More Related Content
Similar to บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
Similar to บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒ (20)
More from วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
More from วัดดอนทอง กาฬสินธุ์ (20)
บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรม ๒
- 1. บทความเรื่องการบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรมในพระพุทธศาสนา
พระมหาธานินทร์ อาทิตวโร
ป.ธ.๘, พธ.บ, พธ.ม, พธ.ด. (พระพุทธศาสนา)
อาจารย์พเิ ศษ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์เลย
*******************
๑. บทนํา
้ ่
ฆราวาสธรรม เป็ นหลักคําสอนที่พระพุทธองค์แสดงไว้เพื่อให้สาวกผูอยูครองเรื อนได้
นําไปเป็ นแนวทางในการดําเนินชีวตให้ประสบความสําเร็จตามที่ต้งเป้ าหมายไว้ ธรรมดาผูอยูครอง
ิ ั ้ ่
เรื อนย่อมจะมีการเกี่ยวข้องกันกับสมาชิกในครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น สามีเกี่ยวข้องกับ
ภรรยา บุตรธิ ดา เกี่ยวข้อ งกับบิดามารดา พ่อ ตา แม่ ยาย เกี่ ยวข้อ งกับลูกเขย นายจ้างเกี่ ยวข้องกับ
ลูกจ้าง เป็ นต้น บุคคลผูมีความเกี่ยวข้องกันจําเป็ นต้องมีธรรมะเป็ นเครื่ องมือในการปฏิบติตนต่อกัน
้ ั
่ ้ ้ ่
จึงจะทําให้อยูดวยกันอย่างมีความสุข ดังนั้น พระพุทธองค์จึงวางหลักธรรมสําหรับผูอยูครองเรื อน
ไว้ เรี ยกว่า ฆราวาสธรรม
การศึกษาเรื่ องการบริ หารงานตามหลักฆราวาสธรรม ในบทความนี้ มีวตถุประสงค์ ๒
ั
อย่าง คือ ๑) เพื่อศึกษาหลักคําสอนเรื่ องฆราวาสธรรมในพระพุทธศาสนา ๒) เพื่อ ศึกษาวิเคราะห์
การบริ หารงานตามหลักฆราวาสธรรมในพระพุทธศาสนา ปั ญหาที่ตองการทราบในเบื้องต้นคือ ๑)
้
หลักคําสอนเรื่ องฆราวาสธรรมเกี่ยวข้องกับการอยูครองเรื อนเป็ นอย่างไร ๒) เพราะเหตุไรพระพุทธ
่
้ ่
องค์จึงวางหลักธรรมเหล่านี้ ไ ว้สาหรับผูอยูครองเรื อน ๓) เมื่อ นําหลักฆราวาสธรรมไปใช้ในการ
ํ
บริ หารงานจะเกิดประโยชน์อย่างไร
๒. ความหมายของฆราวาสธรรม
้ ่
ฆราวาสธรรม หมายถึงธรรมสําหรับครองเรื อน หรื อธรรมสําหรับผูอยูครองเรื อน มี ๔
อย่าง คือ ๑) สัจจะ ความซื่อสัตย์ต่อกัน ๒) ทมะ การฝึ กตน ๓) ขันติ ความอดทนอดกลั้น ๔) จาคะ
การเสียสละ การแบ่งปั น มีน้ าใจ ๑
ํ 0
๑
องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๒, ๒๕๖/๕๑, ๓๗๓, ดูเพ่ิมเติมใน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต),
พจนานุก รมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศั พท์ , พิมพคร้ ังที่ ๑๖, (กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์ บริ ษท สหธรรมิก
์ ั
จํากัด, ๒๕๕๔), หนา ๕๔.
้
- 2. ๒
๓. วิเคราะห์ การบริหารงานตามหลักฆราวาสธรรมในพระพุทธศาสนา
ผูที่อยู่ครองเรื อ นต้อ งบริ หารกิ จการในครอบครัวให้เป็ นไปอย่างราบรื่ นเรี ยบร้อ ยต้อ ง
้
ประกอบด้วยธรรม ๔ ข้อนี้ คือผูเ้ ป็ นหัวหน้าครอบครัวต้องมีสจจะความซื่อสัตย์ต่อคนในครอบครัว
ั
เช่ น สามี มี ค วามซื่ อ สั ต ย์ต่ อ ภรรยา ต่ อ บุ ต รธิ ด า ภรรยามี ค วามซื่ อ สั ต ย์ต่ อ สามี ต่ อ บุ ต รธิ ด า
เมื่ อ ผูนํา มี ความซื่ อ สัตย์ต่อ คนรอบข้าง จะทําให้คนรอบข้างไว้วางใจไม่ เกิ ดความระแวงต่อ กัน
้
แต่ ล ะคนก็ จ ะตั้ง ใจทํา งานตามหน้า ที่ ของตนได้เ ต็ม ความสามารถ การงานที่ ท า ก็ จ ะออกมาดี ํ
ประสบความสํ า เร็ จ ตามที่ ต้ ัง เอาไว้ ไม่ เ ฉพาะความซื่ อ สั ต ย์เ ท่ า นั้ นที่ นํา ความสํ า เร็ จ มาให้
แม้แต่วาจาสัจหรื อ การพูดความจริ งก็นําประโยชน์อ ันยิ่งใหญ่ม าให้ดังพระพุทธพจน์ว่า สจฺ จ ํ เว
อมตา วาจา คําสัจ เป็ นวาจาที่ไม่ตาย ๒ คนที่มีสัจจะนอกจากจะบริ หารงานประสบความสําเร็ จแล้ว
ยั ง ส า ม า ร ถ ก ลั บ ใจ ศั ต รู ใ ห้ เ ป็ น มิ ต รไ ด้ ดั ง ตั ว อ ย่ า ง เรื่ อ ง ข อ ง ส า ม เ ณ รอ ธิ มุ ตต ก ะ ผู ้
เดินทางผ่านป่ าใหญ่เพือที่จะไปเยียมบิดามารดาถูกพวกโจรจับตัวเพือจะฆ่าบวงสรวงเทวดาสามเณร
่ ่ ่
ขอชีวตไว้แล้วรับปากกับโจรว่าถ้าไปแล้วเห็นคนเดินผ่านมาจะไม่บอกว่ามีพวกโจรอยูในป่ านี้ พวก
ิ ่
โจรเชื่ อ ถ้อ ยคํา ขอสามเณรจึ ง ปล่ อ ยไปเมื่ อ สามเณรเดิ น ไปพบบิ ด ามารดาและพี่ น้ อ งชาย
เดินสวนทางมาเมื่อทักทายกันเรี ยบร้อยแล้วก็ลาจากกันบิดามารดาของสามเณรเดินทางเข้าป่ าใหญ่
แห่งนั้นถูกพวกโจรจับไว้มารดาของสามเณรบ่นเพ้อว่าสามเณรทําไมไม่บอกแม่สกคําว่ามีพวกโจรอ ั
าศัยอยู่ในป่ านี้ หัวหน้าพวกโจรจึงถามเอาความจริ งมารดาของสามเณรจึงเล่าให้ฟังว่าพวกเขาเป็ น
มารดาบิดาของสามเณรและลูกๆ ที่มาด้วยนี้ คือพี่น้องของสามเณร หัวหน้าโจรได้ฟังดังนั้น เกิ ด
่
ความเลื่อมใส ในความมีสจจะของสามเณรที่รับปากไว้วาจะไม่บอกใครว่ามีพวกโจรอาศัยอยูในป่ า
ั ่
นี้ จึงปล่ อยคนเหล่ านั้นแล้วพาลู กน้องทั้งหมดติดตามไปขอบวชกับสามเณร สามเณรให้พวกโจร
เหล่านั้นรับไตรสรณคมน์และสิกขาบท ๑๐ แล้ว นําไปขออุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์ของตนคือพระ
สังกิจจเถระ ๓ 2
การรักษาสัจจนอกจากจะมีผลทําให้ผรักษาเป็ นที่เคารพนับถือของคนอื่นแล้วการทํา
ู้
ู้ ่
สัจจกิริยาหรื อการตั้งสัจจะอธิษฐานยังทําให้ผที่ตกอยูในอันตรายรอดพ้นจากอันตรายได้ดวยดังตัว ้
อย่างเรื่ องสามกุมารในสุวรรณสามชาดความย่อว่าสามกุมารเป็ นคนมีเมตตาเป็ นที่รักของมนุ ษย์และ
่ ่
สัตว์ท้งหลายเขาอาศัยอยูในป่ าเลี้ยงมารดาบิดาตาบอดทั้งสออยูมาวันหนึ่ งขณะที่เขาเดินไปตักนํ้าที่
ั
ท่านํ้า พร้อมกับพวกสัตว์ท้งหลายที่ติดตามเขาไป ถูกพระเจ้าปิ ลยักษ์ยงด้วยธนู ได้รับความเจ็บปวด
ั ิ
อย่างหนัก จึงอ้อนวอนให้พระเจ้าปิ ลยักษ์ไปบอกให้มารดาบิดาของเขาทราบด้วย พระเจ้าปิ ลยักษ์ก็
๒
ส.ํ ส. (บาลี) ๑๕/๒๑๓/๑๓๙, ส.ํ ส. (ไทย) ๑๕/๒๑๓/๓๑๐.
๓
ดูรายละเอียดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๑-๔/๘๙/๓๗๐-๓๗๖, มงฺคล. (ไทย) ๑/๕๓/๓๒.
- 3. ๓
่
ไปตามคําขอร้องของสามกุมาร บิดามารดาของสามกุมารมาแล้วรู ้วาอาการของลูกชายหนักมาก
โอกาสรอดชีวิตมีน้อย ด้วยความรักลู กชายจึงตั้งสัจจอธิษฐานขอให้ลูกชายฟื้ นและหายจากบาด
แผลและความ เจ็ บ ปวด เทวดาผู ้เ คยเป็ นมารดาของสามกุ ม ารก็ ม าร่ วมตั้ง สั จ จอธิ ษ ฐาน
ด้วยพอจบคําอธิษฐานของ มารดาบิดาและเทวดาเท่านั้น สามกุมารก็ฟ้ื นขึ้นมาและหายจากบาดแผล
และอาการบาดเจ็บ ๔ การรักษาสัจจะเป็ นทางให้ไปสู่ความเป็ นหมู่ของเทวดา
จากตัวอย่างที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่าสัจจะเป็ นคุณธรรมที่ทาให้มนุ ษย์ประสบความ
ํ
สําเร็จในสิ่ งที่ปรารถนาได้ผที่เป็ นนักบริ หารจึงควรปลูกฝังสัจจะให้เกิดขึ้นในจิตใจของตนเพื่อจะ
ู้
ได้นาไปใช้ในการบริ หารตนและบริ หารคนให้ประสบความสําเร็จต่อไป
ํ
ทมะ การฝึ กตน ผูอ ยู่ครองเรื อ นต้อ งมี การพัฒนาตนเองอยู่ตลอเวลาเพื่อ จะมี ความรู ้
้
ใหม่ๆ มาบริ หารในครอบครัวให้เจริ ญก้าวหน้าต่อไปการฝึ กตนมีท้ งทางด้านร่ างกายและจิตใจและ
ั
ทักษะอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินชีวต เช่น เข้าฝึ กอบรมหลักการวิชาการใหม่ๆ ตามโอกาสที่
ิ
เหมาะสมการฝึ กตนในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธองค์ทรงสรรเสริ ญไว้ว่า “ในบรรดามนุ ษย์
ทั้งหลายผูที่ฝึกตนดีแล้วเป็ นผูประเสริ ฐ” ๕ “บัณฑิตย่อมฝึ กตน” ๖
้ ้
จากพระพุท ธพจน์ เ หล่ า นี้ พระองค์จึ ง ทรงสละเวลาและกํา ลัง แห่ ง พระวรกายของ
พระองค์ให้ก ับการฝึ กหัดบุคคลที่ควรฝึ กได้ตลอดพระชนมายุ ๔๕ พรรษาที่ทรงเผยแผ่พระธรรม
วินัยแก่ ชาวโลกทั้งหลาย จะเห็นได้จากการที่พระองค์เสด็จไปคามนิ คมน้อ ยใหญ่เพื่อแสดงพระ
ธรรมเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ที่มีอุปนิสยจะได้บรรลุมรรคผลโดยไม่คานึงถึงความเหน็ดเหนื่ อยของ
ั ํ
พระองค์แม้ใกล้จะเสด็จดับขันธปริ นิพพานแล้วยังแสดงพระเทศนาโปรดสุภททปริ พาชก ดังเรื่ องที่
ั
ปรากฏในพระมหาปริ นิพพานสูตร ๗นั้น บุคคลที่ฝึกตนเองได้แล้วจึงจะสามารถแนะนําตักเตือนคน
6
อื่นได้ ถ้าตนเองยังไม่ได้ฝึกฝนอบรมตนให้ดีก่อนเมื่อไปแนะนําคนอื่นเขาก็จะไม่เชื่อฟั งถ้อยคําของ
ตนแถมยังจะถูกว่ากล่าวย้อนกลับมาหาตัวเองอีก ผูบริ หารที่ดีตองฝึ กตนเองให้ดีก่อนแล้วค่อยไป
้ ้
บริ หารคนอื่นแนะนําคนอื่น การทอย่างนี้จึงจะประสบความสําเร็จในการบริ หาร
ขันติความอดทนผูบริ หารต้องมีความอดทนอดกลั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นหรื อมีอุปสรรค
้
่
เกิดขึ้นไม่วาจะเป็ นความอดทนต่อความลําบากทางด้านร่ างกายที่จะต้องทํางานหนักหาเลี้ ยงครอบ ครัว
นอกจากนี้ยงต้องอดทนต่อความลําบากทางใจด้วย เช่น เมื่อมีเรื่ องความขัดแย้งมากระทบจิตใจทํา
ั
ให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัว อดทนต่อคําด่าว่ากล่าวตักเตือนจากคนในครอบครัว ถ้าผูบริ หารมีขนติ
้ ั
๔
ขุ.ชา. (ไทย) ๒๘/๒๙๖-๔๒๐/๒๒๙-๒๔๕, ขุ.ชา.อ. (ไทย) ๙/๓/๖๓.
๕
ขุ.ธ. (บาลี) ๒๕/๓๒๑/๓๓, ขุ.ธ. (ไทย) ๒๕/๓๒๑/๑๓๓.
๖
ขุ.ธ. (บาลี) ๒๕/๘๐/๑๔, ขุ.ธ. (ไทย) ๒๕/๘๐/๕๓.
๗
ที.ม. (ไทย) ๑๐/๒๑๒/๑๖๐-๑๖๔.
- 4. ๔
ความอดทนจะทําให้การบริ หารงานมีประสิ ทธิภาพ เพราะความอดทนเป็ นบ่อเกิดแห่ งคุ ณธรรม
ทั้งหลายอีกมากมาย ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า “ขนฺ ตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทนอดกลั้นเป็ นตบะอย่างยิง” ๘ ่
เรื่ องของพระพุทธองค์ที่ถูกพวกรับจ้างจากพระนางคันทิยาพระมเหสีของพระเจ้าอุเทนใ
ห้ม าด่ า พระพุท ธองค์ข ณะที่ เ ข้า ไปบิ ณ ฑบาตในพระนครจนพระอานนทเถระทนไม่ ไ หวทู ล
เชิญพระองค์เสด็จไปเมืองอื่นพระพุทธองค์ตรัสว่าการทําอย่างนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกปั ญหาเกิด
ที่ไหนต้อง แก้ที่นนแล้วพระองค์ก็อยูที่เมืองนั้นจนพวกที่ด่าหยุดด่าไปเอง ๙
ั่ ่
จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่าความอดทนสามารถแก้ปัญหาที่ร้ายแรงให้กลับกลายเป็ นเบาและ
หมดไปในที่สุด
ครั้งหนึ่ งพระสารี บุตรเถระถู กพระภิกษุใหม่ รูปหนึ่ งติเตียนว่าเดิ นไปเหยียบชายจีว ร
แล้ว ไม่ขอโทษแล้วนําเรื่ องนี้ ไปกราบทูลพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสเรี ยกพระสารี บุตรมาสอบถาม
พระสารี บุ ต รยอมรั บ ว่า ไม่ ไ ด้มีเ จตนาแล้ว ลดตัว ลงขอขมาโทษต่ อ พระภิ ก ษุใ หม่ รู ป นั้น ทํา ให้
พระภิกษุรูปนั้นถึงกับอดกลั้นนํ้าตาไม่ไหวที่เห็นความเป็ นคนสุภาพอ่อนโยนของพระสารี บุตร ๑๐ 9
จากตัวอย่างเรื่ องนี้ จะเห็ นว่าความอดทนอดกลั้นต่อ ถ้อยคําด่าทอต่างๆ ทําให้เรื่ อ งร้าย
กลายเป็ นดี ทาให้ศตรู กลายเป็ นมิ ตรทําให้เกิ ดความรักความสามัคคีข้ ึนในหมู่ คณะในสังคมและ
ํ ั
ประเทศชาติ
ตัวอย่างการใช้ขนติความอดทนต่อความลําบากทางใจเช่นเรื่ องของทีฆาวุกุมารที่ปรากฏ
ั
ในพระวินัยปิ ฎกเล่ มที่ ๕ ความย่อว่า ทีฆาวุกุมารเป็ นโอรสของพระเจ้าทีฆีติ พระราชาแห่ งนคร
โกศล ต่อมานครโกศลถูกพระเจ้าพรหมทัต พระราชาแห่ งนครพาราณสี ยกทัพมาตีและยึดเอาพระ
่
ราชบัลลังก์พระเจ้าทีฆีติ จึงสังให้ทีฆาวุกุมารหลบหนีไปอยูที่อื่น ส่วนพระองค์และพระมเหสี ปลอม
่
ตัวเป็ นชาวบ้าน อาศัยอยูในหมู่บานแห่ งหนึ่ ง ต่อมาถูกพระเจ้าพรหมทัตจับได้แล้วนําไปประหาร
่ ้
ชีวต ขณะที่ถูกนําตัวเดินประจานไปตามถนนนั้นทีฆาวุก็แฝงตัวอยูในหมู่มหาชนเมื่อเห็นพระบิดาถูก
ิ ่
ทําทารุ ณอย่างนั้น ก็ทนไม่ไหว จึงวิงเข้าไปใกล้พระบิดา พระเจ้าทีฆีติ เห็นดังนั้นจึงห้ามด้วยถ้อยคําว่า
่
ทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่ส้ น เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร พูดเตือนสติทีฆาวุกุมาร
ั
อย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง จนทําให้พวกทหารเข้าใจว่าพระเจ้าทีฆีติบ่นเพ้อเพราะความกลัวต่อมรณภัยที่จะ
มาถึง เมื่อพระบิดาพระมารดาถูกประหารชีวตทิงศพไว้อย่างน่าสลดสังเวช ทีฆาวุกุมารก็แอบไปนํา
ิ ้
ร่ างของพระบิดาพระมารดามาทําฌาปนกิจ เสร็ จเรี ยบร้อยแล้วก็ไปขอสมัครเป็ นคนรับใช้คนเลี้ ยง
๘
ขุ.ธ. (บาลี) ๒๕/๑๘๔/๒๒, ขุ.ธ. (ไทย) ๒๕/๑๘๔/๙๐.
๙
ดูรายละเอียดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๑-๔/๑๕/๑๑๗.
๑๐
ดูรายละเอียดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๑-๔/๗๖/๓๓๙.
- 5. ๕
ช้างของพระเจ้าพรหมทัต
ต่อ มาได้รั บ ความไว้ว างใจจากพระเจ้า พรหมทัต จึ ง ได้เ ข้าไปรั บใช้อ ย่า งใกล้ชิ ด ใน
่
พระราชวัง อยูมาวันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตเสด็จไปล่าเนื้ อในป่ ากับพวกอํามาตย์โดยให้ทีฆาวุกุมาร
เป็ นนายสารถีคนที่พระเจ้าพรหมทัตประทับทีฆาวุแกล้งเร่ งรถให้เร็ วเพื่อไม่ให้พวกอํามาตย์ติดตาม
ั
ทันแล้วพาพระเจ้าพรหมทัตเข้าป่ าลึก ด้วยความเหน็ดเหนื่ อยพระเจ้าพรหมทัตจึงบรรทมหลับไป
บนตักของทีฆาวุกุมาร ทีฆาวุกุมารเมื่อเห็นว่าได้โอกาสแล้วจึงถอดพระขรรค์ออกมาหวังจะปลง
พระชนม์ของพระเจ้าพรหมทัตได้เงื้อพระขรรค์ข้ ึนถึ ง ๓ ครั้งแต่ไม่กล้าเพราะระลึกถึ งคําพูดของ
พระบิดา ขณะนั้นพระเจ้าพรหมทัตทรงสุ บินและตกใจตื่นขึ้นพร้อมกับแก้ความฝันให้ทีฆาวุกุมาร
ฟังว่ากําลังจะถูกพระโอรสของพระเจ้าทีฆีติฆ่า พอพูดจบทีฆาวุกุมารก็เอามือข้างหนึ่งจับที่หมวยผม
ของพระเจ้าพรหมทัตไว้ เอามื อข้างหนึ่ งเงื้อ พระขรรค์ข้ ึนเพื่อ จะปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทัต
พระเจ้า พรหมทัต พระเจ้า พรหมทัต เห็ น ดั ง นั้ น ก็ ต กใจจึ ง ร้ อ งขอชี วิ ต ไว้ที ฆ าวุ กุ ม ารจึ ง ลด
พระขรรค์ลงพร้อมกับหมอบลงแทบพระบาทของพระเจ้าพรหมทัตพูดว่าข้าพระองค์ต่างหากที่ตอง ้
ขอชีวตจากพระองค์พระองค์เป็ นเจ้าชีวตของข้าพระองค์ขอพระองค์จงไว้ชีวตให้แก่ขาพระองค์ดวย
ิ ิ ิ ้ ้
พระเจ้าพรหมทัตและทีฆาวุกุมารต่างคนต่างก็ขอชี วิตจากกันและกัน ถือ ว่าเป็ นผูมีบุญคุ ณต่อกัน
้
แล้วทําปฏิญญาต่อกันว่าจะไม่เป็ นศัตรู ต่อกัน ด้วยความเป็ นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและซื่ อสัตย์ของ
ทีฆาวุกุมาร พระเจ้าพรหมทัตจึงยกพระธิดาให้เป็ นมเหสี ของทีฆาวุกุมารแล้วคืนพระราชสมบัติ
ทุกอย่างที่เป็ นของพระบิดาของทีฆาวุกุม าร ต่อมาเมื่ อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต ทีฆาวุกุม ารได้
ครอบครองนครพาราณสี และนครโกศลพร้อมกัน ๑๑
จากตัวอย่างที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นถึงอานิ สงส์ของขันติความอดทนสามารถทําศัตรู
ให้เป็ นมิตรและยังเป็ นเหตุนามาซึ่งสมบัติอนยิงใหญ่สมกับพระพุทธพจน์ที่ได้ยกมาในเบื้องต้นนั้น
ํ ั ่
จาคะความเสียสละในที่น้ ีมีความหมาย๒นัยคือนัยแรกเสียสละแบ่งปั นสิ่งของที่หามาได้
ให้แก่คนในครอบครัวอย่างเป็ นธรรมไม่ลาเอียง นัยที่สอง เสี ยสละหรื อสละอารมณ์ที่เป็ นข้าศึก
ํ
ต่อจิตใจที่ทาให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัวอารมณ์โกรธความเคียดแค้นชิงชังความเกลียดความอาฆาตจอง
ํ
เวรความพยาบาทปองร้ายเป็ นต้นเมื่ออารมณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นต้องเสี ยสละออกไปจากจิตใจไม่ปล่อย
่
ให้อารมณ์เหล่านี้อยูในจิตใจนานเพราะจะทําให้เสี ยสุ ขภาพกายและใจเป็ นอุปสรรคต่อการบริ หารงาน
การสละสิ่ ง ของของตนให้ค นอื่ น ที่ ค วรให้เ ป็ นเรื่ อ งที่ พ ระพุท ธองค์ท รงสรรเสริ ญ และยกย่อ ง
ดังที่พระองค์ได้วางหลักการปฏิบติไว้สาหรับพวกภิกษุท้งหลายว่าให้แบ่งปั นเอกลาภที่เกิดขึ้นในวัด
ั ํ ั
แก่ภิกษุที่มาถึงเช่นทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์ทาการอปโลกกรรมแบ่งปั นสิ่งของให้ถึงแก่สงฆ์ทุกรู ป
ํ
่
ตามลําดับพรรษา ทรงบัญญัติพระวินยไว้ให้ภิกษุสละผ้าจีวรที่อยูปราศจากคือปล่อยให้ผาอยูที่หนึ่ ง
ั ้ ่
๑๑
ดูรายละเอียดใน วิ.ม. (ไทย) ๕/๔๕๘-๔๖๓/๓๔๓-๓๕๓.
- 6. ๖
่
ตัวเองอยูที่หนึ่ งจนอรุ ณของวันใหม่ข้ ึนไป ทําให้ผานั้นเป็ นนิ สสัคคียคือเป็ นผ้าที่ควรสละเสี ยก่อน
้ ์
ส่วนตัวภิกษุเป็ นอาบัติปาจิตตียตองนําผ้าผืนนั้นไปทําพิธีสละให้เป็ นสมบัติของภิกษุรูปอื่นเสี ยก่อน
์้
แล้ ว ให้ ภิ ก ษุ รู ปนั้ นคื น ให้ ใ นภายหลั ง จึ ง แสดงอาบัติ ต่ อ หน้ า ภิ ก ษุ รู ป นั้ นหรื อ รู ป อื่ น ก็ ไ ด้
การทําอย่างนั้นจึงจะพ้นจากอาบัติที่ตองนั้น้
มีขอความปรากฏในปราภวสูตร ๑๒ตอนหนึ่งว่าผูที่มีของเหลือกินเหลือใช้ไม่แบ่งปั นให้
้ ้
คนอื่นหรื อคนรอบข้างกลับใช้สอยสิ่งเหล่านั้นเพียงผูเ้ ดียวพระพุทธองค์ตรัสว่าการทําอย่างนั้นเป็ น
ทางแห่งความเสื่อมของคนนั้น
ในทางพระพุ ท ธศาสนาการสละแบ่ ง ปั น สิ่ ง ของของตนให้ ค นอื่ น หรื อ การถวาย
สิ่ ง ของของตนให้ เ ป็ นทานแก่ ส งฆ์ ห รื อแก่ บุ ค คลเป็ นอุ บ ายเครื่ องละกิ เ ลสอย่ า งหยาบ
คือความตระหนี่ออกจากจิตใจของตนทําให้จิตใจของตนเป็ นอิสระจากความตระหนี่ ซ่ ึ งเป็ นเครื่ อง
ผูกพันจิ ตใจอย่างหนึ่ ง ในโอวาทปาฏิโมกข์ซ่ ึ งเป็ นคําสอนที่ถือ ว่าเป็ นหัวใจหลักของพระพุท ธ
ศาสนาที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระอรหันต์สาวกจํานวน ๑,๒๕๐ รู ปที่มาประชุมกันที่พระเวฬุวน ั
อุ ท ยานป่ าไผ่ ที่ พ ระเจ้า พิ ม พิ ส ารถวายให้ เ ป็ นที่ ป ระทับ ของพระพุ ท ธเจ้า และพระสาวกนั้ น
พระองค์ได้แนะนําให้สละอารมณ์ที่เป็ นข้าศึกแก่จิตใจด้วยการให้ชาระจิตใจของตนให้สะอาดให้
ํ
ผ่ อ งใสจากเครื่ องเศร้ า หมองทั้ ง หลาย เครื่ องเศร้ า หมองในที่ น้ ี คื อ กิ เ ลสทั้ งหลาย เช่ น
ความกําหนัดยินดีใน รู ป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น และร่ างกาย ความโกรธ
ความอาฆาต ความพยาบาทปองร้าย สิ่ งเหล่านี้ ทาให้จิตใจเศร้าหมองไม่ปลอดโปร่ ง บดบังปั ญญา
ํ
ปิ ดกั้นไม่ให้ คนบรรลุถึงความดีที่ควรจะได้
เมื่อผูนาเข้าใจหลักการเหล่านี้แล้วนําไปบริ หารตนเอง บริ หารงานในครอบครัว และใน
้ ํ
่
องค์การที่ตนรับผิดชอบอยูจะทําให้การบริ หารงานประสบ ความสําเร็ จตามที่ต้ งใจไว้ มีหลักฐาน ั
ตามที่ได้ศึกษามานี้และตามหลักฐานที่พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่อาฬวกยักษ์ในอาฬวกสูตรตอนหนึ่งว่า
ในโลกนี้ เหตุให้ได้เกียรติที่ยงไปกว่า สัจจะ ก็ดี
ิ่
เหตุให้มีปัญญาที่ยงไปกว่า ทมะ ก็ดี
ิ่
เหตุให้ผกมิตรสหายไว้ได้ที่ยงไปกว่า จาคะ ก็ดี
ู ิ่
เหตุให้หาทรัพย์ได้ที่ยงไปกว่า ขันติ ก็ดี มีอยูหรื อไม่ ๑๓
ิ่ ่ 12
๑๒
ขุ.สุตฺต. (ไทยป ๒๕/๑๐๒/๕๒๕.
๑๓
ขุ.อิติ. (ไทย) ๒๕/๑๙๑/๕๔๕.
- 7. ๗
๔. การนําหลักฆราวาสธรรมไปประยุกต์ ใช้ ในชีวิตประจําวัน
๑) บิดามารดา นายจ้างกับลูกจ้าง มีความซื่ อสัตย์ต่อกัน สามีไม่ปิดบังภรรยา ไม่นอกใจ
ภรรยา ภรรยาไม่นอกใจสามี มีความซื่อสัตย์ต่อกัน พูดความจริ งต่อกัน ไม่โกหกหลอกลวงกัน บิดา
มารดา มีความซื่อสัตย์ต่อบุตรธิดา เช่น รับปากว่า จะให้สิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ งต้องทําตามสัญญา
ที่ให้ไว้ จะทําให้บุตรธิดา เกิดความเชื่อมันในบิดามารดา บุตรธิดา มีความซื่ อสัตย์ต่อบิดามารดา
่
เช่น ไม่โกหกเพื่อให้บิดามารดาให้สิ่งของเกินความจําเป็ น รับปากว่าจะทําสิ่ งนั้นสิ่ งนี้ ให้ ต้องทํา
ตามที่รับปากไว้ กรณี ของนายจ้างกับลูกจ้างก็ให้ปฏิบติตามนัยที่กล่าวมานี้เหมือนกัน
ั
๒) ผูบ ริ ห ารหรื อ ผูเ้ ป็ นหัว หน้า ครอบครั ว หรื อ องค์ก รต้อ งหมั่น ฝึ กฝนอบรมตนอยู่
้
ตลอดเวลา เพื่อ ที่จะได้เรี ยนรู ้ หลักการบริ หารใหม่ ๆ มาบริ หารคนในครอบครั วและองค์กรให้
เจริ ญก้าวหน้ายิงๆ ขึ้น การฝึ กฝนอบรมตนเองจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในตัวเอง และ
่
ั
จะสร้างความน่ าเชื่อถือให้กบตนเอง เมื่อได้รับความเชื่อถือแล้วการสั่งงานหรื อการดําเนิ นกิจการ
่
ใดๆ ก็จะเป็ นไปโดยสะดวก ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง การฝึ กตนเองมีอยูหลายวิธี เช่น การเรี ยนรู ้ตาม
ตํารา การสอบถามจากคนผูมีประสบการณ์โดยตรง การลงมือทดลองปฏิบติดวยตนเอง เป็ นต้น วิธี
้ ั ้
เหล่านี้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาตนเองเป็ นอย่างดี
๓) ผูบริ หารหรื อ ผูเ้ ป็ นหัวหน้าครอบครัวหรื อองค์กรต้อ งมี ความหนักแน่ นมันคง ไม่
้ ่
่ ้
หวันไหวเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในครอบครัวหรื อองค์กร ธรรมดาการอยูดวยกันหลายคนย่อมจะมีการ
่
กระทบกระทังกันบ้าง ทั้งทางกิริยาท่าทางและทางวาจา ต้องอดทนต่อ กิริยานั้นๆ ให้ได้ไม่แสดง
่
อาการอันไม่พงประสงค์ออกมา ที่จะทําให้เกิดความขาดความเชื่อมันในผูบริ หาร หรื อผูนา ปั ญหา
ึ ่ ้ ้ ํ
บางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ดวยเหตุผลหรื อวิธีการ เช่น ปั ญหาความขัดแย้งในครอบครัวหรื อองค์
้
ต้องอาศัยกาลเวลาเป็ นตัวแก้ปัญหา ลักษณะอย่างนี้ผบริ หารต้องอาศัย ขันติ ความอดทน
ู้
๔) ผูบริ หารต้อ งเสี ยสละแบ่งปั นผลประโยชน์ที่เกิ ดขึ้นในครอบครัวหรื อ ในองค์กร
้
ให้แก่สมาชิกอย่างเป็ นธรรม ไม่ลาเอียง คือไม่เห็นแก่หน้า เช่น ไม่คานึ งถึงว่า สมาชิกคนนั้นจะเป็ น
ํ ํ
ใคร ทุกคนควรที่จะได้ส่วนแบ่งตามสิทธิและหน้าที่ของตน สมาชิกในครอบครัวหรื อในองค์กรทุก
คนก็ตองรู ้จกเสี ยสละแบ่งปั นสิ่ งของของตนให้แก่สมาชิกคนอื่นบ้างตามสมควรแก่ฐานะของตน
้ ั
ั
และเสียสละแบ่งปั นความมีน้ าใจต่อกัน ให้อภัยแก่กนและกันในบางเรื่ องที่เห็นว่าสมาชิกบางคนทํา
ํ
ผิดหรื อไม่เหมาะสม
๕. บทสรุป
จากการศึกษาวิเคราะห์การบริ หารงานตามหลักฆราวาสธรรม นี้ พอสรุ ปได้ว่า ฆราวาส
ธรรมเป็ นธรรมมีความสําคัญต่อการดําเนินชีวตทั้งผูบริ หารและผูปฏิบติตาม เพราะต่างก็อาศัยซึ่ งกัน
ิ ้ ้ ั
- 8. ๘
และกัน ผูนาและผูตามในเบื้องต้นต้องมี สัจจะ ความซื่ อสัตย์ต่อกันจึงจะทํางานร่ วมกันได้ ถ้าฝ่ าย
้ ํ ้
หนึ่ งฝ่ ายใดไม่ซื่อ สัตย์ ก็จะเกิดความบาดระแวงต่อกัน การสั่งงานของผูบริ หาร ก็จะไม่ไ ด้รับการ
้
สนองงานจากผูปฏิบติตาม ผลก็คือจะทําให้งานนั้นไม่ประสบความสําเร็จตามที่ต้งใจไว้
้ ั ั
ดังนั้น สัจจะ จึงเป็ นธรรมที่ท าให้เกิ ดความเชื่ อ มั่นต่อ กันของคนในครอบครัวและ
ํ
องค์กร สัจจะ ถ้าเปรี ยบเป็ นบ้านเรื อนก็เปรี ยบเหมือนเสาหลักของบ้าน บ้านเรื อนถ้าเสาหลักมันคง ่
แล้วจึงจะทําให้เครื่ องประกอบอื่นๆ ตั้งอยูได้ ่
ทมะ เป็ นธรรมเครื่ อ งข่ ม ใจหรื อ ฝึ กฝนตนเอง ผูเ้ ป็ นหัวหน้า ครอบครัว หรื อ หัว หน้า
องค์กร ฝึ กฝนอบรมตนเองอย่างสมํ่าเสมอจะทําให้นาพาครอบครัวหรื อองค์ไปสู่ ความเจริ ญรุ่ งเรื อง
ํ
ได้ หรื อถ้าสมาชิกแต่ละคนหมันฝึ กฝนพัฒนาตนเองอยูตลอดเวลา จะทําให้ครอบครัวเจริ ญรุ่ งเรื อง
่ ่
ขึ้นตามลําดับ เพราะการพัฒนาตัวเองอยูบ่อยๆ จะก่อให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ ขึ้น สามารถนํามา
่
บริ หารครอบครั วหรื อ องค์การให้เจริ ญยิงขึ้น ทมะ จึงเปรี ยบเหมื อ นบ้านที่ไ ด้รับการออกแบบ
่
ตกแต่งอย่างสวยงามและได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างสมํ่าเสมอ ทําให้บานดูสวยงามอยูตลอดเวลา
้ ่
ขันติ เป็ นธรรมที่ทาให้คนในครอบครัวและองค์กร มีความหนักแน่ นมันคงพร้อมที่จะ
ํ ่
ฝ่ าฟันปั ญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างอดทนและยืนหยัด ไม่ทอดธุระกลางครัน ผูที่มีความ ้
อดทนจะได้รับความเชื่อมันจากคนรอบข้างหรื อในครอบครัว และองค์กร เพราะบางสถานการณ์ที่
่
เกิ ดขึ้น ถ้าผูบริ หารมี ความหวันไหว ไม่ อ ดทนจะทําให้การบริ หารงานล้มเหลวได้ จะทําให้ขาด
้ ่
ความเชื่ อ ถื อ จากผูตาม ขันติ เปรี ยบเหมื อ นตัวบ้านที่แข็งแรง จึงสามารถต้านทานลม ฝน และ
้
แสงแดดได้
จาคะ ความเสียสละ เป็ นธรรมที่ทาให้คนในครอบครัวหรื อองค์กรมีน้ าใจต่อกันและกัน
ํ ํ
ไม่เอารัดเอาเปรี ยบกัน มีผลประโยชน์เกิดขึ้นก็แบ่งกันตามสัดส่ วนที่เหมาะสมกับตําแหน่ งหน้าที่
อีกนัยหนึ่ง จาคะ ยังหมายถึงการเสียสละอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความบาดหมางขุ่นเคืองต่อกัน ให้อภัย
ั ่้
แก่กนและกัน เป็ นหลักธรรมที่ทาให้คนในครอบครัวหรื อในองค์กรอยูดวยกันอย่างมีความสุข
ํ
- 9. ๙
หนังสื ออ้างอิง
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิ ฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิ ฏกํ. กรุ งเทพมหานคร :
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๐๐.
__________. พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุ งเทพมหานคร : โรง
พิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
__________. อรรถกถาบาลี ฉบับ มหาจุฬ าอฏฺ ฐกถา. กรุ ง เทพมหานคร : โรงพิม พ์ว ิญ ญาณ,
๒๔๙๙,๒๕๓๓-๒๕๓๔.
มหามกุฏราชวิทยาลัย. พระไตรปิ ฎกพร้ อมอรรถกถาแปล. ชุด ๙๑ เล่ ม. กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์
มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๔.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒. กรุ งเทพมหานคร : นานมีบุ๊คส์
พับลิเคชันส์, ๒๕๔๖.
่
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ . พิมพ์ครั้งที่ ๑๖.
กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๔.
พระมหาบุญมี มาลาวชิ โร. พุทธบริ หาร. กรุ งเทพมหานคร : บริ ษท ธิ งค์ บียอนด์ บุ๊คส์ จํากัด,
ั
๒๕๕๓.
ชาย สั ญ ญาวิ ว ัฒ น์ , สั ญ ญา สั ญ ญาวิ ว ัฒ น์ . การบริ ห ารจั ด การแนวพุ ท ธ. พิ ม พ์ค รั้ งที่ ๒.
กรุ งเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๑.