More Related Content
Similar to หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
Similar to หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม (20)
More from Tongsamut vorasan
More from Tongsamut vorasan (20)
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
- 2. 2 3 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
- 3. 2 3 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ชมรมกัลยาณธรรม
ม
าณธรร
หนังสือดีล�ำดับที่ ๙๘
ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
คำนำจากชมรมกลย
ค น ั
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พิมพ์ครั้งที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ถ้าได้มีโอกาสศึกษาชีวประวัติของพระเถรานุเถระ บูรพาจารย์
จำ�นวนพิมพ์ ๕,๐๐๐ เล่ม มาแล้วในจ�ำนวนมาก เราจะเห็นได้ประการหนึงว่า พระอริยสาวกทังหลาย
่ ้
จัดพิมพ์โดย ชมรมกัลยาณธรรม ดังกล่าวมานี้ เต็มไปด้วยภูมิธรรม ภูมิปัญญา งดงามด้วยศีลาจริยาวัตร
๑๐๐ ถนนประโคนชัย ตำ�บลปากน้ำ� คู่ควรแก่ความเลื่อมใสศรัทธาเหนือเกล้าเหนือเศียรแก่สานุชนทั้งหลาย
อำ�เภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๗๐
โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๖๓๕-๓๙๙๘ เป็นอย่างยิ่ง
ภาพปก/ภาพประกอบ เซมเบ้
จัดรูปเล่ม คนข้างหลัง เราจะเห็นว่า พระอริยสงฆ์ บูรพคณาจารย์ที่เราน้อมศรัทธา
แยกสี canna graphic โทร. ๐๘-๖๓๑๔-๓๖๕๑ ทั้งหลายนั้น หลายท่านมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่อบรมธรรมให้พวกท่าน
จัดพิมพ์โดย บริษัท ขุมทองอุตสาหกรรมการพิมพ์ จำ�กัด
๐-๒๘๘๕-๗๘๗๑-๓ ทั้งหลาย ชื่อของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ นับเป็นพระอาจารย์
สุดยอดพระนักกัมมัฎฐาน ที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ
สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ ท่านเป็นต้นแบบ เป็นยอดของพระอริยสงฆ์ในสายวิปัสสนา ที่
การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง พวกเราควรศึกษาเป็นแบบอย่างในแนวทางปฏิปทาอันสละชีวิตอุทิศเพื่อ
www.kanlayanatam.com
- 4. 4 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 5 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
พระธรรมเป็นอย่างยิ่ง การบ�ำเพ็ญเพียรธรรมของท่านถือเป็นแบบอย่าง
อันอุกฤษฏ์และมุ่งมั่น ท่านสามารถหยั่งรู้ถึงกรรมและหยั่งรู้ถึงจิตใจ
ของเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่อย่างลึกซึ้ง ตลอดจนสามารถพูดคุยกับ
สิงสาราสัตว์ต่างๆ เป็นที่เข้าใจได้ ธรรมะหรือบทธรรมที่ออกมาจากปาก
ของท่าน ช่างจับจิตจับใจของสาธุชนเป็นอย่างยิ่ง สารบัญ
ท่านคือ พระอริยสงฆ์ทยงใหญ่ทสดในยุคสมัยหนึง ทียากจะหาใคร
ี่ ิ่ ี่ ุ ่ ่
เทียบเทียมได้ ท่านคือ เอกองค์บูรพาจารย์ ผู้มุ่งการบ�ำเพ็ญเพียรภาวนา ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นมตฺถุ สุคตสฺส ปญฺจ ธมฺมขนฺธานิ ๗
เนื่องในมงคลวาระ ครบรอบ ๖๐ ปี แห่งการละสังขาร ของท่าน ทาน ศีล ภาวนา ๒๕
พระอาจารย์มน ภูรทตตเถระ ในพุทธศักราช ๒๕๕๒ ชมรมกัลยาณธรรม
ั่ ิ ั
ขอจัดพิมพ์หนังสือขันธะวิมุติสะมังคีธรรมเล่มนี้ เพื่อแจกเป็นธรรมทาน คนดีมีศีลธรรม ๓๙
น้อมถวายแด่องค์บรพาจารย์ ด้วยความเคารพศรัทธาเหนือเศียรเกล้า หวัง
ู สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ๔๗
อานิสงส์ในธรรมทานนี้ จักได้เกื้อกูลเหล่าสรรพสัตว์ผู้แสวงหาหนทาง อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕ ๕๕
พ้นทุกข์ ให้พบแสงสว่างแห่งปัญญา ตามรอยพระพุทธองค์และพระอริย
สงฆ์สาวกทั้งหลายทั่วกันเทอญ วิธีปฏิบัติของผู้เล่าเรียนมาก ๖๑
ชมรมกัลยาณธรรม
คติธรรมค�ำสอน ๖๕
- 5. 6 7 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ
นมตฺถุ สุคตสฺส ปญฺจ ธมฺมขนฺธานิ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมซึ่งพระสุคต บรมศาสดาศากยมุนี
สัมมาสัมพุทธเจ้า แลพระนวโลกุตตรธรรม ๙ ประการ และอริยสงฆ์
สาวกของพระพุทธเจ้านั้น
บัดนี้ ข้าพเจ้าจักกล่าวซึ่งธรรมขันธ์ โดยสังเขปตามสติ
ปัญญาฯ
ยังมีท่านคนหนึ่งรักตัวคิดกลัวทุกข์ อยากได้สุขพ้นภัย
เทียวผายผัน เขาบอกว่าสุขมีทไหนก็อยากไป แต่เทียวหมันไปมา
่ ี่ ่ ่
- 6. 8 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 9 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
อยู่ช้านาน นิสัยท่านนั้นรักตัวกลัวตายมาก อยากจะพ้นแท้ๆ ทุกข์ไม่ม คือกายคตาสติภาวนา ชมเล่นให้เย็นใจหายเดือดร้อน
ี
เรื่องแก่ตาย วันหนึ่งท่านรู้จริงซึ่งสมุทัยพวกสังขาร ท่านก็ปะ หนทางจรอริยวงศ์ จะไปหรือไม่ไปฉันไม่เกณฑ์ ไม่หลอกเล่น
ถ�้ำสนุกสุขไม่หาย เปรียบเหมือนดังกายนี้เองฯ บอกความให้ตามจริง
ชะโงกดูถ�้ำสนุกทุกข์คลาย แสนสบายรู้ตัวเรื่องกลัวนั้นเบา แล้วกล่าวปริศนาท้าให้ตอบ
ด�ำเนินไปเมินมาอยู่หน้าเขา จะกลับไปป่าวร้องซึ่งพวกพ้องเล่า ปริศนานั้นว่า ระวิ่ง คือ อะไร
ก็ ก ลัวเขาเหมาว่าเป็นบ้าบอ สู้อยู่ผู้เดียวหาเรื่ อ งเครื่ อ งสงบ ตอบว่า วิงเร็ว คือวิญญาณอาการใจ เดินเป็นแถวตามแนว
่
เป็นอันจบเรื่องคิดไม่ติดต่อ ดีกว่าเที่ยวรุ่มร่ามท�ำสอพลอ เดี๋ยว กัน สัญญาตรงไม่สงสัย ใจอยูในวิงไปมา สัญญาเหนียวภายนอก
่ ่
ถูกยอถูกติเป็นเรื่องเครื่องร�ำคาญฯ หลอกลวงจิต ท�ำให้คดวุนวายเทียวส่ายหา หลอกเป็นธรรมต่างๆ
ิ ่ ่
อย่างมายา
ยังมีบรษคนหนึง คิดกลัวตายน�ำใจฝ่อ มาหาแล้วพูดตรงๆ
ุุ ่ ้
น่าสงสาร ถามว่าท่านพากเพียรมาก็ช้านาน เห็นธรรมที่แท้จริง ถามว่า ขันธ์ห้า ใครพ้นจนทั้งปวง
แล้วหรือยังที่ใจหวัง เอ๊ะ! ท�ำไมจึงรู้ใจฉัน บุรุษผู้นั้นก็อยาก แก้วา ใจซิพนอยูคนเดียว ไม่เกาะเกียวพัวพันติดสินพิษหวง
่ ้ ่ ่ ้
อยู่อาศัย ท่านว่าดีดี ฉันอนุโมทนา จะพาดูเขาใหญ่ถ�้ำสนุก หมดที่หลงอยู่เดียวดวง สัญญาลวงไม่ได้หมายหลงตามไป
- 7. 10 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 11 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ถามว่า ที่ว่าตาย ใครเขาตาย ที่ไหนกัน ใจก็นั่งแท่นนิ่งทิ้งอาลัย
แก้ว่า สังขารเขาตาย ท�ำลายผล
ถามว่า สระสี่เหลี่ยมเปี่ยมด้วยน�้ำ
ถามว่า สิ่งใดก่อให้ต่อวน แก้วา ธรรมสินอยากจากสงสัย ใสสะอาดหมดราคีไม่มภย
่ ้ ีั
แก้ว่า กลสัญญาพาให้เวียน เชื่อสัญญาจึงผิดคิดยินดี สัญญาในนั้นพราก สังขารขันธ์นั้นไม่กวน ใจจึงเปี่ยมเต็มที่ไม่มี
ออกจากภพนีไปภพนันเทียวหันเหียน เลยลืมจิตจ�ำปิดสนิทเนียน
้ ้ ่ พร่อง เงียบระงับดวงจิตไม่คดครวญ เป็นของควรชมชืนทุกคืนวัน
ิ ่
ถึงจะเพียรหาธรรมก็ไม่เห็น แม้ ไ ด้ ส มบั ติ ทิ พ ย์ สั ก สิ บ แสน หาแม้ น เหมื อ นรู ้ จ ริ ง ทิ้ ง สั ง ขาร
หมดความอยากเป็นยิ่งสิ่งส�ำคัญ จ�ำอยู่ส่วนจ�ำ ไม่ก�้ำเกิน ใจ
ถามว่า ใครก�ำหนดใครหมายเป็นธรรม ไม่เพลินทั้งสิ้นหายดิ้นรน
แก้วา ใจก�ำหนดใจหมาย เรืองหาเจ้าสัญญานันเอง คือว่า
่ ่ ้
ดีว่าชั่ว ผลัก ติด รัก ชัง เหมือนดังเอากระจกส่องเงาหน้า แล้วอย่าคิดติดสัญญา
เพราะสัญญานันเหมือนดังเงา อย่าได้เมาไปตามเรืองเครืองสังขาร
้ ่ ่
ถามว่า กินหนเดียวไม่เที่ยวกิน ใจขยับจับใจที่ไม่ปน ไหวส่วนตนรู้แน่เพราะแปรไป ใจไม่เที่ยง
แก้ว่า สิ้นอยากดูไม่รู้หวัง ในเรื่องเห็นต่อไปหายรุงรัง ของใจใช่ต้องว่า รู้ขันธ์ห้าต่างชนิดเมื่อจิตไหว แต่ก่อนนั้น
- 8. 12 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 13 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
หลงสัญญาว่าเป็นใจ ส�ำคัญว่าในว่านอกจึงหลอกลวง คราวนีใจ ้ ถามว่า ห้าหน้าที่ มีครบกัน
เป็นใหญ่ไม่หมายพึ่ง สัญญาหนึ่งสัญญาใดมิได้ห่วง เกิดก็ตาม ตอบว่า ขันธ์แบ่งแจกแยกห้าฐานเรื่องสังขาร ต่างกองรับ
ดับก็ตามสิ่งทั้งปวง ไม่ต้องหวงไม่ต้องกันหมู่สัญญา เปรียบ หน้ า ที่ มี กิ จ การ จะรั บ งานอื่ น ไม่ ไ ด้ เ ต็ ม ในตั ว แม้ ล าภยศ
เหมื อ นขึ้ น ยอดเขาสู ง แท้ แ ลเห็ น ดิ น แลเห็ น สิ้ น ทุ ก ตั ว สั ต ว์ ... สรรเสริญ เจริญสุข นินทา ทุกข์ เสือมยศ หมดลาภทัว รวมลงตาม
่ ่
สูงยิงนักแลเห็นเรืองของตนแต่ตนมา เป็นมรรคาทังนันเช่นบันได
่ ่ ้ ้ ้ สภาพตามเป็นจริง ทังแปดสิงใจไม่หนไปพัวพัน เพราะว่ารูปขันธ์
้ ่ ั
ก็ท�ำแก่ไข้มิได้เว้น นามก็มิได้พักเหมือนจักรยนต์ เพราะรับผล
ถามว่า น�้ำขึ้นลงตรงสัจจังนั้นหรือ ของกรรมทีทำมา เรืองดีพาเพลิดเพลินเจริญใจ เรืองชัวขุนวุนจิต
่� ่ ่ ่ ่ ่
ตอบว่า สังขารแปรแก้ไม่ได้ ธรรมดากรรมแต่งไม่แกล้งใคร คิดไม่หยุด เหมือนไฟจุดจิตหมองไม่ผ่องใส นึกขึ้นเองทั้งรัก
ขืนผลักไสจับต้องก็หมองมัว ชั่วในจิต ไม่ต้องคิดขัดธรรมดา ทั้งโกรธไปโทษใคร
สภาวะสิ่ ง เป็ น จริ ง ดี ชั่ ว ตามแต่ เ รื่ อ งของเรื่ อ งเปลื้ อ งแต่ ตั ว
ไม่พัวพันสังขารเป็นการเย็น รู้จักจริงต้องทิ้งสังขารที่ผันแปร อยากไม่แก่ไม่ตายได้หรือคน เป็นของพ้นวิสัยจะได้เชย
เมื่อแลเห็น เบื่อแล้วปล่อยได้คล่องไม่ต้องเกณฑ์ ธรรมก็เย็นใจ เช่นไม่อยากให้จิตเที่ยวคิดรู้ อยากให้อยู่เป็นหนึ่งหวังพึ่งเฉย
ระงับรับอาการ จิตเป็นของผันแปรไม่แน่เลย สัญญาเคยอยู่ได้บ้างเป็นครั้งคราว
ถ้ารู้เท่าธรรมดาทั้งห้าขันธ์ ใจนั้นก็ขาวสะอาดหมดมลทินสิ้น
- 9. 14 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 15 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
เรื่องราว ถ้ารู้ได้อย่างนี้จึงดียิ่ง เพราะเห็นจริงถอนหลุดสุดวิถี นั้นแล องค์ธรรมเอก วิเวกจริง ธรรมเป็นหนึ่งไม่แปรผัน
ไม่ฝ่าฝืนธรรมดาตามเป็นจริง จะจนจะมีตามเรื่องเครื่องนอกใน เลิศภพสงบยิ่ง เป็นอารมณ์ของใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งเงียบสงัด
ดี ห รื อ ชั่ ว ต้ อ งดั บ เลื่ อ นลั บ ไป ยึ ด สิ่ ง ใดไม่ ไ ด้ ต ามใจหมาย ชัดกับใจ ใจก็สร่างจากเมาหายเร่าร้อน ความอยากถอนได้หมด
ใจไม่เทียง ของใจไหววิบวับ สังเกตจับรูได้สบายยิง เล็กบังใหญ่
่ ้ ่ ปลดสงสัย เรื่องพัวพันขันธ์ซาสิ้นไป เครื่องหมุนในไตรจักร
รู้ไม่ทันขันธ์บังธรรมมิดผิดที่นี่ มัวดูขันธ์ธรรมไม่เห็นเป็นธุลีไป ก็หักลง ความอยากใหญ่ยิ่งก็ทิ้งหลุด ความรักหยุดหายสนิท
ส่วนธรรมมีใหญ่กว่าขันธ์นั้นไม่แล สิ้นพิศวง ร้อนทั้งปวงก็หายหมดดังใจจง
ถามว่า มีไม่ม ไม่มีม นี้คืออะไร
ี ี เชิญโปรดชี้อีกอย่างหนทางใจ สมุทัยของจิตที่ปิดธรรม
ทีนตดหมด คิดแก้ไม่ไหว เชิญชีให้ชดทังอรรถแปล โปรด
ี้ ิ ้ ั ้ แก้ว่า สมุทัยกว้างใหญ่นัก ย่อลงก็คือความรักบีบใจอาลัย
แก้เถิด ที่ว่าเกิดมีต่างๆ ทั้งเหตุผล แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน ขันธ์ ถ้าธรรมมีกับจิตเป็นนิจนิรันดร์ เป็นเลิกกันสมุทัยมิได้มี
นี้ข้อต้นมีไม่มีอย่างนี้ตรง ข้อปลายไม่มีมีนี้เป็นธรรม ที่ลึกล�้ำ จงจ�ำไว้อย่างนี้วิถีจิต ไม่ต้องคิดเวียนวนจนป่นปี้ ธรรมไม่มี
ไตรภพจบประสงค์ ไม่มีสังขาร มีธรรมที่มั่นคง อยู่เป็นนิตย์ติดยินดี ใจตกที่สมุทัยอาลัยตัว
- 10. 16 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 17 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ว่าอย่างย่อทุกข์กับธรรมประจ�ำจิต เอาจนคิดรู้เห็นจริง
จึงเย็นทัว จะสุขทุกข์เท่าไรมิได้กลัว สร่างจากเครืองมัวคือสมุทย
่ ่ ั
ไปที่ดี รู้เท่านี้ก็คลายหายความร้อน พอพักผ่อนเสาะแสวงหา
ทางหนี จิตรูธรรมลืมจิตทีตดธุล ใจรูธรรมทีเ่ ป็นสุข ขันธ์ทกข์แท้
้ ่ิ ี ้ ุ
แน่ประจ�ำ ธรรมคงเป็นธรรม ขันธ์คงขันธ์เท่านันแล ค�ำว่าเย็นสบาย
้
หายเดือดร้อน หมายจิตถอนจากผิดที่ติดแก้ ส่วนสังขารขันธ์
ปราศจากสุ ข เป็ น ทุ ก ข์ แ ท้ เพราะต้ อ งแก่ ไ ข้ ต ายไม่ ว ายวั น
จิตรู้ธรรมที่ล�้ำเลิศจิตก็ถอน จากผิดเครื่องเศร้าหมองของแสลง
ผิดเป็นโทษของใจอย่างร้ายแรง เห็นธรรมแจ้ง ถอนผิดหมดพิษใจ
จิ ตเห็นธรรมดีล้นที่พ้นผิด พบปะธรรมเปลื้ อ งเครื่ อ งกระสั น
มีสติอยู่ในตัวไม่พัวพัน เรื่องรักขันธ์ขาดสิ้นหายยินดี สิ้นธุลีทั้ง
ปวงหมดห่วงใย ถึงจะคิดก็ไม่หามตามนิสย เมือไม่หามกลับไม่ฟง
้ ั ่ ้ ุ้
พ้นยุ่งไป พึงรู้ได้บาปมีขึ้นเพราะขืนจริง ตอบว่า บาปเกิดได้
เพราะไม่รู้ถ้าปิดประตูเขลาได้สบายยิ่ง ชั่วทั้งปวงเงียบหาย
- 11. 18 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 19 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ไม่ไหวติง ขันธ์ทุกสิ่งย่อมทุกข์ไม่สุขเลย ก็มาชวน ยกกระบวนทุกอย่างต่างๆ ไป
แต่ก่อนข้าพเจ้ามืดเขลาเหมือนเข้าถ�้ำ อยากเห็นธรรม เพราะยึดขันธ์ทั้งห้าว่าของตน จึงไม่พ้นทุกข์ภัยไปได้นา
ยึดใจจะให้เฉย ยึดความจ�ำว่าเป็นใจหมายจนเคย เลยเพลิน ถ้ารู้โทษของตัวแล้วอย่าชาเฉย ดูอาการสังขารที่ไม่เที่ยงร�่ำไป
เชยชม “จ�ำ” ธรรมมานาน ความจ�ำผิดปิดไว้ไม่ให้เห็น จึงหลง ให้ใจเคย คงได้เชยชมธรรมะอันเอกวิเวกจิต ไม่เทียงนันหมายใจ
่ ้
เล่นขันธ์ห้าน่าสงสาร ให้ยกตัวอวดตนพ้นประมาณ เที่ยวระราน ไหวจากจ�ำ เห็นแล้วซ�ำดูๆ อยูทไหว พออารมณ์นอกดับระงับไป
้ ่ ี่
ติคนอืนเป็นพืนไป ไม่เป็นผล เทียวดูโทษคนอืนนันขืนใจ เหมือน
่ ้ ่ ่ ้ ่ หมดปรากฏธรรม เห็นธรรมแล้วย่อมหายวุ่นวายจิต จิตนั้น
ก่อไฟเผาตัวต้องมัวมอม ไม่ติดคู่จริงเท่านี้หมดประตู รู้ไม่รู้อย่างนี้วิถีใจ รู้เท่าที่ไม่เที่ยง
จิตต้นพ้นริเริ่ม คงจิตเดิมอย่างเที่ยงแท้ รู้ต้นจิตพ้นจากผิด
ใครผิดถูกดีชวก็ตวเขา ใจของเราเพียรระวังตังถนอม อย่า
ั่ ั ้ ทั้งปวงไม่ห่วง ถ้าออกไปปลายจิตผิดทันที
ให้อกุศลวนมาตอม ควรถึงพร้อมบุญกุศลผลสบาย เห็นคนอื่น
เขาชั่วตัวก็ดี เป็นราคียึดขันธ์ที่มั่นหมาย ยึดขันธ์ต้องร้อนแท้ ค�ำทีวามืดนันเพราะจิตคิดหวงดี จิตหวงนีปลายจิตคิดออก
่่ ้ ้
เพราะแก่ตาย เลยซ�ำร้ายกิเลสกลุมเข้ารุมกวน เต็มทังรักทังโกรธ
้ ้ ้ ้ ไป จิตต้นดีเมื่อธรรมะปรากฏหมดสงสัย เห็นธรรมอันเลิศล�้ำ
โทษประจักษ์ ทั้งกลัวนักหนักจิตคิดโหยหวน ซ�้ำอารมณ์กามห้า โลกา เรื่ อ งคิ ด ค้ น วุ ่ น หามาแต่ ก ่ อ น ก็ เ ลิ ก ถอนเปลื้ อ งปลด
- 12. 20 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 21 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ได้หมดสิน ยังมีทกข์ตองหลับนอนกับกินไปตามเรือง ใจเชืองชิด
้ ุ ้ ่ ่ รู้อยู่เพราะหมายคู่ก็ไม่ใช่ จิตคงรู้จิตเองเพราะเพลงไหว
ต้ น จิ ต คิ ด ไม่ ค รวญ ธรรมดาของจิ ต ก็ ต ้ อ งนึ ก คิ ด พอรู ้ สึ ก จิตรูไหวๆ ก็จิตติดกันไป แยกไม่ได้ตามจริงสิงเดียวกัน จิตเป็น
้ ่
จิตต้นพ้นโหยหวยเงียบสงัดจากเรืองเครืองรบกวน ธรรมดาสังขาร
่ ่ สองอาการเรียกว่าสัญญาพาพัวพัน ไม่เทียงนันก็ตวเองไปเล็งใคร
่ ้ ั
ปรากฏหมดด้วยกัน เสื่อมทั้งนั้นคงที่ไม่มีเลย ใจรูเ้ สือมของตัวก็พนมัวมืด ใจก็จดสินรสหมดสงสัย ขาดค้นคว้า
่ ้ ื ้
หาเรื่องเครื่องนอกใน ความอาลัยทั้งปวงก็ร่วงโรย ทั้งโกรธรัก
ระวังใจเมื่อจ�ำท�ำละเอียด มักจะเบียดให้จิตไปติดเฉย เครื่ อ งหนั ก ใจก็ ไ ปจาก เรื่ อ งใจอยากก็ ห ยุ ด ได้ ห ายหวนโหย
ใจไม่เที่ยงของใจซ�้ำให้เคย เมื่อถึงเอยหากรู้เองเพลงของใจ พ้นหนักใจทังหลายโอดโอย เหมือนฝนโปรยใจ ใจเย็นเห็นด้วยใจ
้
เหมือนดังมายาที่หลอกลวง ท่านว่าวิปัสสนูปกิเลสจ�ำแลงเพศ ใจเย็นเพราะไม่ต้องเที่ยวมองคน รู้จิตต้นปัจจุบันพ้นหวั่นไหว
เหมื อ นดั ง จริ ง ที่ แ ท้ ไ ม่ จ ริ ง รู ้ ขึ้ น เองหมายนามว่ า ความเห็ น ดี ห รื อ ชั่ ว ทั้ ง ปวงไม่ ห ่ ว งใย ต้ อ งดั บ ไปทั้ ง เรื่ อ งเครื่ อ งรุ ง รั ง
ไม่ใช่เช่นฟังเข้าใจชั้นไต่ถาม ทั้งตรึกตรองแยกแยะแกะรูปนาม อยู ่ เ งี ย บๆ ต้ น จิ ต ไม่ คิ ด อ่ า น ตามแต่ ก ารของจิ ต สิ้ น คิ ด หวั ง
ก็ใช่ความเห็นเองจงเล็งดู รู้ขึ้นเองใช่เพลงคิด รู้ต้นจิต จิตต้น ไม่ต้องวุ่นต้องวายหายระวัง นอนหรือนั่งนึกพ้นอยู่ต้นจิต
พ้นโหยหวนต้นจิตรู้ตวแน่ว่าสังขาร เรื่องแปรปรวนใช่กระบวนไป
ั
ดูหรือรู้อะไร ท่านชี้มรรคฟังหลักแหลม ช่างต่อแต้มกว้างขวางสว่างไสว
ยังอีกอย่างทางใจไม่หลุดสมุทย ขอจงโปรดชีให้พสดารเป็นการดี
ั ้ ิ
- 13. 22 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 23 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ตอบว่ า สมุ ทั ย คื อ อาลั ย รั ก เพลิ น ยิ่ ง นั ก ท� ำ ภพใหม่ เรื่องอยากดีไม่หยุดคือตัวสมุทัย เป็นโทษใหญ่กลัวจะไม่ดีนี้ก็แรง
ไม่หน่ายหนี ว่าอย่างต�่ำกามคุณห้าเป็นราคี อย่างสูงชี้สมุทัย ดีแลไม่ดีนี้เป็นพิษของจิตนัก เหมือนไข้หนักถูกต้องของแสลง
อาลัยฌาน ถ้าจับตามวิถี มีในจิตก็เรื่องคิดเพลินไปในสังขาร ก�ำเริบโรคด้วยพิษผิดส�ำแลง ธรรมไม่แจ้งเพราะอยากดีนี้เป็น
เพลิ น ทั้ ง ปวงเคยมาเสี ย ช้ า นานกลั บ เป็ น การดี ไ ปให้ เ จริ ญ เดิม ความอยากดีมีมากมักลากจิต ให้เที่ยวคิดวุ่นไปจนใจเหิม
จิตไปในส่วนที่ผิด ก็เลยแตกกิ่งก้านฟุ้งซ่านใหญ่ เที่ยวเพลินไป สรรพชั่ ว มั ว หมองก็ ต ้ อ งเติ ม ผิ ด ยิ่ ง เพิ่ ม ร�่ ำ ไปไกลจากธรรม
ในผิดไม่คิดเขิน สิ่งใดชอบอารมณ์ก็ชมเพลิน เพลินจนเกินลืมตัว ที่ จ ริ ง ชี้ ส มุ ทั ย นี้ ใ จฉั น คร้ า ม ฟั ง เนื้ อ ความไปข้ า งนุ ง ทางยุ ่ ง ยิ่ ง
ไม่กลัวภัย เมื่อชี้มรรคฟังใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งใจสงบจบกันทีฯ
อันนี้ชื่อว่าขันธวิมุติสะมังคีธรรมประจ�ำอยู่กับที่ไม่มีอาการ
เพลินดูโทษคนอื่นดื่นด้วยชั่ว โทษของตัวไม่เห็นเป็นไฉน ไปไม่มีอาการมา สภาวธรรมที่เป็นจริงสิ่งเดียวเท่านี้ และไม่มี
โทษคนอืนเขามากสักเท่าไร ไม่ทำให้เราตกนรกเลย โทษของเรา
่ � เรื่องจะแวะเวียน สิ้นเนื้อความแต่เพียงเท่านี้ฯ
เศร้าหมองไม่ตองมาก ส่งวิบากไปตกนรกแสนสาหัส หมันดูโทษ
้ ่ ผิดหรือถูกจงใช้ปัญญาตรองดูให้รู้เถิดฯ
ตนไว้ให้ใจเคย เว้นเสียซึ่งโทษนั้น คงได้เชยชมสุขพ้นทุกข์ภัย
พระภูริทัตโตฯ (มั่น)
เมื่อเห็นโทษตนชัดรีบตัดทิ้ง ท�ำอ้อยอิ่งคิดมากจากไม่ได้ วัดสระประทุมวัน เป็นผู้แต่งฯ
- 14. 24 25 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ทาน ศีล ภาวนา
ทาน คือ เครืองแสดงน�ำใจของมนุษย์ผมจตใจสูง มีเมตตา
่ ้ ู้ ี ิ
จิตต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ด้วยการให้ การเสียสละแบ่งปัน มาก
น้อยตามก�ำลังของวัตถุเครื่องสงเคราะห์ที่มีอยู่ จะเป็นวัตถุทาน
ธรรมทานหรือวิทยาทาน เพือสงเคราะห์ผอนโดยไม่หวังสิงตอบแทน
่ ู้ ื่ ่
ใดๆ นอกจากกุศล คือ ความดีที่ได้จากทานนั้น เป็นสิ่งตอบแทน
ที่เจ้าของทานได้รับอยู่โดยดีเท่านั้น อภัยทานควรให้แก่กันเมื่ออีก
ฝ่ายหนึ่งผิดพลาดหรือล่วงเกิน
- 15. 26 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 27 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
คนมีทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผยและเด่นในปวงชน เป็นที่ ได้โดยปลอดภัย แม้โลกเจริญด้วยวัตถุจนกองสูงกว่าพระอาทิตย์
เคารพรักในหมู่ชน จะตกอยู่ทิศใดย่อมไม่อดอยากขาดแคลน แต่ความรุ่มร้อนแผดเผาจะทวีคูณยิ่งกว่าพระอาทิตย์ ถ้ามัวคิดว่า
จะมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ ไม่อับจนทนทุกข์ ผู้มีทานประดับตน วัตถุมีค่ามากกว่าศีลธรรม ศีลธรรมเป็นเพียงสมบัติของมนุษย์
ย่อมไม่เป็นคนล้าสมัย บุคคลทุกชั้นไม่รังเกียจ พระพุ ท ธเจ้ า ผู ้ ค ้ น พบและน� ำ มาประดั บ โลกที่ ก� ำ ลั ง มื ด มิ ด ให้
สว่างไสว ร่มเย็นด้วยอ�ำนาจศีลธรรมเป็นเครื่องปัดเป่า
ผูมทานย่อมเป็นผูอบอุน หนุนโลกให้ชมเย็น การเสียสละจึง
้ี ้ ่ ุ่
เป็นเครืองค�ำจุนหนุนโลก การสงเคราะห์กนท�ำให้โลกมีความหมาย
่ ้ ั ความคิดของมนุษย์ผู้มีกิเลส ผลิตอะไรออกมาท�ำให้โลก
ตลอดไป ไม่เป็นโลกที่ไร้ชาติขาดกระเจิง เหลือแต่ซากแผ่นดิน ร้อนจะบรรลัยอยู่แล้ว ยิ่งปล่อยให้ความคิดตามอ�ำนาจโดยไม่มี
ไม่แห้งแล้งแข่งกันทุกข์ตลอดไป ศีลธรรมช่วยเป็นยาชโลมไว้บ้าง จะผลิตยักษ์ใหญ่ทรงพิษขึ้นมา
กว้าน กินมนุษย์จนไม่มีอะไรเหลืออยู่บ้างเลย ความคิดของคน
ศีล คือ รั้วกั้นความเบียดเบียนและท�ำลายสมบัติร่างกาย สินกิเลสทีทรงคุณอย่างสูง คือพระพุทธเจ้า มีผลให้โลกได้รบความ
้ ่ ั
และจิตของกันและกัน ศีล คือ พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยมที่ควร ร่มเย็นซาบซึง กับความคิดทีเ่ ป็นกิเลสมีผลให้ตนเองและผูอนได้รบ
้ ้ ื่ ั
มีประจ�ำชาติมนุษย์ ไม่ปล่อยให้สูญหายไป เพราะมนุษย์ไม่มีศีล ความเดือดร้อนจนคาดไม่ถึงผิดกันอยู่มาก ควรหาทางแก้ไข
เป็นรั้วกั้น เป็นเครื่องประดับตัว จะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนหลับสนิท ผ่อนหนักให้เบาลงก่อนจะหมดทางแก้ไข ศีลจึงเป็นเหมือนยาปราบ
- 16. 28 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 29 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
โรค ทั้งโรคระบาดและเรื้อรัง การภาวนาจึงเป็นงานเพื่อผลในปัจจุบันและอนาคต การ
งานทุกชนิด ที่ท�ำ ด้วยใจของผู้มีภาวนาจะส� ำ เร็จลงด้วยความ
ภาวนา คือ การอบรมใจให้ฉลาดเทียงตรงต่อเหตุผลอรรถ
่ เรียบร้อย ท�ำด้วยความใคร่ครวญเล็งถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เป็น
ธรรม รูจกวิธปฏิบตตอตัวเองและสิงทังหลาย ยึดการภาวนาเป็นรัว
้ั ี ัิ่ ่ ้ ้ ผู้มีหลักมีเหตุผล ถือหลักความถูกต้องเป็นเข็มทิศทางเดินของ
กั้นความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผลอันจะเป็นทางแห่งความ กาย วาจา ใจ ไม่เปิดช่องให้ความอยากอันไม่มีขอบเขตเข้ามา
สงบสุข ใจทียงมิได้รบการอบรมจากภาวนา จึงเปรียบเหมือนสัตว์
่ั ั เกี่ยวข้องเพราะความอยากดั้งเดิมเป็นไปตามอ�ำนาจของกิเลส
ที่ยังมิได้รับการฝึกหัด ยังมิได้รับประโยชน์จากมันเท่าที่ควร จ�ำ ตัณหา ซึ่งไม่เคยสนใจต่อความผิดถูก ดีชั่ว พาเราเสียไปจนนับ
ต้องฝึกหัดให้ท�ำประโยชน์ ถึงจะได้รับประโยชน์ตามควร ไม่ถ้วนประมาณไม่ถูก จะเอาโทษมันก็ไม่ได้ ยอมให้เสียไปอย่าง
น่าเสียดาย ถ้าไม่มสติระลึกบ้างเลยแล้ว ของเก่าก็เสียไป ของใหม่
ี
ใจจึงควรได้รับการอบรมให้รู้เรื่องของตัว จะเป็นผู้ควรแก่ ก็พลอยจมไปด้วยไม่มวนฟืนคืนตัว ฉะนัน การภาวนาจึงเป็นเครือง
ีั ้ ้ ่
งานทังหลาย ทังส่วนเล็กส่วนใหญ่ภายนอกภายใน ผูมภาวนาเป็น
้ ้ ้ี หักล้างความไม่มีเหตุผลของตนได้ดี วิธีภาวนานั้นล�ำบากอยู่บ้าง
หลักใจ จะท�ำอะไรชอบใช้ความคิดอ่านเสมอ ไม่เสี่ยงและไม่เกิด เพราะเป็นวิธีบังคับใจ
ความเสียหายแก่ตนและผู้เกี่ยวข้อง
- 17. 30 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 31 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
วิธีภาวนาก็คือวิธีสังเกตตัวเอง สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิก
ไม่อยู่เป็นปกติสุข ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต
โดยมีธรรมบทใดบทหนึงเป็นค�ำบริกรรม เพือเป็นยารักษาจิตใจให้
่ ่
ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุขในขณะภาวนา
ที่ให้ผลดีก็มี อานาปาณสติ คือ ก�ำหนดจิตตามลมหายใจ
เข้าออกด้วยค�ำภาวนา พุทโธ พยายามบังคับใจให้อยู่กับอารมณ์
แห่งธรรมบททีนำมาบริกรรมขณะภาวนา พยายามท�ำอย่างนีเ้ สมอ
่�
ด้วยความไม่ลดละความเพียร จิตที่เคยท�ำบาปหาบทุกข์อยู่เสมอ
จะค่อยรูสกตัว และปล่อยวางไปเป็นล�ำดับ มีความสนใจหนักแน่น
้ึ
ในหน้าที่ของตนเป็นประจ�ำ จิตที่สงบตัวลงเป็นสมาธิ เป็นจิตที่
มีความสุขเย็นใจมากและจ�ำไม่ลืม ปลุกใจให้ตื่นตัวและตื่นใจได้
อย่างน่าประหลาด
- 18. 32 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 33 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
เมื่อพูดถึงการภาวนา บางท่านรู้สึกเหงาหงอยน้อยใจว่าตน จิตใจยังกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยงแบกหามจนได้ มิหน�ำซ�้ำยังหอบเอา
มีวาสนาน้อยท�ำไม่ไหว เพราะกิจการยุ่งยากทั้งภายในบ้านและ มาคิดเป็นการบ้านอีกจนนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้ก็มี ค�ำว่า
นอกบ้าน ตลอดงานสังคมต่างๆ ที่ต้องเป็นธุระ จะมานั่งหลับตา หนักเกินไปยกไม่ไหวเกินก�ำลังใจจะคิดและต้านทานนั้นไม่มี
ภาวนาอยู่ เห็นจะไม่ทันอยู่ทันกินกับโลกเขา ท�ำให้ไม่อยากท�ำ
ประโยชน์ที่ควรได้ จึงเลยผ่านไป ควรพยายามแก้ไขเสียบัดนี้ งานทางกายยังมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ และยังรูประมาณว่า
้
ควรหรือไม่ควรแก่กำลังของตนเพียงใด ส่วนงานทางใจไม่มเี วลาได้
�
แท้จริงการภาวนา คือ วิธแก้ความยุงยากล�ำบากใจทุกประเภท
ี ่ พักผ่อนเอาเลย พักได้เล็กน้อยขณะนอนหลับเท่านัน แม้เช่นนันจิต
้ ้
ทีเ่ ป็นภาระหนักให้เบาและหมดสินไป ได้อบายมาแก้ไขไล่ทกข์ออก
้ ุ ุ ยังอุตส่าห์ท�ำงานด้วยการละเมอเพ้อฝันต่อไปอีก ไม่รจกประมาณ
ู้ ั
จากตัว การอบรมใจด้วยการภาวนาก็เป็นวิธหนึงแห่งการรักษาตัว
ี ่ ว่าเรื่องต่างๆ นั้นควรแก่ก�ำลังของใจเพียงใด เมื่อเกิดอะไรขึ้น
เป็นวิธีที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เป็นหัวหน้างานทุกด้าน ทราบแต่ว่าทุกข์เหลือทน ไม่ทราบว่าทุกข์เพราะงานหนักและเรื่อง
เผ็ดร้อนเหลือก�ำลังใจจะสู้ไหว
จิตจ�ำต้องเป็นตัวการรับภาระแบกหาม โดยไม่คำนึงถึงความ
�
หนักเบาว่าชนิดใดพอยกไหวไหม จิตต้องรับภาระทันที ดีชวผิดถูก
ั่ ใจคือนักต่อสู้ ดีก็สู้ ชั่วก็สู้ สู้จนไม่รู้จักหยุดยั้งไตร่ตรอง
หนักเบา เศร้าโศกเพียงใด บางเรื่องแทบเอาชีวิตไปด้วย ขณะนั้น สู้จนไม่รู้จักตาย หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง คง
- 19. 34 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 35 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง ได้ซ่อมสุขภาพจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความ
คิดปรุงแต่งของจิตว่าคิดอะไรบ้าง ในวันและเวลาที่นั่งๆ มีสาระ
ธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติและปกครองใจ ถ้าขาด ประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น
ธรรมเพียงอย่างเดียว ความอยากของใจจะพยายามหาทรัพย์ ได้ พอรู้ผิดถูกของตัวบ้างไหม พิจารณาสังขารภายนอกว่ามีความ
กองเท่าภูเขาก็ยงหาความสุขไม่เจอ ไม่มธรรมในใจเพียงอย่างเดียว
ั ี เจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารร่างกายมีอะไรใหม่หรือมีความเก่า
จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด ก็เป็นเพียงโลกเศษเดนและกอง แก่ชราหลุดลงไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะ
สมบัตเิ ดนเท่านัน ไม่มประโยชน์อะไรแก่จตใจแม้แต่นด ความทุกข์
้ ี ิ ิ ท�ำได้ ตายแล้วจะเสียการ
ทรมาน ความอดทน ทนทานต่อสิงกระทบกระทังต่างๆ ไม่มอะไร
่ ่ ี
จะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง ใจจะกลาย ให้ท่องอยู่ในใจเสมอว่า เรามีความแก่เจ็บตายอยู่ประจ�ำ
เป็นของประเสริฐ ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมใจต่อเรืองทังหลายทันที
ิ ่ ้ ตัวทั่วหน้ากัน ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอก และป่าช้าที่ฝังศพ
จิตเป็นสมบัตสำคัญมากในตัวเรา ทีควรได้รบการเหลียวแล
ิ� ่ ั ภายในคือตัวเราเอง เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้าแห่งศพที่น�ำมาฝัง
ด้วยวิธเี ก็บรักษาให้ด ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัตทมี
ี ิ ี่ ภายในหรือบรรจุอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ทั้งศพใหม่ศพเก่าทุกวัน
ค่ายิงของตน วิธทควรกับจิตโดยเฉพาะก็คอ ภาวนา ฝึกหัดภาวนา
่ ี ี่ ื
ในโอกาสอันควร ควรตรวจดูจิตว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไป จะ
- 20. 36 ขั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม 37 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
พิจารณาธรรมสังเวช พิจารณาความตายเป็นอารมณ์ ย่อมมี ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทัง ๓ นี เป็นรากแก้วของความเป็น
้ ้
ทางถอดถอนความเผลอเย่อหยิ่งในวันในชีวิตและวิทยฐานะต่างๆ มนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ต้อง
ออกได้ จะเห็นโทษแห่งความบกพร่องของตัว และพยายามแก้ไข เป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้มาอยู่ในนิสัยของผู้จะมาสวมร่างเป็น
ได้เป็นล�ำดับมากกว่าจะไปเห็นโทษของคนอื่นแล้วมานินทาเขา มนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นความไม่ดีใส่ตน
นี่ คื อ การภาวนา คื อ วิ ธี เ ตือ นตน สั่ ง สอนตน ตรวจตรา
ดูความบกพร่องของตนว่าควรแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง ใช้ความ
พิจารณาอยูทำนองนีเ้ รือยๆ ด้วยวิธสมาธิภาวนาบ้าง ด้วยการร�ำพึง
่� ่ ี
ในอิริยาบทต่างๆ บ้าง ใจจะสงบเย็นไม่ล�ำพองผยองตัว และ
ไม่เอาความทุกข์มาเผาลนตัวเอง เป็นผู้รู้จักประมาณในหน้าที่
การงานที่พอเหมาะพอดีแก่ตัวทั้งทางกายและทางใจ ไม่ลืมตัว
มัวสุมในสิงทีเ่ ป็นหายนะต่างๆ คุณสมบัตของผูภาวนานีมมากมาย
่ ่ ิ ้ ้ี
ไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นได้
- 21. 38 39 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
คนดีมีศีลธรรม
หาคนดีมศลธรรมในใจ หายากยิงกว่าเพชรนิลจินดา ได้คน
ีี ่
เป็นคนดีเพียงคนเดียวย่อมมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นล้านๆ เพราะ
เงินเป็นล้านๆ ไม่สามารถท�ำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจ
เหมือนได้คนดีมาท�ำประโยชน์
- 22. 40 ท า น ศี ล ภ า ว น า 41 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
คนดีแม้เพียงคนเดียว ยังสามารถท�ำความเย็นให้แก่โลกได้ นิสัย ดี-ชั่ว สุข-ทุกข์ เพราะกฎของกรรมหรือกฎของตัวเองที่ท�ำ
มากมายและยั่งยืน เช่นพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายเป็น ขึ้น ไม่ใช่กฎของใครไปท�ำให้ ตัวท�ำเอาเอง
ตัวอย่าง คนดีแต่ละคนมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นก่ายกอง เป็น
คุณค่าแห่งความดีของตนที่จะท�ำต่อไปมากกว่าเงิน แม้จะจนก็ ของดีมีอยู่กับตัวเราทุกคน ก็พากันปฏิบัติเอา ท�ำเอา เมื่อ
ยอมจน ขอแต่ให้ตัวดีและโลกมีความสุข เวลาตายแล้ววุนวาย หานิมนต์พระมากุสลามาติกา ไม่ใช่เกาถูกที่
่
แต่คนโง่ชอบเงินมากกว่าคนดีและความดี ขอแต่ได้เงินแม้ คัน ต้องรีบแก้เสียแต่บดนี คือเร่งท�ำความดีแต่บดนี จะได้หายห่วง
ั ้ ั ้
ตัวจะเป็นอย่างไรไม่สนใจคิดสนใจดู ถึงจะชั่วช้าลามกหรือแสน
โสมมเพียงไรไม่หลีกห่าง ขนาดยมบาลเกลียดกลัวไม่ยอมนับเข้า อะไรๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา
บัญชีผู้ต้องหา กลัวจะไปท�ำลายสัตว์นรกด้วยกันให้เดือนร้อน ขอ ตัวจริงไม่มใครเหลียวแล สมบัตในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริต
ี ิ
แต่ได้เงินก็เป็นที่พอใจ ส่วนจะผิดถูกประการใดเขาไม่ยุ่งเกี่ยว ก็เป็นไฟเผา เผาตัวท�ำให้ฉิบหายได้จริงๆ ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความ
ฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย ท่านผู้พ้นทุกข์ไป
คนดีกับคนชั่ว สมบัติเงินทองกับธรรมะคือคุณความดี ผิด ด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตนจนกลายเป็นสรณะของพวกเรา
กันอย่างนี้แล ใครมีหูมีตาก็คิดแก้ไขเสียแต่บัดนี้ อย่าให้สายเกิน ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทองเครื่องหวงแหนเป็นคนร�ำรวย สวยงาม
่
แก้ ฉะนั้น สัตว์โลกจึงต่างกันทั้งภพก�ำเนิด รูปร่างลักษณะ จริต เฉพาะสมัย จึงพากันรักพากันห่วงจนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย ส�ำคัญ
- 23. 42 ท า น ศี ล ภ า ว น า 43 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ตนว่าจะไม่ตายและพากันประมาทจนลืมตัว เพลิดเพลินตักตวง เมื่อมีผู้เตือนสติ ควรยึดมาเป็นธรรมค�ำสอน จะเป็นคนมี
เอาแต่สิ่งไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว ขอบเขตมีเหตุผล ไม่ทำตามความอยาก เมือพยายามฝ่าฝืนให้เป็น
� ่
ไปตามทางของนักปราชญ์ได้ จะประสบผลคือความสุขในปัจจุบน ั
อย่าส�ำคัญตนว่าเก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย ถึงกับ ทันตา แม้จะมิได้เป็นเจ้าของเงินล้าน แต่มีทางได้รับความสุขจาก
สร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเองจนไม่มวนสร่างซา เมือถึงเวลา
ีั ่ สมบัติและความประพฤติดีของตน
จนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ถ้าไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้ คนฉลาดปกครองตนให้มีความสุขและปลอดภัย ไม่จ�ำเป็น
ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร อาตมาขออภัยด้วยถ้าพูดหยาบคายไป ต้องเทียวแสวงหาทรัพย์มากมาย หรือเทียวกอบโกยเงินเป็นล้านๆ
่ ่
แต่คำพูดทีสงสอนคนให้ละชัวท�ำความดี จัดเป็นหยาบคายอยูแล้ว
� ่ ั่ ่ ่ มาเป็นเครื่องบ�ำรุงจึงมีความสุข ผู้มีสมบัติพอประมาณในทาง
โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง ที่ชอบมีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบเสียอีก เพราะนั่น
การท�ำบาปหยาบคายมีมาประจ�ำแทบทุกคน ทังให้ผลเป็นทุกข์ตน
้ ไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริง ทั้งๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ แต่กฎ
ยังไม่อาจรู้ได้ และต�ำหนิมันบ้างพอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับต�ำหนิ ความจริงคือกรรม สาปแช่งไม่เห็นด้วย และให้ผลเป็นทุกข์ไม่สิ้น
ค�ำสั่งสอนหยาบคาย ก็นับเป็นโรคที่หมดหวัง สุด นักปราชญ์ทานจึงกลัวกันนักหนา แต่คนโง่อย่างพวกเราผูชอบ
่ ้
สุกเอาเผากินและชอบเห็นแก่ตัว ไม่มีวันอิ่มพอ ไม่ประสบผลคือ
ความสุขดังใจหมาย
- 24. 44 ท า น ศี ล ภ า ว น า 45 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
คนหิวอยูเ่ ป็นปกติสขไม่ได้ จึงวิงหาโน่นหานี เจออะไรก็คว้า
ุ ่ ่
ติดมือมาโดยไม่ส�ำนึกว่าผิดหรือถูก ครั้นแล้วสิ่งคว้ามาก็มาเผา
ตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ คนที่หลงจึงต้องแสวงหา ถ้าไม่หลงก็ไม่
ต้องหา จะหาไปให้ล�ำบากท�ำไม อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่าง
สมบูรณ์อยูแล้ว จะตืนเงาตะครุบเงาไปท�ำไม เพราะรูอยูแล้วว่าเงา
่ ่ ้ ่
ไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงคือสัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ในกายในใจอย่างสมบูรณ์
แล้ว ความมั่งมีศรีสุขจะไม่บังเกิดแก่ผู้ทุจริตสร้างกรรมชั่ว มีมาก
เท่าไหร่ย่อมหมดไป พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่สร้างบาปกรรมไว้
ผลกรรมนั้นย่อมตกอยู่กับลูกหลานรุ่นหลังให้มีอันเป็นไป ผู้ทุจริต
เบียดเบียนรังแกผู้อื่น จะหาความสุขความเจริญไม่ได้เลย
- 25. 46 47 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
สัตว์โลก
ย่อมเป็นไปตามกรรม
เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้
อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืม
สร้างคุณงามความดีเสริมต่อ ภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์จะ
เปลียนแปลงและกลับกลายหายไปเป็นชาติทตำทรามไม่ปรารถนา
่ ี่ �่
จะกลายมาเป็นตัวเราเขาแล้วแก้ไม่ตก
- 26. 48 สั ต ว์ โ ล ก ย่ อ ม เ ป็ น ไ ป ต า ม ก ร ร ม 49 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
ความสูงศักดิ์ ความต�่ำทราม ความสุขทุกชั้นจนถึงบรมสุข กรรมเป็นของลึกลับและมีอ�ำนาจมาก ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่ง
และความทุกข์จนเข้าขั้นมหันตทุกข์เหล่านี้ มีได้กับทุกคนตลอด กรรมได้เลย ถ้าเราสามารถรูเ้ ห็นกรรมดี กรรมชัว ทีตนและผูอนท�ำ
่ ่ ้ ื่
สัตว์ ถ้าตนเองท�ำให้มี อย่าเข้าใจว่ามีได้เฉพาะผู้ก�ำลังเสวยอยู่ ขึ้นเหมือนเห็นวัตถุต่างๆ จะไม่กล้าท�ำบาป แต่จะกระตือรือร้น
เท่านั้น โดยผู้อื่นไม่มี เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง แต่กลับ ท�ำแต่ความดี ซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน�้ำ ความเดือดร้อนในโลกก็
กลายมาเป็นสมบัตจำเพาะของผูผลิตผูทำเองได้ ท่านจึงสอนไม่ให้
ิ� ้ ้� จะลดน้อยลงเพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย
ดูถกเหยียดหยามกัน เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนัน หรือยิงกว่านันก็ได้
ู ้ ่ ้
เมือถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มใครมีอำนาจหลีกเลียงได้ เพราะกรรมดี
่ ี � ่ ท่านว่าดีชั่วมิได้เกิดขึ้นเอง แต่อาศัยการท�ำบ่อยก็ชินไป
กรรมชัวเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผูอน จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียว
่ ้ ื่ เอง เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย ถ้าเป็นฝ่ายชั่วก็แก้ไขยาก คอย
กับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น แต่จะไหลลงไปตามนิสัยที่เคยท�ำอยู่เสมอ ถ้าเป็นฝ่ายดีก็นับว่า
คล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นล�ำดับ เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์
ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่าง มากอย่าน�ำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์เราจะต�่ำลงกว่าสัตว์
แม่นย�ำ ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน สิงดีชวที่มีและเกิดอยู่กับ
่ ั่ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันท�ำ ให้พากันละบาป
ตนทุกระยะมีใจเป็นตัวการ พาให้สร้างกรรมประเภทต่างๆ จนเห็น บ�ำเพ็ญบุญท�ำแต่คุณความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิด
ได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ท�ำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล มาเป็นมนุษย์
- 27. 50 สั ต ว์ โ ล ก ย่ อ ม เ ป็ น ไ ป ต า ม ก ร ร ม 51 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
การท�ำความเข้าใจเรื่องของกรรมเป็นการศึกษาธรรมะเพื่อ กรรม คือ การกระท�ำดีชั่วทางกาย วาจา ใจ ต่างหาก
เตรียมพร้อมทีจะรับภาวะของตัวเราเอง ซึงจะต้องเป็นไปตามกรรม
่ ่ ผลจริงคือความสุขทุกข์ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จัก
ที่ได้ท�ำไว้ ตามพุทธภาษิตที่มีว่า “กรรม จ�ำแนกสัตว์ให้ทรามและ กรรม รูแต่กระท�ำคือหากินหาอยู ทางศาสนาเรียกว่ากรรมของสัตว์
้ ่
ประณีตต่างกัน” ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ของบุคคล ควรมีเมตตาสงสาร
ในสัตว์ทงหลายซึงมีความเกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียวกับเรา ไม่มอะไร
ั้ ่ ี
ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลาย ยิ่งหย่อนกว่ากัน
เป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดู
จากพ่อแม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มอง ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์
ไม่เห็นคุณของพ่อแม่ว่าได้ให้ก�ำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน แต่เขา
แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขาที่เป็นคนหนึ่งก�ำลังรกโลก ตกอยูในภาวะความเป็นสัตว์กจ�ำต้องทนรับเสวยไป สัตว์เดรัจฉาน
่ ็
อยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมาจากท่านทั้ง ก็ยงมีและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน มิให้ประมาทเขาว่าเป็น
ั
สอง ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขาให้เจริญเติบโตมาจน สัตว์ที่เกิดในก�ำเนิดต�่ำทราม ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตาม
ถึงปัจจุบัน การดื่มกินเป็นการสร้างสุขภาพความเจริญเติบโตแก่ วาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น เช่นเดียวกับมนุษย์ขณะที่ตกอยู่ในความ
ร่างกายไม่จัดว่าเป็นกรรม ทุกข์จนข้นแค้นก็จ�ำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม
- 28. 52 สั ต ว์ โ ล ก ย่ อ ม เ ป็ น ไ ป ต า ม ก ร ร ม 53 ห ล ว ง ปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โ ต
เมือมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน มีสขบ้างมีทกข์บางตาม
่ ุ ุ ้
วาระของกรรมที่อ�ำนวย มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็น
เช่นนี้ ซึ่งล้วนผ่านก�ำเนิดต่างๆ มาจนนับไม่ถ้วน ให้ตระหนักใน
กรรมของสัตว์ว่ามีต่างๆ กัน
เพราะฉะนั้น ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติก�ำเนิดความ
เป็นอยูของกันและกัน และสอนให้รวาสัตว์ทงหลายมีกรรมดีกรรม
่ ู้ ่ ั้
ชั่วเป็นของๆ ตน