More Related Content
Similar to การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ 6.1
Similar to การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ 6.1 (20)
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ 6.1
- 4. นักประวัติศาสตร์ได้แบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ออกเป็น
2 สมัย โดยอาศัยหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเกณฑ์ใน
การแบ่ง ได้แก่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่
รู้จักใช้ตัวหนังสือในการเล่าเรื่องราว และสมัยประวัติศาสตร์ เป็น
ช่วงเวลาที่มนุษย์ใช้ตัวหนังสือในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในสังคม
- 6. 1.1 สมัยก่อนประวัติศาสตร์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการ
ประดิษฐ์ตัวอักษรขึน้ใช้ จึงยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็น
ลายลักษณ์อักษร ดังนั้น การศึกษาเรื่องราวของมนุษย์สมัย
ก่อนประวัติศาสตร์ จึงต้องอาศัยการวิเคราะห์และตีความจากหลักฐาน
ทางโบราณคดีที่ค้นพบ เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับที่ทาจาก
หิน โลหะ และโครงกระดูกมนุษย์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ยุค คือ ยุคหินและ
ยุคโลหะ
- 9. 1.ยุคหินเก่า (2,500,000 – 10,500 ปีมาแล้ว) มนุษย์ในยุคนี้
เริ่มทาเครื่องมือเครื่องใช้ด้วยหินอย่างง่ายก่อน เมื่อเวลาผ่านไปก็
สามารถดัดแปลงให้เหมาะกับการใช้งานเครื่องมือหิน สามารถแบ่ง
เครื่องมือยุคหินเก่าออกได้เป็น 3 ช่วง คือ
ยุคหินเก่าตอนต้น (2,500,000 – 108,000 ปี
มาแล้ว) เครื่องมือเครื่องใช้ทาด้วยหิน มีลักษณะเป็นขวานกะเทาะ
แบบกาปั้น
ยุคหินเก่าตอนกลาง (108,000 – 49,000 ปี
มาแล้ว) เครื่องมือเครื่องใช้ทาด้วยหิน มีลักษณะแหลมคม มีด้ามยาว
- 10. ยุคหินเก่าตอนปลาย ( 49,000 – 10,500 ปีมาแล้ว)
เครื่องมือเครื่องใช้มีความหลากหลายกว่ายุคก่อน ได้แก่ เครื่องมือ
เครื่องใช้ที่ทาจากหินและกระดูกสัตว์โดยการแกะสลัก
- 15. 2.ยุคหินกลาง (10,500 – 10,000 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่
มนุษย์รู้จักทาเครื่องจักสาน ตลอดจนการนาสุนัขมาเลีย้งเป็นสัตว์เลยี้ง
เริ่มมีการปลูกพืช แต่อาชีพหลักของมนุษย์ยังคงเป็นการล่าสัตว์
และยังร่อนเร่ไปตามแหล่งที่อุดมสมบูรณ์
มีการประดิษฐ์หินกะเทาะที่
ประณีตขึน้
- 16. 3.ยุคหินใหม่ (10,000 – 4,000 ปีมาแล้ว) มนุษย์ในยุคนีอ้าศัย
อยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์จากสังคมล่าสัตว์
เป็นสังคมเกษตรกรรม และตัง้หลักแหล่งตามบริเวณลุ่มแม่นา้
ยุคหินใหม่เป็นยุคเกษตรกรรม พืชเพาะปลูกที่สาคัญในยุคนี้คือ
ข้าว
- 22. 1.ยุคสาริด (4,000 – 2,700 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จัก
ใช้โลหะสาริด สาริดเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก
เครื่องมือเครื่องใช้ในยุคสาริดที่พบตามแหล่งต่างๆ นอกจากทา
ด้วยสาริดแล้ว ยังพบเครื่องมือเครื่องใช้ทาจากดินเผา หิน และแร่ และ
เครื่องประดับ
ในยุคนี้ความเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งด้าน
การเมืองและสังคม ชุมชนเกษตรกรรมขยายตัวจนกลายเป็นชุมชน
เมือง
- 29. 2.ยุคเหล็ก (2,700 – 2,000 ปีมาแล้ว) เริ่มต้นจากพัฒนาทางด้าน
เทคโนโลยีการผลิตโลหะของมนุษย์ที่สามารถหลอมโลหะประเภทเหล็ก
ขึน้มาทาเครื่องมือเครื่องใช้ได้ เหล็กมีความแข็งแรงและทนทานกว่าสาริด
มาก
แหล่งอารยธรรมแรกที่สามารถผลิตเหล็กได้คือ แหล่งอารยธรรมเมโส
โปเตเมีย
เครื่องมือเครื่องใช้ที่มนุษย์
ในยุคเหล็กได้ประดิษฐ์ขึน้
- 32. 1.2 สมัยประวัติศาสตร์
มีตัวอักษรสาหรับใช้ในการจดบันทึก
การศึกษาประวัติศาสตร์สากลมีความแตกต่างระหว่าง
การศึกษาประวัติศาสตร์ตะวันออก แบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
ตามช่วงเวลาของแต่ละราชวงศ์ หรือศูนย์กลางอานาจเป็นเกณฑ์
ในขณะที่ประวัติศาสตร์ตะวันตก แบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
ตามเหตุการณ์สาคัญทางประวัติศาสตร์
- 36. 1)ประวัติศาสตร์จีนสมัยโบราณ ช่วงเวลาการเริ่มต้นจาก
รากฐานอารยธรรมจีน ตัง้แต่สมัยประวัติศาสตร์ที่มีการสร้างสรรค์
วัฒนธรรมหยางเซา วัฒนธรรมหลงซาน อันเป็นวัฒนธรรม
เครื่องปั้นดินเผาและโลหะสาริด
ต่อมาเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ ราชวงศ์ต่าง ๆ ได้ปกครอง
ประเทศ ได้แก่ ราชวงศ์เซียะ และราชวงศ์ชาง (1,570-1,045 ปีก่อน
คริสต์ศักราช) เป็นช่วงเวลาที่จีนเริ่มก่อตัวเป็นรัฐที่มีรากฐานการ
ปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม ในสมัยนีมี้การใช้ตัวอักษรจีนโบราณ
เขียนลงบนกระดองเต่า
- 39. ต่อมาก็เป็นราชวงศ์โจว (1,045-256 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ซึ่งแบ่งออกเป็นราชวงศ์โจวตะวันตก และราชวงศ์โจวตะวันออก
เมื่อราชวงศ์โจวตะวันออกเสื่อมลง เกิดสงครามระหว่าง
เจ้าผู้ครองรัฐต่าง ๆ ในที่สุดรัฐฉิน ได้รวบรวมประเทศก่อตัง้ราชวงศ์
ฉิน(221-206 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
และสมัยราชวงศ์ฮั่น202 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.220)
เป็นสมัยที่รวมศูนย์อานาจจนเป็นจักรพรรดิ
- 41. ก่อนที่จะมีการรวมประเทศในสมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581 –
ค.ศ. 618) และสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907) ช่วงเวลา
นีป้ระเทศจีนเจริญรุ่งเรืองสูงสุดก่อนที่จะแตกแยกอีกครัง้ในสมัย
เรียกว่า ห้าราชวงศ์กับสิบรัฐ (ค.ศ. 907 – ค.ศ. 979)
ต่อมาสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960 – ค.ศ. 1279) สามารถ
รวบรวมประเทศจีนได้อีกครั้ง และมีความเจริญรุ่งเรืองทาง
ศิลปวัฒนธรรม จนกระทั่งชาวมองโกลสามารถยึดครองประเทศ
จีนและสถาปนาราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1260 – ค.ศ. 1368)
- 42. 3)ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่เริ่ม
ใน ค.ศ. 1368 เมื่อชาวจีนขับไล่พวกมองโกลออกไป แล้วสถาปนา
ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 – ค.ศ. 1644) ขึน้ปกครองประเทศจีน และ
ถูกโค่นล้มอีกครัง้โดยราชวงศ์ซิง (ค.ศ. 1664 – ค.ศ. 1911)
ในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ชิงเป็นเวลาที่ประเทศจีนถูกคุกคาม
จากชาติตะวันตก และจีนพ่ายแพ้แก่อังกฤษในสงครามฝิ่น (ค.ศ.
1839 – ค.ศ. 1842) จนสิน้สุดราชวงศ์ใน ค.ศ. 1911
สงครามฝิ่น
- 43. 4) ประวัติศาสตร์จีนสมัยปัจจุบัน ประวัติศาสตร์จีนสมัย
ปัจจุบันเริ่มต้นใน ค.ศ. 1911 เมื่อจีนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบสาธารณรัฐโดย ดร.
ซุน ยัตเซน (ค.ศ. 1911 – ค.ศ. 1949) ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์ได้
ปฏิวัติและได้ปกครองจีน จึงเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบ
คอมมิวนิสต์ ตัง้แต่ ค.ศ. 1949 จนถึงปัจจุบัน
ดร.ซุน ยัตเซน
- 45. ช่วงเวลาการวางพืน้ฐานของอารยธรรมอินเดีย เริ่มตั้งแต่
สมัยอารยธรรมลุ่มแม่นา้สินธุ โดยมีพวกดราวิเดียน เมื่อ 2,500 ปี
ก่อนคริสต์ศักราชจนกระทั่งอารยธรรมแห่งนีล้่มสลายลงเมื่อ
1,500 ปีก่อนคริสต์สักราชเมื่อชนชาวอารยันอพยพเข้ามาตัง้
ถิ่นฐานและก่อตัง้อาณาจักรหลายอาณาจักรในภาคเหนือของ
อินเดีย นับว่าเป็นช่วงเวลาที่การเริ่มสร้างสรรค์อารยธรรมอินเดีย
ที่แท้จริง มีการก่อตัง้ศาสนาต่าง ๆ เรียกว่า สมัยพระเวท (1,500
– 900 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
- 46. 1) ประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ เริ่มต้นในสมัยมหากาพย์
(900 – 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ต่อมาอินเดียรวมตัวกันในสมัย
ราชวงศ์มคธ (600 – 322 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และมีการรวม
ตัวอย่างแท้จริงในสมัยราชวงศ์ เมารยะ (322 - 184 ปีก่อน
คริสต์ศักราช ) ระยะเวลานี้เป็นเวลาที่อินเดียเปิดเผยแผ่
พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนต่าง ๆ
เปิดเผยแผ่
พระพุทธศาสนาไปยัง
ดินแดนต่าง ๆ
- 48. 2) ประวัติศาสตร์อินเดียสมัยกลาง อินเดียเข้าสู่สมัย
กลาง ค.ศ. 535 – ค.ศ. 1526 สมัยนีเ้ป็นช่วงเวลาของความ
วุ่นวายทางการเมือง และการรุกรานจากต่างชาติ โดยเฉพาะชาว
มุสลิม สมัยกลางจึงเป็นสมัยที่อารยธรรมมุสลิมเข้ามามีอิทธิพล
ในอินเดีย สมัยกลางแบ่งได้เป็นสมัยความแตกแยกทางการเมือง
(ค.ศ. 535 – ค.ศ. 1200) และสมัยสุลต่านแห่งเดลลี (ค.ศ. 1200
– ค.ศ. 1526)
- 49. 3) ประวัติศาสตร์อินเดียสมัยใหม่พวกมุคัลได้ตัง้ราชวงศ์มุคัล
ถือว่าสมัยมุคัล (ค.ศ. 1526 – ค.ศ. 1858) เป็นการเริ่มต้นสมัยใหม่
จนกระทงั่อังกฤษเข้าปกครองอินเดียโดยตรงใน ค.ศ. 1858 จนถึง ค.ศ.
1947 อินเดียจึงได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ อินเดียจึงเข้าสู่ยุค
สมัยประวัติศาสตร์ปัจจุบัน
มหาตมะ
คานธี
ยาวราลห์
เนห์รู
มหาตมะ คานธี และ เยาวราลห์
เนห์รู เป็นผู้นาเรียกร้องเอกราช
มหาตมะ คานธี ใช้หลักอหิงสา
(ความไม่เบียดเบียน ความ
สงบ) ในการเรียกร้องเอกราช
จนประสบความสาเร็จ
- 51. 4) ประวัติศาสตร์อินเดียสมัยปัจจุบัน ภายหลังจากที่อินเดียได้รับ
เอกราชจาประเทศอังกฤษ ภายหลังได้รับเอกราชและถูกแบ่งออกเป็น
ประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ
อย่างไรก็ตามสมัยที่วัฒนธรรมมุสลิมเข้ามามีอิทธิพลในอารย
ธรรมอินเดียเรียกรวมว่า สมัยมุสลิม (ค.ศ. 1200 – ค.ศ. 1858)
หมายถึง รวมสมัยสุลต่านแห่งเดลฮีกับสมัยราชวงศ์มุคัล
- 54. 1. ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ (3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช
– ค.ศ. 476) เริ่มเกิดขึน้เป็นครัง้แรกบริเวณดินแดนเมโสโปเตเมีย
แถบลุ่มแม่นา้ไทกริส-ยูเฟรทีส อารยธรรมในสมัยนี้ได้แก่ อารยธรรม
เมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์โบราณ อารยธรรมกรีก และอารย
ธรรมโรมัน
สมัยโบราณ ในประวัติศาสตร์ตะวันตก เริ่มต้นเมื่อ3,500 ปี
ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อารยธรรมเมโสโปเตเมีย และ
อารยธรรมอียิปต์ ซึ่งเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จนถึงค.ศ.
476 เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ
ของชาติตะวันตกจึงสิน้สุดลง
- 57. 2. ประวัติศาสตร์สมัยกลาง (ค.ศ. 476-ค.ศ. 1453) ช่วงเวลา
สมัยกลางนีเ้ป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมตะวันตกจาก
อารยธรรมโรมันไปสู่อารยธรรมคริสต์ศาสนา เป็นสมัยที่ตะวันตกได้รับ
อิทธิพลอย่างมากจากคริสต์ศาสนา ทัง้ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ
สังคม และศิลปวัฒนธรรม นอกจากนีสั้งคมสมัยกลางยังมีลักษณะเป็น
สังคมในระบบฟิวดัล หรือสังคมระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ที่ขุนนางมี
อานาจครอบครองพืน้ที่ โดยประชาชนส่วนใหญ่มีฐานะเป็นข้าติดที่ดิน
และดารงชีวิตอยู่ในเขตแมเนอร์ ของขุนนาง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของ
สังคมสมัยกลาง
- 59. นอกจากนีใ้นสมัยกลางนีไ้ด้เกิดเหตุการณ์สาคัญ คือ สงคราม
ครูเสด ซึ่งเป็นสงครามความขัดแย้งระหว่างคริสต์ศาสนากับศาสนา
อิสลาม ที่กินเวลาเกือบ 200 ปี เป็นผลให้เกิดการค้นหาเส้นทางการค้า
ทางทะเลและวิทยาการด้านอื่นๆ ตามมา
สมัยกลางสิน้สุดใน ค.ศ. 1453 เมื่อพวกออตโตมันเตอร์
สามารถยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลของจักรวรรดิโรมันตะวันตกได้ แต่
นักประวัติศาสตร์บางท่านใช้ ค.ศ.1492 เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ค้นพบทวีปอเมริกาเป็นปีสิน้สุดสมัยกลาง
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
- 60. 3. ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (ค.ศ. 476-ค.ศ. 1453) เป็นสมัยของ
ความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวิทยาการของอารยธรรมตะวันตก ทัง้ด้าน
การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อารยธรรมสมัยใหม่เป็นรากฐานสาคัญของ
อารยธรรมตะวันตกในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เป็นช่วงที่มีการสารวจเส้นทางเดินเรือทะเล
เพื่อการค้ากับโลกตะวันออก และการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ เริ่มตั้งแต่สมัย
ฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance คริสต์ศตวรรษที่ 15-17) ซึ่งเป็นช่วงสมัยที่
ความเจริญทางวิทยาการต่างๆเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว
- 62. เข้าไปสู่ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ (คริสต์วรรษที่ 16-18)
ยุคภูมิธรรมหรือยุคแห่งการรู้แจ้ง (คริสต์วรรษที่ 17-18) สมัยประชาธิปไตย
( คริสต์วรรษที่ 17-19) สมัยชาตินิยม (ค.ศ. 1789-1918) สมัยจักรวรรดินิยม
(ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 – สงครามโลกครัง้ที่ 1 ) และสมัยสงครามโลก
( ค.ศ. 1914 – 1945) การแผ่ขยายอานาจของยุโรปในสมัยใหม่ทาให้เกิดความ
ขัดแย้งก่อให้เกิดสงครามโลกครัง้ที่ 1 และสงครามโลกครัง้ที่2 ประวัติศาสตร์
สมัยใหม่สิน้สุดลงเมื่อ ค.ศ. 1945 เมื่อสงครามโลกครัง้ที่ 2 ยุตลิง
สงครามโลกครัง้ที่
1 และ 2
- 63. 4. ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน (ค.ศ. 1945 – ปัจจุบัน)
สมัยหลังปัจจุบันเป็นช่วงสงครามโลกครัง้ที่ 2 ซงึ่มีผลกระทบรุนแรง
ทวั่โลก และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัง้ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
การปกครองต่อสังคมโลกในปัจจุบัน