Function1. สูตรการคานวณใน Excel 2003
1
1. ประเภทของสูตรคานวณ
สูตรคานวณแบบ Formula
เป็นสูตรคานวณอย่างง่ายไม่ซับซ้อน โดยใช้เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ เช่น +(บวก) –(ลบ) *(คูณ) /(หาร)
และ ^ (ยกกาลัง) สูตรคานวณขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย = เสมอ ตามด้วยค่าตัวแปร 2 หรือมากกว่าสองตัว ตัวแปร
แต่ละตัวถูกคั่นด้วยตัวดาเนินการ ซึ่งอาจจะเป็นค่าคงที่ ข้อความ ตาแหน่งเซล ชื่อเซล หรือฟังก์ชั่นก็ได้ โดยใช้ตัว
ดาเนินการมาประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์บนเซลที่เลือกไว้
ตัวอย่าง
=5*10 หมายถึง นา 5 ไปคุณกับ 10
=A2*B2 หมายถึง นาค่าตัวเลขที่เก็บในเซล A2 ไป
คูณกับค่าตัวเลขในเซล B2
สูตรคานวณแบบ Function
คือการสร้างสูตรคานวณด้วย Function (ฟังก์ชัน) คานวณต่าง ๆ ที่ได้ออกแบบและติดตั้งมาในโปรแกรม
Excel เรียบร้อยแล้ว
ตัวอย่าง
=SUM(B2:B5) หมายถึง ให้หาผลรวมจากค่าในเซล
B1 จนถึง B5
=AVERAGE(B2:B5) หมายถึง ให้หาค่าเฉลี่ยตัวเลข
จากค่าในเซล B2 ถึง B5
2. องค์ประกอบภายในสูตรคานวณ
o ตัวควบคุม-> เครื่องหมาย ( ) ใช้จัดลาดับ
ก่อนหลังของการดาเนินการให้กับสูตร
o ตัวดาเนินการ -> เครื่องหมายทาง
คณิตศาสตร์เพื่อใช้ในการคานวณ เช่น +(บวก) –
(ลบ) *(คูณ) /(หาร) และ ^ (ยกกาลัง)
o ฟังก์ชัน -> ฟังก์ชันหรือสูตรสาเร็จในการคานวณ ซึ่งมีทั้งฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น SUM, AVERAGE, MIN, MAX
หรือฟังก์ชันขั้นสูง เช่น DB, FV, PMT, NPER
สูตรคานวณและฟังก์ชั่น ตอนที่ 1
2. สูตรการคานวณใน Excel 2003
2
3. ตัวดาเนินการในการคานวณ
ตัวดาเนินการทางคณิตศาสตร์
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
% เปอร์เซ็นต์ 10%
^ เลขชี้กาลัง 5^2 (หรือ 5*5)
* การคูณ 2*3
/ การหาร 6/3
+ การบวก 3-2
- การลบ 5-2 หรือ -1
ตัวดาเนินการเปรียบเทียบ
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
= เท่ากับ A1=B1
> มากกว่า A1>B1
< น้อยกว่า A1<B1< font>
>= มากกว่าหรือเท่ากับ A1>=B1
<= น้อยกว่าหรือเท่ากับ A1<=B1
<> ไม่เท่ากับ A1<>B1
ตัวดาเนินการข้อความ
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
& เชื่อมหรือนาคา 2 คามาต่อกันทาให้เกิดค่า
ข้อความต่อเนื่องที่เป็นค่าเดียว
"Tele" & "phone"
ผลลัพธ์เป็น Telephone
ตัวดาเนินการอ้างอิง
เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
: (จุดคู่) ตัวดาเนินการช่วง โดยจะอ้างอิงเป็นช่วง
ระหว่างจุดอ้างอิงที่หนึ่งกับจุดอ้างอิงที่สอง
A1:A5
, (จุลภาค) ตัวดาเนินการส่วนรวม ซึ่งเป็นตัวรวมการอ้างอิง
หลาย ๆ ชุดเข้าด้วยกันเป็นการอ้างอิงหนึ่งชุด
SUM(B1:B5,C1:C5)
(ช่องว่างเดียว) ตัวดาเนินการส่วนร่วม ซึ่งเป็นตัวสร้างการ
อ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีอยู่ในช่วงการอ้างอิงทั้ง
สองชุด
SUM(B1:B5 A5:D7)
ในตัวอย่างนี้B5, B6 และ B7
อยู่ในช่วงของทั้งสอง
3. สูตรการคานวณใน Excel 2003
3
4. การสร้างสูตรคานวณ
สูตรคานวณใน Excel จะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย = เสมอ มีวิธีดังนี้
1. คลิกที่เซลที่จะใส่สูตร
2. พิมพ์เครื่องหมาย = ตามด้วยสูตรคานวณ โดยพิมพ์ลงในเซลหรือแถบสูตรก็ได้ เช่น = B3*C3
3. คลิกที่ปุ่ม หรือกดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด หากต้องการพิมพ์สูตรใหม่ให้คลิกปุ่ม Cancel หรือกดคีย์
Esc บนคีย์บอร์ด เพื่อยกเลิกสูตร
5. การเลือกเซลมาคานวณด้วยเมาส์
นอกจากการพิมพ์ตาแหน่งเซลอ้างอิงแล้วเราสามารถใช้เมาส์คลิกเลือกเซลเพื่อนามาอ้างอิงในสูตรได้ ซึ่ง
แม่นยาและรวดเร็วและป้ องกันความผิดพลาดได้มากกว่า ดังตัวอย่าง
4. สูตรการคานวณใน Excel 2003
4
6. การคัดลอกสูตรคานวณ
การคัดลอกสูตรด้วยเมาส์
เหมาะกับการคัดลอกสูตรไปยังเซลที่อยู่ติดกัน
การพิมพ์สูตรและคัดลอกพร้อมกัน
เราสามารถสร้างสูตรคานวณและสั่งคัดลอกได้ภายในการทางานแค่ครั้งเดียวได้ดังนี้
การคัดลอกสูตรข้ามเวิร์กชีต
1. คลิกที่ขวาเซลสูตรต้นฉบับแล้วคลิกเลือก Copy
2. คลิกเลือกที่เวิร์กชีตปลายทางอีกชีตหนึ่ง
3. เลือกที่พื้นที่เซลที่จะวางสูตร
4. คลิกขวาที่เซลนั้นแล้วเลือก Paste
5. สูตรการคานวณใน Excel 2003
5
7. การอ้างอิงเซลที่ใช้ในสูตร
การอ้างอิงเซลแบบสัมพัทธ์ (Relative Reference)
การอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ คือ การอ้างอิงไปที่เซลล์ใดหรือช่วงเซลล์ใดก็ตามเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การ
ย้ายหรือคัดลอกสูตร จะทาให้ตาแหน่งการอ้างอิงเปลี่ยนแปลงไปตามความสัมพัทธ์ของการย้ายหรือคัดลอก
ตัวอย่างเช่น
การอ้างอิงเซลแบบสัมบูรณ์ (Absolute Reference)
การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์คือ การล็อคตาแหน่งของการอ้างอิงโดยใช้เครื่องหมายดอลลาร์ ($) หรือที่เรียกกัน
โดยทั่วไปว่า สตริง โดยใส่เข้าไปในตาแหน่งของเซลล์ที่ถูกอ้างอิง ซึ่งเมื่อมีการย้ายหรือคัดลอกสูตร ตาแหน่งที่ถูก
อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนแปลง จากตารางเดิมจะแสดงให้เห็นผลลัพธ์จากการใช้การอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ดังนี้
การอ้างชื่อเซล ความหมาย
$C$3 เซล C3 อย่างเฉพาะเจาะจง
$A3 เซลในคอลัมน์ A อย่างเฉพาะเจาะจง (แถวเปลี่ยนแปลงได้)
A$3 เซลในแถวที่ 3 อย่างเฉพาะเจาะจง (คอลัมน์เปลี่ยนแปลงได้)
$D$5:$D$12 กลุ่มเซล D5 ถึง D12 อย่างเฉพาะเจาะจง
Sheet1!$D$1:$D$5 กลุ่มเซล D1 ถึง D5 ในเวิร์กชีตชื่อ sheet1 อย่างเฉพาะเจาะจง
6. สูตรการคานวณใน Excel 2003
6
8. วิธีการอ้างอิงเซล
อ้างอิงเซลที่อยู่ในเวิร์คชีต(Sheet) เดียวกัน
เป็นการใช้ข้อมูลของเซลที่อยู่ในเวิร์คชีตเดียวกันในการคานวณ
โดยสูตรที่สร้างขึ้นจะประกอบด้วยตาแหน่งอ้างอิงของเซล
อ้างอิงเซลที่อยู่ต่างเวิร์คชีตกัน
เราสามารถสร้างสูตรโดยใช้ข้อมูลจากเวิร์คชีตอื่นในการ
คานวณ โดยสูตรที่สร้างขึ้นจะประกอบด้วย ชื่อเวิร์คชีต แล้วตาม
ด้วยเครื่องหมาย ! และ ตาแหน่งอ้างอิงของเซล
การอ้างอิงเซลที่อยู่ต่างเวิร์คชีตกัน ให้คลิกเซลที่ต้องการอ้างอิงได้เลย โปรแกรมจะลิงค์ให้อัตโนมัติ ตัวอย่าง
ต้องการหาผลรวมของเงินเดือนพนักงานทุกเดือนไว้ที่เวิร์คชีตชื่อ รวมเงินเดือน54 โดยที่จะมีการสรุปเงินเดือนใน
แต่ละเดือนไว้คนละเวิร์คชีต ตั้งชื่อเวิร์คชีตตามชื่อเดือน เช่น เงินเดือนมกราคม เงินเดือนกุมภาพันธ์
1. คลิกที่เซลในเวิร์คชีตที่
ต้องการคานวณเงินเดือน
แล้วพิมพ์สูตร ในที่นี้คือ
=SUM(
2. คลิกที่เวิร์คชีต เงินเดือน
มกราคมแล้วลากเมาส์คลุม
เซลที่ต้องการนามาคานวณ
3. กด Enter จะได้ผลรวม
เงินเดือนของเดือนมกราคม
7. สูตรการคานวณใน Excel 2003
7
อ้างอิงเซลที่อยู่ต่างไฟล์กัน
เมื่อใช้ข้อมูลในไฟล์อื่นในการสร้างสูตร สามารถทา
ได้ โดย จะมีชื่อไฟล์ที่ถูกลิงค์อยู่ในเครื่องหมาย [ ] ตาม
ด้วยชื่อเวิร์คชีต และตาแหน่งอ้างอิงของเซลจะต้องใส่
เครื่องหมาย $ ซึ่งเป็นการล๊อคเซลตาแหน่งเซล
ต้องการหาผลรวมของเงินเดือนพนักงานทุกเดือนไว้ที่เวิร์คชีตชื่อไฟล์ชื่อ excel2.xls โดยมีเวิร์คชีตชื่อ รวม
เงินเดือน54 โดยที่จะมีเวิร์คชีตการสรุปเงินเดือนไว้ในไฟล์ชื่อ ดึงข้อมูลข้ามไฟล์.xls ที่เวิร์คชีตชื่อ sheet1 จะมี
วิธีการอ้างอิงเซลข้ามไฟล์ดังนี้
1. คลิกที่เซลในเวิร์คชีตที่ต้องการคานวณเงินเดือน แล้วพิมพ์สูตร ในที่นี้คือ =SUM(
2. คลิกไฟล์ที่ชื่อ ดึงข้อมูลข้ามไฟล์ ที่เปิดไว้แล้ว ที่เวิร์คชีตชื่อ sheet1 แล้วลากเมาส์คลุมเซลที่
ต้องการนามาคานวณ
3. กด Enter จะได้ผลรวมเงินเดือนของเดือนมกราคม ออกมาปรากฏอยู่เซลที่พิมพ์สูตรในไฟล์
excel2.xls ในเวิร์คชีต ชื่อ อ้างอิงเซลข้ามไฟล์
อ้างอิงโดยใช้ชื่อกลุ่มเซล
เราสามารถตั้งชื่อให้กับกลุ่มของเซล เพื่อนาไปใช้อ้างอิงในสูตรได้ ซึ่งจะทา
ให้สะดวกต่อการใช้งานยิ่งขึ้น โดยสูตรที่สร้างขึ้นจะประกอบด้วยชื่อกลุ่มเซล
โดยลากเมาส์คลุมที่กลุ่มเซลที่ต้องการแล้วคลิกที่เมนู Insert > Name>Define
ป้ อนชื่อที่ต้องการ กด OK และเรียกใช้โดย
8. สูตรการคานวณใน Excel 2003
8
ตัวอย่าง ต้องการสร้างสูตรคานวณผลรวมเงินเดือนของพนักงานทุกคน สามารถกาหนดกลุ่มเซลที่แสดงเงินเดือน
ของพนักงาน เพื่อนาชื่อมาอ้างอิงตอนสร้างสูตรโดยใช้ฟังก์ชัน SUM ได้ดังนี้
1. ลากเมาส์คลุมกลุ่มเซลที่แสดงเงินเดือนของพนักงานแต่ละคนในที่นี้คือ B2 ถึง B9 แล้วคลิกที่เมนู Insert
> Name > Define
2. จะได้กล่อง Define Name เพื่อให้พิมพ์ชื่อเซลที่ต้องการในที่นี้พิมพ์ชื่อเชลล์คือ salary แล้วกด OK
3. พิมพ์สูตรลงช่องเซลที่ต้องการในที่นี้คือ เซล B10 พิมพ์สูตร =SUM( แล้วคลิกที่Insert>Name>Paste เพื่อ
เลือกที่เซลที่กาหนดไว้ก่อนหน้า
4. คลิกที่ชื่อเซล salary แล้วกดปุ่ม OK ชื่อเซลจะปรากฏในสูตร =SUM(salary) แล้วกดปุ่ม Enter จะได้
ผลลัพธ์ออกมา
9. การสร้างสูตรคานวณ
การพิมพ์สูตรด้วยตัวเอง
1. คลิกเมาส์ลงในเซลที่จะให้แสดงผลลัพธ์
2. จากนั้นคลิกที่แถบสูตร พิมพ์สูตรตามตัวอย่างคือ =B2-(C2+D2+E2)
3. เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter จะได้ผลลัพธ์ออกมา
9. สูตรการคานวณใน Excel 2003
9
10. สูตรแบบอาร์เรย์
หลักการ คือ สร้างสูตรเพียงสูตรเดียวในเซลที่ต้องการหาผลลัพธ์ จากนั้นโปรแกรมจะคานวณออกมาแสดง
เฉพาะเซลที่เลือกไว้เท่านั้น
กฎการใช้สูตรอาร์เรย์
- ต้องกดคีย์ Ctrl+Shift+Enter เพื่อนาสูตรลงไปในเซลที่เลือกเสมอ
- ต้องเลือกช่วงของเซลเพื่อที่จะใช้แสดงผลลัพธ์ไว้ก่อนที่จะสร้างสูตร
- เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเนื้อหาหรือในเซลผลลัพธ์ของสูตรอาร์เรย์ได้ยกเว้นนาสูตรขึ้นมา
แก้ไขแล้วกดคีย์ Ctrl+Shift+Enter นาสูตรกลับลงไปใหม่อีกครั้ง
- การย้ายหรือลบสูตรอาร์เรย์ ต้องย้ายและลงทีเดียวทั้งหมด ไม่สามารถย้ายหรือลบสูตรบางส่วนได้
10. สูตรการคานวณใน Excel 2003
10
การสร้างสูตรอาร์เรย์แบบเซลเดียว
1. คลิกที่เซลที่จะให้แสดงผลลัพธ์
2. พิมพ์สูตรที่บริเวณแถบสูตร คือ =SUM(C2:C7*D2:D9)
3. กดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พร้อมกันทุกครั้งเมื่อพิมพ์สูตรจบโปรแกรมจะสร้าง {} ครอบสูตรให้อัตโนมัติ
4. ผลลัพธ์จะได้แสดงขึ้นมาตามต้องการ
การสร้างสูตรอาร์เรย์แบบหลายเซล
1. แดรกเมาส์คลุมเซลที่จะให้แสดงผลลัพธ์ในที่นี้คือ E2:E8
2. พิมพ์สูตรที่บริเวณแถบสูตร คือ =C2:C7*D2:D7
3. กดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พร้อมกันเมื่อพิมพ์สูตรจบโปรแกรมจะสร้าง {} ครอบสูตรให้อัตโนมัติ
4. ผลลัพธ์จะได้แสดงขึ้นมาตามต้องการ
11. สูตรการคานวณใน Excel 2003
11
การแก้ไขสูตรอาร์เรย์ผลลัพธ์เซลเดียว
1. ดับเบิ้ลคลิกเซลที่เก็บสูตรหรือกดคีย์ F2 เพื่อนาสูตรมาแก้ไข ซึ่งจะแก้ไขบนเซลหรือบนแถบสูตร
2. เมื่อแก้ไขเสร็จแล้วกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter อีกครั้ง
การแก้ไขสูตรอาร์เรย์ผลลัพธ์หลายเซล
1. เลือกเซลที่เป็นผลลัพธ์เซลใดเซลหนึ่งแล้วกด F2 เพื่อนาสูตรมาแก้
2. แก้ไขสูตรตามต้องการ
3. กดปุ่ม <Ctrl>,<Shift>,<Enter> พร้อมกันที่คีย์บอร์ด
การลบสูตรอาร์เรย์
1. แดรกเมาส์คลุมเซลที่เป็นผลลัพธ์ทั้งหมด
2. เลือกที่แถบเมนู Edit > Clear > all
การค้นหาเซลอ้างอิงในสูตรด้วย Trace Precedents
1. คลิกที่เซลที่ต้องการค้นหาเซลที่ถูกอ้างอิงมา
2. คลิกที่ Tools > Formula Auditing > Trace Precedent
3. จะเห็นลูกศรสีน้าเงินชี้ไปยังเซลที่ถูกอ้างอิงมา
4. ถ้าต้องการลบลูกศรออกเลือกที่ Tools > Formula Auditing > Remove All Arrows
12. สูตรการคานวณใน Excel 2003
12
การกาหนดให้ทุกเซลแสดงสูตรขึ้นมา
1. คลิกบนชีทงานบริเวณใดก็ได้
2. คลิกที่ Tools > Formula Auditing > Formula Auditing Mode
3. ทุกเซลที่มีสูตรซ่อนอยู่ภายในก็จะแสดงออกมาพร้อมกัน
4. ถ้าต้องกาให้ซ่อนเหมือนเดิมก็ทาตามข้อ 2 อีกครั้ง
13. สูตรการคานวณใน Excel 2003
13
ฟังก์ชันใน Excel
1. ฟังก์ชัน BAHTTEXT : แปลงตัวเลขให้เป็นคาอ่านภาษาไทย
รูปแบบ =BAHTTEXT(Number)
Number คือ ตัวเลขหรือเซลที่เก็บค่าตัวเลขที่จะนามาแปลงเป็นคาอ่าน
ตัวอย่าง
2. ฟังก์ชัน ROUND : ปัดเศษทศนิยมตามจานวนหลักที่ต้องการ
รูปแบบ =ROUND(Number,Num_digits)
Number ตัวเลขหรือเซลที่เก็บค่าตัวเลขที่ต้องการให้ปัดเศษ,
Num_digits จานวนหลักของทศนิยมที่ต้องการปัดเศษ
ถ้า Num_digits เท่ากับ 0 ตัวเลขจะเป็นจานวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด
ถ้า Num_digits มากกว่า 0 ตัวเลขจะเท่ากับที่ระบุ
ถ้า Num_digits น้อยกว่า 0 ตัวเลขจะปัดไปทางซ้ายตามจานวนหลักที่ระบุ
ตัวอย่าง
14. สูตรการคานวณใน Excel 2003
14
3. ฟังก์ชัน VLOOKUP : ค้นหาข้อมูลตามแนวคอลัมน์
VLOOKUP (lookup_value,table_array,row_index_num,range_lookup)
ค่าตรรกะ มี 2 ค่า
- ถ้าระบุเป็น True หรือ 1 หรือไม่ใส่ จะส่งค่าที่ตรงกันหรือใกล้เคียงกันกลับมา
- ถ้าระบุเป็น FALSE หรือ 0 จะส่งค่าที่ตรงกันกลับมาเท่านั้น ถ้าไม่พบจะส่งค่า #N/A มา
ตัวอย่าง : ต้องการค้นหารหัสพนักงานโดยพิมพ์รหัสพนักงานในเซล C12 แล้วให้แสดงเงินเดือนของพนักงานค้น
นั้น ๆ ออกมาที่เซล D12 มีวิธีทาดังนี้
1 คลิกเมาส์ที่เซล D12
2 พิมพ์สูตรที่ช่องสูตร คือ =VLOOKUP(C12,A2:D9,4,FALSE)
3 พิมพ์รหัสพนักงานที่ต้องการแล้วโปรแกรมจะแสดงเงินเดือนในช่องเงินเดือนที่ได้รับ
15. สูตรการคานวณใน Excel 2003
15
Workshop
Workshop 1 : คานวณโบนัสให้กับพนักงาน
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
VLOOKUP ค้นหาข้อมูลในแนวคอลัมน์
IF ตรวจสอบเงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเท็จ
1. สร้างเกณฑ์พิจารณาของการตัดเกรดตามตัวอย่าง
2. สร้างตารางและกรอกข้อมูลดังรูป ซึ่งในที่นี้จะกรอกคะแนนประเมินและเงินเดือนปัจจุบัน
3. คลิกเม้าส์ที่เซล E9 เพื่อเริ่มใส่สูตรตัดเกรด
4. พิมพ์สูตร =IF(C9>=80,"A",IF(C9>=70,"B",IF(C9>=60,"C",IF(C9>=50,"D"))))
5. กดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ดจะได้เกรดพนักงานออกมา
6. คัดลอดสูตรมาด้านล่างจะได้เกรดพนักงานคนอื่น ๆ
7. คลิกที่เซล F9
16. สูตรการคานวณใน Excel 2003
16
8. พิมพ์สูตร =VLOOKUP(E9,$D$3:$E$6,2,0)*G9 แล้วกด Enter
9. คัดลอกสูตรลงมาด้านล่าง จะได้โบนัสของพนักงานทุกคน
10. คานวณยอดสุทธิ โดยคลิกที่เซล H9
11. พิมพ์สูตร =F9+G9
12. กดปุ่ม Enter แล้วคัดลอกสูตรลงมาจะได้ยอดเงินเดือนรวมกับเงินโบนัส
Workshop 2 : ทาใบส่งสินค้า/ใบกากับภาษี
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
VLOOKUPค้นหาข้อมูลในแนวคอลัมน์
ROUND ปัดเศษทศนิยมตามจานวนหลักที่ต้องการ
BAHTTEXT แปลงตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
1 สร้างฐานข้อมูลสินค้าและออกแบบแบบฟอร์มเอกสารให้เรียบร้อย
17. สูตรการคานวณใน Excel 2003
17
2 คลิกที่เซล G9 แล้วพิมพ์สูตร =VLOOKUP(VLOOKUP(F9,$A$2:$C$11,2,FALSE)) ลงไปเพื่อกาหนดให้
แสดงรายการสินค้าขึ้นมาเพื่อพิมพ์รหัส
3 จากนั้นคลิกที่เซล I9 แล้วพิมพ์สูตร =VLOOKUP(F9,A2:C11,3,FALSE) ลงไปเพื่อให้แสดงราคาต่อหน่วย
ขึ้นมาเมื่อพิมพ์รหัส
18. สูตรการคานวณใน Excel 2003
18
4 ให้พิมพ์สูตรดังนี้
5 เสร็จแล้วทดลองกรอกรหัสสินค้าและจานวนสินค้าลงไป
6 รายละเอียดอื่น ๆ จะแสดงขึ้นมาจากสูตรที่เรากาหนดไว้