More Related Content
Similar to ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
Similar to ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน (20)
More from Princess Chulabhon's College Chonburi
More from Princess Chulabhon's College Chonburi (20)
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
- 1. จัดทำโดย : ครูอรวรรณ เสืออ่วม
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย 3 รหัสวิชา ส22103
ชื่อ................................................................................................................................ห้อง..............เลขที่.............
ในการประเมินหลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น นักเรียนควรทาความเข้าใจ
เกี่ยวกับความสาคัญของการประเมินหลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และตัวอย่าง
การประเมินหลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากหลักฐานที่ยกมาให้ศึกษาจนเกิดความเข้าใจ
ข้อมูลที่มีการค้นคว้ามาจากหลายแหล่ง ใช้หลักฐานที่มีบุคคลหลายฝ่ายเขียนถึง หรือแม้แต่มาจาก
แหล่งเดียว ต้องมีประเมินคุณค่าของหลักฐาน คือ แยกแยะในส่วนที่เป็นความจริง ข้อเท็จจริง ความเห็นของ
ผู้บันทึก ประเมินความสาคัญของข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ เช่น สาเหตุ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลที่เกิดขึ้นทั้ง
ระยะสั้น และระยะยาว เป็นต้น
สาหรับความสาคัญของการประเมินหลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีดังต่อไปนี้
1. เพื่อแยกข้อมูลในส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงจากหลักฐานกับความคิดเห็นของบุคคล
2. เพื่อแยกข้อมูลที่มีข้อเท็จจริงตรงกัน สนับสนุนกันกับข้อมูลที่แตกต่างชนิดกัน
3. เพื่อแยกข้อมูลที่ต่อเนื่อง ที่เป็นความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
1. เพื่อจัดรวบข้อมูลที่เป็นเรื่อง เป็นประเด็น หรือเป็นหัวข้อเดียวกันไว้ด้วยกัน ทั้งที่เป็น
ข้อมูลสนับสนุนและขัดแย้ง แตกต่าง เพื่อความสะดวกในการนาเสนอ
2. เพื่อจัดลาดับเหตุการณ์ ความต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงข้อมูล เพื่อความสะดวกใน
การนาเสนอ
3. เพื่อจัดรวมความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งเป็นผลจากการอ่าน ค้นคว้าข้อมูลจากหลักฐานต่าง ๆ
เพื่อจะได้นาเสนอต่อไป
- 2. จัดทำโดย : ครูอรวรรณ เสืออ่วม
“กรุงศรีอยุธยาจึงเป็นสถานที่ที่ผู้คนเดินทางเข้ามาค้าขายทั้งโดยทางบกและทางน้า มีชาติต่าง
ๆ จากเอเชียและพวกพ่อค้าคริสเตียน... พระเจ้าแผ่นดินและพระอนุชาของพระองค์ทรงส่งเรือลาหนึ่ง
บรรทุกสินค้ามีค่าผ่านตะนาวศรีไปยังโจฬะมณฑลทุกปี ทั้งทรงส่งไปยังกวางตุ้ง กับทรงส่งเรือสาเภา
2 ลา หรือ 3 ลา ไปยังที่อื่น ๆ ในประเทศจีน...”
ที่มา : รวมบันทึกประวัติศาสตร์อยุธยาฟาน ฟลีต (วัน วลิต). กรุงเทพมหานคร : กรม
ศิลปากร, 2548 หน้า 140-143
“คนจีนมีส่วนทาการค้ามากอยู่ในประเทศสยาม... มีสาเภาเข้ามาไม่ต่ากว่าปีละ 15 ถึง 20
ลา บรรทุกสินค้าดี ๆ มาจากประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น และมีแหล่งที่แลกเปลี่ยนสินค้ามาก”
ที่มา : นิโกลาส์ แชรแวส. ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (ใน
แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช). สันต์ ท. โกมลบุตร แปล พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร :
สานักพิมพ์ศรีปัญญา, 2550 หน้า 76.
ตัวอย่างข้อมูลจากหลักฐานทั้ง 2 เรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขายของกรุงศรีอยุธยา
เพื่อการประเมินหลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติมจากหลักฐานของไทย เช่น กฎหมายตรา
สามดวง พระราชพงศาวดาร เป็นต้น วัน วลิต เป็นหัวหน้าพ่อค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดาหรือเนเธอ
แลนด์ ประจาที่กรุงศรีอยุธยา หลักฐานนี้เขียนขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2180 ตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ส่วนนิโกลาส์ แชรแวส เป็นชาวฝรั่งเศส เคยพานักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาถึง 4 ปี ตรงกับสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช
ข้อมูลจากหลักฐานทั้ง 2 เรื่อง จึงแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าของกรุงศรีอยุธยา
โดยเฉพาะในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองและสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้เป็นอย่างดี จากการการประเมิน
หลักฐานและการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย จะทาให้เห็นความคึกคักของตลาดค้าขายที่มีพ่อค้า
ต่างชาติหลายชาติเข้ามาค้าขาย เช่น เรือสาเภาจีน เป็นต้น อนึ่ง ในหลักฐานของไทย เช่น กฎหมายตราสามดวง
กล่าวถึง “กานันตลาด” หรือเจ้าหน้าที่ของไทยควบคุมการซื้อขายในตลาดไม่ให้มีการขายสินค้าแพงเกินไป ท่าเรือมี
เรือจอดเรียงราย บรรทุกสินค้าไปขายยังต่างประเทศทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป หลักฐานดังกล่าวยังให้ข้อมูลที่เป็น
รายละเอียดของสินค้าจานวนมากด้วย ข้อมูลจากหลักฐานดังตัวอย่างจึงใช้ในการวิเคราะห์และสังเคราะห์เรื่องการ
ค้าขายของกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดีและในลักษณะที่ให้ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดมากขึ้น