การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
จัดทาโดย น.ส.ฉันทนา ปาปัดถา
รหัส 5502052910022 – DICT II @KMUTNB
ผศ.ดร.ณมน จีรังสุวรรณ
เสนอ
ผศ.พัลลภ พิริยะสุริวงศ์
การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis)
ประวัติ Path Analysis
Path Analysis
การวิเคราะห์เส้นทาง
การวิเคราะห์เส้นโยง
การวิเคราะห์อิทธิพล
การวิเคราะห์ความสัมพนธ์เชิงสาเหตุ
การวิเคราะห์อิทธิพลเชิงสาเหตุ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ชีวอล์ล ไรท์ (Sewall Wright) นักพันธุกรรมศาสตร์ ผู้ริเริ่มพัฒนาเทคนิค
การวิเคราะห์เส้นทางในราว ค.ศ. 1918
ระยะต้นของทศวรรษที่ 1920 ต่อจากนั้นได้มีผู้นามาใช้ในวงการ
สังคมศาสตร์ เช่น ฮิวเบิร์ต เบลล็อค (Hubert M. Blalock, Jr.) เฮอร์เบิร์ต ไซมอน
(Hurbert S. Simon)เฮร์แมน ไวลด์ และลาร์ช จูรีน (Herman Wold a nd Lars
Jureen) เฮอร์เบิร์ต คอสท์เนอร์และโรเบิร์ต ลึก (Herbert L. Costner and
Robert K. Leik) เรมอง บูดอง (Raymond Boudon) และโอทิส ดัดเลย์ ดันคั่น
(Otis Dudley Duncan)
ประวัติ Path Analysis
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
จินตนา ธนวิบูลย์ชัย (2537: 11) ได้รวบรวมความหมายของ Path
Analysis ไว้ดังนี้
ไรท์ (Wright. 1934) ได้ให้ความหมายของเทคนิค Path Analysis ว่า
เป็นวิธีการผสมผสานข้อมูลเชิงปริมาณซึ่งสามารถวัดได้จากค่าสหสัมพันธ์กับข้อมูล
เชิงคุณภาพ ซึ่งได้จากความรู้ตามทฤษฎีเชิงสาเหตุและผลเพื่อการอธิบายในเชิงสถิติ
เพคเฮาเซอร์ (Pedhauzer. 1982) กล่าวว่า Path Analysis เป็นวิธีการ
ศึกษาผลทางตรงและผลทางอ้อมของตัวแปรต่างๆ ที่ตั้งสมมติฐานไว้ว่าเป็นสาเหตุ
หากเป็นวิธีการหนึ่งของการสร้างแบบจาลองเชิงสาเหตุและผล โดยที่นักวิจัยอาศัย
พื้นความรู้และข้อกาหนดตามทฤษฎีที่มีอยู่ในการดาเนินการ
ความหมาย Path Analysis
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
จินตนา ธนวิบูลย์ชัย (2537: 11) สรุปไว้ว่า เทคนิค Path Analysis เป็น
วิธีการวิเคราะห์ทางสถิติอย่างหนึ่งที่อาศัยการประยุกต์วิธีวิเคราะห์การถดถอยมา
อธิบายความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระหลายๆ ตัวที่มีต่อตัวแปรตามทั้งที่เป็น
ความสัมพันธ์ทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนสามารถอธิบายทิศทางและปริมาณ
ความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ โดยมีลูกศรชี้ให้เห็นแบบจาลองของความสัมพันธ์ได้
การอธิบายความสัมพันธ์นี้อาศัยพื้นความรู้ในปรากฎการณ์และพื้นฐานความรู้ตาม
ทฤษฎีที่อธิบายในเชิงเหตุและผลเป็นสาคัญ วิธีวิเคราะห์นี้จึงสามารถนาไปใช้ในการ
ตรวจสอบหรือคัดเลือก หรือสร้างทฤษฎีด้วย
ความหมาย Path Analysis
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
กล่าวโดยสรุป การวิเคราะห์ Path Analysis เป็นวิธีการวิเคราะห์ทาง
สถิติที่ประยุกต์การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ เพื่อศึกษาและอธิบาย
ความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมองตัวแปรอิสระหลายๆ ตัวที่มีต่อตัวแปร
ตาม รวมทั้งการอธิบายทิศทางและปริมาณความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ โดยมี
ลูกศรชี้ให้เห็นแบบจาลองของความสัมพันธ์ได้ (Wright. 1934; Pedhauzer.
1982; จินตนา ธนวิบูลย์ชัย. 2537: 11)
ความหมาย Path Analysis
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
การวิเคราะห์มุ่งไปที่การ
ประมวล (Effect) ของตัวแปรตัวใดตัว
หนึ่งที่มีต่ออีกตัวหนึ่ง ผลกระทบของ
ตัวแปรแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ผลทางตรง (Direct Effect) และผล
ทางอ้อม (Indirect Effect)
จุดมุ่งหมายของ Path Analysis
X3
X2
X4X1
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
การวาดโมเดล Path Analysis
การวาดภาพโมเดลแสดงอิทธิพล
ตัวแปรแฝง (Latent Variables) แทนด้วยสัญลักษณ์รูป
วงกลมหรือวงรี
ตัวแปรสังเกตได้ (Observed Variables) แทนด้วยสลักษณะ
รูปสี่เหลี่ยม
เส้นทาง อิทธิพลทางตรง (Direct Effects) ระหว่างตัวแปร
แทนด้วยเส้นลูกศร
ความแปรปรวนร่วมหรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทางด้าน
ลูกศรเส้นโค้งสองหัว
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
นงลักษณ์ วิรัชัย (2535: 248) จาแนกออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1. การวิเคราะห์อิทธิพลแบบดั้งเดิม (Classical Path Analysis) นักวิจัยใช้
ขั้นตอนวิธี (Algorithm) การวิเคราะห์ถดถอยโดยการประมาณค่าแบบ
กาลังสองน้อยที่สุด (Least Square Estimation)
2. การวิเคราะห์อิทธิพลโดใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สาหรับการวิเคราะห์
2.1 การจาแนกตามลักษณะตัวแปร เป็นโมเดลมีตัวแปรแฝง (Model
with Latent Variables) และโมเดลไม่มีตัวแปรแฝง (Model without
Latent Variables or Classical SEM)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
2.2 การจาแนกตามลักษณะความสัมพันธ์ เป็นโมเดลความสัมพันธ์ทางเดียว
(One-way Model or Recursive Model) และโมเดลความสัมพันธ์สอง
ทาง (Two-way Model or Non-recursive Model)
2.2 การจาแนกตามลักษณะกลุ่มประชากร เป็นโมเดลกลุ่มเดียว Single Group
Model) และโมเดลกลุ่มพหุ (Multiple Group Model) เพื่อศึกษาความไม่
แปรเปลี่ยนของโมเดล (Model Invariance) ระหว่างกลุ่มประชากร
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
2.3 การจาแนกตามลักษณะข้อมูล เป็นโมเดลภาคตัดขวาง (Cross-sectional
Modl) และโมเดลระยะยาว (Longitudinal Model) เพื่อศึกษาความ
คงที่ของโมเดล (Model Consistency) ระหว่างช่างเวลา
2.4 การจาแนกตามลักษณะอิทธิพล เป็นโมเดลที่ไม่มีทั้งอิทธิพลกากับ
(Moderating Effects) และอิทธิพลปฏิสัมพันธ์ (Interaction Effects)
และโมเดลที่มีอิทธิพลกากับ และ/หรืออิทธิพลปฏิสัมพันธ์
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
ในทางปฏิบัตินักสถิตินิยมจาแนกเภทโมเดลสมการโครงสร้าง
ออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะตัวแปรเท่านั้น คือ โมเดลสมการโครงสร้าง
แบบไม่มีตัวแปรแฝง และโมเดลสมการโครงสร้างแบบมีตัวแปรแฝง
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
โมเดลสมการโครงสร้างแบบไม่มีตัวแปรแฝง (Recursive Model)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ประเภทของ Path Analysis
โมเดลสมการโครงสร้างแบบมีตัวแปรแฝง (Non Recursive Model)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ลักษณะข้อมูลที่ใช้ Path Analysis
Path Analysis ต้องอาศัยการวิเคราะห์ถดถอยเป็นหลัก ดังนั้นข้อมูล
ที่ใช้หรือระดับการวัดของตัวแปร คือ (สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์ และลัดดาวัลย์
ลอดมณี. 2527: 55; จินตนา ธนวิบูลย์ชัย (2537: 21-24)
1. ตัวแปรตามควรเป็นตัวแปรที่มีการวัดระดับช่วง (Interval Scale)
หรือตัวแปรทวิ (ซึ่งมีค่าเป็น 1 และ 0) หรืออัตราส่วน (Ratio) หรือมาตรวัด
อื่นใดที่พอจะนามาเทียบเคียงกับมาตรวัดทั้งสองระดับนี้ได้
2. ตัวแปรอิสระจะเป็นตัวแปรที่มีการวัดระดับช่วง (Interval Scale)
หรือตัวแปรทวิ (ซึ่งมีค่าเป็น 1 และ 0) หรืออัตราส่วน (Ratio) หรือมาตรวัด
อื่นใดที่พอจะนามาเทียบเคียงกับมาตรวัดทั้งสองระดับนี้ได้
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ลักษณะข้อมูลที่ใช้ Path Analysis
3. ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ในแบบจาลองเชิงสาเหตุและผลที่
สร้างขึ้นต้องเป็นเชิงเส้นตรงและเชิงบวก (Linearity and Additivity)
4. ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ต้องเป็นลักษณะความสัมพันธ์เชิง
เหตุและผล (Causal relationship)
5. การวัดตัวแปรต่างๆ จะต้องมีความเชื่อมั่นและความเที่ยงตรงสูง
6. ตัวแปรส่วนที่เหลือ (Residual variable) ต้องไม่มีความสัมพันธ์กันเอง
และไม่มีความสัมพันธ์กับตัวแปรอิสระที่อยู่ก่อนหน้าด้วย
7. ความแปรปรวนของความคลาดเคลื่อนมีคาคงที่ (Homoscedasticity
of error Variance)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ข้อสมมติฐานสาคัญของ Path Analysis
แบบจาลองความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้องเป็นความสัมพันธ์เชิง
เส้นตรง (Linear) เชิงบวก (Additive) และอสมมาตร (Asymmetric) หรือ
ทิศทางของความสัมพันธ์เป็นไปในทางเดียวกัน (Unidirectional)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
แบบจาลอง Path Analysis
จะสังเกตเห็นว่าจะมีหัวลูกศรของเส้นทางเพียงหัวเดียวและมีทิศทางเดียว (จาก
ซ้ายไปขวา) การเรียงลาดับตัวแปรต่างๆ เป็นการเรียงตามทฤษฎีหรือแนวความคิดเชิง
สาเหตุและผล
X4 ถูกกระทบโดย X1, X2 และ X3
X3 ถูกกระทบโดย X2 และ X1
X2 ถูกกระทบโดย X1
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองตัวแปร 2 ตัว
สมมติว่าตัวแปรอิสระคือ X และตัวแปรตามคือ Y ในแบบจาลองจะเขียนได้
ดังภาพ
จะเห็นได้ว่ามีการกาหนดทิศทางความสัมพันธ์จาก X ไปยัง Y และมี
สัญลักษณ์ PYX ระบ่าเป็นค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์เส้นทางระหว่าง X และ Y
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองสมบูรณ์ในการเส้นทางตัวแปร 2 ตัว
ถ้าจะเขียนแผนภาพให้สมบูรณ์ก็ต้องให้ Y ถูกอธิบายโดยตัวแปรอื่นๆ อย่าง
ครบถ้วนนอกเหนือไปจากที่ถูกอธิบายโดย X สมมติ R เป็นตัวแปรอื่นๆ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองตัวแปร 2 ตัว
สมมติว่าตัวแปรอิสระมีอยู่ 2 ตัวแปร คือ X1และ X2 และตัวแปรตามตัว
สุดท้ายคือ Y จากแนวคิดและทฤษฎีที่มีอยู่พบว่า ตัวแปรอิสระและตัวแปรตามต่างมี
ความสัมพันธ์ตามภาพ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองตัวแปร 4 ตัว
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองตัวแปร 5 ตัว
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลอง 5 ตัวแปรที่มีเส้นทางไม่ครบ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองที่ไม่สามารถระบุความสัมพันธ์ได้ชัดเจน
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวแปรในแบบจาลอง Path Analysis
แบบจาลองการวิเคราะห์เส้นทางที่มีความสัมพันธ์กัน
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ความสัมพันธ์ระหว่าง X และ Y
1. ความสัมพันธ์ทางตรง
2. ความสัมพันธ์จากตัวแปรคั่นกลาง
X Y
X Z Y
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ความสัมพันธ์ระหว่าง X และ Y
3. ความสัมพันธ์มีอิทธิพลทางตรง/อ้อม
4. ความสัมพันธ์ย้อนกลัง
X Y
X Z
Y
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
หลักการที่สาคัญของการวิเคราะห์ความสัมพันธ์
1. การสร้างโมเดลเชิงสาเหตุ
2. การใช้ขอ้มูลเชิงประจักษ์ตรวจสอบโมเดลที่สร้างขึ้น
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ลักษณะความสัมพันธ์
1. ผลทางตรง (Direct Effect หรือ DE) เป็นความสัมพันธ์ที่โยงถึงกัน
โดยตรงระหว่างตัวแปร
2. ผลทางอ้อม (Indirect Effect หรือ IE) เป็นความสัมพันธ์ที่โยงถึงกัน
โดยผ่านตัวแปรอื่นหรือโยงกันทางอ้อมระหว่างตัวแปร
3. ผลรวม (Total Effect หรือ TE) เป็นผลรวมของ DE กับ IE ซึ่ง
แสดงผลถึงในเชิงสาเหตุทั้งหมด
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ส่วนประกอบของการวิเคราะห์เส้นทาง
1. แผนภาพหรือไดอะแกรมที่แสดงความสัมพันธ์ของตัวแปร
2. การประมาณค่าอิทธิพล
3. การแยกส่วนประกอบของค่าอิทธิพล
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
Path Analysis is a Decomposition of Correlation
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
การวิเคราะห์ด้วยเทคนิค Path Analysis
การถดถอย
การวิเคราะห์หาขนาดความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในแบบจาลองจะ
กระทาได้โดยอาศัยการวิเคราะห์การถดถอยเป็นหลักในการคานวณ กล่าวคือ ใน
การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย (Simple Regression) ของข้อมูลจากตัวแปร x
และ y เราสามารถใช้สูตรการเปลี่ยนคะแนนดิบให้เป็นคะแนนมาตรฐาน (ZX หรือ
ZY) เป็นศูนย์
ในสมการพยากรณ์ของ ZY จะให้ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยมาตรฐาน
(Standardized Regression Coefficient) ซึ่งใช้สัญลักษณ์ ß แทน b ซึ่งเป็น
สัมประสิทธิ์ถดถอยในกรณีที่ข้อมูลเป็นคะแนนดิบ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
การวิเคราะห์ด้วยเทคนิค Path Analysis
การถดถอย
ค่า ß นี้ เมื่อนามาใช้ในการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค Path Analysis มี
ชื่อเรียกใหม่ว่า Path Coefficient ซึ่งใช้สัญลักษณ์ P หรือ Pyx หรือ Pij แทน
โดยสับสคริบ (Subscript) y หรือ i แทนตัวแปรตาม ส่วนสับสคริบ x หรือ j
แทนตัวแปรอิสระ ค่า Pyx ที่ใช้ในการวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่ายมี
ความสัมพันธ์กับค่า r และ b
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
การวิเคราะห์ด้วยเทคนิค Path Analysis
ความแตกต่างระหว่างเทคนิค Path Analysis กับ Multiple Regression
เช่น จากแบบจาลองที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
สถานภาพทางเศรษฐกิจ (SES) ของผู้ปกคอรง (x 1) คุณภาพโรงเรียน (x2) และ
คุณภาพของครู (x3) ที่มีต่อตัวแปรตามซึ่งได้แก่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (x4)
Multiple Regression Path Analysis
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวอย่างงานวิจัย
การบริหารการเงินตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ของผู้ประกอบการในจังหวัดลาปาง ลาพูน และเชียงใหม่
โดย พรชนก ทองลาด (2551)
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวอย่างงานวิจัย
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ตัวอย่างงานวิจัย
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ข้อมูลตัวอย่าง
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
โมเดลตัวอย่างก่อนวิเคราะห์
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
โมเดลตัวอย่างหลังวิเคราะห์
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB
ขอบคุณค่ะ
ฉันทนา ปาปัดถา @DICT II : KMUTNB

การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis)