More Related Content More from Pa'rig Prig (20) บทที่ 5 การเปลี่ยนแปลงเงินทุนของบริษัท2. 1. ทุนจดทะเบียน หมายถึง มูลค่าหุ้นทุนทั้งสิ้นที่จดทะเบียนไว้ตาม
กฎหมาย โดยระบุชนิดของหุ้น จานวนหุ้น และมูลค่าหุ้น
2. ทุนที่ออกจาหน่ายและเรียกชาระแล้ว หมายถึง หุ้นทุนทั้งสิ้นที่นา
ออกจาหน่ายและเรียกชาระเต็มมูลค่าแล้ว โดยระบุชนิดของหุ้น จานวนหุ้น และ
มูลค่ารวม ในกรณีที่มีหุ้นบุริมสิทธิควรแสดงสิทธิพิเศษของหุ้นนั้นไว้ด้วย เช่น หุ้น
บุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพได้ เป็นต้น
ส่วนเกินทุน (Capital Excess) หมายถึง ส่วนเกิดจากมูลค่าหุ้น
หรือส่วนเกินจากทุนที่นามาลง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้เกิดจากกาไร
ในการดาเนินงาน ดังนั้นบริษัทจะนาเงินทุนในส่วนนี้ไปจ่ายเป็นเงินปันผลไม่ได้
ส่วนเกินทุนประกอบด้วย
1. ส่วนเกินมูลค่าหุ้น หมายถึง ส่วนเกินทุนที่เกิดจากการออกหุ้นทุนใน
ราคาที่สูงกว่ามูลค่าในทางตรงข้ามถ้าบริษัทออกหุ้นทุนในราคาต่ากว่ามูลค่า จะ
เกิดผลต่างด้านเดบิตถือเป็นส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้น ซึ่งจะต้องแสดงเป็นรายการหัก
จากส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล
3. 2. ส่วนเกินทุนอื่น หมายถึง ส่วนเกินทุนอื่นๆ นอกเหนือจากส่วนเกินมูลค่า
หุ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีต่างๆ เช่น
- ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์เพิ่ม
- ส่วนเกินทุนจากการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ
- ส่วนเกินทุนจากการไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ
- ส่วนเกินทุนจากการริบหุ้น
- ส่วนเกินทุนจากการบริจาค เป็นต้น
กำไรสะสม (Retained Earnings) หมายถึง กาไรสุทธิที่สะสม
ไว้ตั้งแต่บริษัทเริ่มเปิดกิจการ หัก้ดวยเงินปันผลของปีก่อนๆ ในกรณีที่บริษัท
ประสบผลขาดทุนจานวนมากบัญชีกาไรสะสมจะมียอดคงเหลือด้านเดบิต
เรียกว่า ขาดทุนสะสม (Deficit) โดยกาไรสะสมแบ่ง 2 ประเภท คือ
4. 1. กาไรสะสมจัดสรร หมายถึง กาไรสะสมส่วนที่กันสาหรับวัตถุประสงค์
เฉพาะตามที่กาหนด เช่น จัดสรรไว้เป็นสารองตามกฎหมาย หรือเพื่อ
ขยายกิจการเป็นต้น
2. กาไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร หมายถึงกาไรสะสมส่วนที่เหลือจากการจัดสรร
ซึ่งบริษัทสามารถนาไปจ่ายเป็นเงินปันผลได้
กำรเปลี่ยนแปลงเงินทุนของบริษัท
เงินทุนของบริษัทจากัดอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากรายการต่างๆ
ดังต่อไปนี้
1. การเพิ่มทุนและการให้สิทธิซื้อหุ้น
2. หุ้นทุนได้รับคืนมา
3. การลดทุน
4. การแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ
5. 5. การแตกหุ้นและการรวมหุ้น
6. การตีราคาสินทรัพย์ใหม่
ในบางกรณีรายการต่างๆ ข้างต้น อาจก่อให้เกิดผลกาไรหรือขาดทุนจากการ
เปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น เช่น จากการแปลงสภาพหุ้นบุริมสิทธิ เป็นต้น ซึ่ง
ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปจะไม่รับรู้ผลกาไรที่ไม่ได้เกิดจากการดาเนินงาน
ดังกล่าวเป็นรายได้หรือกาไรสะสม แต่จะรับรู้เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นโดยเครดิตไว้ใน
บัญชีส่วนเกินทุน โดยถือหลักว่ากาไรสะสะมจะต้องไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกาไรที่เกิด
จากผู้ถือหุ้น แต่อาจลดลงได้ในกรณีที่เป็นผลขาดทุนโดยถือเป็นการโอนกาไรสะสม
ตั้งขึ้นเป็นทุน
กำรเพิ่มทุนและกำรให้สิทธิซื้อหุ้น
การเพิ่มทุน บริษัทอาจจัดหาเงินทุนด้วยวิธีการออกหุ้นทุนเพิ่ม โดยการจดทะเบียน
เพิ่มทุนจะต้องได้รับอนุมัติจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3
ใน 4 ของจานวนเสียงทั้งหมด และจะต้องนามตินั้นไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุน
จดทะเบียนภายใน 14 วัน ซึ่งการเพิ่มทุนของบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนอาจ
แตกต่างกันดังนี้
6. - ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ การเพิ่มทุนของบริษัทเอกชน
ต้องกระทาโดย มติพิเศษ ซึ่งหมายถึงการลงมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นสองครั้ง
ติดต่อกัน โดยการประชุมครั้งที่ 2 เพื่อลงมติยืนยันมติเดิมต้องห่างจากการประชุม
ครั้งแรกไม่น้อยกว่า 14 วันและไม่เกิน 6 สัปดาห์
จานวนหุ้นที่ออกใหม่ต้องเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด ตามส่วน
จานวนหุ้นที่แต่ละคนถืออยู่ โดยทาเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทุกคนทราบจานวน
หุ้น ราคา และระยะเวลาที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นได้ถ้าไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นภายในเวลาที่
กาหนด บริษัทสามารถนาหุ้นนั้นออกเสนอขายให้กับบุคคลอื่นได้
- ตำมพระรำชบัญญัติบริษัทมหำชนจำกัด การเพิ่มทุนของบริษัท
มหาชนจะกระทาได้ต่อเมื่อหุ้นทั้งหมดได้ออกจาหน่ายและได้รับชาระเงินค่าหุ้น
ครบถ้วนแล้ว หรือในกรณีที่หุ้นยังจาหน่ายไม่ครบ หุ้นที่เลหือต้องเป็นหุ้นที่จัดสรรไว้
เพื่อรองรับหุ้นกู้แปลงสภาพหรือใบสาคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น
การเพิ่มทุนของบริษัทมหาชนไม่ต้องใช้มติพิเศษ และจานวนหุ้นที่ออกใหม่
จะเสนอขายทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด
หรือจะเสนอขายต่อประชาชนหรือบุคคลอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก้ได้ ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น
7. การให้สิทธิซื้อหุ้น (Stock Rights or Stock lssue) เมื่อจด
ทะเบียนเพิ่มทุน บริษัทอาจให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลบางกลุ่ม เช่น ผู้ถือหุ้นเดิม
ผู้บริหาร พนักงาน และผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทรวมทั้งผู้ซื้อหุ้นชนิดอื่นของบริษัท
เพื่อเป็นการจูงใจหรือตอบแทนบุคคลดังกล่าว โดยการให้สิทธิซื้อหุ้นทุนที่จะออก
ใหม่ได้ก่อนบุคคลอื่นในราคาที่กาหนด ซึ่งโดยทั่วไปมักจะต่ากว่ามูลค่ายุติธรรมของ
หุ้นทาให้สิทธินั้นมีค่าและอาจมีการซื้อขายสิทธิได้ในบางประเทศ แต่สาหรับ
ประเทศไทยไม่สามารถซื้อขายได้เนื่องจากสิทธิดังกล่าวโอนเปลี่ยนมือไม่ได้ตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ค่ำของสิทธิ = มูลค่ำยุติธรรมของหุ้น ณ วันสิทธิ – รำคำใช้สิทธิซื้อหุ้น
8. บริษัทต้องทาหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับสิทธิทราบจานวนสิทธิ รวมทั้งราคา ระยะเวลา
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้สิทธิดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทาทะเบียนเพื่อบันทึกทรงจาเกี่ยวกับ
การให้สิทธิ การนาสิทธิมาใช้ซื้อหุ้น และจานวนหุ้นที่ต้องสารองไว้สาหรับสิทธิที่ยังมิได้
นามาใช้ โดยทุกครั้งที่มีผู้ใช้สิทธิซื้อหุ้นจะต้องบันทึกข้อมูลในทะเบียนเพื่อลดยอดจานวน
หุ้นที่ต้องสารองไว้ให้เป็นปัจจุบันเสมอ
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการให้สิทธิซื้อหุ้นทุนที่จะออกใหม่อาจแบ่งเป็น 3 กรณี
คือ 1. การให้สิทธิซื้อหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิม
2. การให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน
3. การให้สิทธิซื้อหุ้นพร้อมการจาหน่ายหุ้นอื่น
กำรให้สิทธิซื้อหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิ (Right) ตาม
จานวนหุ้นที่ตนถืออยู่ 1 หุ้น ต่อ 1 สิทธิ เช่น บริษัทมีหุ้นทุน 20,000หุ้น ถ้าจดทะเบียน
เพิ่มทุน 10,000 หุ้น โดยเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดจะต้องออกสิทธิ 20,000
หน่วย (สิทธิ 2 หน่วยใช้ซื้อหุ้นใหม่ได้ 1 หุ้น)
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิม สรุปได้ดังนี้
- วันให้สิทธิซื้อหุ้น ไม่ว่าสิทธิที่ให้จะมีค่าหรือไม่ ไม่ต้องบันทึกบัญชีเพียงแต่
บันทึกทรงจาเกี่ยวกับสิทธิที่ให้ไว้ในสมุดบัญชี โดยระบุชนิดของหุ้นและเงื่อนไขต่างๆที่
กาหนดในการใช้สิทธิซื้อหุ้น
9. - วันใช้สิทธิซื้อหุ้น ให้บันทึการจาหน่ายหุ้นทุนตามปกติ ยกเว้นกรณีที่
ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นต่ากว่ามูลค่าหุ้น ผลต่างให้ เดบิตกาไรสะสม โดยถือเป็นการโอน
กาไรสะสมยกขึ้นเป็นทุนอันเนื่องจากการที่บริษัทให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นใหม่
ได้ในราคาต่ากว่ามูลค่าของหุ้นนั้น
- วันที่สิทธิหมดอายุ ถ้ายังมีสิทธิซื้อหุ้นเหลืออยู่โดยไม่มีผู้นามาใช้ ให้
บันทึกทรงจาเกี่ยวกับการยกเลิกสิทธิดังกล่าว และบริษัทสามารถนาหุ้นที่เหลือ
ออกจาหน่ายให้บุคคลอื่นได้
ตัวอย่ำงที่ 1 บริษัทมีทุนหุ้นสามัญที่ออกแล้ว 5,000หุ้น ต่อมาบริษัทจด
ทะเบียนเพิ่มทุนหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยให้สิทธิแก่ผู้
ซื้อหุ้นเดิมซื้อหุ้นใหม่ได้ในอัตรา 5 หุ้น เดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 105 บาท
กาหนดให้ใช้สิทธิภายใน 2 เดือน หุ้นสามัญมีมูลค่ายุติธรรม ณ วันให้สิทธิ หุ้นละ
135 บาทเมื่อครบกาหนด 2 เดือน ปรากฏว่ามีผู้นาสิทธิมาใช้ซื้อหุ้นใหม่ทั้งสิ้น
900 หุ้น โดยใช้สิทธิทั้งสิ้น (900x5)=4,500 หน่วย บริษัทจึงยกเลิกสิทธิที่
เหลือ (5,000-4,500)=500 หน่วย
10. กำรบันทึกบัญชี
- วันให้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกทรงจา บริษัทออกสิทธิซื้อหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้น
เดิม 5,000 หน่วย โดยสิทธิ 5 หน่วยสามารถซื้อหุ้นใหม่ได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ
105บาท สิทธิมีอายุ 2 เดือน
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกการจาหน่ายหุ้นสามัญ 900หุ้น ราคาหุ้นละ
105 บาท
เดบิต เงินสด (900x100) 94,500
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ (900x100) 90,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ(900x5) 4,500
- วันที่สิทธิหมดอายุ บันทึกทรงจา
สิทธิซื้อหุ้นสามัญที่เหลือจานวน 500 สิทธิ ซึ่งยังไม่มีผู้นามาใช้
หมดอายุในวันนี้
กำรให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงำน สิทธิซื้อหุ้นที่ให้กับพนักงานมักจะเป็นสิทธิ
ที่มีค่าซึ่งบริษัทจะต้องบันทึกค่าของสิทธิ โดยเครดิตไว้ในบัญชีสิทธิในการซื้อหุ้นทุน
ดังนี้
12. ตัวอย่ำงที่ 2 บริษัท วี จากัด จดทะเบียนเพิ่มทุนหุ้นสามัญ โดยจัดสรรสิทธิในการซื้อหุ้นใหม่ให้กับผู้ริหาร
และพนักงานจานวน 5,000 หน่วย กาหนดการใช้สิทธิซื้อหุ้นใหม่ในอัตราสิทธิ 5 หน่วย ต่อ1 หุ้น ใน
ราคาหุ้นละ 105 บาท หุ้นสามัญมีมูลค่ายุติธรรม ณ วันให้สิทธิ หุ้นละ 135 บาท
ค่าของสิทธิ = มูลค่ายุติธรรมของหุ้น ณ วันให้สิทธิ-ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น
= 135-105
= 30 บาทต่อหุ้น (หรือ 30/ 5=6 บาทต่อสิทธิ)
สิทธิทั้งสิ้นจานวน 5,000 หน่วย สามารถซื้อหุ้นได้จานวน (5,000/5)=1,000หุ้น
กรณีที่ 1 การให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน เพื่อตอบแทนผลงานงวดก่อน
- วันให้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน จานวน 1,000 หุ้น
เดบิต กาไรสะสม 30,000
เครดิต สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(1,000x30) 30,000
กรณีที่ 2 การให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน เพื่อตอบแทนผลงานงวดปัจจุบัน
- วันให้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน จานวน 1,000 หุ้น
เดบิต ค่าตอบแทนพนักงาน 30,000
เครดิต สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(1,000x30) 30,000
13. กรณีที่ 3 การให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน เพื่อตอบแทนผลงานในอนาคต
จากตัวอย่างของบริษัท วี จากัด สมมุติบริษัทให้สิทธิในวันต้นปี 25x1 โดยกาหนดเงื่อนไขว่า
พนักงานจะใช้สิทธิซื้อหุ้นได้ต่อเมื่อปฏิบัติงานในบริษัทต่อไปจนครบ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ให้สิทธิ
ซื้อหุ้น
- วันให้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน จานวน 1,000 หุ้น
เดบิต ค่าตอบแทนพนักงานรอตัดบัญชี 30,000
เครดิต สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(1,000x30)
30,000
- วันสิ้นงวดปี 25x1และ 25x2 บันทึกรายการปรับปรุงค่าตอบแทนพนักงานรอตัดบัญชีเฉลี่ย
ตัดเป็นค่าใช้จ่ายปีละ (30,000/2)=15,000 บาท โดย
เดบิต ค่าตอบแทนพนักงาน 15,000
เครดิต ค่าตอบแทนพนักงานรอตัดบัญชี 15,000
14. รายการวันใช้สิทธิซื้อหุ้น และวันที่สิทธิหมดอายุ จะบันทึกเหมือนกันทั้ง 3
กรณี ดังนี้
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้น ให้บันทึกการจาหน่ายหุ้นสามัญ พร้อมทั้งเดบิตสิทธิใน
การซื้อหุ้นทุน เพื่อลดยอดลงตามจานวนสิทธิที่นามาใช้ซื้อหุ้นแล้ว ดังนี้
เดบิต เงินสด (ตามราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น) xx
สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (ค่าของสิทธิ) xx
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ (ตามมูลค่า) xx
ถ้ามีผลต่างจากรายการข้างต้น ให้บันทึกไว้ในบัญชีส่วนเกินหรือส่วนต่ากว่ามูลค่า
หุ้นสามัญ
15. ถ้าสินทรัพย์นั้นไม่เคยตีราคาลดลง และไม่เคยรับรู้เป็นค่าใช้จ่ามาก่อน ให้รับรู้ราคาที่ตี
ใหม่เป็นรายการในส่วนของผู้ถือหุ้น โคยเครดิตบัญชี ส่วนเกินจากการตีราคาสินทรัพย์
ถ้าสินทรัพย์นั้นเคยตีราคาลดลง และกิจการรับรู้ราคาที่ลดลงเป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อน
แล้วให้รับรู้ราคาทีตีเพิ่มขึ้นใหม่เป็นรายได้โดยเครดิตบัญชี กาไรจากการตีราคาสินทรัพย์ ใน
จานวนไม่เกินกว่าที่เคยตีราคาลดลงซึ่งได้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อน (ถ้าตีราคาเพิ่มขึ้นเกิน
กว่าที่เคยตีราคาลดลงส่วนที่เกินให้เครดิตบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์)
2. การตีราคาสินทรัพย์ลดลง ให้บันทึกลดยอดบัญชีสินทรัพย์ตามส่วนที่ตีราคาลดลง
โดย
เดบิต ขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ xx
ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ xx
เครดิต สินทรัพย์ xx
ถ้าสินทรัพย์นั้นไม่เคยตีราคาเพิ่มขึ้น ให้นาส่วนที่ลดลงจากการตีราคาใหม่ไปบันทึกรับรู้
เป็นค่าใช้จ่าย โดยเดบิตบัญชี ขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์
16. -วันให้สิทธิซื้อหุ้นพร้อมการจาหน่ายหุ้นอื่น ให้ บันทึกการจาหน่ายหุ้นอื่นตามปกติ โดย
ถือว่าเงินที่ได้รับทั้งสิ้นเป็นราคาขายของหุ้นอื่นนั้นทั้งจานวน สาหรับข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ
เพียงแต่บันทึกทรงจาไว้เพื่อการจัดสรรจานวนหุ้นที่ต้องสารองไว้สาหรับสิทธิดังกล่าว
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้น โดยปกติถ้าราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญสูงกว่ามูลค่ายุติธรรม จะไม่มี
ผู้ใช้สิทธิเนื่องจากสามารถซื้อหุ้นในตลาดในราคาที่ต่ากว่า แต่ถ้าต่อมามูลค่ายุติธรรมของ
หุ้นเพิ่มขึ้นจนสูงกว่าราคาที่ใช้สิทธิมาใช้ซื้อหุ้น ให้บันทึกการจาหน่ายหุ้นสามัญ
ตามปกติ
- วันที่สิทธิหมดอายุ ไม่ต้องบันทึกบัญชี ถ้ามีสิทธิซื้อหุ้นที่ไม่มีผู้นามาใช้เหลืออยู่
บริษัทเพียงแต่บันทึกทรงจาเพื่อยกเลิกจานวนหุ้นที่สารองไว้สาหรับสิทธิดังกล่าว
17. ตัวย่างที่ 4 บริษัท ดี จากัด ออกจาหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ 1,000 หุ้น ในราคา
หุ้นละ 130 บาท พร้อมทั้งให้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ซื้อบุริมสิทธิ 4,000
หน่วย โดยสิทธิ 4 หน่วยจะซื้อหุ้นสามัญที่จะออกใหม่ได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 105
บาทสิทธิมีอายุ 2 เดือนมูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญ ณ วันที่ให้สิทธิหุ้นละ 101 บาท
ต่อมาเมื่อมูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 120 บาทปรากฏว่ามีผู้นา
สิทธิมาใช้ซื้อหุ้นสามัญทั้งสิ้น 900 หุ้น สิทธิที่เหลือหมดอายุโดยไม่มีผู้นามาใช้
ค่าของสิทธิ = มูลค่ายุติธรรมของหุ้น ณ วันให้สิทธิ – ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น
= 101 – 105 = (4) บาท ดังนั้น สิทธิไม่มีค่า
18. การบันทึกบัญชี
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญพร้อมการจาหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ บันทึกการ
จาหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ 1,000 หุ้นราคาหุ้นละ 130 บาท พร้อมทั้งใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ
เพิ่มทุนแก่ผู้ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ 4,000 หน่วยโดยสิทธิ 4 หน่วยจะซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น
ในราคาหุ้นละ 105 บาทสิทธิมีอายุ 2 เดือน
เดบิต เงินสด(1,000 x 103) 13,000
เครดิต ทุนหุ้นบุริมสิทธิ(1,000 x 100) 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ(1,000 x 30) 30,000
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกการจาหน่ายหุ้นสามัญ 900 หุ้น ราคาหุ้นละ 105 บาท
เดบิต เงินสด(900 x 105) 94,500
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ(900 x 100) 90,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ(900 x 5) 4,500
19. วันที่สิทธิหมดอายุ บันทึกทรงจา
สิทธิซื้อหุ้นสามัญที่เหลือจานวน 500 หน่วย ซึ่งยังไม่มีผู้นามาใช้หมดอายุใน
วันนี้
2. กรณีสิทธิมีค่า ให้บันทึกค่าของสิทธิไว้ในบัญชีโดยเครดิตบัญชีสิทธิในการซื้อ
หุ้นสามัญ และถือเป็นรายการหักจากการจาหน่ายหุ้นอื่น ดังนี้
- วันให้สิทธิซื้อหุ้นพร้อมการจาหน่ายหุ้นอื่น ให้บันทึกรายการ ดังนี้
เดบิต เงินสด(ราคาขายหุ้นอื่นพร้อมสิทธิ) xx
เครดิต หุ้นอื่น(ตามมูลค่า) xx
สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(ค่าของสิทธิ) xx
ถ้ามีผลต่างจกรายการข้างต้น ให้บันทึกไว้ในบัญชีส่วนเกินหรือส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้น
อื่น
- วันใช้สิทธิซื้อหุ้น และ วันที่สิทธิหมดอายุ มีวิธีการบันทึกบัญชีและการคานวณ
ส่วนเกินหรือส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้นสามัญ เช่นเดียวกับกรณีการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่
พนักงาน
20. ตัวอย่างที่ 5 จากตัวอย่างที่ 4 ถ้าหุ้นสามัญของบริษัท ดี จากัด มีมูลค่ายุติธรรม
ณ วันให้สิทธิหุ้นละ 125 บาท สามารถคานวณค่าของสิทธิ และส่วนเกินมูลค่าหุ้น
บุริมสิทธิได้ดังนี้
ค่าของสิทธิ= มูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญ ณ วันให้สิทธิ - ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น
= 125 – 105 = 20 บาทต่อหุ้น
ราคาขายหุ้นบุริมสิทธิ = ราคาขายหุ้นบุริมสิทธิพร้อมสิทธิ – ค่าของสิทธิ
= 130 – 20 = 110 บาทต่อหุ้น
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ = 110 – 20 = 10 บาทต่อหุ้น
22. - วันใช้สิทธิซื้อหุ้น บันทึกรายการจาหน่ายหุ้นสามัญ 900 หุ้น ราคาหุ้นละ 105 บาท
พร้อมทั้งบันทึกยกเลิกสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ 900 หุ้น ค่าของสิทธิ 20 บาทต่อหุ้น
เดบิต เงินสด(900x105) 94,500
สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(900x20) 18,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ(900x100) 90,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ*(900x25) 22,500
*ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ = มูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญ ณ วันให้สิทธิ – มูลค่าหุ้น
สามัญ = 125 – 100 = 25 บาทต่อหุ้น
- วันที่สิทธิหมดอายุ บันทึกยกเลิกสิทธิซื้อหุ้นที่เหลือ 100 หุ้น ค่าของสิทธิ 20 บาท
ต่อหุ้น
เดบิต สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ(100x20) 2,000
เครดิต ส่วนเกินทุนจากการไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้น 2,000
24. การปันส่วนราคาขายของหลักทรัพย์
มูลค่ายุติธรรม อัตราส่วน ราคาขาย
หุ้นกู้ 103,500 90% 112,000 x 90% = 100,800
ใบสาคัญแสดงสิทธิ 2,300 x 5 = 11,500 10% 112,000 x 10% = 11,200
รวม 115,000 100% 112,000
การบันทึกบัญชี
- วันที่จาหน่ายหุ้นกู้ควบคู่กับใบสาคัญแสดงสิทธิ
เดบิต เงินสด 120,000
เครดิต หุ้นกู้ 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นกู้(108,000 -100,000) 800
ใบสาคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ 11,200
25. - วันที่ใช้ใบสาคัญแสดงสิทธิ เช่น มีผู้นาใบสาคัญแสดงสิทธิทั้งหมดมาใช้ซื้อหุ้น
สามัญ
เดบิต เงินสด 48,300
ใบสาคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ 11,200
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ(460 x 100) 46,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ[(460x5)+11,200] 13,500
หุ้นทุนได้รับคืน หมายถึง หุ้นทุนของบริษัทที่ออกใบหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้ว
ต่อมาได้รับคืนและยังถืออยู่ในมือโดยมิได้ยกเลิกหุ้นทุนนั้น
หุ้นทุนที่ซื้อคืนมา อาจบันทึกบัญชีได้ 2 วิธี ดังนี้
26. วิธีที่ 1 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามราคาทุน เหมาะสาหรับกรณีที่บริษัทต้องการใช้
หุ้นซื้อคืนเป็นเครื่องมือในการบริหารปริมาณ และราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาดให้อยู่ใน
ระดับที่เหมาะสม
1.เมื่อซื้อหุ้นทุนคืนมา
เดบิต หุ้นทุนได้รับคืนมา xx
เครดิต เงินสด xx
2.เมื่อจาหน่ายหุ้นทุนที่ซื้อคืนมา
เดบิต เงินสด xx
เครดิต หุ้นทุนได้รับคืนมา xx
27. กรณีจาหน่ายหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาในราคาสูงหรือต่ากว่าราคาทุน ให้บันทึก
ผลต่างดังนี้
•ผลต่างด้านเครดิต ให้บันทึกไว้ในบัญชี ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมา
•ผลต่างด้านเดบิต การนาหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาออกมาจาหน่ายใหม่ในราคาต่ากว่า
มูลค่า ผู้ซื้อไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้น ซึ่งต่างจากการนาหุ้น
ออกจาหน่ายครั้งแรกที่ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบในหนี้สินของบริษัทเต็มตามมูลค่า
หุ้น ผลต่างด้านเดบิตในกรณีนี้จึงไม่บันทึกในบัญชีส่วนต่ากว่ามูลค่า แต่ให้นาไป
หักลดยอดบัญชีต่างๆ ตามลาดับดังนี้
ขั้นที่ 1 : หัก ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมา ของหุ้นทุนชนิดเดียวกัน (ถ้ามี)
ขั้นที่ 2 : หัก กาไรสะสม
28. ตัวอย่างที่ 7 บริษัทมีทุนหุ้นสามัญมูลค่าหุ้นละ 100 บาท ซึ่งออกจาหน่ายและออกใบหุ้น
แล้ว 10,000 หุ้น โดยมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญทั้งสิ้น 30,000 บาท และมีกาไรสะสม
80,000 บาท
บริษัทซื้อหุ้นสามัญกลับคืนมา 2 ครั้ง จานวน 800 หุ้น และ 200 หุ้น ในราคาหุ้น
ละ 95 บาท และ 104 บาท ตามลาดับ ต่อมาบริษัทได้นาหุ้นสามัญที่ซื้อคืนมาออกจาหน่าย
ใหม่ 2 ครั้ง จานวน 200 หุ้น และ 500 หุ้น ในราคาหุ้นละ 105 บาท และ 92 บาท
ตามลาดับ
การบันทึกบัญชี :
-การซื้อหุ้นสามัญคืนมาครั้งที่ 1 จานวน 800 หุ้น ราคาหุ้นละ 95 บาท
เดบิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (800 x 95) 76,000
เครดิต เงินสด 76,000
29. •การซื้อหุ้นสามัญคืนมาครั้งที่ 2 จานวน 200 หุ้น ราคาหุ้นละ 104 บาท
เดบิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (200 x 104) 20,800
เครดิต เงินสด 20,800
•การจาหน่ายหุ้นทุนสามัญซื้อคืนมาครั้งที่ 1 จานวน 200 หุ้น ราคาหุ้นละ 106 บาท
เดบิต เงินสด (200 x 106) 21,200
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (76,000+20800/800+200) x 200 19,360
ส่วนเกินทุนจากหุ้นสามัญได้รับคืนมา 1,840
•การจาหน่ายหุ้นทุนสามัญซื้อคืนมาครั้งที่ 2 จานวน 500 หุ้น ราคาหุ้นละ 92 บาท
เดบิต เงินสด (500 x 92) 46,000
ส่วนเกินทุนจากหุ้นสามัญได้รับคืนมา 1,840
กาไรสะสม 560
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (76,000+20800/800+200) x 500 48,400
30. วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้น(Par Value Method) วิธีนี้เหมาะ
สาหรับกรณีที่บริษัทซื้อหุ้นทุนคืนมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดทุน อย่างไรก็ดีในกรณี
ที่บริษัทมิได้ยกเลิกหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาแต่ได้นาออกจาหน่ายใหม่ในภายหลัง ให้ถือ
เสมือนเป็นการจาหน่ายหุ้นทุนใหม่
1. เมื่อซื้อหุ้นทุนคืนมา ให้เดบิตบัญชีหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่า พร้อมทั้งปิด
บัญชีส่วนเกินหรือส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้นที่ซื้อคืนตามราคาที่จาหน่ายหุ้นนั้นไปในครั้ง
ก่อน (หากไม่สามารถระบุได้อาจคานวณส่วนเกินหรือส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้นโดยใช้ วิธี
ถัวเฉลี่ยถ่วงน้าหนัก หรือ วิธีเข้าก่อนออกก่อน)
เดบิต หุ้นทุนได้รับคืนมา (ราคาตามมูลค่าหุ้น) xx
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นทุน (จาการขายครั้งก่อน) xx
เครดิต เงินสด xx
ส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้นทุน (จาการขายครั้งก่อน) xx
31. กรณีมีผลต่างระหว่างรายการข้างต้น (ราคาซื้อคืนแตกต่างจากราคาที่จาหน่ายครั้ง
ก่อน)
• ผลต่างด้านเครดิต ให้บันทึกไว้ในบัญชี ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมา
• ผลต่างด้านเดบิต ให้นาไปลดยอดบัญชี กาไรสะสม
ตัวอย่างที่ 8 : จากตัวอย่างที่ 7 สมมุติบริษัทใช้วิธีบันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตาม
มูลค่าหุ้น
• การซื้อหุ้นสามัญคืนมาครั้งที่ 1 จานวน 800 หุ้น ราคาหุ้นละ 95 บาท
เดบิตทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (800 x 100) 80,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ (800 x 3) 2,400
เครดิต เงินสด (800 x 95) 76,000
ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมา 6,400
32. • การซื้อหุ้นสามัญคืนมาครั้งที่ 2 จานวน 200 หุ้น ราคาหุ้นละ 104 บาท
เดบิตทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (200 x 100) 20,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ (200 x 3) 600
กาไรสะสม 200
เครดิต เงินสด (200 x 104) 20,800
2. เมื่อจาหน่ายหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาให้ลดยอดบัญชีหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาตามมูลค่า
หุ้นทุน โดย
เดบิต เงินสด xx
เครดิต หุ้นทุนได้รับคืนมา xx
33. กรณีจาหน่ายหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาในราคาสูงหรือต่ากว่ามูลค่า ให้บันทึกผลต่างดังนี้
•ผลต่างด้านเครดิต ให้บันทึก ส่วนเกินมูลค่าหุ้น เหมือนการจาหน่ายหุ้นทุนตามปกติ
•ผลต่างด้านเดบิต ให้นาไปลดยอดบัญชีต่างๆ เช่นเดียวกับวิธีราคาทุน ดังนี้
ขั้นที่ 1 : หัก ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมา ของหุ้นทุนชนิดเดียวกัน (ถ้ามี)
ขั้นที่ 2 : หัก กาไรสะสม
จากตัวอย่างที่ 8 บริษัทจะบันทึกการจาหน่ายหุ้นทุนได้รับคืนมา ดังนี้
•การจาหน่ายหุ้นสามัญซื้อคืนมาครั้งที่ 1 จานวน 200 หุ้น ราคาหุ้นละ 106 บาท
เดบิต เงินสด (200 x 106) 21,200
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (200 x 100) 20,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 1,200
34. •การจาหน่ายหุ้นสามัญซื้อคืนมาครั้งที่ 2 จานวน 500 หุ้น ราคาหุ้นละ 92 บาท
เดบิต เงินสด (500 x 92) 46,000
ส่วนเกินทุนจากหุ้นสามัญได้รับคืนมา 4,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (500 x 100) 50,000
การแสดงรายการหุ้นทุนได้รับคืนมาในงบดุล รายการเกี่ยวกับหุ้นทุนที่ซื้อคืนมา จะ
มีผลต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุลเท่านั้น ไม่มีผลต่อรายได้หรือค่าใช้จ่ายในงบกาไร
ขาดทุน
วิธีที่ 1 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนตามราคาทุนให้แสดงจานวนและราคาทุนของ
หุ้นทุนที่ซื้อคืนมาเป็นรายการหักจากส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล โดยแสดงต่อจากกาไร
สะสม
วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนตามมูลค่าหุ้นให้แสดงจานวนและมูลค่าหุ้น
ทุนที่ซื้อคืนมาเป็นรายการหักจากบัญชีหุ้นทุนนั้นในงบดุล และสรุปเป็นทุนที่ออกและ
เรียกชาระแล้วสุทธิ
35. สาหรับส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนได้รับคืนมาทั้ง 2 วิธี ให้แสดงเป็นส่วนหนึ่งของ
ส่วนเกินทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นตามปกติ โดยทั้ง 2 วิธีจะปรากฏยอดรวมในส่วนของ
ผู้ถือหุ้นเท่ากันเสมอ
การจัดทางบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น ต้องแสดงรายละเอียด
การเปลี่ยนแปลงจานวนและมูลค่าหุ้นทุนที่ซื้อคืน ได้แก่ การซื้อหุ้นทุนคืนมา การ
ยกเลิกหุ้นทุนซื้อคืน หรือการนาหุ้นทุนนั้นออกจาหน่ายใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลง
ส่วนเกินทุนจากหุ้นทุนซื้อคืนนั้น
บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และนโยบายการบัญชี จานวน
และมูลค่าของหุ้นซื้อคืนที่นาไปหักจากส่วนของผู้ถือหุ้น แสดงเป็นรายการแยก
ต่างหากในงบดุลหรือหมายเหตุประกอบงบการเงิน
36. ตัวอย่างที่ 9 : จากตัวอย่างที่ 7 และ 8 อาจแสดงรายการเกี่ยวกับหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาในงบดุล
ดังนี้
วิธีที่ 1 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนตามราคาทุน วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนตามมูลค่าหุ้น
ทุนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชาระแล้ว 1,000,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 30,000
กาไรสะสม (80,000 - 560) 79,440
หัก ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา
(300 หุ้น ราคาหุ้นละ 96.80 บาท) (29,040)
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 1,080,400
ทุนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชาระแล้ว 1,000,000
หัก ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา
(300 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท) (30,000)
ทุนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชาระแล้วสุทธิ 970,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 28,200
ส่วนเกินจากหุ้นสามัญได้รับคืนมา 2,400
กาไรสะสม (80,000 - 200) 79,800
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 1,080,400
38. วิธีที่ 1 : ไม่บันทึกบัญชีกาไรสะสมจัดสรร เพียงแต่เปิดเผยข้อมูลไว้ในหมายเหตุ
ประกอบงบการเงิน โดยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาและจานวนกาไร
สะสมที่บริษัทต้องจัดสรรไว้สาหรับหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาทั้งสิ้น
วิธีที่ 2 : บันทึกบัญชีกาไรสะสมจัดสรร ดังนี้
- เมื่อซื้อหุ้นทุนคืนมา ให้ลดยอดบัญชีกาไรสะสม โอนไปเข้าบัญชีกาไรสะสม
จัดสรรตามราคาทุนที่จ่ายซื้อหุ้นทุนคืนมาทั้งสิ้น เช่น หุ้นสามัญมูลค่าหุ้นละ 100 บาท
บริษัทซื้อคืนมาในราคาหุ้นละ 110 บาท จานวน 1,000 หุ้น จะบันทึกรายการจัดสรรกาไร
สะสม โดย
เดบิต กาไรสะสม (1,000 x 110) 110,000
เครดิต กาไรสะสมจัดสรร – สาหรับหุ้นสามัญได้รับคืนมา 110,000
39. - เมื่อจาหน่ายหุ้นทุนที่ซื้อคืนมา ให้กลับรายการจัดสรรกาไรสะสม ตามส่วนของ
จานวนหุ้นที่ขายกลับออกไป เช่น บริษัทนาหุ้นทุนที่ซื้อคืนมาออกจาหน่ายในราคา
หุ้นละ 120 บาท จานวน 500 หุ้น จะบันทึกรายการโอนกลับกาไรสะสมจัดสรรตาม
ราคาทุนที่ซื้อคืน โดย
เดบิต กาไรสะสมจัดสรร – สาหรับหุ้นสามัญได้รับคืนมา 55,000
เครดิต กาไรสะสม (500 x 110) 55,000
หุ้นทุนที่ได้รับชาระจากลูกหนี้ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นบางรายมีฐานะเป็นลูกหนี้
ของบริษัทด้วย บริษัทอาจได้รับชาระหนี้เป็นหุ้นทุนของบริษัทที่ลูกหนี้รายนั้นถืออยู่
การบันทึกหุ้นทุนที่ได้รับคืนมาจากลูกหนี้จะแตกต่างจากการบันทึกหุ้นทุนที่ซื้อมา
เพียงรายการเดียวเท่านั้นคือ ณ วันที่ได้รับหุ้นทุนคืนมา รายการ เครดิตเงินสด ให้
เปลี่ยนเป็น เครดิตลูกหนี้ ตามจานวนหนี้ที่รับชาระสาหรับรายการอื่นๆ ให้บันทึก
เหมือนกัน รวมทั้งมีการจัดสรรกาไรสะสมสาหรับหุ้นทุนได้รับคืนมาด้วย
40. หุ้นทุนที่ได้รับบริจาคการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับหุ้นทุนที่ได้รับบริจาคสรุปได้ดังนี้
วิธีที่ 1 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามราคาทุนตามวิธีนี้ในวันที่บริษัทได้รับ
บริจาคหุ้นทุนเพียงแต่บันทึกทรงจาไว้และจะบันทึกบัญชีเมื่อนาหุ้นทุนที่ได้รับบริจาค
ออกจาหน่าย โดยจานวนเงินที่จาหน่ายได้ทั้งหมด ให้เครดิตไว้ในบัญชีส่วนเกินทุนจาก
การบริจาค
วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้นวิธีนี้จะบันทึกบัญชี
เช่นเดียวกับกรณีที่ซื้อหุ้นทุนคืนมา เพียงแต่ในวันที่ได้รับหุ้นทุนคืนมาให้เปลี่ยนรายการ
เครดิตเงินสด เป็น เครดิตส่วนเกินทุนจากการบริจาค และต่อมาถ้านาหุ้นทุนที่ได้รับ
บริจาคออกจาหน่ายได้ในราคาที่สูงหรือต่ากว่ามูลค่า ให้บันทึกผลต่างดังกล่าวไว้ใน
บัญชีส่วนเกินทุนจากการบริจาค
หลังจากบริษัทนาหุ้นทุนที่ได้รับบริจาคออกจาหน่ายทั้งหมดแล้ว บัญชี
ส่วนเกินทุนจากการบริจาคจะมียอดคงเหลือเท่ากันทั้ง 2 วิธี โดยวิธีที่ 1 เป็นที่นิยม
มากกว่าเพราะง่ายในการปฏิบัติ อีกทั้งบัญชีส่วนเกินทุนจากการบริจาคซึ่งบันทึกต่อเมื่อ
มีการจาหน่ายหุ้นแล้ว จะแสดงยอดตรงตามความเป็นจริงมากกว่า
42. วิธีที่ 1 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามราคาทุน วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้น
บันทึกทรงจา :
ได้รับบริจาคหุ้นทุนสามัญจากผู้ถือหุ้น จานวน 300 หุ้น มูลค่า
หุ้นละ 100 บาท
บันทึกทรงจา :
เดบิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (300 x 100) 30,000
เครดิต ส่วนเกินทุนจากการบริจาค 30,000
ได้รับบริจาคหุ้นสามัญ 300 หุ้น มูลค่าหุ้นละ100 บาท
เดบิต เงินสด (100 x 95) 9,500
เครดิต ส่วนเกินทุนจากการบริจาค 9,500
นาหุ้นสามัญที่ได้รับบริจาคออกจาหน่ายครั้งแรกจานวน 100
หุ้น ราคาหุ้นละ 95 บาท
เดบิต เงินสด (100 x 95) 9,500
ส่วนเกินทุนจากการบริจาค 500
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (100 x 100) 10,000
นาหุ้นสามัญที่ได้รับบริจาคออกจาหน่ายครั้งแรกจานวน 100 หุ้น ราคา
หุ้นละ 95 บาท
เดบิต เงินสด (200 x 102) 20,400
เครดิต ส่วนเกินทุนจากการบริจาค 20,400
นาหุ้นสามัญที่ได้รับบริจาคออกจาหน่ายครั้งที่ 2 จานวน 200
หุ้น ราคาหุ้นละ 102 บาท
เดบิต เงินสด (200 x 102) 20,400
เครดิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา (200 x 100) 20,000
ส่วนเกินทุนจากการบริจาค 400
นาหุ้นสามัญที่ได้รับบริจาคออกจาหน่ายครั้งที่ 2 จานวน 200 หุ้น ราคา
หุ้นละ 102 บาท
43. การลดทุน
การลดทุนจดทะเบียนของบริษัทอาจลดมูลค่าต่อหุ้น หรืออาจจะลดจานวน
หุ้นลง โดยต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน
4 ของจานวนเสียงทั้งหมดที่มาประชุม (บริษัทเอกชนต้องใช้มติพิเศษ) และต้องนามติ
นั้นไปจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันลงประชุมลงมติ รวมทั้งต้องโฆษณามติการ
ลดทุนในหนังสือพิมพ์และมีหนังสือแจ้งมตินั้นไปยังเจ้าหนี้ของบริษัท กาหนดให้ส่ง
คาคัดค้านภายใน 30 วัน สาหรับบริษัทเอกชน และ 2 เดือนสาหรับบริษัทมหาชน
ถ้ามีการคัดค้าน บริษัทจะลดทุนมิได้จนกว่าจะได้ชาระหนี้หรือให้
หลักประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว ในกรณีที่เจ้าหนี้คนใดมิได้ส่งคาคัดค้านมาภายในที่
กาหนด เพราะไม่ทราบมติการลดทุนโดยมิใช่ความผิดของเจ้าหนี้นั้น ผู้ถือหุ้นของ
บริษัทเอกชนต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้นั้นตามจานวนที่ได้รับคืนทุนภายในเวลา 2 ปี
นับแต่วันจดทะเบียนลดทุน และภายใน1 ปีสาหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชน
46. วิธีที่ 2 : บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้น ให้ปิดบัญชีหุ้นทุน และหุ้นทุน
ได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้น โดยไม่ต้องยกเลิกส่วนเกินมูลค่าหุ้นเพราะได้บันทึกแล้ว
ณ วันที่ซื้อคืน
ตัวอย่างที่ 11 : บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ
100 บาท ออกจาหน่ายแล้วในราคาหุ้นละ 103 บาท ต่อมาบริษัทซื้อหุ้นสามัญ
กลับคืนมาจานวน 1,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 98 บาท และยกเลิกหุ้นทุนที่ซื้อคืน
มาทั้งหมดเพื่อลดทุนจดทะเบียนลง
48. วิธีที่ 1:บักทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามราคาทุน วิธีที่ 2:บันทึกหุ้นทุนได้รับคืนมาตามมูลค่าหุ้น
เดบิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 3,000
เครดิต เงินสด 98,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้น- 5,000
สามัญได้รับคืนมา
ยกเลิกหุ้นสามัญซื้อคืนมา 1,000 บาทเพื่อลด
ทุนจดทะเบียน
เดบิต ทุนหุ้นสามัญได้รับคืนมา 100,000
เครดิต เงินสด (1,000×100) 100,000
ยกเลิกหุ้นสามัญซื้อคืนมา 1,000 บาทเพื่อลด
ทุนจดทะเบียน
50. -ผลต่างด้านเดคิต ให้บันทึกลดยอดบัญชี กาดรสะสม
-ผลต่างด้านเครดิต ให้บันทึกไว้ในบัญชี ส่วนเกินทุนจากการดถ่คนนหุ้นทุนคุริมสิทธิ
ตัวอย่างที่ 12 : บริษัทมีทุนหุ้นบุริสิทธิชนิดเรียกไถ่คืนได้ จานวน 1,000 หุ้น มูลค่า
หุ้นละ 100 บาท ซึ่งออกจาหน่ายแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 120 บาท ต่อมาบริษัท
เรียกไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิทั้งหมดในราคาหุ้นละ 130 บาท
51. การบันทึกบัญชี
เมื่อเรียกไถ่คืนหุ้นบุริมสิทธิ 1,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 130 บาท
เดบิต ทุนหุ้นบุริมสิทธิ (1,000×100) 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ (1,000×20) 20,000
กาไรสะสม 10,000
เครดิต เงินสด (1,000×130) 130,000
การตัดผลขาดทุนสะสม
การลดทุนในกรณีนี้ผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับการคืนทุนแต่อย่างใด โดย
บริษัทเอกชนจะโอนทุนสารองตัดผลขาดทุนสะสมไม่ได้ สาหรับบริษัทมหาชนที่มี
ผลขาดทุนสะสมจานวนมากอาจพิจารณาโอนเงินสารองต่าง ๆมาตัดขาดทุนสะสม
ได้โดยบันทึกตามลาดับดังนี้
52. ขั้นที่ 1 : โอนทุนสารองอื่นตัดผลขาดทุนสะสม
ขั้นที่ 2 : โอนทุนสารองตามกฎหมายตัดผลขาดทุนสะสม
ขั้นที่ 3 : โอนส่วนเกินมูลค่าหุ้นทุนตัดผลขาดทุนสะสม
ขั้นที่ 4 : โอนทุนเรือนหุ้นตัดผลขาดทุนสะสม
(การโอนทุนเรือนหุ้นตัดผลขาดทุนสะสม บริษัทเอกชนจะลดทุนจด
ทะเบียนให้เหลือต่ากว่า 25% ไม่ได้ แต่บริษัทมหาชนอาจลดทุนจดทะเบียนให้
เหลือต่ากว่า 25% ได้)
53. ตัวอย่างที่ 13 : บริษัทมีผลขาดทุนสะสมและรายการเกี่ยวกับส่วนของผู้ถือหุ้น
ปรากฏดังนี้
ทุนหุ้นสามัญ จดทะเบียนและจาหน่ายแล้ว 10,000 หุ้นๆละ 10 บาท 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 5,000
กาไรสะสม (ยอดเดบิต) (88,000)
กาไรสะสมจัดสรร – สารองตามกฎหมาย 3,000
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 20,000
ถ้าบริษัทต้องการตัดผลขาดทุนสะสมให้หมด จะต้องลดทุนจดทะเบียน
ให้เหลือ 20,000 บาท เพื่อให้ยอดเดบิตในบัญชีกาไรสะสมหมดไป โดยดาเนินการ
และบันทึกรายการตามลาดับดังนี้
54. การบันทึกบัญชี
ขั้นที่ 1 : โอนทุนสารองตามกฎหมายตบดผลขาดทุนสะสม(คริษบทดม่มีสารองอน่น)
เดบิต กาไรสะสมจัดสรร – สารองตามกฎหมาย 3,000
เครดิต กาไรสะสม 3,000
ขั้นที่ 2 : โอนส่วนเกินมูลค่าหุ้นทุนตบดผลขาดทุนสะสม
เดบิต ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 5,000
เครดิต กาไรสะสม 5,000
ขั้นที่ 3 : โอนทุนเรนอนหุ้นตบดผลขาดทุนสะสมส่วนที่เหลนอ
(88,000 – 8,000 = 80,000 คาท)
55. โดยอาจลดจานวนหุ้นลง 8,000 หุ้น หรืออาจลดมูลค่าหุ้นโดยยกเลิกหุ้น
เดิมทั้งหมด และออกหุ้นใหม่ในจานวนเท่าเดิม แต่มูลค่าต่อหุ้นลดลงเหลือหุ้นละ
(20,000 ÷ 10,000) = 2 บาท
กรณีลดจานวนหุ้นลง โดยมูลค่าต่อหุ้นคงเดิม กรณีลดมูลค่าต่อหุ้นลงโดยจานวนหุ้นคงเดิม
เดบิต ทุนหุ้นสามัญ (8,000×10) 80,000
เครดิต ส่วนเกินทุนจาก- 80,000
การลดทุน
บันทึกการลดทุนโดยจานวนหุ้นลง 8,000 หุ้น
เหลือทุนจดทะเบียน
เดบิต ทุนหุ้นสามัญ 100,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ 20,000
ส่วนเกินทุนจาก- 80,000
การลดมูลค่าหุ้น
บันทึกการลดทุนโดยลดมูลค่าหุ้นลง เหลือหุ้น
ละ 2 บาท
56. กรณีลดจานวนหุ้นลง โดยมูลค่าต่อหุ้นคงเดิม กรณีลดมูลค่าต่อหุ้นลงโดยจานวนหุ้นคงเดิม
เดบิต ส่วนเกินทุนจากการลดทุน 80,000
เครดิต กาไรสะสม 80,000
โอนส่วนเกินทุนจากการลดทุนตัดผลขาดทุน
สะสม
เดบิต ส่วนเกินทุนจากการลดทุน 80,000
เครดิต กาไรสะสม 80,000
โอนส่วนเกินทุนจากการลดทุนตัดผลขาดทุน
สะสม
(ต่อ)
หมายเหตุ : กรณีที่บริษัทมหาชนจากัดมีส่วนต่ากว่ามูลค่าหุ้น ต้องนาส่วนเกิน
มูลค่าหุ้นทุน (ขั้นที่ 2) และส่วนเกินทุนจากการลดทุน (ขั้นที่ 3) มาหักล้างขาดทุน
สะสมได้
59. ตัวอย่างที่ 14 : บริษัท เค จากัด มีรายการเกี่ยวกับส่วนของผู้ถือหุ้น ดังนี้
หุ้นสามัญ 30,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท(จดทะเบียน 50,000 หุ้น) 300,000
หุ้นบุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพได้ 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท 100,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ (1,000×20) 20,000
กาไรสะสม 90,000
510,000
สมมติมีผู้นาหุ้นบุริมสิทธิจานวน 500 หุ้น มาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ
การบันทึกบัญชี
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการแปลงสภาพหุ้นบุริสิทธิแต่ละกรณี เช่น
60. กรณีที่ 1 : ถ้ากาหนดให้หุ้นบุริสิทธิ 1 หุ้น แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้10 หุ้น
เดบิต ทุนหุ้นบุริสิทธิ (500×100) 50,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ 10,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ (500×10×10) 50,000
ส่วนเกินทุนจากการแปลงสภาพ - 10,000
หุ้นบุริสิทธิ
61. กรณีที่ 2 : ถ้ากาหนดให้หุ้นบุริสิทธิ 1 หุ้น แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้12 หุ้น
เดบิต ทุนหุ้นบุริสิทธิ (500×100) 50,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ 10,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ (500×12×10) 60,000
กรณีที่ 3 : ถ้ากาหนดให้หุ้นบุริสิทธิ 1 หุ้น แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้15 หุ้น
เดบิต ทุนหุ้นบุริสิทธิ (500×100) 50,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ 10,000
กาไรสะสม 15,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ (500×15×10) 75,000
62. การแตกหุ้นและการรวมหุ้น
การแตกหุ้น (Stock Split – up)
ในกรณีที่หุ้นของบริษัทมีราคาตลาดค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทาให้การซื้อขาย
หุ้นในตลาดขาดสภาพคล่อง บริษัทอาจพิจารณาแตกหุ้นเพื่อลดราคาให้ต่าลง โดย
เรียกหุ้นจากผู้ถือหุ้นกลับคืนมาเพื่อยกเลิก และออกใบหุ้นให้ใหม่ในจานวนหุ้นที่
เพิ่มขึ้นแต่มีมูลค่ารวมเท่าเดิมเช่น บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น
มูลค่าหุ้นละ 100 บาท บริษัทประกาศแตกหุ้นในอัตรา 1 : 20 จะต้องออกหุ้นใหม่
จานวน (10,000×20) = 200,000 หุ้น ดังนี้
63. จานวนหุ้น มูลค่าหุ้น มูลค่ารวม
ใบหุ้นเดิมที่ยกเลิก 10,000 100 1,000,000
ใบหุ้นที่ออกให้ใหม่ภายหลังการแตกหุ้น 200,000 5 1,000,000
การรวมหุ้น(Stock Split – down)
การรวมหุ้น วิธีการรวมหุ้นจะเหมือนกับการแตกหุ้นคือบริษัทจะเรียกหุ้นจากผู้ถือ
หุ้นกลับคืนมาเพื่อยกเลิก และออกใบหุ้นให้ใหม่ในจานวนหุ้นที่ลดลงแต่มีมูลค่า
รวมเท่าเดิม เช่น
บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
บริษัทประกาศรวมหุ้นในราคา 10 : 1 จะต้องออกหุ้นใหม่จานวน (100,000 ÷ 10)
= 10,000 หุ้น ดังนี้
64. จานวนหุ้น มูลค่าหุ้น มูลค่ารวม
ใบหุ้นเดิมที่ยกเลิก 100,000 10 1,000,000
ใบหุ้นที่ออกให้ใหม่ภายหลังการแตกหุ้น 10,000 100 1,000,000
บริษัทอาจบันทึกการแตกหุ้นและการรวมหุ้นไว้ในบัญชี หรือเพียงแต่
บันทึกทรงไว้ โดยทั้ง 2 กรณีต้องบันทึกรายการเปลี่ยนแปลงไว้ในทะเบียนผู้ถือ
หุ้น เพื่อแสดงรายละเอียดการแลกเปลี่ยนหุ้นเดิมกับหุ้นใหม่ โดยการแตกหุ้นและ
การรวมหุ้นข้างต้นถ้าบันทึกบัญชีจะปรากฏรายการเหมือนกันดังนี้
เดบิต ทุนหุ้นสามัญ (ที่ยกเลิก) 1,000,000
เครดิต ทุนหุ้นสามัญ 1,000,000
(ที่ออกใหม่ภายหลังการแตก/รวมหุ้น)