More Related Content Similar to การวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์
Similar to การวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์ (20) การวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์2. หัวข้อการบรรยาย
1. บทนา
2. การออกแบบวิจัย
3. ตัวแปรและเครื่องชี้วัด
4. การเก็บข้อมูลและการสุ่มตัวอย่าง
5. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ
6. การนาเสนอข้อมูลทางสถิติ
6. ความหมายของการวิจัย (Research)
การวิจัย (Research) คือ กระบวนการแสวงหา
ข้อเท็จจริง หรือการพยายามค้นหาคาตอบ หรือหา
ความรู้ความเข้าใจในปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึน้
ในสังคม โดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระเบียบและมี
หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
10. แบบฟอร์มงานวิจัยที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1 บทนา
1.1 ความเป็นมาและความสา คัญของปัญหา
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
1.4 นิยามศัพท์เฉพาะ
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.6 สมมติฐานในการวิจัย
1.7 กรอบแนวคิดในการวิจัย
11. 2 เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.1 กรอบแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
2.2 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
2.3 ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
2.4 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
3 วิธีดาเนินการวิจัย
3.1 การกา หนดประชากรและการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
3.2 การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.4 การจัดกระทา และการวิเคราะห์ข้อมูล
12. 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
4.1 การเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
4.3 ผลการทดสอบสมมติฐาน
4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะ
5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการวิจัย
5.2 อภิปรายผลการวิจัย
5.3 ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการวิจัย
5.4 ข้อเสนอแนะ
22. การวิจัยแบบทดลอง
แบบทดลองที่มีกลุ่มควบคุม โดยเก็บข้อมูลทั้งก่อนและหลังจาก
การดาเนินโครงการ
แบบทดลองที่มีกลุ่มควบคุม โดยเก็บข้อมูลเฉพาะหลังการดาเนิน
โครงการ
แบบทดลองแบบสี่กลุ่มของซอโลมอน
แบบทดลองแบบแรนดอมไมซ์บลอค
23. การวิจัยแบบทดลอง
การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก มีตัวแปรต้นปรากฏอยู่
กลุ่มที่สอง เหมือนกลุ่มแรก ยกเว้น ไม่มีตัวแปรต้น
แบบทดลองที่มีกลุ่มควบคุม โดยเก็บข้อมูลทั้งก่อนและหลังจาก
การดาเนินโครงการ
แบบทดลองที่มีกลุ่มควบคุม โดยเก็บข้อมูลเฉพาะหลักการดาเนิน
กิจกรรมโครงการ
แบบทดลองสี่กลุ่มของซอโลมอน
แบบทดลองแบบแรนดอมไมซ์บลอค
26. การออกแบบเชิงอนุกรมเวลา
O1 O2 O3 X O4 O5 O6
การออกแบบโดยมีกลุ่มควบคุมที่ไม่เหมือนกลุ่มทดลอง
Oy X Oy (กลุ่มทดลอง)
Oy Oy (กลุ่มควบคุม)
หมายเหตุX = การดา เนินการกับกลุ่มทดลอง
Oy = การเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างทั้งก่อนและหลัง
ดาเนินการ
29. การวิจัยตัดขวาง = ศึกษาตามข้อมูลที่เป็นจริง
ภูมิลาเนา (เมือง / ชนบท)
การศึกษา การลงคะแนนเสียงเลือกต้งั
30. การวิจัยแบบระยะยาว
ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวกันหลายครั้ง
แบบของการวิจัยระยะยาว การเก็บข้อมูลครั้งที่
1 2 3 4
กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว กลุ่ม A กลุ่ม B กลุ่ม C กลุ่ม D
ใช้กลุ่มตัวอย่างที่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง
แบบของการวิจัยระยะยาว การเก็บข้อมูลครั้งที่
1 2 3 4
กลุ่มตัวอย่างที่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง กลุ่ม A กลุ่ม B กลุ่ม C กลุ่ม D
34. แบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง
Q1 X Q2 (กลุ่มทดลอง)
หมายเหตุX = โครงการ หรือการดาเนินการกับกลุ่มตัวอย่าง
Q1 = เป็นการวัดตัวแปรตามก่อนโครงการ
Q2 = เป็นการวัดตัวแปรตามหลังโครงการ
35. แบบมีกลุ่มเปรียบเทียบ
X Q1 (กลุ่มทดลอง)
Q2 (กลุ่มเปรียบเทียบ)
หมายเหตุX = โครงการ หรือการดาเนินการกับกลุ่มตัวอย่าง
Q1 = เป็นการวัดตัวแปรตามในกลุ่มทดลอง
Q2 = เป็นการวัดตัวแปรตามในกลุ่มเปรียบเทียบ
41. ตัวอย่างระดับของการวัดทั้ง 4 ระดับ
I. Nominal Scale = เพศ, คณะ, อาชีพ
II. Ordinal Scale = ระดับการศึกษา, ช่วงอายุ, ช่วงเงินเดือน
III. Interval Scale = อุณหภูมิ, คะแนนสอบ, เกรดเฉลี่ย
IV. Ratio Scale = อายุ, น้า หนัก, รายได้
42. การสร้างมาตรวัด
มาตรวัด คือ ชุดของ สัญลักษณ์หรือ ตัวเลข ที่สร้างขึ้นมาใน
ลักษณะที่สามารถนา ไปใช้วัดบุคคล หรือสิ่งที่ต้องการวัด โดยมีการ
กา หนดไว้แน่นอนว่า คุณสมบัติใดควรจะได้คะแนน เท่าไร
มาตรวัด ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่าง
ปรากฏการณ์
ตัวเลขหรือคะแนน
วิธีการให้คะแนนกับปรากฏการณ์ต่างๆ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อถือได้ของมาตรวัด
จา นานตัวแปร
ผู้ให้ข้อมูล
วัดโดยตรงหรือทางอ้อม
43. ความแม่นตรง (Validity) ของมาตรวัด
นิยามความหมาย
การวัดสิ่งที่ต้องการวัดได้อย่างถูกต้องแม่นยา
ชนิดของความแม่นตรง
1.ความแม่นตรงตามเนื้อหา
2.ความแม่นตรงตามความสัมพันธ์กับเกณฑ์
3.ความแม่นตรงตามมโนทัศน์
44. ความเชื่อถือได้ (Reliability) ของมาตรวัด
นิยามความหมาย
การวัดระดับของความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
คลาดเคลื่อนสูง เชื่อถือได้ต่า
คลาดเคลื่อนต่า เชื่อถือได้สูง
เกณฑ์ทดสอบความเชื่อถือได้
1.เกณฑ์ความมั่นคงหรือเสถียรภาพ
2.เกณฑ์การทดแทนซึ่งกันและกัน
3.เกณฑ์ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
47. การกาหนดแหล่งข้อมูล
ข้อมูลปฐมภูมิ = ข้อมูลที่เก็บโดยตรงจากพื้นที่ / บุคคล
1.การสังเกตการณ์
2.การใช้แบบสอบถาม
3.การสัมภาษณ์
ข้อมูลทุติยภูมิ = ข้อมูลของผู้อื่นที่ได้มีการเก็บข้อมูลมาแล้ว
1.สถิติ
2.จดหมายเหตุ ไดอารี่ บันทึก
3.เอกสาร สิ่งตีพิมพ์เผยแพร่ ข้อมูลที่ผ่านสื่อมวลชน เช่น วิทยุ
โทรทัศน์
48. วิธีการเก็บข้อมูลปฐมภูมิ
การสังเกตการณ์
แบบไม่กาหนดกรอบไว้ล่วงหน้า
1.การสังเกตการณ์โดยตรง
2.การสัมภาษณ์เจาะลึก
3.การศึกษาเอกสารและการสัมภาษณ์ทั่วไป
แบบกาหนดกรอบไว้ล่วงหน้า
การใช้แบบสอบถาม
การสัมภาษณ์
50. การเขียนข้อคาถาม
คาถามปลายปิด (Closed ended)
กาหนดคาตอบไว้ล่วงหน้า
นักวิจัยต้องมีความรู้เกี่ยวกับลักษณะของคาตอบในทางที่จะเป็นไปได้
นักวิจัยต้องซอยช่วงคาตอบให้ละเอียดเพียงพอที่จะฉายภาพของ
ผู้ตอบได้ชัดเจน
คาถามปลายเปิด (Open ended)
เติมคาลงในช่วงว่าง
นักวิจัยไม่แน่ใจว่าคาตอบจะออกมาอย่างไร
ต้องจัดหมวดหมู่คา ตอบ
51. ขั้นตอนการสร้างแบบสอบถาม
ทา รายการข้อมูลที่ต้องการทั้งหมดโดยละเอียด
เลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับการถามข้อมูล
ทา ร่างแรกแบบสอบถาม โดยเรียงข้อคา ถามที่คาดว่าผู้ตอบ
สะดวกใจ และควรศึกษาแบบสอบถามจากผู้อื่นประกอบ
ปรับแก้ข้อความต่างๆ โดยควรให้หลายฝ่ายช่วยกันปรับแก้
ทดสอบแบบสอบถาม (Pretest)
จัดพิมพ์แบบสอบถามให้สวยงาม ถูกต้อง ชัดเจน ชวนให้ตอบ มี
คาชี้แจงวัตถุประสงค์ในการกรอกแบบสอบถาม
52. ข้อควรปฏิบัติ
ข้อคาถามไม่เกิน 10 หน้า / ใช้เวลาตอบไม่เกิน 30 นาที
คา ถามควรสั้น กะทัดรัด สะดวกในการวิเคราะห์และตีความ
มีเนื้อความให้ตอบประเด็นเดียว
เขียนคาถามบางข้อให้ตรวจสอบความจริงใจในการตอบ
คา ถามต้องไม่ทาให้ผู้ตอบรู้สึกว่าถูกบังคับ / ทาให้ผู้ตอบอาย
คาสั่น คาชี้แจง และตัวอย่างต้องชัดเจน
มีภาคคาแนะนาตัว / การขอความร่วมมือ / ชี้แจงวัตถุประสงค์
เก็บรวบรวมแบบสอบถามคืนโดยเร็วที่สุด
ควรให้ค่าตอบแทนไม่มากหรือน้อยไปด้วย
จัดพิมพ์ให้เรียบร้อย ใช้กระดาษขาว / สีอื่นที่เด่นชัด
ควรติดตามทวงคืนแบบสอบถามไม่เกิน 3 ครั้ง
รูปแบบและหน้าปกของแบบสอบถามควรทาให้เห็นเด่นชัด
53. วิธีการสัมภาษณ์โดยใช้แบบสอบถาม
การสร้าง
บรรยากาศ
• วางตัวให้เหมาะสม เป็นกันเอง แนะนาตนเองและวัตถุประสงค์
• ถามประโยคสั้นๆ และตรงประเด็น
วิธีการถาม
• ถามประโยคสั้นๆ และตรงประเด็น
• ถามข้อวามสั้นๆ เหมือนกันทุกคน
อคติ
• อคติของผู้ตอบ
• อคติจากนักสัมภาษณ์เอง
55. ประชากร และหน่วยการวิเคราะห์
ประชากร (Population)
กลุ่มหรือทั้งหมดของสิ่งที่เราต้องศึกษา
จะต้องระบุให้แน่ชัดว่า รวมใครและ ประชากร (N)
ไม่รวมใครบ้าง
ไม่จา เป็นที่จะต้องประกอบด้วย “ คน ”
หน่วยวิเคราะห์ (Unit of analysis) กลุ่มตัวอย่าง (n)
ต้องเข้าใจว่ากลุ่มตัวอย่างคืออะไร
สิ่งที่เราต้องการจะวิเคราะห์
เก็บข้อมูลจากไหน
61. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
สถิติเชิงพรรณนา
การแจกแจงความถี่ การวัดแนวโน้มเข้าสู่ศูนย์กลาง การวัดการกระจาย
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม ค่าพิสัย ส่วนมาตรฐาน
(Percentage) (Mean) (Median) (Mode) (Rane) (S.D.)
ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์
(Quartile Deviation)
65. สถิติวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวแปร
ระดับการวัดของ
ระดับการวัดของตัวแปรตาม
ตัวแปรต้น
Nominal Ordinal Interval / Ratio
Nominal Chi - square Chi - square
T-test
(กรณีแปรต้นมี 2 กลุ่ม)
Anova
(กรณีตัวแปรต้นมากกว่า 2 กลุ่มขึ้นไป)
Ordinal Chi - square Chi - square
T-test
(กรณีแปรต้นมี 2 กลุ่ม)
Anova
(กรณีตัวแปรต้นมากกว่า 2 กลุ่มขึ้นไป)
Interval / Ratio Pearson Correlation
Simple Regression
70. ตัวอย่างการเสนอ Chi – Square
สุข าพอนามัย รายได้
มีรายได้เ ลี่ยต่อเดอืน รายได้เ ลี่ยต่อเดือน รวม
ต่า กว่า 2,500 บาท 2,500 บาทขึน้ไป
( ู้มีานะยากจน) ( ู้มีานะสูงกว่าเกณ ์)
ผู้ที่เจ็บป่วยมากกว่า 9 13 22
เดือนละ 1 ครัง้ (ผู้ที่มี (40.9) (59.1) (100.0)
สุขาพอนามัย ม่ดี)
ผู้ที่เจ็บป่วยน้อยกว่า 21 157 178
เดือนละ 1 ครัง้ (ผู้ที่มี (11.8) (62.9) (100.0)
สุขาพอนามัยดี)
รวม 30 170 200
(15.0) (85.0) (100.0)
Chi-Square = 13.014 df = 1 sig = 0.02