ว่าด้วย คนร้องไห้ถึงคนตายเป็นคนโง่เขลา พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภกุฎุมพีผู้หนึ่งซึ่งลูกตาย จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า ในพระนครสาวัตถี บุตรน้อยน่ารักของกุฎุมพีผู้เป็นพุทธอุปฐากคนหนึ่งได้ตายลง กุฎุมพีเพียบด้วยความเศร้าโศกถึงบุตร ไม่อาบน้ำ ไม่บริโภคอาหาร ไม่ดูแลการงาน ไม่ไปที่บำรุงพระพุทธเจ้า บ่นเพ้ออยู่อย่างเดียวว่า ลูกรักเจ้าจากพ่อไปก่อนแล้วเป็นต้น. พระศาสดาตรวจดูสัตวโลกเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นอุปนิสัยโสดาปัตติผลของกุฎุมพีนั้น ครั้นรุ่งขึ้น พระองค์ทรงแวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี พอฉันเสร็จทรงส่งภิกษุทั้งหลายกลับ พระองค์ทรงมีพระอานันทเถระเป็นปัจฉาสมณะ ได้เสด็จไปที่ประตูเรือนกุฎุมพีนั้น คนทั้งหลายบอกแก่กุฎุมพีว่า พระศาสดาเสด็จมา. ลำดับนั้น คนในเรือนของกุฎุมพีได้ปูลาดอาสนะ แล้วนิมนต์พระศาสดาให้ประทับนั่ง ช่วยกันประคองกุฎุมพีมาเฝ้าพระศาสดา กุฎุมพีถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง. พระศาสดาทรงใช้พระวาจาเยือกเย็น กอปรด้วยพระกรุณาทักทายแล้วตรัสถามว่า อุบาสก ท่านเศร้าโศกถึงบุตรน้อยหรือ? เมื่อกุฎุมพีกราบทูลว่า ถูกแล้ว พระเจ้าข้า. พระองค์ตรัสว่า อุบาสก โบราณกบัณฑิต เมื่อลูกตายก็เพียบด้วยความเศร้าโศกเที่ยวไป ครั้นได้ฟังถ้อยคำของบัณฑิตรู้โดยถ่องแท้ว่า เป็นฐานะที่ไม่ควรจะได้ แล้วก็มิได้เศร้าโศกแม้น้อยหนึ่งเลย กุฎุมพีนั้นทูลอาราธนาให้ตรัสเรื่องราว แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้