More Related Content
Similar to พระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา นารีรัตน์
Similar to พระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา นารีรัตน์ (7)
พระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา นารีรัตน์
- 5. 1.สถาปัตยกรรม แบ่งได้เป็น 3 ยุค คือ
ศิลปะอยุธยาตอนต้น สมัยสมเด็จพระ
รามาธิบดีที่ 1ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อ
พ.ศ. 1893 จนถึงสมัยของสมเด็จพระบรมไตร
โลกนาถใน พ.ศ.2031 ลักษณะสถาปัตยกรรม
เป็นแบบศิลปะลพบุรี หรือศิลปะเขมร กับศิลปะอู่
ทองนิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัด โดยมี
ลักษณะปรางค์เลียนแบบเขมรแต่สูงชะลูดกว่า
เช่น ปรางค์ประธานวัดพุทไธสวรรย์ ปรางค์
ประธานวัดมหาธาตุ
- 9. สถาปัตยกรรมแบบอื่นๆ คือ โบสถ์ วิหารสมัย
อยุธยาตอนต้นนิยมทาขนาดใหญ่มากเป็นโถง
สี่เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐผนังอาคารเจาะเป็นช่อง
แคบๆเรียกว่า ลูกฟัก เพื่อระบายลมและมีแสง
ส่องผ่าน ยังไม่มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง
พอถึงสมัยอยุธยาตอนกลาง อาคารมีขนาดเล็ก
ลง ก่อผนังทึบ
- 17. พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีบทบาทมากในยุคนี้ ได้แก่ สมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงเสวยราช เมื่อ พ.ศ. 2275 การบวชเรียน
กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงยุคหลัง ถึงกับกาหนดให้ผู้ที่
จะเป็นขุนนาง มียศถาบรรดาศักดิ์ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการบวชเรียนมา
เท่านั้น จึงจะทรงแต่งตั้งตาแหน่งหน้าที่ให้ ในสมัยนี้ได้ส่งพระภิกษุ
เถระชาวไทยไปฟื้นฟูพุทธศาสนาในประเทศลังกาตามคาทูล ขอของ
กษัตริย์ลังกา เมื่อ พ.ศ. 2296 จนทาให้พุทธศาสนากลับเจริญรุ่งเรือง
ในลังกาอีกครั้ง จนถึงปัจจุบัน และเกิดนิกายของคณะสงฆ์ไทยขึ้นใน
ลังกา ชื่อว่านิกายสยามวงศ์ นิกายนี้ยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน
สมัย อยุธยาช่วงที่สี่ (พ.ศ. 2275 - 2310)
- 18. ในขณะนั้นศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคธอลิก
ซึ่งตั้งอยู่ที่ นครวาติ กัน ประเทศอิตาลี ได้
วางรากฐานอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง
ในการเผยศาสนาคริสต์ โดยเน้นที่ ไทย-ลาว
–กัมพูชา ญวน-มาลายู ฯลฯ การกระทาของ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชครังนั้น ก็ด้วย
เหตุที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเป็นพระสหาย
ต่างชาติที่สนิทของสมเด็จพระนารายณ์ จึงได้
ทรงสนับสนุนศาสนาคริสต์ในไทย
โดยในขณะนั้น มีบุคคลสาคัญที่เป็นหลักในการตั้ง
คริสต์จักรในไทย คือ “นายเยรากี” ขณะนั้นเป็นชน
ชาวกรีก ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “นายฟอนคอล” ครั้ง
สุดท้ายเข้ารับราชการรับใช้สมเด็จพระนารายณ์
พระองค์จึงให้บรรดาศักดิ์เป็นที่ “พระยาวิชาเยนทร์”
- 19. และต่อมาพระยาวิชาเยนทร์ได้เข้ากับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยมีแผนจะยึด
ประเทศไทย 4 แผน คือ
1. ต้องการทาลายอิทธิพลของพุทธศาสนาลงให้ได้ เพราะเมื่อพุทธศาสนา
เสื่อมลง คริตส์จึงสามารถมีบทบาทขึ้นมาได้อ่างเต็มที่ได้นั่นเอง
2. กษัตริย์ไททุกพระองค์ทรงนับถือพุทธศาสนา โดยวิธีการเกลี้ยกล่อม
พระนารายณ์และข้าราชการชั้นสูงซึ่งเป็นชั้นระดับผู้นาของไทยให้เข้ารีต ก็จะ
เป็นการทาลายพุทธศาสนาโดยง่าย (โดยข้อ 2 นี้มีบทบาทสาคัญต่อพุทธศาสนา
มากที่สุด พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ส่งทูตนาพระราชสาสน์ของพระองค์เข้าเฝ้า
สมเด็จพระนารายณ์)
3. ส่งทหารเข้ายึดประเทศไทยเลย
- 20. ครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงตอบคาถามพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ดังนี้
1. จะให้พระองค์เปลี่ยนพุทธศาสนาที่นับถือมาถึง 2229 ปีไม่ใช่ง่ายเลย ตอบ
ว่า โปรดให้พระราชบุตรของเราเข้ารีตให้หมดก่อน แล้วเราจะเข้าเป็นคนสุดท้าย
2. พระเจ้าเป็นผู้มีฤทธิ์อานาจ ทาไมไม่บันดาล ให้ศาสนาในโลกมีศาสนาเดียว
ถ้าพระเจ้าเป็นผู้มีฤทธิ์อานาจจริง ๆ ทาไมไม่ดลใจให้เราเลื่อมใส
3. ขอฝากชะตากรุงศรีอยุธยา อยู่ในความเมตตาของพระเจ้าด้วย และขอ
พระเจ้าหลุยส์ผู้เป็นสุดที่รัก อย่าได้เสียพระทัยไปเลย
- 21. พระพุทธศาสนากับกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ต้น เฉพาะกษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ดังนี้
1. พุทธศาสนาเป็นแบบลังกาวงศ์ กษัตริย์ทุกพระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ
2. ศิลป์และวรรณคดี เช่น ศิลป์ลพบุรี นิยมสร้างเป็นทรงพระปรางค์ข้าวโพด และยังมีศิลป์
แบบขอม ศิลป์แบบลพบุรีส่วนด้านวรรณคดี ได้แก่ มหาชาติคาหลวง เป็นวรรณคดีที่สาคัญ
(ต่อมามีชื่อเสียงสมัยพระบรมไตรโลกนารถ รัชกาลที่ 1 )
3. การปกครองคณะสงฆ์ แบ่งเป็น 2 คณะ (โดยเอาแบบมาจากกรุงสุโขทัย) คือ
- คามวาสี
- อรัญญวาสี
4. การศึกษา มีการศึกษาพระไตรปิฎก แบ่งเป็น คันถธุระ และวิปัสสนาธุระ และการศึกษา
ส่วนใหญ่ก็ทากันในพระราชวัง เช่น พระที่นั่งจอมทอง มณเฑียรธรรม เป็นต้น.
สรุป