More Related Content
Similar to การขยายอิทธิพลของชาติตะวันตก
Similar to การขยายอิทธิพลของชาติตะวันตก (6)
More from Pannaray Kaewmarueang
More from Pannaray Kaewmarueang (13)
การขยายอิทธิพลของชาติตะวันตก
- 2. 1. การสารวจเส้นทางเดินเรื อ (ค.ศ. 1450-1750)
ยุโรปเข้าสู่ยคการสารวจเส้นทางเดินเรื อโดยการเปิ ดน่านน้ ากับโลกตะวันออก
ุ
ทาให้ชาติ
ตะวันตกสามารถค้าขายโดยตรงกับประเทศอื่นๆ มีการจัดตั้งสถานีการค้า การค้นพบทวีป และการจัดตั้ง
เมืองท่า
แผนที่การเดินเรื อ
- 5. 3. การค้นพบเส้นทางเดินเรื อสู่ดินแดนทางตะวันออก และการค้นพบโลกใหม่ของชาติตะวันตก
3.1)โปรตุเกส
- คริ สต์ศตวรรษที่ 15 เจ้าชายเฮนรี นาวิกราช (Henry the
Navigator) แห่งโปรตุเกสจัดตั้งโรงเรี ยนราชนาวีที่แหลมซาเกรส
- บาร์โธโลมิว ไดแอส (Bartholomeu Dias) เดินเรื อเลียบชายฝั่ง
๊
ทวีปแอฟริ กาผ่านแหลมกูดโฮป (Cape of Good Hope) สาเร็จ ในปี ค.ศ.1488
- 6. - วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) เดินเรื อจากเส้นทาง
ั
สารวจของไดแอสจนถึงเอเชียและขึ้นฝั่งที่เมืองกาลิกต (Calicut) ของอินเดียในค.ศ.1498
ต่อมาชาวโปรตุเกสสามารถควบคุมเมืองต่างๆทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริ กาและอินเดียฝั่งตะวันตก
และยึดเมืองกัว (Gua) เป็ นเมืองหลวงของจักรวรรดิโปรตุเกสในตะวันออก
- 7. 3.2) สเปน
- คริ สโตเฟอร์ โคลัมบัส (Chistopher Columbus) รับ
อาสากษัตริ ยสเปนเดินเรื อไปประเทศจีนโดยเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และค้นพบทวีปอเมริ กา
์
ในที่สุด ในปี ค.ศ.1492 ทาให้สเปนได้ครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ในอเมริ กา
- ในปลายคริ สต์ศตวรรษที่15 เป็ นช่วงการแข่งขันอานาจทางทะเลระหว่าง
โปรตุเกสกับสเปนเพื่อหาเส้นทางไปยังหมู่เกาะอินดีส (East Indies) ซึ่งเป็ นแหล่งเครื่ องเทศ
และพริ กไทย
- 8. - ในค.ศ.1494 สันตะปาปาอะเล็กซานเดอร์ที่6 (Alexander
VI) ทรงให้สเปนและโปรตุเกสทาสนธิสญญาทอร์เดซียส (Treaty of Tordesillas)
ั
ั
กาหนดให้แบ่งโลกออกเป็ น2ส่วนโดยสเปนมีสิทธิสารวจและยึดครองดินแดนทางด้านตะวันตกของเส้น
เมริ เดียนที่ 51 และโปรตุเกสได้สิทธิทางด้านตะวันออก นาไปสู่การครอบครองทวีปอเมริ กาใต้ของ
สเปนเกือบหมด ยกเว้นบราซิลซึ่งตกเป็ นของโปรตุเกสตามข้อตกลงของสนธิสญญานี้และนาไปสู่การสร้าง
ั
จักรวรรดิทางทะเล (maritime empire) ของโปรตุเกสในเอเชีย
- 9. - ในค.ศ.1519 เฟอร์ดินนด์ มาเจลลัน (Ferdinand Magellan) นัก
ั
เดินเรื อชาวโปรตุเกส ได้แล่นเรื อออกจากท่าเรื อสเปน ไปทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก และอ้อมผ่านช่องแคบมา
เจลลัน ทางตอนใต้ของทวีปอเมริ กาใต้และข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเขาตั้งชื่อว่า มาเร ปาซิฟิโก (Mare Pacifico)
ซึ่งแปลว่า ทะเลสาบ (The Peaceful Sea) และได้ข้ ึนฝั่งอีกครั้งที่หมู่เกาะฟิ ลิปปิ นส์ การเดินทางของมาเจลลัน
่
่
ครั้งนี้นบเป็ นการเดินเรื อครั้งแรกที่ขามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังทวีปเอเชีย และสามารถพิสูจน์ได้วาอเมริ กาและเอเชียตั้งอยูคน
ั
้
ละทวีป แต่มาเจลลันไม่ได้แล่นเรื อกลับสเปน เขาถูกคนพื้นเมืองฆ่าตาย เมื่อพยายามเผยแผ่ศาสนา แต่ลูกเรื อที่เหลือ สามาถ
่
หลบหนีออกจากฟิ ลิปปิ นส์ได้ และเดินทางต่อไปจนพบโมลุกกะ หรื อหมู่เกาะเครื่ องเทศ ใน ค.ศ.1522 ซึ่งนับได้วาเป็ นเรื อ
ลาแรกที่แล่นรอบโลก และสามารถพิสูจน์ทฤษฎีโลกกลมว่าเป็ นความจริ ง
สี แดง = เส้นทางเดินเรื อของมาเจลลัน
สี น้ าเงิน = เส้นทางเดินเรื อของลูกเรื อ
- 10. 3.3)ฮอลันดา
่
- ฮอลันดา หรื อฮอลแลนด์ หรื อเนเธอร์แลนด์ เคยอยูใต้การปกครองของสเปน ก่อน
หน้านี้ชาวดัตซ์ได้ทาหน้าที่เป็ นพ่อค้าคนกลางในการค้าเครื่ องเทศในยุโรป แต่เมื่อฮอลันดาแยกตัวเป็ นอิสระใน
ค.ศ.1580 พ่อค้าดัตซ์จึงไม่สามารถเข้าไปซื้อเครื่ องเทศในโปรตุเกสได้ ฮอลันดาจึงหาเส้นทางเพื่อติดต่อซื้อ
เครื่ องเทศโดยตรง ในที่สุดกองทัพเรื อของฮอลันดาก็สามารถยึดครองอานาจการค้าเครื่ อง เทศของโปรตุเกสได้ใน
ค.ศ.1598 และได้จดตั้งสถานีการค้าในเกาะชวา อีกทั้งยังจัดตั้งบริ ษทอินเดียตะวันออกของฮอลันดาขึ้นเพื่อ
ั
ั
ควบคุมการค้าในหมู่เกาะเครื่ องเทศ
- 11. - ค.ศ.1606 บริ ษทอินเดียตะวันออกของฮอลันดาได้ส่งวิลเล็ม เจนซ์
ั
่
(Willem Jansz) คุมเรื อ ดุฟเกน (Duyfken) เพื่อค้นหาเกาะทองคาที่เชื่อว่าอยูทาง
ทิศใต้และทิศตะวันออกของเกาะชวา การเดินเรื อครั้งนี้ทาให้เจนซ์ได้คนพบทวีปออสเตรเลีย และเรี ยก
้
่
ทวีปนี้วา นิวฮอลแลนด์ (New Holland) แต่ในคริ สต์ศตวรรษที่18 อังกฤษได้ครอบครอง
ั
ทวีปนี้และเรี ยกทวีปว่า ออสเตรเลีย (Australia)
- 12. 3.4) อังกฤษ
- อังกฤษได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในตะวันออกในปลายคริ สต์ศตวรรษที่ 16 ได้ทาสงครามกับสเปน
และสามารถรบชนะกองทัพเรื ออาร์มาดา (Armada) ของสเปนได้ ทาให้องกฤษขยายอิทธิ พลสู่ ตะวันออก
ั
- ค.ศ.1591 อังกฤษได้ส่งกองเรื อเดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปมายังอินเดียเป็ นครั้งแรก ต่อมา
อังกฤษสามารถสลายอานาจทางทะเลของโปรตุเกสที่ควบคุมมหาสมุทรอินเดีย จนเข้าไปมีอานาจและอิทธิพลในอินเดียและอ่าว
เปอร์เซีย นับตั้งแต่น้ นอังกฤษก็กลายเป็ นคู่แข่งขันในทางการค้ากับฮอลันดาในตะวันออก
ั
- หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษเข้ามามีบทบาทแทนบริ ษทอินเดียตะวันออกของอังกฤษแล้ว รัฐบาล
ั
อังกฤษดาเนินนโยบายสร้างอิทธิพลในตะวันออกอังกฤษอย่างเต็มที่โดยยึด ดินแดนต่างๆเป็ นอาณานิคมของตน เช่น อินเดีย พม่า
มลายู สิ งคโปร์
- 13. 4. ผลของการค้นพบดินแดนของชาติตะวันตก
4.1) การเผยแผ่ศาสนา
- คริ สต์ศาสนาถูกเผยแผ่ในประเทศ ที่ติดต่อทาการค้า หรื อดินแดนที่เข้ายึด
ครองและจัดตั้งเป็ นอาณานิคมด้วยสันติวิธีโดยบาทหลวง ทาหน้าที่สอนศาสนาและให้ความช่วยเหลือด้าน
มนุษยธรรมและการศึกษาแก่คนพื้นเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจใช้วิธีรุนแรงเพื่อบีบบังคับให้คนพื้นมือง
ในบางดินแดน ซึ่งถือว่าเป็ นพวกนอกรี ต (heresy) ให้หนมายอมรับนับถือคริ สต์ศาสนา และเป็ น
ั
นโยบายของประเทศด้วย
- ในคริ สต์ศตวรรษที่16 สเปนใช้ศาลศาสนาเป็ นเครื่ องมือในการส่งกอง
ทหารเข้าทาลายล้างอารยธรรมของเผ่า มายา (Maya) แอสเต็ก (Aztec) และอินคา (Inca)
ในทวีปอเมริ กาใต้ โดยใช้เหตุผลว่าชนพื้นเมืองเหล่านี้เป็ นพวกนอกศาสนาและบีบบังคับให้นบถือคริ ตส์
ั
ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก จนในกลายมาเป็ นศาสนาประจาแถบนี้ในที่สุด
- 15. 4.2) การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและระบบการค้า
- การค้นพบดินแดนใหม่ การจัดตั้งสถานีการค้าและอาณานิคมช่วยให้ชาติตะวันตก
ขยายตัวทางการค้าอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเกิดการปฏิวติการค้า(commercial
ั
revolution)เกิดระบบพาณิ ชยนิยม (mercantile system) และเกิดการก่อตั้ง
บริ ษทรวมทุน (joint stock company)ขึ้ น ซึ่งทาการค้าในนามของประเทศและทาให้
ั
ประเทศของตนให้สามารถยึดครองดินแดนต่างๆในพระนามของกษัตริ ย ์ เช่น บริ ษทอินเดียตะวันออกของ
ั
อังกฤษได้ก่อตั้งในทวีปอเมริ กาเหนือและเบิกทางให้รัฐบาลอังกฤษสามารถเข้าครอบครองอินเดียในเวลาต่อมา
- นอกจากนี้การขยายตัวทางการค้าอย่างรวดเร็ว การค้นพบเหมืองแร่ เงินและทอง
ในทวีปอเมริ กาทาให้เกิดการปฏิวติทางราคา(price revolution) ทาให้สินค้าอุปโภคบริ โภคแพง
ั
ขึ้นหลายเท่าตัวก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ อ
- 17. 4.3) การกระจายและแพร่ พนธุของพืชและสัตว์
ั ์
- ในปลายคริ สต์ศตวรรษที่17 ชาวดัตซ์ได้นาต้นกาแฟจากตะวันออกกลางมาปลูก
ที่เกาะชวาเพื่อให้เป็ นพืชเศรษฐกิจแทนเครื่ องเทศที่ทากาไรได้นอยลง จนกาแฟกลายเป็ นสิ นค้าสาคัญอย่างหนึ่งใน
้
ภูมิภาคนี้
ยิงไปกว่านั้นกาแฟยังได้แพร่ หลายไปยังทวีปอเมริ กาใต้ทาให้ทวีปอเมริ กาใต้กลายเป็ นผูผลิตกาแฟที่มี
้
่
ปริ มาณมากที่สุดในโลก
- 18. - ต้นยางพาราจากบราซิลมาปลูกในแถบทะเลใต้ (South Seas)
และได้แพร่ กระจายไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และภาคใต้ของไทย จนประเทศต่างๆเหล่านี้กลายเป็ นแหล่ง
ผลิตยางพาราที่สาคัญของโลก
- ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปลายคริ สต์ศตวรรษที่ 18 ชาวตะวันตก
นาเอาแกะไปแพร่ พนธุ์ จนปัจจุบนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็ นผูผลิตขนแกะที่มีจานวนรวมกัน
ั
ั
้
มากกว่าครึ่ งหนึ่งของประมาณที่ผลิตทัวโลก
่
- 20. การฟื้ นฟูศิลปวิทยา
การฟื้ นฟูศิลปวิทยา หมายถึง การเกิดใหม่(rebirth)ของการศึกษา การฟื้ นฟูอุดมคติศิลปะ
และวรรณกรรมของกรี กและโรมัน เริ่ มต้นในคริ สต์ศตวรรษที่14 และสิ้นสุดในกึ่งกลางคริ สต์ศตวรรษที่
17
สมัยใหม่
โดยถือว่าเป็ นจุดเชื่อมต่อ(transitional
period)ของประวัติศาสตร์สมัยกลางและ
- 21. 1. สาเหตุของการฟื้ นฟูศิลปวิทยา
- การขยายตัวทางการค้าทาให้ฐานะทางการเงินของชาวยุโรป มังคังขึ้น จึงหันมา
่ ่
สนับสนุนด้านศิลปะและวิทยาการ
ที่ต้งของนครรัฐต่างๆในอิตาลีเคยเป็ นแหล่งความเจริ ญรุ่ งเรื องของจักรวรรดิโรมัน
ั
นักปราชญ์และศิลปิ นจึงให้ความสนใจในศิลปะและวิทยาการของชาวโรมันมาก
- ชาวยุโรปปฏิเสธกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของฝ่ ายศาสนจักร อีกทั้งการทุจริ ตของนักบวชทา
ให้คนเสื่ อมศรัทธาในสถาบันคริ สต์ศาสนาและหันไปสนใจงานสร้างสรรค์ของเพื่อนมนุษย์ดวยกัน
้
- สงครามครู เสดและการล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ (ค.ศ.1453)ทาให้
วิทยาการต่างๆของชาวโรมันและกรี กที่ได้สืบทอดเอาไว้กลับคืนไปทางตะวันตกอีกครั้ง
- 22. 2. แนวคิดใหม่สมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยา
- ในสมัยกลางชาวตะวันตกเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีบาปติดตัวมาแต่กาเนิด การมีชีวิตอยูเ่ ป็ นการไถ่
บาป เพื่อเดินทางไปสู่สวรรค์ เมื่อเกิดการฟื้ นฟูศิลปวิทยาขึ้น แนวคิดทางโลกของชาวตะวันตกก็เปลี่ยนแปลงไป
และเห็นว่า มนุษย์สามารถพัฒนาชีวิตตนเองให้ดีมีคุณค่าได้
แนวคิดนี้จึงเป็ นที่มาของลัทธิ มนุษยนิยม
(humanism) ที่ให้ความสนใจโลกปัจจุบนแทนการมุ่งไปสวรรค์
ั
- นักปราชญ์คนแรกที่มีบทบาทสาคัญและได้รับการยกย่องว่าเป็ นบิดาแห่งมนุษยนิยม คือ ฟรัน
เซสโก เปตรากา เปทราก (Francessco Petrarca Petrarch ค.ศ.13041374) ซึ่งพยายามศึกษาการใช้ภาษาละตินตามแบบแผนเดิมและชี้ให้เห็นถึงความงามของ ภาษาละติน ทา
ให้ลูกศิษย์และผูนิยมงานเขียนสมัยคลาสสิ กศึกษาค้นคว้างานเก่าๆอย่างกว้างขวาง ผูสนใจในงานคลาสสิ กของ
้
้
สมัยโบราณหรื อเรี ยกว่า พวกมนุษยนิยม (humanist) ได้รับการยกย่องในความรู้และความสามารถใน
การใช้ภาษาละตินและได้รับการเชื้อเชิญให้เป็ นราชเลขาธิการและอาจารย์ประจาราชสานัก
ตลอดจนเป็ น
เจ้าหน้าที่สารบรรณในสานักสันตะปาปา
- 24. - ปลายคริ สต์ศตวรรษที่ 14 นักปราชญ์ชาวกรี กจากกรุ งคอนสแตนติโนเปิ ลเริ่ มอพยพ
จากการรุ กรานของพวกมุสลิม มายังอิตาลี และสมัครเป็ นอาจารย์สอนภาษากรี กในราชสานักและโรงเรี ยน
ต่างๆ ทาให้พวกมนุษยนิยมชาวอิตาลีมีความรู้ในภาษาและวัฒนธรรมของกรี ก สามารถนาวรรณคดีและ
ปรัชญาของกรี กมาแปลเป็ นภาษาละตินเผยแพร่ ในยุโรปตะวันตกมากขึ้น
- 25. - ในค.ศ.1454 โยฮันเนส กูเตนเบิร์ก (Johannes Gutenburg
ค.ศ.1400-1468) สามารถผลิตเครื่ องพิมพ์ที่ใช้วิธีการเรี ยงตัวอักษรได้สาเร็จ ทาให้หนังสื อมีราคาถูกลง
และเผยแพร่ ไปยังดินแดนต่างๆได้กว้างขวาง
่
- นักมนุษยนิยมมีความคิดที่วาคริ สต์ศาสนิกชนควรจะแยกตัวจากการครอบงาทางความคิดของศาสน
จักร
เพื่อแสวงหาสิ ทธิเสรี ภาพในการใช้ชีวิตอย่างเป็ นประโยชน์
ซึ่งความคิดนี้เป็ นรากฐานการกบฏของ
คริ สต์ศาสนิกชนต่อสถาบันสันตะปาปาที่กาลังเสื่ อมโทรมที่นาไปสู่การปฏิรูปทางศาสนาในค.ศ. 1517
- 27. - ศิลปะสมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยานับเป็ นการปฏิวติแขนงหนึ่ง เพื่อให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของคริ สต์ศาสนา
ั
ในสมัยกลาง ประติมากรในสมัยนี้นิยมวิธีการของกรี ก-โรมันที่สร้างงานศิลปะที่ เป็ นธรรมชาติ ความสวยงามของสรี ระ
ร่ างกายมนุษย์ มีการค้นคว้าเทคนิคใหม่ๆในการผสมสี การวาดภาพปูนเปี ยก (fresco) แสงและเงา รวมทั้งมิติ
และการจัดองค์ประกอบของภาพ
ศิลปิ นที่สาคัญที่มีชื่อเสี ยงได้แก่
มีเกลันเจโล
บูโอนาร์โรตี
(Michelangelo Buonarroti ค.ศ.1475-1564) เลโอนาร์โด ดา วินซี
(Leonardo da Vinci ค.ศ. 1452-1519) และราฟาเอล (Raphael ค.ศ. 14831520)
ภาพวาดปูนเปี ยก (Fresco)
- 28. - มีเกลันเจโล เป็ นศิลปิ นผูมีชื่อเสี ยงทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ซึ่งเขา
้
สนใจด้านประติมากรรมมากที่สุดโดยเฉพาะรู ปสลักผูชายเปลือยแสดงสัดส่วนและกล้ามเนื้อที่สมส่วนของ
้
ร่ างกายเพราะเขาคิดว่ามนุษย์เกิดจากฝี พระหัตถ์ของพระผูเ้ ป็ นเจ้า ได้แก่ รู ปสลักเดวิด (David) เป็ น
่
ชายหนุ่มเปลือยกายที่อยูในท่าเตรี ยมต่อสูกบศัตรู และปิ เอตา (Pieta) เป็ นรู ปสลักพระมารดากาลัง
้ ั
ประคองพระเยซูในอ้อมพระกรหลังจากที่พระองค์สิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขน งานจิตรกรรมที่มีชื่อเสี ยง
ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังที่เขียนไว้บนเพดานและฝาผนังของโบสถ์ซีสติน (Sistine Chapel)
ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ภาพส่วนใหญ่แสดงส่วนสัดต่างๆของร่ างกายชายหญิง
Pieta
- 30. - เลโอนาร์โด ดา วินซี เป็ นศิลปิ นและนักปราชญ์ที่มีความรู้และความสามารถเป็ นเลิศในสาขา
จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ชีววิทยา กายวิภาคศาสตร์ และคณิ ตศาสตร์ และนาความรู้
ต่างๆมาถ่ายทอดในรู ปแบบของงานจิตรกรรมได้เป็ นอย่างดี
งานของเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เป็ นจริ ง
นุ่มนวล ละเมียดละไม แฝงไว้ซ่ ึงอารมณ์ความรู้สึก อีกทั้งเป็ นสัญลักษณ์ของความรักความเมตตา ภาพเขียนที่
มีชื่อเสี ยง ได้แก่ ภาพอาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) เป็ นภาพอาหารมื้อสุดท้ายของ
พระเยซูก่อนถูกนาไปตรึ งไม้กางเขน โมนาลิซา (Mona Lisa)
- 31. - ราฟาเอล มีผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความประณี ตนิ่มนวล ภาพที่มีชื่อเสี ยง ได้แก่ ภาพพระ
แม่ พระบุตร และจอห์น แบบติสต์ (Madonna and Child with St.John)
แสดงความรักของแม่ที่มีต่อบุตร พระกุมารในภาพแสดงถึงความบริ สุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กที่ถูกเพิกเฉยในสมัย
กลางและเป็ นจุดเริ่ มต้นให้ผใหญ่หนมาให้ความรักและความสนใจเด็กมากขึ้น
ู้
ั
Madonna and Child with
St.John
- 33. - งานวรรณกรรมด้านนาฏกรรมหรื อบทละคร ก็มีการปรับเปลี่ยนมาจากบทละครกรี ก นัก
ประพันธ์ที่สาคัญ ได้แก่ วิลเลียม เชกสเปี ยร์ (William Shakespeare ค.ศ. 15641616) บทละครที่มีชื่อเสี ยงของเขา คือ โรมีโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) เวนิ
สวาณิ ช (The Merchant of Venice) เป็ นต้น บทละครเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง
อารมณ์ อุปนิสยและการตัดสิ นใจมนุษย์ในภาวการณ์ต่างๆ
ั