อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
Mesopotamia Civilization
• มนุษย์ถือกำเนิดมำนำนนับล้ำนๆ ปี ตั้งแต่ในยุคหินเก่ำ แต่กำร
ดำรงชีวิตเป็นไปอย่ำงง่ำยๆ และมีพัฒนำทำงสติปัญญำอย่ำงเชื่องช้ำ
ต่อมำเมื่อเข้ำสู่ยุคบรอนซ์ (Bronze Age 4,000 ปีก่อน
คริสต์ศักรำช) หรือยุคสำริด มนุษย์มีควำมเจริญก้ำวหน้ำมำกขึ้นก็
จัดตั้งสังคมเมืองตำมลุ่มแม่น้ำต่ำงๆ อันเป็นต้นกำเนิดของอำรยธรรม
โลก สำหรับอำรยธรรมตะวันตก (Western Civilization) ต้น
กำเนิดของอำรยธรรม
• - ลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส (Tygris-Euphrates)
• - ลุ่มแม่น้ำไนล์ (Nile) ในตะวันออกใกล้ (Near East) หรือเอเชียไม
เนอร์ (Asia Minor)
ความหมายของ “เมโสโปเตเมีย”
• เมโสโปเตเมีย เป็นคำในภำษำกรีก หมำยถึง ดินแดนระหว่างแม่น้า 2
สาย ตั้งอยู่บริเวณดินแดนระหว่ำง
• แม่น้าไทกริสและยูเฟรทีส เป็นดินแดนที่มีควำมอุดมสมบูรณ์เหมำะ
แก่กำรเพำะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ได้ชื่อว่ำ “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอัน
อุดมสมบูรณ์” (The Fertile Crescent)
• สภำพภูมิประเทศของเมโสโปเตเมีย ไม่เอื้ออำนวยต่อกำรตั้งถิ่นฐำนมำก
นัก เพรำะมีปริมาณน้าฝนน้อย อากาศร้อนจัด ขาดหินที่เป็นวัสดุ
ก่อสร้าง มักเกิดอุทกภัยจากภาวะฝนตกหนักในตอนเหนือ และ
การละลายของหิมะในเทือกเขำซำกรอส (Zagros) และเทือกเขำ
เทำรัส (Taurus) ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
• ขณะเดียวกันธรรมชำติ ณ บริเวณดังกล่ำวก็มีสิ่งทดแทนให้ ได้แก่ ควำม
อุดมสมบูรณ์ของต้นอินทผาลัมซึ่งให้ผลที่อุดมด้วยธำตุอำหำรๆ ที่
สำคัญคือ คำร์โบไฮเดรตที่เป็นสำรอำหำรให้พลังงำนแก่ร่ำงกำยหนอง
บึงที่มีต้นกกซึ่งมีปลำดึงดูดสัตว์ปีกนำนำพันธุ์มำอำศัยและหำกินรวมทั้ง
ดินตำมฝั่งแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีสที่มำกด้วยปุ๋ ยธรรมชำติจำกกำรพัดพำ
ของน้ำ สภาพแวดล้อมดังกล่าวจึงเหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานใหม่
• นักวิชำกำรกล่ำวว่ำ อำณำจักรซูเมอร์ (Sumer) หรือซีนำร์
(Shinar) ซึ่งเป็นชื่อในพันธสัญญำเก่ำ (Old Testament) ใน
ภำคแรกของคัมภีร์ไบเบิลเป็นอู่อำรยธรรมที่มีควำมเก่ำแก่กว่ำอียิปต์
กำเนิดเมื่อประมำณ 3500 ปีก่อนคริสต์ศักรำช
• เนื่องจำกชาวซูเมเรียน (Sumerian) เป็นชนชาติแรกที่คิด
ประดิษฐ์ตัวอักษรทำให้เกิดกำรบันทึกเรื่องรำวต่ำงๆ เป็นลำยลักษณ์
อักษร ซึ่งถือเป็นหลักฐำนสำคัญในกำรศึกษำวิชำประวัติศำสตร์และกำร
แบ่งเส้นเวลำระหว่ำง “สมัยก่อนประวัติศาสตร์” และ “สมัย
ประวัติศาสตร์”
อารยธรรมที่สาคัญในเมโสโปเตเมียสามารถแบ่งช่วงเวลา
ออกเป็น 4 อาณาจักรที่สาคัญ
• 1. สมัยอำณำจักรซูเมอร์ (3200-2300 ปีก่อนคริสต์ศักรำช)
• 2. สมัยอำณำจักรบำบิโลนเก่ำ (2000-1600 ปีก่อน
คริสต์ศักรำช)
• 3. สมัยจักรวรรดิอัสซีเรีย (1300-612 ปีก่อนคริสต์ศักรำช)
• 4. สมัยอำณำจักรคำลเดียนหรือบำบิโลนใหม่ (612-539 ปี
ก่อนคริสต์ศักรำช)
•
•
สมัยอาณาจักรซูเมอร์ (3200-2300 ปีก่อน
คริสต์ศักราช)
• ก่อนที่ชำวซูเมเรียนจะตั้งหลักปักฐำนในบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริส-
ยูเฟรทีสได้อำศัยอยู่ตำมบริเวณเนินเขำและจัดตั้งเป็นหมู่บ้ำน รู้จักกำร
เลี้ยงสัตว์และเพำะปลูก ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ในกำรทำนำ เช่น
จอบและเสียม จนเกิดเป็น “การปฏิวัติเกษตรกรรม”
• ในเวลำต่อมำชำวซูเมเรียนได้อพยพลงมำตั้งถิ่นฐำนบริเวณลุ่มแม่น้ำ
ไทกริส-ยูเฟรทีส ได้พัฒนำกำรเกษตรแบบชลประทำนขึ้นซึ่งให้ผลผลิต
มำกขึ้นเกิดกำรสร้ำงสังคมที่ซับซ้อนและมีสถำบันทำงสังคมแบบใหม่
ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงเทคโนโลยีใหม่กับสถำบันใหม่ๆ ยังก่อให้เกิด
ควำมสัมพันธ์เชิงลูกโซ่และนำไปสู่กำรเปลี่ยนแปลงอื่นๆ จนเกิดกำร
สร้ำง “อารยธรรม” ขึ้น
พัฒนาการทางด้านการเกษตรกรรม
• ชำวซูเมเรียนคิดค้นกำรชลประทำนและระบำยน้ำไปยังที่ดินที่เพำะปลูก
โดยเริ่มขุดคลองส่งน้าขนาดเล็กเชื่อมต่อระบายน้าไปยังไร่นา มี
การประดิษฐ์คันไถทาด้วยโลหะทองเหลืองซึ่งเกิดจำกกำรนำแร่ดีบุก
ผสมกับทองแดง ทำให้คันไถมีควำมแข็งแกร่ง
• มีกำรนำวัวมำเทียมคันไถ นับว่ำมีควำมสำคัญและเป็นครั้งแรกที่มีกำร
นำแรงงำนสัตว์มำใช้ทุ่นแรง
• มนุษย์ ทำให้กำรทำนำได้ผลอย่ำงมำก ใน 2500 ปีก่อนคริสต์ศักรำช
ปริมำณข้ำวบำร์เลย์ให้ผลผลิตมำกกว่ำเมล็ดพันธุ์ที่นำไปหว่ำนเพำะถึง
86 เท่ำ ส่งผลให้ประชำกรมีกำรกินดีอยู่ดีและเพิ่มจำนวนมำกขึ้นกำร
ขยำยพื้นที่เพำะปลูกและกำรขุดคูคลองส่งน้ำเพิ่มขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง
ก่อให้เกิดกำรเพิ่มของผลผลิตทำงเกษตรกรรม จำนวนประชำกร กำร
ขยำยตัวของชุมชนและกำรสร้ำงสังคมเมือง (Urban Society)
อย่ำงต่อเนื่อง
พัฒนาการทางด้านสังคม
• สังคมเมืองของชำวซูเมเรียนเริ่มขึ้นตั้งแต่ 3200 ปีก่อนคริสต์ศักรำช ต่อมำ
ได้มีกำรจัดตั้งเป็นนครรัฐ
• (city-state) จำนวน 12 นครรัฐ นอกกำแพงเมืองเป็นที่ตั้งของไร่นำซึ่ง
เป็นแหล่งอำหำรของชำวเมือง ที่ดินส่วนใหญ่เป็นของกษัตริย์ นักบวช และ
ชำวเมืองที่ มั่งคั่ง โดยมีชนชั้นแรงงำนและทำสเป็นแรงงำนเพำะปลูก ผลผลิต
ส่วนใหญ่เป็นข้ำวบำร์เลย์และข้ำวสำลีต้องยกให้แก่วัง วัด หรือคหบดีเจ้ำของ
ที่ดิน เพื่อให้กำรบริหำรจัดกำรใช้ที่ดินหรือกำรเช่ำที่ดินมีประสิทธิภำพจึง
จำเป็นต้องมีกำรทำบัญชีที่เป็นลำยลักษณ์อักษรเพื่อเป็นกำรบันทึก
รำยละเอียดต่ำงๆ ของจำนวนที่ดินที่ให้เช่ำ ค่ำเช่ำ ขนำดของฝูงสัตว์ เมล็ด
พันธุ์ที่ใช้ในกำรหว่ำนและอื่นๆ ไว้กันลืม
อักษรคูนิฟอร์ม (cuneiform)
• ซึ่งมำจำกคำว่ำ cuneus แปลว่ำ ลิ่ม และ formus แปลว่ำ รูป อักษร
ลิ่มในระยะแรกมีลักษณะเป็นอักษรภำพ (pictograph) โดยใช้ไม้ปลำย
แหลม (stylus) ทำจำกต้นอ้อกดเป็นรูปภำพง่ำยๆ ลงบนดินเหนียวและ
นำไปตำกแห้งหรืออบด้วยควำมร้อน เช่น รูปปลำแทนควำมหมำยของปลำ
รูปนกแทนควำมหมำยของนก เป็นต้น
• ตัวเขียนของชำวซูเมเรียนนิยมใช้กำรอย่ำงแพร่หลำยในหมู่ชนชำติอื่นๆ เช่น
ชำวบำบิโลน (Babylonian) อัสซีเรีย (Assyrian) ฮิตไตน์ (Hittie)
และเปอร์เซีย (Persian) อักษรลิ่มยังถูกนำไปบันทึกบทบัญญัติทำง
ศำสนำและงำนวรรณกรรมที่แสดงให้เห็นถึงอำนำจของพระเจ้ำ
พัฒนาการทางด้านศาสนา
• สังคมของซูเมเรียนต้องประสบกับภัยธรรมชำติ เช่น ภำวะน้ำท่วมที่แม้
จะมีกำรสร้ำงเขื่อนแต่ก็ไม่สำมำรถป้ องกันชีวิตผู้คนนับพันได้ รวมทั้งไร้
ปรำกำรธรรมชำติ ที่จะขวำงกั้นศัตรู ได้สร้ำงควำมรู้สึกสิ้นหวังและยอม
ตกอยู่ในอำนำจลี้ลับของพระเจ้ำโดยดุษณี ชำวซูเมเรียนมองว่ำ
“มนุษย์เกิดมาเพื่อรับใช้พระเจ้าเท่านั้น”
• ชำวซูเมเรียนทุ่มเทกำรสร้ำงสถำปัตยกรรมขนำดใหญ่ มีลักษณะคล้ำย
ภูเขำซึ่งเป็นสิ่งที่มีขนำดสูงใหญ่ที่สุดตำมธรรมชำติ เรียกว่ำ “ซิกกู
แรต” (Ziggurat)
• ซิกกูแรต (Ziggurat) เป็นเทวสถานและบูชาพระเจ้าหรือเทพ
ประจาเมืองเพื่อไม่ให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองและลงทัณฑ์มนุษย์ด้วยภัย
ต่ำงๆ เป็นที่สอนหนังสือให้แก่นักบวชรุ่นเยาว์เพื่อให้เกิดความรู้
ด้านต่างๆ และให้อ่านออกเขียนได้ซึ่งจำเป็นสำหรับชนชั้นนักบวชที่
มักทำหน้ำที่บริหำรบ้ำนเมืองหรือทำหน้ำที่กษัตริย์ด้วย
• นับว่ำเป็นโรงเรียนที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ซิกกูแรตถือเป็น
สิ่งก่อสร้ำงที่สำคัญที่สุด ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยอิฐ
ที่ทาจากดินเหนียวตากแห้ง ซึ่งเป็นวัสดุที่มีอยู่ทั่วไป
• ปัจจุบันซิกกูแรตได้พังทลำยไปจนเหลือเพียงเนินอิฐและเนินดินเท่ำนั้น
ภำยในซิกกูแรตก็วำงรูปสลัก ขนำดเล็กจำนวนมำก เป็นรูปคนกำลังสวด
มนต์ต่อพระเจ้ำ (votive figures) แสดงควำมอ่อนน้อมต่อพระเจ้ำ
ด้านวรรณกรรม
• เรื่องรำวกำรผจญภัยของกิลกำเมซ ประมุขและวีรบุรุษแห่งอูรุก
(Uruk) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในรำว 2700 ปีก่อน
• คริสต์ศักรำช ต่อมำเรื่องรำวดังกล่ำวได้ตกทอดไปยังพวกบำบิโลนและ
เป็นที่นิยมแพร่หลำยในชื่อ “มหากาพย์กิลกาเมซ” ที่
พยำยำมแสวงหำชีวิตอมตะ แต่ล้มเหลวและไม่สำมำรถเอำชนะชะตำ
ชีวิตของตนได้ “เพราะความตายกับมนุษย์เป็นสิ่งคู่กัน” ในกิลกำ
เมซยังปรำกฏเรื่องรำวเกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ดังที่บันทึกเกี่ยวกับน้ำ
ท่วมโลกไว้ในพันธสัญญำเก่ำของพวกฮิบรูหรือภำคแรกของคัมภีร์ไบ
เบิลด้วย
ด้านเครื่องมือเครื่องใช้และเทคโนโลยี
• ประดิษฐ์จำนหมุนเพื่อใช้ในกำรปั้นภำชนะดินเผำ ถือว่ำเป็นเครื่องกลชนิด
แรกของโลก
• - สร้ำงวงล้อที่ประกบติดกับเพลำเพื่อใช้กับเกวียนและรถศึก ทำให้กำรขนส่ง
เป็นไปด้วยควำมสะดวกสบำยและทุ่นแรงงำนคนและสัตว์ในกำรแบกหำม
รถศึกทำให้นักรบบนรถศึกสำมำรถใช้อำวุธได้อย่ำง
• มีประสิทธิภำพ
• - มีควำมสำมำรถเชิงคณิตศำสตร์ รู้จักระบบฐำนเลข 60 ในกำรแบ่งเวลำ
และมุม
• - กำรคำนวณหำพื้นที่ของวงกลม ¶r²
• - กำรหำระยะทำง

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย2