SlideShare a Scribd company logo
หัวข้อที่ ๓ แหล่งกำเนิดของชนชำติไทย
จุดเริ่มต้นของแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยเกิดขึ้นจำกควำมสนใจอดีตของชนชำติไทยของนักวิชำกำรในโลก
ตะวันตก ไม่เพียงเฉพำะจำกกำรที่นักวิชำกำรเหล่ำนั้นสนใจที่จะศึกษำควำมเป็นมำของชนชำติไทยในสยำมประเทศ(ในเวลำนั้น)
ยังนับเนื่องจำกกำรที่คนไทยยังเป็นชนชำติที่มีจำนวนมำกเป็นอันดับสองรองจำกกลุ่มฮั่นหรือจีนแท้ จึงนับเป็นชนชำติใหญ่ที่
น่ำสนใจอย่ำงยิ่งสำหรับชำวตะวันตกที่กำลังเข้ำมำติดต่อสัมพันธ์กับภูมิภำคนี้ สำเหตุนี้นำมำสู่กำรพัฒนำกำรศึกษำเรื่องถิ่น
กำเนิดของคนไทยในสังคมไทยจนทำให้เกิดกำรขยำยพรมแดนทำงควำมรู้เกี่ยวกับอดีตของชนชำติไทยในกลำงพุทธศตวรรษที่ ๒๕
๑ ควำมเป็นมำของกำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย
ควำมเป็นมำของกำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย เริ่มจำกงำนเขียนของแตเรียง เดอ ลำคูเปอรี (Terrien de la
Couperie) ที่ได้เสนอควำมคิดนี้ในงำนเขียนเรื่อง ถิ่นฐำนเดิมของชนชำติชำน (Cradle of The Shan Race) ในหนังสือเรื่อง
Amongst the Shans เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ ซึ่งอำศัยหลักฐำนจำกบันทึกของจีนและข้อมูลที่บรรดำนักสอนศำสนำ
ชำวตะวันตกรวบรวมและสันนิษฐำนไว้ แม้จะเป็นเพียงกำรวำงรำกฐำนแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยไว้อย่ำงกว้ำง ๆ แต่
เป็นกำรสร้ำงควำมเข้ำใจใหม่เกี่ยวกับชนชำติไทยอย่ำงที่ไม่เคยมีใครเคยคิดมำก่อน และในปี พุทธศักรำช ๒๔๓๔ งำนของอี เอช
ปำร์เกอร์ (E.H. Parker) ในวำรสำร The China Review ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอำณำจักรอำยหลำว และน่ำนเจ้ำ ว่ำเป็นอำณำจักร
ไทยเดิม (Old Thai) จำกข้อมูลเหล่ำทำให้เริ่มเห็นงำนประวัติศำสตร์นิพนธ์ไทย เรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย โดยเริ่มในปี
พุทธศักรำช ๒๔๔๒ จำกพระยำประชำกิจกรจักร์( แช่ม บุนนำค) ตีพิมพ์ในวำรสำรวชิรญำณ ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๕ พระ
เจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงนิพนธ์ พงศำวดำรไทยใหญ่ และในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๖
สมเด็จกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรงนิพนธ์ คำนำ ใน พระรำชพงศำวดำรฉบับพระรำชหัตถเลขำ ซึ่งล้วนใช้ข้อสันนิษฐำนว่ำ
ชนชำติไทยมีถิ่นฐำนเดิมในประเทศจีนและอพยพลงมำสู่ประเทศไทยในสมัยต่อมำ แต่กระนั้นก็ตำมงำนค้นคว้ำเรื่อง ถิ่นกำเนิด
ของคนไทยที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทยมำกที่สุดเริ่มต้นจำกงำนของนักสอนศำสนำชำวอเมริกัน วิลเลียม ด็อดด์ (William Dodd)
ในงำนเขียนเรื่อง ชนชำติไท (The Tai Race : The Elder Brother of The Chinese ) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๒ กับงำนเขียน
ของ ดับลิว เอ อำร์ วูด (W.A.R. Wood) เรื่อง ประวัติศำสตร์สยำม (A History of Siam) แม้จะแพร่หลำยในสำยตำคนไทย
จำกกำรดัดแปลงไปสู่งำนประพันธ์อย่ำงเช่น หลักไทย ของขุนวิจิตรมำตรำ หรือ น่ำนเจ้ำ ของหลวงวิจิตรวำทกำร แต่ปัญหำ
ของกำรศึกษำแบบคำดคะเนโดยอำศัยหลักฐำนเพียงไม่กี่ชิ้นและด่วนสรุป ทำให้กำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยในช่วงหลัง
ปี พุทธศักรำช ๒๕๐๐ เริ่มมุ่งหวังที่จะแสวงหำหลักฐำนและแนวคิดใหม่ นำมำสู่กำรทำลำยเพดำนควำมคิดเดิมในเรื่องกำรอพยพ
ลงใต้ของคนไทยและนำไปสู่ทฤษฏีที่ว่ำคนไทยไม่ได้มำจำกไหน รวมทั้งควำมพยำยำมที่จะใช้หลักฐำนที่เป็นวิทยำศำสตร์มำ
อธิบำยถิ่นกำเนิดของคนไทย
๒ ทฤษฎีเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย
กำรศึกษำเกี่ยวกับเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันสำมำรถแบ่งกำรเสนอแนวควำมคิดเรื่องนี้ออกได้เป็น
๒ ทฤษฎีใหญ่ ๆ คือ
๑.ทฤษฎีที่ว่ำคนไทยอพยพมำจำกที่อื่น
๒. ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว
ทฤษฎีคนไทยอพยพมำจำกที่อื่น
๑ กลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณมณฑลเสฉวน
กลุ่มนี้เริ่มต้นด้วย เตเรียน เดอ ลำคูเปอรี(Terrien de la Couperie)ผู้เชี่ยวชำญทำงนิรุกติศำสตร์ในงำนเขียนเรื่อง
The Cradle of The Shan Race ตีพิมพ์เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ งำนเขียนนี้อำศัยกำรค้นคว้ำจำกหลักฐำนจีนและพิจำรณำ
ควำมคล้ำยคลึงทำงภำษำของผู้คนในจีนและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยสรุปไว้ว่ำ คนเชื้อชำติไทยตั้งถิ่นฐำนเป็นอำณำจักรอยู่ใน
ดินแดนจีนมำก่อนจีนคือเมื่อ ๒,๒๐๘ ปีก่อนคริสต์ศักรำช ซึ่งนำข้อมูลในรำยงำนสำรวจภูมิประเทศจีนในสมัยพระเจ้ำยู้ โดย
สันนิษฐำนว่ำจีนเรียก ชนชำติไทยว่ำ มุง หรือต้ำมุง และมีถิ่นที่อยู่ที่ปรำกฏในจดหมำยเหตุจีนนี้ในเขตที่เป็นมณฑลเสฉวนของจีน
ปัจจุบัน แนวควำมคิดของลำคูเปอรีได้รับกำรสืบทอดต่อมำในงำนประวัติศำสตร์นิพนธ์ไทยเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย โดย
เริ่มจำกงำนของพระยำประชำกิจกรจักร์(แช่ม บุนนำค) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๔๒ พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงศ์
ประพันธ์ ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๕ สมเด็จกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๕๖ พระยำอนุมำนรำชธน ใน ปี
พุทธศักรำช ๒๔๘๓ ประภำศิริหรือหลวงโกษำกรวิจำรณ์(บุญศรี ประภำศิริ) ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๘ - ๒๔๙๒ พระยำบริหำร
เทพธำนี ในปี พุทธศักรำช ๒๔๙๖ และหลวงวิจิตรวำทกำร ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๖ และ พุทธศักรำช ๒๔๙๙ โดยสรุปไว้
ว่ำตรงกันว่ำ ถิ่นเดิมของไทยคือบริเวณมณฑลเสฉวนปัจจุบัน หลังจำกนั้นจึงอพยพเข้ำสู่ยูนนำนทำงตอนใต้ของจีนและแยกย้ำย
กันเข้ำสู่ดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน กลุ่มนี้ได้มีกำรค้นคว้ำเพิ่มเติมในประเด็นต่ำง ๆ เช่นกำรใช้ข้อมูลจำกจีนค้นคว้ำเรื่องถิ่น
กำเนิดของคนไทย ตลอดจนนำพงศำวดำรและตำนำนท้องถิ่นทำงภำคเหนือของไทยมำวิเครำะห์ เพิ่มเติมว่ำไทยเป็นพวกมอง
โกลสำขำหนึ่งอยู่อำศัยในดินแดนที่เป็นประเทศจีนปัจจุบันในขณะที่จีนเร่ร่อนอยู่แถวทะเลสำบคัสเปียน ชำวไทยตั้งหลักฐำนเป็น
บ้ำนเมืองอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองและลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง โดยอำณำจักรของคนไทยไทย แบ่งเป็น ๒ นคร คือ นครลุงเป็น
ศูนย์กลำงฝ่ำยเหนือตั้งอยู่บนแม่น้ำเหลือง นครปำเป็นศูนย์กลำงฝ่ำยใต้ตั้งอยู่ภำคเหนือมำจนถึงภำคตะวันตกของมณฑลเสฉวน
ปัจจุบัน อำณำจักรไทยสมัยนี้เรียกว่ำอ้ำยลำวหรือมุง จึงนำมำสู่ข้อสันนิษฐำนว่ำ ตอนกลำงของประเทศจีนปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำ
แยงซีเกียงฝั่งซ้ำย ตั้งแต่มณฑลเสฉวนตลอดไปเกือบจรดทะเลตะวันออกเป็นที่อยู่ของคนไทยเดิมซึ่งสืบทอดเชื้อสำยมำจนทุกวันนี้
โดยคำว่ำ ต้ำมุง น่ำจะหมำยถึง พวกไทยเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมำก่อนจีนเสียอีก กำรเคลื่อนที่ของชนชำติไทยเริ่มต้นด้วยกำร
เคลื่อนย้ำยเป็นส่วนตัวโดยกำรแทรกซึม และกำรอพยพครั้งใหญ่ โดยดำเนินอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงเวลำเกือบหนึ่งพันปีที่ผ่ำนมำ
ปัจจุบันแนวคิดนี้ได้ถูกโต้แย้งจำกกำรสำรวจลักษณะทำงกำยภำพของมนุษย์ เช่น กำรสำรวจลักษณะทำงวัฒนธรรม เช่น
ขนบธรรมเนียม ลัทธิควำมเชื่อ ภำษำ และตรวจสอบเทียบกับหลักฐำนจีนอื่น ๆ พบว่ำแนวคิดนี้ไม่น่ำที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพำะ
ควำมเชื่อว่ำ ชนชำติไทย คือ พวกมุง หรือต้ำมุงนั้นยังไม่สำมำรถหำหลักฐำนทำงวัฒนธรรมมำรองรับควำมเชื่อนี้ได้
๒. กลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณเทือกเขำอัลไต
ผู้เป็นต้นคิดในเรื่องนี้ คือ วิลเลียม คลิฟตัน ด็อดด์ (William Clifton Dodd) ในงำนเขียนเกี่ยวกับคนไทยเรื่อง ชนชำติ
ไทย (The Tai Race : The Elder Brother of The Chinese) ด็อดด์อธิบำยว่ำ ชนชำติไทยมีจำนวนมำกและอยู่กระจัดกระจำย
ทั่วไปทำงตอนใต้ของทวีปเอเชีย และเป็นชำติเก่ำแก่กว่ำฮีบรูและจีน คนไทยถูกเรียกว่ำ อ้ำยลำวหรือต้ำมุงและเป็นเจ้ำของถิ่น
เดิมของจีนมำก่อนจีน ตั้งแต่ ๒,๒๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักรำช ฉะนั้นจึงถือเป็นพี่อ้ำยของจีน ต่อมำเคลื่อนที่เรื่อย ๆ จำกทำงเหนือเข้ำ
แดนจีน และค่อย ๆ อพยพครั้งใหญ่นับตั้งแต่คริสต์ศักรำชที่ ๖ ก่อนคริสต์ศักรำช คือ จำกตอนกลำงของจีนมำสู่จีนตอนใต้ จำก
ตอนใต้เข้ำสู่ประเทศไทย ควำมคิดเป็นของด็อดด์เป็นที่สนใจในวงวิชำกำรทั้งชำวไทยและชำวต่ำงประเทศจำกกำรที่ข้อมูลใน
กำรศึกษำนี้ใช้กำรเดินทำงสำรวจมำด้วยตนเอง ตั้งแต่ในบริเวณตอนใต้ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงมำจนถึงตอนเหนือของไทย แม้ว่ำ
ในส่วนที่เหนือจำกนั้นด็อดด์จะอำศัยควำมคล้ำยคลึงทำงภำษำเป็นเหตุผลสนับสนุน โดยอำศัยพื้นฐำนของแนวคิดจำกควำมเชื่อ
ที่ว่ำ แหล่งกำเนิดอำรยธรรมของโลกอยู่ในแถบเอเชียกลำงก่อนที่จะกระจำยออกไปยังทิศต่ำง ๆ ผสมกับทฤษฎีกำรอพยพที่เชื่อ
ว่ำมนุษย์จะอพยพจำกเหนือลงสู่ตอนใต้หรือจำกที่รำบสูงลงสู่ที่รำบลุ่ม และต่อมำถูกเพิ่มเติมจำกงำนของวูดด์
(W.A.R. Wood) ในงำนเขียนเรื่อง A History of Siam ตีพิมพ์เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๖๗ ได้ขยำยควำมและระบุไว้ว่ำถิ่นเดิมของ
คนไทยอยู่ในมองโกเลีย
งำนของทั้ง ๒ ท่ำนนี้นำมำสืบต่อโดย คือ ขุนวิจิตรมำตรำ (รองอำมำตย์โทสง่ำ กำญจนำคพันธ์) ในเรื่องหลักไทยซึ่งเป็น
หนังสือที่ได้รับพระรำชทำนรำงวัลพระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว กับประกำศนียบัตรวรรณคดีของรำชบัณฑิตยสภำใน
พุทธศักรำช ๒๔๗๑ โดยประเด็นสำคัญที่ หลักไทย ได้กล่ำวถึง คือ กำรระบุตำแหน่งของถิ่นเดิมของคนไทยว่ำ อยู่ในบริเวณ
เทือกเขำอัลไตว่ำเป็นแหล่งกำเนิดของชนชำติไทย ภำยหลังได้แยกมำตั้งภูมิลำเนำในระหว่ำงลุ่มแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีเกียง
เรียกว่ำอำณำจักรอ้ำยลำว มีนครลุง นครปำและนครเงี้ยว เป็นรำชธำนี เมื่อจีนอพยพมำจำกทะเลสำบคัสเปียนก็ได้พบไทยเป็น
ชำติยิ่งใหญ่แล้ว ในรำวปี พุทธศักรำช ๓๐๐ ก่อนพุทธศักรำช ไทยเริ่มถูกจีนรุกรำนจนต้องถอยร่นลงมำทำงใต้ จนประมำณ
พุทธศักรำช ๑๑๐๐ ได้ก่อตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำขึ้นที่ยูนนำน อำณำจักรน่ำนเจ้ำในสมัยพระเจ้ำพีล่อโก๊ะ สำมำรถขยำยอำณำ
เขตเข้ำมำถึงแคว้นสิบสองจุไท หลวงพระบำงและบริเวณภำคเหนือของไทย ได้ก่อตั้งอำณำจักรโยนกในบริเวณสุวรรณภูมิ ซึ่งเคย
เป็นถิ่นที่อยู่ของพวกละว้ำ กัมพูชำ และมอญมำก่อน ใน พุทธศักรำช ๑๓๐๐ พงศำวดำรจีนระบุว่ำอำณำจักรน่ำนเจ้ำได้แยกตนเอง
เป็นแคว้นต่ำง ๆ คือ โกสัมพี(แสนหวี) จุฬนี(ตังเกี๋ย) ไพศำลีหรือมณีปุระ(อัสสัม) และโยนกเชียงแสน จนพุทธศักรำช ๑๗๙๗
พระเจ้ำกุบไลข่ำนเข้ำโจมตีน่ำนเจ้ำแตก คนไทยที่น่ำนเจ้ำจึงอพยพลงมำสู่ประเทศไทยในปัจจุบัน
หนังสือหลักไทยถือได้ว่ำเป็นหนังสือที่ได้รับควำมสนใจจำกสำธำรณชนจำนวนมำก นับตั้งแต่ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๑-
๒๕๑๘ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งยังได้รับกำรบรรจุลงในตำรำเรียนประวัติศำสตร์ของกระทรวงศึกษำธิกำรนับตั้งแต่นั้นมำจนกระทั่งถึง
พุทธศักรำช๒๕๒๑ ทำให้แนวควำมคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยมำจำกเทือกเขำอัลไตกลำยเป็นแนวคิดแรกที่เผยแพร่อย่ำง
กว้ำงขวำงที่สุด ทั้งนี้อำจะเป็นเพรำะควำมดีเด่นของหนังสือเล่มนี้ และที่สำคัญแนวคิดเรื่องอัลไตไม่ได้คัดค้ำนแนวคิดเรื่อง
มณฑลเสฉวน แต่เป็นกำรอธิบำยให้เห็นควำมเป็นมำของชนชำติไทยในระยะก่อนหน้ำมำอยู่ที่มณฑลเสฉวน จำกปรำกฏกำรณ์
เช่นนี้ แนวคิดเรื่องคนไทยมำจำกเทือกเขำอัลไตจึงค่อยๆ ฝังลึกลงในควำมรู้เกี่ยวกับอดีตของคนไทยมำเป็นเวลำหลำยชั่วอำยุคน
และควำมคิดนี้ยังมีนักประวัติศำสตร์รุ่นต่อ ๆ มำนำไปอ้ำงอิงในงำนเขียนเกี่ยวกับเรื่องอดีตของคนไทยเสมอ เช่น พระองค์เจ้ำจุล
จักรพงษ์ ทรงนิพนธ์เรื่อง เจ้ำชีวิต ในปี พุทธศักรำช ๒๕๐๒
แม้ว่ำแนวคิดนี้ได้รับกำรยอมรับอย่ำงกว้ำงขวำงอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งควำมก้ำวหน้ำทำงโบรำณคดีสำมำรถยืนยันว่ำ
แหล่งอำรยธรรมของโลกไม่ได้มีจุดกำเนิดในบริเวณเอเชียกลำง และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ใน
บริเวณเทือกเขำอัลไตนั้นไม่ได้มีหลักฐำนใดมำยืนยันมำกไปกว่ำควำมคล้ำยคลึงด้ำนภำษำระหว่ำงคำว่ำ ไต กับ ไทย ข้อมูล
ของด็อดด์เองให้รำยละเอียดที่น่ำสนใจเฉพำะทำงตอนใต้ของจีนเท่ำนั้น หลังจำกกำรสำรวจทำงโบรำณคดีในบริเวณเทือกเขำอัล
ไตไม่พบร่องรอยของคนไทยและเทือกเขำอัลไตยังเป็นเขตแห้งแล้งทุรกันดำร ไม่เหมำะสำหรับกำรอยู่อำศัย
๓. กลุ่มที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือของ
ภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย
ในขณะที่ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณมณฑลเสฉวนและถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณ
เทือกเขำอัลไต เริ่มคลำยควำมน่ำเชื่อถือลง แต่ทฤษฎีที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้
ของจีนและทำงตอนเหนือของภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดียยังคงเป็นที่ยอมรับกันอยู่ใน
ปัจจุบัน ข้อสันนิษฐำนนี้เริ่มต้นจำกรำยงำนผลกำรสำรวจดินแดนตั้งแต่ทำงภำคใต้ของจีน จำกกวำงตุ้งไปยังเมืองมัณฑเลย์ใน
พม่ำของ อำร์ชิบัล คอลูน (Archibal R. Colquhoun) นักสำรวจชำวอังกฤษในหนังสือชื่อ Across Chryse ซึ่งตีพิมพ์ที่อังกฤษ
เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ เล่ำเรื่องกำรเดินทำงสำรวจดินแดนดังกล่ำวโดยอธิบำยว่ำได้พบคนเชื้อชำติไทยในบริเวณแถบนี้โดยตลอด
นำไปสู่ควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยน่ำจะอยู่ทำงตอนใต้ของจีน อย่ำงไรก็ตำมข้อสันนิษฐำนนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ำ
แปลกประหลำดนักเพรำะแม้แต่ในปัจจุบันร่องรอยของวัฒนธรรมไทยยังคงพบทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือ
ของภำคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย นักเดินทำงที่มีโอกำสได้ผ่ำนเขำไปยังคงสัมผัส
ร่องรอยเหล่ำนี้ได้เสมอ และที่จริงแล้วกำรเดินทำงของดอดด์ซึ่งนำมำสู่ข้อสรุปว่ำประเทศจีนในปัจจุบันเคยเป็นถิ่นฐำนของชน
ชำติไทยมำก่อนนั้น ดอดด์มีโอกำสเดินทำงไปเฉพำะในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนเท่ำนั้น จึงไม่น่ำแปลกที่งำนค้นคว้ำเกี่ยวกับถิ่น
กำเนิดของชนชำติไทยในช่วงเวลำต่อมำ เช่น งำนของ อี เอช ปำร์เกอร์(E.H. Parker) ยอมรับเพียงว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย
อยู่ทำงตอนใต้ของจีน ปำร์เกอร์นอกจำกเป็นผู้เชี่ยวชำญภำษำจีนแล้วยังทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำให้กับนักวิจัยชั้นนำในสมัยนั้น
หลำยท่ำน เคยเป็นกงสุลอังกฤษประจำเกำะไหหลำซึ่งทำให้เขำเป็นเจ้ำหน้ำที่ที่ต้องเดินทำงอย่ำงกว้ำงขวำงในตอนใต้ของจีน จึง
ไม่น่ำแปลกที่งำนปำร์เกอร์ ในปี พุทธศักรำช๒๔๓๕ เรื่อง The Old Tai or Shan Empire of Western Yunnan จะเป็น
งำนค้นคว้ำเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยชิ้นแรกที่นำกำรวิเครำะห์ในเชิงประวัติศำสตร์มำใช้อย่ำงจริงจัง (วินัย พงศรีเพียร
๒๕๓๗ : ๗-๘) แม้ว่ำควำมสนใจของปำร์เกอร์ที่เน้นเรื่องรำวของอำณำจักรน่ำนเจ้ำโดยอำศัยตำนำนของจีนฉบับยำงชำน (Yang
Shen) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ พุทธศักรำช ๒๐๙๓ นำไปสู่ข้อสรุปว่ำ อำณำจักรน่ำนเจ้ำเป็นอำณำจักรของคนไทย และคนไทยที่
น่ำนเจ้ำก็คือพวกที่ถูกจีนกดดันให้ถอยร่นลงไปทำงใต้ เป็นผลให้ข้อเขียนของปำร์เกอร์นี้กลำยเป็นงำนชิ้นแรกที่โน้มน้ำวจูงใจให้
นักโบรำณคดีไทยและตะวันตกเชื่อว่ำ ชนชำติไทยตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำในมณฑลยูนนำนเมื่อกลำงพุทธศตวรรษที่ ๑๓
อย่ำงไรก็ตำมควำมเห็นที่คัดค้ำนทัศนะของปำร์เกอร์เกี่ยวกับน่ำนเจ้ำจำก ปอล เปลลิโอ(Paul Pelliot) ได้ให้ข้อสังเกต
ไว้ในบทควำมเรื่อง เส้นทำงสองสำยจำกจีนสู่อินเดีย ( Deux itineraires de Chine en Inde ) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๔๗ โดย
นำหลักฐำนจำกธรรมเนียมกำรตั้งชื่อกษัตริย์น่ำนเจ้ำ คือ พีล่อโก๊ะ มีโอรสชื่อ โก๊ะล่อฝง โก๊ะล่อฝงมีโอรสชื่อ ฝงกำอี้นั้นเป็นกำรเอำ
ชื่อบิดำไปตั้งชื่อบุตร ธรรมเนียมเช่นนี้มิใช่ของไทยแต่เป็นของพวกทิเบต-พม่ำโดยเฉพำะ ทำให้นักวิชำกำรไทยและต่ำงประเทศ
ในช่วงต่อมำหำทำงออกให้กับทฤษฎีน่ำนเจ้ำ ดังพบในงำนของ จิตร ภูมิศักดิ์ ชัย เรืองศิลป์ วิลเลียม เก็ดนีย์ (William Gedney)
และพอล เบเบดิคท์ (Paul Benedict) เป็นต้น โดยหลังปี พุทธศักรำช ๒๕๐๐ งำนของนักภำษำศำสตร์ที่ปฏิเสธควำมเชื่อเรื่อง
น่ำนเจ้ำและมุ่งศึกษำถึงคนไทยผ่ำนจุดกำเนิดของตระกูลภำษำ เริ่มหำหลักฐำนมำอธิบำยควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย
อยู่ทำงตอนใต้ของจีน เริ่มจำกวิลเลียม เก็ดนีย์นักภำษำศำสตร์ชำวอเมริกันที่ได้ศึกษำภำษำถิ่นไทยในเวียดนำมตอนเหนือ ลำว
และจีนตอนใต้ เขำเสนอควำมเห็นโดยอำศัยทฤษฎีทำงภำษำศำสตร์ ว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ทำงตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
ซึ่งอำจจะอยู่ระหว่ำงมณฑลกวำงสีของจีนกับเดียนเบียนฟูของเวียดนำม เก็ดนีย์ สรุปควำมเห็นไว้ในงำนเขียนเรื่อง Review of
J.Marvin Brown,Form Ancient to Modern Thai Dialects ในปี พุทธศักรำช ๒๕๐๘ โดยอำศัยทฤษฎีทำงภำษำศำสตร์ที่ว่ำ
แหล่งกำเนิดของภำษำจะมีภำษำถิ่นเกิดขึ้นหลำกหลำย
ควำมคิดของเก็ดนีย์ ได้รับควำมสนใจอย่ำงมำกในหมู่นักวิชำกำรต่ำงประเทศและไทย ทำให้เกิดกำรนำหลักฐำนทำง
ภำษำศำสตร์เข้ำมำทำกำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยมำกขึ้น อำทิ เจมส์ ริชำร์ด แชมเบอร์เลน (James Richard
Chamberlain) ได้ศึกษำวิวัฒนำกำรของภำษำไทยกลุ่มต่ำง ๆ และสรุปว่ำ ถิ่นกำเนิดของภำษำไทยอยู่ที่แคว้นกวำงสีเมื่อประมำณ
๒๕๐ ปีก่อนคริสตกำล ต่อมำแยกเป็น ๒ สำขำ สำขำใหญ่สำขำหนึ่งอยู่ตรงชำยแดนเวียดนำมตอนเหนือและจีนตอนใต้ ในรำว
คริสต์ศตวรรษที่ ๘ จำกแรงผลักดันทำงกำรเมืองในเวียดนำมทำให้คนไทยอพยพเป็น ๒ ทำง คือ สำยทำงลื้อ ทำให้เกิดภำษำลื้อ
ไทยขัมตี ไทยอำหม และไทยยวน ส่วนสำยทำงสิบสองจุไทยเป็นแม่บทภำษำลำว หลวงพระบำงและหัวพันห้ำทั้งหก ซึ่งจะเป็น
ที่มำของภำษำสุโขทัยในเวลำต่อมำ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของข้อสมมุติฐำนของแซมเบอร์เลนคือกำรปฏิเสธควำมเชื่อเรื่องเส้นทำง
อพยพจำกน่ำนเจ้ำโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่งำนพอล เบเนดิคท์ (Paul Benedict) นักภำษำศำสตร์และนักมำนุษยวิทยำชำวอเมริกัน ซึ่งทำกำรค้นคว้ำ
เรื่องรำวเกี่ยวกับเผ่ำไทยโดยอำศัยหลักฐำนทำงภำษำศำสตร์ เสนอควำมเห็นไว้ในบทควำมเรื่อง Thai Kadai and Indonesian
สันนิษฐำนว่ำคนที่อยู่แถบแหลมอินโดจีนมำจำกบรรพบุรุษเดียวกัน และยอมรับว่ำภำษำไทย (Thai) เป็นภำษำที่ใหญ่ภำษำหนึ่งใน
บรรดำภำษำของชนชำติทำงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในตระกูลออสตริคหรือออสโตรนีเชียนและสำมำรถแยกสำขำได้เป็นพวก
ไทย ชวำ มลำยู ทิเบต พม่ำ สมมุติฐำนใหม่ของเบเนดิคท์นี้จะลบล้ำงควำมเชื่อที่ว่ำ คนเผ่ำไทยเป็นชนชำติตระกูลมองโกล แต่
กลับเป็นชนชำติตระกูลเดียวกับชวำมลำยู ส่วนในเรื่องถิ่นเดิมของคนไทย เบเนดิคท์ให้ทัศนะว่ำน่ำจะอยู่ในทำงตอนใต้ของจีน
และเมื่อพวกมอญกัมพูชำอพยพมำจำกอินเดียเข้ำสู่แหลมอินโดจีน ในรำวประมำณ ๔,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปีมำแล้วได้ผลักดันให้คน
ไทยกระจัดกระจำยไปหลำยทำงรวมทั้งขึ้นไปทำงใต้ของจีนปัจจุบัน ต่อมำถูกจีนผลักดันจึงถอยร่นลงใต้ไปอยู่ในเขตอัสสัม ฉำน
ลำว ไทย และตังเกี๋ย จึงมีกลุ่มชนที่พูดภำษำไทยกระจัดกระจำยทั่วไปในดินแดนแถบนี้
ส่วนงำนของจิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งค้นคว้ำเรื่องที่มำของไทยโดยใช้วิธีกำรทำงนิรุกติศำสตร์วิเครำะห์ตำนำนพงศำวดำรท้องถิ่น
ทำงเหนือของไทยและตรวจสอบกับจำรึกของประเทศข้ำงเคียงจำกเรื่อง ควำมเป็นมำของคำสยำม ไทย ลำว และขอม และลักษณะ
ทำงสังคมของชื่อชนชำติ โดยให้ข้อสังเกตถิ่นที่อยู่ของคนไทยว่ำอำศัยอยู่กระจัดกระจำยในบริเวณภำคเหนือของไทย ลำว พม่ำ
และรัฐอัสสัมของอินเดีย จิตรยังให้ควำมเห็นว่ำน่ำจะอยู่มำนำนถึง ๒,๕๐๐ ปีแล้วพร้อมทั้งแสดงควำมไม่เชื่อว่ำชนชำติไทยอพยพ
มำจำกจีน
ในขณะที่นักภำษำศำสตร์กำลังค้นหำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยนั้น กำรแสวงหำหลักฐำนด้ำนอื่นเพื่อมำอธิบำยถิ่น
กำเนิดของชนชำติไทย เช่นงำนของศำสตรำจำรย์ขจร สุขพำนิช เรื่องถิ่นกำเนิดในประวัติศำสตร์ของชนชำติไทย โดยอำศัย
หลักฐำนจำกภูมิภำคนี้ เช่น พงศำวดำรล้ำนช้ำง ร่วมกับหลักฐำนอื่น ๆ อำทิข้อมูลจำกกำรศึกษำของอีเบอร์ฮำด ด็อดด์และ
หนังสือ ฉิจิ ของสุมำเชียน ทำให้ศำสตรำจำรย์ขจรสรุปถึงอดีตของคนไทยว่ำมีถิ่นกำเนิดอยู่ตอนใต้ของจีนในเขตมณฑลกวำงตุ้ง
และกวำงสี ครั้นเมื่อ ปี ๑๐๒๘ ก่อนคริสต์ศักรำช รำชวงศ์สำง(หรือรำชวงศ์ชำงหรือซัง) ซึ่งเป็นมิตรกับเผ่ำไทยหมดอำนำจทำง
กำรเมืองทำให้เกิดกำรอพยพมำทำงตะวันตกตั้งแต่มณฑลเสฉวนจนเข้ำเขตยูนนำน เมืองตำหอ และเข้ำสู่ทำงใต้ ผ่ำนเขตสิบสอง
จุไทย ลงมำในเขตประเทศลำว เกิดแคว้นของคนไทยที่กลำยมำเป็นรัฐหัวหำดของคนไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อตูลำนซึ่ง
จีนมำเปลี่ยนเรียกฉำงโกะในรำชวงศ์ฮั่น ซึ่งเมืองนี้ก็คืออำณำจักรล้ำนช้ำง
งำนของ วิลเลียม เคร็ดเนอร์ (William Credner) ซึ่งค้นคว้ำเกี่ยวกับยูนนำนโดยสำรวจภูมิประเทศและเผ่ำพันธุ์ที่
ตกค้ำงอยู่ในยูนนำนได้สรุปไว้ว่ำ แถบทะเลสำบตำลีในยูนนำนจะมีคนไทยอยู่เฉพำะใต้ทะเลสำบตำลีลงมำ ในด้ำนภูมิประเทศ
แถบยูนนำนเป็นที่รำบสูงและมีภูเขำสูงจึงไม่น่ำเป็นไปได้ว่ำ คนไทยจะอพยพไปที่ยูนนำน เพรำะคนไทยเป็นหมู่ชนที่ปลูกข้ำวเป็น
อำหำร ชอบดินแดนทำงแถบร้อน ไม่ชอบที่เนินเขำ ฉะนั้นถิ่นเดิมของชนเผ่ำไทยควรจะมีที่อำศัยในที่ต่ำใกล้ทะเล เช่น มณฑลกวำง
สีและมณฑลกวำงตุ้ง งำนของ วูลแฟรม อีเบอร์ฮำด (Wilfram Eberhard) ได้ให้ควำมเห็นเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยไว้ในงำน
เขียนชื่อ A History of Chian ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๙๓ อธิบำยว่ำเผ่ำไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในบริเวณมณฑลกวำงตุ้ง
ก่อนยุคโจว (จีน) จะมีอำนำจ เมื่อมีกำรขับเคี่ยวกันระหว่ำงรำชวงศ์ฮั่นกับศัตรูทำงด้ำนเหนือ ชนเผ่ำไทยจึงอพยพเข้ำสู่ยูนนำน
และดินแดนในอ่ำวตังเกี๋ย กำรอพยพของเผ่ำไทยมำทำงทิศตะวันตกจนมำสร้ำงอำณำจักรเทียนหรือแถน (Tien) ที่ยูนนำนซึ่ง
ตรงกับสมัยรำชวงศ์ฮั่นของจีน
แต่กลุ่มนักวิชำกำรที่ยังคงทำกำรศึกษำโดยเชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยอยู่ทำงตอนใต้ของจีนที่มีพลังมำกที่สุดใน
ปัจจุบันเป็นนักวิชำกำรของจีนเอง เช่น ศำสตรำจำรย์หวง ฮุ่ย คุน (Huang Hui Kun) เรื่อง กำรค้นคว้ำเกี่ยวกับอำณำจักร
สยำม-ไต โบรำณ
(A Research on Ancient Siam-Dai Kingdoms) โดยพยำยำมหำเอกสำรต้นฉบับ เช่น ประวัติเมืองโกสัมพี ที่เป็นต้นฉบับ
ลำยมือเขียนของคนตระกูลหั่น ที่ดำรงตำแหน่งทูซือ (ทูซือ คือ บรรดำศักดิ์สูงสุดที่สืบทอดได้ของเจ้ำผู้ครองชนส่วนน้อย ที่ได้รับ
กำรแต่งตั้งจำกรำชสำนักจีน) ศำสตรำจำรย์เจียงอิ้งเหลียง มำยืนยันสมมุติฐำนนี้ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยได้อำศัยอยู่ทำงตอนใต้
ของประเทศจีนมำตั้งแต่โบรำณ
กลุ่มนักวิชำกำรที่เชื่อในทฤษฎีคนไทยอพยพมำจำกที่อื่นนี้ แม้จะยังคงเหลือกลุ่มที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่
กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือของภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัม
ของอินเดียเท่ำนั้นที่ยังคงมีกำรศึกษำและได้รับกำรยอมรับทำงวิชำกำรอยู่ แต่ประเด็นที่น่ำสนใจที่สุดในปัจจุบันก็คือกลุ่ม
นักวิชำกำรที่เชื่อมั่นในแนวคิดนี้มักเป็นนักวิชำกำรต่ำงประเทศ ในขณะที่นักวิชำกำรไทยปัจจุบันเชื่อถือในทฤษฎีที่ว่ำคนไทยมีถิ่น
ฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว หรืออย่ำงน้อยที่สุดประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย
ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว
แนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ได้รับกำรค้นคว้ำจำกบรรดำนักวิชำกำร และแพร่หลำยไม่นำนมำนี้ เริ่มต้นจำกข้อมูล
ทำงด้ำนโบรำณคดีหลังจำกกำรสำรวจแหล่งโบรำณคดีก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทยและได้พบโครงกระดูกมนุษย์ก่อน
ประวัติศำสตร์ในทุกภูมิภำค ทำให้เกิดทัศนะว่ำกลุ่มคนไทยมำตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทยมำตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ปีที่แล้ว งำน
ชิ้นแรกในกลุ่มนี้มำจำกแนวคิดของ ควอริช เวลส์ (Quaritch Wales) ซึ่งให้ทัศนะว่ำกลุ่มคนไทยมำตั้งหลักแหล่งอยู่แล้วตำมลุ่ม
แม่น้ำแม่กลองและบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้ำพระยำ จำกกำรขุดค้นพบกะโหลกศีรษะที่พงตึก จังหวัดรำชบุรี เวลส์แสดงควำมคิดเห็นนี้
ในงำนเขียนของเขำเมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๗๙ แม้ว่ำต่อมำเขำก็เปลี่ยนควำมคิดนี้ แต่แนวคิดนี้ยังคงพัฒนำต่อไปภำยใต้ควำม
เชื่อที่ว่ำ “…บรรพชนของเรำเคยอำศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มำแต่ดั้งเดิม ได้สร้ำงและปกปักรักษำประเทศเขตแคว้นมำให้เรำได้อยู่
อำศัยจนทุกวันนี้นี่ควรจะเป็นสิ่งที่น่ำภำคภูมิใจที่สุดแล้ว…”
แต่นักวิชำกำรที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้คือ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สุด แสงวิเชียร ซึ่งขณะนั้นเป็นแพทย์ประจำแผนกกำย
วิภำคศำสตร์ คณะแพทยศำสตร์ศิริรำชพยำบำล ได้ให้ควำมเห็นว่ำดินแดนประเทศไทยปัจจุบันเป็นที่อยู่อำศัยของหมู่ชนที่เป็น
บรรพบุรุษของคนไทยปัจจุบันมำตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศำสตร์ ข้อสันนิษฐำนของท่ำนอำศัยกำรศึกษำเปรียบเทียบโครงกระดูก
มนุษย์สมัยหินใหม่ซึ่งคณะสำรวจไทยเดนมำร์ก ได้ร่วมกันขุดค้นได้ในบริเวณสองฝั่งแควน้อยและแควใหญ่ จังหวัดกำญจนบุรี และ
ที่จังหวัดรำชบุรี ในระหว่ำง พุทธศักรำช ๒๕๐๓ - ๒๕๐๕ จำกกำรศึกษำสรุปว่ำโครงกระดูกของคนสมัยหินใหม่มีลักษณะไม่
แตกต่ำงมำกนักจำกคนไทยปัจจุบัน ดังนั้นเจ้ำของโครงกระดูกเหล่ำนี้จึงควรเป็นบรรพบุรุษของคนไทยปัจจุบันและได้อำศัยอยู่
ในประเทศไทยมำก่อนช่วงเวลำที่เชื่อว่ำเกิดกำรอพยพมำสู่ดินแดนประเทศไทย นอกจำกนี้ศำสตรำจำรย์ชิน อยู่ดี ตั้งข้อสังเกต
ใน เรื่อง สมัยก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทย ว่ำคนไทยได้อำศัยอยู่ในดินแดนประเทศไทยมำนำนแล้ว อย่ำงน้อยตั้งแต่ ๒,๐๐๐
ปีที่แล้ว จำกหลักฐำนทำงโบรำณคดีพบว่ำ ในบริเวณเนื้อที่ประเทศไทยปัจจุบันมีร่องรอยผู้คนอำศัยอยู่ตั้งแต่สมัยหินเก่ำ คือ
ระหว่ำง ๕๐๐,๐๐๐ ปีถึง ๑๐,๐๐๐ ปีมำแล้ว เรื่อยมำจนกระทั่งสมัยหินกลำง หินใหม่ ยุคโลหะและเข้ำสู่ยุคประวัติศำสตร์ ในยุค
ดังกล่ำวเหล่ำนี้ยังเห็นถึงควำมสืบเนื่องทำงวัฒนธรรมที่มีมำจนถึงปัจจุบันด้วย
ไม่เพียงเฉพำะหลักฐำนทำงโบรำณคดีเท่ำนั้นที่ทำให้ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้วอุบัติขึ้น
ควำมทระนงตนทำงวิชำกำรที่จะทำลำยเพดำนควำมคิดเดิมที่ว่ำคนไทยต้องอพยพมำจำกที่อื่นมีส่วนในกำรกระตุ้นให้ควำมสนใจต่อ
ทฤษฎีใหม่นี้อย่ำงยิ่ง กำรค้นคว้ำของนักวิชำกำรหลังปี พุทธศักรำช ๒๕๑๖ ช่วยบุกเบิกควำมเข้ำเรื่องคนและชนชำติ “ไทย”
ใหม่เพื่อ “…ทำให้มองเห็นแนวทำงกำรศึกษำประวัติศำสตร์ยุคต้นของสยำมประเทศชัดเจนกว่ำเดิม ในควำมชัดเจนนั้นหมำยถึง
ภำพพจน์ใหม่ มิติใหม่เกี่ยวกับประวัติศำสตร์ไทยที่ชัดเจนกว่ำภำพอันพร่ำมัวของกำรอพยพโยกย้ำยของชนชำติไตจำกแผ่นดินจีน
ลงใต้ มิติใหม่แงกำรมองนี้นอกจำกจะทำให้กำรศึกษำประวัติศำสตร์ไทยมีควำมเป็นตัวของตัวเองแล้ว ยังเป็นรูปแบบหนึ่งแห่ง
กำรพัฒนำกำรทำงประวัติศำสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้น ซึ่งก่อนหน้ำนี้ไม่สำมำรถทำควำมเข้ำใจได้อย่ำงสมบูรณ์ อัน
เนื่องมำจำกกำรขำดบันทึกที่เป็นลำยลักษณ์อักษรเกี่ยวกับภูมิภำคนี้และขำดระบบวิธีกำรศึกษำที่แน่นอน…” กำรสัมมนำทำง
วิชำกำรที่เกี่ยวเนื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจัดขึ้นอย่ำงค่อนข้ำงต่อเนื่อง มีส่วนอย่ำงยิ่งทำให้ประเด็นประวัติศำสตร์เรื่องถิ่นกำเนิด
ของคนไทยไม่ขำดหำยไปเช่นประเด็นประวัติศำสตร์หลำย ๆ เรื่อง รวมไปถึงควำมสนใจอย่ำงจริงจังของสื่อมวลชน เช่น กลุ่ม
สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ที่ได้จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือที่เกี่ยวเนื่องกับถิ่นกำเนิดของคนไทย อำทิ คนไทยไม่ได้มำจำกไหน (สุ
จิตต์ วงษ์เทศ. คนไทยไม่ได้มำจำกไหน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เจ้ำพระยำ ,๒๕๒๗) หนังสือถิ่นกำเนิดของคนไทย
(กำญจนี ละอองศรี. ถิ่นกำเนิดของคนไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๒๘) คนไทยอยู่ที่นี่ (สุจิตต์ วงษ์เทศ.
คนไทยอยู่ที่นี่. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๒๙) คนไทยอยู่ที่ไหนบ้ำง (สุจิตต์ วงษ์เทศ. คนไทยอยู่ที่ไหนบ้ำง.
กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๓๐) กว่ำจะเป็นคนไทย (ธิดำ สำระยำ. กว่ำจะเป็นคนไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์
ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๓๑) ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยำม (สุจิตต์ วงษ์เทศและศรีศักร วัลลิโภดม.ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยำม.
กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน ,๒๕๓๔) เป็นต้น
ข้อเสนอของกลุ่มนักวิชำกำรทำงกำรแพทย์ ที่มีงำนวิจัยของนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ กับนำยแพทย์ประเวศ วะ
สี และคณะนักวิจัยมหำวิทยำลัยขอนแก่น ซึ่งเน้นกำรศึกษำทำงด้ำนพันธุศำสตร์ (genetics) โดยนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สม
บุญ ศึกษำวิจัยเกี่ยวกับควำมถี่ของยีน (gene frequency) และหมู่เลือด รำยงำนผลกำรวิจัยพบว่ำ คนไทยและคนอินโดนีเซีย
(รวมทั้งคนมำเลย์บำงเผ่ำ) น่ำจะมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหรือในอินโดจีน หรือในบริเวณ
หมู่เกำะต่ำง ๆ ในอินโดนีเซียก่อนที่จะแพร่กระจำยไปทำงใต้และทำงตะวันตกของอินโดจีน เข้ำสู่ประเทศไทยและขึ้นไปยังตอนใต้
ของจีน ดังนั้นถิ่นกำเนิดของคนไทยอำจอยู่บริเวณภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหรือในอินโดจีน หรือในบริเวณ
คำบสมุทรมลำยู และหมู่เกำะต่ำง ๆ ในอินโดนีเซีย และค่อย ๆ แพร่กระจำยไปทำงใต้และทำงตะวันตกของอินโดจีน และตอนใต้
ของจีน แม้ว่ำผลกำรวิจัยนี้จะไม่ได้สรุปลงไปว่ำ ประเทศไทยคือถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย แต่ไม่ปฏิเสธว่ำประเทศไทยไม่ได้มี
โอกำสเป็นส่วนหนึ่งในฐำนะถิ่นกำเนิดของคนไทยมำตั้งแต่อดีตเช่นกัน ยิ่งกว่ำนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดคือผลกำรเปรียบเทียบ
ควำมถี่ของยีนของคนไทยที่ไม่มีประวัติผสมกับคนต่ำงด้ำวกับคนจีนในประเทศจีน ยังยืนยันว่ำคนไทยไม่ได้สืบเชื้อสำยมำจำกคน
จีน เช่นเดียวกับผลกำรวิจัยของนำยแพทย์ประเวศ วะสี และคณะนักวิจัย มหำวิทยำลัยขอนแก่นที่ศึกษำเกี่ยวกับฮีโมโกลบินอี
(Haemoglobin E ) และให้ข้อสรุปว่ำคนไทยมีฮีโมโกลบิน อี สูงโดยเฉพำะทำงภำคอีสำน ในขณะที่คนจีนเกือบไม่มีฮีโมโกลบิน อี
เลย ดังนั้นคนทั้งสองเชื้อชำตินี้อำจะไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเลยก็ได้ งำนวิจัยสองเรื่องนี้จึงมีส่วนสำคัญในกำรสนับสนุนว่ำ คน
ไทยไม่น่ำที่จะเคยอยู่ในจีนมำก่อน
ดังนั้นกำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยให้ช่วงทศวรรษที่ผ่ำนมำนี้ มักจะไม่ได้สรุปลงไปว่ำ ประเทศไทย คือ ถิ่น
กำเนิดของชนชำติไทย เท่ำ ๆ กับที่มักจะไม่ปฏิเสธว่ำประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในฐำนะเป็นถิ่นที่อยู่ของคนไทยมำตั้งแต่อดีต
เช่นกัน ยิ่งกว่ำนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ควำมพยำยำมที่จะทำควำมเข้ำใจควำมเป็นชนชำติในบริบททำงประวัติศำสตร์ โดย
พิจำรณำผ่ำน “ควำมเคลื่อนไหว” ของชนเผ่ำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกระดับทั้งภำยในชนเผ่ำนั้น ๆ เองและปัจจัยจำกภำยนอก
กำรเติบโตและกำรขยำยตัวของชนเผ่ำขึ้นเป็นชนชำติที่สืบเนื่องมำจำกกำรขยำยตัวของกำรค้ำข้ำมภูมิภำคทำงบกช่วยกระตุ้นให้เกิด
กำรเปิดเส้นทำงติดต่อระหว่ำงชนเผ่ำและระหว่ำงภูมิภำค ซึ่งส่งผลให้เกิดกำรรวมตัวและปรับตัวทำงสังคมเศรษฐกิจ และกำรรับ
วัฒนธรรมจำกภำยนอก กลุ่มที่มีศักยภำพกำรเคลื่อนไหวสูงก็จะสำมำรถรวมตัวขึ้นเป็นรัฐที่มีอำนำจทำงกำรเมืองเข้มแข็งกว่ำชน
เผ่ำอื่น เพื่อนำไปสู่ควำมเข้ำใจพัฒนำกำรของชนชำติไทยที่เคลื่อนไหว มิได้เป็นภำพนิ่งซึ่งไม่เคยเป็นธรรมชำติที่แท้จริงของชนชำติ
ใด
กำรตีควำมแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย
จำกแนวคิดที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ที่เทือกเขำอัลไต และอพยพมำอยู่ที่มณฑลเสฉวนของประเทศจีน ต่อมำ
จึงอพยพมำตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำในบริเวณภำคใต้ของจีนจำกนั้นจึงอพยพเข้ำมำสู่ประเทศไทย โดยที่ในประเทศไทยขณะนั้นเป็น
ที่อยู่ของพวกมอญ กัมพูชำ ควำมเชื่อนี้อำศัยหลักฐำนหลำยอย่ำงประกอบกันในกำรตีควำม อำทิ หลักฐำนประเภทเอกสำร
หลักฐำนทำงด้ำนภำษำ และหลักฐำนจำกควำมคล้ำยคลึงกันทำงวัฒนธรรม
จำกหลักฐำนประเภทเอกสำรที่เริ่มต้นด้วยจดหมำยเหตุของจีน เช่น กำรลงควำมเห็นว่ำคนไทยอยู่ที่มณฑลเสฉวน
เพรำะอำศัยกำรตีควำมจำกพงศำวดำรตอนต้นของจีน ซึ่งระบุว่ำตอนกลำงของประเทศจีนปัจจุบันเป็นที่อยู่ของชนชำติหนึ่งซึ่งไม่ใช่
จีน จีนเรียกว่ำ ต้ำมุง คำว่ำ ต้ำมุงถูกแปลควำมหมำยว่ำคือ มุงใหญ่ หรือ เมืองใหญ่ และมีเสียงใกล้เคียงกับคำว่ำไทเมือง
กำรนำข้อมูลเช่นนี้มำผสมผสำนให้ฟ้องเสียงยังถูกนำมำใช้ในกรณีข้อสันนิษฐำนเรื่องเขำอัลไต โดยควำมเชื่อที่ว่ำ คนไทยเคยอยู่
เทือกเขำอัลไตมำก่อน เพรำะสันนิษฐำนตำมคำพ้องเสียงที่ว่ำ ไต พ้องกับคำว่ำ ไทย หลักฐำนต่ำง ๆ ข้ำงต้นนี้ได้ถูกนำมำ
ตีควำมเพื่อหำข้อสรุปทำงประวัติศำสตร์ด้วยแนวคิดแบบชำตินิยม (racism) ซึ่งเป็นทัศนะที่เชื่อว่ำชำติของตนนั้นยิ่งใหญ่กว่ำเชื้อ
ชำติอื่น จำกแนวคิดนี้จึงเกิดข้อสรุปว่ำ เชื้อชำติไทยเป็นเชื้อชำติที่ยิ่งใหญ่จึงสมควรที่จะมีประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำที่ยำวนำน
และเต็มไปด้วยควำมเจริญรุ่งเรือง แม้ว่ำในข้อเท็จจริงจะไม่มีเชื้อชำติใดในโลกที่เป็นเชื้อชำติบริสุทธิ์ หำกแต่มีกำรผสมผสำน
กลืนกับเชื้อชำติอื่นอยู่เสมอ อำจด้วยวิธีกำรแต่งงำน หรือด้วยวิธีกำรอพยพแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อแสวงหำที่ทำกินใหม่ และ
กำรตีควำมหลักฐำนทำงภำษำเพื่อศึกษำหำเชื้อชำติก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหำควำมผิดพลำดได้ ทั้งนี้เพรำะหลักฐำนทำงภำษำ
และตัวอักษรเป็นวัฒนธรรมอย่ำงหนึ่งของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ถ่ำยทอดแลกเปลี่ยนและมีพัฒนำกำรในตัวของตัวเองได้ตลอดเวลำ
ส่วนแนวคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยตำมควำมเชื่อใหม่ คือ แนวคิดที่ว่ำคนไทยในดินแดนประเทศไทยเป็นคนใน
ตระกูลภำษำไต-ไท และคนในตระกูลภำษำนี้อยู่กระจัดกระจำย นับตั้งแต่ตอนใต้ของจีน ทำงเหนือของเวียดนำม ลำว ไทย พม่ำ
และบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดียร่วมกับหลักฐำนทำงด้ำนโบรำณคดี พบร่องรอยของกำรตั้งชุมชนของมนุษย์ในดินแดนประเทศไทย
ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศำสตร์หรือประมำณ ๙,๕๐๐ ปีก่อนพุทธศตวรรษ ทำให้พบว่ำบรรดำชุมชนที่ตั้งถิ่นฐำนอยู่ในดินแดน
ประเทศไทย ได้มีพัฒนำกำรของตนเองเติบโตขึ้นเป็นบ้ำนเมือง ตั้งอยู่กระจัดกระจำยทั่ว ๆ ไปตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ ในระยะก่อน
พุทธศตวรรษที่ ๑๒ บ้ำนเมืองเหล่ำนี้มีกำรติดต่อสัมพันธ์กันและมีกำรติดต่อสัมพันธ์กับชุมชนภำยนอกโดยทำงกำรค้ำ ทำง
วัฒนธรรม และทำงกำรแต่งงำน กลุ่มเมืองเหล่ำนั้นรวมตัวกันโดยควำมสัมพันธ์ทำงเครือญำติ ทำงกำรค้ำ และกำรติดต่อทำง
วัฒนธรรม เติบโตจนกลำยเป็นแคว้น ซึ่งสำมำรถติดต่อกับดินแดนอื่น ๆ ทำงทะเลได้มีกำรติดต่อทำงกำรค้ำและทำงวัฒนธรรมกับ
ชำวต่ำงชำติ เช่น อินเดีย จีน ลังกำ มอญ กัมพูชำ เป็นต้น ส่วนแคว้นที่อยู่ตอนในแผ่นดินก็สำมำรถติดต่อทำงกำรค้ำและทำง
วัฒนธรรมกับแคว้นเพื่อนบ้ำนใกล้เคียง เช่น ลำว กัมพูชำ พม่ำ มอญ ลังกำ และจีนตอนใต้ เป็นต้น
จนกระทั่งต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ กลุ่มเมืองที่รวมตัวอยู่ในแคว้นสำคัญที่อยู่เรียงรำยตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ เช่น แคว้น
ล้ำนนำ แคว้นศรีสัชนำลัยสุโขทัย แคว้นละโว้ แคว้นอโยธยำ แคว้นสุพรรณภูมิ แคว้นนครศรีธรรมรำช เป็นต้น ค่อย ๆ รวมตัว
กัน เกิดกำรยอมรับอำนำจของผู้นำเมืองใดเมืองหนึ่งภำยในแคว้น อำจเนื่องด้วยกำรทำสงครำม หรือกำรเกี่ยวดองทำงเครือ
ญำติ ด้วยเหตุนี้ เมืองนั้นจึงกลำยเป็นเมืองศูนย์กลำงอำนำจขึ้นมำ บรรดำกลุ่มเมืองในระยะนี้จึงพัฒนำเข้ำสู่ระยะกำรรวมกับเป็น
อำณำจักร เช่น อำณำจักรสุโขทัย อำณำจักรล้ำนนำ อำณำจักรล้ำนช้ำง อำณำจักรนครศรีธรรมรำช และอำณำจักรอยุธยำ
ตำมลำดับ ในปัจจุบันกำรตีควำมเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยถูกแยกออกเป็นกลุ่มได้ ๓ กลุ่ม คือ
๑. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกประเด็นเชื้อชำติ
ประเด็นเรื่องเชื้อชำติเป็นประเด็นแรกที่ถูกนำมำใช้ในกำรตีควำมเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย แต่ปัญหำจำกกำรศึกษำ
แบบคำดคะเนโดยอำศัยหลักฐำนไม่กี่ชิ้นและด่วนสรุป ทำให้ทฤษฎีแรก ๆ ของกลุ่มนี้ที่สรุปไว้ว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่
บริเวณมณฑลเสฉวนและเขำอัลไตไม่สำมำรถคงคนต่อกำรพิสูจน์ทำงวิชำกำรในช่วงต่อมำ แต่ยังถูกทดแทนด้วยกำรนำหลักฐำน
ทำงโบรำณคดีมำศึกษำว่ำ เจ้ำของหลักฐำนเหล่ำนี้คือ บรรพบุรุษของคนไทยในปัจจุบันหรือไม่ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สุด แสง
วิเชียร ได้ศึกษำเปรียบเทียบลักษณะโครงกระดูกของคนในสมัยหินใหม่ที่พบที่กำญจนบุรี จำนวน ๓๖ โครง กับโครงกระดูกคน
ไทยในปัจจุบัน ในที่สุดสรุปว่ำ โครงกระดูกของคนสมัยหินใหม่มีควำมเหมือนกับโครงกระดูกคนไทยปัจจุบันเกือบทุก ๆ อย่ำง
ฉะนั้นคนสมัยหินใหม่ก็คือคนไทย แต่ข้อเสนอของนำยแพทย์สุด ซึ่งเป็นกำรนำโครงกระดูกมำศึกษำหำเชื้อชำตินั้นนับว่ำยัง
หละหลวมมำก เพรำะควำมแตกต่ำงและควำมคล้ำยคลึงกันทำงโครงร่ำง หรือรูปพรรณสัณฐำนของเผ่ำพันธุ์ของมนุษย์ที่อำศัยอยู่
ในเอเชียนั้นไม่น่ำที่จะแตกต่ำงกันมำกนัก ขณะเดียวกันกำรหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์ก็เป็นสิ่งที่หำได้ยำกมำกสำหรับดินแดนเปิด
อย่ำงอย่ำงภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นดินแดนที่สำมำรถติดต่อกับผู้คนจำกภำยนอกได้ตลอดมำ จึงนำไปสู่งำนวิจัยที่
นำวิธีกำรทำงพันธุศำสตร์(genetics) ที่ดูจะน่ำเชื่อถือมำกกว่ำ โดยนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ นำยแพทย์ประเวศ วะสี ที่
รวบรวมตัวอย่ำงเลือดจำกคนไข้จำนวนหนึ่งของโรงพยำบำลศิริรำช และอีกจำนวนหนึ่งจำกผู้มีร่ำงกำยแข็งแรงจำนวน ๑๐๘ คน
มำศึกษำควำมถี่ของยีนในหมู่เลือด เปรียบเทียบกับคนในอินโดนีเซีย และบำงเผ่ำในคำบสมุทรมำเลย์เพื่อศึกษำหำเชื้อชำติและ
เส้นอพยพของเชื้อชำติไทย อย่ำงไรก็ตำมข้อเท็จจริงที่ว่ำกำรหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่หำได้ยำกทำให้นักวิชำกำรจำนวนหนึ่ง
ยังไม่เชื่อถือวิธีกำรทำงพันธุศำสตร์นี้ อย่ำงไรก็ตำมกำรยืนยันจำกงำนวิจัยทำงพันธุศำสตร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่ำนมำยังคงยืนยันว่ำ
กำรที่จะพิสูจน์ถึงควำมสัมพันธ์ทำงเชื้อสำย (biological affinities) ระหว่ำงประชำกรหรือกลุ่มชำติพันธ์ใด ๆ เป็นสิ่งที่สำมำรถทำ
ได้ โดย “…อำศัยกำรเปรียบเทียบด้วยหลักฐำนทำงชีววิทยำ โดยเฉพำะทำงพันธุศำสตร์เป็นหลักเท่ำนั้น…” และแม้แต่กำรวิจัย
ล่ำสุดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยในโครงกำรจัดสร้ำงดัชนีเพื่อใช้ในกำรเปรียบเทียบไทกลุ่มต่ำง ๆ ยังตั้งสมมุติฐำนว่ำ พันธุกรรมจะ
เป็นเครื่องกำหนดลักษณะของมนุษย์ที่มีควำมคงที่สูงมำกและไม่ถูกดัดแปลงด้วยสิ่งแวดล้อมโดยง่ำย โดยเฉพำะกำรศึกษำ
พันธุกรรมส่วนที่เรียกว่ำ ไมโตคอนเดรียล ดีเอ็นเอ (mitochondrial DNA)
๒. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกประเด็นเรื่องวัฒนธรรม
แนวคิดเรื่องนี้เป็นปฏิกิริยำโต้ตอบกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติ เพรำะเชื่อว่ำไม่อำจแสวงหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์ได้ใน
ดินแดนประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงเพรำะประชำชนในเขตนี้มีกำรติดต่อและผสมปนเปกันเรื่อยมำแต่
แนวคิดแบบชำตินิยม (racism) นี้เป็นแนวคิดที่เริ่มมำจำกประเทศตะวันตกก่อนตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เมื่อ
นักวิชำกำรตะวันตกหันมำสนใจเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจึงนำแนวกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติมำใช้ นักวิชำกำรไทยจึงถูก
ครอบงำด้วยกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติไปด้วย กำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยมองคนไทยผ่ำนประเด็นทำงด้ำน
วัฒนธรรมถูกกล่ำวถึงว่ำจะเป็นอีกแนวทำงที่ทำให้เข้ำถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้
กำรค้นคว้ำทำงด้ำนภำษำศำสตร์ก็ยืนยันว่ำ บริเวณทำงตอนใต้ของจีนและตอนเหนือของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ
บริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย มีคำศัพท์โบรำณที่ร่วมกันมำกไม่ว่ำเกี่ยวกับ พืช สัตว์ ภูมิประเทศ อำชีพ ดินฟ้ำอำกำศ และโรคภัยไข้
เจ็บ คำโบรำณเหล่ำนั้นแสดงถึงว่ำผู้คนที่พูดภำษำนี้อยู่ในเขตร้อนชุ่มชื้น มีอำชีพในกำรทำนำและอำศัยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในสังคม
ผู้คนเหล่ำนี้คงอยู่ในตระกูลภำษำเดียวกัน คือ ตระกูลภำษำไทยเชื่อกันว่ำแหล่งกำเนิดของตระกูลภำษำไทยนั้น คงอยู่ตอนใต้ของ
ประเทศจีน ต่อมำค่อย ๆ อพยพและผสมผสำนกลมกลืนมำตั้งถิ่นฐำนตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำก
กำรศึกษำพบว่ำ ในปัจจุบันมีคนพูดภำษำไทยทั้งหมดประมำณ ๖๕ ล้ำนคน ประเทศที่มีคนพูดภำษำไทยมำกที่สุด คือ ประเทศ
ไทย รองลงไปเป็นลำว จีน พม่ำ เวียดนำม กัมพูชำ มำเลเซีย อินเดีย และเกำะไหหลำ กำรศึกษำถิ่นกำเนิดของคนไทยในแง่
ตระกูลภำษำ ซึ่งเป็นเรื่องทำงด้ำนวัฒนธรรมพบว่ำคนที่อยู่ในตระกูลภำษำไทยนั้นมีชื่อเรียกต่ำง ๆ กันในปัจจุบัน เช่น ไทใหญ่
ไทอำหม ผู้ไท ไทดำ ไทขำว ไทลื้อ ไทยวน และไทยในประเทศไทย คนในกลุ่มนี้อยู่กระจัดกระจำยตั้งแต่ตอนใต้ของจีน ตอน
เหนือของเอเชียตะวันนออกเฉียงใต้ และทำงตะวันออกของอินเดีย คนในกลุ่มตระกูลภำษำนี้อำจเคยมีควำมสัมพันธ์กัน ณ ที่หนึ่งที่
ใด ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่อำจสันนิษฐำนได้ และค่อย ๆ เคลื่อนย้ำยแยกจำกกัน กำรเคลื่อนย้ำยนั้นเกิดขึ้นเมื่อใดบ้ำง ก็ยำกที่จะสืบค้น
ได้แต่คงเป็นกำรเคลื่อนย้ำยอย่ำงค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ มำ ในระหว่ำงนั้นได้ผสมผสำนกลมกลืนกับคนในตระกูลภำษำอื่นไปบ้ำง
และเมื่อตั้งถิ่นฐำนลงในแต่ละท้องถิ่นแล้ว ก็มีควำมเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนำกำรไปตำมสภำพภูมิศำสตร์และเหตุกำรณ์ในทำงสังคม
แต่คนในตระกูลภำษำไทยก็ยังมีลักษณะร่วมกันทำงวัฒนธรรม โดยเฉพำะวัฒนธรรมดั้งเดิมก่อนที่จะมีกำรรับอิทธิพลจำกต่ำงชำติใน
สมัยหลัง
๓. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกควำมเคลื่อนไหวและกำรปะทะสังสรรค์ทำงสังคมและ
วัฒนธรรมของกลุ่มชน
จำกข้อสังเกตที่ว่ำในสังคมมนุษย์อำจมีวัฒนธรรมบำงอย่ำงคล้ำยคลึงกันได้ โดยเฉพำะถ้ำหำกอยู่ในที่ที่มีสภำพภูมิศำสตร์
คล้ำยคลึงกัน ฉะนั้นกำรที่พบสิ่งของเหมือนกันในหลำย ๆ แห่งก็อำจหมำยควำมว่ำ สิ่งนั้นเกิดขึ้นในหลำย ๆ แห่งโดยไม่ได้รับ
อิทธิพลจำกกันก็ได้ (poly-linear evolution) จนถึงกำรตั้งข้อสังเกตว่ำ กำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจำกกำรตีควำม
ทั้งสองแบบข้ำงต้นเป็นเรื่องที่ไม่สำมำรถยอมรับได้ กำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกควำมเคลื่อนไหวและ
กำรปะทะสังสรรค์ทำงสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มชนทำให้สำมำรถเข้ำใจกำรเกิด กำรรวมตัวและกำรตั้งหลักแหล่งของชุมชน
และบ้ำนเมือง จึงสำมำรถนำมำเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่ควำมเข้ำใจภูมิหลัง ควำมเป็นมำของชนชำติไทยได้ เกิดข้อข้อเสนอที่ว่ำ
กำรรวมตัวของชนชำตินั้นเป็นผลมำจำกกำรเคลื่อนไหวปรับตัวทำงสังคมวัฒนธรรมหรือกำรเมืองของชนเผ่ำต่ำง ๆ ในเบ้ำหลอม
ของสังคมแถบนี้ ซึ่งมีกำรใช้ภำษำไทยเป็นสื่อกลำงในกำรดำรงชีวิตร่วมกัน กำรเกิดชนชำติไทยจึงสืบเนื่องมำจำกกำรรวมตัว
ของชนเผ่ำที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย สร้ำงบูรณำกำรทำงสังคมและวัฒนธรรมขึ้นเป็นพลังผลักดันเปลี่ยนชนเผ่ำสู่ควำม
เป็นชนชำติที่ใช้ภำษำไทยเป็นสื่อกลำง ซึ่งพิจำรณำได้จำกกำรตั้งหลักแหล่งอย่ำงหนำแน่นในเส้นทำงคมนำคมติดต่อฝั่งทะเลและ
แม่น้ำใหญ่ที่สำมำรถส่งเสริมควำมเจริญเติบโคของสังคมได้โดยง่ำย ดังนั้นพัฒนำกำรของชนชำติไทยจึงจึงมิได้มำจำกทิศเหนือลง
ใต้หำกแต่กระจำยขยำยตัวตำมเส้นทำงคมนำคมติดต่อทั้งระหว่ำงกันและข้ำมภูมิภำค ส่งผลให้เกิดกำรปรับตัว ส่งต่อและรับ
วัฒนธรรมควำมเจริญทั้งจำกภำยในและภำยนอก
หัวข้อที่  ๓  แหล่งกำเนิดของชนชาติไทย

More Related Content

What's hot

3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง okRose Banioki
 
พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา
Padvee Academy
 
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหารความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
risa021040
 
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
SAKANAN ANANTASOOK
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มGuntima NaLove
 
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎีตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
KawinTheSinestron
 
อารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีกอารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีก
พัน พัน
 
การเขียนสารคดี ขนมจีน
การเขียนสารคดี ขนมจีนการเขียนสารคดี ขนมจีน
การเขียนสารคดี ขนมจีนMaii's II
 
วรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรมวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรม
Aor's Sometime
 
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
Omm Suwannavisut
 
ตัวอย่างรายงานโครงงาน
ตัวอย่างรายงานโครงงานตัวอย่างรายงานโครงงาน
ตัวอย่างรายงานโครงงานThanawadee Prim
 
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
spk906
 
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรีบทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
Blackrab Chiba
 
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformationการปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
Warinthorn Limpanakorn
 
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่ายแผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
RUNGDARA11
 
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdf
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdfสงครามโลกครั้งที่ 2 pdf
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdfSzo'k JaJar
 

What's hot (20)

สงครามครูเสด
สงครามครูเสดสงครามครูเสด
สงครามครูเสด
 
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
 
พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา
 
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหารความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
ความพึ่งพอใจในการใช้บริการโรงอาหาร
 
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
 
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่มรายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
รายงานทางวิชาการเรื่อง หัวใจชายหนุ่ม
 
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎีตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
ตัวอย่างโครงงานการจำลองทฤษฎี
 
อารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีกอารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีก
 
การเขียนสารคดี ขนมจีน
การเขียนสารคดี ขนมจีนการเขียนสารคดี ขนมจีน
การเขียนสารคดี ขนมจีน
 
บทท 2 (1)
บทท  2 (1)บทท  2 (1)
บทท 2 (1)
 
วรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรมวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรม
 
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง ม.6.1
 
ตัวอย่างรายงานโครงงาน
ตัวอย่างรายงานโครงงานตัวอย่างรายงานโครงงาน
ตัวอย่างรายงานโครงงาน
 
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
รายวิชาสังคมศึกษาพื้นฐาน รหัสวิชา ส 21101
 
การสำรวจทางทะเล
การสำรวจทางทะเลการสำรวจทางทะเล
การสำรวจทางทะเล
 
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรีบทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
บทวิเคราะห์ร่ายยาวเวสสันดรมหาชาดก กัณฑ์มัทรี
 
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformationการปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformation
 
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่ายแผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
แผ่นผับ ลิลิตตะเลงพ่าย
 
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
 
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdf
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdfสงครามโลกครั้งที่ 2 pdf
สงครามโลกครั้งที่ 2 pdf
 

Viewers also liked

~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
chakaew4524
 
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
chakaew4524
 
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
chakaew4524
 
การขนส่งและประกันภัย
การขนส่งและประกันภัยการขนส่งและประกันภัย
การขนส่งและประกันภัย
onchuda
 
หัวข้อที่ ๖ อาณาจักรสุโขทัย
หัวข้อที่ ๖  อาณาจักรสุโขทัยหัวข้อที่ ๖  อาณาจักรสุโขทัย
หัวข้อที่ ๖ อาณาจักรสุโขทัย
chakaew4524
 
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่งบทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
chakaew4524
 
บทที่6การประกันอัคคีภัย
บทที่6การประกันอัคคีภัยบทที่6การประกันอัคคีภัย
บทที่6การประกันอัคคีภัย
chakaew4524
 
บทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
บทที่3แนวความคิดพื้นฐานบทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
บทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
chakaew4524
 
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัยบทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
chakaew4524
 
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ดบทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
chakaew4524
 
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศExim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
Wannarat Wattananimitkul
 
บทที่4การประกันชีวิต
บทที่4การประกันชีวิตบทที่4การประกันชีวิต
บทที่4การประกันชีวิต
chakaew4524
 
บทที่ 5 วินาศภัย
บทที่ 5 วินาศภัยบทที่ 5 วินาศภัย
บทที่ 5 วินาศภัย
chakaew4524
 
บทที่5การประกันวินาศภัย
บทที่5การประกันวินาศภัยบทที่5การประกันวินาศภัย
บทที่5การประกันวินาศภัย
chakaew4524
 
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
Rungnapa Rungnapa
 
Exim12การศุลกากร
Exim12การศุลกากรExim12การศุลกากร
Exim12การศุลกากร
Wannarat Wattananimitkul
 
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่งบทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
chakaew4524
 

Viewers also liked (17)

~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
~$วข้อที่ ๗ กรุงศรีอยุธยา
 
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
บทที่10ประกันภัยอุตสาหกรรมฯ
 
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
บทที่ 7 ประกันภัยรถยนต์
 
การขนส่งและประกันภัย
การขนส่งและประกันภัยการขนส่งและประกันภัย
การขนส่งและประกันภัย
 
หัวข้อที่ ๖ อาณาจักรสุโขทัย
หัวข้อที่ ๖  อาณาจักรสุโขทัยหัวข้อที่ ๖  อาณาจักรสุโขทัย
หัวข้อที่ ๖ อาณาจักรสุโขทัย
 
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่งบทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
บทที่ 10 ประกันภัยทางบกและขนส่ง
 
บทที่6การประกันอัคคีภัย
บทที่6การประกันอัคคีภัยบทที่6การประกันอัคคีภัย
บทที่6การประกันอัคคีภัย
 
บทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
บทที่3แนวความคิดพื้นฐานบทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
บทที่3แนวความคิดพื้นฐาน
 
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัยบทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
บทที่ 6 การประกันอัคคีภัย
 
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ดบทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
บทที่9ประกันภัยเบ็ตเตล็ด
 
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศExim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
Exim11การประกันภัยสินค้าระหว่างประเทศ
 
บทที่4การประกันชีวิต
บทที่4การประกันชีวิตบทที่4การประกันชีวิต
บทที่4การประกันชีวิต
 
บทที่ 5 วินาศภัย
บทที่ 5 วินาศภัยบทที่ 5 วินาศภัย
บทที่ 5 วินาศภัย
 
บทที่5การประกันวินาศภัย
บทที่5การประกันวินาศภัยบทที่5การประกันวินาศภัย
บทที่5การประกันวินาศภัย
 
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
บทที่2ความเสี่ยงภัยและการจัดการความเสี่ยง
 
Exim12การศุลกากร
Exim12การศุลกากรExim12การศุลกากร
Exim12การศุลกากร
 
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่งบทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
บทที่ 8 การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
 

Similar to หัวข้อที่ ๓ แหล่งกำเนิดของชนชาติไทย

สันติธานี
สันติธานีสันติธานี
สันติธานีTaraya Srivilas
 
Samkok01
Samkok01Samkok01
Samkok01tommy
 
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อ
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อ
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อguidekik
 
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptxม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
Nualmorakot Taweethong
 
สรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญสรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญMim Papatchaya
 
สรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญสรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญMim Papatchaya
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
Natthawat Kaeowmanee
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
Natthawat Kaeowmanee
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
Natthawat Kaeowmanee
 

Similar to หัวข้อที่ ๓ แหล่งกำเนิดของชนชาติไทย (14)

ประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ไทยประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ไทย
 
สันติธานี
สันติธานีสันติธานี
สันติธานี
 
Samkok01
Samkok01Samkok01
Samkok01
 
7
77
7
 
โคลนติดล้อ (สอน Ppt)[1]
โคลนติดล้อ (สอน Ppt)[1]โคลนติดล้อ (สอน Ppt)[1]
โคลนติดล้อ (สอน Ppt)[1]
 
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อ
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อ
ครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาค้อ
 
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptxม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
ม.2 เรื่องที่ 2 ตอนที่ 3.pptx
 
สรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญสรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญ
 
สรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญสรุปสาระสำคัญ
สรุปสาระสำคัญ
 
355
355355
355
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
 
History of south east asia
History of south east asiaHistory of south east asia
History of south east asia
 

More from chakaew4524

หัวข้อที่ ๕ ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
หัวข้อที่ ๕  ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัยหัวข้อที่ ๕  ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
หัวข้อที่ ๕ ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
chakaew4524
 
หัวข้อที่ ๔ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
หัวข้อที่  ๔  ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยหัวข้อที่  ๔  ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
หัวข้อที่ ๔ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
chakaew4524
 
หัวข้อที่ ๒ หลักฐานทางประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๒  หลักฐานทางประวัติศาสตร์หัวข้อที่ ๒  หลักฐานทางประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๒ หลักฐานทางประวัติศาสตร์
chakaew4524
 
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
chakaew4524
 
บทที่ 9 การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
บทที่ 9  การประกันภัยเบ็ดเตล็ดบทที่ 9  การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
บทที่ 9 การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
chakaew4524
 
บทที่8แ
บทที่8แบทที่8แ
บทที่8แ
chakaew4524
 
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
chakaew4524
 
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
chakaew4524
 
บทที่ 4 การประกันชีวิต
บทที่ 4 การประกันชีวิตบทที่ 4 การประกันชีวิต
บทที่ 4 การประกันชีวิต
chakaew4524
 

More from chakaew4524 (9)

หัวข้อที่ ๕ ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
หัวข้อที่ ๕  ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัยหัวข้อที่ ๕  ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
หัวข้อที่ ๕ ประวัติศาสตร์ไทยก่อนสมัยสุโขทัย
 
หัวข้อที่ ๔ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
หัวข้อที่  ๔  ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยหัวข้อที่  ๔  ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
หัวข้อที่ ๔ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
 
หัวข้อที่ ๒ หลักฐานทางประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๒  หลักฐานทางประวัติศาสตร์หัวข้อที่ ๒  หลักฐานทางประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๒ หลักฐานทางประวัติศาสตร์
 
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
หัวข้อที่ ๑ ความหมายของประวัติศาสตร์
 
บทที่ 9 การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
บทที่ 9  การประกันภัยเบ็ดเตล็ดบทที่ 9  การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
บทที่ 9 การประกันภัยเบ็ดเตล็ด
 
บทที่8แ
บทที่8แบทที่8แ
บทที่8แ
 
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
 
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์บทที่7การประกันภัยรถยนต์
บทที่7การประกันภัยรถยนต์
 
บทที่ 4 การประกันชีวิต
บทที่ 4 การประกันชีวิตบทที่ 4 การประกันชีวิต
บทที่ 4 การประกันชีวิต
 

หัวข้อที่ ๓ แหล่งกำเนิดของชนชาติไทย

  • 1. หัวข้อที่ ๓ แหล่งกำเนิดของชนชำติไทย จุดเริ่มต้นของแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยเกิดขึ้นจำกควำมสนใจอดีตของชนชำติไทยของนักวิชำกำรในโลก ตะวันตก ไม่เพียงเฉพำะจำกกำรที่นักวิชำกำรเหล่ำนั้นสนใจที่จะศึกษำควำมเป็นมำของชนชำติไทยในสยำมประเทศ(ในเวลำนั้น) ยังนับเนื่องจำกกำรที่คนไทยยังเป็นชนชำติที่มีจำนวนมำกเป็นอันดับสองรองจำกกลุ่มฮั่นหรือจีนแท้ จึงนับเป็นชนชำติใหญ่ที่ น่ำสนใจอย่ำงยิ่งสำหรับชำวตะวันตกที่กำลังเข้ำมำติดต่อสัมพันธ์กับภูมิภำคนี้ สำเหตุนี้นำมำสู่กำรพัฒนำกำรศึกษำเรื่องถิ่น กำเนิดของคนไทยในสังคมไทยจนทำให้เกิดกำรขยำยพรมแดนทำงควำมรู้เกี่ยวกับอดีตของชนชำติไทยในกลำงพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ๑ ควำมเป็นมำของกำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย ควำมเป็นมำของกำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย เริ่มจำกงำนเขียนของแตเรียง เดอ ลำคูเปอรี (Terrien de la Couperie) ที่ได้เสนอควำมคิดนี้ในงำนเขียนเรื่อง ถิ่นฐำนเดิมของชนชำติชำน (Cradle of The Shan Race) ในหนังสือเรื่อง Amongst the Shans เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ ซึ่งอำศัยหลักฐำนจำกบันทึกของจีนและข้อมูลที่บรรดำนักสอนศำสนำ ชำวตะวันตกรวบรวมและสันนิษฐำนไว้ แม้จะเป็นเพียงกำรวำงรำกฐำนแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยไว้อย่ำงกว้ำง ๆ แต่ เป็นกำรสร้ำงควำมเข้ำใจใหม่เกี่ยวกับชนชำติไทยอย่ำงที่ไม่เคยมีใครเคยคิดมำก่อน และในปี พุทธศักรำช ๒๔๓๔ งำนของอี เอช ปำร์เกอร์ (E.H. Parker) ในวำรสำร The China Review ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอำณำจักรอำยหลำว และน่ำนเจ้ำ ว่ำเป็นอำณำจักร ไทยเดิม (Old Thai) จำกข้อมูลเหล่ำทำให้เริ่มเห็นงำนประวัติศำสตร์นิพนธ์ไทย เรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย โดยเริ่มในปี พุทธศักรำช ๒๔๔๒ จำกพระยำประชำกิจกรจักร์( แช่ม บุนนำค) ตีพิมพ์ในวำรสำรวชิรญำณ ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๕ พระ เจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงนิพนธ์ พงศำวดำรไทยใหญ่ และในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๖ สมเด็จกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ทรงนิพนธ์ คำนำ ใน พระรำชพงศำวดำรฉบับพระรำชหัตถเลขำ ซึ่งล้วนใช้ข้อสันนิษฐำนว่ำ ชนชำติไทยมีถิ่นฐำนเดิมในประเทศจีนและอพยพลงมำสู่ประเทศไทยในสมัยต่อมำ แต่กระนั้นก็ตำมงำนค้นคว้ำเรื่อง ถิ่นกำเนิด ของคนไทยที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทยมำกที่สุดเริ่มต้นจำกงำนของนักสอนศำสนำชำวอเมริกัน วิลเลียม ด็อดด์ (William Dodd) ในงำนเขียนเรื่อง ชนชำติไท (The Tai Race : The Elder Brother of The Chinese ) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๒ กับงำนเขียน ของ ดับลิว เอ อำร์ วูด (W.A.R. Wood) เรื่อง ประวัติศำสตร์สยำม (A History of Siam) แม้จะแพร่หลำยในสำยตำคนไทย จำกกำรดัดแปลงไปสู่งำนประพันธ์อย่ำงเช่น หลักไทย ของขุนวิจิตรมำตรำ หรือ น่ำนเจ้ำ ของหลวงวิจิตรวำทกำร แต่ปัญหำ ของกำรศึกษำแบบคำดคะเนโดยอำศัยหลักฐำนเพียงไม่กี่ชิ้นและด่วนสรุป ทำให้กำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยในช่วงหลัง ปี พุทธศักรำช ๒๕๐๐ เริ่มมุ่งหวังที่จะแสวงหำหลักฐำนและแนวคิดใหม่ นำมำสู่กำรทำลำยเพดำนควำมคิดเดิมในเรื่องกำรอพยพ ลงใต้ของคนไทยและนำไปสู่ทฤษฏีที่ว่ำคนไทยไม่ได้มำจำกไหน รวมทั้งควำมพยำยำมที่จะใช้หลักฐำนที่เป็นวิทยำศำสตร์มำ อธิบำยถิ่นกำเนิดของคนไทย ๒ ทฤษฎีเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย กำรศึกษำเกี่ยวกับเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันสำมำรถแบ่งกำรเสนอแนวควำมคิดเรื่องนี้ออกได้เป็น ๒ ทฤษฎีใหญ่ ๆ คือ ๑.ทฤษฎีที่ว่ำคนไทยอพยพมำจำกที่อื่น ๒. ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว ทฤษฎีคนไทยอพยพมำจำกที่อื่น ๑ กลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณมณฑลเสฉวน
  • 2. กลุ่มนี้เริ่มต้นด้วย เตเรียน เดอ ลำคูเปอรี(Terrien de la Couperie)ผู้เชี่ยวชำญทำงนิรุกติศำสตร์ในงำนเขียนเรื่อง The Cradle of The Shan Race ตีพิมพ์เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ งำนเขียนนี้อำศัยกำรค้นคว้ำจำกหลักฐำนจีนและพิจำรณำ ควำมคล้ำยคลึงทำงภำษำของผู้คนในจีนและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยสรุปไว้ว่ำ คนเชื้อชำติไทยตั้งถิ่นฐำนเป็นอำณำจักรอยู่ใน ดินแดนจีนมำก่อนจีนคือเมื่อ ๒,๒๐๘ ปีก่อนคริสต์ศักรำช ซึ่งนำข้อมูลในรำยงำนสำรวจภูมิประเทศจีนในสมัยพระเจ้ำยู้ โดย สันนิษฐำนว่ำจีนเรียก ชนชำติไทยว่ำ มุง หรือต้ำมุง และมีถิ่นที่อยู่ที่ปรำกฏในจดหมำยเหตุจีนนี้ในเขตที่เป็นมณฑลเสฉวนของจีน ปัจจุบัน แนวควำมคิดของลำคูเปอรีได้รับกำรสืบทอดต่อมำในงำนประวัติศำสตร์นิพนธ์ไทยเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย โดย เริ่มจำกงำนของพระยำประชำกิจกรจักร์(แช่ม บุนนำค) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๔๒ พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนรำธิปพงศ์ ประพันธ์ ในปี พุทธศักรำช ๒๔๕๕ สมเด็จกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๕๖ พระยำอนุมำนรำชธน ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๘๓ ประภำศิริหรือหลวงโกษำกรวิจำรณ์(บุญศรี ประภำศิริ) ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๘ - ๒๔๙๒ พระยำบริหำร เทพธำนี ในปี พุทธศักรำช ๒๔๙๖ และหลวงวิจิตรวำทกำร ใน ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๖ และ พุทธศักรำช ๒๔๙๙ โดยสรุปไว้ ว่ำตรงกันว่ำ ถิ่นเดิมของไทยคือบริเวณมณฑลเสฉวนปัจจุบัน หลังจำกนั้นจึงอพยพเข้ำสู่ยูนนำนทำงตอนใต้ของจีนและแยกย้ำย กันเข้ำสู่ดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน กลุ่มนี้ได้มีกำรค้นคว้ำเพิ่มเติมในประเด็นต่ำง ๆ เช่นกำรใช้ข้อมูลจำกจีนค้นคว้ำเรื่องถิ่น กำเนิดของคนไทย ตลอดจนนำพงศำวดำรและตำนำนท้องถิ่นทำงภำคเหนือของไทยมำวิเครำะห์ เพิ่มเติมว่ำไทยเป็นพวกมอง โกลสำขำหนึ่งอยู่อำศัยในดินแดนที่เป็นประเทศจีนปัจจุบันในขณะที่จีนเร่ร่อนอยู่แถวทะเลสำบคัสเปียน ชำวไทยตั้งหลักฐำนเป็น บ้ำนเมืองอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองและลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง โดยอำณำจักรของคนไทยไทย แบ่งเป็น ๒ นคร คือ นครลุงเป็น ศูนย์กลำงฝ่ำยเหนือตั้งอยู่บนแม่น้ำเหลือง นครปำเป็นศูนย์กลำงฝ่ำยใต้ตั้งอยู่ภำคเหนือมำจนถึงภำคตะวันตกของมณฑลเสฉวน ปัจจุบัน อำณำจักรไทยสมัยนี้เรียกว่ำอ้ำยลำวหรือมุง จึงนำมำสู่ข้อสันนิษฐำนว่ำ ตอนกลำงของประเทศจีนปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำ แยงซีเกียงฝั่งซ้ำย ตั้งแต่มณฑลเสฉวนตลอดไปเกือบจรดทะเลตะวันออกเป็นที่อยู่ของคนไทยเดิมซึ่งสืบทอดเชื้อสำยมำจนทุกวันนี้ โดยคำว่ำ ต้ำมุง น่ำจะหมำยถึง พวกไทยเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมำก่อนจีนเสียอีก กำรเคลื่อนที่ของชนชำติไทยเริ่มต้นด้วยกำร เคลื่อนย้ำยเป็นส่วนตัวโดยกำรแทรกซึม และกำรอพยพครั้งใหญ่ โดยดำเนินอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงเวลำเกือบหนึ่งพันปีที่ผ่ำนมำ ปัจจุบันแนวคิดนี้ได้ถูกโต้แย้งจำกกำรสำรวจลักษณะทำงกำยภำพของมนุษย์ เช่น กำรสำรวจลักษณะทำงวัฒนธรรม เช่น ขนบธรรมเนียม ลัทธิควำมเชื่อ ภำษำ และตรวจสอบเทียบกับหลักฐำนจีนอื่น ๆ พบว่ำแนวคิดนี้ไม่น่ำที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพำะ ควำมเชื่อว่ำ ชนชำติไทย คือ พวกมุง หรือต้ำมุงนั้นยังไม่สำมำรถหำหลักฐำนทำงวัฒนธรรมมำรองรับควำมเชื่อนี้ได้ ๒. กลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณเทือกเขำอัลไต ผู้เป็นต้นคิดในเรื่องนี้ คือ วิลเลียม คลิฟตัน ด็อดด์ (William Clifton Dodd) ในงำนเขียนเกี่ยวกับคนไทยเรื่อง ชนชำติ ไทย (The Tai Race : The Elder Brother of The Chinese) ด็อดด์อธิบำยว่ำ ชนชำติไทยมีจำนวนมำกและอยู่กระจัดกระจำย ทั่วไปทำงตอนใต้ของทวีปเอเชีย และเป็นชำติเก่ำแก่กว่ำฮีบรูและจีน คนไทยถูกเรียกว่ำ อ้ำยลำวหรือต้ำมุงและเป็นเจ้ำของถิ่น เดิมของจีนมำก่อนจีน ตั้งแต่ ๒,๒๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักรำช ฉะนั้นจึงถือเป็นพี่อ้ำยของจีน ต่อมำเคลื่อนที่เรื่อย ๆ จำกทำงเหนือเข้ำ แดนจีน และค่อย ๆ อพยพครั้งใหญ่นับตั้งแต่คริสต์ศักรำชที่ ๖ ก่อนคริสต์ศักรำช คือ จำกตอนกลำงของจีนมำสู่จีนตอนใต้ จำก ตอนใต้เข้ำสู่ประเทศไทย ควำมคิดเป็นของด็อดด์เป็นที่สนใจในวงวิชำกำรทั้งชำวไทยและชำวต่ำงประเทศจำกกำรที่ข้อมูลใน กำรศึกษำนี้ใช้กำรเดินทำงสำรวจมำด้วยตนเอง ตั้งแต่ในบริเวณตอนใต้ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงมำจนถึงตอนเหนือของไทย แม้ว่ำ ในส่วนที่เหนือจำกนั้นด็อดด์จะอำศัยควำมคล้ำยคลึงทำงภำษำเป็นเหตุผลสนับสนุน โดยอำศัยพื้นฐำนของแนวคิดจำกควำมเชื่อ ที่ว่ำ แหล่งกำเนิดอำรยธรรมของโลกอยู่ในแถบเอเชียกลำงก่อนที่จะกระจำยออกไปยังทิศต่ำง ๆ ผสมกับทฤษฎีกำรอพยพที่เชื่อ ว่ำมนุษย์จะอพยพจำกเหนือลงสู่ตอนใต้หรือจำกที่รำบสูงลงสู่ที่รำบลุ่ม และต่อมำถูกเพิ่มเติมจำกงำนของวูดด์
  • 3. (W.A.R. Wood) ในงำนเขียนเรื่อง A History of Siam ตีพิมพ์เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๖๗ ได้ขยำยควำมและระบุไว้ว่ำถิ่นเดิมของ คนไทยอยู่ในมองโกเลีย งำนของทั้ง ๒ ท่ำนนี้นำมำสืบต่อโดย คือ ขุนวิจิตรมำตรำ (รองอำมำตย์โทสง่ำ กำญจนำคพันธ์) ในเรื่องหลักไทยซึ่งเป็น หนังสือที่ได้รับพระรำชทำนรำงวัลพระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำเจ้ำอยู่หัว กับประกำศนียบัตรวรรณคดีของรำชบัณฑิตยสภำใน พุทธศักรำช ๒๔๗๑ โดยประเด็นสำคัญที่ หลักไทย ได้กล่ำวถึง คือ กำรระบุตำแหน่งของถิ่นเดิมของคนไทยว่ำ อยู่ในบริเวณ เทือกเขำอัลไตว่ำเป็นแหล่งกำเนิดของชนชำติไทย ภำยหลังได้แยกมำตั้งภูมิลำเนำในระหว่ำงลุ่มแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีเกียง เรียกว่ำอำณำจักรอ้ำยลำว มีนครลุง นครปำและนครเงี้ยว เป็นรำชธำนี เมื่อจีนอพยพมำจำกทะเลสำบคัสเปียนก็ได้พบไทยเป็น ชำติยิ่งใหญ่แล้ว ในรำวปี พุทธศักรำช ๓๐๐ ก่อนพุทธศักรำช ไทยเริ่มถูกจีนรุกรำนจนต้องถอยร่นลงมำทำงใต้ จนประมำณ พุทธศักรำช ๑๑๐๐ ได้ก่อตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำขึ้นที่ยูนนำน อำณำจักรน่ำนเจ้ำในสมัยพระเจ้ำพีล่อโก๊ะ สำมำรถขยำยอำณำ เขตเข้ำมำถึงแคว้นสิบสองจุไท หลวงพระบำงและบริเวณภำคเหนือของไทย ได้ก่อตั้งอำณำจักรโยนกในบริเวณสุวรรณภูมิ ซึ่งเคย เป็นถิ่นที่อยู่ของพวกละว้ำ กัมพูชำ และมอญมำก่อน ใน พุทธศักรำช ๑๓๐๐ พงศำวดำรจีนระบุว่ำอำณำจักรน่ำนเจ้ำได้แยกตนเอง เป็นแคว้นต่ำง ๆ คือ โกสัมพี(แสนหวี) จุฬนี(ตังเกี๋ย) ไพศำลีหรือมณีปุระ(อัสสัม) และโยนกเชียงแสน จนพุทธศักรำช ๑๗๙๗ พระเจ้ำกุบไลข่ำนเข้ำโจมตีน่ำนเจ้ำแตก คนไทยที่น่ำนเจ้ำจึงอพยพลงมำสู่ประเทศไทยในปัจจุบัน หนังสือหลักไทยถือได้ว่ำเป็นหนังสือที่ได้รับควำมสนใจจำกสำธำรณชนจำนวนมำก นับตั้งแต่ปี พุทธศักรำช ๒๔๗๑- ๒๕๑๘ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งยังได้รับกำรบรรจุลงในตำรำเรียนประวัติศำสตร์ของกระทรวงศึกษำธิกำรนับตั้งแต่นั้นมำจนกระทั่งถึง พุทธศักรำช๒๕๒๑ ทำให้แนวควำมคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยมำจำกเทือกเขำอัลไตกลำยเป็นแนวคิดแรกที่เผยแพร่อย่ำง กว้ำงขวำงที่สุด ทั้งนี้อำจะเป็นเพรำะควำมดีเด่นของหนังสือเล่มนี้ และที่สำคัญแนวคิดเรื่องอัลไตไม่ได้คัดค้ำนแนวคิดเรื่อง มณฑลเสฉวน แต่เป็นกำรอธิบำยให้เห็นควำมเป็นมำของชนชำติไทยในระยะก่อนหน้ำมำอยู่ที่มณฑลเสฉวน จำกปรำกฏกำรณ์ เช่นนี้ แนวคิดเรื่องคนไทยมำจำกเทือกเขำอัลไตจึงค่อยๆ ฝังลึกลงในควำมรู้เกี่ยวกับอดีตของคนไทยมำเป็นเวลำหลำยชั่วอำยุคน และควำมคิดนี้ยังมีนักประวัติศำสตร์รุ่นต่อ ๆ มำนำไปอ้ำงอิงในงำนเขียนเกี่ยวกับเรื่องอดีตของคนไทยเสมอ เช่น พระองค์เจ้ำจุล จักรพงษ์ ทรงนิพนธ์เรื่อง เจ้ำชีวิต ในปี พุทธศักรำช ๒๕๐๒ แม้ว่ำแนวคิดนี้ได้รับกำรยอมรับอย่ำงกว้ำงขวำงอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งควำมก้ำวหน้ำทำงโบรำณคดีสำมำรถยืนยันว่ำ แหล่งอำรยธรรมของโลกไม่ได้มีจุดกำเนิดในบริเวณเอเชียกลำง และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ใน บริเวณเทือกเขำอัลไตนั้นไม่ได้มีหลักฐำนใดมำยืนยันมำกไปกว่ำควำมคล้ำยคลึงด้ำนภำษำระหว่ำงคำว่ำ ไต กับ ไทย ข้อมูล ของด็อดด์เองให้รำยละเอียดที่น่ำสนใจเฉพำะทำงตอนใต้ของจีนเท่ำนั้น หลังจำกกำรสำรวจทำงโบรำณคดีในบริเวณเทือกเขำอัล ไตไม่พบร่องรอยของคนไทยและเทือกเขำอัลไตยังเป็นเขตแห้งแล้งทุรกันดำร ไม่เหมำะสำหรับกำรอยู่อำศัย ๓. กลุ่มที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือของ ภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย ในขณะที่ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณมณฑลเสฉวนและถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ในบริเวณ เทือกเขำอัลไต เริ่มคลำยควำมน่ำเชื่อถือลง แต่ทฤษฎีที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ ของจีนและทำงตอนเหนือของภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดียยังคงเป็นที่ยอมรับกันอยู่ใน ปัจจุบัน ข้อสันนิษฐำนนี้เริ่มต้นจำกรำยงำนผลกำรสำรวจดินแดนตั้งแต่ทำงภำคใต้ของจีน จำกกวำงตุ้งไปยังเมืองมัณฑเลย์ใน พม่ำของ อำร์ชิบัล คอลูน (Archibal R. Colquhoun) นักสำรวจชำวอังกฤษในหนังสือชื่อ Across Chryse ซึ่งตีพิมพ์ที่อังกฤษ เมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๒๘ เล่ำเรื่องกำรเดินทำงสำรวจดินแดนดังกล่ำวโดยอธิบำยว่ำได้พบคนเชื้อชำติไทยในบริเวณแถบนี้โดยตลอด
  • 4. นำไปสู่ควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยน่ำจะอยู่ทำงตอนใต้ของจีน อย่ำงไรก็ตำมข้อสันนิษฐำนนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ำ แปลกประหลำดนักเพรำะแม้แต่ในปัจจุบันร่องรอยของวัฒนธรรมไทยยังคงพบทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือ ของภำคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย นักเดินทำงที่มีโอกำสได้ผ่ำนเขำไปยังคงสัมผัส ร่องรอยเหล่ำนี้ได้เสมอ และที่จริงแล้วกำรเดินทำงของดอดด์ซึ่งนำมำสู่ข้อสรุปว่ำประเทศจีนในปัจจุบันเคยเป็นถิ่นฐำนของชน ชำติไทยมำก่อนนั้น ดอดด์มีโอกำสเดินทำงไปเฉพำะในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนเท่ำนั้น จึงไม่น่ำแปลกที่งำนค้นคว้ำเกี่ยวกับถิ่น กำเนิดของชนชำติไทยในช่วงเวลำต่อมำ เช่น งำนของ อี เอช ปำร์เกอร์(E.H. Parker) ยอมรับเพียงว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย อยู่ทำงตอนใต้ของจีน ปำร์เกอร์นอกจำกเป็นผู้เชี่ยวชำญภำษำจีนแล้วยังทำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำให้กับนักวิจัยชั้นนำในสมัยนั้น หลำยท่ำน เคยเป็นกงสุลอังกฤษประจำเกำะไหหลำซึ่งทำให้เขำเป็นเจ้ำหน้ำที่ที่ต้องเดินทำงอย่ำงกว้ำงขวำงในตอนใต้ของจีน จึง ไม่น่ำแปลกที่งำนปำร์เกอร์ ในปี พุทธศักรำช๒๔๓๕ เรื่อง The Old Tai or Shan Empire of Western Yunnan จะเป็น งำนค้นคว้ำเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยชิ้นแรกที่นำกำรวิเครำะห์ในเชิงประวัติศำสตร์มำใช้อย่ำงจริงจัง (วินัย พงศรีเพียร ๒๕๓๗ : ๗-๘) แม้ว่ำควำมสนใจของปำร์เกอร์ที่เน้นเรื่องรำวของอำณำจักรน่ำนเจ้ำโดยอำศัยตำนำนของจีนฉบับยำงชำน (Yang Shen) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ พุทธศักรำช ๒๐๙๓ นำไปสู่ข้อสรุปว่ำ อำณำจักรน่ำนเจ้ำเป็นอำณำจักรของคนไทย และคนไทยที่ น่ำนเจ้ำก็คือพวกที่ถูกจีนกดดันให้ถอยร่นลงไปทำงใต้ เป็นผลให้ข้อเขียนของปำร์เกอร์นี้กลำยเป็นงำนชิ้นแรกที่โน้มน้ำวจูงใจให้ นักโบรำณคดีไทยและตะวันตกเชื่อว่ำ ชนชำติไทยตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำในมณฑลยูนนำนเมื่อกลำงพุทธศตวรรษที่ ๑๓ อย่ำงไรก็ตำมควำมเห็นที่คัดค้ำนทัศนะของปำร์เกอร์เกี่ยวกับน่ำนเจ้ำจำก ปอล เปลลิโอ(Paul Pelliot) ได้ให้ข้อสังเกต ไว้ในบทควำมเรื่อง เส้นทำงสองสำยจำกจีนสู่อินเดีย ( Deux itineraires de Chine en Inde ) ในปี พุทธศักรำช ๒๔๔๗ โดย นำหลักฐำนจำกธรรมเนียมกำรตั้งชื่อกษัตริย์น่ำนเจ้ำ คือ พีล่อโก๊ะ มีโอรสชื่อ โก๊ะล่อฝง โก๊ะล่อฝงมีโอรสชื่อ ฝงกำอี้นั้นเป็นกำรเอำ ชื่อบิดำไปตั้งชื่อบุตร ธรรมเนียมเช่นนี้มิใช่ของไทยแต่เป็นของพวกทิเบต-พม่ำโดยเฉพำะ ทำให้นักวิชำกำรไทยและต่ำงประเทศ ในช่วงต่อมำหำทำงออกให้กับทฤษฎีน่ำนเจ้ำ ดังพบในงำนของ จิตร ภูมิศักดิ์ ชัย เรืองศิลป์ วิลเลียม เก็ดนีย์ (William Gedney) และพอล เบเบดิคท์ (Paul Benedict) เป็นต้น โดยหลังปี พุทธศักรำช ๒๕๐๐ งำนของนักภำษำศำสตร์ที่ปฏิเสธควำมเชื่อเรื่อง น่ำนเจ้ำและมุ่งศึกษำถึงคนไทยผ่ำนจุดกำเนิดของตระกูลภำษำ เริ่มหำหลักฐำนมำอธิบำยควำมเชื่อที่ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย อยู่ทำงตอนใต้ของจีน เริ่มจำกวิลเลียม เก็ดนีย์นักภำษำศำสตร์ชำวอเมริกันที่ได้ศึกษำภำษำถิ่นไทยในเวียดนำมตอนเหนือ ลำว และจีนตอนใต้ เขำเสนอควำมเห็นโดยอำศัยทฤษฎีทำงภำษำศำสตร์ ว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ทำงตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งอำจจะอยู่ระหว่ำงมณฑลกวำงสีของจีนกับเดียนเบียนฟูของเวียดนำม เก็ดนีย์ สรุปควำมเห็นไว้ในงำนเขียนเรื่อง Review of J.Marvin Brown,Form Ancient to Modern Thai Dialects ในปี พุทธศักรำช ๒๕๐๘ โดยอำศัยทฤษฎีทำงภำษำศำสตร์ที่ว่ำ แหล่งกำเนิดของภำษำจะมีภำษำถิ่นเกิดขึ้นหลำกหลำย ควำมคิดของเก็ดนีย์ ได้รับควำมสนใจอย่ำงมำกในหมู่นักวิชำกำรต่ำงประเทศและไทย ทำให้เกิดกำรนำหลักฐำนทำง ภำษำศำสตร์เข้ำมำทำกำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยมำกขึ้น อำทิ เจมส์ ริชำร์ด แชมเบอร์เลน (James Richard Chamberlain) ได้ศึกษำวิวัฒนำกำรของภำษำไทยกลุ่มต่ำง ๆ และสรุปว่ำ ถิ่นกำเนิดของภำษำไทยอยู่ที่แคว้นกวำงสีเมื่อประมำณ ๒๕๐ ปีก่อนคริสตกำล ต่อมำแยกเป็น ๒ สำขำ สำขำใหญ่สำขำหนึ่งอยู่ตรงชำยแดนเวียดนำมตอนเหนือและจีนตอนใต้ ในรำว คริสต์ศตวรรษที่ ๘ จำกแรงผลักดันทำงกำรเมืองในเวียดนำมทำให้คนไทยอพยพเป็น ๒ ทำง คือ สำยทำงลื้อ ทำให้เกิดภำษำลื้อ ไทยขัมตี ไทยอำหม และไทยยวน ส่วนสำยทำงสิบสองจุไทยเป็นแม่บทภำษำลำว หลวงพระบำงและหัวพันห้ำทั้งหก ซึ่งจะเป็น ที่มำของภำษำสุโขทัยในเวลำต่อมำ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของข้อสมมุติฐำนของแซมเบอร์เลนคือกำรปฏิเสธควำมเชื่อเรื่องเส้นทำง อพยพจำกน่ำนเจ้ำโดยสิ้นเชิง ในขณะที่งำนพอล เบเนดิคท์ (Paul Benedict) นักภำษำศำสตร์และนักมำนุษยวิทยำชำวอเมริกัน ซึ่งทำกำรค้นคว้ำ
  • 5. เรื่องรำวเกี่ยวกับเผ่ำไทยโดยอำศัยหลักฐำนทำงภำษำศำสตร์ เสนอควำมเห็นไว้ในบทควำมเรื่อง Thai Kadai and Indonesian สันนิษฐำนว่ำคนที่อยู่แถบแหลมอินโดจีนมำจำกบรรพบุรุษเดียวกัน และยอมรับว่ำภำษำไทย (Thai) เป็นภำษำที่ใหญ่ภำษำหนึ่งใน บรรดำภำษำของชนชำติทำงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในตระกูลออสตริคหรือออสโตรนีเชียนและสำมำรถแยกสำขำได้เป็นพวก ไทย ชวำ มลำยู ทิเบต พม่ำ สมมุติฐำนใหม่ของเบเนดิคท์นี้จะลบล้ำงควำมเชื่อที่ว่ำ คนเผ่ำไทยเป็นชนชำติตระกูลมองโกล แต่ กลับเป็นชนชำติตระกูลเดียวกับชวำมลำยู ส่วนในเรื่องถิ่นเดิมของคนไทย เบเนดิคท์ให้ทัศนะว่ำน่ำจะอยู่ในทำงตอนใต้ของจีน และเมื่อพวกมอญกัมพูชำอพยพมำจำกอินเดียเข้ำสู่แหลมอินโดจีน ในรำวประมำณ ๔,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปีมำแล้วได้ผลักดันให้คน ไทยกระจัดกระจำยไปหลำยทำงรวมทั้งขึ้นไปทำงใต้ของจีนปัจจุบัน ต่อมำถูกจีนผลักดันจึงถอยร่นลงใต้ไปอยู่ในเขตอัสสัม ฉำน ลำว ไทย และตังเกี๋ย จึงมีกลุ่มชนที่พูดภำษำไทยกระจัดกระจำยทั่วไปในดินแดนแถบนี้ ส่วนงำนของจิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งค้นคว้ำเรื่องที่มำของไทยโดยใช้วิธีกำรทำงนิรุกติศำสตร์วิเครำะห์ตำนำนพงศำวดำรท้องถิ่น ทำงเหนือของไทยและตรวจสอบกับจำรึกของประเทศข้ำงเคียงจำกเรื่อง ควำมเป็นมำของคำสยำม ไทย ลำว และขอม และลักษณะ ทำงสังคมของชื่อชนชำติ โดยให้ข้อสังเกตถิ่นที่อยู่ของคนไทยว่ำอำศัยอยู่กระจัดกระจำยในบริเวณภำคเหนือของไทย ลำว พม่ำ และรัฐอัสสัมของอินเดีย จิตรยังให้ควำมเห็นว่ำน่ำจะอยู่มำนำนถึง ๒,๕๐๐ ปีแล้วพร้อมทั้งแสดงควำมไม่เชื่อว่ำชนชำติไทยอพยพ มำจำกจีน ในขณะที่นักภำษำศำสตร์กำลังค้นหำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยนั้น กำรแสวงหำหลักฐำนด้ำนอื่นเพื่อมำอธิบำยถิ่น กำเนิดของชนชำติไทย เช่นงำนของศำสตรำจำรย์ขจร สุขพำนิช เรื่องถิ่นกำเนิดในประวัติศำสตร์ของชนชำติไทย โดยอำศัย หลักฐำนจำกภูมิภำคนี้ เช่น พงศำวดำรล้ำนช้ำง ร่วมกับหลักฐำนอื่น ๆ อำทิข้อมูลจำกกำรศึกษำของอีเบอร์ฮำด ด็อดด์และ หนังสือ ฉิจิ ของสุมำเชียน ทำให้ศำสตรำจำรย์ขจรสรุปถึงอดีตของคนไทยว่ำมีถิ่นกำเนิดอยู่ตอนใต้ของจีนในเขตมณฑลกวำงตุ้ง และกวำงสี ครั้นเมื่อ ปี ๑๐๒๘ ก่อนคริสต์ศักรำช รำชวงศ์สำง(หรือรำชวงศ์ชำงหรือซัง) ซึ่งเป็นมิตรกับเผ่ำไทยหมดอำนำจทำง กำรเมืองทำให้เกิดกำรอพยพมำทำงตะวันตกตั้งแต่มณฑลเสฉวนจนเข้ำเขตยูนนำน เมืองตำหอ และเข้ำสู่ทำงใต้ ผ่ำนเขตสิบสอง จุไทย ลงมำในเขตประเทศลำว เกิดแคว้นของคนไทยที่กลำยมำเป็นรัฐหัวหำดของคนไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อตูลำนซึ่ง จีนมำเปลี่ยนเรียกฉำงโกะในรำชวงศ์ฮั่น ซึ่งเมืองนี้ก็คืออำณำจักรล้ำนช้ำง งำนของ วิลเลียม เคร็ดเนอร์ (William Credner) ซึ่งค้นคว้ำเกี่ยวกับยูนนำนโดยสำรวจภูมิประเทศและเผ่ำพันธุ์ที่ ตกค้ำงอยู่ในยูนนำนได้สรุปไว้ว่ำ แถบทะเลสำบตำลีในยูนนำนจะมีคนไทยอยู่เฉพำะใต้ทะเลสำบตำลีลงมำ ในด้ำนภูมิประเทศ แถบยูนนำนเป็นที่รำบสูงและมีภูเขำสูงจึงไม่น่ำเป็นไปได้ว่ำ คนไทยจะอพยพไปที่ยูนนำน เพรำะคนไทยเป็นหมู่ชนที่ปลูกข้ำวเป็น อำหำร ชอบดินแดนทำงแถบร้อน ไม่ชอบที่เนินเขำ ฉะนั้นถิ่นเดิมของชนเผ่ำไทยควรจะมีที่อำศัยในที่ต่ำใกล้ทะเล เช่น มณฑลกวำง สีและมณฑลกวำงตุ้ง งำนของ วูลแฟรม อีเบอร์ฮำด (Wilfram Eberhard) ได้ให้ควำมเห็นเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยไว้ในงำน เขียนชื่อ A History of Chian ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๙๓ อธิบำยว่ำเผ่ำไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในบริเวณมณฑลกวำงตุ้ง ก่อนยุคโจว (จีน) จะมีอำนำจ เมื่อมีกำรขับเคี่ยวกันระหว่ำงรำชวงศ์ฮั่นกับศัตรูทำงด้ำนเหนือ ชนเผ่ำไทยจึงอพยพเข้ำสู่ยูนนำน และดินแดนในอ่ำวตังเกี๋ย กำรอพยพของเผ่ำไทยมำทำงทิศตะวันตกจนมำสร้ำงอำณำจักรเทียนหรือแถน (Tien) ที่ยูนนำนซึ่ง ตรงกับสมัยรำชวงศ์ฮั่นของจีน แต่กลุ่มนักวิชำกำรที่ยังคงทำกำรศึกษำโดยเชื่อว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยอยู่ทำงตอนใต้ของจีนที่มีพลังมำกที่สุดใน ปัจจุบันเป็นนักวิชำกำรของจีนเอง เช่น ศำสตรำจำรย์หวง ฮุ่ย คุน (Huang Hui Kun) เรื่อง กำรค้นคว้ำเกี่ยวกับอำณำจักร สยำม-ไต โบรำณ (A Research on Ancient Siam-Dai Kingdoms) โดยพยำยำมหำเอกสำรต้นฉบับ เช่น ประวัติเมืองโกสัมพี ที่เป็นต้นฉบับ ลำยมือเขียนของคนตระกูลหั่น ที่ดำรงตำแหน่งทูซือ (ทูซือ คือ บรรดำศักดิ์สูงสุดที่สืบทอดได้ของเจ้ำผู้ครองชนส่วนน้อย ที่ได้รับ
  • 6. กำรแต่งตั้งจำกรำชสำนักจีน) ศำสตรำจำรย์เจียงอิ้งเหลียง มำยืนยันสมมุติฐำนนี้ว่ำถิ่นกำเนิดของชนชำติไทยได้อำศัยอยู่ทำงตอนใต้ ของประเทศจีนมำตั้งแต่โบรำณ กลุ่มนักวิชำกำรที่เชื่อในทฤษฎีคนไทยอพยพมำจำกที่อื่นนี้ แม้จะยังคงเหลือกลุ่มที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ กระจัดกระจำยทั่วไปในบริเวณทำงตอนใต้ของจีนและทำงตอนเหนือของภำคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนบริเวณรัฐอัสสัม ของอินเดียเท่ำนั้นที่ยังคงมีกำรศึกษำและได้รับกำรยอมรับทำงวิชำกำรอยู่ แต่ประเด็นที่น่ำสนใจที่สุดในปัจจุบันก็คือกลุ่ม นักวิชำกำรที่เชื่อมั่นในแนวคิดนี้มักเป็นนักวิชำกำรต่ำงประเทศ ในขณะที่นักวิชำกำรไทยปัจจุบันเชื่อถือในทฤษฎีที่ว่ำคนไทยมีถิ่น ฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว หรืออย่ำงน้อยที่สุดประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้ว แนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ได้รับกำรค้นคว้ำจำกบรรดำนักวิชำกำร และแพร่หลำยไม่นำนมำนี้ เริ่มต้นจำกข้อมูล ทำงด้ำนโบรำณคดีหลังจำกกำรสำรวจแหล่งโบรำณคดีก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทยและได้พบโครงกระดูกมนุษย์ก่อน ประวัติศำสตร์ในทุกภูมิภำค ทำให้เกิดทัศนะว่ำกลุ่มคนไทยมำตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทยมำตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ปีที่แล้ว งำน ชิ้นแรกในกลุ่มนี้มำจำกแนวคิดของ ควอริช เวลส์ (Quaritch Wales) ซึ่งให้ทัศนะว่ำกลุ่มคนไทยมำตั้งหลักแหล่งอยู่แล้วตำมลุ่ม แม่น้ำแม่กลองและบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้ำพระยำ จำกกำรขุดค้นพบกะโหลกศีรษะที่พงตึก จังหวัดรำชบุรี เวลส์แสดงควำมคิดเห็นนี้ ในงำนเขียนของเขำเมื่อ พุทธศักรำช ๒๔๗๙ แม้ว่ำต่อมำเขำก็เปลี่ยนควำมคิดนี้ แต่แนวคิดนี้ยังคงพัฒนำต่อไปภำยใต้ควำม เชื่อที่ว่ำ “…บรรพชนของเรำเคยอำศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มำแต่ดั้งเดิม ได้สร้ำงและปกปักรักษำประเทศเขตแคว้นมำให้เรำได้อยู่ อำศัยจนทุกวันนี้นี่ควรจะเป็นสิ่งที่น่ำภำคภูมิใจที่สุดแล้ว…” แต่นักวิชำกำรที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้คือ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สุด แสงวิเชียร ซึ่งขณะนั้นเป็นแพทย์ประจำแผนกกำย วิภำคศำสตร์ คณะแพทยศำสตร์ศิริรำชพยำบำล ได้ให้ควำมเห็นว่ำดินแดนประเทศไทยปัจจุบันเป็นที่อยู่อำศัยของหมู่ชนที่เป็น บรรพบุรุษของคนไทยปัจจุบันมำตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศำสตร์ ข้อสันนิษฐำนของท่ำนอำศัยกำรศึกษำเปรียบเทียบโครงกระดูก มนุษย์สมัยหินใหม่ซึ่งคณะสำรวจไทยเดนมำร์ก ได้ร่วมกันขุดค้นได้ในบริเวณสองฝั่งแควน้อยและแควใหญ่ จังหวัดกำญจนบุรี และ ที่จังหวัดรำชบุรี ในระหว่ำง พุทธศักรำช ๒๕๐๓ - ๒๕๐๕ จำกกำรศึกษำสรุปว่ำโครงกระดูกของคนสมัยหินใหม่มีลักษณะไม่ แตกต่ำงมำกนักจำกคนไทยปัจจุบัน ดังนั้นเจ้ำของโครงกระดูกเหล่ำนี้จึงควรเป็นบรรพบุรุษของคนไทยปัจจุบันและได้อำศัยอยู่ ในประเทศไทยมำก่อนช่วงเวลำที่เชื่อว่ำเกิดกำรอพยพมำสู่ดินแดนประเทศไทย นอกจำกนี้ศำสตรำจำรย์ชิน อยู่ดี ตั้งข้อสังเกต ใน เรื่อง สมัยก่อนประวัติศำสตร์ในประเทศไทย ว่ำคนไทยได้อำศัยอยู่ในดินแดนประเทศไทยมำนำนแล้ว อย่ำงน้อยตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ปีที่แล้ว จำกหลักฐำนทำงโบรำณคดีพบว่ำ ในบริเวณเนื้อที่ประเทศไทยปัจจุบันมีร่องรอยผู้คนอำศัยอยู่ตั้งแต่สมัยหินเก่ำ คือ ระหว่ำง ๕๐๐,๐๐๐ ปีถึง ๑๐,๐๐๐ ปีมำแล้ว เรื่อยมำจนกระทั่งสมัยหินกลำง หินใหม่ ยุคโลหะและเข้ำสู่ยุคประวัติศำสตร์ ในยุค ดังกล่ำวเหล่ำนี้ยังเห็นถึงควำมสืบเนื่องทำงวัฒนธรรมที่มีมำจนถึงปัจจุบันด้วย ไม่เพียงเฉพำะหลักฐำนทำงโบรำณคดีเท่ำนั้นที่ทำให้ทฤษฎีคนไทยมีถิ่นฐำนอยู่ในประเทศไทยมำแต่เดิมแล้วอุบัติขึ้น ควำมทระนงตนทำงวิชำกำรที่จะทำลำยเพดำนควำมคิดเดิมที่ว่ำคนไทยต้องอพยพมำจำกที่อื่นมีส่วนในกำรกระตุ้นให้ควำมสนใจต่อ ทฤษฎีใหม่นี้อย่ำงยิ่ง กำรค้นคว้ำของนักวิชำกำรหลังปี พุทธศักรำช ๒๕๑๖ ช่วยบุกเบิกควำมเข้ำเรื่องคนและชนชำติ “ไทย” ใหม่เพื่อ “…ทำให้มองเห็นแนวทำงกำรศึกษำประวัติศำสตร์ยุคต้นของสยำมประเทศชัดเจนกว่ำเดิม ในควำมชัดเจนนั้นหมำยถึง ภำพพจน์ใหม่ มิติใหม่เกี่ยวกับประวัติศำสตร์ไทยที่ชัดเจนกว่ำภำพอันพร่ำมัวของกำรอพยพโยกย้ำยของชนชำติไตจำกแผ่นดินจีน ลงใต้ มิติใหม่แงกำรมองนี้นอกจำกจะทำให้กำรศึกษำประวัติศำสตร์ไทยมีควำมเป็นตัวของตัวเองแล้ว ยังเป็นรูปแบบหนึ่งแห่ง กำรพัฒนำกำรทำงประวัติศำสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคต้น ซึ่งก่อนหน้ำนี้ไม่สำมำรถทำควำมเข้ำใจได้อย่ำงสมบูรณ์ อัน
  • 7. เนื่องมำจำกกำรขำดบันทึกที่เป็นลำยลักษณ์อักษรเกี่ยวกับภูมิภำคนี้และขำดระบบวิธีกำรศึกษำที่แน่นอน…” กำรสัมมนำทำง วิชำกำรที่เกี่ยวเนื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจัดขึ้นอย่ำงค่อนข้ำงต่อเนื่อง มีส่วนอย่ำงยิ่งทำให้ประเด็นประวัติศำสตร์เรื่องถิ่นกำเนิด ของคนไทยไม่ขำดหำยไปเช่นประเด็นประวัติศำสตร์หลำย ๆ เรื่อง รวมไปถึงควำมสนใจอย่ำงจริงจังของสื่อมวลชน เช่น กลุ่ม สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ที่ได้จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือที่เกี่ยวเนื่องกับถิ่นกำเนิดของคนไทย อำทิ คนไทยไม่ได้มำจำกไหน (สุ จิตต์ วงษ์เทศ. คนไทยไม่ได้มำจำกไหน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เจ้ำพระยำ ,๒๕๒๗) หนังสือถิ่นกำเนิดของคนไทย (กำญจนี ละอองศรี. ถิ่นกำเนิดของคนไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๒๘) คนไทยอยู่ที่นี่ (สุจิตต์ วงษ์เทศ. คนไทยอยู่ที่นี่. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๒๙) คนไทยอยู่ที่ไหนบ้ำง (สุจิตต์ วงษ์เทศ. คนไทยอยู่ที่ไหนบ้ำง. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๓๐) กว่ำจะเป็นคนไทย (ธิดำ สำระยำ. กว่ำจะเป็นคนไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ ศิลปวัฒนธรรม ,๒๕๓๑) ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยำม (สุจิตต์ วงษ์เทศและศรีศักร วัลลิโภดม.ไทยน้อย ไทยใหญ่ ไทยสยำม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน ,๒๕๓๔) เป็นต้น ข้อเสนอของกลุ่มนักวิชำกำรทำงกำรแพทย์ ที่มีงำนวิจัยของนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ กับนำยแพทย์ประเวศ วะ สี และคณะนักวิจัยมหำวิทยำลัยขอนแก่น ซึ่งเน้นกำรศึกษำทำงด้ำนพันธุศำสตร์ (genetics) โดยนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สม บุญ ศึกษำวิจัยเกี่ยวกับควำมถี่ของยีน (gene frequency) และหมู่เลือด รำยงำนผลกำรวิจัยพบว่ำ คนไทยและคนอินโดนีเซีย (รวมทั้งคนมำเลย์บำงเผ่ำ) น่ำจะมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหรือในอินโดจีน หรือในบริเวณ หมู่เกำะต่ำง ๆ ในอินโดนีเซียก่อนที่จะแพร่กระจำยไปทำงใต้และทำงตะวันตกของอินโดจีน เข้ำสู่ประเทศไทยและขึ้นไปยังตอนใต้ ของจีน ดังนั้นถิ่นกำเนิดของคนไทยอำจอยู่บริเวณภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยหรือในอินโดจีน หรือในบริเวณ คำบสมุทรมลำยู และหมู่เกำะต่ำง ๆ ในอินโดนีเซีย และค่อย ๆ แพร่กระจำยไปทำงใต้และทำงตะวันตกของอินโดจีน และตอนใต้ ของจีน แม้ว่ำผลกำรวิจัยนี้จะไม่ได้สรุปลงไปว่ำ ประเทศไทยคือถิ่นกำเนิดของชนชำติไทย แต่ไม่ปฏิเสธว่ำประเทศไทยไม่ได้มี โอกำสเป็นส่วนหนึ่งในฐำนะถิ่นกำเนิดของคนไทยมำตั้งแต่อดีตเช่นกัน ยิ่งกว่ำนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดคือผลกำรเปรียบเทียบ ควำมถี่ของยีนของคนไทยที่ไม่มีประวัติผสมกับคนต่ำงด้ำวกับคนจีนในประเทศจีน ยังยืนยันว่ำคนไทยไม่ได้สืบเชื้อสำยมำจำกคน จีน เช่นเดียวกับผลกำรวิจัยของนำยแพทย์ประเวศ วะสี และคณะนักวิจัย มหำวิทยำลัยขอนแก่นที่ศึกษำเกี่ยวกับฮีโมโกลบินอี (Haemoglobin E ) และให้ข้อสรุปว่ำคนไทยมีฮีโมโกลบิน อี สูงโดยเฉพำะทำงภำคอีสำน ในขณะที่คนจีนเกือบไม่มีฮีโมโกลบิน อี เลย ดังนั้นคนทั้งสองเชื้อชำตินี้อำจะไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเลยก็ได้ งำนวิจัยสองเรื่องนี้จึงมีส่วนสำคัญในกำรสนับสนุนว่ำ คน ไทยไม่น่ำที่จะเคยอยู่ในจีนมำก่อน ดังนั้นกำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยให้ช่วงทศวรรษที่ผ่ำนมำนี้ มักจะไม่ได้สรุปลงไปว่ำ ประเทศไทย คือ ถิ่น กำเนิดของชนชำติไทย เท่ำ ๆ กับที่มักจะไม่ปฏิเสธว่ำประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในฐำนะเป็นถิ่นที่อยู่ของคนไทยมำตั้งแต่อดีต เช่นกัน ยิ่งกว่ำนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ควำมพยำยำมที่จะทำควำมเข้ำใจควำมเป็นชนชำติในบริบททำงประวัติศำสตร์ โดย พิจำรณำผ่ำน “ควำมเคลื่อนไหว” ของชนเผ่ำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกระดับทั้งภำยในชนเผ่ำนั้น ๆ เองและปัจจัยจำกภำยนอก กำรเติบโตและกำรขยำยตัวของชนเผ่ำขึ้นเป็นชนชำติที่สืบเนื่องมำจำกกำรขยำยตัวของกำรค้ำข้ำมภูมิภำคทำงบกช่วยกระตุ้นให้เกิด กำรเปิดเส้นทำงติดต่อระหว่ำงชนเผ่ำและระหว่ำงภูมิภำค ซึ่งส่งผลให้เกิดกำรรวมตัวและปรับตัวทำงสังคมเศรษฐกิจ และกำรรับ วัฒนธรรมจำกภำยนอก กลุ่มที่มีศักยภำพกำรเคลื่อนไหวสูงก็จะสำมำรถรวมตัวขึ้นเป็นรัฐที่มีอำนำจทำงกำรเมืองเข้มแข็งกว่ำชน เผ่ำอื่น เพื่อนำไปสู่ควำมเข้ำใจพัฒนำกำรของชนชำติไทยที่เคลื่อนไหว มิได้เป็นภำพนิ่งซึ่งไม่เคยเป็นธรรมชำติที่แท้จริงของชนชำติ ใด กำรตีควำมแนวคิดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย
  • 8. จำกแนวคิดที่เชื่อว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ที่เทือกเขำอัลไต และอพยพมำอยู่ที่มณฑลเสฉวนของประเทศจีน ต่อมำ จึงอพยพมำตั้งอำณำจักรน่ำนเจ้ำในบริเวณภำคใต้ของจีนจำกนั้นจึงอพยพเข้ำมำสู่ประเทศไทย โดยที่ในประเทศไทยขณะนั้นเป็น ที่อยู่ของพวกมอญ กัมพูชำ ควำมเชื่อนี้อำศัยหลักฐำนหลำยอย่ำงประกอบกันในกำรตีควำม อำทิ หลักฐำนประเภทเอกสำร หลักฐำนทำงด้ำนภำษำ และหลักฐำนจำกควำมคล้ำยคลึงกันทำงวัฒนธรรม จำกหลักฐำนประเภทเอกสำรที่เริ่มต้นด้วยจดหมำยเหตุของจีน เช่น กำรลงควำมเห็นว่ำคนไทยอยู่ที่มณฑลเสฉวน เพรำะอำศัยกำรตีควำมจำกพงศำวดำรตอนต้นของจีน ซึ่งระบุว่ำตอนกลำงของประเทศจีนปัจจุบันเป็นที่อยู่ของชนชำติหนึ่งซึ่งไม่ใช่ จีน จีนเรียกว่ำ ต้ำมุง คำว่ำ ต้ำมุงถูกแปลควำมหมำยว่ำคือ มุงใหญ่ หรือ เมืองใหญ่ และมีเสียงใกล้เคียงกับคำว่ำไทเมือง กำรนำข้อมูลเช่นนี้มำผสมผสำนให้ฟ้องเสียงยังถูกนำมำใช้ในกรณีข้อสันนิษฐำนเรื่องเขำอัลไต โดยควำมเชื่อที่ว่ำ คนไทยเคยอยู่ เทือกเขำอัลไตมำก่อน เพรำะสันนิษฐำนตำมคำพ้องเสียงที่ว่ำ ไต พ้องกับคำว่ำ ไทย หลักฐำนต่ำง ๆ ข้ำงต้นนี้ได้ถูกนำมำ ตีควำมเพื่อหำข้อสรุปทำงประวัติศำสตร์ด้วยแนวคิดแบบชำตินิยม (racism) ซึ่งเป็นทัศนะที่เชื่อว่ำชำติของตนนั้นยิ่งใหญ่กว่ำเชื้อ ชำติอื่น จำกแนวคิดนี้จึงเกิดข้อสรุปว่ำ เชื้อชำติไทยเป็นเชื้อชำติที่ยิ่งใหญ่จึงสมควรที่จะมีประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำที่ยำวนำน และเต็มไปด้วยควำมเจริญรุ่งเรือง แม้ว่ำในข้อเท็จจริงจะไม่มีเชื้อชำติใดในโลกที่เป็นเชื้อชำติบริสุทธิ์ หำกแต่มีกำรผสมผสำน กลืนกับเชื้อชำติอื่นอยู่เสมอ อำจด้วยวิธีกำรแต่งงำน หรือด้วยวิธีกำรอพยพแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อแสวงหำที่ทำกินใหม่ และ กำรตีควำมหลักฐำนทำงภำษำเพื่อศึกษำหำเชื้อชำติก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหำควำมผิดพลำดได้ ทั้งนี้เพรำะหลักฐำนทำงภำษำ และตัวอักษรเป็นวัฒนธรรมอย่ำงหนึ่งของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ถ่ำยทอดแลกเปลี่ยนและมีพัฒนำกำรในตัวของตัวเองได้ตลอดเวลำ ส่วนแนวคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของคนไทยตำมควำมเชื่อใหม่ คือ แนวคิดที่ว่ำคนไทยในดินแดนประเทศไทยเป็นคนใน ตระกูลภำษำไต-ไท และคนในตระกูลภำษำนี้อยู่กระจัดกระจำย นับตั้งแต่ตอนใต้ของจีน ทำงเหนือของเวียดนำม ลำว ไทย พม่ำ และบริเวณรัฐอัสสัมของอินเดียร่วมกับหลักฐำนทำงด้ำนโบรำณคดี พบร่องรอยของกำรตั้งชุมชนของมนุษย์ในดินแดนประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศำสตร์หรือประมำณ ๙,๕๐๐ ปีก่อนพุทธศตวรรษ ทำให้พบว่ำบรรดำชุมชนที่ตั้งถิ่นฐำนอยู่ในดินแดน ประเทศไทย ได้มีพัฒนำกำรของตนเองเติบโตขึ้นเป็นบ้ำนเมือง ตั้งอยู่กระจัดกระจำยทั่ว ๆ ไปตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ ในระยะก่อน พุทธศตวรรษที่ ๑๒ บ้ำนเมืองเหล่ำนี้มีกำรติดต่อสัมพันธ์กันและมีกำรติดต่อสัมพันธ์กับชุมชนภำยนอกโดยทำงกำรค้ำ ทำง วัฒนธรรม และทำงกำรแต่งงำน กลุ่มเมืองเหล่ำนั้นรวมตัวกันโดยควำมสัมพันธ์ทำงเครือญำติ ทำงกำรค้ำ และกำรติดต่อทำง วัฒนธรรม เติบโตจนกลำยเป็นแคว้น ซึ่งสำมำรถติดต่อกับดินแดนอื่น ๆ ทำงทะเลได้มีกำรติดต่อทำงกำรค้ำและทำงวัฒนธรรมกับ ชำวต่ำงชำติ เช่น อินเดีย จีน ลังกำ มอญ กัมพูชำ เป็นต้น ส่วนแคว้นที่อยู่ตอนในแผ่นดินก็สำมำรถติดต่อทำงกำรค้ำและทำง วัฒนธรรมกับแคว้นเพื่อนบ้ำนใกล้เคียง เช่น ลำว กัมพูชำ พม่ำ มอญ ลังกำ และจีนตอนใต้ เป็นต้น จนกระทั่งต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ กลุ่มเมืองที่รวมตัวอยู่ในแคว้นสำคัญที่อยู่เรียงรำยตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ เช่น แคว้น ล้ำนนำ แคว้นศรีสัชนำลัยสุโขทัย แคว้นละโว้ แคว้นอโยธยำ แคว้นสุพรรณภูมิ แคว้นนครศรีธรรมรำช เป็นต้น ค่อย ๆ รวมตัว กัน เกิดกำรยอมรับอำนำจของผู้นำเมืองใดเมืองหนึ่งภำยในแคว้น อำจเนื่องด้วยกำรทำสงครำม หรือกำรเกี่ยวดองทำงเครือ ญำติ ด้วยเหตุนี้ เมืองนั้นจึงกลำยเป็นเมืองศูนย์กลำงอำนำจขึ้นมำ บรรดำกลุ่มเมืองในระยะนี้จึงพัฒนำเข้ำสู่ระยะกำรรวมกับเป็น อำณำจักร เช่น อำณำจักรสุโขทัย อำณำจักรล้ำนนำ อำณำจักรล้ำนช้ำง อำณำจักรนครศรีธรรมรำช และอำณำจักรอยุธยำ ตำมลำดับ ในปัจจุบันกำรตีควำมเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยถูกแยกออกเป็นกลุ่มได้ ๓ กลุ่ม คือ ๑. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกประเด็นเชื้อชำติ ประเด็นเรื่องเชื้อชำติเป็นประเด็นแรกที่ถูกนำมำใช้ในกำรตีควำมเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทย แต่ปัญหำจำกกำรศึกษำ แบบคำดคะเนโดยอำศัยหลักฐำนไม่กี่ชิ้นและด่วนสรุป ทำให้ทฤษฎีแรก ๆ ของกลุ่มนี้ที่สรุปไว้ว่ำ ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่
  • 9. บริเวณมณฑลเสฉวนและเขำอัลไตไม่สำมำรถคงคนต่อกำรพิสูจน์ทำงวิชำกำรในช่วงต่อมำ แต่ยังถูกทดแทนด้วยกำรนำหลักฐำน ทำงโบรำณคดีมำศึกษำว่ำ เจ้ำของหลักฐำนเหล่ำนี้คือ บรรพบุรุษของคนไทยในปัจจุบันหรือไม่ ศำสตรำจำรย์นำยแพทย์สุด แสง วิเชียร ได้ศึกษำเปรียบเทียบลักษณะโครงกระดูกของคนในสมัยหินใหม่ที่พบที่กำญจนบุรี จำนวน ๓๖ โครง กับโครงกระดูกคน ไทยในปัจจุบัน ในที่สุดสรุปว่ำ โครงกระดูกของคนสมัยหินใหม่มีควำมเหมือนกับโครงกระดูกคนไทยปัจจุบันเกือบทุก ๆ อย่ำง ฉะนั้นคนสมัยหินใหม่ก็คือคนไทย แต่ข้อเสนอของนำยแพทย์สุด ซึ่งเป็นกำรนำโครงกระดูกมำศึกษำหำเชื้อชำตินั้นนับว่ำยัง หละหลวมมำก เพรำะควำมแตกต่ำงและควำมคล้ำยคลึงกันทำงโครงร่ำง หรือรูปพรรณสัณฐำนของเผ่ำพันธุ์ของมนุษย์ที่อำศัยอยู่ ในเอเชียนั้นไม่น่ำที่จะแตกต่ำงกันมำกนัก ขณะเดียวกันกำรหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์ก็เป็นสิ่งที่หำได้ยำกมำกสำหรับดินแดนเปิด อย่ำงอย่ำงภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นดินแดนที่สำมำรถติดต่อกับผู้คนจำกภำยนอกได้ตลอดมำ จึงนำไปสู่งำนวิจัยที่ นำวิธีกำรทำงพันธุศำสตร์(genetics) ที่ดูจะน่ำเชื่อถือมำกกว่ำ โดยนำยแพทย์สมศักดิ์ พันธุ์สมบุญ นำยแพทย์ประเวศ วะสี ที่ รวบรวมตัวอย่ำงเลือดจำกคนไข้จำนวนหนึ่งของโรงพยำบำลศิริรำช และอีกจำนวนหนึ่งจำกผู้มีร่ำงกำยแข็งแรงจำนวน ๑๐๘ คน มำศึกษำควำมถี่ของยีนในหมู่เลือด เปรียบเทียบกับคนในอินโดนีเซีย และบำงเผ่ำในคำบสมุทรมำเลย์เพื่อศึกษำหำเชื้อชำติและ เส้นอพยพของเชื้อชำติไทย อย่ำงไรก็ตำมข้อเท็จจริงที่ว่ำกำรหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่หำได้ยำกทำให้นักวิชำกำรจำนวนหนึ่ง ยังไม่เชื่อถือวิธีกำรทำงพันธุศำสตร์นี้ อย่ำงไรก็ตำมกำรยืนยันจำกงำนวิจัยทำงพันธุศำสตร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่ำนมำยังคงยืนยันว่ำ กำรที่จะพิสูจน์ถึงควำมสัมพันธ์ทำงเชื้อสำย (biological affinities) ระหว่ำงประชำกรหรือกลุ่มชำติพันธ์ใด ๆ เป็นสิ่งที่สำมำรถทำ ได้ โดย “…อำศัยกำรเปรียบเทียบด้วยหลักฐำนทำงชีววิทยำ โดยเฉพำะทำงพันธุศำสตร์เป็นหลักเท่ำนั้น…” และแม้แต่กำรวิจัย ล่ำสุดเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยในโครงกำรจัดสร้ำงดัชนีเพื่อใช้ในกำรเปรียบเทียบไทกลุ่มต่ำง ๆ ยังตั้งสมมุติฐำนว่ำ พันธุกรรมจะ เป็นเครื่องกำหนดลักษณะของมนุษย์ที่มีควำมคงที่สูงมำกและไม่ถูกดัดแปลงด้วยสิ่งแวดล้อมโดยง่ำย โดยเฉพำะกำรศึกษำ พันธุกรรมส่วนที่เรียกว่ำ ไมโตคอนเดรียล ดีเอ็นเอ (mitochondrial DNA) ๒. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกประเด็นเรื่องวัฒนธรรม แนวคิดเรื่องนี้เป็นปฏิกิริยำโต้ตอบกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติ เพรำะเชื่อว่ำไม่อำจแสวงหำเชื้อชำติที่บริสุทธิ์ได้ใน ดินแดนประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงเพรำะประชำชนในเขตนี้มีกำรติดต่อและผสมปนเปกันเรื่อยมำแต่ แนวคิดแบบชำตินิยม (racism) นี้เป็นแนวคิดที่เริ่มมำจำกประเทศตะวันตกก่อนตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เมื่อ นักวิชำกำรตะวันตกหันมำสนใจเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจึงนำแนวกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติมำใช้ นักวิชำกำรไทยจึงถูก ครอบงำด้วยกำรศึกษำประวัติศำสตร์เชื้อชำติไปด้วย กำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยมองคนไทยผ่ำนประเด็นทำงด้ำน วัฒนธรรมถูกกล่ำวถึงว่ำจะเป็นอีกแนวทำงที่ทำให้เข้ำถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้ กำรค้นคว้ำทำงด้ำนภำษำศำสตร์ก็ยืนยันว่ำ บริเวณทำงตอนใต้ของจีนและตอนเหนือของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ บริเวณรัฐอัสสัมของอินเดีย มีคำศัพท์โบรำณที่ร่วมกันมำกไม่ว่ำเกี่ยวกับ พืช สัตว์ ภูมิประเทศ อำชีพ ดินฟ้ำอำกำศ และโรคภัยไข้ เจ็บ คำโบรำณเหล่ำนั้นแสดงถึงว่ำผู้คนที่พูดภำษำนี้อยู่ในเขตร้อนชุ่มชื้น มีอำชีพในกำรทำนำและอำศัยน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในสังคม ผู้คนเหล่ำนี้คงอยู่ในตระกูลภำษำเดียวกัน คือ ตระกูลภำษำไทยเชื่อกันว่ำแหล่งกำเนิดของตระกูลภำษำไทยนั้น คงอยู่ตอนใต้ของ ประเทศจีน ต่อมำค่อย ๆ อพยพและผสมผสำนกลมกลืนมำตั้งถิ่นฐำนตำมลุ่มแม่น้ำต่ำง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำก กำรศึกษำพบว่ำ ในปัจจุบันมีคนพูดภำษำไทยทั้งหมดประมำณ ๖๕ ล้ำนคน ประเทศที่มีคนพูดภำษำไทยมำกที่สุด คือ ประเทศ ไทย รองลงไปเป็นลำว จีน พม่ำ เวียดนำม กัมพูชำ มำเลเซีย อินเดีย และเกำะไหหลำ กำรศึกษำถิ่นกำเนิดของคนไทยในแง่ ตระกูลภำษำ ซึ่งเป็นเรื่องทำงด้ำนวัฒนธรรมพบว่ำคนที่อยู่ในตระกูลภำษำไทยนั้นมีชื่อเรียกต่ำง ๆ กันในปัจจุบัน เช่น ไทใหญ่ ไทอำหม ผู้ไท ไทดำ ไทขำว ไทลื้อ ไทยวน และไทยในประเทศไทย คนในกลุ่มนี้อยู่กระจัดกระจำยตั้งแต่ตอนใต้ของจีน ตอน
  • 10. เหนือของเอเชียตะวันนออกเฉียงใต้ และทำงตะวันออกของอินเดีย คนในกลุ่มตระกูลภำษำนี้อำจเคยมีควำมสัมพันธ์กัน ณ ที่หนึ่งที่ ใด ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่อำจสันนิษฐำนได้ และค่อย ๆ เคลื่อนย้ำยแยกจำกกัน กำรเคลื่อนย้ำยนั้นเกิดขึ้นเมื่อใดบ้ำง ก็ยำกที่จะสืบค้น ได้แต่คงเป็นกำรเคลื่อนย้ำยอย่ำงค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ มำ ในระหว่ำงนั้นได้ผสมผสำนกลมกลืนกับคนในตระกูลภำษำอื่นไปบ้ำง และเมื่อตั้งถิ่นฐำนลงในแต่ละท้องถิ่นแล้ว ก็มีควำมเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนำกำรไปตำมสภำพภูมิศำสตร์และเหตุกำรณ์ในทำงสังคม แต่คนในตระกูลภำษำไทยก็ยังมีลักษณะร่วมกันทำงวัฒนธรรม โดยเฉพำะวัฒนธรรมดั้งเดิมก่อนที่จะมีกำรรับอิทธิพลจำกต่ำงชำติใน สมัยหลัง ๓. กลุ่มที่ศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกควำมเคลื่อนไหวและกำรปะทะสังสรรค์ทำงสังคมและ วัฒนธรรมของกลุ่มชน จำกข้อสังเกตที่ว่ำในสังคมมนุษย์อำจมีวัฒนธรรมบำงอย่ำงคล้ำยคลึงกันได้ โดยเฉพำะถ้ำหำกอยู่ในที่ที่มีสภำพภูมิศำสตร์ คล้ำยคลึงกัน ฉะนั้นกำรที่พบสิ่งของเหมือนกันในหลำย ๆ แห่งก็อำจหมำยควำมว่ำ สิ่งนั้นเกิดขึ้นในหลำย ๆ แห่งโดยไม่ได้รับ อิทธิพลจำกกันก็ได้ (poly-linear evolution) จนถึงกำรตั้งข้อสังเกตว่ำ กำรค้นคว้ำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยจำกกำรตีควำม ทั้งสองแบบข้ำงต้นเป็นเรื่องที่ไม่สำมำรถยอมรับได้ กำรศึกษำเรื่องถิ่นกำเนิดของคนไทยโดยพิจำรณำจำกควำมเคลื่อนไหวและ กำรปะทะสังสรรค์ทำงสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มชนทำให้สำมำรถเข้ำใจกำรเกิด กำรรวมตัวและกำรตั้งหลักแหล่งของชุมชน และบ้ำนเมือง จึงสำมำรถนำมำเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่ควำมเข้ำใจภูมิหลัง ควำมเป็นมำของชนชำติไทยได้ เกิดข้อข้อเสนอที่ว่ำ กำรรวมตัวของชนชำตินั้นเป็นผลมำจำกกำรเคลื่อนไหวปรับตัวทำงสังคมวัฒนธรรมหรือกำรเมืองของชนเผ่ำต่ำง ๆ ในเบ้ำหลอม ของสังคมแถบนี้ ซึ่งมีกำรใช้ภำษำไทยเป็นสื่อกลำงในกำรดำรงชีวิตร่วมกัน กำรเกิดชนชำติไทยจึงสืบเนื่องมำจำกกำรรวมตัว ของชนเผ่ำที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย สร้ำงบูรณำกำรทำงสังคมและวัฒนธรรมขึ้นเป็นพลังผลักดันเปลี่ยนชนเผ่ำสู่ควำม เป็นชนชำติที่ใช้ภำษำไทยเป็นสื่อกลำง ซึ่งพิจำรณำได้จำกกำรตั้งหลักแหล่งอย่ำงหนำแน่นในเส้นทำงคมนำคมติดต่อฝั่งทะเลและ แม่น้ำใหญ่ที่สำมำรถส่งเสริมควำมเจริญเติบโคของสังคมได้โดยง่ำย ดังนั้นพัฒนำกำรของชนชำติไทยจึงจึงมิได้มำจำกทิศเหนือลง ใต้หำกแต่กระจำยขยำยตัวตำมเส้นทำงคมนำคมติดต่อทั้งระหว่ำงกันและข้ำมภูมิภำค ส่งผลให้เกิดกำรปรับตัว ส่งต่อและรับ วัฒนธรรมควำมเจริญทั้งจำกภำยในและภำยนอก