2. การเรียงลาดับคู่เบสมีความแตกต่างกันหลายแบบ ทาให้ DNA แต่ละโมเลกุล
แตกต่างกันที่ลาดับและจานวนของคู่เบสทั้งที่มีเบสเพียง 4 ชนิด คือ เบสA
เบส T เบส C และ เบส G
จึงเป็นไปได้ว่าความแตกต่างกันทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ลาดับและ
จานวนของเบสใน DNA หลักฐานที่ DNA เกี่ยวข้องกับการแสดงลักษณะ
ทางพันธุกรรม
จากการศึกษาโครงสร้างของ DNA ที่ผ่านมาพบว่าโครงสร้างของ DNA
ประกอบด้วยพอลินิวคลีโอไทด์สองสายที่มีความยาวนับเป็นพันเป็นหมื่นคู่เบส
ฉวีวรรณ นาคบุตร
19. การสังเคราะห์ RNA โดยมี DNA เป็นแม่พิมพ์จะคล้ายกับการ
สังเคราะห์ DNA แต่การสังเคราะห์ RNA ใช้ DNA เพียงสาย
เดียวเป็นแม่พิมพ์ ใช้เอ็นไซม์ อาร์เอ็นเอ พอลิเมอเรส (RNA
polymerase) และ ไรโบนิวคลีโอไทด์ 4 ชนิด คือ
ไรโบนิวคลีโอไทด์ที่มีเบส A ไรโบนิวคลีโอไทด์ที่มีเบส C
ไรโบนิวคลีโอไทด์ที่มีเบส G และ ไรโบนิวคลีโอไทด์ที่มีเบส U
ฉวีวรรณ นาคบุตร
22. ขั้นการต่อสายยาว ไรโบนิวคลีโอไทด์ที่มีเบสที่เข้าคู่กับนิวคลีโอไทด์ของ DNA
สายแม่พิมพ์คือเบส C เข้าคู่กับ G และเบส U เข้าคู่กับ A จะเข้ามาจับกับ
นิวคลีโอไทด์ของ DNA สายแม่พิมพ์ เอนไชม์ RNA พอลิเมอเรสจะเชื่อม
ไรโบนิวคลีโอไทด์อิสระมาต่อกันเป็นสายยาว โดยมีทิศทางการสังเคราะห์สาย
RNA จากปลาย 5 ไปยังปลาย 3 และการสร้างสาย RNA นั้น จะเรียง
สลับทิศกับสาย DNA ที่เป็นแม่พิมพ์
ฉวีวรรณ นาคบุตร
37. DNA แต่ละโมเลกุลแตกต่างกันที่ลาดับเบส ซึ่งมีเพียง 4 ชนิด คือ
A T C G
ถ้ามีนิวคลีโอไทด์ 2 โมเลกุลเรียงต่อกัน ลาดับเบส 4 ตัว นี้จะ
แตกต่างกัน เท่ากับ 42 = 16 แบบ
ได้แก่ AA AT AC AG
TT TA TC TG
CC CA CT CG
GG GA GC GT