งเซลล์เกิดเป็นเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ ถ้าแบ่งเซลล์ออก
ด้านนอกเป็น secondary phloem และแบ่งเข้าข้างในเป็น secondary xylem ทาให้ลาต้นมีขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางเพิ่มขึ้น โดย secondary phloem มีขนาดเล็กกว่าและผนังบางกว่า secondary xylem
มาก
• เนื้อเยื่อในชั้น cortex ของลาต้นพืชใบเลี้ยงคู่ เปลี่ยนแปลงเป็นเนื้อเยื่อเจริญ cork cambium ซึ่งจะ
แบ่งเซลล์ให้เนื้อเยื่อในชั้น periderm ประกอบด้วย phelloderm อยู่ติดกับ phloem และ cork ซึ่งจะ
ดันส่วนของ epidermis หลุดไป
• secondary xylem มีความคงทนอยู่และกลายเป็นเนื้อไม้ (wood) ส่วน secondary phloem จะไป
รวมกับเนื้อเยื่อชั้น periderm จนกลายเป็นเปลือกไม้(Bark)
By Thanyamon Chaturavitkul
- 17. Vascular cambium
Vascular cambium
Secondary phloem
Secondary xylem
• เมื่อมีการแบ่งเซลล์ออกด้านนอก ลาต้นจะเจริญไปเป็น secondary phloem
• เมื่อมีการแบ่งเซลล์เข้าด้านใน ลาต้นจะเจริญไปเป็น secondary xylem
• การแบ่งของ vascular cambium เพื่อสร้างไซเลมจะเกิดได้เร็วกว่าโฟลเอม
* เนื้อไม้ของพืชยืนต้น จึงเป็น secondary xylem เป็นหลัก *
By Thanyamon Chaturavitkul
- 18. Cork cambium
Cork cambium (Phellogen)
Cork (phellem)
Phelloderm
• Cork cambium เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ parenchyma ใน cortex
• ทาให้เกิดส่วนของเปลือกไม้(bark) เรียงจากด้านนอก เข้าด้านใน ได้ดังนี้
cork cork cambium phelloderm phloem
By Thanyamon Chaturavitkul
- 19. จุดรอยแตก (Lenticel)
เกิดจาก cork cambium แบ่งตัวเพื่อสร้าง
cork จานวนมาก จึงดันให้เนื้อเยื่อบริเวณนี้เกิด
รอยแตก
หน้าที่ : แลกเปลี่ยนแก๊ส
By Thanyamon Chaturavitkul
- 22. ชั้นเปลือกไม้ (bark) และชั้นเนื้อไม้ (wood)
•ชั้นเปลือกไม้
•ชั้นเนื้อไม้
secondary xylem
•วงปี
(annual ring)
สามารถใช้คาดคะเน
อายุของไม้ยืนต้น
(1 รอบ = 1 ปี)
By Thanyamon Chaturavitkul
- 23. วงปี (annual ring)
วงปีจะแบ่งออกเป็น 2 บริเวณ
•Spring wood เกิดในช่วงน้า
อุดมสมบูรณ์ เกิดเป็นแถบสีจาง
•Summer wood เกิดในช่วง
น้าน้อย เกิดเป็นแถบสีเข้ม
By Thanyamon Chaturavitkul
- 24. เนื้อไม้ (Wood) ประกอบด้วย secondary xylem ที่มีสารพวก กัม ลิกนิน แทนนิน เข้าไปอุด
ตันบริเวณนี้จึงแข็งมากเรียกว่า แก่นไม้ (heart wood) ซึ่งมีสีเข้มกว่าและมีความหนาค่อนข้างคงที่อยู่
ด้านในสุด ส่วน secondary xylem ที่อยู่ถัดออกมาด้านนอกเป็นส่วนที่ยังสามารถลาเลียงน้าและ
ธาตุอาหารได้เรียกว่า กระพี้ไม้ (sap wood) จะมีแถบสีเข้มสลับกับแถบสีจางเป็นวง โดยแถบสีจาง
เกิดในช่วงที่มีน้าอุดมสมบูรณ์ เซลล์จะมีขนาดใหญ่ แถบกว้าง เรียกว่า Spring Wood ส่วนแถบ
สีเข้มจะเกิดในช่วงที่มีน้าน้อย แถบแคบ เรียกว่า Summer Wood ซึ่งวงเหล่านี้สามารถนาไปใช้
นับอายุพืชได้ โดยแถบสีเข้มรวมแถบสีจางที่ติดกันเรียกว่า วงปี (Annual Ring)
By Thanyamon Chaturavitkul
- 31. ลาต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
• vascular bundle เรียงกันกระจัดกระจาย ไม่เป็นวงรอบลาต้นจึงไม่เห็นขอบเขตระหว่าง
cortex และ stele
• procambium เจริญไปเป็น primary xylem และ primary phloem แต่ไม่มี
vascular cambium จึงไม่มีการเจริญเติบโตขั้นที่สอง ไม่มีการสร้าง secondary xylem
และ secondary phloem เรียกว่า มัดท่อลาเลียงแบบปิด(Closed bundle) ซึ่งหมายถึง
ไม่มีการเจริญเติบโตอีกต่อไป จึงไม่มีการเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางในระหว่างการเจริญเติบโต
ดังนั้นลาต้นของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเจริญทางด้านสูงมากกว่าทางด้านกว้าง
By Thanyamon Chaturavitkul
- 36. Quiz การเจริญเติบโตของรากและลาต้น
1. เนื้อเยื่อเจริญต่อไปนี้จะแบ่งเซลล์ได้เนื้อเยื่อถาวรหรือ เนื้อเยื่อเจริญใดบ้าง
(Protoderm, Ground meristem, Procambium)
2.เพราะเหตุใดรากของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจึงไม่พบการเจริญเติบโตขั้นที่สองดังเช่นพืชใบเลี้ยงคู่
3.รากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจาพวกมะพร้าว ปาล์ม ตาล สามารถขยายขนาดได้เพราะเหตุใด
4.มัดท่อน้าท่ออาหารชนิดเปิด (Open bundle) หมายความว่าอย่างไร
5.วาสคิวลาร์แคมเบียมมีทิศทางการสร้างไซเลมขั้นที่สองและโฟลเอมขั้นที่สอง อย่างไร
7.เพราะเหตุใดเมื่อควั่นส่วนของเปลือกไม้ออก ต้นไม้ยังคงมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน
8.เพราะเหตุใดชั้นเนื้อไม้(Wood) จึงมีพื้นที่มากกว่าชั้นเปลือกไม้ (Bark)
By Thanyamon Chaturavitkul