1. โรคถุงลมโป่ งพอง
เสนอ
อ.ฉวีวรรณ นาคบุตร
ผู้จัดทำ
นายคมสันต์ เบญจญาติ เลขที่ 2
นายนพวิทย์ ฐิติจนทวัฒน์ เลขที่ 3
ั
่
นายสุ รเชษฐ อยูถาวร เลขที่ 5
ม.4/3
โรงเรียนบ้ ำนสวน(จั่นอนุสรณ์ )

2. โรคถุงลมโป่ งพอง
โรคถุงลมโป่ งพอง
สาเหตุของโรคถุงลมโป่ งพอง
อาการของโรคถุงลมโป่ งพอง
การปองกันโรคถุงลมโป่ งพอง
้
การรั กษาโรคถุงลมโป่ งพอง

3. โรคถุงลมโป่ งพอง
โรคถุงลมโป่ งพอง
(Pulmonary Emphysema)
เป็ นโรคที่มีภาวะของการอุดกัน้
อย่างเรื อรังของหลอดลมทัวปอดทัง้
้ ่
2 ข้ าง โดยมีพยาธิสภาพเกิดขึ ้นที่
หลอดลมขนาดเล็กและที่ถงลม โดย
ุ
สาเหตุสาคัญของ โรคถุงลมโป่ ง
พอง มาจากการสูบบุหรี่ อย่าง
ต่อเนื่องเป็ นเวลานาน

4. สาเหตุของโรคถุงลมโป่ งพอง
เกิดจากการหายใจเอามลภาวะที่เป็ นพิษ ในรูปของก๊ าซหรื อฝุ่ น
อย่างเช่นควันบุหรี่ และควันจากการเผาไหม้ เข้ าไปก่อให้ เกิดอาการ
อักเสบ และการทาลายระบบทางเดินหายใจ มีเพียงส่วนน้ อยที่เป็ น
ความผิดปกติแต่กาเนิดจากการขาดเอนไซม์

5. อำกำรของโรคถุงลมโป่ งพอง
ผู้ที่เป็ น โรคถุงลมโป่ งพอง ใน
ขันต้ นจะไม่คอยปรากฎอาการมาก
้ ่
นัน โดยมีอาการทัวไปคือ ไอเรื อรัง มี
้ ่ ้
เสมหะ เป็ นหวัดง่าย เหนื่อย คอ
อักเสบ หลอดลมอักเสบบ่อย ๆ และ
หายยาก ต่อมาจะหอบเหนื่อย
เพราะได้ รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
หายใจมีเสียง หายใจลาบาก เพราะ
หลอดลมตีบขึ ้น อาการจะมากขึ ้น
ตามการเสื่อมของถุงลมในปอด

6. การปองกันโรคถุงลมโป่ งพอง
้
โรคถุงลมโป่ งพอง สามารถปองกันได้ ด้วย
้
การงดสูบบุหรี่ รวมทังหลีกเลี่ยงการทางาน และ
้
การเข้ าไปอยูในบริ เวณที่มีควันพิษ หรื อในที่ที่มี
่
ผู้สบบุหรี่ และแม้ วา โรคถุงลมโป่ งพอง นี ้ จะทา
ู ่
ให้ เกิดโรคเมื่อมีอายุมากก็ตาม แต่ผ้ ที่เสี่ยงต่อ
ู
การเกิดโรคควรรับการตรวจสมรรถภาพปอด
เพราะหากตรวจพบ โรคถุงลมโป่ งพอง ในระยะ
เริ่ มแรกก็อาจหลีกเลี่ยง หรื อปองกันได้
้

7. กำรรักษำโรคถุงลมโป่ งพอง
ปั จจุบนยังไม่มีการรักษาใดที่สามารถทาให้ โรคถุงลมโป่ งพอง หายได้ แต่การใช้ ยาจะ
ั
ช่วยให้ ผ้ ป่วยมีอาการดีขึ ้นและปอดถูกทาลายช้ าลง โดยยาที่รักษา โรคถุงลมโป่ งพอง คือ
ู
ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ
มีทงชนิดกิน ฉีด และพ่น ปั จจุบนนิยม
ั้ ั ใช้ เมื่อมีเสมหะเหนียว และมีเสมหะ
ใช้ ยาพ่นที่ออกฤทธิ์นาน ส่วนยาพ่น มาก ผู้ป่วยควรทานน ้าให้ มากขึ ้น
ชนิดออกฤทธิ์เร็วมักใช้ ในกรณีที่ผ้ ป่วย
ู เพราะน ้าเป็ นตัวละลายความเหนียว
เริ่มหอบ ของเสมหะได้ ดีที่สดุ

8. ยาสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ
มักใช้ ในกรณีที่ผ้ ป่วย โรคถุงลม
ู จะใช้ กรณีพบว่ามีการอักเสบ
โป่ งพอง มีอาการรุนแรง หรื อมี ติดเชื ้อของระบบทางเดิน
อาการหลอดลมอักเสบร่วมด้ วย หายใจ พบการอักเสบของ
เพราะยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ต้าน หลอดลม โดยผู้ป่วยจะไอมี
การอักเสบได้ ดี แต่ไม่นิยมใช้ เสมหะมากขึ ้น และเสมหะ
ต่อเนื่องเป็ นเวลานาน เพราะมี เปลี่ยนจากสีขาวเป็ นสีเหลือง
ผลข้ างเคียงมาก ปั จจุบนนิยมใช้
ั หรื อสีเขียว หรื อเป็ นหนอง
ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นมากกว่า
ชนิดรับประทานหรื อฉีด