SlideShare a Scribd company logo
 จุดมุ่งหมาย
• ให้เกิดความเข้าใจต่อแนวคิดของความหลากหลายทางชีวภาพ
• ให้เกิดความเข้าใจต่อระบบนิเวศน์
• ให้เกิดความเข้าใจถึงความหลากหลายในระบบนิเวศน์ทั้งในท้องถิ่นที่เป็นเมืองและชนบท
• ให้เกิดความเข้าใจต่อความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพต่อระบบนิเวศน์
• เข้าใจต่อความสาคัญต่างๆของความหลากหลายทางชีวภาพต่อการดาเนินชีวิต
• ความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพต่อเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนและท้องถิ่น
• การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพต่อการดาเนินชีวิตภายในท้องภิ่นและชุมชน
• การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นและชุมชนโดยนาความหลากหลายทาง
ชีวภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์
• การเชื่อมโยงสู่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
Supwat papassarakan
 คาว่า ความหลากหลาย(Diversity) ใช้อธิบายความแตกต่าง ของ
ธรรมชาติ
ในค.ศ. 1980s ความหลากหลายในช่วงนี้ หลักๆคือการทาความ
เข้าใจต่อ ความหลากหลายของสายพันธ์ต่างๆ
วิทเทรคเกอร์(Whittactker, evolution and
Measurement of species diversity, 1972) ให้
ความหมายถึงความแตกต่างของสายพันธ์ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ
 ความแตกต่างของสายพันธ์ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆตามแนวคิดของ
วิทเทรคเกอร์
• อัลฟา(Alpha diversity) เป็นความหลากหลายภายในสายพันธ์
ซึ่งใช้กับการจาแนกชนิดในสายพันธ์เดียวกันที่มีอยู่ภายในถิ่นที่อยู่
(Habitat) อาจมีมากกว่า 1 ชนิด(Species Richness)
• เบลต้า(Beta Diversity) เป็นการอธิบายความหลากหลายของสาย
พันธ์ระหว่างถิ่นที่อยู่ที่ต่างกัน(Between Habitat
diversity)
• แกมม่า(Gamma Diversity) อธิบายความหลากหลายของสาย
พันธ์ทั้งหมด ที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินของภูมิภาคต่างๆของโลก
 ในปี 1980-1985เป็นต้นมา นิยามของความหลากหลายทางชีวภาพ
ไม่ได้จากัดอยู่ในเพียงนิยามที่ใช้ในความหลากหลายของสายพันธ์ในลักษณะ
เดิมแต่ขยายขอบเขตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
• หมายถึง ความแตกต่างหลากหลาย ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากแหล่งต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพื้นดิน ใต้ดิน ในน้า บนต้นไม้ ในอากาศ
(Terresteial)
• หมายถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเล ไม่ว่าจะเป็นสัตว์
และพืชทั้งที่เคลื่อนที่เองได้และไม่สามารถเคลื่อนที่เองได้ (Marine)
• หมายถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยและเติบโตใกล้น้า บนผิว
น้า ในน้าไม่ว่าจะเป็นแม่น้า หรือทะเล (Aquatic)
โดยสรุป ความหลากหลายทางชีวภาพ จึงสามารถอธิบายในขอบเขตที่
กว้างขวางกว่าเดิม รวมไปถึง การอธิบาย ถึงยีนส์(Genes) สาย
พันธ์(Species) และ ชุมชนหรือกลุ่มของสายพันธ์
(Communities) ตลอดจน หมายรวมถึงระบบนิเวศน์ด้วย
(Ecosystems)
 ศัพท์ที่ควรเข้าใจ
• Species Richness หมายถึง สายพันธ์ ที่มีความแตกต่างหลากหลาย
• Communities Richness หมายถึง ชุมชนหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่
หลากหลายอาศัยร่วมกัน ในถิ่นที่อยู่เดียวกัน
• Habitat หมายถึง ถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตอาจเป็นถิ่นที่อยู่เดียวกันหรือต่างถิ่นที่อยู่
 ความหลากหลายทางพันธุกรรม คือ จานวนข้อมูลของพันธุกรรมที่มีอยู่ในยีนส์ของ
สิ่งมีชีวิต
 สิ่งมีชีวิตสามารถจาแนกตามระบบลาดับชั้นในแนวดิ่ง(Hierarchical System)
 การจัดกลุ่มของสิ่งมีชีวิต หลักๆได้แก่
• การแบ่งตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในโลกเป็นเช่น สัตว์ พืช (Kingdom) หรือเรียกว่าอาณาจักร การแบ่งลักษณะนี้ จะ
แตกต่างกันตามลักษณะของแต่ละภูมิภาค ในอเมริกาจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ
 สัตว์ (animal)
 พืช (Plantae)
 สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยเซลล์ๆเดียว (Fungi) บางชนิดมีหลายเซลล์รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น เห็ด รา ยีสต์ เป็นต้น
 โปรทีสต้า(Protista) เช่น พาราซิสต์ พยาธิ์ ใส้เดือน ต่างๆ
 สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก (Archaea) เบคเตเรียขนาดเล็ก อาจเรียกว่า จุลลินทรีย์
 สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าบัคเตเรีย (Bactaria) เชื้อ เบคเตเรีย
ในยุโรปและลาตินอเมริกาจะมีความแตกต่างต่างจากในอเมริกา
Animal Plantae Fungi เห็ด เชื้อรา ยีสต์
Protista พาราสิต Archaea
จุลลินทรีย์และบัคเตเรีย
Bactaria เชื้อบัคเตเรีย
• การแบ่งตามกลุ่มย่อยๆลงมาเมีขนาดเล็กกว่า Kingdom แต่ใหญ่กว่า ระดับชั้น
(Class) คือการแบ่งตาม ไฟลั่ม (Phylum) เป็นการแบ่งตามลักษณะ
ย่อยของพืชและสัตว์
Phylum Meaning Common name
Distinguishing
characteristics
Chytridiomycota Little pot mushroom Chytrids
Cellulose in cell walls,
flagellated gametes
Deuteromycota Second mushroom Imperfect fungi
Unclassified fungi; only
asexual reproduction
observed no other
major distinguishments
Zygomycota Yolk mushroom Zygomycetes
Blend gametangia to
form a zygosporangium
Glomeromycota Ball mushroom None
Form arbuscular
mycorrhizae with plants
Ascomycota
Bag/Wineskin
Mushroom
Sac fungi
Produce spores in an
'ascus'which is a kind of
fruiting bud
Basidiomycota Basidium Mushroom Club Fungi
Produce spores from a
'basidium' which is a
kind of fruiting bud
Total: 6
Chytridiomycot
a
Deuteromycot
a
Zygomycota Glomeromycot
a
Ascomycota
Basidiomycota
ตัวอย่างการแบ่ง
ไฟลั่มของเห็ด
 การแบ่งตามไฟลั่มสัตว์ประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง
 การแบ่งระดับชั้น เพื่อการจาแนก (Class) ความสาคัญของพืชและสัตว์ การแบ่ง
ลักษณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดนัก
Name
Meaning
of prefix
Example 1 Example 2 Example 3[1]
Superclass
(ชั้นบนสุด)
super:
above
Tetrapoda
Class รองลงมา Mammalia Maxillopoda Sauropsida
Subclass ใต้ sub: under Thecostraca Avialae
Infraclass
ต่าสุด
infra: below Cirripedia Aves
Parvclass
ไม่มีความสาคัญ
parvus:
small,
Neornithes
Tetrapo
da
Mammalia
Thecostraca
CirripediaNeornithes การแบ่งตามระดับชั้นClass
 การแบ่งตาม Order หรืออันดับ หรือตระกูล อยู่ระหว่าง Class และ
FamilyName Meaning of prefix Example 1 Example 2
Magnorder อันดับ/
ตระกูลสาคัญ
magnus: large,
great, important
Boreoeutheria
Superorder อันดับ/
ตระกูลเหนือขึ้นไป
super: above Euarchontoglires Parareptilia
Grandorder อันดับ/
ตระกูลใหญ่ มีมาก
grand: large Euarchonta
Mirorderตระกูลที่จัดใน
ประเภทแปลกประหลาด
mirus: wonderful,
strange
Primatomorpha
Order ตระกูลที่มีลักษณะ
ธรรมดาๆ
Primates
Procolophonomor
pha
Suborderตระกุลที่อยู่ใต้
สุด
sub: under Haplorrhini Procolophonia
Infraorderตระกูลต่า infra: below Simiiformes Hallucicrania
Parvorder ตระกูลที่ไม่มี parvus: small,
Catarrhini
Magnorder Superorder
Grandorder
Mirorder
Order
Suborder
Infraorder
Parvorder
การแบ่งตามวงศ์ หรือ Family เป็นลาดับขั้นสูงที่เล็กที่สุด มีการ
แบ่งเฉพาะเจาะจงในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นช่น วงศ์
ทานตะวัน (Compositae) มีช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น
(head/ capitulum) ส่วนในวงศ์ผักชี (Umbelliferae)
มีช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (umbel) และผลแยกแล้ว
แตก (schizocarp) และ วงศ์ก่วม (Aceraceae) มีผล
แยกแล้วแตกและมีปีก (winged schizocarp) แต่ใน วงศ์
กุหลาบ (Rosaceae) มีผลแตกต่างไปตามวงศ์ย่อย
การแบ่งตาม Genus หรือสกุล เป็นการจัดกลุ่มเอา สิ่งมีชีวิตสปีชีส์
ที่มีลักษณะใกล้เคียงเข้ามารวมกัน ใน การตั้งชื่อแบบทวินาม ชื่อ
สิ่งมีชีวิตประกอบขึ้นจากสองส่วน คือ สกุล ซึ่งต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์
ใหญ่ และ สปีชีส์ ตัวอย่างหนึ่งคือ Homo sapiens เป็นชื่อเรียก
มนุษย์ อยู่ในสกุล Homo
การแบ่งตามspecies หรือ สายพันธ์หรือหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิต
จุดประสงค์ในการแบ่งลักษณะดังกล่าว เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจต่อ
ความหลากหลายทางพันธุกรรม ซึ่งมีความสาคัญต่อการจัดจาแนกกลุ่ม
ของสายพันธ์
 โดยปกติ จะมีการสืบพันธ์ภายในสายพันธ์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม การสืบ
พันธ์แบบข้ามสายพันธ์หรือสายพันธ์ที่แตกต่างกันโดยส่วนใหญ่มนุษย์จะเป็น
ผู้กระทา สิ่งนี้จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างของสายพันธ์
 ประชากร คือ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มาจากสายพันธ์เดียวกัน อยู่ร่วมกันอาจจะ
มีตั้งแต่จานวนประชากรจานวนน้อยหรือมากเป็นล้านๆประชากรก็ได้
 ความหลากหลายทางพันธุกรรม คือ ผลที่เกิดจาก ขนาดและลักษณะพลวัตร
ของประชากร
 การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุของการสูญเสีย หรือมีผลต่อ
จานวนประชากรในทางลบ เช่น ประชากรลดลง หรือมีขนาดเล็กลง
มีการดารงชีวิตที่ โดดเดี่ยวมากขึ้น
 สายพันธ์ เป็นการพิจารณาลักษณะภายในประชากรของสิ่งมีชีวิต ซึ่ง
ปรากฏยีนส์ตามลักษณะพันธุกรรมตามเงื่อนไขธรรมชาติ
 การกาเนิดของสายพันธ์ใหม่อาจเกิดขึ้นได้จาก
• ผ่านกระบวนการทางพันธุกรรม (Polyploidy)ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน
จากชุดของโครโมโซมพื้นฐาน เรียกกันว่า การแปลงพันธุกรรม ส่วนใหญ่จะกระทา
ในพืช เรียกกันทั่วไปว่า จีโนม(Gnome) ซึ่งกระทาโดยมนุษย์
• เป็นผลมาจากสภาพภูมิศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทาให้เกิด
การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต และเกิดจัดรูปแบบของสายพันธ์ขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้อง
เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
 เราไม่สามารถทราบจานวนที่แท้จริงของสายพันธ์ทั้งหมดในโลก
ประมาณการได้ว่า สายพันธ์ทั้งหมดอยู่ระหว่าง 5-50 mio
(miocene หมายถึง ของหน่วยระยะเวลาหรือยุคของการพัฒนาการ
ของสายพันธ์)
ปัจจุบัน จานวนสายพันธ์ที่สามารถประมาณได้จานวน 1.4 mio
สายพันธ์ จะแบ่งเป็น
- สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง(arthropods) 875,000
สายพันธ์
- พืชไม้ดอก (Flowering Plants) 275,000
สายพันธ์
• สายพันธ์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ ได้แก่
พืชผักและพืชไม้ดอก
•แมลง จากงานวิจัย พบแมลงจานวน 800,000 ชนิด
อย่างไรก็ตามจานวนแมลงดังกล่าวประมาณการไดว่าอยู่
ในช่วง 2-3 mio
• ถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นที่รู้จักมากกว่าถิ่นที่อยู่อื่นๆ
ได้แก่
•ถิ่นที่อยู่นอกเขตร้อน จะเป็นถิ่นที่อยู่ที่รู้จักมากกว่าถิ่นที่อยู่เขต
ร้อน
•ถิ่นที่อยู่ที่ไม่เป็นที่รู้จักกันดีเช่น ถิ่นที่อยู่ในเขตร้อนบริเวณชั้นหิน
และทรายใกล้ทะเลและบริเวณใต้มหาสมุทรที่ลึกที่สุด
ชุมชนหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพ(Biological
Community) คือกลุ่มของสายพันธ์ต่างๆที่อยู่ร่วมกันในถิ่นที่อยู่
และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
ระบบนิเวศน์(Ecosystem) คือชุมชนหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่
อาศัยอยุ่ร่วมกัน เป็นสมาคมภายในสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
• ในแต่ละถิ่นที่อยู่ จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ระบบต่างๆจะเป็นกลุ่มก้อนและเป็น
อิสระจากกัน และจะทาหน้าที่ของตนเอง เกี่ยวข้องกับการนาเข้าทรัยากรและการ
สร้างผลผลิต เช่น หน้าที่หลักของพืชสีเขียวคือ ผลผลิตสู่ระบบนิเวศน์ ใน
ขณะเดียวกันจะมีผู้บริโภคผลผลิตนั้น เบคตีเรียจะมีหน้าที่ในการย่อยสลายเป็นต้น
 วิถีการดารงอยู่ของสิ่งมีชีวิต(Niche) ลักษณะเฉพาะของทรัพยากร
ซึ่งสิ่งมีชีวิตใช้ประโยชน์ในชุมชนฃองสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นบทบาทหน้าที่
ที่มีอยู่ของสายพันธ์ต่างๆเพื่อการดารงชีวิตอยู่
 พลวัตรของระบบนิเวศน์(Succession) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ
องค์ประกอบหรือผลผลิตในสายพันธ์ต่างๆ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของชุมชน
ลักษณะทางกายภาพ ซึ่งจะปรากฏให้เห็นตามลักษณะทางธรรมชาติ หรือเหตุอัน
เนื่องมาจากการกระทาหรือละเว้นการกระทาของมนุษย์ ต่อกลุ่มหรือชุมชนของ
สายพันธ์ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
 แนวคิดของพลวัตรของระบบนิเวศน์(Concept of
Succession)
Succession after disturbance: a boreal
forest one (left) and two years (right) after
a wildfire.
concept of Succession
Secondary SuccessionCC BY-SA 3.0
Katelyn Murphy - Own work
An example of Secondary Succession by stages: 1. A stable deciduous forest
community 2. A disturbance, such as a wild fire, destroys the forest 3. The fire burns the
forest to the ground 4. The fire leaves behind empty, but not destroyed, soil 5. Grasses
and other herbaceous plants grow back first 6. Small bushes and trees begin to
colonize the area 7. Fast growing evergreen trees develop to their fullest, while shade-
tolerant trees develop in the understory 8. The short-lived and shade intolerant
evergreen trees die as the larger deciduous trees overtop them. The ecosystem is now
back to a similar state to where it began.
ความหลากหลายของระบบนิเวศน์สามารถอธิบายในระดับและขนาดที่
แตกต่างกัน
• ความหลากหลายของหน้าที่ (Functional Diversity); สัมพันธ์กับความ
สภาวะของการทาหน้าที่ประเภทต่างๆของสิ่งมีชีวิต
• ความหลากหลายของกลุ่ม (Community Diversity); จานวน ขนาดและ
การกระจายตัวในเชิงปริภูมิของกลุ่มหรือชุมชน (บางครั้งเรียกว่าPatchiness;
หมายถึงการที่ชุมชนของสิ่งมีชีวิต กระจายตัวเป็นหย่อมๆและมีการเปลี่ยนแปลงทาง
พลวัตรของประชากรในรอบปี)
• ความหลากหลายของพื้นที่(Landscape Diversity) คือความหลากหลาย
ของระบบนิเวศน์ในพื้นที่ (บางครั้งเรียกว่า ความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์)
 ความหลากหลายของระบบนิเวศน์(Ecosystem diversity) คือ
• ลักษณะที่เกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ {เช่น การหาอาหาร หรือการล่าเยื่อ
(Predatoion), การแข่งขัน(Competition), การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
(Symbiosis)}
• ลักษณะของสภาพแวดล้อม{ เช่น ความซับซ้อน(complexity),
ความสามารถในรองรับกลุ่มของสิ่งมีชีวิต-การเจริญเติบโตหรือการทนต่อ
เปลี่ยนแปลงในระดับใดระดับ โดยสิ่งแวดล้อมยังสามารถคงอยู่หรือดาเนิน
อยู่ได้อย่างปกติและปราศจากผลกระทบ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความ
เสี่ยงต่อสวัสดิภาพ สุขภาพ พลานามัย สิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบของ
สิ่งแวดล้อมนั้น (Carrying Capacity), ข้อจากัดของทรัพยากร และ
การกระทาของมนุษย์}
 Populations must not exceed the carrying capacity
of their environments!!!
If the carrying capacity of the environment is
exceeded, organisms die and the environment may be
permanently destroyed.
 ความหลากหลายของระบบนิเวศน์ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่
ต่อเนื่อง
• การผสมผสานของสายพันธ์ที่ก่อให้เกิดชุมชนและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์อย่าง
ต่อเนื่อง
• การเพิ่มสายพันธ์ที่หลากหลายมีผลให้เกิดระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกัน หรือทาให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงของประชากรที่เพิ่มขึ้น (Patchiness) หรือการเพิ่มขึ้นของถิ่นที่อยู่
(habitat)
• อิทธิของพลวัตรด้านถิ่นที่อยู่(Habitat Patchiness) ไม่เพียงมีผลต่อ
องค์ประกอบหรือส่วนต่างๆของสายพันธ์ในระบบนิเวศน์เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์ด้วย
• การรบกวนที่ทาให้เกิดผลกระทบเป็นระยะๆ(Periodic Disturbances)มีผลต่อ
การเพิ่มสภาพแวดล้อมเป็นหย่อมๆซึ่งกระตุ้นให้ประชากรของสายพันธ์ต่างๆเพิ่มขึ้น
 geomorphology and oceanography creating habitat
patchiness and limiting long dispersal, as well as past
and ongoing human impact.
 Habitat Patcheness;
Periodic Disturbances
• disturbances in ecosystem
 ขนาดและการแบ่งแยกของถิ่นที่อยู่เป็นหย่อมๆ(Size and Isolation) มีอิทธิพลต่อการเพิ่ม
ประชากรของสายพันธ์
 ขอบเขตของอาณาเขตที่มีการเชื่อมต่อ(Ecotone) มีอิทธิพลต่อการความอุดมสมบูรณ์ของสายพันธ์
การเอื้อต่อสายพันธ์ดังกล่าวจะไม่ปรากฏในถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ ต่อเนื่อง ในพื้นที่ ที่แบ่งตามโซนอุณหภูมิ
หรือพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าหรือป่าเตี้ยๆหรือป่าละเม๊าะ มักจะมีสายพันธ์มากกว่าถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ติ่เนื่อง
Colorado River viewed from Dead Horse Point, Utah. The
canyon depth here is approximately 600 meters, where the river
has gradually cut a wide separation of the original
continuous habitat of the Colorado Plateau.
Temperate zone
Transition Zones (Ecotones)
Transition Zone - Agricultural
Area on Santa Cruz Island.
Transition Zone on Floreana
Island Transition Zone - disused
agricultural area on Floreana
Island
An ecotone is a
transition area
between two biomes.
 สายพันธ์บางสายพันธ์ มีอิทธิพลอย่างไม่เป็นสัดส่วนต่อลักษณะของระบบ
นิเวศน์สายพันธ์เหล่านี้เรียกว่า Ketstone Species อันเป็นสาย
พันธ์ที่มีความสามารถกาหนดจานวนประชากร หรือรักษาโครงสร้างของ
ประชากรของสายพันธ์ที่มีจานวนมากได้ เช่น สายพันธ์แมลง
(Pollinators, สัตว์ที่แพร่กระจายเมล็ดและเมล็ดพืชที่สามารถ
แพร่กระจาย (Seed dispresers) และสัตว์กินเนื้อ
(Predators)
 Ketstone Species จะมีอิทธิพลต่อสภาวะแวดล้อมที่อาศัยอยู่
อย่างมาก ถึงแม้ว่าบางครั้งจานวนประชากรของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นอาจจะต่าก็
ตาม หากสิ่งมีชีวิตคีย์สโตนหายไปจากระบบนิเวศหนึ่งๆ ระบบนิเวศนั้น
จะเสียสมดุลและพังทลายลง
Seed dispresers
Pollinators
Predators
มาตรวัดความหลากหลายของยีสน์
• ความหลากหลายของโครงสร้าง ของสัตว์และพืช(Morphological or
Physiological traits)
• ความหลากหลายของรูปแบบยีนส์(Allilic Diversity) วัดจาก ความ
แปรปรวนของยีนส์ที่คล้ายกัน, ข้อมูลจากการวิเคราะห์โปรตีน, จานวนของยีนส์ที่มี
มากเรียกว่า ความหลากหลายของยีนส์
 มาตรวัดความหลากหลายของสายพันธ์
• ระดับ จานวนที่พบในชุมชน
• แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
• มาตรวัดความหลากหลายของสายพันธ์ 3 กลุ่ม
 ตัวชี้วัดความมากชนิดของสายพันธ์ ;
 หน่วยตัวอย่างของจานวนของสายพันธ์จากการสุ่ม
- ตัวเลขจานวนความมากชนิดของสายพันธ์(Species Richness)
- จานวนของสายพันธ์ทั้งหมดต่อจานวนของแต่ละตัว
- ความหนาแน่นของสายพันธ์เช่น จานวนของสายพันธ์ต่อพื้นที่ที่สุ่ม
 ตัวแบบความชุกชุมของสายพันธ์ (Species Abundance Models)
- ใช้อธิบายการกระจายตัวของสายพันธ์ที่ชุกชุม และวัดอย่างเท่าเทียมกัน เส้นตรง
 ตัวชี้วัดความหลากหลายของสายพันธ์
 ใช้แบ่งความมากชนิดของสายพันธ์และวัดอย่างเท่าเทียบเป็นเส้นตรง
- ชานนอน-ไวน์เนอร์ อินเด็กซ์ (Shannon-Wiener Index)
- ซิมสันอินเด็กซ์ (Simpsom Index)
 เป็นตัวชี้วัดที่ยากมาก เนื่องจากหน่วยของความหลากหลายเป็นสิ่งที่
เกี่ยวข้องกัน
• รูปแบบของถิ่นท่อยุ่ในชุมชนนั้นๆ
• รูปแบบของชุมชนบนพื้นดิน
• โครงสร้างของประชากรในช่วงเวลาหรือยุคต่างๆ
• ความเป็นพลวัตรของชิ้นส่วนต่างๆปกคลุมพื้นที่
ทั้งนี้ ได้รวมเอาวิธีการสร้างแผนที่ของถิ่นที่อยู่และชุมชน และรวมเอา
การตรวจสอบจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
(Biodiversity Hotspots)
 พื้นที่ Biodiversity Hotspot หมายถึงพื้นที่ที่มีความหลากหลาย
ทางชีวภาพสูงกว่าจุดอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป่าฝนเขตร้อน ซึ่งกาหนด
ขึ้นมาเพื่อจัดความสาคัญในการอนุรักษ์ในเชิงพื้นที่ ส่วนเกณฑ์หรือเงื่อนไข
ของพื้นที่ที่จะจัดเป็น biodiversity hotspot คือ
1. ต้องเป็นพื้นที่ที่มีพืชที่มีท่อลาเลียง (vascular plant)
และเป็นพืชประจาถิ่น (edemic species) มากกว่า 1500 ชนิดขึ้น
ไป
2. พื้นที่นั้นต้องถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่อาศัย
(habitat change) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70% ของพื้นที่เดิม
อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้นาส่วนของ
ทรัพยากรชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง (Coastal and Marine
resources) และ ความหลากหลายทางชีวภาพในมหาสมุทรมา
พิจารณา เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลนั้นยังวัดได้ยากมาก
Number of butterflies caught in a light trap at
Rothamstead, England. The most abundant
species (on the right of the diagram) are not
illustrated. Total of 6814 individuals, 37 species
only with a single specimen, 1799 specimens
belonged to one very common species, 6 common
species comprised 50% of the catch. Modified after
The percentage of wetlands supporting each species is represented by the size of the circle within each richness level
(nested structure; observed matrix temperature = 20.47°; average null model matrix temperature = 69.13°; P < 0.001).
The host species were Ambystoma californiense, Lithobates catesbeianus(also known as Rana catesbeiana), Rana
draytonii, Anaxyrus boreas, Taricha torosa and Pseudacris regilla. b–d, Shown for each host species is the mean
abundance (number m−2) when present (b), its laboratory-measured competence for supporting R. ondatrae (c), and
an index of each host species’ contribution to community competence (Pi, which combines the fraction of wetlands
occupied by a host, its relative abundance when present, and host competence—scaled between 0 and 100%) (d). All
error bars represent standard error (s.e.). Species occurrence, abundance, competency and body size (not shown) all
loaded strongly (>|0.87|) on a single principal component (eigenvalue = 3.5, 89% of variation). Images were provided
by G. Nafis (A. californiense) and D. Preston (all others).
แนวคิดความหลากหลายทางชีวภาพกับพื้นที่ที่เป็นเกาะ
• เป็นความสัมพันธ์ ระหว่างจานวนสายพันธ์กับปัจจัยด้านพื้นที่
(Spatial Parameter, Wilson, 1963)
 ผลกระทบของพื้นที่ (Area effect) ; เกาะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มี
จานวนสายพันธ์มกกว่าเกาะที่มีขนาดเล็ก
 ผลกระทบด้านความห่างไกล(Distance effect); เกาะที่มีที่ตั้งอยู่
ใกล้ทวีปหรือเกาะอื่นๆ จะมีจานวนสายพันธ์มากกว่าเกาะที่อยู่ห่างไกลกว่า
ความแตกต่างของจานวนสายพันธ์ระหว่างเกาะที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่
และเกาะที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก มีความสัมพันธ์กับอัตราการเพิ่มจานวน
ประชากรและการสูญพันธ์ของสายพันธ์บนเกาะทั้งสองลักษณะพื้นที่;
• การอพยพไปยังเกาะที่มีพื้นที่ว่าเปล่าจะมีอัตราสูง สายพันธ์ต่างๆจะกระจาย
(Dispersal)ได้ดี และสามารถเข้าครอบครองพื้นที่ที่ว่างเปล่านั้นได้อย่าง
รวดเร็ว
และเมื่อพื้นที่ต่างๆได้ถูกใช้ประโยชน์และเมื่อจานวนสายพันธ์เพิ่มมากขึ้น การอพยพ
จะลดลง
• อัตราการสูญพันธ์จะเกิดขึ้นเมื่อสายพันธ์บนพื้นที่บนเกาะเพิ่มจานวนมากขึ้นการ
ดารงชีวิตที่มีการแข่งขันสูงจะทาให้สายพันธ์ต่างๆสูญพันธ์ไปในที่สุด
• อัตราการยึดครองพื้นที่(Colonization)จะมีสูงในบริเวณเกาะใกล้เคียงและ
ใกล้แหล่งประชากร จานวนสายพันธ์ต่างๆ ในพื้นที่ที่มีความห่างไกลน้อยจะกระจาย
ตัวมากกว่า ในพื้นที่ที่มีความห่างไกลมาก
• อัตราการสูญพันธ์ จะต่าในพื้นที่ของเกาะที่มีบริเวณกว้าง เนื่องจากพื้นที่ที่มีความ
ใหญ่โตกว้างขวางจะมีความหลากหลายของระบบนิเวศน์ ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่มี
ความใหญ่โตกว้างขวางจะสามารถรองรับจานวนประชากรที่มากได้ อีกทั้งสภาพภูมิ
ประเทศในสภาพที่สนองตอบความต้องการของสายพันธ์ที่ต้องการแยกกลุ่ม
ประชากรออกไปอยู่ เพียงลาพัง นอกจากนั้นยังนาไปสู่การดารงชีวิตและกระบวนการ
เพิ่มสายพันธ์อีกด้วย
จานวนสายพันธ์จะถึงจุดสมดุลต่อเมื่อ อัตราการกระจายตัวของสาย
พันธ์(Colonization)เท่ากับอัตราการสูญพันธ์

จานวนที่มีสมดุลของสายพันธ์ในเกาะที่มีขนาดกว้างใหญ่ใกล้แผ่นดินจะ
มีสูงกว่าเกาะที่มีพื้นที่ขนาดเล็กและห่างไกลจากแผ่นดิน
 ถิ่นที่อยู่บนเกาะ(Habitat Island)
• ตัวแบบของความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์กับพื้นที่ ; มีพื้นที่ที่ขยายออกไปจากพื้นที่
เกาะเพื่อปกป้องพื้นที่รอบๆเกาะ แต่ไม่ได้หมายถึงการปกป้องถิ่นที่อยู่ของสายพันธ์
ต่างๆ
• ภายใต้ฐานคติของความสัมพันธ์นี้ คือ หากบนเกาะมีจานวนสายพันธ์ที่แน่นอน
การลดลงของพื้นที่เกาะมีผลต่อการลดจานวนลงของสายพันธ์
• จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ในเชิงปริมาณของงานวิจัยด้านถิ่นที่อยู่ พบว่า 10%ของ
สายพันธ์ซึ่งปรากฏในถิ่นที่อยู่บนเกาะจะหายไป เมื่อพื้นที่ของเกาะถูกทาลายหรือ
ลดลง 50% และจะสูญพันธ์ไปในที่สุดเมื่อเนื้อที่เกาะหายไปจานวน 90%
 แนวทางตามความคิดของถิ่นที่อยู่บนเกาะ สามารถนามาประยุกต์ เพื่อ
อธิบายในพื้นที่เขตร้อนชื้น( Tropical Rain Forest)
• สายพันธ์มีนัยสาคัญที่จะหายไปจากเขตร้อนชื้น เมื่อป่าถูกทาลายและทาให้ถิ่นที่อยู่
แตกออกเป็นเสี่ยงเสี้ยว(Fragmentation)
• หากพื้นที่ป่าในเขตร้อนร้อนชื้นของโลกถูกทาลายไปปีละเพียง 1% วิลสัน
(Wilson,1989) ประมาณการว่า สายพันธ์จะหายไป 20,000-30,000 สาย
พันธ์/ปี หากคาณวนจากพื้นฐาน 10 mio สายพันธ์ หากเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ
• พบว่า การสูญหายของสายพันธ์อยู่ที่ 2% และ 11% ต่อรอบ 10ปี
Estimate and
Method of
estimation
% Global Loss
per decade
10 million sp.
Annual Loss
30 million sp.
Annual Loss Source
0.2-0.3% annually
based on tropical
deforestation rate of
1% annually
2-3% 20,000-30,000 60,000-90,000 Wilson
(1989, 1993)
2-13% loss between
1990 and 2015 using
species area curve
and increasing
deforestation rates
0.8-5.2% 8,000-52,000 24,000-156,000 Reid
(1992)
Loss of half the
species in the area
likely to be deforested
by 2015
8.3% 83,000 250,000 Raven
(1988)
Fitting exponential
extinction functions
based on IUCN red
data books
0.6-5% 6,000-50,000 18,000-150,000 Mace
(1994
EXTINCTION ESTIMATES MADE IN THE 1990s
 The greatest loss with the longest-lasting effects
from the ongoing destruction of wilderness will
be the mass extinction of species that provide
Earth with biodiversity. Although great extinctions
have occurred in the past, none has occurred as
rapidly or has been so much the result of the
actions of a single species. The extinction rate of
today may be 1,000 to 10,000 times the
biological normal, or background, extinction rate
of 1-10 species extinctions per year.
Rhett Butler | Last updated July 22, 2012
 กฎของแรบโพพอร์ท(Rappoport’s Rule), ใช้ในการแสดง
ความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านสภาพอากาศ ระดับพื้นที่วัดจาก
ระดับน้าทะเลเป็นต้น ); ความชุกชุมของสายพันธ์(Species
Richness)ของพืช และสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามสภาพของระดับความ
สูงจากระดับพื้นราบ(altitudes)
• ความหลากหลายทางชีวภาพที่ระดับสูงกว่าจะได้รับการเกื้อกูลจากป่าร้อนชื้นในที่ราบ
ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 6-7% จากพื้นที่ทั้งหมด แต่อาจมีสายพันธ์มากกว่า 50% ของ
สายพันธ์ทั้งหมด
Costa Rican Trees Venezuela Birds
กฎของแรบโพพอร์ท(Rappoport’s Rule
 สาเหตุที่ความหลากหลายทางชีวภาพมีการแพร่กระจายไม่เท่ากัน
(Uneven Distribution)
• เวลา(Time); ช่วงเวลาของการวิวัฒนาการที่ยาวนาน และความรวดเร็วของการ
วิวัฒนาการภายใต้สภาวะค่อนข้างคงที่ และสภาพเงื่อนไขที่ดีอันเป็นสาเหตุเบื้องต้นที่ทาให้
เกิดความหลากหลายของสายพันธ์ในเขตร้อน
• ผลิตภาพหรือผลิตผล(Productivities); บนพื้นฐานของผลผลิตในเขตร้อนที่มีสูง
ทาให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่ กว้างขวาง
• ฤดูกาล (Seasonality); ,ไม่มีชัดเจนมากนักว่า ฤดูกาลเป็นเงื่อนไขของความ
หลากหลายของสายพันธ์แต่มีผลที่ชัดเจนต่อการครอบครองพื้นที่ของสายพันธ์ต่างๆและวิถี
การดารงชีวิต(Niches)ของสายพันธ์
• ณ ระดับของพื้นที่ทู่งกว่า สายพันธ์จะมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้ดีกว่า
และสามารถครอบครองและอาศัย(Occupying)ในถิ่นที่อยู่อย่างกว้างขวาง
• การรบกวนหรือภาวะผิดปกติ(Disturbances) สภาวะการรบกวนหรือชงักงัน จาก
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติเช่น ไฟป่า น้าท่วม ไม่ได้ทาให้สายพันธ์ต่างๆชงักงัน
แต่ยังคงเกิดความหลากหลายในระดับสูง
การจัดกระทาต่อการสูญพันธ์
• การเกิดสภาวะตึงเครียดต่อสายพันธ์ที่กาลังสูญพันธ์ ทาเกิดการสูญเสียสภาวะความ
หลากหลายทางชีวภาพ
• แม้ว่า ความหลากหลายของชุมชนหรือระบบนิเวศน์ จะถูกทาลาย แต่ในระยะยาว
ต้นกาเนิดสายพันธ์ยังคงดารงอยู่ ระบบนิเวศน์ยังมีศักยภาพในการกลับคืนสู่สภาพ
เดิมได้
• การเปลี่ยนแปลงภายในสายพันธ์ทาให้จานวนประชากรลดต่าลง แต่สายพันธ์
สามารถเปลี่ยนแปลงกลับคืนมาได้
• เมื่อสายพันธ์หนึ่งสูญพันธ์ ชุมชนอ่อนแอ สารสนเทศทางยีนส์หายไป และมีศักยภาพ
เชิงคุณค่าต่อมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ไม่เคยสานึกในคุณค่าเหล่านี้
การสูญพันธ์ในรูปแบบต่างๆ (Types of Extinction)
• การสูญพันธ์ที่เกิดขึ้นระดับโลก
 เป็นการสูญพันธ์ของสายพันธ์ที่ไม่มีจานวนสายพันธ์ดารงอยู่เลยในโลก
• การสูญพันธ์ในระดับภูมิภาค
 เป็นการสูญพันธ์ของสายพันธ์ในที่หนึ่งแต่อาจพบเห็นในอีกพื้นที่หนึ่งของภูมิภาคโลก
• การสูญพันธ์ในระบบนิเวศน์
 สายพันธ์สามารถอดทนและยืนหยัดอยู่ได้แต่มีจานวนลดลง ซึ่งมีผลต่อชุมชนที่เล็กมากๆใน
ระบบนิเวศน์

มนุษย์เป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดการสูญพันธ์
• 1ถึง10 ล้านปีมาแล้ว มีสายพันธ์ที่สูญหายไป และมีสายพันธ์ที่กาเนินขึ้นมาใหม่
• 10 ล้านสายพันธ์ เกิดขึ้นบนโลก 1ใน10 ของสายพันธ์บนโลกสูญหายไปเพราะผล
จากสภาพธรรมชาติ
• ในส่วนหนึ่ง อัตราการสูญพันธ์เพิ่มมากขึ้น จากการกรทาของมนุษย์
• ทุกๆ 10 ปี การสูญพันธ์ของสายพันธ์สัตว์ปีก และแมมมอส จะเกิดขึ้น อัตราการ
สูญเสีย คือ 1สายพันธ์ ใน ค.ศ. 1600 ถึง 1700 และสูญเสียสายพันธ์พืช กุหลาบ
1 สายพันธ์ทุกๆ 10 ปีเช่นเดียวกัน นับจากค.ศ. 1850 -1950
• E.O. Willson,( 2007) ประมาณการว่า การสูญเสียสายพันธ์ ในเขตร้อน
ชื้นหรือป่าฝน ถึง 27000 สายพันธ์ต่อปี หรือ 74 สายพันธ์ต่อวัน และ 3 ชั่วโมง
E.O. Willson
• หลายๆสายพันธ์ยังคงไม่มีการสูญพันธ์แต่มีจานวนที่ลดลง เนื่องจากการสูญเสียระบบ
นิเวศน์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ชี้แสดงถึงสภาวะการสูญเสียในอนาคตอันสั้น
 สภาวะความอ่อนไหวต่อการสูญพันธ์
• เมื่อสภาพแวดล้อมถูกทาลาย ด้วยฝีมือของมนุษย์ จานวนประชากรจะลดขนาดลง หลายๆ
สายพันธ์กาลังสูญพันธ์ บางสายพันธ์อยู่ในสภาวะอ่อนไหวหรือเสี่ยงมากได้แก่
 สายพันธ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณสภาพภูมิศาสตร์ที่คับแคบ
 สายพันธ์ที่เหลือเพียงสายพันธ์เดียวหรือมีจานวนประชากรน้อย
 สายพันธ์ที่มีประชากรขนาดเล็ก
 สายพันธ์ที่ต้องการบริเวณพื้นที่ที่อาศัยขนาดกว้างใหญ่
 สายพันธ์ที่มีขนาดรูปร่างใหญ่โต
 สายพันธ์ที่มีอัตราการเพิ่มของประชากรต่า
 สายพันธ์ที่ไม่มีศักยภาพในการแพร่พันธ์ได้
 สายพันธ์ซึ่งย้ายถิ่นฐาน
 สายพันธ์ที่ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการดารงชีวิต( species with Specialized
Niche)
 สายพันธ์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คงที่
 สายพันธ์ที่มาจากถิ่นกาเนิดถาวรหรือชั่วคราว
 สายพันธ์ที่ถูกล่าโดยมนุษย์
species with Specialized Nic
สายพันธ์ที่มาจากถิ่นกาเนิดถาวรหรือชั่วคราว
สาเหตุการสูญพันธ์: การใช้ประโยชน์ส่วนตัว (Exploitation)
• กิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ เช่น การล่าเพื่ออุตสาหกรรมการค้า การขยายพื้นที่
การเกษตร การล่าเพื่อเป็นอาหาร หรือเพื่อสนุกทาให้เกิดการลดน้อยลงของสายพันธ์
• การสูญพันธ์ด้วยน้ามือมนุษย์ ทาให้เกิดการสูญพันธ์เป็นจานวนมาก
 73 % ของสายพันธ์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม(Mammal)ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ(80%
ในอเมริกากลาง) ในยุค ไพลสโตซีน(Pleistocene) สูญพันธ์ ในขณะที่มนุษย์มาจาก
เอเชียเมื่อ 10,000ปีมาแล้ว
 ในออสเตเรีย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธ์ด้วยอัตราเดียวกัน
 สายพันธ์นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่มีเหลืออยู่ในเกาะมาดากาสก้า หลังจากที่มนุษย์
อพยพจากแหลมมาลายา และบริเวณรอบๆแหลมมาลายาเข้าไปอาศัยอยู่เมื่อ 500 ปีก่อน
คริสต์ศักราช
 การสูญพันธ์ที่เกาะนิวซีแลนด์ก็มีลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อ 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
 จานวนสายพันธ์อยู่ในสภาพที่มีปัญหา เนื่องจากการล่าและการเก็บเกี่ยว
ประโยชน์ของมนุษย์ที่มีมากเกินความจาเป็น
• การพัฒนาเครื่องมือการในการล่าสัตว์(อาวุธ)
• การล่าเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด
• การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
• ความยากจน
 ตัวอย่าง เช่น การล่าตัวบีเวอร์ มาทาอาหารในอเมริกาและยุโรป
ส่วนหางและเนื้อใช้ทาเสต็ก
บีเวอร์
• การล่าปลาวาฬ เพื่ออุตสาหกรรมและการค้าโดยเฉพาะในญี่ปุ่น
• การประมง
• การค้าสัตว์ที่มีชีวิต
•การค้าไม้ในเขตร้อน
 สาเหตุการสูญพันธ์จากการที่ถิ่นที่อยู่ถูกทาลาย(Habitat Destruction and
Degradation)
• สาเหตุหลักของการสูญพันธ์เนื่องจากถิ่นที่อยู่ถูกทาลาย เช่น
 ผลกระทบด้านลบจากถิ่นที่อยู่ในเขตร้อนชื้นหรือป่าดิบชื้น (tropical Rain Forests) เช่น
การตัดไม้ การรุกพื้นที่ป่าเพื่อการเกษตร น้าท่วม
 เขตป่าดิบชื้นอาจไม่มีฝนตกหลายเดือนติดต่อกันทาให้เกิดความแห้งแล้งของป่า(Tropical Dry
Forest)
 ป่าชายเลน อันมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์และอาจถูกทาลายจากมนุษย์(Mangroves)
 ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น ส่วนใหญ่ถูกทาลายจากการเข้าทาการเกษตรและเกิดการสูญเสียสายพันธ์อย่างถาวร
(Temperate Grassland)
 เกาะต่างๆซึ่งเกาะหลายแห่งถูกนาไปใช้ในเชิงเศรษฐกิจทาให้เกิดการทางายสายพันธ์
 พื้นที่ชื้นแฉะและทะเลสาบ(Wetland and Lakes) ซึ่งมักจะนาไปใช้ในการสร้างเขื่อน และ
ระบบชลประทาน
น้าป่าทาให้ถิ่นที่อยู่แตกออกเป็นเสี่ยง ผลกระทบจากเถาวัลล์
ผลกระทบจากไฟป่าหรือการเผาป่า ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น
การสร้างเขื่อนในเขตทะเลสาปและพื้นที่ชื้นแฉะ
ถิ่นที่อยู่ถูกแบ่งออกเป็นเสี่ยงเสี้ยว ทาให้สายพันธ์ถูกแยกออกจากกันซึ่ง
อาจมาจากสาเหตุ
• ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่ใช้เป็นถิ่นที่อยู่(Edge Area)
• ศูนย์กลางของถิ่นที่อยู่ ใกล้กับพื้นที่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
ผลกระทบของถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยว(Fragmentation)
• ผลด้านลบ; ขนาดของประชากร และการเคลื่อนย้ายของสายพันธ์
 ถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยว ทาให้ขนาดของประชากรลดลง
 ถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยวทาให้เกิดการแตกกระจายของสายพันธ์(Dispersal) การผสม
พันธ์ในสายเลือดใกล้ชิดหรือข้ามสายพันธ์(Mating) เกิดกระบวนการสร้างถิ่นที่อยู่ใหม่
(Colonization)
 การแตกออกเป็นเสี่ยงของถิ่นที่อยู่ลดความสามารถในการหาอาหารเพื่อดารงชีพ
 ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของถิ่นที่อยู่(Edge Effect)
• การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายขอบป่าหรือพื้นที่ที่อยู่บริเวณแนวขอบป่าซึ่งเชื่อมโยงกับ
พื้นที่ป่าโดยปกติจะเกิดกับพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกทาให้สภาพภูมิอากาศเฉพาะพื้นที่นั้น เกิดการ
เปลี่ยนแปลง(Microclimatic) เช่น ได้รับแสงแดดมากกว่าปกติ มีอุณหภูมิที่
แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ
• ลมสามารถพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เกิดผลกระทบนี้ได้ง่าย ทาให้เกิดการทาลาย และการระเหยของ
น้าบนพื้นผิวดินเกิดสภาวะความแห้งแล้ง และความแห้งของอากาศ
• การเกิดสิ่งดังกล่าว อุณหภูมิจะสูงขึ้น ความแห้งของอากาศทาให้เกิดไฟป่าได้ง่าย และอาจ
ลุกลาม ไปยังถิ่นที่อยู่ของสายพันธ์ต่างๆซึ่งอยู่รอบๆบริเวณพื้นที่นั้น
• และเกิดการรุกรานของสายพันธ์ในถิ่นอื่น หรือสายพันธ์ผู้รุกราน หรือโรคติดต่อ
Edge Efect
การเสื่อมสลายของถิ่นที่อยู่และการเกิดมลภาวะ(Degradation
and Pollution)
• การเสื่อมสลายของถิ่นที่อยู่ เช่น ทาให้เกิดสภาพทะเลทราย
(Desertification) เกิดไฟป่าได้ง่าย เกิดการสูญเสียหน้าดิน(Erosion)
ดินเสื่อมสภาพ(Soil Degradation)
• มลภาวะ
 เกิดพิษจากสารเคมีตกค้างเนื่องจากการทาการเกษตร
 เกิดมลภาวะของน้าที่ปนเปื้ อนสารเคมี
 เกิดมลภาวะทางอากาศ
 สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง
 เหตุแห่งการสูญพันธ์; การย่ายีทางชีวภาพ(Biological Invasion)
• การแพร่กระจายจานวนของสายพันธ์ต่างๆจะถูกจากัดลงด้วยไม่สามารถที่จะข้ามอาณาเขต
ของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้ จากผลของการเปลี่ยนแปลงแนวขอบชายป่า(Edge
Effect) หรือการแยกถิ่นที่อยู่ออกจากกัน
• การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางข้ามถิ่นที่อยู่ที่ถูกแยกออกจากกันของสายพันธ์โดย
มนุษย์และการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเสียใหม่
• การกระทาของมนุษย์โดยไม่เจตนา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดการสูญพันธ์ เช่น
 การปลูกพืชไร่และการปลูกพืชไม้ประดับ(การเกษตร)
 การทาปศุสัตว์
 การล่าสัตว์เป็นเกมกีฬา
 อุบัติเหตุจากการเดินทางไปมาหาสู่กันของสายพันธ์
 การทาถิ่นที่อยู่เสียใหม่
 การสร้างแหล่งอพยพใหม่
 สภาวะโลกร้อน
Habitat Fragmentation
Accident from Fragmentation
คุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพ
• คุณค่าต่อระบบนิเวศน์ (Ecological Value)
• คุณค่าด้านจริยธรรม
• คุณค่าต่อเศรษฐกิจ
คุณค่าต่อระบบนิเวศน์
• คุณค่าต่อระบบนิเวศน์ (Ecological Value)
 ก่อให้เกิดความหลากหลายของยีนส์(Genetic Diversity)
 ดารงรักษายีนส์ของสายพันธ์ต่างๆและทาให้เกิดวิวัฒนาการที่ซับซ้อน โดย
 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากรุ่นสู่รุ่นในกรณีเกิดผลกระทบทางลบ
 การเลี่ยงการผสมในสายเลือดใกล้ชิด
 คุณค่าของระบบนิเวศน์ต่อความหลากหลายของสายพันธ์
 การดารงรักษาหน้าที่ของความหลากหลาย ในระบบนิเวศน์ ซึ่งในระบบนิเวศน์หนึ่งๆจะมีสายพันธ์ที่
หลากหลายทาหน้าต่างกัน
• ในระบบนิเวศน์ที่มีความหลากหลายสูง เช่น ป่าดิบชื้น ความสัมพันธ์ของสายพันธ์ไม่
สามารถทาหน้าที่แทนกันได้ พืชดอกจะมีหน้าที่ในการถ่ายเกสรแก่พืชดอกในสายพันธ์
เดียวกันเท่านั้น
• ความสัมพันธ์ภายในระหว่างสายพันธ์และความมีเสถียรภาพของระบบนิเวศน์ ขึ้นอยู่กับ
 จานวนที่คงที่ของสายพันธ์หรือของจานวนสายพันธ์แต่ละสายพันธ์
 ความสามารถของระบบนิเวศน์ต่อการดารงรักษาหรือการกลับเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่หลังจากถูกขัดขวาง
หรือถูกทาลาย
 แนวคิดที่สองถือว่า ระบบนิเวศน์ที่มีจานวนสายพันธ์ต่าสามารถจัดให้เป็นระบบนิเวศน์ที่มีเสถียรภาพ
ได้
• คุณค่าของระบบนิเวศน์ต่อ ประชากรหรือความหลากหลายของระบบนิเวศน์
 ชุมชนหรือความหลากหลายของระบบนิเวศน์ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการดารงรักษาสิ่งต่อไปนี้
ในขอบเขตที่กว้าขวาง
 ความหลากหลายของยีนส์(Genetic Diversity)
 ความหลากหลายของสายพันธ์(Species Diversity)
• ระบบนิเวศน์จะทาให้เกิดและดารงรักษา ความหลากหลายของยีนส์และสายพันธ์
ทั้งนี้ สายพันธ์ต่างๆ ต่างมีหน้าที่ในระบบนิเวศน์
• ดังนั้น จึงจาเป็นต้องรักษาความหลากหลายของสายพันธ์ในระบบนิเวศน์และในกลุ่ม
ประชากรของสายพันธ์ให้นานที่สุด
คุณค่าทางจริยธรรม(Ethical Values)
• จริยธรรม ความหมาย
 ปรัชญาของคุณธรรม;เป็นระบบหรือ ทฤษฎีของคุณค่าทางคุณธรรมหรือเป็นหลักการ
 จริยธรรมด้านสิ่งแวดล้อมจะเกี่ยวข้องกับคาถามที่ว่า การแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดหรือ
ถูก ต่อการเห็นคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์และสิ่งแวดล้อม
• ข้อโต้แย้งด้านจริยธรรม
 ข้อโต้แย้งของ สตีเวิร์ดชิพ(Stewardship, 2014.Wikipedia, the free
encyclopedia) ด้านการใช้ทรัพยากร
 ไม่ควรใช้ให้ทรัพยากรที่มีอยู่ไปในทางที่ไร้ประโยชน์ แต่ควรนามาใช้ประโยชน์โดยคานึงถึงอนาคต
ข้างหน้า(ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน)
o ข้อโต้แย้งของ เออเนส รีแนน(Ernest Renan,1982) ด้านสิทธิในการดารงอยู่ร่วมกัน
(Right to Exist)
 สายพันธ์ต่างๆและระบบนิเวศน์ มีคุณค่าในตัวเอง ซึ่งมีอิสระสาหรับคุณค่าของการใช้ประโยชน์ที่
คุ้มค่าของตนเพื่อมนุษย์ และนี่คือสิทธิการดารงอยู่ร่วมกัน(Deep Ecology, 2012.
Wikipedia, the free encyclopedia)
 สายพันธ์และระบบนิเวศน์ ถูกสร้างโดยพระเจ้า ดังนั้นจึง มีความศักดิ์สิทธิ์และมีสิทธิในการดารงอยู่
 คาว่า คุณค่าของธรรมชาติ คือ “ต้นกาเนิดอันบริสุทธิ์” ข้อโต้แย้งภายใต้แนวคิดนี้เสนอว่า
 ธรรมชาติทั้งมวล หรืออย่างน้อยส่วนหนึ่งของธรรมชาติควรได้รับถนุถนอมเนื่องจากแนวคิดต้นกาเนิดอัน
บริสุทธิ์ เห็นว่า
 เพราะ สิ่งดังกล่าว มีคุณค่าทางจริยธรรม (Ethic Value)
 เพราะสิ่งดังกล่าว มีคุณค่าทางจิตวิญญาณเนื่องจากเป็นการดลบันดาลจากสิ่งศักดิ์สิทธ์
(Inspirational Value)
 ธรรมชาติก่อกาเนิดจากพระเจ้า(Embodiment of God)
 ธรรมชาติเป็นที่ๆซึ่งให้มนุษย์อาศัยอยู่
• คุณค่าทางวิทยาศาสตร์
 ระบบนิเวศน์มีคุณค่าต่อการศึกษาด้านธรรมชาติ แนวคิดนี้ เกี่ยวข้องต่อการศึกษาและการเสนอ
แนวทางในการปกป้องพื้นที่ทางธรรมชาติอย่างมาก
 เป็นคุณค่าที่สร้างจากความรู้สึก อารมณ์ และความงดงาม ซึ่งเป็นสุนทรียภาพ
 คุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพต่อคุณค่าทางเศรษฐกิจ
• มีคุณค่าต่อการให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ คุณค่าทางการตลาดและการเป็นทรัพยากร
• มีคุณค่าด้านทรัพยากรในตัวมันเอง
• คุณค่าต่ออนาคตของทรัพยากร
 คุณค่าทางเศรษฐกิจแบ่งเป็น
• คุณค่าโดยตรง หรือคุณค่าทางการค้า(Direct Values or Commodity
Values)
• คุณค่าโดยอ้อม(Indirect Values)
 คุณค่าโดยตรง หรือคุณค่าทางการค้า(Direct Values or Commodity
Values)
• ทาให้เป็นผลผลิตซึ่งถือเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้โดยตรงของมนุษย์ ได้แก่
 คุณค่าในการใช้บริโภค แบ่งเป็น
 ผลิตเพื่อการบริโภคเฉพาะในท้องถิ่น ไม่สามารถนาผลผลิตออกสู่ตลาดได้ เช่น ถ่านจากไม้ เนื้อสัตว์ป่า
เป็นต้น
 ผลิตเพื่อการบริโภคของผู้บริโภคทั่วไป ผลิตเพื่อออกสู่ตลาดผู้บริโภค ทั้งในท้องถิ่นและตลาดในระดับ
อื่นๆ
 คุณค่าด้านการใช้ผลผลิต (Productive Use Value)
 ผลผลิตจะเก็บเกี่ยวจากแหล่งต่างๆไปสู่ตลาดการค้า ผลผลิตจะมีคุณค่าในด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยน
เมื่อผลผลิตเหล่านี้เข้าสู่ตลาดการค้า
 คุณค่าโดยอ้อม(Indirect Values)
• พิจารณาจากลักษณะของความหลากหลายที่เกิดจากระบบชีวภาพ เช่น กระบวนการของ
สิ่งแวดล้อม กระบวนการของระบบนิเวศน์ซึ่งให้ประโยชน์ ด้านเศรษฐกิจ และประโยชน์
อื่นๆแก่มนุษย์ ได้แก่
 คุณค่าที่ไม่ใช่การบริโภค
 การบาบัดน้าเสีย
 การป้องการดินเสื่อม
 การฟื้ นฟูสภาพอากาศ
 การขจัดคาร์บอนไดออกไซด์
 การกาจัดของเสีย
 การนาความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์มาใช้ประโยชน์ เช่น การผสมเกสร การกระจายเมล็ดพันธ์ (Seed
dispersers) การใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตในดิน เป็นต้น
 การนาประโยชน์ของระบบนิเวศน์มาสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว
 การใช้คุณค่าเพื่อการศึกษา
• ทางเลือกของคุณค่า
 เป็นการนาศักยภาพของสายพันธ์มาใช้ประโยชน์ ซึ่งแล่งเป็น ด้านเศรษฐกิจและประโยชน์
ด้านอื่นๆ ในอนาคต ทางเลือกเชิงคุณค่าของสายพันธ์ดังกล่าว ได้จากการค้นพบสิ่งที่เป็น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากสายพันธ์ที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะใช้ประโยชน์จากสายพันธ์
แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นด้าน อาหาร และยารักษาโรค และวัคซีนป้องกันโรค
• คุณค่าต่อการดารงอยู่ (Existence Values)
 เป็นจิตสานึกของมนุษย์ต่อการกระทาให้สายพันธ์ ชุมชน ภูมิทัศน์หรือภูมิประเทศที่สายพันธ์
อาศัย ดารงอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการลงทุนด้านค่าใช้จ่ายเท่าใดก็แล้วแต่
The End

More Related Content

What's hot

พันธุกรรมและความหลากหลาย
พันธุกรรมและความหลากหลายพันธุกรรมและความหลากหลาย
พันธุกรรมและความหลากหลาย
Thanyamon Chat.
 
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิตบท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
Wichai Likitponrak
 
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพสำเร็จ นางสีคุณ
 
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4Tatthep Deesukon
 
หน่วย 1 ระบบนิเวศ
หน่วย 1 ระบบนิเวศหน่วย 1 ระบบนิเวศ
หน่วย 1 ระบบนิเวศkrupornpana55
 
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDna
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDnaพันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDna
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDnaWan Ngamwongwan
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docxชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
พนภาค ผิวเกลี้ยง
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
Puchida Saingchin
 
กรด เบส 7
กรด เบส 7กรด เบส 7
กรด เบส 7
Saipanya school
 
Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์
Dr.Woravith Chansuvarn
 
c4 and cam plant
c4 and cam plantc4 and cam plant
c4 and cam plant
Thanyamon Chat.
 
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaเฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaWan Ngamwongwan
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
Pinutchaya Nakchumroon
 
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติการกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
ปณิธิ ศรีสุวรรณนพกุล
 
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงเอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงOui Nuchanart
 
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์  58กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์  58
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58
renusaowiang
 
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศ
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศ
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศkrupornpana55
 

What's hot (20)

พันธุกรรมและความหลากหลาย
พันธุกรรมและความหลากหลายพันธุกรรมและความหลากหลาย
พันธุกรรมและความหลากหลาย
 
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิตบท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
บท1ธรรมชาติสิ่งมีชีวิต
 
15แบบทดสอบเทคโนโลยีชีวภาพ
15แบบทดสอบเทคโนโลยีชีวภาพ15แบบทดสอบเทคโนโลยีชีวภาพ
15แบบทดสอบเทคโนโลยีชีวภาพ
 
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
16แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
 
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4
ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต4
 
หน่วย 1 ระบบนิเวศ
หน่วย 1 ระบบนิเวศหน่วย 1 ระบบนิเวศ
หน่วย 1 ระบบนิเวศ
 
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDna
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDnaพันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDna
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทางDna
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docxชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่1พันธะโคเวเลนต์docx
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตม.4
 
แบบทดสอบเรื่องระบบนิเวศ
แบบทดสอบเรื่องระบบนิเวศแบบทดสอบเรื่องระบบนิเวศ
แบบทดสอบเรื่องระบบนิเวศ
 
กรด เบส 7
กรด เบส 7กรด เบส 7
กรด เบส 7
 
Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์
 
c4 and cam plant
c4 and cam plantc4 and cam plant
c4 and cam plant
 
ไวนิล 2
ไวนิล 2ไวนิล 2
ไวนิล 2
 
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaเฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต   2559
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต 2559
 
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติการกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
 
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงเอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
 
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์  58กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์  58
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58
 
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศ
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศ
แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยระบบนิเวศ
 

Viewers also liked

Bio Forest Admin1
Bio Forest Admin1Bio Forest Admin1
Bio Forest Admin1
trisurat
 
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนากลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
freelance
 
ecological extinction
  ecological extinction  ecological extinction
ecological extinction
Ghassan Hadi
 
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)firstnarak
 
Endangered Species & Extinction
Endangered Species & ExtinctionEndangered Species & Extinction
Endangered Species & Extinction
zpearson
 
Osmosis, diffusion, active transport
Osmosis, diffusion, active transportOsmosis, diffusion, active transport
Osmosis, diffusion, active transport
Marthese Azzopardi
 
Endangered species ppt
Endangered species pptEndangered species ppt
Endangered species ppt
mrstadams22
 
Threats to Biodiversity
Threats to BiodiversityThreats to Biodiversity
Threats to Biodiversity
Vivek Kumar
 
EVS - Biodiversity Notes
EVS - Biodiversity NotesEVS - Biodiversity Notes
EVS - Biodiversity Notes
Arzoo Sahni
 
Biodiversity and its Conservation
Biodiversity and its ConservationBiodiversity and its Conservation
Biodiversity and its Conservation
Akhil Kollipara
 
Biodiversity powerpoint
Biodiversity  powerpointBiodiversity  powerpoint
Biodiversity powerpoint
darrylw
 
PPT OF BIODIVERSITY
PPT OF BIODIVERSITYPPT OF BIODIVERSITY
PPT OF BIODIVERSITY
Tusharkanti Nayak
 

Viewers also liked (12)

Bio Forest Admin1
Bio Forest Admin1Bio Forest Admin1
Bio Forest Admin1
 
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนากลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
กลุ่มตนเป็นที่พึ่งแห่งตน --นิเวศวิทยากับศาสนา
 
ecological extinction
  ecological extinction  ecological extinction
ecological extinction
 
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
Taxonomy(อนุกรมวิทฐาน)
 
Endangered Species & Extinction
Endangered Species & ExtinctionEndangered Species & Extinction
Endangered Species & Extinction
 
Osmosis, diffusion, active transport
Osmosis, diffusion, active transportOsmosis, diffusion, active transport
Osmosis, diffusion, active transport
 
Endangered species ppt
Endangered species pptEndangered species ppt
Endangered species ppt
 
Threats to Biodiversity
Threats to BiodiversityThreats to Biodiversity
Threats to Biodiversity
 
EVS - Biodiversity Notes
EVS - Biodiversity NotesEVS - Biodiversity Notes
EVS - Biodiversity Notes
 
Biodiversity and its Conservation
Biodiversity and its ConservationBiodiversity and its Conservation
Biodiversity and its Conservation
 
Biodiversity powerpoint
Biodiversity  powerpointBiodiversity  powerpoint
Biodiversity powerpoint
 
PPT OF BIODIVERSITY
PPT OF BIODIVERSITYPPT OF BIODIVERSITY
PPT OF BIODIVERSITY
 

More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์

มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนมคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการองค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัยมคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 

More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์ (20)

มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนมคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
 
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
 
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
 
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่1 ความหมาย ประเภทและลำดับกิจกรรมขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
 
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการองค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
 
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัยมคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
 
Microsoft word สารบัญ
Microsoft word   สารบัญMicrosoft word   สารบัญ
Microsoft word สารบัญ
 
Microsoft word สัปดาห์ที่15
Microsoft word   สัปดาห์ที่15Microsoft word   สัปดาห์ที่15
Microsoft word สัปดาห์ที่15
 
Microsoft word สัปดาห์ที่14
Microsoft word   สัปดาห์ที่14Microsoft word   สัปดาห์ที่14
Microsoft word สัปดาห์ที่14
 
Microsoft word สัปดาห์ที่13
Microsoft word   สัปดาห์ที่13Microsoft word   สัปดาห์ที่13
Microsoft word สัปดาห์ที่13
 
Microsoft word สัปดาห์ที่12
Microsoft word   สัปดาห์ที่12Microsoft word   สัปดาห์ที่12
Microsoft word สัปดาห์ที่12
 
Microsoft word สัปดาห์ที่10
Microsoft word   สัปดาห์ที่10Microsoft word   สัปดาห์ที่10
Microsoft word สัปดาห์ที่10
 
Microsoft word สัปดาห์ที่8
Microsoft word   สัปดาห์ที่8Microsoft word   สัปดาห์ที่8
Microsoft word สัปดาห์ที่8
 
Microsoft word สัปดาห์ที่6
Microsoft word   สัปดาห์ที่6Microsoft word   สัปดาห์ที่6
Microsoft word สัปดาห์ที่6
 
Microsoft word สัปดาห์ที่1
Microsoft word   สัปดาห์ที่1Microsoft word   สัปดาห์ที่1
Microsoft word สัปดาห์ที่1
 

Biodiversity definition and concept

  • 1.
  • 2.  จุดมุ่งหมาย • ให้เกิดความเข้าใจต่อแนวคิดของความหลากหลายทางชีวภาพ • ให้เกิดความเข้าใจต่อระบบนิเวศน์ • ให้เกิดความเข้าใจถึงความหลากหลายในระบบนิเวศน์ทั้งในท้องถิ่นที่เป็นเมืองและชนบท • ให้เกิดความเข้าใจต่อความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพต่อระบบนิเวศน์ • เข้าใจต่อความสาคัญต่างๆของความหลากหลายทางชีวภาพต่อการดาเนินชีวิต • ความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพต่อเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนและท้องถิ่น • การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพต่อการดาเนินชีวิตภายในท้องภิ่นและชุมชน • การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นและชุมชนโดยนาความหลากหลายทาง ชีวภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ • การเชื่อมโยงสู่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
  • 4.  คาว่า ความหลากหลาย(Diversity) ใช้อธิบายความแตกต่าง ของ ธรรมชาติ ในค.ศ. 1980s ความหลากหลายในช่วงนี้ หลักๆคือการทาความ เข้าใจต่อ ความหลากหลายของสายพันธ์ต่างๆ วิทเทรคเกอร์(Whittactker, evolution and Measurement of species diversity, 1972) ให้ ความหมายถึงความแตกต่างของสายพันธ์ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ
  • 5.  ความแตกต่างของสายพันธ์ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆตามแนวคิดของ วิทเทรคเกอร์ • อัลฟา(Alpha diversity) เป็นความหลากหลายภายในสายพันธ์ ซึ่งใช้กับการจาแนกชนิดในสายพันธ์เดียวกันที่มีอยู่ภายในถิ่นที่อยู่ (Habitat) อาจมีมากกว่า 1 ชนิด(Species Richness) • เบลต้า(Beta Diversity) เป็นการอธิบายความหลากหลายของสาย พันธ์ระหว่างถิ่นที่อยู่ที่ต่างกัน(Between Habitat diversity) • แกมม่า(Gamma Diversity) อธิบายความหลากหลายของสาย พันธ์ทั้งหมด ที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินของภูมิภาคต่างๆของโลก
  • 6.  ในปี 1980-1985เป็นต้นมา นิยามของความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ได้จากัดอยู่ในเพียงนิยามที่ใช้ในความหลากหลายของสายพันธ์ในลักษณะ เดิมแต่ขยายขอบเขตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น • หมายถึง ความแตกต่างหลากหลาย ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพื้นดิน ใต้ดิน ในน้า บนต้นไม้ ในอากาศ (Terresteial) • หมายถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเล ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ และพืชทั้งที่เคลื่อนที่เองได้และไม่สามารถเคลื่อนที่เองได้ (Marine) • หมายถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยและเติบโตใกล้น้า บนผิว น้า ในน้าไม่ว่าจะเป็นแม่น้า หรือทะเล (Aquatic)
  • 7. โดยสรุป ความหลากหลายทางชีวภาพ จึงสามารถอธิบายในขอบเขตที่ กว้างขวางกว่าเดิม รวมไปถึง การอธิบาย ถึงยีนส์(Genes) สาย พันธ์(Species) และ ชุมชนหรือกลุ่มของสายพันธ์ (Communities) ตลอดจน หมายรวมถึงระบบนิเวศน์ด้วย (Ecosystems)  ศัพท์ที่ควรเข้าใจ • Species Richness หมายถึง สายพันธ์ ที่มีความแตกต่างหลากหลาย • Communities Richness หมายถึง ชุมชนหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ หลากหลายอาศัยร่วมกัน ในถิ่นที่อยู่เดียวกัน • Habitat หมายถึง ถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตอาจเป็นถิ่นที่อยู่เดียวกันหรือต่างถิ่นที่อยู่
  • 8.
  • 9.  ความหลากหลายทางพันธุกรรม คือ จานวนข้อมูลของพันธุกรรมที่มีอยู่ในยีนส์ของ สิ่งมีชีวิต  สิ่งมีชีวิตสามารถจาแนกตามระบบลาดับชั้นในแนวดิ่ง(Hierarchical System)  การจัดกลุ่มของสิ่งมีชีวิต หลักๆได้แก่ • การแบ่งตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในโลกเป็นเช่น สัตว์ พืช (Kingdom) หรือเรียกว่าอาณาจักร การแบ่งลักษณะนี้ จะ แตกต่างกันตามลักษณะของแต่ละภูมิภาค ในอเมริกาจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ  สัตว์ (animal)  พืช (Plantae)  สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยเซลล์ๆเดียว (Fungi) บางชนิดมีหลายเซลล์รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น เห็ด รา ยีสต์ เป็นต้น  โปรทีสต้า(Protista) เช่น พาราซิสต์ พยาธิ์ ใส้เดือน ต่างๆ  สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก (Archaea) เบคเตเรียขนาดเล็ก อาจเรียกว่า จุลลินทรีย์  สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าบัคเตเรีย (Bactaria) เชื้อ เบคเตเรีย ในยุโรปและลาตินอเมริกาจะมีความแตกต่างต่างจากในอเมริกา
  • 10. Animal Plantae Fungi เห็ด เชื้อรา ยีสต์ Protista พาราสิต Archaea จุลลินทรีย์และบัคเตเรีย Bactaria เชื้อบัคเตเรีย
  • 11. • การแบ่งตามกลุ่มย่อยๆลงมาเมีขนาดเล็กกว่า Kingdom แต่ใหญ่กว่า ระดับชั้น (Class) คือการแบ่งตาม ไฟลั่ม (Phylum) เป็นการแบ่งตามลักษณะ ย่อยของพืชและสัตว์ Phylum Meaning Common name Distinguishing characteristics Chytridiomycota Little pot mushroom Chytrids Cellulose in cell walls, flagellated gametes Deuteromycota Second mushroom Imperfect fungi Unclassified fungi; only asexual reproduction observed no other major distinguishments Zygomycota Yolk mushroom Zygomycetes Blend gametangia to form a zygosporangium Glomeromycota Ball mushroom None Form arbuscular mycorrhizae with plants Ascomycota Bag/Wineskin Mushroom Sac fungi Produce spores in an 'ascus'which is a kind of fruiting bud Basidiomycota Basidium Mushroom Club Fungi Produce spores from a 'basidium' which is a kind of fruiting bud Total: 6
  • 14.  การแบ่งระดับชั้น เพื่อการจาแนก (Class) ความสาคัญของพืชและสัตว์ การแบ่ง ลักษณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดนัก Name Meaning of prefix Example 1 Example 2 Example 3[1] Superclass (ชั้นบนสุด) super: above Tetrapoda Class รองลงมา Mammalia Maxillopoda Sauropsida Subclass ใต้ sub: under Thecostraca Avialae Infraclass ต่าสุด infra: below Cirripedia Aves Parvclass ไม่มีความสาคัญ parvus: small, Neornithes
  • 16.  การแบ่งตาม Order หรืออันดับ หรือตระกูล อยู่ระหว่าง Class และ FamilyName Meaning of prefix Example 1 Example 2 Magnorder อันดับ/ ตระกูลสาคัญ magnus: large, great, important Boreoeutheria Superorder อันดับ/ ตระกูลเหนือขึ้นไป super: above Euarchontoglires Parareptilia Grandorder อันดับ/ ตระกูลใหญ่ มีมาก grand: large Euarchonta Mirorderตระกูลที่จัดใน ประเภทแปลกประหลาด mirus: wonderful, strange Primatomorpha Order ตระกูลที่มีลักษณะ ธรรมดาๆ Primates Procolophonomor pha Suborderตระกุลที่อยู่ใต้ สุด sub: under Haplorrhini Procolophonia Infraorderตระกูลต่า infra: below Simiiformes Hallucicrania Parvorder ตระกูลที่ไม่มี parvus: small, Catarrhini
  • 19. การแบ่งตามวงศ์ หรือ Family เป็นลาดับขั้นสูงที่เล็กที่สุด มีการ แบ่งเฉพาะเจาะจงในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นช่น วงศ์ ทานตะวัน (Compositae) มีช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น (head/ capitulum) ส่วนในวงศ์ผักชี (Umbelliferae) มีช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (umbel) และผลแยกแล้ว แตก (schizocarp) และ วงศ์ก่วม (Aceraceae) มีผล แยกแล้วแตกและมีปีก (winged schizocarp) แต่ใน วงศ์ กุหลาบ (Rosaceae) มีผลแตกต่างไปตามวงศ์ย่อย
  • 20. การแบ่งตาม Genus หรือสกุล เป็นการจัดกลุ่มเอา สิ่งมีชีวิตสปีชีส์ ที่มีลักษณะใกล้เคียงเข้ามารวมกัน ใน การตั้งชื่อแบบทวินาม ชื่อ สิ่งมีชีวิตประกอบขึ้นจากสองส่วน คือ สกุล ซึ่งต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ ใหญ่ และ สปีชีส์ ตัวอย่างหนึ่งคือ Homo sapiens เป็นชื่อเรียก มนุษย์ อยู่ในสกุล Homo การแบ่งตามspecies หรือ สายพันธ์หรือหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิต จุดประสงค์ในการแบ่งลักษณะดังกล่าว เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจต่อ ความหลากหลายทางพันธุกรรม ซึ่งมีความสาคัญต่อการจัดจาแนกกลุ่ม ของสายพันธ์
  • 21.  โดยปกติ จะมีการสืบพันธ์ภายในสายพันธ์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม การสืบ พันธ์แบบข้ามสายพันธ์หรือสายพันธ์ที่แตกต่างกันโดยส่วนใหญ่มนุษย์จะเป็น ผู้กระทา สิ่งนี้จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างของสายพันธ์  ประชากร คือ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มาจากสายพันธ์เดียวกัน อยู่ร่วมกันอาจจะ มีตั้งแต่จานวนประชากรจานวนน้อยหรือมากเป็นล้านๆประชากรก็ได้  ความหลากหลายทางพันธุกรรม คือ ผลที่เกิดจาก ขนาดและลักษณะพลวัตร ของประชากร  การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุของการสูญเสีย หรือมีผลต่อ จานวนประชากรในทางลบ เช่น ประชากรลดลง หรือมีขนาดเล็กลง มีการดารงชีวิตที่ โดดเดี่ยวมากขึ้น
  • 22.  สายพันธ์ เป็นการพิจารณาลักษณะภายในประชากรของสิ่งมีชีวิต ซึ่ง ปรากฏยีนส์ตามลักษณะพันธุกรรมตามเงื่อนไขธรรมชาติ  การกาเนิดของสายพันธ์ใหม่อาจเกิดขึ้นได้จาก • ผ่านกระบวนการทางพันธุกรรม (Polyploidy)ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน จากชุดของโครโมโซมพื้นฐาน เรียกกันว่า การแปลงพันธุกรรม ส่วนใหญ่จะกระทา ในพืช เรียกกันทั่วไปว่า จีโนม(Gnome) ซึ่งกระทาโดยมนุษย์ • เป็นผลมาจากสภาพภูมิศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทาให้เกิด การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต และเกิดจัดรูปแบบของสายพันธ์ขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
  • 23.  เราไม่สามารถทราบจานวนที่แท้จริงของสายพันธ์ทั้งหมดในโลก ประมาณการได้ว่า สายพันธ์ทั้งหมดอยู่ระหว่าง 5-50 mio (miocene หมายถึง ของหน่วยระยะเวลาหรือยุคของการพัฒนาการ ของสายพันธ์) ปัจจุบัน จานวนสายพันธ์ที่สามารถประมาณได้จานวน 1.4 mio สายพันธ์ จะแบ่งเป็น - สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง(arthropods) 875,000 สายพันธ์ - พืชไม้ดอก (Flowering Plants) 275,000 สายพันธ์
  • 24. • สายพันธ์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ ได้แก่ พืชผักและพืชไม้ดอก •แมลง จากงานวิจัย พบแมลงจานวน 800,000 ชนิด อย่างไรก็ตามจานวนแมลงดังกล่าวประมาณการไดว่าอยู่ ในช่วง 2-3 mio • ถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นที่รู้จักมากกว่าถิ่นที่อยู่อื่นๆ ได้แก่ •ถิ่นที่อยู่นอกเขตร้อน จะเป็นถิ่นที่อยู่ที่รู้จักมากกว่าถิ่นที่อยู่เขต ร้อน •ถิ่นที่อยู่ที่ไม่เป็นที่รู้จักกันดีเช่น ถิ่นที่อยู่ในเขตร้อนบริเวณชั้นหิน และทรายใกล้ทะเลและบริเวณใต้มหาสมุทรที่ลึกที่สุด
  • 26. ระบบนิเวศน์(Ecosystem) คือชุมชนหรือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ อาศัยอยุ่ร่วมกัน เป็นสมาคมภายในสภาพแวดล้อมทางกายภาพ • ในแต่ละถิ่นที่อยู่ จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ระบบต่างๆจะเป็นกลุ่มก้อนและเป็น อิสระจากกัน และจะทาหน้าที่ของตนเอง เกี่ยวข้องกับการนาเข้าทรัยากรและการ สร้างผลผลิต เช่น หน้าที่หลักของพืชสีเขียวคือ ผลผลิตสู่ระบบนิเวศน์ ใน ขณะเดียวกันจะมีผู้บริโภคผลผลิตนั้น เบคตีเรียจะมีหน้าที่ในการย่อยสลายเป็นต้น
  • 28.  พลวัตรของระบบนิเวศน์(Succession) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ องค์ประกอบหรือผลผลิตในสายพันธ์ต่างๆ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของชุมชน ลักษณะทางกายภาพ ซึ่งจะปรากฏให้เห็นตามลักษณะทางธรรมชาติ หรือเหตุอัน เนื่องมาจากการกระทาหรือละเว้นการกระทาของมนุษย์ ต่อกลุ่มหรือชุมชนของ สายพันธ์ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
  • 29.  แนวคิดของพลวัตรของระบบนิเวศน์(Concept of Succession) Succession after disturbance: a boreal forest one (left) and two years (right) after a wildfire. concept of Succession
  • 30. Secondary SuccessionCC BY-SA 3.0 Katelyn Murphy - Own work An example of Secondary Succession by stages: 1. A stable deciduous forest community 2. A disturbance, such as a wild fire, destroys the forest 3. The fire burns the forest to the ground 4. The fire leaves behind empty, but not destroyed, soil 5. Grasses and other herbaceous plants grow back first 6. Small bushes and trees begin to colonize the area 7. Fast growing evergreen trees develop to their fullest, while shade- tolerant trees develop in the understory 8. The short-lived and shade intolerant evergreen trees die as the larger deciduous trees overtop them. The ecosystem is now back to a similar state to where it began.
  • 31.
  • 32. ความหลากหลายของระบบนิเวศน์สามารถอธิบายในระดับและขนาดที่ แตกต่างกัน • ความหลากหลายของหน้าที่ (Functional Diversity); สัมพันธ์กับความ สภาวะของการทาหน้าที่ประเภทต่างๆของสิ่งมีชีวิต • ความหลากหลายของกลุ่ม (Community Diversity); จานวน ขนาดและ การกระจายตัวในเชิงปริภูมิของกลุ่มหรือชุมชน (บางครั้งเรียกว่าPatchiness; หมายถึงการที่ชุมชนของสิ่งมีชีวิต กระจายตัวเป็นหย่อมๆและมีการเปลี่ยนแปลงทาง พลวัตรของประชากรในรอบปี) • ความหลากหลายของพื้นที่(Landscape Diversity) คือความหลากหลาย ของระบบนิเวศน์ในพื้นที่ (บางครั้งเรียกว่า ความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์)
  • 33.  ความหลากหลายของระบบนิเวศน์(Ecosystem diversity) คือ • ลักษณะที่เกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ {เช่น การหาอาหาร หรือการล่าเยื่อ (Predatoion), การแข่งขัน(Competition), การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน (Symbiosis)} • ลักษณะของสภาพแวดล้อม{ เช่น ความซับซ้อน(complexity), ความสามารถในรองรับกลุ่มของสิ่งมีชีวิต-การเจริญเติบโตหรือการทนต่อ เปลี่ยนแปลงในระดับใดระดับ โดยสิ่งแวดล้อมยังสามารถคงอยู่หรือดาเนิน อยู่ได้อย่างปกติและปราศจากผลกระทบ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความ เสี่ยงต่อสวัสดิภาพ สุขภาพ พลานามัย สิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบของ สิ่งแวดล้อมนั้น (Carrying Capacity), ข้อจากัดของทรัพยากร และ การกระทาของมนุษย์}
  • 34.  Populations must not exceed the carrying capacity of their environments!!! If the carrying capacity of the environment is exceeded, organisms die and the environment may be permanently destroyed.
  • 35.  ความหลากหลายของระบบนิเวศน์ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ ต่อเนื่อง • การผสมผสานของสายพันธ์ที่ก่อให้เกิดชุมชนและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์อย่าง ต่อเนื่อง • การเพิ่มสายพันธ์ที่หลากหลายมีผลให้เกิดระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกัน หรือทาให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงของประชากรที่เพิ่มขึ้น (Patchiness) หรือการเพิ่มขึ้นของถิ่นที่อยู่ (habitat) • อิทธิของพลวัตรด้านถิ่นที่อยู่(Habitat Patchiness) ไม่เพียงมีผลต่อ องค์ประกอบหรือส่วนต่างๆของสายพันธ์ในระบบนิเวศน์เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์ด้วย • การรบกวนที่ทาให้เกิดผลกระทบเป็นระยะๆ(Periodic Disturbances)มีผลต่อ การเพิ่มสภาพแวดล้อมเป็นหย่อมๆซึ่งกระตุ้นให้ประชากรของสายพันธ์ต่างๆเพิ่มขึ้น
  • 36.  geomorphology and oceanography creating habitat patchiness and limiting long dispersal, as well as past and ongoing human impact.
  • 39.  ขนาดและการแบ่งแยกของถิ่นที่อยู่เป็นหย่อมๆ(Size and Isolation) มีอิทธิพลต่อการเพิ่ม ประชากรของสายพันธ์  ขอบเขตของอาณาเขตที่มีการเชื่อมต่อ(Ecotone) มีอิทธิพลต่อการความอุดมสมบูรณ์ของสายพันธ์ การเอื้อต่อสายพันธ์ดังกล่าวจะไม่ปรากฏในถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ ต่อเนื่อง ในพื้นที่ ที่แบ่งตามโซนอุณหภูมิ หรือพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าหรือป่าเตี้ยๆหรือป่าละเม๊าะ มักจะมีสายพันธ์มากกว่าถิ่นที่อยู่ที่มีพื้นที่ติ่เนื่อง Colorado River viewed from Dead Horse Point, Utah. The canyon depth here is approximately 600 meters, where the river has gradually cut a wide separation of the original continuous habitat of the Colorado Plateau. Temperate zone
  • 40. Transition Zones (Ecotones) Transition Zone - Agricultural Area on Santa Cruz Island. Transition Zone on Floreana Island Transition Zone - disused agricultural area on Floreana Island An ecotone is a transition area between two biomes.
  • 41.  สายพันธ์บางสายพันธ์ มีอิทธิพลอย่างไม่เป็นสัดส่วนต่อลักษณะของระบบ นิเวศน์สายพันธ์เหล่านี้เรียกว่า Ketstone Species อันเป็นสาย พันธ์ที่มีความสามารถกาหนดจานวนประชากร หรือรักษาโครงสร้างของ ประชากรของสายพันธ์ที่มีจานวนมากได้ เช่น สายพันธ์แมลง (Pollinators, สัตว์ที่แพร่กระจายเมล็ดและเมล็ดพืชที่สามารถ แพร่กระจาย (Seed dispresers) และสัตว์กินเนื้อ (Predators)  Ketstone Species จะมีอิทธิพลต่อสภาวะแวดล้อมที่อาศัยอยู่ อย่างมาก ถึงแม้ว่าบางครั้งจานวนประชากรของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นอาจจะต่าก็ ตาม หากสิ่งมีชีวิตคีย์สโตนหายไปจากระบบนิเวศหนึ่งๆ ระบบนิเวศนั้น จะเสียสมดุลและพังทลายลง
  • 43. มาตรวัดความหลากหลายของยีสน์ • ความหลากหลายของโครงสร้าง ของสัตว์และพืช(Morphological or Physiological traits) • ความหลากหลายของรูปแบบยีนส์(Allilic Diversity) วัดจาก ความ แปรปรวนของยีนส์ที่คล้ายกัน, ข้อมูลจากการวิเคราะห์โปรตีน, จานวนของยีนส์ที่มี มากเรียกว่า ความหลากหลายของยีนส์  มาตรวัดความหลากหลายของสายพันธ์ • ระดับ จานวนที่พบในชุมชน • แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
  • 44. • มาตรวัดความหลากหลายของสายพันธ์ 3 กลุ่ม  ตัวชี้วัดความมากชนิดของสายพันธ์ ;  หน่วยตัวอย่างของจานวนของสายพันธ์จากการสุ่ม - ตัวเลขจานวนความมากชนิดของสายพันธ์(Species Richness) - จานวนของสายพันธ์ทั้งหมดต่อจานวนของแต่ละตัว - ความหนาแน่นของสายพันธ์เช่น จานวนของสายพันธ์ต่อพื้นที่ที่สุ่ม  ตัวแบบความชุกชุมของสายพันธ์ (Species Abundance Models) - ใช้อธิบายการกระจายตัวของสายพันธ์ที่ชุกชุม และวัดอย่างเท่าเทียมกัน เส้นตรง  ตัวชี้วัดความหลากหลายของสายพันธ์  ใช้แบ่งความมากชนิดของสายพันธ์และวัดอย่างเท่าเทียบเป็นเส้นตรง - ชานนอน-ไวน์เนอร์ อินเด็กซ์ (Shannon-Wiener Index) - ซิมสันอินเด็กซ์ (Simpsom Index)
  • 45.  เป็นตัวชี้วัดที่ยากมาก เนื่องจากหน่วยของความหลากหลายเป็นสิ่งที่ เกี่ยวข้องกัน • รูปแบบของถิ่นท่อยุ่ในชุมชนนั้นๆ • รูปแบบของชุมชนบนพื้นดิน • โครงสร้างของประชากรในช่วงเวลาหรือยุคต่างๆ • ความเป็นพลวัตรของชิ้นส่วนต่างๆปกคลุมพื้นที่ ทั้งนี้ ได้รวมเอาวิธีการสร้างแผนที่ของถิ่นที่อยู่และชุมชน และรวมเอา การตรวจสอบจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง (Biodiversity Hotspots)
  • 46.  พื้นที่ Biodiversity Hotspot หมายถึงพื้นที่ที่มีความหลากหลาย ทางชีวภาพสูงกว่าจุดอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป่าฝนเขตร้อน ซึ่งกาหนด ขึ้นมาเพื่อจัดความสาคัญในการอนุรักษ์ในเชิงพื้นที่ ส่วนเกณฑ์หรือเงื่อนไข ของพื้นที่ที่จะจัดเป็น biodiversity hotspot คือ 1. ต้องเป็นพื้นที่ที่มีพืชที่มีท่อลาเลียง (vascular plant) และเป็นพืชประจาถิ่น (edemic species) มากกว่า 1500 ชนิดขึ้น ไป 2. พื้นที่นั้นต้องถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat change) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70% ของพื้นที่เดิม อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้นาส่วนของ ทรัพยากรชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง (Coastal and Marine resources) และ ความหลากหลายทางชีวภาพในมหาสมุทรมา พิจารณา เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลนั้นยังวัดได้ยากมาก
  • 47. Number of butterflies caught in a light trap at Rothamstead, England. The most abundant species (on the right of the diagram) are not illustrated. Total of 6814 individuals, 37 species only with a single specimen, 1799 specimens belonged to one very common species, 6 common species comprised 50% of the catch. Modified after
  • 48. The percentage of wetlands supporting each species is represented by the size of the circle within each richness level (nested structure; observed matrix temperature = 20.47°; average null model matrix temperature = 69.13°; P < 0.001). The host species were Ambystoma californiense, Lithobates catesbeianus(also known as Rana catesbeiana), Rana draytonii, Anaxyrus boreas, Taricha torosa and Pseudacris regilla. b–d, Shown for each host species is the mean abundance (number m−2) when present (b), its laboratory-measured competence for supporting R. ondatrae (c), and an index of each host species’ contribution to community competence (Pi, which combines the fraction of wetlands occupied by a host, its relative abundance when present, and host competence—scaled between 0 and 100%) (d). All error bars represent standard error (s.e.). Species occurrence, abundance, competency and body size (not shown) all loaded strongly (>|0.87|) on a single principal component (eigenvalue = 3.5, 89% of variation). Images were provided by G. Nafis (A. californiense) and D. Preston (all others).
  • 49. แนวคิดความหลากหลายทางชีวภาพกับพื้นที่ที่เป็นเกาะ • เป็นความสัมพันธ์ ระหว่างจานวนสายพันธ์กับปัจจัยด้านพื้นที่ (Spatial Parameter, Wilson, 1963)  ผลกระทบของพื้นที่ (Area effect) ; เกาะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มี จานวนสายพันธ์มกกว่าเกาะที่มีขนาดเล็ก  ผลกระทบด้านความห่างไกล(Distance effect); เกาะที่มีที่ตั้งอยู่ ใกล้ทวีปหรือเกาะอื่นๆ จะมีจานวนสายพันธ์มากกว่าเกาะที่อยู่ห่างไกลกว่า
  • 50. ความแตกต่างของจานวนสายพันธ์ระหว่างเกาะที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ และเกาะที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก มีความสัมพันธ์กับอัตราการเพิ่มจานวน ประชากรและการสูญพันธ์ของสายพันธ์บนเกาะทั้งสองลักษณะพื้นที่; • การอพยพไปยังเกาะที่มีพื้นที่ว่าเปล่าจะมีอัตราสูง สายพันธ์ต่างๆจะกระจาย (Dispersal)ได้ดี และสามารถเข้าครอบครองพื้นที่ที่ว่างเปล่านั้นได้อย่าง รวดเร็ว และเมื่อพื้นที่ต่างๆได้ถูกใช้ประโยชน์และเมื่อจานวนสายพันธ์เพิ่มมากขึ้น การอพยพ จะลดลง • อัตราการสูญพันธ์จะเกิดขึ้นเมื่อสายพันธ์บนพื้นที่บนเกาะเพิ่มจานวนมากขึ้นการ ดารงชีวิตที่มีการแข่งขันสูงจะทาให้สายพันธ์ต่างๆสูญพันธ์ไปในที่สุด
  • 51. • อัตราการยึดครองพื้นที่(Colonization)จะมีสูงในบริเวณเกาะใกล้เคียงและ ใกล้แหล่งประชากร จานวนสายพันธ์ต่างๆ ในพื้นที่ที่มีความห่างไกลน้อยจะกระจาย ตัวมากกว่า ในพื้นที่ที่มีความห่างไกลมาก • อัตราการสูญพันธ์ จะต่าในพื้นที่ของเกาะที่มีบริเวณกว้าง เนื่องจากพื้นที่ที่มีความ ใหญ่โตกว้างขวางจะมีความหลากหลายของระบบนิเวศน์ ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่มี ความใหญ่โตกว้างขวางจะสามารถรองรับจานวนประชากรที่มากได้ อีกทั้งสภาพภูมิ ประเทศในสภาพที่สนองตอบความต้องการของสายพันธ์ที่ต้องการแยกกลุ่ม ประชากรออกไปอยู่ เพียงลาพัง นอกจากนั้นยังนาไปสู่การดารงชีวิตและกระบวนการ เพิ่มสายพันธ์อีกด้วย
  • 52.
  • 53.
  • 56.
  • 57.
  • 58.
  • 59.  ถิ่นที่อยู่บนเกาะ(Habitat Island) • ตัวแบบของความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์กับพื้นที่ ; มีพื้นที่ที่ขยายออกไปจากพื้นที่ เกาะเพื่อปกป้องพื้นที่รอบๆเกาะ แต่ไม่ได้หมายถึงการปกป้องถิ่นที่อยู่ของสายพันธ์ ต่างๆ • ภายใต้ฐานคติของความสัมพันธ์นี้ คือ หากบนเกาะมีจานวนสายพันธ์ที่แน่นอน การลดลงของพื้นที่เกาะมีผลต่อการลดจานวนลงของสายพันธ์ • จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ในเชิงปริมาณของงานวิจัยด้านถิ่นที่อยู่ พบว่า 10%ของ สายพันธ์ซึ่งปรากฏในถิ่นที่อยู่บนเกาะจะหายไป เมื่อพื้นที่ของเกาะถูกทาลายหรือ ลดลง 50% และจะสูญพันธ์ไปในที่สุดเมื่อเนื้อที่เกาะหายไปจานวน 90%
  • 60.  แนวทางตามความคิดของถิ่นที่อยู่บนเกาะ สามารถนามาประยุกต์ เพื่อ อธิบายในพื้นที่เขตร้อนชื้น( Tropical Rain Forest) • สายพันธ์มีนัยสาคัญที่จะหายไปจากเขตร้อนชื้น เมื่อป่าถูกทาลายและทาให้ถิ่นที่อยู่ แตกออกเป็นเสี่ยงเสี้ยว(Fragmentation) • หากพื้นที่ป่าในเขตร้อนร้อนชื้นของโลกถูกทาลายไปปีละเพียง 1% วิลสัน (Wilson,1989) ประมาณการว่า สายพันธ์จะหายไป 20,000-30,000 สาย พันธ์/ปี หากคาณวนจากพื้นฐาน 10 mio สายพันธ์ หากเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ • พบว่า การสูญหายของสายพันธ์อยู่ที่ 2% และ 11% ต่อรอบ 10ปี
  • 61. Estimate and Method of estimation % Global Loss per decade 10 million sp. Annual Loss 30 million sp. Annual Loss Source 0.2-0.3% annually based on tropical deforestation rate of 1% annually 2-3% 20,000-30,000 60,000-90,000 Wilson (1989, 1993) 2-13% loss between 1990 and 2015 using species area curve and increasing deforestation rates 0.8-5.2% 8,000-52,000 24,000-156,000 Reid (1992) Loss of half the species in the area likely to be deforested by 2015 8.3% 83,000 250,000 Raven (1988) Fitting exponential extinction functions based on IUCN red data books 0.6-5% 6,000-50,000 18,000-150,000 Mace (1994 EXTINCTION ESTIMATES MADE IN THE 1990s
  • 62.  The greatest loss with the longest-lasting effects from the ongoing destruction of wilderness will be the mass extinction of species that provide Earth with biodiversity. Although great extinctions have occurred in the past, none has occurred as rapidly or has been so much the result of the actions of a single species. The extinction rate of today may be 1,000 to 10,000 times the biological normal, or background, extinction rate of 1-10 species extinctions per year. Rhett Butler | Last updated July 22, 2012
  • 63.  กฎของแรบโพพอร์ท(Rappoport’s Rule), ใช้ในการแสดง ความสัมพันธ์ของปัจจัยด้านสภาพอากาศ ระดับพื้นที่วัดจาก ระดับน้าทะเลเป็นต้น ); ความชุกชุมของสายพันธ์(Species Richness)ของพืช และสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามสภาพของระดับความ สูงจากระดับพื้นราบ(altitudes) • ความหลากหลายทางชีวภาพที่ระดับสูงกว่าจะได้รับการเกื้อกูลจากป่าร้อนชื้นในที่ราบ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 6-7% จากพื้นที่ทั้งหมด แต่อาจมีสายพันธ์มากกว่า 50% ของ สายพันธ์ทั้งหมด
  • 64. Costa Rican Trees Venezuela Birds กฎของแรบโพพอร์ท(Rappoport’s Rule
  • 65.  สาเหตุที่ความหลากหลายทางชีวภาพมีการแพร่กระจายไม่เท่ากัน (Uneven Distribution) • เวลา(Time); ช่วงเวลาของการวิวัฒนาการที่ยาวนาน และความรวดเร็วของการ วิวัฒนาการภายใต้สภาวะค่อนข้างคงที่ และสภาพเงื่อนไขที่ดีอันเป็นสาเหตุเบื้องต้นที่ทาให้ เกิดความหลากหลายของสายพันธ์ในเขตร้อน • ผลิตภาพหรือผลิตผล(Productivities); บนพื้นฐานของผลผลิตในเขตร้อนที่มีสูง ทาให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพที่ กว้างขวาง • ฤดูกาล (Seasonality); ,ไม่มีชัดเจนมากนักว่า ฤดูกาลเป็นเงื่อนไขของความ หลากหลายของสายพันธ์แต่มีผลที่ชัดเจนต่อการครอบครองพื้นที่ของสายพันธ์ต่างๆและวิถี การดารงชีวิต(Niches)ของสายพันธ์ • ณ ระดับของพื้นที่ทู่งกว่า สายพันธ์จะมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้ดีกว่า และสามารถครอบครองและอาศัย(Occupying)ในถิ่นที่อยู่อย่างกว้างขวาง • การรบกวนหรือภาวะผิดปกติ(Disturbances) สภาวะการรบกวนหรือชงักงัน จาก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติเช่น ไฟป่า น้าท่วม ไม่ได้ทาให้สายพันธ์ต่างๆชงักงัน แต่ยังคงเกิดความหลากหลายในระดับสูง
  • 66. การจัดกระทาต่อการสูญพันธ์ • การเกิดสภาวะตึงเครียดต่อสายพันธ์ที่กาลังสูญพันธ์ ทาเกิดการสูญเสียสภาวะความ หลากหลายทางชีวภาพ • แม้ว่า ความหลากหลายของชุมชนหรือระบบนิเวศน์ จะถูกทาลาย แต่ในระยะยาว ต้นกาเนิดสายพันธ์ยังคงดารงอยู่ ระบบนิเวศน์ยังมีศักยภาพในการกลับคืนสู่สภาพ เดิมได้ • การเปลี่ยนแปลงภายในสายพันธ์ทาให้จานวนประชากรลดต่าลง แต่สายพันธ์ สามารถเปลี่ยนแปลงกลับคืนมาได้ • เมื่อสายพันธ์หนึ่งสูญพันธ์ ชุมชนอ่อนแอ สารสนเทศทางยีนส์หายไป และมีศักยภาพ เชิงคุณค่าต่อมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ไม่เคยสานึกในคุณค่าเหล่านี้
  • 67. การสูญพันธ์ในรูปแบบต่างๆ (Types of Extinction) • การสูญพันธ์ที่เกิดขึ้นระดับโลก  เป็นการสูญพันธ์ของสายพันธ์ที่ไม่มีจานวนสายพันธ์ดารงอยู่เลยในโลก • การสูญพันธ์ในระดับภูมิภาค  เป็นการสูญพันธ์ของสายพันธ์ในที่หนึ่งแต่อาจพบเห็นในอีกพื้นที่หนึ่งของภูมิภาคโลก • การสูญพันธ์ในระบบนิเวศน์  สายพันธ์สามารถอดทนและยืนหยัดอยู่ได้แต่มีจานวนลดลง ซึ่งมีผลต่อชุมชนที่เล็กมากๆใน ระบบนิเวศน์ 
  • 68. มนุษย์เป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดการสูญพันธ์ • 1ถึง10 ล้านปีมาแล้ว มีสายพันธ์ที่สูญหายไป และมีสายพันธ์ที่กาเนินขึ้นมาใหม่ • 10 ล้านสายพันธ์ เกิดขึ้นบนโลก 1ใน10 ของสายพันธ์บนโลกสูญหายไปเพราะผล จากสภาพธรรมชาติ • ในส่วนหนึ่ง อัตราการสูญพันธ์เพิ่มมากขึ้น จากการกรทาของมนุษย์ • ทุกๆ 10 ปี การสูญพันธ์ของสายพันธ์สัตว์ปีก และแมมมอส จะเกิดขึ้น อัตราการ สูญเสีย คือ 1สายพันธ์ ใน ค.ศ. 1600 ถึง 1700 และสูญเสียสายพันธ์พืช กุหลาบ 1 สายพันธ์ทุกๆ 10 ปีเช่นเดียวกัน นับจากค.ศ. 1850 -1950 • E.O. Willson,( 2007) ประมาณการว่า การสูญเสียสายพันธ์ ในเขตร้อน ชื้นหรือป่าฝน ถึง 27000 สายพันธ์ต่อปี หรือ 74 สายพันธ์ต่อวัน และ 3 ชั่วโมง E.O. Willson
  • 69. • หลายๆสายพันธ์ยังคงไม่มีการสูญพันธ์แต่มีจานวนที่ลดลง เนื่องจากการสูญเสียระบบ นิเวศน์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ชี้แสดงถึงสภาวะการสูญเสียในอนาคตอันสั้น  สภาวะความอ่อนไหวต่อการสูญพันธ์ • เมื่อสภาพแวดล้อมถูกทาลาย ด้วยฝีมือของมนุษย์ จานวนประชากรจะลดขนาดลง หลายๆ สายพันธ์กาลังสูญพันธ์ บางสายพันธ์อยู่ในสภาวะอ่อนไหวหรือเสี่ยงมากได้แก่  สายพันธ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณสภาพภูมิศาสตร์ที่คับแคบ  สายพันธ์ที่เหลือเพียงสายพันธ์เดียวหรือมีจานวนประชากรน้อย  สายพันธ์ที่มีประชากรขนาดเล็ก  สายพันธ์ที่ต้องการบริเวณพื้นที่ที่อาศัยขนาดกว้างใหญ่  สายพันธ์ที่มีขนาดรูปร่างใหญ่โต  สายพันธ์ที่มีอัตราการเพิ่มของประชากรต่า
  • 70.  สายพันธ์ที่ไม่มีศักยภาพในการแพร่พันธ์ได้  สายพันธ์ซึ่งย้ายถิ่นฐาน  สายพันธ์ที่ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการดารงชีวิต( species with Specialized Niche)  สายพันธ์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คงที่  สายพันธ์ที่มาจากถิ่นกาเนิดถาวรหรือชั่วคราว  สายพันธ์ที่ถูกล่าโดยมนุษย์ species with Specialized Nic สายพันธ์ที่มาจากถิ่นกาเนิดถาวรหรือชั่วคราว
  • 71. สาเหตุการสูญพันธ์: การใช้ประโยชน์ส่วนตัว (Exploitation) • กิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษย์ เช่น การล่าเพื่ออุตสาหกรรมการค้า การขยายพื้นที่ การเกษตร การล่าเพื่อเป็นอาหาร หรือเพื่อสนุกทาให้เกิดการลดน้อยลงของสายพันธ์ • การสูญพันธ์ด้วยน้ามือมนุษย์ ทาให้เกิดการสูญพันธ์เป็นจานวนมาก  73 % ของสายพันธ์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม(Mammal)ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ(80% ในอเมริกากลาง) ในยุค ไพลสโตซีน(Pleistocene) สูญพันธ์ ในขณะที่มนุษย์มาจาก เอเชียเมื่อ 10,000ปีมาแล้ว  ในออสเตเรีย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธ์ด้วยอัตราเดียวกัน  สายพันธ์นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่มีเหลืออยู่ในเกาะมาดากาสก้า หลังจากที่มนุษย์ อพยพจากแหลมมาลายา และบริเวณรอบๆแหลมมาลายาเข้าไปอาศัยอยู่เมื่อ 500 ปีก่อน คริสต์ศักราช  การสูญพันธ์ที่เกาะนิวซีแลนด์ก็มีลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อ 1000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
  • 72.  จานวนสายพันธ์อยู่ในสภาพที่มีปัญหา เนื่องจากการล่าและการเก็บเกี่ยว ประโยชน์ของมนุษย์ที่มีมากเกินความจาเป็น • การพัฒนาเครื่องมือการในการล่าสัตว์(อาวุธ) • การล่าเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด • การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน • ความยากจน  ตัวอย่าง เช่น การล่าตัวบีเวอร์ มาทาอาหารในอเมริกาและยุโรป ส่วนหางและเนื้อใช้ทาเสต็ก บีเวอร์
  • 73. • การล่าปลาวาฬ เพื่ออุตสาหกรรมและการค้าโดยเฉพาะในญี่ปุ่น • การประมง • การค้าสัตว์ที่มีชีวิต •การค้าไม้ในเขตร้อน
  • 74.  สาเหตุการสูญพันธ์จากการที่ถิ่นที่อยู่ถูกทาลาย(Habitat Destruction and Degradation) • สาเหตุหลักของการสูญพันธ์เนื่องจากถิ่นที่อยู่ถูกทาลาย เช่น  ผลกระทบด้านลบจากถิ่นที่อยู่ในเขตร้อนชื้นหรือป่าดิบชื้น (tropical Rain Forests) เช่น การตัดไม้ การรุกพื้นที่ป่าเพื่อการเกษตร น้าท่วม  เขตป่าดิบชื้นอาจไม่มีฝนตกหลายเดือนติดต่อกันทาให้เกิดความแห้งแล้งของป่า(Tropical Dry Forest)  ป่าชายเลน อันมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์และอาจถูกทาลายจากมนุษย์(Mangroves)  ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น ส่วนใหญ่ถูกทาลายจากการเข้าทาการเกษตรและเกิดการสูญเสียสายพันธ์อย่างถาวร (Temperate Grassland)  เกาะต่างๆซึ่งเกาะหลายแห่งถูกนาไปใช้ในเชิงเศรษฐกิจทาให้เกิดการทางายสายพันธ์  พื้นที่ชื้นแฉะและทะเลสาบ(Wetland and Lakes) ซึ่งมักจะนาไปใช้ในการสร้างเขื่อน และ ระบบชลประทาน
  • 76. ถิ่นที่อยู่ถูกแบ่งออกเป็นเสี่ยงเสี้ยว ทาให้สายพันธ์ถูกแยกออกจากกันซึ่ง อาจมาจากสาเหตุ • ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่ใช้เป็นถิ่นที่อยู่(Edge Area) • ศูนย์กลางของถิ่นที่อยู่ ใกล้กับพื้นที่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบของถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยว(Fragmentation) • ผลด้านลบ; ขนาดของประชากร และการเคลื่อนย้ายของสายพันธ์  ถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยว ทาให้ขนาดของประชากรลดลง  ถิ่นที่อยู่ที่เป็นเสี่ยงเสี้ยวทาให้เกิดการแตกกระจายของสายพันธ์(Dispersal) การผสม พันธ์ในสายเลือดใกล้ชิดหรือข้ามสายพันธ์(Mating) เกิดกระบวนการสร้างถิ่นที่อยู่ใหม่ (Colonization)  การแตกออกเป็นเสี่ยงของถิ่นที่อยู่ลดความสามารถในการหาอาหารเพื่อดารงชีพ
  • 77.  ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของถิ่นที่อยู่(Edge Effect) • การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายขอบป่าหรือพื้นที่ที่อยู่บริเวณแนวขอบป่าซึ่งเชื่อมโยงกับ พื้นที่ป่าโดยปกติจะเกิดกับพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกทาให้สภาพภูมิอากาศเฉพาะพื้นที่นั้น เกิดการ เปลี่ยนแปลง(Microclimatic) เช่น ได้รับแสงแดดมากกว่าปกติ มีอุณหภูมิที่ แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ • ลมสามารถพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เกิดผลกระทบนี้ได้ง่าย ทาให้เกิดการทาลาย และการระเหยของ น้าบนพื้นผิวดินเกิดสภาวะความแห้งแล้ง และความแห้งของอากาศ • การเกิดสิ่งดังกล่าว อุณหภูมิจะสูงขึ้น ความแห้งของอากาศทาให้เกิดไฟป่าได้ง่าย และอาจ ลุกลาม ไปยังถิ่นที่อยู่ของสายพันธ์ต่างๆซึ่งอยู่รอบๆบริเวณพื้นที่นั้น • และเกิดการรุกรานของสายพันธ์ในถิ่นอื่น หรือสายพันธ์ผู้รุกราน หรือโรคติดต่อ Edge Efect
  • 78. การเสื่อมสลายของถิ่นที่อยู่และการเกิดมลภาวะ(Degradation and Pollution) • การเสื่อมสลายของถิ่นที่อยู่ เช่น ทาให้เกิดสภาพทะเลทราย (Desertification) เกิดไฟป่าได้ง่าย เกิดการสูญเสียหน้าดิน(Erosion) ดินเสื่อมสภาพ(Soil Degradation) • มลภาวะ  เกิดพิษจากสารเคมีตกค้างเนื่องจากการทาการเกษตร  เกิดมลภาวะของน้าที่ปนเปื้ อนสารเคมี  เกิดมลภาวะทางอากาศ  สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง
  • 79.  เหตุแห่งการสูญพันธ์; การย่ายีทางชีวภาพ(Biological Invasion) • การแพร่กระจายจานวนของสายพันธ์ต่างๆจะถูกจากัดลงด้วยไม่สามารถที่จะข้ามอาณาเขต ของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้ จากผลของการเปลี่ยนแปลงแนวขอบชายป่า(Edge Effect) หรือการแยกถิ่นที่อยู่ออกจากกัน • การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางข้ามถิ่นที่อยู่ที่ถูกแยกออกจากกันของสายพันธ์โดย มนุษย์และการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเสียใหม่ • การกระทาของมนุษย์โดยไม่เจตนา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดการสูญพันธ์ เช่น  การปลูกพืชไร่และการปลูกพืชไม้ประดับ(การเกษตร)  การทาปศุสัตว์  การล่าสัตว์เป็นเกมกีฬา  อุบัติเหตุจากการเดินทางไปมาหาสู่กันของสายพันธ์  การทาถิ่นที่อยู่เสียใหม่  การสร้างแหล่งอพยพใหม่  สภาวะโลกร้อน
  • 81. คุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพ • คุณค่าต่อระบบนิเวศน์ (Ecological Value) • คุณค่าด้านจริยธรรม • คุณค่าต่อเศรษฐกิจ คุณค่าต่อระบบนิเวศน์ • คุณค่าต่อระบบนิเวศน์ (Ecological Value)  ก่อให้เกิดความหลากหลายของยีนส์(Genetic Diversity)  ดารงรักษายีนส์ของสายพันธ์ต่างๆและทาให้เกิดวิวัฒนาการที่ซับซ้อน โดย  การถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากรุ่นสู่รุ่นในกรณีเกิดผลกระทบทางลบ  การเลี่ยงการผสมในสายเลือดใกล้ชิด
  • 82.  คุณค่าของระบบนิเวศน์ต่อความหลากหลายของสายพันธ์  การดารงรักษาหน้าที่ของความหลากหลาย ในระบบนิเวศน์ ซึ่งในระบบนิเวศน์หนึ่งๆจะมีสายพันธ์ที่ หลากหลายทาหน้าต่างกัน • ในระบบนิเวศน์ที่มีความหลากหลายสูง เช่น ป่าดิบชื้น ความสัมพันธ์ของสายพันธ์ไม่ สามารถทาหน้าที่แทนกันได้ พืชดอกจะมีหน้าที่ในการถ่ายเกสรแก่พืชดอกในสายพันธ์ เดียวกันเท่านั้น • ความสัมพันธ์ภายในระหว่างสายพันธ์และความมีเสถียรภาพของระบบนิเวศน์ ขึ้นอยู่กับ  จานวนที่คงที่ของสายพันธ์หรือของจานวนสายพันธ์แต่ละสายพันธ์  ความสามารถของระบบนิเวศน์ต่อการดารงรักษาหรือการกลับเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่หลังจากถูกขัดขวาง หรือถูกทาลาย  แนวคิดที่สองถือว่า ระบบนิเวศน์ที่มีจานวนสายพันธ์ต่าสามารถจัดให้เป็นระบบนิเวศน์ที่มีเสถียรภาพ ได้
  • 83. • คุณค่าของระบบนิเวศน์ต่อ ประชากรหรือความหลากหลายของระบบนิเวศน์  ชุมชนหรือความหลากหลายของระบบนิเวศน์ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการดารงรักษาสิ่งต่อไปนี้ ในขอบเขตที่กว้าขวาง  ความหลากหลายของยีนส์(Genetic Diversity)  ความหลากหลายของสายพันธ์(Species Diversity) • ระบบนิเวศน์จะทาให้เกิดและดารงรักษา ความหลากหลายของยีนส์และสายพันธ์ ทั้งนี้ สายพันธ์ต่างๆ ต่างมีหน้าที่ในระบบนิเวศน์ • ดังนั้น จึงจาเป็นต้องรักษาความหลากหลายของสายพันธ์ในระบบนิเวศน์และในกลุ่ม ประชากรของสายพันธ์ให้นานที่สุด
  • 84. คุณค่าทางจริยธรรม(Ethical Values) • จริยธรรม ความหมาย  ปรัชญาของคุณธรรม;เป็นระบบหรือ ทฤษฎีของคุณค่าทางคุณธรรมหรือเป็นหลักการ  จริยธรรมด้านสิ่งแวดล้อมจะเกี่ยวข้องกับคาถามที่ว่า การแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดหรือ ถูก ต่อการเห็นคุณค่าต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์และสิ่งแวดล้อม • ข้อโต้แย้งด้านจริยธรรม  ข้อโต้แย้งของ สตีเวิร์ดชิพ(Stewardship, 2014.Wikipedia, the free encyclopedia) ด้านการใช้ทรัพยากร  ไม่ควรใช้ให้ทรัพยากรที่มีอยู่ไปในทางที่ไร้ประโยชน์ แต่ควรนามาใช้ประโยชน์โดยคานึงถึงอนาคต ข้างหน้า(ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน)
  • 85. o ข้อโต้แย้งของ เออเนส รีแนน(Ernest Renan,1982) ด้านสิทธิในการดารงอยู่ร่วมกัน (Right to Exist)  สายพันธ์ต่างๆและระบบนิเวศน์ มีคุณค่าในตัวเอง ซึ่งมีอิสระสาหรับคุณค่าของการใช้ประโยชน์ที่ คุ้มค่าของตนเพื่อมนุษย์ และนี่คือสิทธิการดารงอยู่ร่วมกัน(Deep Ecology, 2012. Wikipedia, the free encyclopedia)  สายพันธ์และระบบนิเวศน์ ถูกสร้างโดยพระเจ้า ดังนั้นจึง มีความศักดิ์สิทธิ์และมีสิทธิในการดารงอยู่  คาว่า คุณค่าของธรรมชาติ คือ “ต้นกาเนิดอันบริสุทธิ์” ข้อโต้แย้งภายใต้แนวคิดนี้เสนอว่า  ธรรมชาติทั้งมวล หรืออย่างน้อยส่วนหนึ่งของธรรมชาติควรได้รับถนุถนอมเนื่องจากแนวคิดต้นกาเนิดอัน บริสุทธิ์ เห็นว่า  เพราะ สิ่งดังกล่าว มีคุณค่าทางจริยธรรม (Ethic Value)  เพราะสิ่งดังกล่าว มีคุณค่าทางจิตวิญญาณเนื่องจากเป็นการดลบันดาลจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ (Inspirational Value)  ธรรมชาติก่อกาเนิดจากพระเจ้า(Embodiment of God)  ธรรมชาติเป็นที่ๆซึ่งให้มนุษย์อาศัยอยู่
  • 86. • คุณค่าทางวิทยาศาสตร์  ระบบนิเวศน์มีคุณค่าต่อการศึกษาด้านธรรมชาติ แนวคิดนี้ เกี่ยวข้องต่อการศึกษาและการเสนอ แนวทางในการปกป้องพื้นที่ทางธรรมชาติอย่างมาก  เป็นคุณค่าที่สร้างจากความรู้สึก อารมณ์ และความงดงาม ซึ่งเป็นสุนทรียภาพ  คุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพต่อคุณค่าทางเศรษฐกิจ • มีคุณค่าต่อการให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ คุณค่าทางการตลาดและการเป็นทรัพยากร • มีคุณค่าด้านทรัพยากรในตัวมันเอง • คุณค่าต่ออนาคตของทรัพยากร  คุณค่าทางเศรษฐกิจแบ่งเป็น • คุณค่าโดยตรง หรือคุณค่าทางการค้า(Direct Values or Commodity Values) • คุณค่าโดยอ้อม(Indirect Values)
  • 87.  คุณค่าโดยตรง หรือคุณค่าทางการค้า(Direct Values or Commodity Values) • ทาให้เป็นผลผลิตซึ่งถือเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้โดยตรงของมนุษย์ ได้แก่  คุณค่าในการใช้บริโภค แบ่งเป็น  ผลิตเพื่อการบริโภคเฉพาะในท้องถิ่น ไม่สามารถนาผลผลิตออกสู่ตลาดได้ เช่น ถ่านจากไม้ เนื้อสัตว์ป่า เป็นต้น  ผลิตเพื่อการบริโภคของผู้บริโภคทั่วไป ผลิตเพื่อออกสู่ตลาดผู้บริโภค ทั้งในท้องถิ่นและตลาดในระดับ อื่นๆ  คุณค่าด้านการใช้ผลผลิต (Productive Use Value)  ผลผลิตจะเก็บเกี่ยวจากแหล่งต่างๆไปสู่ตลาดการค้า ผลผลิตจะมีคุณค่าในด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยน เมื่อผลผลิตเหล่านี้เข้าสู่ตลาดการค้า
  • 88.  คุณค่าโดยอ้อม(Indirect Values) • พิจารณาจากลักษณะของความหลากหลายที่เกิดจากระบบชีวภาพ เช่น กระบวนการของ สิ่งแวดล้อม กระบวนการของระบบนิเวศน์ซึ่งให้ประโยชน์ ด้านเศรษฐกิจ และประโยชน์ อื่นๆแก่มนุษย์ ได้แก่  คุณค่าที่ไม่ใช่การบริโภค  การบาบัดน้าเสีย  การป้องการดินเสื่อม  การฟื้ นฟูสภาพอากาศ  การขจัดคาร์บอนไดออกไซด์  การกาจัดของเสีย  การนาความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธ์มาใช้ประโยชน์ เช่น การผสมเกสร การกระจายเมล็ดพันธ์ (Seed dispersers) การใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตในดิน เป็นต้น  การนาประโยชน์ของระบบนิเวศน์มาสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว  การใช้คุณค่าเพื่อการศึกษา
  • 89. • ทางเลือกของคุณค่า  เป็นการนาศักยภาพของสายพันธ์มาใช้ประโยชน์ ซึ่งแล่งเป็น ด้านเศรษฐกิจและประโยชน์ ด้านอื่นๆ ในอนาคต ทางเลือกเชิงคุณค่าของสายพันธ์ดังกล่าว ได้จากการค้นพบสิ่งที่เป็น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากสายพันธ์ที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะใช้ประโยชน์จากสายพันธ์ แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นด้าน อาหาร และยารักษาโรค และวัคซีนป้องกันโรค • คุณค่าต่อการดารงอยู่ (Existence Values)  เป็นจิตสานึกของมนุษย์ต่อการกระทาให้สายพันธ์ ชุมชน ภูมิทัศน์หรือภูมิประเทศที่สายพันธ์ อาศัย ดารงอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการลงทุนด้านค่าใช้จ่ายเท่าใดก็แล้วแต่