งานคอม
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ปีการศึกษา 2557
ชื่อโครงงาน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นายปรัตถกร ดอกเรือนคา ห้อง 6/12 เลขที่ 6
2 นางสาวพีรคนางค์ บูญญสิทธิ์ ห้อง 6/12 เลขที่ 15
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ชื่อสมาชิก
1 นายปรัตถกร ดอกเรือนคา เลขที่ 6
2 นางสาวพีรคนางค์ บุญญสิทธิ์ เลขที่ 15
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Civilization of Mesopotamia
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายปรัตถกร ดอกเรือนคา
นางสาวพีรคนางค์ บุยญสิทธิ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาการดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2557
- 4. ขอบเขตโครงงาน
1 ศึกษาชนเผ่าที่เข้ามาอยู่อาศัยในดินแดนเมโสโปเตเมีย
2 ศึกษาพื้นที่ในดินแดนเมโสโปเตเมีย
3 การสืบทอดวัฒนธรรมจนถึงปัจจุบัน
หลักการและทฤษฎี
เมโสโปเตเมียเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง เมโสโปเตเมีย แปลว่า
ดินแดนระหว่างแม่น้าสองสายคือ แม่น้าไทกรีสและยูเฟรทีส (ปัจจุบันคือดินแดนส่วนใหญ่
ของประเทศอิรัก) ระหว่างสองฝั่งแม่น้าทั้งสองสายเป็นพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะ
แก่การเพาะปลูก ทาให้กลุ่มชนชาติต่างๆเข้ามาทามาหากินและสร้างอารยธรรมขึ้น รวมทั้ง
ถ่ายทอดอารยธรรมจากกลุ่มหนึ่งสู่กลุ่มหนึ่ง ทาให้เกิดอารยธรรมแบบผสม และวิชา
ประวัติศาสตร์สากลในชั้นมัธยมปลายต้องได้เรียนอารยธรรมเมโสโปเตเมียอีกด้วย
- 11. คาว่า Mesopotamia มาจากคาว่า meso=
ระหว่าง กับคาว่า potamus=แม่น้า รวมกันแล้วมี
ความหมายว่า ดินแดนระหว่างแม่น้า คือ แม่น้า
ไทกริส (Tigris) ซึ่งมีต้นกาเนิดมาจากเทือกเขา
ซากรอสในอิหร่าน และยูเฟรติส (Euphrates) ซึ่งมี
ต้นกาเนิดมาจากเทือเขาสูงบริเวณที่ราบสูงอาร์เมเนียใน
ตุรกี
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
- 19. การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าต่างๆ ในเมโสโป
เตเมีย1. ชาวสุเมเรียน (Sumerians) เป็นชนเผ่าแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมโสโปเตเมียโดย
เปลี่ยนจากหมู่บ้านโล่งมาเป็นเมืองมีกาแพง บริเวณทางตอนใต้ของบาบิโลเนียติดต่อกับอ่าว
อ่าวเปอร์เซีย เรียกว่า ซูเมอร์ (Sumer) ผู้นาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ซาร์กอนมหาราช (Sargon the
the Great)
2. ชาวแอคคัด (Akkad) เป็นพวกเร่ร่อนเผ่าเซมิติกที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณซีเรียและทะเลทรายอาหรับ ได้
เข้ามารุกรานยึดครองพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมีย
3. ชาวอมอไรต์ (Amorite) เป็นชนเผ่าเซเมติก อพยพจากทะเลทรายอาระเบีย เข้ามายึดครองนครรัฐ
ของชาวสุเมเรียนและสถาปนาจักรวรรดิบาบิโลเนียขึ้น โดยมีนครบาบิโลนเป็นศูนย์กลางการปกครอง มีกษัตริย์
ที่สาคัญ คือ พระเจ้าฮัมมูราบี (Hammurabi)
- 20. 4. ชาวฮิตไทต์ (Hittite) เป็นชนเผ่าอินโดยูโรเปียนที่ตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้รัสเซีย ได้อพยพขยายตัว
มาตามแม่น้ายูเฟรตีส และเข้าโจมตีทางเหนือของซีเรียและปล้นสะดมกรุงบาบิโลเนีย พวกฮิตไทต์มี
มีความสามารถในการรบมาก เป็นชนเผ่าแรกที่นาเหล็กมาใช้ ในการทาอาวุธ รู้จักใช้ม้า รถเทียมม้า ทา
ม้า ทาให้กองทัพเข้มแข็งและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว
5. ชาวอัสซีเรียน (Assyrian) เป็นชนเผ่าเซเมติกอยู่ทางตอนเหนือของบริเวณ เมโสโป
เตเมีย มีความสามารถในการรบ สามารถรวบรวมดินแดนทั้งหมดของเมโสโปเตเมีย
เรียกได้ว่ายึดครองดินแดนในบริเวณพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ มีศูนย์กลางการ
ปกครองที่เมืองนิเนเวห์ (Nineveh) ซึ่งรุ่งเรืองที่สุดในสมัยกษัตริย์อัสซูร์บานิปาล
- 24. 6. ชาวคาลเดียน (Chaldean) เป็นชนเผ่าเซเมติกที่อพยพมาจากเขตทะเลทรายเข้ามา ตั้งถิ่นฐานทางตะวันออกเฉียงใต้ของ
ลุ่มแม่น้าไทกริสและยูเฟรตีส สามารถโค่นล้มจักรวรรดิอัสซีเรียสาเร็จและสถาปนาจักรวรรดิแคลเดียนหรือบาบิโลเนียใหม่
(New Babylonia) โดยมีกรุงบาบิโลนเป็นศูนย์กลางการปกครอง อาณาจักรบาบิโลเนียใหม่เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองในสมัย
ในสมัยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ (Nebuchadnezzar)
8. ชาวฟินีเซียน เป็นชื่อที่ชาวกรีกใช้เรียกพวกแคนาไนต์ (Cananite) ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เร
เนียนในซีเรียน (ปัจจุบันคือ เลบานอน) มีความสามารถทางการค้า การเดินเรือ สร้างเรือเดินสมุทร
อาณาจักรคาร์เทจ
9. ชาวฮิบรู (Hebrew) หรือยิว (Jew) เป็นชนเผ่าเซมิติกที่เร่ร่อนอยู่ในดินแดนต่างๆ ก่อนที่จะเข้ามาตั้ง
ดินแดนที่คานาอัน หรือปาเลสไตน์ในปัจจุบัน มีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่คือ กษัตริย์เดวิด และกษัตริย์โซโลมอน
7. ชาวเปอร์เซีย (Persia) เป็นชนเผ่าอินโด – ยูโรเปียน อพยพมาจากทางเหนือของเทือกเขาคอเคซัส
และตั้งถิ่นฐานยอยู่ในประเทศอิหร่านในปัจจุบัน
- 26. ภายใต้พวกสุเมเรียน ปกครองแบบนครรัฐโดยปาเตซี (patesis) คือหัวหน้ารัฐ รวม
ตัวเอง มีหน้าที่ทางศาสนา กองทัพ และเศรษฐกิจ พระองค์เป็นหัวหน้าพระ เป็นแม่ทัพของ
ทัพ และเป็นผู้สั่งการในด้านการ ควบคุมน้า
ประมาณ 2000 ปี ก่อนคริสตกาล ดันจิ (Dungi) ได้รวมดินแดนและสถาปนาตนเองเป็น
ผู้ปกครองแต่ผู้เดียว
ชาวบาบิโลเนียนได้เลิกการปกครองตนเองของท้องถิ่น กษัตริย์กลายมาเป็นผู้มีอานาจ
สูงสุด กษัตริย์จัดการเรื่องเก็บภาษี เลือกคนเพื่อมารับใช้กองทัพ และลงโทษผู้ฝ่าฝืน การลงโทษ
รุนแรง
ด้านการเมืองปกครอง (ต่อ)
- 28. 1. กฎหมายอยู่บนพื้นฐานของหลักการแก้แค้น
2. กฎหมายได้มีการจาแนกประเภทอาชญากรรมโดยเจตนาและ
อาชญากรรมโดยไม่เจตนา
3. กฎหมายยอมรับในความแตกต่างระหว่างชนชั้น และมีบทลงโทษ
แตกต่างกัน
4. กฎหมาย ได้นามาใช้เป็ นระเบียบสังคม ภรรยาที่ซื่อสัตย์กฎหมายยอมให้หย่าขาด
จากสามีที่ทารุณโหดร้ายได้ และพ่อแม่ของฝ่ายหญิงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้ ภรรยาที่
นอกใจ ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามีจะถูกถ่วงน้า หญิงที่คบชู้จะถูกลงโทษอย่างทารุณ
5. กฎหมายยอมรับการไต่สวนจากการพิสูจน์ ผู้ถูกกล่าวหาจะถูกโยน
น้าในที่น้าลึก ถ้าเขาจมก็จะเป็ นผู้มี ความผิด ถ้าเขาว่ายน้าเข้าฝั่งได้ ก็จะ
เป็ นผู้บริสุทธิ์
- 32. ชาวสุเมเรียนได้เปลี่ยนแปลงในด้านการเกษตรและการควบคุมน้าได้ดี ที่ดินเพาะปลูก
โดยทาส พืชหลัก คือ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ หอมหัวใหญ่ ถั่ว และอินผาลัม ชาวสุเมเรียนรู้การ
ใช้ไถพรวนดิน สัตว์เลี้ยงที่เป็นหลัก คือ แกะและวัว
การพาณิชย์และการค้าได้ขยายตัวออกไป มีการเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศที่อยู่
รอบ ๆ มีการทาสัญญาด้วยการเขียนและมีพยาน ใบส่งของ ใบรับเงิน และตั๋วแลกเงิน (letter
of credits) พ่อค้าที่เดินทางทาการค้า ต้องจ่ายค่านายหน้า สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่
เหรียญ แต่เป็นทองแท่งหรือเงินแท่ง
ด้านเศรษฐกิจ (ต่อ)
- 34. ชาวบาบิโลเนียทาการค้าอย่างมีกฎการปฏิบัติการค้า ธนาคาร และ อุตสาหกรรม เป็นเรื่อง
ที่อยู่ภายใต้กฎหมายของรัฐ ถ้าการติดต่อกันโดยไม่มีสัญญาและพยานจะมีการลงโทษ มี
กฎหมายลงโทษผู้ละเลยการเพาะปลูก และการอานวยด้านการควบคุมน้า เกษตรกรทั้งหมดต้อง
จ่าย 2 ใน 3 ของผลผลิตให้กับรัฐ
ชาวอัสสิเรียนไม่สนใจเรื่องการค้า เพราะว่ารายได้หลักได้มาจากสงคราม แต่ยอมให้ชาว
ต่างประเทศเข้ามาทากิจกรรมด้านพาณิชย์ได้ การเกษตรยังคงเป็นอาชีพหลัก
- 41. ศาสนาของเมโสโปเตเมียมีลักษณะเด่นจากองค์ประกอบ 2 ประการ คือ
1. เชื่อในเวทย์มนต์และสิ่งที่เหนือธรรมชาติ
2. ไม่มีทัศนคติเกี่ยวกับชีวิตหลังตาย
ชาวสุเมเรียนมีเทพจานวนหนึ่ง เทพเหล่านี้เป็นตัวแทนของ
อานาจธรรมชาติและแสดงลักษณะ เป็นบุคคลจากองค์ประกอบของมนุษย์
ชามาซ (Shamash) คือ สุริยเทพ
เอนลิล (Enlil) คือ จ้าวแห่งฝนและลม
อิชตาร์ (Ishtar) คือ เทพีของสตรี
ด้านศาสนา
- 42. เทพเหล่านี้และเทพอื่น ๆ เป็นทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ตัวอย่างเช่น สุริยเทพให้ความอบอุ่นและ
แสงสว่างในด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งเผาดินและทาให้พืชเหี่ยวเฉา เทพที่น่ากลัวที่สุดในบรรดา
เทพทั้งหมด คือ เนอกัลป์ (Nergal) เชื่อกันว่าผู้ต้นเหตุของโรคระบาด
เทพเหล่านี้บางองค์ถูกชาวบาบิโลเนียนมองข้าม แต่เรื่องการนับถือเทพยังไม่
เปลี่ยนแปลง โดยมาร์ดุค (Marduk) ถือว่าอยู่ในตาแหน่งสูงสุดของเทพของบาบิโลเนียน
ด้านศาสนา (ต่อ)
***** การนับถือพระเจ้าหลายองค์ชาวสุเมเรียน และกษัตริย์เป็นผู้ได้รับมอบหมายจากเทพเจ้า
ให้มาปกคลองโลกมนุษย์ ความเชื่อดังกล่าวถ่ายทอดไปยังชาวกรีกและโรมันในสมัยต่อมา
นอกจากนี้ชาวสุเมเรียนไม่เชื่อเรื่องภพหน้า จึงไม่มีการสร้างสุสานหรือมัมมี่เหมือนอียิปต์โบราณ
*****
- 46. - การแกะสลักตราประจาตัว สาหรับประทับในจดหมายซึ่งเขียนบนแผ่นดินเหนียวและการใช้
โลหะผสมสาริด ประดิษฐ์เครื่องใช้ต่างๆ
- การพัฒนางานกสิกรรม เช่น ขุดคลองส่งน้า สร้างทานบกั้นน้า ฯลฯ
- รู้จักการนาระบบฐานเลข 60 ในการแบ่งเวลาและมุม การคานวณหาพื้นที่ของวงกลม
การหาระยะทาง การคานวณ การคิดมาตราชั่งตวงวัด
- การนับเดือนแบบจันทรคติคือ เดือนหนึ่งมี 29 1/2 วัน ปี หนึ่งมี 12 เดือน แต่ละ
เดือนแบ่งออกเป็ น 4 สัปดาห์ สัปดาห์หนึ่งมี 7-8 วัน
- การบันทึกการโคจรของดวงดาว นามาซึ่งการคานวณเพื่อทานายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ต่างๆ ทาให้เกิดวิชาโหราศาสตร์
- การประดิษฐ์ล้อเพื่อใช้กับเกวียน และรถศึก
- 49. ชาวอมอไรต์ หรือบาบิโลน
- สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของซูเมอร์
- เป็ นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและศาสนา
- บาบิโลนกลายเป็ นเมืองใหญ่ที่สุดในโลก
- กาหนดสร้าง ชั่วโมงมี 60 นาที
- กาหนดสร้างปฏิทินปี มี 12 เดือน
- สร้างตารางสูตรคูณ
- ผู้นาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด กษัตริย์ฮัมมูราบี (Hammurabi)
ชาวฮิตไทต์
- มีการใช้รถศึกเทียมม้าแทนรถศึกเทียมลา
- ใช้อาวุธทาด้วยเหล็ก และมีโรงงานผลิตเหล็ก
- 55. ชาวเปอร์เซีย
- งานสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมของชาวเปอร์เซีย เป็ นงานด้าน
สถาปัตยกรรม ประติมากรรม เช่น เสาคอลัมน์ (Column) และการแกะสลัก
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ บนผนังอาคารซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปกรรม
สมัยกรีกและโรมันในเวลาต่อมา
- สร้างถนนเชื่อมดินแดนต่าง ๆ
- การประดิษฐ์อักษร
- การใช้ระบบเงินตรา
- การสื่อสาร การไปรษณีย์
- มีศาสนาโซโรแอสเตอร์เป็ นของตนเอง