More Related Content
Similar to หลักพยาธิบ.7ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
Similar to หลักพยาธิบ.7ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (20)
More from pop Jaturong (20)
หลักพยาธิบ.7ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- 2. 1. Aplasia หรือ Agenesis หมายถึง การผิดปกติเกี่ยวกับ
การเจริญเติบโตหรือไม่มีการพัฒนาขึ้นมาของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ
อย่างใดอย่างหนึ่ง
2. Hypoplasia หมายถึง การที่อวัยวะหนึ่งไม่เจริญเติบโตขึ้นมา
ได้ขนาดปกติในระยะเวลาอันควร
3. Atrophy หมายถึง การที่อวัยวะหนึ่งอวัยวะใดหลังเกิดมาแล้ว
มีขนาดปกติ แต่ภายหลังมีขนาดเล็กลงไปกว่าปกติ
- 3. 4. Hypertrophy and Hyperplasia
- Hypertrophy หมายถึง การที่อวัยวะหรือเนื้อเยื่อใหญ่ขึ้น
เพราะ เชลล์ที่เป็นส่วนประกอบมีขนาดใหญ่ขึ้น
- Hyperplasia หมายถึง การที่อวัยวะหรือเนื้อเยื่อใหญ่ขึ้น
เพราะ มีจานวนเชลล์ที่เป็นส่วนประกอบมีจานวนมากขึ้น
- 5. 6. Dysplasia
Dysplasia หมายถึง การเปลี่ยนแปลงทั้งขนาด รูปร่าง และ
orientation ของ epithelial cell สาเหตุมักเกิดจาก
chronic irritation or inflammation เช่น
dysplasia ของ cervix epithelium ซึ่งต่อไปอาจ
กลายเป็นมะเร็ง (cancer cells) ได้
- 6. คาว่า neoplasm แปลว่าเนื้องอกหรือมะเร็งมาจากรากศัพท์
ภาษากรีก คาว่า neo แปลว่าใหม่และ plassein แปลว่าสร้าง
ขึ้น ดังนั้น neoplasm จึงหมายถึงเนื้อที่เกิดขึ้นใหม่ ส่วนคาว่า
tumour แปลว่า ก้อนทูมหรือก้อนเนื้อที่โตขึ้นมา(swelling)
แต่คาว่า tumour อาจมีความหมายเป็นเนื้องอกจริงๆ
(neoplasm) หรือก้อน hyperplasia หรือฝี
(abscess) ก็ได้
- 7. เนื้องอก(neoplasm)หมายถึง ก้อนเนื้อ (Tumor) ที่มีการ
เจริญเติบโตเร็วผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย การ
เจริญเติบโตไม่สัมพันธ์กับเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียงและเมื่อกาจัด
สาเหตุออกไปแล้ว ก้อนเนื้อยังสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีก
มะเร็ง (Cancer)หมายถึง เซลล์เนื้อร้าย ที่เจริญเติบโตผิดปกติ
แผ่แทรกซึม เบียดเข้าไปในเซลล์ดีที่อยู่รอบด้าน ไม่อยู่ในระเบียบ
แบบแผนของร่างกายกินเข้าไปในหลอดโลหิตและน้าเหลือง กระจาย
ไปทั่วอวัยวะอื่น ๆ
- 8. 1. Intrinsic factors
1.1 พันธุกรรม (Heredity)
1.2 อายุ
1.3 เพศและฮอร์โมน
1.4 Immunologic factors
2. Extrinsic factors
2.1 ทางฟิสิกส์ (Physical factors)
2.2 สารเคมี (Chemical agents)
- 9. 2.2.1 สาร carcinogenic hydrocarbons
2.2.2 สาร aromatic amines
2.2.3 สารก่อมะเร็งที่พบปนเปื้อนในพืชอาหารสัตว์ เช่น
aflatoxins
2.3 สิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
2.3.1 metazoan parasites
2.3.2 viruses
- 10. 1. Epithelial tumor เป็นเนื้องอกที่เจริญมาจาก
Epithelial cell เช่น
1.1. Benign
1.1.1. Papilloma (squamous epithelium)
1.1.2.Adenoma (glandular epithelium)
1.2. Malignant
1.2.1. Carcinoma (squamous or
glandular epithelium)
- 12. 3. Dermoid cyst tumor เป็น congenital
tumor พบเป็นถุง cyst อยู่ใต้ผิวหนัง และบางครั้งพบที่รังไข่
หรืออัณฑะ ผนัง cyst เรียงกันด้วย stratified
squamous epitheliam ภายใน cyst ประกอบด้วยขน
ต่อมใต้หนังและบางครั้งอาจมีฟันปนด้วย
4. Teratoma เป็น congenital tumor ซึ่งมักพบตาม
แนว midline ของลาตัว เช่น พบที่ ovary หรือ testis มัก
พบในสัตว์อายุน้อย เนื้องอกประกอบด้วย
parenchymatous cell ที่มาจากทั้ง ectoderm และ
mesoderm
- 13. 1. เนื้องอกเซลล์บุผิว ชนิดของเนื้องอกแล้วต่อท้ายด้วย –
oma เช่น Adenoma, Papilloma เนื้องอกชนิด
ร้ายแรงให้เรียกว่า Carcinoma (มะเร็ง) แล้วใส่
ลักษณะและตาแหน่งของเนื้องอกขยายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
Adenocarcinoma of colon หรือ
Papillary carcinoma of thyroid เป็นต้น
- 15. 3. เนื้องอกเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อมดลูก เนื้องอกธรรมดา เช่น
Leiomyoma, เนื้องอกชนิดร้ายแรง เช่น
Leiomyosarcoma เป็นต้น
4. เนื้องอกเนื้อเยื่อประสาท เนื้องอกธรรมดา เช่น
Neurofibroma เนื้องอกชนิดร้ายแรง เช่น
Neurofibrosarcoma เป็นต้น
5. เนื้องอกของเม็ดเลือด เนื้องอกชนิดร้ายแรง เช่น
Leukemia เป็นต้น
* ยกเว้น Lymphoma คือ มะเร็งต่อมน้าเหลือง
- 16. 1.ลักษณะที่เห็นด้วยตาเปล่า (gross lesion of tumur)
1.1. ขนาด
- ขนาด โดยมากเนื้องอกจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าในลักษณะของ
การเป็นก้อน (discrete tumur) ยื่นออกมาจากเนื้อปกติ
หรือแทรก (infiltrative tumur) อยู่ภายในเนื้อเยื่อปกติ
ขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของเนื้องอกนั้นๆ
- 17. 1.2. รูปร่าง มีรูปร่างต่างๆ กันไปแล้วแต่ชนิดของเนื้องอก
1.3. สี เนื้องอกโดยทั่วไปมีสีต่างๆกัน แล้วแต่ชนิดของเนื้องอก
1.4. ความแน่น (consistency) โดยทั่วไปเนื้องอกมี
ความแน่นมากกว่าเนื้อปกติ
1.5. หน้าตัด ( cut surface) หน้าตัดของเนื้องอกอาจเรียบ
หรือนูน (bulgy surface)
- 18. 2.1. Sheets of cell มี stromal cell น้อยมาก แบ่งตัว
รวดเร็ว รูปร่างของเซลล์คล้ายๆกันและอยู่ชิดติดกัน ขอบเซลล์ไม่ชัดเจน
ดูเหมือนเป็นกลุ่ม nucleus มาเรียงกัน เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว
lymphosacoma และ มะเร็งของอัณฑะ(seminoma)
2.2. acinar arrangement เซลล์มะเร็งประกอบกันเป็นรูป
ต่อมกลมหรือรี เล็กหรือใหญ่ก็ได้ เช่น มะเร็งของต่อมไทรอยด์และเต้านม
2.3. nests of cells เป็นลักษณะของมะเร็งต่อมไร้ท่อ
เซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็ว อยู่ชิดติดกันจนเป็นกลุ่มก้อนของเซลล์มะเร็ง แต่
ล้อมรอบด้วยเยื่อค้าจุน(connective tissue)บางๆ เช่น มะเร็ง
ของ adrenal gland เป็นต้น
- 19. 2.4. tubular arrangement เป็นส่วนของกลุ่ม
เซลล์มะเร็งที่เจริญรวดเร็วและเป็นลิ่มหรือกลุ่มของเซลล์เข้าไปใน
เนื้อเยื่อข้างเคียงเหมือนก้ามปูรอบตัวปู
2.5. palisading pattern เซลล์เรียงตัวขนานกันไป
บนเยื่อค้าจุนบางๆ คล้ายกับรั้วที่ทาด้วยไม้ปักเป็ นซี่ขนานกัน เช่น
พวกเนื้องอกของ sertoli cell tumor